ตำนานเทพเจ้าชาวไวกิ้ง == Ragnarok สงครามวันสิ้นโลก ==

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Kamen rider, 18 กุมภาพันธ์ 2005.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]





    ตำนานเทพเจ้าชาวนอร์สเป็นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของชาวไวกิ้ง แถวดินแดนสแกนดิเนเวีย (สวีเดน เดนมาร์ก นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์) ทวีปยุโรปเหนือปัจจุบัน ซึ่งเป็นพวกไวกิ้งนั้นก็เป็นชนเผ่าหนึ่งซึ่งเรียกว่าชาวนอร์ส(Norseman)
    เรื่องเล่าตำนานเทพเจ้าของชาวนอร์สหรือไวกิ้งถูกเล่าขานปากต่อปากมาเป็นเวลานาน ซึ่งบางเรื่องก็มีส่วนคล้ายกับตำนานเทพเจ้าของกรีกและโรมัน เรื่องราวของเทพเจ้าชาวนอร์สถูกเขียนไว้ในวรรณกรรมของเอ็ดดา ซึ่งมีทั้งหมด 2 เล่ม นอกจากนี้เรื่องราวของชาวไวกิ้งยังมีการบันทึกไว้เป็นบทกวี เรียกว่า ซาก้า อีกด้วย...

    นานหลายพันปีมาแล้วพวกไวกิ้งหรือนอร์สแมน (Vikinings or Norseman) ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศยุโรปทางเหนือ แถวประเทศนอรเวย์ สวีเดนในปัจจุบันพวกไวกิ้งเป็นนักเดินเรือที่เก่งมาก และชอบการท่องเที่ยวผจญภัย ไวกิ้งได้ท่องเที่ยวไปถึงไอซ์แลนด์และกรีนแลนด์ (Iceland & Greenland) และอาจเลยไปถึงโลกใหม่คือทวีปอเมริกาเลยที่เดียว พวกไวกิ้งมีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับเทพเจ้าของพวกเขา ซึ่งจะกล่าวต่อไปนี้...

     
  2. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]






    - - - Norse Mythology - - -​
    เรื่องนี้มีบันทึกไว้ในบทกวีที่มีชื่อว่าเอ็ดดา เล่มที่ 1 ในจำนวนทั้งหมด 2 เล่ม เกี่ยวกับการกำเนิดโลก ว่า...​
    โลกเรานี้ หรือจะว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า มีเพียงห้วงที่ว่างเปล่าเรียกว่า กินนุนกากับ( Ginnungagap) ด้านเหนือ คือ ดินแดนนิฟเฟลเฮม(Nifelheim) โลกแห่งน้ำแข็ง ทั้งกว้างและว่างเปล่า เป็นที่ที่หนาวเหน็บและครอบคลุมไปด้วยความมืดมิด หมอกแห่งความเย็นครอบคลุมไปถึงน้ำพุ เฮอร์เกลมีร์(Hvergelmir) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำ 11 สาย ที่ไหลลงสู่กินนุนกากับ ทำให้เกิดธารน้ำแข็งเต็มช่องว่าง ส่วนทางใต้ ก็คือ ดินแดนแห่งเปลวเพลิงมัสเปลเฮม (Muspelheim) เป็นที่อยู่ของยักษ์เซิร์ท ที่ถือดาบแห่งเพลิง เป็นดินแดนแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นมา ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆสามารถทนอาศัยอยู่ได้นอกจากเซิร์ท เขาจะนั่งอยู่ที่ปลายสุดของดินแดนเพื่อเฝ้าแผ่นดินมัสเปลนี้ ในเมื่อดินแดนแห่งนั้นว่างเปล่ายักษ์เซิร์ทจึงได้แต่นั่งตีดาบ ประกายไฟจากการตีดาบจึงลอยเข้าไปในห้วงลึกทุกวัน เมื่อดินแดนทั้งสองที่มีทั้งน้ำแข็งและไฟมาเจอกันนานเข้า มันก็เกิดการรวมตัวครั้งใหม่ ทำให้เกิดยักษ์ตนหนึ่ง นามว่า อีมีร์(Ymir) และสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการหลอมละลายของน้ำแข็ง เกิดเป็นนางวัวนาม โอดฮัมลา(Audhumla) และอีมีร์ก็มีชีวิตอยู่ได้ด้วยจากดื่มน้ำนมจากนางวัวโอด ส่วนนางวัวก็ได้แต่เลียน้ำแข็งปะทังชีวิต
    เมื่ออีมีร์อิ่มจากการดื่มนม เขาก็หลับสนิทบนทุ่งน้ำแข็ง เมื่อประกายไฟจากมัสเปลตกมาที่ตัวเขาเรื่อยๆ เหงื่อเขาก็ออก เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้น เป็นยักษืหกหัว ชื่อว่า ธรุดเกลมีร์ (Thrudgelmir)(ยักษืตนนี้แหละที่เป็นบรรพบุรุษรุ่นต่อมาที่ให้กำเนิดลูกหลานยักษ์ต่อไป) อีมีร์จึงเป็นผู้ให้กำเนิดเหล่ายักษ์ (เผ่าพันธุ์ยักษ์ทั้งหมด)​
    นางวัวให้กำเนิดมนุษย์ โดยมีกล่าวในตำนานไว้ว่า...นางใช้ลิ้นของนางลามเลียก้อนน้ำแข็งอยู่ทุกวัน วันแรกที่นางเลียน้ำแข็งนี้ ก็เกิดเป็นเส้นผมมนุษย์ วันที่สองปรากฏเป็นศีรษะ และวันที่สามก็เกิดเป็นรูปร่าง มีตัวมีตน มีแขนขา ทุกส่วนครบทุกประการเหมือนที่คนปกติมี เขาได้นามว่า บูรี(Buri) เป็นชายหนุ่มที่เรียกได้ว่าทั้งสูง แข็งแรงและมีรูปงาม(ครบสูตรหนุ่มรูปงามเลยนั่นแหละ)(บางตำนานก็ว่า เกิดจากการที่นางวัวพ่นลมหายใจออกมาทำให้เกิดมีบูรี) ต่อมาไม่นานเขาก็ให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่าบอร์(Bor) และลูกชายของเขาก็ได้แต่งงานกับเบสตลา(Bestla) บุตรีของยักษ์​
    บอร์และเบสตลาได้ให้กำเนิดบุตรชาย 3 คน คือ โอดิน(Odin) วิลี(Vili) และเว(V&eacute และโอดินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตเป็นต้นกำเนิดของเหล่าทวยเทพบนดินแดนสวรรค์แอสการ์ด เขาได้รับความเคารพมากในฐานะมหาเทพ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ​
    พอเทพเกิดขึ้น ธรุดเกลมีร์ กับลูกชายชื่อ เบอร์เกลมีร์(Bergelmir) ก็ตกใจกลัวเทพ ทั้งสองจึงช่วยกันรวบรวมพี่น้องๆ ที่เกิดขึ้นจากอีเมอร์ไว้เป็นกำลังฝ่ายตัว​
    ความกลัวเทพอาจจะมาจากคุณสมบัติที่ยักษ์ไม่มี เช่น ทั้งสามนั่นแข็งแรง แผลบาดเจ็บอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็หายเองได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากพวกยักษ์ซึ่งมีจะมีมากและมีเสริมขึ้นเรื่อยๆ แต่ความแข็งแรงและแข็งแกร่งกลับสู้เทพทั้งสามไม่ได้เลย สงครามระหว่างลูกๆ ของธรุดเกลเมอร์และลูกๆ ของบอร์ เกิดขึ้นเป็นเวลานานนับพันๆ ปีโดยที่ไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด หรือฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ​
    โอดิน วิลีและเวนั้นก็ได้เป็นผู้สังหารยักษ์นามอีมีร์... ด้วยเหตุที่พวกเขาไม่ต้องการให้มียักษ์เกิดขึ้นมาอีก​
    เลือดของอีมีร์ที่ไหลรินออกมา กลายเป็นทะเลสาบและแม่น้ำ ส่วนหนึ่งได้ไหลท่วมกินนุนกากับ ทำให้เหล่ายักษ์จมน้ำตายเกือบหมด เหลือก็แต่เบลเกลมีร์ที่พาคนรักหนีออกมา สร้างอาณาจักรยักษ์ชื่อว่าโจตันเฮม(Jotunheim) และคอยบอกลูกหลานให้เกลียดเหล่าเทพ(ตำนานว่างั้น)​
    บุตรชายทั้งสามของบอร์ก็นำร่างไร้ชีวิตของเขาไปไว้ในใจกลางของกินนุนกากับ และพวกเขาก็ได้เริ่มสร้างโลกจากร่างของอีมีร์... ​
    จากเนื้อ เป็นพื้นดิน​
    จากเส้นผม เป็นต้นไม้​
    จากกระดูก เป็นภูเขา​
    จากฟันและขากรรไกร เป็นหินและกรวด​
    หนอนที่ชอนไชร่างกาย กลับมามีชีวิต(โดยเวทย์ของโอดิน วิลีและเว) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก เรียกว่า คนแคระ พวกหนึ่งมีนิสัยโลภโล เป็นสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนพื้นดินและซอกหิน เทพจึงส่งพวกนี้ไปอยู่ที่สวาทัลเฮม(Svartalfheim) ใต้ดินแดนมิดการ์ด และห้ามขึ้นมาเจอแสงอาทิตย์ เพราะเมื่อต้องแสงอาทิตย์เมื่อไร พวกเขาก็จะกลายเป็นหินทันที ส่วนอีกพวกที่ดีหน่อย จึงถูกเสกให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงาม เรียกว่าเอลฟ์ และได้อยู่ในดินแดน อัลฟ์เฮม(Alfheim) ที่อยู่ของเอลฟ์ขาว อัลฟ์เฮมจะอยู่ชั้นเดียวกันกับดินแดนเทพ คือแอสการ์ดและวานาเฮม...​
    จากกะโหลกศีรษะ เป็นท้องฟ้า โดยนำมาจัดไว้เหนือผืนดิน ครอบคลุมทั้งหมด 4 ด้าน ใต้ท้องฟ้า พวกเขาก็นำคนแคระมาอาศัยอยู่แต่ละด้าน แต่ละตนชื่อว่า East, West, North และ South กลายเป็นทิศต่างๆ​
    จากสมอง โยนออกสู่ฟ้ากว้าง กลับกลายเป็นก้อนเมฆ​
    ต่อมา พวกเขาก็นำลูกไฟจากดินแดนมัสเปล(ไฟจากประกายของยักษ์เซิร์ท) นำมันโยนขึ้นไปเหนือห้วง เพื่อให้มีแสงสว่างทั่วสรวงสวรรค์และบนดินแดนมนุษย์ กลายเป็นดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โดยที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ จะมีเกวียน(มั้ง) ลากพาดผ่านท้องฟ้า สลับไปมา แต่ต้องมีผู้ลากมันไป นั้นคือ มานี(จันทร์) และโซล(ดวงอาทิตย์) แต่ไม่วายที่จะมีเรื่อง เมื่อมีหมาป่าสองพี่น้อง สโคลและฮาติ คอยไล่งับจันทร์และอาทิย์ โดยที่ฮาติ(พี่)เป็นหมาป่าที่คอยไล่งับดวงจันทร์ และโสคลคอยไล่งับดวงอาทิตย์...​
    ในเมื่อโลกถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลลึก เทพทั้งสามจึงได้สร้างแผ่นดินขึ้นจากเนื้อของอีมีร์​
    เพื่อให้แยกออกมาจากเหล่ายักษา พวกเขาจึงได้สร้างที่มั่นขึ้นมาอีก โดยนำคิ้วของอีมีร์มากั้นโจตันเฮมกันดินแดนมนุษย์ ซึ่งเรียกว่า ดินแดนมิดการ์ด อยู่ระหว่างมัสเปลกับนิฟเฟลเฮม​
    ขณะที่เทพทั้งสามกำลังเดินไปตามชายหาด พวกเขาได้พบท่อนไม้ 2 ท่อนที่ถูกพัดมาติดชายฝั่ง จากท่อนไม้ พวกเขาจึงได้สร้างมนุษย์คู่แรกของโลกขึ้นมา(เหมือนอาดัมกับอีฟ) โอดินมอบชีวิตและวิญญาณ วิลีมอบประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว เวเป็นผู้ให้เสื้อผ้าและเป็นผู้ตั้งชื่อให้... ชายมีนามว่าอาสค์(Ask หรือ Ash หมายถึงต้นแอช) หญิงมีนามว่าเอมบลา(Embla หรือ elm หมายถึงต้นเอ็ม) เป็นมนุษย์คู่แรกในดินแดนมิดการ์ด​
    เมื่อได้สร้างโลกให้พวกสิ่งมีชีวิตทั้งหลายแล้ว พวกเขาจึงได้สร้างดินแดนเพื่อเป็นที่อยู่ของตนขึ้น มีชื่อว่า ดินแดนแอสการ์ด (รุ่นต่อๆมาก็มีการเรียกดินแดนนี้ว่า ทรอย - Troy) เหล่าทวยเทพและผู้มีเชื้อสายเทพล้วนพำนักอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ ในแอสการ์ด มีโถงใหญ่เรียกว่าไฮลด์สจาลฟ์(Hlidskj?lf) โอดินจะนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุด มองเห็นทุกสรรพสิ่งบนโลก เขารู้ทุกอย่าง...​
    โอดินได้แต่งงานกับเทวีฟริกกา บุตรสาวของ Fj?rgvin จากตรอบครัวเล็ก กลายเป็นครอบครัวใหญ่ กลายเป็นตระกูลใหญ่ หรือเรียกได้ว่าเป็นราชวงศ์ เรียกว่า เอซีร์(Aesir - ?sir)(จะออกเสียงเอเซียร์ หรือจะอ่านว่า เอซีร์ ก็ได้ เป็นภาษาตระกูลเยอรมัน) โดยมีโอดินเป็นเทพเจ้าสูงสุด เทพเอซีร์จะเป็นเทพที่มีเชื้อสายหรือเกิดจากโอดิน บางครั้งโอดินจึงได้ชื่ออีกว่าเป็น All - Father คือ เป็นบิดาของทุกสรรพสิ่งที่เขาสร้างหรือให้กำเนิดมา...​
    ระหว่างดินแดนเทพแอสการ์ดกับดินแดนมิดการ์ดมีสะพานรุ้งชื่อว่า ไบฟอร์ส (Bifr?st) เป็นสะพานที่ได้ชื่อว่าแข็งแรงที่สุด และเป็นทางเข้าดินแดนเทพแอสการ์ดด้วย​
    และที่ใจกลางของโลก มีต้นไม้ใหญ่โอบล้อมทั้งสามโลกไว้ เรียกว่าอิกดราซิล(Yggdrasil)​
     
