ทำไมต้องแบบนั้นแบบนี้........- -"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ต้องสาป, 21 พฤศจิกายน 2011.

  1. ต้องสาป

    ต้องสาป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    การปฎิบัติของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกัน ความเห็นความเข้าใจก็สุดแล้วแต่ปัญญาของแต่ละบุคคนจะพิจรณาได้
    แต่ทำไมนักปฏิบัติด้วยกันต้องคอยบอกว่า ทำแบบนี้สิ ทำแบบนั้นสิ ทำแบบโนนสิ จนตัวเราเองก็สับสนเพราะเพิ่งจะเริ่ม
    เขาปฎิบัติมานานกว่า เราจึงฟัง และก็ทำตาม แต่มันมากมายหลือเกินไม่รู้จะเอาอันไหนจับต้นชนปลายไม่ถูกจึงสงสัยว่า
    ตัวเราปฎิบัติมาก็ดีอยู่แล้ว พิจรณาเข้าใจด้วยตัวเองอยู่แล้ว เห็นถูกเห็นผิด เห็นควร เห็นไม่ควร อยู่แล้ว แล้วทำไมเราถึง
    เชื่อเค้า เขาบอกว่า แบบนั้น แบบนี้ ไม่เข้าใจตัวเองหมือนกันว่าจะไปเชื่อเขาเหล่านั้นทำไม เพิ่งจะมาคิดได้สองวันนี้ว่า
    ต้นไม้มีหลากหลายพันธุ์ สิ่งมีชีวิตมีมากมาย ทุกสิ่งล้วนเดินตามความพึงพอใจของตน แล้วเราจะเชื่อทำไมแค่ฟังไว้คิดตาม
    พิจรณาตามสภาวะที่เข้ามากระทบผัดสะทุกขณะ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องทำอย่างเขาว่า ปฎิบัติตามที่เขาบอก
    ตอนนี้ผมก็แค่ดูความจริงที่เกิดขึ้ันไปเรื่อยๆ เห็นอยู่ทุกวันกับความจริงที่เกิดขึ้นทุกขณะ
    ไม่ได้ตามดูนะ เพราะมันเกิดพล้อมกัน จึงไม่จำเป็นต้องตามดูเพียงแค่มีสติกำกับการกระทำทุกอริยาบทเท่านี้เอง
    มันก็จะเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่คิดมากไม่เครียดกับอะไร ทำตัวสบายๆ เห็นจิตกับการกระทำ มันไปด้วยกันเดินไป
    พล้อมๆกัน ผมเลยเข้าใจว่าการปฎิบัติมำทำได้กับชีวิตประจำวันไม่ต้องไปค้นหา ขวนขวาย อะไรที่ไหนมาแบกหาม
    ขอถามท่านผู้อ่านหน่อยนะครับว่า ที่ผมเข้าใจแบบนี้ถูกไหม หรือควรทำอะไรอีก เพราะการรู้เข้าใจด้วยตัวเองเข้าใจคนเดียว
    มันมีความลังเล ความไม่มั่นใจ สักเท่าไหล่เพราะคนนั้นบอกคนนี้พูด หลงบ้างละ อุปทานบ้างละ จินตณาการไปเองบ้างละ
    ถึงไม่ได้ทำตามเขาว่า แต่มันได้ยินมาฟังมามันก็ทำไห้คิดพอเหตุเข้ามากระทบปุบ จิตก็ปรุงแต่งสิ่งที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังมันห้ามไม่ได้
    ผมก็แค่อยากศึกษาเรียนรู้ไปเรื่อยๆไม่ได้คิดว่าใครเก่งกว่ากัน ใครว่าอะไรมาก็ฟังหมด คิดตามตลอดบางเรื่องที่ได้ยินมา เขาก็โม้ บางเรื่องก็จริง
    แต่บางเรื่องมันสองแง่สองง่าม เลยทำไห้ระบายออกมา ณ ที่นี้ ขอบพระคุญครับที่อ่านบทความผม .........
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไม่ยาก การที่คนเราอาจจะได้รับการ แนะนำหลากหลาย แน่นอนเลยว่า ในบรรดา
    คำสอนเหล่านั้น จะมีมาจาก คนที่เริ่มฝึกพึงเคยสดับ กับ คนที่สดับธรรมเป็น

