หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

หวัดดีท่านเจ้าบ้านและสมาชิกทุกท่านครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอด คุณbat119 คุณดินระเบิด(ใจดี)
คุณkang_som คุณปัทมินทร์และสมาชิกทุกท่าน
วันนี้ผมรีบไปรับ4หู5ตาองค์ใหญ่อีก1องค์ เกรงว่าคุณดินระเบิดเปลี่ยนใจ

 

ยินดีด้วยครับ พี่เค้าใจดีจริงครับ Confirm อิอิอิ....

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน

 

สวัสดีสมาชิกทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ

 

เก็บไว้เถอะครับ ต่อไปคงหากันไม่ได้ กว่าจะสร้างอีกครั้ง คงอีกนานครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีท่านทุเรียนและสมาชิกทุกท่านครับ วันที่ 22ผมติดธุระไม่สามารถไปกฐินวัดเทพธารทองได้ จึงขอโอนเงินเข้าบัญชีคุณสิรภพเป็นจำนวนเงิน 1008 บาท ช่วยเป็นสะพานบุญให้ผมด้วยนะครับ ส่วนท่านที่จะร่วมบุญกฐินวัดถ้ำโบสถ์กับพระอาจารย์สมเดช วันที่ 23 ก็ขอเชิญนะครับ หากไม่สะดวกผมอาสาเป็นสะพานบุญให้นะครับ บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรบินสันจันทบุรี เลขที่ 854-2-00401-3 นายไพบูลย์ เกษมพัฒนะโภคิน โอนแล้วช่วยโทรบอกด้วยครับ 081-9274397 ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ

 

สวัสดีครับพี่ๆศิษย์ปู่พิศทุกคน

ขอรบกวนช่วยลงประวัติ 4 หู 5 ตา และประสบการณ์ ไว้เป็นวิทยาทานให้ศึกษาหน่อยครับ น่าสนใจมาก

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมได้ระลึกถึงและอาราธนาบารมีหลวงปู่พิศและท่านพ่ออุปคุตมาช่วยคลี่คลายปัญหาบางประการ และก็สัมฤทธิ์ผลสมความปรารถนาทุกประการจริงๆครับ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ) ส่วนตัวเจอปาฏิหาริย์มาหลายครั้งจนทุกวันนี้มั่นใจว่า ยามที่เราตกที่นั่งลำบากจริงๆ (ย้ำว่าจริงๆเท่านั้น) เมื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่เรากราบไหว้บูชา จะเป็นองค์ใดก็ดี ความอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้น แม้กระทั่งผลบุญที่เราได้สั่งสมมา หากว่าเราระลึกถึงความดี ยามที่เราตกที่นั่งลำบาก ผลบุญคุณงามความดีเหล่านั้นก็จะอำนวยอวยพร ช่วยเหลือเราได้ดีเช่นเดียวกัน


วันนี้ได้ฟังเทศนาขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ผมจำได้ติดหู มีอยู่ว่า

"เรื่องจิต รองลงมาจากหลวงปู่มั่น ก็มีท่านอาจารย์ฝั้น กับท่านอาจารย์ลีนะ จิตพุ่งแรงนะ อาจารย์ลี นี่..อืม เวลาเสกน้ำมนต์ จิตพุ่งแรงมากนะ ท่านอาจารย์ลี บางองค์ เวลาเสก จิตจะชุ่มเย็นนะ ครอบคลุมทั่วถึงเหมือนกัน แต่ความแรงของจิตต่างกันนะ บางคนไม่เข้าใจท่านอาจารย์ลี เห็นท่านจับนู่น จับนี่เฉยๆ ไม่ได้เสก แต่ไม่ใช่นะนั่นน่ะ"

"อย่างท่านอาจารย์ฝั้น ท่านเคยเล่าให้เราฟังเองว่า ขณะนั่งภาวนาอยู่ ได้ยินเสียงนกฮูก ร้องส่งเสียงอยู่บนต้นไม้ ส่งเสียงร้องนาน ท่านจึงกำหนดจิตขึ้นไปดู พอขึ้นไปดู นกฮูกมันก็ตกใจตกลงมากองบนพื้นดินข้างล่าง ทำท่าเหมือนจะไม่รอดนะ ท่านอาจารย์ฝั้นท่านก็สลดใจ แล้วก็ช่วยมันนะ พอจับมันขึ้นมา มันก็รีบบินหนีไปเลย (หลวงตาหัวเราะ)"

สำหรับพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่พิศดูนั้น ท่านเป็นศิษย์ที่ท่านพ่อลีเคยตอบคำถามพระผู้เป็นศิษย์ว่า "หมดจากเราแล้ว ให้ไปหาท่านพิศดูนะ"

พลังจิต บารมีทั้งภูมิอรรถภูมิธรรมของหลวงปู่พิศดูนั้น เป็นที่ทราบของบรรดาพระอริยเจ้า และเป็นที่ประจักษ์ของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายเช่นเดียวกัน องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่แบน ธนากโล เจ้าอาวาสวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร ยังเคยกล่าวเอาไว้ว่า "หลวงปู่พิศดู เป็นเสือซ่อนเล็บนะ"

ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วขององค์หลวงปู่ วัตถุมงคลทุกชิ้นที่หลวงปู่เมตตาเสกสรรค์ จึงเป็นสิ่งที่ประเมินค่าเป็นราคามิได้ เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ รวมเป็นหนึ่งเดียวที่มีอยู่ในจิตพระอริยเจ้า

ดังนั้นขอให้เป็นสิ่งที่หลวงปู่ทิ้งเอาไว้ให้ จะเป็นคำสอน หรือวัตถุมงคลก็ดี ด้วยเมตตาบารมีของหลวงปู่ หวังให้ศิษย์ทั้งหลายมีจิตใจที่ดี เยือกเย็นชุ่มฉ่ำ มีสติ และได้สร้างบารมีของตนจนกว่าจะถึงซึ่งพระนิพพานเป็นที่สุด

 

ความหมายของแมงสี่หูห้าตา

ตามตำนาน "แมงสี่หูห้าตา" ฉบับครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาอธิบายว่า จำนวนสี่หูและห้าตานั้นแสดงถึงหลักธรรมทางพุทธศาสนา คือพรหมวิหาร 4 และศีล 5 ตามลำดับ เป็นการให้คติแก่พุทธศาสนิกให้พึงรักษาและปฏิบัติหลักธรรมดังกล่าว

ตำนานแมงสี่หูห้าตา

ตำนานของแมงสี่หูห้าตานั้น เป็นตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดพระธาตุดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงราย ในส่วนนี้ เป็นตำนานของแมงสี่หูห้าตาตามฉบับที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งเป็นตำนานฉบับวัดดอยเขาควายแก้วของจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นเรื่องราวของ "อ้ายทุกคตะ" มีความว่า

ในอดีตกาล ประมาณ ๑,๐๐๐ กว่ามีมาแล้ว มีเมืองหนึ่งที่ชื่อว่า "นครพันธุมติ" โดยมีเจ้าเมือง "พระเจ้าพันธุมติราช" เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง ในการปกครองเมืองนั้น ปกครองกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีปัญหาต่าง ๆ มาวุ่นวาย มเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชนั้น มีพระมเหสีอยู่ทั้งหมด ๗ พระองค์

ในเมืองนี้ มีครอบครัวคนจนอยู่ มี ๓ พ่อแม่ลูก ออกขอทานหาช้าวกินค่ำ ลูกคนนี้มีชื่อว่า "อ้ายทุกคตะ" เมื่อเขามีอายุ แค่เพียง ๔ ขวบ แม่ก็มาด่วนจากเสียชีวิตไป การออกขอทานของอ้ายทุกคตะนั้น ก็มีทั้งชาวบ้านที่ใจดีที่ยอมให้ทานและชาวบ้านที่ไม่ชอบหน้าได้ขับไล่ไปก็มี เมื่ออ้ายทุกคตะมีอายุได้ ๑๒ ปี พ่อก็ให้ลูกไปรับจ้างเลี้ยงวัวเลี้ยงควายของผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของเมืองนี้ แต่ไม่กี่ปี พ่อก็มาป่วยหนัก คิดว่าจะไม่รอด จึงอบรมและสั่งเสียให้อ้ายทุกคตะเป็นคนดีมีศิลธรรม เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ เมื่อพ่อเสียชีวิต ให้ฝังศพไว้ที่ป่า จนกว่าหัวกะโหลกของพ่อจะหลุด แล้วนำมาไหว้สัการะบูชาที่บ้าน เมื่ออายุ ๑๗ ปี ก็ให้ลากหัวขึ้นดอย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถ้าหัวติดตรงไหน ก็ให้ฝั่ง แล้วทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ตรงนั้น ถ้าสัตว์ตัวใดมาติดบ่วงแร้ว ให้จับมาเลี้ยงไว้