  3. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]
    - - - Yggdrasil - - -​
    ต้นไม้แห่งโลก
    อิกดราซิลเป็นต้นแอชใหญ่ที่มีราก 3 ราก ราก 1 ชอนไชไปที่ดินแดนเทพแอสการ์ด รากที่ 2 ชอนไชไปที่ดินแดนน้ำแข็ง และรากที่ 3 ชอนไชไปถึงอาราจักรแห่งความตาย(เฮลเฮม)รากแก้วเหล่านี้ดูดน้ำเลี้ยงจากบ่อแห่งชะตากรรม น้ำพุแห่งปัญญา และต้นแม่น้ำหลายหลากสาย ในแอสการ์ดอยู่ที่น้ำพุโอด น้ำพุแห่งความเยาว์วัย รากอีกรากอยู่ที่นิฟเฮม น้ำพุเฮลเกลมีร์ และอีกรากในดินแดนยักษ์ น้ำพุมีมีร์(น้ำพุแห่งปัญญา) เทพธิดาโนร์น(Norn)(เทวีแห่งโชคชะตา) พี่น้องสามองค์ที่มีชื่อเรียกขานกันตามลำดับว่า ชะตากรรม(Fate) การดำรงอยู่(Being) และปัจจัย(Neccesity) เป็นผู้ดูแลทำนุบำรุงต้นไม้นี้กิ่งก้านสาขาของอิกดราซิลโอบล้อมจักรวาลและหลั่งหยาดน้ำแห่งโชคชะตาและสติปัญญาสู่มวลมนุษยชาติ
    อิกดราซิล จะเขียวสดอยู่ตลอดทั้งปีและตลอดไป บนต้นมีสัตว์อีกหลายชนิดอาศัยอยู่ เช่นบนยอดไม้สูงสุดมีไก่ตัวผู้สีทองตัวหนึ่งคอยตรวจตราขอบฟ้า มีหน้าที่จะต้องขันเตือนเทพเจ้าหากศัตรูตลอดกาลของพวกเขาเตรียมยาตราทัพเข้ามาหา นอกจากนี้มีนกอินทรีอีกตัวหนึ่งจะคอยเกาะกิ่งไม้มองสำรวจเช่นเดียวกับไก่ นกตัวนี้มีผู้ช่วยก็คือนกเหยี่ยวซึ่งเกาะอยู่ระหว่างตาของมัน ส่วนสัตว์ที่ไม่ใช่พวกนกก็มีกระรอกชื่อ ราตาโทสค์ (Ratatosk) เป็นอีกตัวที่อยู่บนไม้อิกดราซิล มันไม่เคยหยุดวิ่งขึ้นวิ่งลง ระหว่างตำแหน่งที่นกอินทรีเกาะอยู่ กับตรงรากของต้นอันที่อยู่บนแผ่นดินน้ำแข็งนิฟเฮม เพราะว่าที่นี่มีพญางูนิดฮอก (Nidhoggr) ขดล้อม มันจะเป็นตัวที่คอยตรวจตราไม่ให้พญางูตัวนั้นกัดกินรากต้นไม้มากเกินไปยามที่เบื่อจะแทะศพมนุษย์แล้ว
    ต้นไม้จะอยู่ยงคงกระพันแม้จะเกิดสงครามสงครามวันสิ้นโลก (แร๊กนาร็อก) ซึ่งสาเหตุมาจากเหล่ามวลเทพ อันส่งผลให้ทั้งมนุษย์และทวยเทพต่างก็ถูกเผาผลาญไปกับการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว และโลกก็จะถูกชำระล้าง แต่เมื่อสงครามสิ้นสุด เทพและเทพีที่ทรงความเมตตา (ผู้รอดชีวิตที่เหลือจากแร็กนาร็อก) ได้แก่ ลิฟ(Lif) ลิฟดราซีร์(Lifdrasir)จะปรากฏตนออกมาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งโลก นอกจากนี้ยังมีบาลเดอร์ เทพที่ตายก่อนสงครามเพราะโลกิที่อยู่ในเฮลเฮมก่อนหน้านี้ก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งตามคำทำนาย โฮนีร์ และเทพอื่นๆอีกไม่กี่คน ซึ่งเทพเหล่านี้ได้ปรากฏออกมาเพื่อสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า...​
     