    ดังนั้น เราต้องทำ ความเข้าใจในความแตกต่างระหว่าง บุคคลที่สดับธรรมไม่เป็น
    กับ บุคคลที่สดับธรรมเป็น

    คนที่ ฟังธรรมไม่เป็นนั้น จะต้อง อาศัย การฟังตามๆกันไป หรือ เรียกว่า ฟังจากสิ่ง
    ภายนอก หรือ เปิดอยาตนะ6เพื่อรับผัสสะเพื่อการเรียนรู้ หรือ เรียกว่า มีอาจารย์

    ส่วนคนฟังธรรมเป็นนั้น จะไม่อาศัย การฟังสิ่งภายนอก จะฟังธรรมจากภายใน จาก
    จิตตน จะไม่อาศัยอยาตคนะ6เพื่อการเรียนรู้ แต่จะอาศัยอยาตนะ6เพื่อการสำรวม
    การรู้หรือฟัง(เพราะ ปิดอยาตนะไม่ได้ เมื่อต้องเปิด ก็ต้องเฝ้นธรรมให้เป็น) หรือ เรียก
    ว่า ไม่มีอาจารย์

    * * * *

    ยกตัวอย่าง กรณีของคุณ คุณปรารภว่า ดูความจริงที่เกิด ไม่ใช่การตามดู แต่
    เป็น การรู้ไปพร้อมๆกัน ธรรมภายในที่กำลังแสดงในความเป็นจริงคือ
    "ความประมาทในธรรม" ตรงนี้คุณเห็นหรือเปล่า หากเห็น ก็พอทำเนา หาก
    ไม่เห็น แน่นอนเลยว่า "ฌาณจิต" ของคุณย่อมไม่มี จิตย่อมไม่มี ปฐมฌาณ(ขึ้นไป)
    สัมปยุตกับจิต เมื่อจิตไม่ตั้งมั่นจริง ไม่พ้นกามสวะจริง การปรารภว่า
    "ถึงพร้อมทิฏฐิ" จะออกมาอย่างไม่จริง จะเป็น วาทะลอยๆ ขาดข้อเท็จจริงในภายใน
    ขาด ปัจจัตตัง

    ทีนี้ ความที่ธรรม การฟังเป็น มันเป็นเรื่อง ปัจจัตตัง ดังนั้น ธรรมดาอยู่เองที่
    คนที่สอน จะชี้ลงไปไม่ถูก ได้แต่พูด อุบายเรียบเคียง ให้กับคนฟังว่าควรทำ
    อย่างไร เพื่อเห็นอุบายในการนำออกอย่างไร ธรรมชาติของสมมติ(โลก)จึง
    พร่องเสมอ

    คนฟัง จึงต้องแยบคาย และ ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย แม้ เขาเหล่านั้น จะรู้
    ธรรม หรือไม่รู้ธรรม จะฟังธรรมเป็น หรือฟังธรรมไม่เป็น หากเขา ปรารภ"ธรรม"
    เราก็ควร เฝ้นเอาแต่ "ธรรม"

    คนที่ เฝ้นธรรมได้ ฟังธรรมเป็น จะเห็นเองว่า คนที่พูด หรือ สอนเรานั้น แสดงธรรม
    อยู่ และ หากเขาแสดงธรรมแล้ว เราจะไปว่า พวกเขาไหม หรือ จะพูดอะไรสัก
    อย่าง อย่างแยบคาย เพื่อให้เขาระลึกได้ ฟังธรรมภายในของเขาเองเป็น อันนี้ก็ว่า
    กันตามแต่ อุบายฝึกหัดของใครของมัน ซึ่งยากจะซ้ำรอยกัน เว้นแต่ มีวาสนาต่อกัน
    (มีธาตุกรรมฐานเดียวกันพอดีในจังหวะเวลานั้นๆ ) แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หากฟังธรรม
    เป็นเสียแล้ว คนๆนั้น จะเลิกสนใจว่า ผู้แสดงธรรมมีธรรมหรือไม่ เพราะแม้แต่สัตว์
    หรือ ต้นไม้ใบหญ้า ธรรมชาติรอบตัวก็แสดงธรรมให้กับ คนฟังเป็นได้ ประสาอะไร
    กับเรื่อง คุณธรรมจากผู้แสดงเล่า