หลังจากนั้นพ่อก็เสียชีวิตลง อ้านทุกคตะทำตามคำสั่งเสียของพ่อทุกอย่าง จนกระทั่ง เมื่อมาดูศพของพอแล้ว หัวหลุด จึงทำตามคำสั่งเสียของพ่อ และเมื่อถึงเวลา อ้ายทุกคตะลากหัวพ่อจนไปติดที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง จึงได้ทำบ่วงแร้วดักจับสัตว์ที่นั่น และหลังจากนั้น ๒-๓ วัน เมื่ออ้ายทุกคตะมาดู ปรากฏว่า มีสัตว์ประหลาดมาติดบ่วงแร้ว ลักษณะตัวดำ ต่ำอ้วนเหมือนหมี ขนยาวสีดำ มีหู ๔ หู และ มีตา ๕ ตา จึงเป็นชื่อเรียกของ "แมงสี่หูห้าตา" นั่นเอง

อ้ายทุกคตะได้เห็นแมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วนั้น ก็ไหว้ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ ทำให้ตนเข้าใจว่า เป็นพ่อได้กลับมาเกิดเป็นแมงตัวประหลาดตัวนี้ หลังจากนั้น เขาก็นำแมงสี่หูห้าตาไปเลี้ยงที่บ้าน และล้อมคอกไว้โดยไม่ให้ใครเห็น เอาข้าวเอาน้ำให้มันกิน แต่มันก็ไม่ยอมกินอะไรที่เขาให้เลย และเขาก็ไม่มีเวลามาดูแลหรือให้ความสนใจกับแมงสี่หูห้าตามากนัก เพราะต้องเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามปกติ

ในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เมื่ออ้ายทุกคตะกลับมา ก็เอาไม้มาจุดไฟเพื่อก่อกองไฟ จนเป็นถ่าน และมีถ่านหนึ่งกระเด็นออกไปหาแมงสี่หูห้าตา ด้วยความหิวกระหาย มันจึงกินถ่านไฟแดงตรงนั้น อ้ายทุกคตะเกิดความแปกใจ จึงก่อกองไฟและเขี่ยถ่านให้แมงสี่หุห้าตากินอย่างไม่ขาด วันต่อมา แมงสี่หูห้าตาได้ถ่ายขี้ออกมาเป็นทองคำจำนวนมาก เมื่อคิดได้เช่นนั้น ในแต่ละวัน อ้ายทุกคตะจึงก่อกองไฟแล้วนำถ่านไฟแดงร้อน ๆ มาให้แมงสีหูห้าตากินอย่างไม่ขาด และมันก็ขี้ออกมาเป็นทองคำทุก ๆ วัน อ้ายทุกคะก็ขุดดินฝัง
ทองคำจนเต็มไร่เต็มสวน

ต่อมา ก็มีข่าวการเผยโฉมของ "พระนางสีมา" พระราชธิดาของพระเจ้าพันธุมติราช ซึ่งเป็นพระราชธีดาที่มีรูปโฉมสวยงาม จนเหล่าบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ หลายร้อยเมือง มาขอเป็นมเหสี (ขอแต่งงาน) พระเจ้าพันธุมติราชจึงตัดสินใจว่า ถ้าต้องการพระนางสีมาเป็นมเหสี ให้สร้างรางรับน้ำฝนทองคำจากบ้านมายังปราสาท ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ยาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงทำให้เรื่องนี้เงียบหายไป แต่อ้ายทุกคตะก็ได้ทราบถึงเรื่องนี้ด้วย จึงไปจ้างช่างทำรางรับน้ำฝนไปสร้างด้วยทองคำ และสร้างจากบ้านมายังปราสาท

หลังจากนั้น ทำให้ชาวบ้านในเมืองได้เห็นสิ่งที่หน้าประหลาด นั้นคือ รางรินน้ำทองคำ ก่ายพาดตามทาง ยาวสุดลูกหูลูกตา เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชทรงทราบ จึงให้เสนาอำมาตย์ ไปติดตาม พบว่า รางน้ำนั้นมาจากบ้านของอ้ายทุกคตะ พระเจ้าพันธุมติราชจึงสั่งการให้ทำถนนเป็นอย่างดีไปจนถึงบ้านของอ้ายทุกคตะ เมื่อได้ฤกษ์ยามที่ดี อ้ายทุกคตะจึงได้อภิเษกสมรสกับพระนางสีมา และจัดแต่งองค์ให้กับอ้ายทุกคตะ