  4. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]




    Heim (World in Norse Mythology)

    ในตำนานกล่าวว่า มีดินแดนเทพทั้งหมด 9 ดินแดน แบ่งเป็นสามส่วน
    ส่วนบนสุด :
    ดินแดนเทพแอสการ์ด(Asgard) - ที่อยู่ของเทพเอซีร์ (เทพที่เกิดจากโอดิน)
    ดินแดนเทพวานาเฮม(Vanahiem) - ที่อยู่ของเทพวานีร์ (เทพนอกเหนือออกไป ไม่มีเชื้อสายของโอดิน)
    อัลฟ์เฮม(Alfheim) - ดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่าง (มีเวทย์มนต์ เป็นเอลฟ์ชั้นสูง)
    ส่วนถัดมา(กลาง) :
    ดินแดนมิดการ์ด(Midgard = Middle garden) - ที่อยู่อาศัยของมนุษย์
    ดินแดนนิดาเวลเลียร์(Nidavellir) - ดินแดนของคนแคระ
    โจทันเฮม(Jotanheim) - ดินแดนแห่งยักษ์
    สวาตัลฟ์เฮม(Svartalfheim) - ดินแดนของพวกเอลฟ์ดำและเอลฟ์ขาว
    ส่วนที่อยู่ล่างสุด :
    เฮลเฮม(Helheim) - ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย(นรก) (ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล)
    นิฟเฟิลเฮม(Niflheim) - โลกแห่งความตาย
    (heim ภาษาตระกูลเยอรมัน แปลว่า บ้านหรือที่อยู่)
    (ตอนนี้กะลังแยกข้อมูลของ 9 โลกอยู่ ติดตามอ่านรายละเอียดเต็มๆได้ในอีกไม่ช้า)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2005
  5. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]





    - - - รายนามเทพเจ้าของชาวนอร์ส - - -
    เทพเจ้าแสกนดิเนเวีย ไวกิ้ง ชาวนอร์สและยุโรปเหนือ เป็นชื่อเรียกรวมของเทพเจ้าที่รู้จักกันดีในนามเทพเจ้าของชาวนอร์ส เทพสูงสุดคือโอดินมหาเทพ สำหรับเทพเจ้านั้นจะแบ่งออกเป็นวงศ์วานหลักๆอยู่ 2 วงศ์(หรือจะเรียกว่ากลุ่มเทพก็ได้)คือ เทพเอซีร์ซึ่งเป็นเทพผู้ที่อาศัยอยู่บนดินแดนแอสการ์ดและทั้งหมดต่างก็มีเชื้อสายของโอดินมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่(ว่างั้น) กับวานีร์ซึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนวานาเฮม(ที่อยู่ของวานีร์)เป็นเทพที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติเสียส่วนใหญ่(สุขภาพ ความอุดมสมบูรณ์ ทรัพย์สิน เด็ก และความโชคดี เป็นต้น) ทั้งยังมีความสามารถด้านเวทย์มนต์สูง และเคยสาบานที่จะเป็นศัตรูกับนักรบเทพเอซีร์ ซึ่งเป็นสงครามที่กินเวลามายาวนานมาก ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตัดสินใจที่จะสงบศึกกัน โดยแต่ละฝ่ายได้ส่งเทพไปอยู่ในดินแดนของอีกฝ่าย เพื่อเป็นหลักประกัน ได้แก่ เทพเฟรย์ เทวีเฟรย่าและบิดาจากวานีร์ถูกส่งให้เป็นเทพของเอซีร์ แล้วเอซีร์ก็ส่งโฮนีร์กับภรรยาไปเป็นเทพของวานีร์ และสุดท้ายในสงครามแร็กนาร็อค ทั้งสองชนก็รวมตัวกันต่อสู้กับยักษ์ น้ำแข็งที่เข้ามาบุกรุกดินแดนเทพ แม้จะไม่มีใครรอดก็ตามแต่...




    <CENTER><TABLE id=AutoNumber1 style="FONT-SIZE: 14pt; FONT-FAMILY: Cordia New; BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#0099cc height=1 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="54%" border=0><TBODY><TR><TH style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" width="18%" height=28>เทพเจ้า</TH><TH style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" width="42%" height=28>ตัวแทน</TH><TH style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" width="14%" height=28>วงศ์</TH></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=28>โอดิน (Odin)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=28>เทพแห่งสงคราม บทกวีและความรู้</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=28>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=28>ฟริกกา (Frigga)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=28>เทวีแห่งความงาม เมฆและท้องฟ้า</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=28>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=28>ธอร์ (Thor)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=28>เทพแห่งสายฟ้า และการเกษตร</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=28>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=28>โลกิ (Loki)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=28>เทพแห่งไฟ</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=28>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เฮมดัลล์ (Heimdal)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งแสงสว่าง ผู้เฝ้าดินแดนเทพแอสการ์ด</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>บาลเดอร์ (Balder)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งแสง ความปิติยินดี และความบริสุทธิ์</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>โฮเดอร์ (Holder)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งฤดูหนาวและยามราตรี</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>แบรกี (Bragy)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งดนตรีและบทกวี</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>ฟอร์เซติ (Forseti)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพเจ้าแห่งความยุติธรรมและความประนีประนอม</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=28>เฟรย์ (Freyr)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=28>เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=28>เอซีร์ (Aesir)*</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เฟรย่า (Freya)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งความงามและความรัก</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)*</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>นอร์ด (Njord)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งสายลมและผืนทะเล</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)*</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>ซิฟ (Sif)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>วีลี (Vili)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>น้องชายของโอดิน</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เว (Ve)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>น้องชายของโอดิน</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>อีดูน (Idun)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งความเยาว์วัย</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>ไทร์ (Tyr)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งสงครามและความยุติธรรม</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>วีดาร์ (Vidar)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งความเงียบและการแก้แค้น</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เฮอร์มอด (Hermod)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งการส่งสาร</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>เอซีร์ (Aesir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>โฮนีร์ (Honir)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพเจ้าแห่งท้องทะเล</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>วานีร์ (Vanir)*</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เอกีร์ (Aegir)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งมหาสมุทร</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>วานีร์ (Vanir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=27>แรน (Ran)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=27>เทพีแห่งพายุ</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=27>วานีร์ (Vanir)</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>เฮล (Hel)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งยมโลก</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>ร์น (The Norns)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งโชคชะตา</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>อูล (Ull)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทพแห่งการล่าสัตว์และการต่อสู้</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>วาร์ (Var)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งการสมรส</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29></TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="18%" height=29>สแกดี (Skadi)</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="42%" height=29>เทวีแห่งหิมะและการเล่นสกี</TD><TD style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; FONT-SIZE: 14pt; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; FONT-FAMILY: Cordia New" align=middle width="14%" height=29>วานีร์ (Vanir)</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    ( ปล. * หมายถึง เทพที่เปลี่ยนจากวานีร์เป็นเอซีร์ และจากเอซีร์เป็นวานีร์ เช่น วานีร์* หมายความว่า พวกเขามีเชื้อสายของ เอซีร์ แต่ไปอยู่กับพวกวานีร์)



     
  6. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]