    "ทำไมต้องแบบนั้นแบบนี้" ก็ไม่เกิดเป็นทิฏฐิคำถามอีก

    * * * *

    อนึ่ง คำว่า "ถึงพร้อมทิฏฐิ" เป็นชื่อหรืออาการหนึ่งของ "อรหัตถผล"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2011
  3. ต้องสาป

    ต้องสาป สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +1
    สาธุครับ เห็นตามนั้นครับ ขอบพระคุญมากครับที่มาแสดงบทความดีๆไห้อ่าน ^^
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คุณขอรับ คุณมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติในหลายๆด้าน คุณเข้าใจว่า ศาสนาโดยเฉพาะศาสนาพุทธ มีแนวทางการปฏิบัติตามใจผู้ศรัทธาหรืออย่างไร ทีใครบุคคลไหน จะปฏิบัติอย่างไรก็ได้ ไม่ถูกขอรับ
    การปฏิบัติในทางพุทธศาสนา เป็นแนวทางเดียวกัน ทุกคนผู้ปฏิบัติย่อมต้องปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน ไม่ใช่คิดเอาเองว่า จะต้องฝึกปฏิบัติตามแบบที่ตัวเองคิด ตัวเองเข้าใจ หลายๆคนที่เขามาตอบคำถามกระทู้ธรรมต่างๆ บ้างก็รู้จริง รู้แจ้ง ปฏิบัติได้ผลจริง บ้างก็ขี้โม้โอ้อวดหลงตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเองฝึกไม่ได้อะไรสักอย่าง
    คุณหรือผู้อ่านแต่ละท่าน ก็คงได้ใช้วิจารณญาณในการคิดพิจารณาให้เป็นไปตามหลักความจริง คุณและผู้อ่านมีสมองมีสติปัญญา แต่ไม่ใช่อยากจะปฏิบัติแบบไหนก็ปฏิบัติตามใจตัวเอง เช่น
    การปฏิบัติสมาธิ จะมีคำบอกเล่าถึงอาการต่างๆที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติสมาธิ เรียกว่า "ฌาน"(ชาน) แต่อย่างที่คุณว่า ต่างคนก็ต่างปฏิบัติต่างคนก็ต่างคิดไปตามความคิดของตัวเอง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาล ไม่มีความเข้าใจในภาษาและไม่ได้คิดพิจารณาไตร่ตรองให้เป็นไปตามหลักความจริงขณะปฏิบัติ และจดจำ จึงเกิดความหลง ความทะนงตน สอนตะพึด โอ้อวดตะพึด เขียนไม่ถูกใจ ..ม่ มันลบ,ย้าย,อะไรทำนองนี้
    การตอบกระทู้ไม่มีใครเก่งกว่าใครดอกขอรับ มันก็เอามาจากพุทธศาสนา แล้วเอามาปรุงแต่ง เช่น กสิณ เขา มีไว้ใช้ในการสร้างสมาธิเวลาทำงานทำการใดใด ..ม่ มันดันปรุงแต่ง เป็นเพ่งกสิณแล้วจะมีฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ไม่รู้จะบ้าไปถึงไหน พอเขียนไม่ถูกใจ ไม่มีเส้นสาย เดี๋ยวมันก็ย้าย,เดี่ยวมันก็ลบ บางทีเขียนอธิบายให้ มันยังบอกว่า เขียนอวดตัวเอง ซะง้้นแหละ ไม่รู้ว่ามันมีธรรมะข้อไหน
    ปลงขอรับ
     