หลังจากที่อ้ายทุกคตะได้อภิเษกสมรสมาเป็นบุตรเขยแล้ว พระเจ้าพันธุมติราชจึงถามเรื่องทองคำว่าได้มาจากไหน เขาก็ตอบว่าได้มาจากแมงสี่หูห้าตา พระราชาจึง สั่งให้ไปขุดทองที่บ้านในสวนจนหมด ใช้เวลา ๗ วัน ๗ คืนกว่าจะขุดได้หมด เพื่อเอาทองคำมาเป็นทรัพย์สมบัติ เมื่อถามถึงเรื่องตัวของแมงสี่หุห้าตาแล้ว จึงขอให้อ้ายทุกคตะไปเอาตัวมันมา แต่มันกลัวพระเจ้าพันธุมติราช จึงหลุดหนีออกไป พระราชาจึงสั่งให้เสนาอำมาตย์ไปตามจับมา ซึ่งหนีได้ ๒ ครั้ง และครั้งที่ ๓ จับได้จึงใส่กรง

วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าพันธุมติราชต้องการจะสัมผัสตัวแมงสี่หูห้าตา เมื่อเปิดกรงออก มันจึงหนีออกจากกรง พระราชาจึงวิ่งตาม จนมาถึงหน้าถ้ำซึ่งเป็นที่ ๆ แมงสี่หูห้าตาเคยติดบ่วงแร้วไว้ครั้งก่อน พระราชาคิดว่าแมงสี่หูห้าตาวิ่งหนีเข้าไปในถ้ำ จึงตามเข้าไป ทำให้ถ้ำเกิดดินถล่มปิดปากทำ พระเจ้าพันธุมติราชจึงถูกขับอยุ่ในถ้ำ พวกเสนาอำมาตย์จึงหาไม่เจอ

พระเจ้าพันธุมติราชที่ถูกขังอยู่ในถ้ำนั้น ก็ได้แต่โทษตัวเองว่า ด้วยความโลภเพราะอยากได้แมงสี่หุห้าตา จึงถูกกักขังไว้ในถ้ำแห่งนี้ และคาดว่าจะสวรรคต เมื่อถ้ำแตกออกเป็นรูเล็ก ๆ จึงเรียกพวกเสนาอำมาตย์ให้ไปตามพระมเหสีทั้ง ๗ มา และสั่งให้ ทั้ง ๗ คนพากันสละความอายด้วยการเปิดผ้าถุงให้เห็นสรีระและอวัยวะภายในของมเหสีทั้ง ๗ ให้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนสวรรคต พระมเหสีของพระเจ้าพันธุมติราชต่างเกี่ยงกันไปเกียงกันมาด้วยความอาย ไม่กล้าเปิดผ้าถุง แต่แล้ว พระมเหสีเมียน้อยคนที่ ๗ จึงตัดสละความอาย เปิดผ้าถุงให้ดู ทำให้เห็นอวัยวะเพศหญิงจึงเกิดสิ่งมหัศจรรย์ มีเสียงหัวเราะจากถ้ำทำให้ปากถ้ำเปิดพระเจ้าพันธุมติราชหนีรอดออกมาได้ และสวมกอดมเหสีคนที่ ๗ ว่าต่อไปนี้พี่จะรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงต่อไป ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ชายหลงรักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวงนั่นเอง

เมื่อทั้งหมดกลับเมือง ก็มีความสงบสุขเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยไม่ได้พูดถึงแมงสี่หูห้าตาอีกเลย จนกระทั่งพระเจ้าพันธุมติราชได้สละราชสมบัติให้กับอ้ายทุกคตะซึ่งเป็นบุตรเขยได้สืบราชวงค์ต่อไป และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "พระยาธรรมมิกะราช" และมีการเฉลิมฉลองนับ ๗ วัน ๗ คืน มีพระสงฆ์มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา แล้วนำพระบรมพุทธสารีริกธาตุนิ้วก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้ามาถวาย ในฐานะที่เป้นเจ้าเมือง พระยาธรรมมิกะราชจึง โปรดให้สร้างวัดวาอารามต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และได้สร้างวัดดอยเขาควายแก้วโดยนำเอาพระบรมพุทธสารีริกธาตุวก้อยข้างซ้ายของพระพุทธเจ้าบรรจุใส่ไว้ในเจดีย์ของวัดดอยเขาควายแก้วอีกด้วย วัดนั้น สร้างตรงยอดดอยที่มีถ้ำที่แมงสี่หูห้าตามาติดบ่วงแร้วได้ที่นั่น และเป็นวัดพระธาตุดอยเขาควายเก้วของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับประวัติของ แมงสี่หูห้าตา
ก้นฐานนี่ไม่ทราบว่าบรรจุอะไรบ้างครับ