    Harbarljoo : Lay of Harbarth
    วันหนึ่ง โลกิ โอดิน และเทพอีกองค์หนึ่งชื่อว่า โฮนีร์ (Honir) กำลังย่างเนื้อเพื่อกินเป็นอาหารมื้อเย็น ได้นกอินทรีย์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งโฉบลงมาจิกเอาก้อนเนื้อชิ้นใหญ่ที่ดีที่สุดติดอุ้งเล็บไป โลกิได้ใช้ไม้ปลายแหลมแทงติดตัวอินทรีย์ นกอินทรีย์ใหญ่โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทั้งที่มีไม้ปลายแหลมปักติดรวมทั้งโลกิที่เกาะติดไปกับไม้นั้นด้วย ที่จริงแล้วนกอินทรีย์ใหญ่ตัวนั้นเป็นยักษ์ตนหนึ่งที่มีชื่อว่า ธีอาซี่ (Thiazi) แปลงตัวมา ยักษ์ธีอาซี่ไม่ยอมปล่อยโลกิจนกระทั่งโลกิสัญญาว่าจะนำเทพธิดา อีดูน(Idun) พร้อมด้วยตะกร้าที่มีแอบเปิลทองคำมาให้ยักษ์ธีอาซี่จึงได้ยอมปล่อยตัวโลกิให้เป็นอิสระ และผลแอบเปิ้ลทองคำของอีดูนที่กล่าวถึงนี้ ไม่ใช่ผลไม่ธรรมดา หากแต่ผลไม้วิเศษที่เทพเจ้าบนสรวงสวรรค์กินแล้วทำให้เป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดกาล ไม่รู้จักแก่เฒ่า
    โลกิซึ่งเป็นคนรูปหล่อมีเสน่ห์ได้ชักชวนเทพธิดาอีดูนให้ไปเดินเล่นด้วยกัน โลกิพาเทพธิดาอีดูนเดินข้ามสะพานสายรุ้งซึ่งเป็นเขตแดนแยกระหว่างดินแดนของเหล่าเทพเจ้าและแผ่นดินถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ ทันทีที่เทพธิดาอีดูนเดินข้ามสะพานพ้นออกมาจากเขตแดนสวรรค์ที่เรียกว่าแอสการ์ด นกอินทรีย์ได้โฉบลงจับตัวพาไปยังถิ่นที่อยู่ของมันซึ่งเป็นภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ เมื่อขาดเทพธิดาอีดูนและผลแอบเปิ้ลวิเศษ เหล่าเทพเจ้าในแอสการ์ดก็เริ่มแก่เฒ่า ผมที่เริ่มมีสีแดงของธอร์ก็ค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ขวานฟ้าที่ขว้างออกไปก็ไม่ไกลจากที่เป็นรวมทั้งความแม่นยำก็ลดน้อยลงไปด้วย เทพโอดินก็เริ่มหูอื้อฟังอะไรไม่ชัดเจนดังเดิม เฟรย่าเทพแห่งความรักและความงามที่มีผมสีทองสุกปลั่งก็เริ่มมีแสงสีเงินแซมขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเลวร้ายขึ้นเป็นลำดับ ความหนาวเย็นและน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นโลกทางเหนือได้เริ่มขยายตัวออกแผ่กระจายไปทั่วโลก
    "สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะเจ้าและเจ้าจะต้องแก้ไขให้ดีขึ้น" โอดินกล่าวกับโลกิ ด้วยเหตุนี้ โลกิจึงได้แปลงร่างเป็นนกเหยี่ยวขนาดเล็กบินออกจากแอสการ์ดตรงไปยังถิ่นที่อยู่ของยักษ์เพื่อจะสืบดูเหตุการณ์ว่าจะสามารถจัดการได้อย่างไร เมื่อโลกิได้เดินทางไปถึงปราสาทของยักษ์ธีอาซี่ พอดีกับที่เจ้ายักษ์ธีอาซี่ไม่อยู่ โลกิในร่างของเหยี่ยวตัวน้อยจึงได้บินผ่านหน้าต่างเข้าไปยังปราสาท พบเทพธิดาอีดูนกำลังร้องไห้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ในปราสาทแห่งนั้น โลกิในร่างของเหยี่ยวน้อยได้จัดการแปลงร่างของเทพธิดาอีดูนให้เป็นเมล็ดถั่วแล้วจึงใช้ปากคาบพาบินออกมาทางหน้าต่าง

    แต่ทว่าก่อนที่โลกิจะพาเทพธิดาอีดูนกลับมาถึงแอสการ์ด ยักษ์ธีอาซี่ได้กลับไปถึงปราสาทและพบว่าเทพธิดาอีดูนได้หายไปแล้ว ยักษ์ธีอาซี่ได้แปลงร่างเป็นนกอินทรีย์ยักษ์บินตามเหยี่ยวโลกิไปด้วยความโกรธ เทพเจ้าทั้งหลายบนแอสการ์ดรู้เหตุการณ์และมองเห็นนกทั้งสองตัวบินไล่กันมาแต่ไกลเจ้านกอินทรีย์ยักษ์บินเข้าหาเหยี่ยวน้อยอย่างรวดเร็วและก่อนที่อินทรีย์ยักษ์จะถึงตัวเหยี่ยวน้อย เหล่าเทพเจ้าได้นำกิ่งไม้และใบไม้จำนวนมากมากองขวางไว้ตามกำแพงของแอสการ์ด เมื่อเหยี่ยวโลกิบินผ่านจึงได้ช่วยกันจุดไฟขวางกั้นนกอินทรีย์ยักษ์ไว้ไม่ให้บินผ่านไป นกอินทรีย์ยักษ์บินตามมาด้วยความเร็วไม่อาจหยุดได้ทันท่วงทีจึงได้รับบาดเจ็บเพราะโดนไฟบินถลาผ่านเขตแดนกั้นตกลงในเขตแดนของแอสการ์ดและถูกเทพเจ้าฆ่าตาย เทพธิดาอีดูนและผลแอบเปิ้ลวิเศษจึงกลับคืนสู่แอสการ์ดอีกครั้งหนึ่ง
    แต่ยักษ์ธีอาซี่ก็ยังมีผู้ที่รักอยู่ ลูกสาวของธีอาซี่เมื่อรู้ว่าพ่อตายจึงได้เดินทางไปแอสการ์ดเพื่อขอความยุติธรรม เพื่อให้ความยุติธรรมและเป็นที่พอใจต่อบุตรสาวของธีอาซี่ เทพโอดินจึงนำธีอาซี่ไปไว้ในท้องฟ้า เพื่อให้คนบนโลกได้มองเห็น ธีอาซี่จึงได้กลายเป็นดวงดาวหนึ่งในท้องฟ้าก็คือ ดาวซีริอัส (SIRIUS) ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้านั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2005
  7. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]
    The Death of Balder​
    บาลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงและความงาม ลูกชายของโอดินและเทวีฟริกกา เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดของเทพตาบอดแห่งความมืดนามโฮเดอร์ เขาเป็นเทพที่รูปงามและความฉลาดรอบตัว แล้วก็ยังนิสัยดีด้วย ซึ่งความงามของเขาก็ไม่แพ้ไปกว่าโลกิเทพแห่งไฟ เทพเจ้าเสน่ห์แห่งแอสการ์ดเลยทีเดียว
    วันหนึ่ง ขณะที่เทพบาลเดอร์กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็เกิดนิมิตฝันร้าย ท่านตกใจตื่น เหงื่อชุ่มกาย และหลังจากนั้นบาลเดอร์ก็ไปเล่าความฝันให้จอมเทพโอดินผู้เป็นบิดาฟัง ท่านท้าวไม่รอช้า ด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย โอดินจึงลงไปยังอาณาจักรเฮล ใต้พื้นพิภพ เพื่อปลุกวิญญาณของโวลลาจากความตายมาเพื่อทำนายฝันของเทพบาลเดอร์ หล่อนบอกว่าเขาจะตายด้วยมือของน้องชายฝาแฝดนามโฮเดอร์
    เทวีฟริกกาจึงไปอ้อนวอน ขอพรจากต้นไม้และสรรพสิ่งต่างๆที่มีอยู่บนโลก(งู โลหะ โรคร้าย พิษ ไฟ กิ่งไม้ ฯลฯ) เพื่อป้องกันมิให้ลูกชายของตนได้รับอันตราย เว้นแต่เธอมิได้ไปขอพรจากเถาไม้มิสเซิลโท เพราะเห็นว่ายังเล็กและเป็นเพียงไม่เถาดูเปราะบาง ด้วยความที่รู้ว่าบาลเดอร์จะตาย โลกิจึงไปสืบข่าวของเรื่องนี้ เขาแปลงกายเป็นหญิงชราไปเยี่ยมเทวีฟริกกา และเขาหลอกถามเธอว่าจะมีอะไรที่สามารถทำร่ายบาลเดอร์ได้บ้างหรือไม่ เทวีลังเลใจก่อนที่จะตอบ เธอกล่าวว่า มีต้นไม้ทางซีกตะวันตกชื่อว่ามิสเซิลโท ซึ่งเธอคิดว่ามันยังเล็กไปเกินกว่าจะสาบานแก่มันได้ โลกิจึงวางอุบายจัดการกับบาลเดอร์ เขาต้องการลวงให้เทพโฮเดอร์ฆ่าบาลเดอร์ตามคำทำนาย
    หลังจากนั้น โลกิก็ได้จัดเกมยิงธนูขึ้นบนดินแดนสวรรค์ โดยศรนั้นเขาสร้างด้วยกิ่งมิสเซิลโท และก็ได้ขอร้องให้เทพโฮเดอร์ผู้ตาบอดเข้าร่วมเกมนี้ด้วย โดยอ้างว่าเขาจะเป็นผู้บอกเป้าหมายให้เอง ในเกมการแข่งขัน เหล่าเทพต่างสนุกสนานไปกับเกม รวมทั้งบาลเดอร์ด้วย ขณะที่โลกิกำลังหลอกล่อให้โฮเดอร์เล็งเป้าหมายของเขาไปที่บาลเดอร์ แล้วยิง กิ่งไม้มิสเซลโทปักลงกลางดวงใจของบาลเดอร์ เขาสิ้นชีวิตลงทันที
    หังจากการตายของบาลเดอร์ นันนาภรรยาของบาลเดอร์สิ้นชีวิตด้วยหัวใจสลาย ทั้งสองถูกเผาด้วยกัน บนเรือแห่งความตาย โอดินส่งเฮอมอดผู้ส่งสารไปยังดินแดนใต้พิภพเพื่อขอร้องให้บาลเดอร์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เฮลยอมตกลง ทว่าเธอให้ข้อแม้ว่าต้องมีผู้ร่ำไห้เสียใจให้แก่ความตายของเขาทุกคน เว้นแต่โลกิเท่านั้น(ไม่นับเพราะโลกิเป็นผู้วางแผนฆ่าบาลเดอร์เอง ไม่แปลกหรอกที่โลกิจะไม่ร้องไห้) นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ทว่าแม่มดนามโทรกกลับเย็นเฉย ดังนั้นเฮลจึงจำต้องให้บาลเดอร์อยู่ ณ ดินแดนแห่งความตายต่อไป แต่ว่าเธอก็ให้สัญญาว่าจะส่งเขาคืนสู่สวรรค์ก็ต่อเมื่อสิ้นสุดวันอวสารแห่งโลก จริงๆแล้วนางแม่มดโทรกนั้นเป็นร่างแปลงของโลกิที่ไม่ต้องการให้บาลเดอร์คืนชีวิตนั่นเอง สำหรับโฮเดอร์นั้นก็ได้ถูกลงโทษโดยวาลี โดยการทำให้สิ้นชีวิตไปพร้อมกับบาลเดอร์
    หลังจากวันแร็กนาร๊อคทั้งบาลเดอร์และโฮเดอร์จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง... เป็นเทพชุดใหม่ที่จะปกครองโลกต่อไป​
     
  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    Kamen ครบทุกหน้าแล้วนะคะ...จะได้ปริ้นออกนอนอ่านจ้า อิอิ...
     
