ผมอยากจะถามไรหน่อยสิครับ

แค่ข้อความจากพระธรรมที่ทรงแสดงนี้ก็ต้องเรียนรู้เป็นที่สาหัส

เป้าหมายอย่างที่กล่าวไว้เป็นอนิสงค์นั้น เห็นจะปรากฏได้ก็กับผู้ที่ยอมรับตามความเป็นจริงและเพียรให้คุณธรรมทั้งหลายปรากฏยิ่งขึ้นไป จะช่วยให้ปรากฏการณ์ที่คุณว่าเป็นผลปรากฏได้จริงมากกว่านะครับ

ตอนนี้มีศาสนาพุทธอยู่ ได้รับข้อมูลมาบวกกันเข้าไป แต่กรณีเกิดในยุคที่ไม่ได้พบ อีกเรื่องเลยนะครับ กรณีเรื่องของธัมสัญญาของวิริยะธิกะพิเศษ ที่คุณบอกมาว่าจะรู้ได้เอง นั่นแหละครับ ถ้ายังไม่เพียรทำความเข้าใจให้แจ่มชัดด้วยเหตุล่ะผล จะเสียโอกาสจากศาสนานี้ไปอย่างน่าเสียดายมาก ๆ และยาวนานเหลือเกิน

เพราะต้องทำใจไว้ด้วยว่า พระพุทธเจ้าบางพระองค์ก็ไม่ได้แสดงธรรมไว้มากขนาดนี้ เรื่องจะเนียน จะยัดใส้อะไรเข้าไปให้แนบเนียนของเหล่าเวไนยรุ่นหลัง อาจจะทำไม่ได้เพราะไม่มีโอกาสก็เป็นได้ พระองค์โคตมะนี้แสดงชาดกไว้ด้วย

ว่าแต่คุณทราบไหมว่า?
ถาม ข้อที่ 1 : ทำไมผู้คนที่เกิดในพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตร หลังถึงตรง

ถาม ข้อที่ 2 : ถามต่อจากข้อ 1 คือ สาเหตุดังกล่าว คือระยะเวลานาน ๆ ที่ทำให้คุณธรรมให้ปรากฏ ยิ่งนานเท่าไหร่หลังยิ่งตรง หรือเปล่าครับ?

ขอสองคำตอบ
1.ตอบไปตามธัมสัญญา แบบวิริยะธิกะพิเศษ (แบบมั่ว ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง คิดเอาเอง ไม่นับเป็นธัมสัญญานะครับ)
2.ตอบตามธรรมที่ทรงแสดงไว้ อ้างอิง พระกถา หากอ่านบาลีไม่ออก แปลไม่ได้ ก็ตอบตามพระไตรปิฏกที่แปลไว้ก็ได้ครับ

ลองพิสูจน์ดูนะครับ ธัมสัญญาของวิริยะธิกะพิเศษ กับพระธรรมเทศนาที่ทรงแสดงไว้แล้วจะเหมือนกันไหม?

 

อัครสาวก หมายถึง พระภิกษุที่เป็นพระอรหันต์ที่เลิศ
อัครสาวิกา หมายถึง พระภิกษุนีที่เป็นพระอรหันต์ที่เลิศ

 

โอ้โห จัดมาชุดใหญ่เลยนะครับ

แต่ต้องขอโทษด้วย นะครับ คำถามที่ถามมานั้นยากเกินความรู้ความสามารถของผมจะไปตอบได้ครับ

ขืนผมตอบไปแบบมั่วๆ คนอ่านคงไม่ได้ประโยชน์อะไร

ถ้าจะด่าว่าโง่ ก็ขอยอมรับครับ แล้วก็แถมขี้เกียจด้วยครับ

ไปก่อนล่ะครับพี่น้องครับ

 

การถกข้อธรรมทั้งหลาย เป็นวิสัยของบัณฑิตทั้งหลาย หากแม้นตอบผิดอย่างไร ยังมีประโยชน์ได้อยู่
สำหรับข้อคำถามที่ข้าพเจ้าถามไปนั้น ในฎีกาพระมาลัยก็มีกล่าวไว้เช่นกัน เรื่องหลังตรง ไม่มีคนค่อม หน้าตาคนในยุคนั้นเหมือนกัน ฝนตกทุก 15 วัน แผ่นดินราบเรียบเสมอกัน และอื่น ๆ ล้วนมีเหตุ และได้แสดงเอาไว้แล้ว

ทั้งนี้สรุปแล้ว เหตุทั้งหลาย ไม่มีที่เกี่ยวกับเวลาเลยซักข้อครับ

เรื่องของการแยกประเภทนี้ ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ประเภทใด
ปัญญาธิกะ
ศรัทธาธิกะ
วิระยะธิกะ

เรื่องราวในสมัยสุเมธดาบส มีอยู่ในพระไตรปิฏก ข้อความมีอยู่ตอนนึงกล่าวถึงการบรรลุอรหัตผล พร้อมอภิญญา 6 และปฏิสัมภิทาญาณ ได้อ้างถึงการบรรลุอรหัตผลของพระโพธิสัตว์ที่ต่างกันคือ บรรลุในเบื้องต้นของกถาธรรมเทศนา บรรลุก่อนจบกถาธรรมเทศนา และสามารถบรรลุได้เมื่อจบพระธรรมกถาแล้ว นี้คือการจัดประเภทอีกวิธีหนึ่ง

ส่วนรุ่นหลังนี้หากจะนับมายึดถือได้ 100% มันคุ้มหรือที่จะไปวัดกับสัพพัญญุตญาณ

 

สู้ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ : )))

 