  5. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    หลวงปู่มั่น กล่าวว่า...
    พระสมถกรรมฐานทั้ง 40 ประการ คือ อุบายภาวนาให้จิตเป็นสมาธิ
    พระธรรมวินัยทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันต์เป็นธรรมแท่งเดียวกัน พระพุทธองค์ทรงเป็นวิภัชวาที คือ พระองค์ทรงจำแนกขันธ์5 คือ กายกับใจ ในตัวของมนุษย์คนเดียวเท่านั้น เป็นทั้งพระธรรม ทั้งพระวินัยครบจำนวนแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์รวมกันเข้า ก็เป็นธรรมแท่งเดียวกัน นักปฏิบัติใหม่ทั้งหลาย ยังไม่รู้ชั้นภูมิแห่งจิต ตัดสินไม่ได้ว่า สมถกรรมฐานเพียงแค่ไหนเมื่อไรจึงจะถึงวิปัสสนากรรมฐานสักที ครั้นได้นั่งสมาธิ บังเกิดมีความรู้นิดๆหน่อยๆ ก็เข้าว่าตนได้ วิปัสสนาญานเสียแล้ว ก็เป็นผู้หลงผิดติดอยู่ในสมถกรรมฐานตลอดไป

    พระองค์ตะล่อมเอาจิตให้สงบจากเครื่องข้อง ทรงตรัสเทศนาสั่งสอนให้เจริญสมถกรรมฐาน40 ประการบทใดบทหนึ่งเฉพาะเป็นที่สบายแก่จริตหรือนิสัยของตนเท่านั้น ไม่ใช่ให้ขึ้นเป็นห้องๆไปจนครบ 40 ห้อง เมื่อได้สมถกรรมฐานเป็นที่สบายแก่จริตของตนแล้ว พระองค์ตรัสเทศนาโปรดให้นั่งสมาธิภาวนาทีเดียว ข้อที่นักปฏิบัติใหม่ทั้งหลายจะพึงวินิจฉัยว่า สมถกรรมฐานเพียงแค่ไหน เมื่อไรจะถึงวิปัสสนากรรมฐานสักที ข้อนี้ให้พึงวินิจฉัย....

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  6. phongpeera

    phongpeera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +138
    จังซั่นหละ แม่นคือเจ้าว่าหั่นหละ เปิดเบิ่งโพสแล้วกะบ่อยากสิตอบดอก
    เดี๋ยวตอบบ่ถืกใจเพิ่นกะซิว่ากันไปอีก แค่เข้ามาเบิ่งแล้วกะ ทำใจ นี่หละคนเฮา
     
  7. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    คนนั้นก็ว่า เเบบนั้น คนนี้ก็ว่าเเบบนี้

    เมื่อเห็นว่าเขาเเนะใดๆ อาจทําให้เป๋ เเล้วเราจะเข้าไปถาม เก็บมาพิจารณา เเต่ต้นไปเพื่ออะไรละจ๊ะ

    ถ้าเราไม่ไปถาม ไปเก็บ ไปเกี่ยวน้อมมาใส่ตนเเล้วไซ เหตุใด ปัญหาดังว่ามันจะบังเกิดขึ้นได้

    มิใช้เราเองหลอกหรือไร ที่ ไปคว้าเอามาเป็นของ ของตน จนเป๋ ไปเอง ใช้เราไหมน๊าาาาาา หรือว่าใครเขา เข้ามายัดเยียดให้


    ใช้เราเองไหมน๊า ใช้เราเองไหมน๊า ใช้เราเองไหมน๊า

    :cool:
     
  8. hamoonoy

    hamoonoy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +719
    ไม่ได้เข้ามาตอบนะคะ เพราะใหม่มากไม่มีความรู้อะไร ด้อยปัญญา เห็นหัวข้อกระทู้เลยสนใจตามเข้ามาอ่านหาความรู้ด้วยคน แต่ที่ขออนุญาตท้วงติงตรงคำที่ทำตัวอักษรแดงไว้ หนูว่ามันผิดนะคะ คือที่อาจหาญบอกนี่ก็เพราะเห็นว่ามันเป็นคำควบกล้ำตัว แต่พี่เขียนด้วยด้วย น่าจะผิดจริงไม่น่าใช่ความพลั้งเผลอผิดอย่าง ไม้เอก ไม้โท อ่านแล้วมันขัดๆตาชอบกล เลยต้องขออนุญาตท้วงนิดนึงนะคะ อย่าว่ากันนะคะ (ยังไม่รวมคำอื่น แต่สองคำนี้หนูอ่านแล้วมันติดใจน่ะค่ะ แฮะ แฮะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...