  9. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    [​IMG]
    - Raknarok = Raknar&ouml;kr or Raknar&oslash;kr -
    แร็กนาร๊อค หมายถึง ช่วงวาระสุดท้ายของจักรวาลตามตำนานของชาวนอร์ส (คล้าย วันพิพากษาโลกในศาสนาคริสต์) โดยได้แบ่งฝ่ายกันต่อสู้จนตายเกือบหมดทั้งสามโลก เหลือรอดอยู่ไม่กี่องค์ แต่ก็พอที่จะสร้างโลกใหม่ที่เราอยู่กันทุกวันนี้ ชาวนอร์สเชื่อกันว่า จักรวาลแบ่งออกเป็นเก้าโลก เป็นของชาวสวรรค์กับพวกเอลฟ์ สามดินแดน(ดินแดนเทพ 2 และไลท์เอลฟ์อีกหนึ่ง) รองมาเป็นของมนุษย์ (ซึ่งเรียกว่า แผ่นดินมิดเดิ้ล การ์เด้น = มิดการ์ด) คนแคระ เอลฟ์ตัวดำและขาว และยักษ์นํ้าแข็ง สี่ดินแดน และใต้พิภพอีกสองดินแดน ทว่าความไม่ลงรอยกันในระหว่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้เริ่มมาตั้งแต่โลกเริ่มต้น ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตสิ่งแรก โผล่ออกมาจากภาวะนํ้าแข็ง และไฟที่รุนแรง(Ymir) โดยเฉพาะระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็ง ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่เปราะบาง ถูกทอนให้ร่อยลงทุกทีด้วยความเกลียดชังระหว่างกัน เสริมด้วยฟืนแห่งความโกรธแค้นนานาประการ ตั้งแต่ที่โลกิ หากลวิธีเข่นฆ่าบาลเดอร์ เทพแห่งความงามและความดี ก่อให้เกิดความแค้นคุอยู่ในใจเทพทั้งมวล ยิ่งนานวันความกระหายจะทำสงครามก็ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเหล่าเทพยังไปหลอกยักษ์น้ำแข็งตนหนึ่งอีก ทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายเทพก็ยิ่งเกิดความเกลียดชังมากขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงแร็กนาร็อค ความเดือดดาล ความโลภ และความเกลียดชังก็ระเบิดออกมาในรูปของสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าจริยะธรรมและความดีปรากฏให้เห็น​
    สงครามระหว่างเทพกับยักษ์นํ้าแข็งครั้งนี้เกิดบนทุ่งวิกริด (Vigrid - ทุ่งแห่งสงคราม) หลังจากฤดูหนาว แสนทารุณที่ยาวเหยียดถึงสามฤดู พวกเทพนำโดย โอดิน ธอร์ รวมทั้งวิญญาณนักรบผู้กล้าที่ขึ้นไปอยู่ในวัลฮัลลา ส่วนพวกยักษ์นำโดยโลกิ ยักษ์น้ำแข็ง กับ หมาป่าเฟนรีร์ (Fenrir) และงูยักษ์จากท้องทะเลมิดการ์ดโซลุม หรือ จอร์มุนกานด์ (Jormungand) ​
    เริ่มด้วยสวรรค์ แอสการ์ดถูกทำลายลง และสะพานรุ้งไบฟอร์ส ก็ถูกยักษ์เซิร์ทจุดไฟเผา จอร์มุนกานด์ (พญางูแห่งมิดการ์ด) ดีดตัวขึ้นจากทะเลที่กำลังเดือดขึ้นไปโอบตัวเหนือทุ่งวิกริด พ่นพิษไปทั่วทุกทิศทาง หมาป่าเฟนรีร์แหกที่คุมขัง พาฝูงหมาป่าเข้าพิฆาตมนุษย์ มันไม่เพียงแต่จะทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่กลืนกินดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์สโคลจะกลืนกินดวงอาทิตย์ ฮาติที่เคยไล่งับพระจันทร์ก็จะกลืนกินดวงจันทร์ได้ จดวงดาวจะหายไปจากท้อวงฟ้า นโลกทั้งโลกตกอยู่ในความมืด เขาสัตว์จาลลาร์จะถูกเทพเฮมดัลล์เป่า ดังโหยหวนทั่วสรวงสวรรค์ ส่งเสียงเตือนเหล่าเทพ บรรดาบุตรแห่งโอดิน และเหล่านัรบสวรรค์ให้ลุกขึ้นสู้ โลกจะสั่นไหว โลกิแล่นเรือพายักษ์นํ้าแข็งข้ามทะเล ที่ปั่นป่วนไปสู่ทุ่งสังเวียน ขณะที่เฮล ลูกสาวของเขาก็พาวิญญาณขึ้นมาจากนรก มันเป็นสงครามที่แม้แต่อิกดราซิล (Yggdrasil) ต้นไม้แห่งสวรรค์ก็ยังสั่นไหว ด้วยแรงแค้นแห่งผู้อาศัยทั้งมวล โอดินผู้ล่วงรู้ชะตาลิขิต ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องแพ้สงคราม แต่ก็สู้จนเลือดหยาดสุดท้ายอย่างกล้าหาญ ในที่สุดโอดินถูกเฟนรีร์ฆ่าและกลืนกินเข้าไปในท้อง ลูกของโอดิน วีดาร์เป็นผู้ฆ่าเฟนรีร์ เทพไทร์สู้กับปิศาจจาร์ม จนทั้งสองฝ่ายต่างล้มตาย ส่วนธอร์ แม้จะสังหารจอร์มุนกานด์ได้(เขาเคยลอบฆ่าจอร์มุนการ์นด์มาหลายครั้งแล้ว) แต่พิษของมันทำให้เขาสิ้นชีพ โลกิสู้อยู่กับเฮมดัลล์ เทพแห่งแสงสว่างคู่ปรับตั้งแต่กาลก่อน และต่างคนต่างตายเพราะคมดาบของอีกฝ่าย หมู่บริวารไม่ว่าเทพ หรือยักษ์ต่างล้มตายเกลื่อนกลาด ทั่วท้องทุ่งเต็มไปด้วยซากศพ​
    ครั้นแล้ว เมื่อสงครามแผ่วลง จนเซิร์ทยักษ์แห่งไฟเห็นว่าพวกตน ไม่มีทางชนะอย่างเด็ดขาด ก็กวัดแกว่งดาบเวียนเหนือศีรษะ จุดไฟให้ลุกทั่วทั้งเก้าโลก เผาผลาญราชวังแอสการ์ดแห่งสวรรค์ มิดเดิ้ลการ์ดแผ่นดินของมนุษย์ รวมทั้งแผ่นดินนรกใต้พื้นพิภพ หวังให้ไฟนั้น "ล้าง" ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือ แผ่นดินจมหายลงไปใต้สมุทรอันเดือดพล่าน เป็นการสิ้นสุดจักรวาลของชาวนอร์ส​
    ดูเหมือนว่าท่ามกลางความโหดร้าย ทุกๆ อย่างจะสิ้นสูญ ทว่าก่อนที่สงครามจะอุบัติ มนุษย์สองคน ลิฟและลิฟดราเซอร์ (ผู้ชายกับผู้หญิงคู่หนึ่ง เหมือนกับอดัมกับอีฟยังไงไม่รู้) แอบไปกำบังตัวอยู่บนต้นไม้แห่งโลกอิกดราซิล กระทั่งโลกใหม่ (แผ่นดินใหม่) ผุดขึ้นจากนํ้า เขียวชอุ่มงดงามอีกครั้ง ทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อนเพื่อสร้างพลเมืองให้โลก รวมทั้งเทพชั้นลูกชั้นหลานอีกหลายองค์ที่เหลือรอด เช่น ลูกของโอดิน คือ วีดาร์ วาลี และ โฮนีร์ ลูกของธอร์ คือ โมดิ และ แมกนิ ผู้สืบทอดค้อน และทั้งบาลเดอร์ผู้กลับมาจากความตาย ต่างก็ช่วยกันสร้างโลกกันใหม่ คงเป็นโลกที่เราอยู่กันในปัจจุบัน (มั้ง)​
    เรื่องแรกนาร็อค เป็นสงครามที่ซาบซึ้งอยู่ในใจของพวกไวกิ้งเป็นอันมาก มันผนึกอยู่ในตำนานที่สร้างศรัทธา ในการต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทั้งนี้ เพราะชาวนอร์สเป็นพวกที่ชอบการรบ และไม่เกรงกลัวความตาย เขามีชีวิตอย่าง "ยามศึกเรารบ ยามสงบเราไปปล้น" ทำให้กลายเป็น พวกรุกรานยุโรป หลังจากโรมันเสื่อมอำนาจ และสงครามที่ไวกิ้งรบแต่ละครั้ง ก็จะตราความน่ากลัว อยู่ในความทรงจำ ของคนชนิดลืมไม่ลง จนมีการบันทึกไว้หลายที่ ทว่า ในมุมมองของชาวไวกิ้งแล้ว...​
    ...สงครามครั้งใด ก็ไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้น ในแร็กนาร็อค...​
     