 

ยินดีครับพี่ ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

ท่านใดอยู่ต่างจังหวัด มีโอกาสเดินทางมาร่วมบุญกฐินวัดเทพธารทอง ในวันที่ 22 ตุลาคม แล้ว อย่างเพิ่งรีบไปไหนนะครับ เพราะวันที่ 23 ตุลาคม(วันปิยะมหาราช) ที่วัดเขาถ้าโบสถ์ ของอาจารย์สมเดช ก็จะมีกฐินเช่นกัน จึงอยากขอเรีบนเชิญทุกท่าน ไปร่วมบุญกฐินของทั้งสองวัดนะครับ ได้บุญใหญ่ตั้งสองต่อเลยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...



.

 

ความหมายของแมงสี่หูห้าตา

ตามตำนาน "แมงสี่หูห้าตา" ฉบับครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาอธิบายว่า จำนวนสี่หูและห้าตานั้นแสดงถึงหลักธรรมทางพุทธศาสนา คือพรหมวิหาร 4 และศีล 5 ตามลำดับ เป็นการให้คติแก่พุทธศาสนิกให้พึงรักษาและปฏิบัติหลักธรรมดังกล่าว

ตำนานแมงสี่หูห้าตา


ได้อ่านเรื่องราว ตำนานสี่หูห้าตาแบบต้นฉบับแล้ว ได้ความรู้ขึ้นอีกมากเลยครับ ขอบคุณท่านแกงส้มมากๆ


บางตำนานบอกอีกว่า สี่หูห้าตา คือพระอินทร์อวตาร..
ซึ่งมีสมัยหนึ่งที่พระพุทธเจ้าโคตมะ ทรงเสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่มที่มีฐานะยากจน มีอาชีพขายถ่าน เพื่อเลี้ยงดูมารดาด้วยความกตัญญู และมีจิตใจที่ดีงาม รักษาศีลตอดเวลา อยู่ต่อมาช่วงหลังๆการค้าขายถ่านค่อนข้างที่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ จนร้อนถึงพระอินทร์ทำให้ศิลาอาสน์แข็งกระด้าง พระอินทร์จึงส่องแว่นฟ้าลงมาดูโลก จึงทราบสาเหตุความเป็นไป จึงลงมาช่วย โดยอวตารเป็นลิง ที่มีหูสี่หู มีตาห้าตา เมื่อยามเช้าที่เตาถ่าน มานพหนุ่มมาพบเห็นเข้าก็ตกใจและแปลกประหลาด ที่ลิงมีสี่หูห้าตา เพราะความที่สงสารกลัวคนอื่นมาพบเห็นแล้วทำร้ายสี่หูห้าตา จึงได้พาไปเลี้ยงดูในโรงเก็บถ่าน ให้กินผลไม้หลายหลากเป็นอาหาร แต่สี่หูห้าตาไม่ยอมกิน จนมานพหนุ่มหมดปัญญาที่จะหาอะไรให้กิน จนแล้วจนเล่ามานพหนุ่มก็คล้อยหลับไป ในยามดึกสงัดมานพหนุ่มได้ยินเสียงเคี้ยวอะไรสักอย่างหนึ่งจึงแอบไปดูก็พบ สี่หูห้าตา นั่งกินถ่านอยู่เป็นจำนวนมากแทบจะหมดบ้าน แต่มานพก็มิว่าด้วยการใด ปล่อยให้สี่หูห้าตานั่งกินไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะอิ่ม แล้วก็กลับเข้านอนตามเดิม พอรุ่งเช้ามานพหนุ่มถึงกับตกใจ พบว่า สี่หูห้าตาไม่อยู่แล้ว มีแต่มูล(ขี้) ของสี่หูห้าตา ที่ถ่ายออกมาเป็นทองคำจำนวนมากมาย ตั้งแต่นั้นมา มานพหนุ่มนั้นก็ได้กลายเป็นอภิมหาเศรษฐี และไม่ลำบากยากจนอีกต่อไป ...ฯ








.