คือผมขอตรงๆนะครับผมไม่ได้ว่าคุณ ผมว่ากิเลสบางตัวที่ คุณติดอยู่มันอยากให้มากกว่าอัครสาวกปกติครับ ไม่ต้องอารามบทเยอะมาความอยากทำมากเพื่อ ? 1.ฤทธิ์ 2.หมดกิเลส
ผมว่าจะหนักไปข้อ1 ถ้าคุณเอาข้อ2นำข้อ1คุณจะปกติอัครสาวกถ้ามีวาสนาได้นะคุณจะไม่ทำมากเกินขนาดนั้นบัณฑิตปลูกต้นไม้ย่อมรู้ว่าผลจะออกเมื่อไหร่แต่คุณจะปลูกต้นไม้เอามากอย่างเดียวแต่ไม่ได้สนใจผล มันจึงคนล่ะทาง
ที่สุดแห่งฤทธิ์ก็คือที่สุดแห่งฤทธิ์มันจะไม่มีอะไรมากกว่าที่สุดแห่งฤทธิ์อีกต่อไป ฤทธิ์ไม่ใช่ตัวเลขจำนวนที่เพิ่มไม่มีวันจบฤทธิ์ก็คือฤทธิ์ถึงมีฤทธิ์ถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่มีประโยชน์ ฤทธิ์เหมือนดาบ2คนส่วนใหญ่ใช้ในทางที่ไม่ดีเว้นแต่เป็นอริยะ

 

ถามไรหน่อยนะครับแล้วการปราถนาวิริยะธิกะพิเศษนะอันนี้เป็นกิเลสหรือเปล่าครับเพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านก็มีความสามารถเท่ากันนะครับ

 

ผมปรานารถจะเป็น สาวกภูมิครับเพราะอยากออกจากโลกเร็วๆครับ

 

บำเพ็ญไปเลยสะใจกรูแท้

บำเพ็ญไปเลย บำเพ็ญบารมีให้เท่ากับอัครสาวิกา 10 องศ์ก็ยังได้
แล้วค่อยแบ่งภาค มาเป็นอัครสาวิกาให้พระพุทธเจ้า 10 พระองศ์
เอายังงี้เลย ชอบวะได้ใจ(kiss)

 

ปราถนาแบบนี้ก็แสดงว่ายังไม่ค่อยอยากเบื่อกับการเวียนว่ายตายเกิดเท่าไหร่ หากยังไม่ค่อยอยากเบื่อกับการเวียนว่ายตายเกิด ก็จะทำให้ได้เกิดอีกนานตามที่ปราถนาครับ

 

เป็นแสนอสงไขยเลยเหรอครับระวัง บารมีเกินนะครับแล้วจะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ เป็นพระยูไลแทน แค่เพื่อนคุณบรรุโพธิญาณนี่ก็พิเศษสุดๆแล้วครับพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์อยากเป็นพระพุทธเจ้าเร็วๆทั้งนั้นเพราะอยากขนสัตว์ไปนิพพานเร็วๆ

 

และหากเพื่อนคุณสะสมบารมีครบตามประเภทของพระพุทธเจ้าแล้วความรู้สึกอยากบำเพ็ญต่อป็นแสนอสงไขยจะหายไปเองครับเพราะว่าถึงเวลาแล้ว

 

หวัดดีคับ ไม่ได้เข้ามานานเลย สบายดีกันนะครับ

 

ความคิดคนเรามันก็แล่นไปเรื่อยๆละครับ แต่ว่าความเป็นจริงมันก็อีกเรื่องหนึ่ง คำถามของคุณจะัอุปมาให้ฟัง
เหมือนเราเรียนหนังสือ พอจบปริญญาตรีปุ๊บ ย่อมอยากไปทำงาน แหมก็เรียนมาตั้งสิบกว่าปี เบื่อเต็มทน คนทั่วไปคิดกันแบบนี้ ยกเว้นจะอยากเรียนต่อชั้นสูงขึ้นไป แต่ไม่มีใครเลยที่จะขอเรียนซ้ำของเดิมอีก ก็มันจะเสียเวลาไปทำไม ไม่ได้เกิดประโยชน์เพิ่มจากเดิมเลย ทางโลกเป็นอย่างนี้ใช่ไหม
ทางธรรมก็เหมือนกัน พอบารมีเต็มส่วนของสาวกภูมิ เมื่อพบพระพุทธเจ้าแล้วก็ย่อมเลือกบรรลุมรรคผลนิพพานกันทั้งนั้น ไม่มีผู้ใดจะขอสร้างบารมีอีกรอบเพื่อไปบรรลุธรรมในพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปหรอก มันไม่มีประโยชน์แถมเสียงอีกต่างหาก ยกเว้นว่าอยากเลื่อนเป็นปัจเจกภูมิ หรือพุทธภูมิไปเลย

 

พระอัครสาวิกา หมายความว่า ผู้รับใช้ใกล้ชิด ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้หญิง
พระอัครสาวก หมายความว่า ผู้รับใช้ใกล้ชิด ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ชาย

 

ความเป็นพระพุทธเจ้า มีสามประเภท เท่านั้นตามตำรับที่กล่าวในที่ต่าง ๆ แต่ไม่มีพระพุทธเจ้าประเภทพิเศษ บำเพ็ญบารมีนานเป็นแสนอสงไขย เมื่อถึงเวลาที่ผลนั้นสุกแก่หง่อมแล้วก็ย่อมจะล่วงหล่นลงมา เหมือนพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีจนเต็มแล้วก็ย่อมจะได้ตรัสรู้ ฉันใดก็ฉันนั้น..