  10. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    Runes -

    รูนเป็นอักษรยุคแรกๆของชนเผ่ายุโรปเหนือ(พวกไวกิ้ง) เริ่มถูกนำมาใช้เมื่อ 300 ปี หลังคริสตกาล และมีใช้อยู่นานนับพันปี อักษรรูนมีพยัญชนะเรียกว่า อักษรฟูทาร์ค(futhark) รูน เป็นภาษาแกลิค แปลว่า ความลับ และ เฮรูน แปลว่าพยากรณ์ศาสตร์ ว่ากันว่า โอดินได้แขวนตนเองอยู่บนต้นอิกดราซิบลเป็นเวลาถึง 9 วัน เพื่อที่จะเรียนรู้อักษรรูน

    อักษรรูนเป็นอักษรที่เกิดตามธรรมชาติ แต่ละตัวมีความสามารถในการสื่อพลังในแง่ต่างๆ ต่างกันออกไป เวทย์มนต์ที่ร่ายกันขึ้นจะเป็นส่วนผสมของอักษรรูนหลายๆตัว(ที่เห็นบ่อยๆก็คือสามตัว) อักษรรูนที่ใช้บ่อยที่สุดในเวทย์มนต์ต่างๆตามตำนานของชาวนอร์สมี 25 ตัวอักษร คือ...

    [​IMG]1. ALGIZ (อัลกีซ) - รูนแห่งอาณาเขตแห่งความคุ้มครอง ในอดีตเป็นสัญลักษณ์ของวิหารที่เหล่านักรบที่บาดเจ็บจากสงครามจะใช้พักรักษาตัว ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังแห่งความคุ้มครองโดยการเพ่งสมาธิถึงความเจ็บปวดหรือความทุกข์ยากลำบากที่เคยได้รับในอดีต เปรียบเสมือนการที่เคยได้พบกับความเจ็บปวดในครั้งอดีตจะทำให้เหล่านักรบแข็งแกร่งขึ้นในศึกต่อไป

    [​IMG]2. ANSUZ (อันซัส) - รูนแห่งสัญญาณและข่าวสาร มีความหมายถึงต้นแอชซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เอาไว้เป็นจุดหมายสำหรับนักเดินทางที่หลง เป็นสัญลักษณ์แห่งการชี้นำให้แก่ผู้ที่หลงทางหรืออยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังในการชี้นำทางที่ถูกต้องโดยการเพ่งสมาธิถึงอดีตที่ผ่านมาและจุดหมายที่ต้องการไปถึง

    [​IMG]3. ฺBERKANA (เบอกานา) - รูนแห่งความเจริญงอกงาม มีความหมายถึงความงอกงามของพืชพรรณและสรรพชีวิตเมื่อพ้นฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังแห่งการเติบโตและเจริญงอกงาม โดยการเพ่งสมาธิถึงการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง(เช่นเมล็ดพืช)และความอุดมสมบูรณ์ (อาจใช้รูน Inguz ร่วมได้)

    [​IMG]4. DAGAZ (ดากัซ) - รูนแห่งแสงสว่าง มีความหมายถึงช่วงเวลาที่ผู้คนออกมาทำมาหากินและช่วงเวลาอันสงบสุขประจำวัน และยังหมายถึงแสงสว่างที่ช่วยให้ผู้หลงอยู่ในความสับสน(chaos)หลุดพ้นจากความหลงผิดด้วย ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังที่จะช่วยให้ผู้คนรอบข้างสดชื่นแจ่มใสและมีพลัง โดยการเพ่งสมาธิถึงความสดชื่นในการประกอบกิจกรรมประจำวันท่ามกลางแสงอาทิตย์(โดยเฉพาะชาวสวนหรือชาวนาที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต)

    [​IMG]5. EHWAZ (เอห์วาซ) - รูนแห่งอาชาศักดิ์สิทธ์ มีความหมายถึงม้าที่ชาวไวกิ้งใช้ขี่ควบไปเพื่อเดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล และม้ายังเป็นสัตว์ที่เทพเฟรย์โปรดปรานอีกด้วย(บ้างก็ว้เป็นเทพธิดาเฟรย่าน้องของเฟรย์ แต่น่าจะเป็นเฟรย์มากกว่า) ความหมายรวมไปถึงการตอบแทนบุญคุณต่อสัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ใช้งาน ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังที่จะเพิ่มความสามารถและความความชำนาญในการใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ(เช่นการขับรถ การใช้อาวุธ การเล่นกีฬา ฯลฯ) โดยการเพ่งสมาธิถึงผู้ที่ได้ประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์หรือวิธีการต่างๆที่ทำให้เราได้ใช้งานอย่างสะดวกสบายในปัจจุบัน

    [​IMG]6. EIHWAZ (อีห์วาซ) - รูนแห่งการปกป้องตนเอง มีความหมายถึงไม้ยิว ไม้ที่ชาวไวกิ้งใช้สร้างคันธนูและศรเพื่อใช้ในการปกป้องบ้านเมือง ทรัพย์สมบัติตลอดจนชีวิตของตนเอง ไม้ยิวให้ความสามารถในการป้องกันตัวแก่พวกเขานั่นเอง ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังในการปกป้อง"สถานะ"ของตนเอง (หน้าที่การงาน ทรัพย์สิน ยศถาบรรดาศักดิ์) และทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแม้ในคราวเคราะห์

    [​IMG]7. FEHU (เฟอู) - รูนแห่งความมั่งคั่ง มีความหมายถึงการบวงสรวงและการตอบแทนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมื่อถึงคราวที่ทำมาค้าขึ้นหรือผลผลิตเจริญงอกงาม ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับความเจริญในด้านธุรกิจและการเงินโดยการเพ่งสมาธิถึงการขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าในสิ่งที่ได้รับ และการไม่ใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือยแม้ว่ามีทรัพย์สมบัติสมบูรณ์พร้อม

    [​IMG]8. GEBO (เกโบ) - รูนแห่งความสอดคล้องของธรรมชาติและการตอบสนอง มีความหมายถึงการกระทำสิ่งใดของเราที่จะทำลงไปย่อมได้รับผลตอบสนองจากสิ่งนั้น(ง่ายๆคือกฎแห่งกรรมนั่นเอง) ถือเป็นกฎแห่งธรรมชาติ ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับความราบรื่นและความเกื้อหนุนจากธรรมชาติในการที่จะกระทำการใดๆ(ประมาณว่าธรรมชาติ ลมฟ้าอากาศเป็นใจ โชคเคราะห์อำนวย) โดยการเพ่งสมาธิถึงสิ่งที่เราอยากจะทำให้กับผู้อื่นเสมือนหนึ่งสิ่งที่เราจะต้องการจะรับมัน

    [​IMG]9. ็HAGALAZ(ฮากาลาซ) - รูนแห่งภัยพินาศ มีความหมายถึงพลังแห่งธรรมชาติในแง่ลบไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็น อุทกภัย ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุหิมะหรืออุบัติเหตต่างๆ และหมายความถึงสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกด้วย ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้รอบๆตัว โดยการเพ่งสมาธิถึงความยากลำบากความเร้นเค้นที่เกิดขึ้นหลังจากมีภัยพิบัติต่างๆ

    [​IMG]10. INGUZ (อินกัซ) - รูนแห่งความอุดมสมบูรณ์ การเจริญพันธ์และการกำเนิด เป็นรูนที่ความหมายอันเกี่ยวข้องถึงเทพเฟรย์ มีความหมายถึงการกำเนิดทายาทของมนุษย์ การงอกงามของพืชพันธ์และปศุสัตว์ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในผู้ที่ต้องการจะมีบุตรซึ่งจะต้องอธิฐานถึงความมุ่งหวังที่จะตั้งครรภ์ แต่ก็ใช้กับผลผลิตอื่นๆได้ นอกจากนี้รูนตัวนี้ยังเป็นรูนที่ทรงพลังในเชิงสร้างสรรค์ทั้งมวลด้วย ซึ่งสามารถใช้ควบคู่กับการอธิษฐานที่ต่างกันออกไป

    [​IMG]11. ISA (ไอซา) - รูนแห่งน้ำแข็งและความหนาวเย็น มีความหมายถึงภยันตรายและความโหดร้ายจากความหนาวเย็นในดินแดนแถบสแกนดิเนเวีย รูนตัวนี้ได้รับการกล่าวว่าเป็นรูนที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่งในหมู่ผู้ร่ายคาถาอักษรรูน ผู้ร่ายที่เข้าใจในพลังของรูนนี้จะเสมือนมีพลังมหาศาลไว้ในครอบครอง ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้พลังในการควบคุมความหนาวเย็น โดยการเพ่งสมาธิถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเมื่อสิ่งต่างๆถูกกระทบกับความความเย็นอย่างที่สุด