 

กฐิน วัดเทพธารทอง ​

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี เพื่อถวายบูชาพระอริยะบูรพาจารย์ แด่ องค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี เถระ​

ทอด ณ วัดเทพธารทอง
ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี​

# กำหนดการ #
'''''''''''''''''''
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2554 ​

เวลา 18.00 น. ตั้งองค์กฐิน
เวลา 19.00 น. สวดสมโภชน์องค์กฐิน
​

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2554

เวลา 7.30 น. ถวายภัตตาหาร แด่พระภิกษุสงฆ์
เวลา 9.30 น. โดยประมาณ เริ่มพิธีทอดกฐิน​

ประธานฝ่ายสงฆ์
พระอาจารย์สมหวัง ญาณสิริ​

ร่วมด้วยประธานฝ่ายฆราวาส
คณะลูกศิษย์ องค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี ทุกท่าน​

จึงขอเรียญเชิญทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพบุญใหญ่ครั้งนี้ ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 และขอบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ญาติธรรม และผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่พิศดูทุกท่าน ช่วยบอกบุญนี้ต่อๆ กันด้วย ​

หากท่านใดไม่สามารถมาร่วมงานได้ ขอให้อนุโมทนาบุญร่วมกัน​

หรือสอบถามรายละเอียดดังกล่าวได้ ตามเบอร์นี้
085-5065267 , 081-3401029​

ขออำนาจบารมีแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย องค์หลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยดลบันดาลปกปักรักษาท่านที่ร่วมทำบุญใหญ่ในครั้งนี้ จงมีแต่ความสุข สวัสดิ์ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูลผล และเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติทุกประการยิ่งๆขึ้นไป ทั้งทางโลกและทางธรรม ทุกภพทุกชาติตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ​

ขออนุโมทนา ในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ครับ สาธุ ๆๆ​

.​

 

สวัสดีทุกๆท่านนะครับ ขอติดตามอ่านด้วยคน ^ ^
โมทนากับงานกฐินนะครับ วัดเทพธารทองนี่เดินทางจากจันทบุรีไปยังไงเหรอครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีทุกท่านครับ

 

ใต้ฐานบรรจุเส้นเกศาและแผ่นยันต์และผงพุทธคุณทางเมตตามหาลาภครับมีโค๊ตและหมายเลขตอกทุกๆองค์ปลุกเสกแปดเดือนครับ

 

ยินดีต้อนรับคุณ ในนภา สู่กระดานนี้ครับ

วัดเทพธารทองนั้น หากเดินทางมาถึง จ.ระยอง ตรงเข้ามา ทางเส้นสุขุมวิทย์ เพื่อไปจ.จันทบุรี (ดูตามป้าย) จนกระทั่งเข้าเขตจ.จันทบุรี ให้ตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงสี่แยกเขาไร่ยา จะเห็นป้าย เลี้ยวขวาไปจันทบุรี เลี้ยวซ้ายไปคิชฌกูฏ ให้เลี้ยวซ้าย ลงไปอีกประมาณ 23 กิโลเมตร จะเห็นวิทยาลัยราชมงคล ให้ขับเลยไปอีก ประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นป้ายทางเข้าวัดเทพธารทอง อยู่ขวามือ เข้าซอยไปไม่ถึง 400 เมตร วัดอยู่ทางซ้ายมือครับ


หากมารถโดยสารประจำทาง บอกเขาว่า ให้ลงที่สี่แยกเขาไร่ยา พอลงรถแล้วแล้ว ให้ยืนรออยู่ฝั่งเดียวกัน จะมีรถ 2 แถว สีฟ้าๆผ่านมา เขียนว่า จันทบุรี-ทุ่งกบิล ให้ขึ้นรถคันนั้นไป บอกเขาว่า ลงที่วัดเทพธารทอง หากเขาไม่รู้จัก ก็บอกว่า ลงรถเลยจากราชมงคลกระทิงไป 1 กิโล แล้วเดินเข้าซอยตามป้ายไปครับ

สำหรับรถโดยสารที่มาจันทบุรีก็มี..
รถทัวร์ ที่หมอชิด , เอกมัย = ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

รถตู้โดยสาร ที่อนุเสารีชัยฯ วิน หน้าภัตตาคารพงหลี , วิน ข้างห้างเซ็นจูรี่ = ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง

 

รุ่นนี้ใครได้ไปถือมีวาสนามากครับ สี่หู้ห้าตา ปัจจุบันนี้หาผู้ทำได้ยากแล้วครับ

 

ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลของคุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->nuamnim1<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5259912", true); </SCRIPT> ด้วยครับ

 

หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