    [​IMG]12. ๋JERA (เจรา) - รูนแห่งวงล้อแห่งฤดูกาล มีความหมายถึงช่วงเวลาที่ผันผ่านก่อนที่ชาวไร่จะได้เก็บเกี่ยวผลิตผลอันอุดม ผู้อธิษฐานต่อรูนนี้จะประสบผลสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆที่ต้องเฝ้ารอคอย โดยตั้งมั่นในความอดทนและมองการไกลที่จะรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดอันจะเกิดขึ้นเบื้องหน้า

    [​IMG]13. KANO (คาโน) - รูปแห่งการเปิด(หนทาง) ในที่นี้หมายถึงการเปิดเข้าสู่โอกาสใหม่ๆ เปรียบว่า เมื่อเราอยู่ท่ามกลางความมืดมิด แสงสว่างที่เปิดฉายเข้ามาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะนำทางให้เรา เสมือนกับโอกาสที่เข้ามาในชีวิตที่ไร้จุดหมาย ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังที่จะใช้ในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้ โดยเพ่งสมาธิถึงว่าในความมืดมิดย่อมมีทางออกอยู่เสมอ

    [​IMG]14. LAGUZ (ลากัซ) - รูนแห่งสายน้ำ มีความหมายถึงพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ใดก็ตาม นั่นก็คือ "กระแส" กระแสของน้ำที่ไหลวนอยู่ในร่างกายมนุษย์เป็นพลังสำคัญที่มักจะเป็นที่ใช้ของรูนตัวนี้ ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังในการเสริมการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายและทำให้มีสุขภาพดีและเพิ่มความแข็งแรงตลอดจนสามารถกำจัดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเพ่งจิตถึงการไหลที่เป็นระเบียบของน้ำในร่างกายและการใช้น้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด

    [​IMG]15. MANNAZ (มันนัซ) - รูนแห่งมนุษยชาติ เป็นรูนที่มีความหมายถึงความเป็นหนึ่งอันเดียวกันของมวลมนุษย์ ในการที่มนุษย์ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตอยู่ของกันและกัน ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องมีกิจวัตรประจำวันที่ดำเนินไปเหมือนๆกัน ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับพลังในการมองเห็นความสามารถและหน้าที่ของตนเองที่จะสามารถกระทำการใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และทำให้สามารถรวมพลังกันให้เกิดการพัฒนาต่อส่วนรวมอย่างสูงสุด

    [​IMG]16. NAUTHIZ (นอธิซ) - รูนแห่งความสิ้นหวัง มีความหมายถึงช่วงเวลาที่คนเราไม่สามารถที่จะได้มาในสิ่งที่ต้องการ และไม่ประสบความสำเร็จตามที่ได้มุ่งหวังไว้ ทำให้เกิดความเศร้า หมองหม่น สิ้นหวังในชีวิต ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้อาจจะสามารถควบคุมตนเองให้รู้สึกถึงความสิ้นหวังได้น้อยที่สุด หรืออาจจะหลีกเลี่ยงการที่จะต้องเผชิญกับความสิ้นหวังเหล่านี้ได้ โดยการเพ่งสมาธิถึงสิ่งเลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นและคิดถึงในสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตจริงๆให้น้อยอย่างที่สุด

    [​IMG]17. OTHILA (ออธิลา) - รูนแห่งการสืบทอด มีความถึงการสืบทอดความรุ่งเรืองมั่งคั่งและความรับผิดชอบให้กับคนรุ่นต่อๆไป รวมถึงความหมายในแง่ของการถอยออกมาพักผ่อนของผู้ที่อ่อนล้า รูนนี้จะมอบพลังในการวิเคราะห์สถานการณ์และฟื้นฟูพลังให้กับผู้ที่ได้ผ่านการตรากตรำทำงานหนัก ซึ่งเมื่อมอบงานให้กับคนรุ่นต่อๆไปแล้วถอยออกมามองดูห่างๆก็จะสามารถเห็นรูปการได้โดยทั่วถึง และทำให้มีความคิดที่กว้างไกลใหม่ๆเกิดขึ้น

    [​IMG]18. PERTH (เพิร์ธ) - รูนแห่งปาฏิหาริย์ มีความหมายถึงสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ หรือปรากฏการณ์ต่างๆที่เหลือเชื่อและไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ในตัวอย่าง เช่น นักรบไวกิ้งผู้อธิษฐานต่อรูนนี้ได้รอดตายจากสงครามได้อย่างปาฏิหาริย์ ทั้งๆที่ผู้คนรอบข้างล้มตายไปหมด รูนนี้เป็นที่ถือว่าใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุดตัวหนึ่ง ผู้ที่อธิษฐานต่อรูนนี้จะได้รับสิ่งที่ไม่คาดฝัน โดยการเพ่งสมาธิถึงความต้องการและความคาดหวังของตนเองร่วมไปกับการแสดงความเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์

    [​IMG]19. RAIDO (เรโด) - รูนแห่งการเดินทาง มีความหมายถึงช่วงเวลาที่ยาวนานที่ผู้คนต้องรอนแรมไปในที่ห่างไกลต่างๆ ทั้งนี้ รูนตัวนี้มีความหมายได้ทั้งสองแง่คือ การเดินทางจริงๆของบุคคล(physical) และการเดินทางของวิญญาณ(spiritual) ในการเดินทางทั้งหลายย่อมจะมีทั้งอุปสรรคและสิ่งเกื้อหนุน ผู้ที่อธิฐานต่อรูนนี้ให้ถูกโอกาส จะได้รับความสะดวก ความปลอดภัยและสิ่งเกื้อหนุนในการเดินทาง โดยเพ่งสมาธิถึงสิ่งที่จะได้รับ ประสบการณ์ใหม่ๆที่จะได้จากการเดินทางและคิดถึงการเดินทางที่ดีที่เคยได้ผ่านมา

    [​IMG]20. SOWOLU (โซโวลู) - รูนแห่งแสงสุริยะและพลังชีวิต มีความหมายถึงแสงอาทิตย์ที่ถือกันว่าเป็นสิ่งที่มอบพลังชีวิตให้แก่สรรพชีวิต ขับไล่ความมืดมิดและความหนาวเย็น และมอบชีวิตกลับคืนสู่ผืนโลก มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนแต่ต้องขึ้นกับแสงอาทิตย์ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ครอบครองพลังชีวิตทั้งมวลและเป็นพระเจ้าที่แท้จริง ผู้ที่ตั้งอธิฐานถึงพลังชีวิตจากแสงอาทิตย์นี้จะได้รับความแจ่มใสและพลังชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม

    [​IMG]21. TEIWAZ (เทวาซ) - รูนแห่งวิญญาณแห่งนักรบ รูนตัวนี้เป็นรูนประจำตัวของเทพไทร์(Tyr)(เทพเจ้าแห่งสงคราม) รูนตัวนี้จะพบได้บ่อยบนเกราะและโล่ของนักรบไวกิ้ง ซึ่งจะมอบพลังแห่งการคุ้มครองเหล่านักรบและเสริมพลังเพื่อให้ได้รับชัยชนะในการศึก นอกจากนี้รูนตัวนี้ยังเป็นรูนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในการใช้เพื่อเสริมพลังให้แก่ผู้ร่าย ทำให้สามารถเอาชนะศัตรูและอุปสรรคต่างๆได้โดยง่าย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลรุนแรงเมื่อต้องต่อสู้อีกด้วย

    [​IMG]22. THURISAZ (ธูริซาซ) - รูนแห่งความมืด เป็นรูนที่มีความคลุมเครือในการตีความหมายอยู่ บ้างว่าหมายความถึงพลังในด้านลบในตัวเรา บ้างก็ว่ามันเป็นสัญลักษณ์ชองภูตผีปิศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เช่นเดม่อน ยักษ์ และโทรล อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วก็คือมันมีความหมายในด้านลบอย่างที่กล่าวไปแล้ว.. ด้านมืดเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องควบคุมไม่ให้ถูกมันควบคุมและไม่ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความมืดเหล่านั้น การอธิษฐานต่อรูนนี้ทำเพื่อควบคุมด้านมืดเหล่านี้ไม่ให้มีอำนาจขึ้นได้ แต่ทำได้ยากและต้องใช้ความระมัดระวังสูง โดยการเพ่งสมาธิถึงตัวตนที่แท้จริงของด้านมืดในตัวเรา และเชื่อมั่นว่าเราสามารถจะควบคุมความมืดเหล่านั้นได้ (หากทำผิดพลาดจะเกิดผลตรงข้าม)

    23. THE UNKNOWABLE - รูนแห่งความว่างเปล่า บางตำราก็ไม่ถือว่ารูนนี้มีตัวตนหรือไม่นับว่าเป็นหนึ่งในอักขระรูน(มันจึงไม่มีรูป...) มีความหมายถึงสิ่งไม่อาจล่วงรู้ได้ และความไม่รู้ทั้งหลาย บ้างก็เรียกว่าเป็น "หลุมดำแห่งความความรู้" (blackhole of knowledge) ที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหายไป ดังเช่นเหมือนเลข 0 ที่เหมือนนำไปหารด้วยสิ่งใดก็จะกลายเป็น 0 และเป็นตัวแทนของความกลัวใน "ความว่างเปล่า" ของมนุษย์ ที่เป็นสิ่งที่เรากำเนิดขึ้นมาจากมันและจะต้องกลับไปสู่มันในวันหนึ่ง การอธิษฐานต่อรูนนี้ใช้เพื่อหาคำตอบในตัวตนที่แท้จริงของเราและเอาชนะความกลัวในส่วนลึกของจิตใจ

    [​IMG]24. ๊URUZ (เออรัซ) - รูนแห่งพละกำลังและความคึกคะนอง มีความหมายถึงพละกำลังและความคะนองเยี่ยงสัตว์ป่าที่เหล่านักรบต้องการครอบครอง ความไม่กลัวความตายและรับรู้ว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาและอาจจะมาถึงเมื่อใดก็ได้ ผู้ที่ยึดมั่นต่อรูนนี้จะเข้าใจในการความมีชีวิตอยู่ว่า "ใช้ชีวิตให้เต็มที่" และจะได้รับพลังในการมีชีวิตอยู่ คนเหล่านี้จะไม่กลัวในความตายที่จะมาถึงและจะไม่เสียใจหากต้องสิ้นชีวิต

    [​IMG]25. WUNJO (วันโจ) - รูนแห่งความรุ่งโรจน์และความสุข มีความหมายถึงแทบทุกแง่ของความสุขและความรู้สึกในด้านบวกของมนุษย์ แต่เนื้อแท้ของรูนตัวนี้คือ "การไร้ซึ่งความอยากและไร้ซึ่งความทุกข์"

    อักษรรูนที่เป็นตัวโดดๆส่วนใหญ่จะใช้ในการอธิษฐาน แต่ถ้าหากจะพูดถึงว่าเป็นบทคาถาแล้วล่ะก็ส่วนใหญ่จะใช้อักษรรูนหลายๆตัวมาผสมกันเพื่อร่าย โดยปกติที่เห็นบ่อยก็คือใช้สามตัว และในบทคาถาเหล่านั้นก็จะพบอักษรรูนทั้ง 25 ตัว
    ที่กล่าวมาข้างต้นผสมผสานกัน...


     
  11. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=117 border=0><TBODY><TR><TD class=headline align=middle width=117 bgColor=#99cc66>
    ไวกิ้ง
    </TD></TR><TR><TD width=117 bgColor=#000000 height=2></TD></TR></TBODY></TABLE>Viking แปลว่าโจรสลัด เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อชนเผ่าหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือในทะเล และปล้นสะดมหัวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ใน ยุโรป ทางเหนือ คนทั่วไปคิดว่าไวกิ้งชอบสวมหมวกที่มีเขา มีเครายาวและดุร้าย ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่าในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 ประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้ถูกชนเผ่าไวกิ้งโจมตีอยู่เนืองๆ และในตอนปลายของศตวรรษนั่นเองไวกิ้งก็ได้ถูกกองทัพที่เข้มแข็งของ จักรพรรดิ Charlemagne ต่อต้านจนไวกิ้งต้องถอยทัพกลับไป แต่เมื่อจักรพรรดิ์ขององค์จักรพรรดิ์เริ่มล่มสลาย ไวกิ้งก็รวบรวม กองทัพเข้าบุกโจมตีอีก และยึดเมือง Tours, Orleans และ Rouen ของฝรั่งเศสได้ รวมทั้งได้เข้าล้อมกรุงปารีสด้วย แต่เมื่อกษัตริย์ Charles ของฝรั่งเศสได้ทรงมอบเงินและทองคำ ที่หนัก 6 ตันให้แก่ไวกิ้ง ไวกิ้งจึงได้ถอยทัพกลับไป แต่ก็ได้หวนกลับมารุกราน ฝรั่งเศสอีกหลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุดฝรั่งเศสต้องยก Normandy ให้ไวกิ้งไป



    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=590 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=284>[​IMG] </TD><TD vAlign=top width=334>ในปี พ.ศ. 1377 ไวกิ้งได้ยกกองทัพบุกอังกฤษ และ ยึดครองเมืองต่างๆ ได้หลายเมือง กษัตริย์ไวกิ้งที่มีนามว่า Harold Bluetooth ได้เข้า ปกครองอังกฤษ และได้แผ่ขยาย อาณาจักรจนกระทั่งถึงเกาะ Iceland ในปี พ.ศ. 1417 Eric the Red (เพราะมีผมและเคราแดง) เมื่อถูกเนรเทศจาก Iceland ได้อพยพพาครอบครัวและเรือ 25 ลำ ออกเดินทางไปทาง ทิศตะวันตกพบเกาะ Greenland ทั้งๆ ที่เกาะทั้งเกาะมีหิมะและ น้ำแข็งปกคลุมเต็มไปหมด แต่เขาต้องการให้ชื่อเกาะแห่งความเขียว ชอุ่มนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักผจญภัยอื่นๆ เขาจึงตั้งชื่อเกาะ ที่พบว่า Greenland และในปี พ.ศ. 1528 Leif Ericson ผู้เป็นบุตรของ Eric the Red ก็ได้รายงานการพบแผ่นดิน ที่นักประวัติศาสตร์ทุกวันนี้เชื่อว่าเป็น Labrador, Newfoundland และ New England เพราะ Leif ได้บรรยายว่าบนดินแดนใหม่นี้มีป่าไม้ ทุ่งข้าวสาลีและไร่องุ่น แต่ไวกิ้ง ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนใหม่นี้ได้ไม่นานก็ถูกพวก อินเดียนแดงรุกราน จนต้องอพยพกลับ Greenland ไป ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดก่อนที่ Columbus จะพบอเมริกาประมาณ 500 ปี

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=396 border=0><TBODY><TR><TD>ภาพจาก: http://www.sciam.com/1998/0298issue/0298hale.html</TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนทางตะวันออกนั้น ไวกิ้งก็ได้บุกรุกรัสเซีย การเข้ายึดครองดินแดนต่างๆ ได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ไวกิ้งมีครอบครัว และมีผู้สืบสกุล และเผ่าพันธุ์ในประเทศเหล่านั้น นอกจากนี้ไวกิ้งยังได้ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมและวรรณกรรมต่างๆ ที่เราสามารถเห็นได้ในอังกฤษ เยอรมนี และสแกนดิเนเวียตราบเท่าทุกวันนี้

    ปีนี้เป็นปีที่ 1,000 ที่ Leif Ericson เดินทางถึง Newfoundland จึงเป็นปีมิลเลนเนียมที่คนยุโรปพบคนอเมริกาเหนือเป็น ครั้งแรก และเนื่องในโอกาสที่สำคัญนี้ สถาบัน Smithsonian ในสหรัฐอเมริกาจึงได้จัดนิทรรศการ ตำนานและวรรณกรรมต่างๆ ของไวกิ้ง ที่แสดงประวัติการทำนา การค้าขายและการทูต รวมทั้งการปล้นสะดมของไวกิ้งด้วย เพราะคนไวกิ้งถือว่า ถ้าขโมยได้แล้ว เหตุไฉนต้องไปเสียเวลาซื้อ แต่ทรัพย์สมบัติที่ขโมยจากคนร่ำรวยนี้ ไวกิ้งได้นำไปแบ่งปันสู่คนจนที่ยากไร้ (ตรงตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่ Keynes คิดได้ในอีก 1,000 ปีต่อมา) ทำให้หมู่บ้านเล็กบ้านน้อยได้รับการพัฒนา ซึ่งมีผลทำให้ชีวิตที่สงบเงียบในหมู่บ้านคึกคักและ มีชีวิตชีวาด้วยการทำมาค้าขาย ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์หลายคนจึงมีความเห็นว่า ไวกิ้งมีความเชี่ยวชาญในเวทีการเมืองนานาชาติ คือรู้จักใช้พละกำลังและความสามารถในการจูงใจคนต่างชาติที่ถูกพิชิตได้เป็นอย่างดี

    ถึงแม้ในความนึกคิดของคนทั่วไป ไวกิ้งจะเป็นคนป่าเถื่อนที่ดุร้าย แต่คนเหล่านี้ก็มีด้านหนึ่งของบุคลิกภาพที่สงบเงียบ และอ่อนไหวง่ายและมีความสามารถด้านศิลปะการทำเครื่องปั้นดินเผา หล่อโลหะ ทอผ้า และเล่นหมากรุก โบสถ์ของไวกิ้งสวยงาม ไม่แพ้วิหาร Pathenon ของกรีซ ชาวไวกิ้งนอกจากจะมีความเชื่อในเทพเจ้า โดยมีเทพเจ้าผู้ทรงอำนาจสูงสุดสามพระองค์คือ Odin, Frey และ Thor แล้วยังเชื่อในยักษ์มารที่ต่อสู่เทพเจ้าและคนแคระที่ช่วยเทพเจ้าในยามสงครามด้วย ไวกิ้งเชื่อว่ามีเทพ Valkyries ผู้มีหน้าที่นำดวงวิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญที่ล้มตายในสงครามเดินทางสู่ปราสาท Valhalla และเชื่อในนางไม้ผู้มีหน้าที่ควบคุม การตั้งครรภ์ของสตรี การที่ไวกิ้งมีเทพเจ้าหลายองค์นี่เองจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่ในยุคหลังๆ ไวกิ้งได้ยอมรับในพระเยซู ผู้เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าด้วย

    การศึกษาประเพณีการฝังศพของชาวไวกิ้งได้ทำให้เรารู้ว่า คนเหล่านี้มีความเชื่อในเรื่องปรภพ เพราะได้มีการพบเรือบรรทุกศพที่มี ความยาว 24 เมตร ซึ่งภายในมีศพของสตรีที่สูงศักดิ์คนหนึ่งอยู่ภายใน และมีศพของม้าที่ถูกฆ่าตายและศพของคนใช้ (ซึ่งถูกฆ่าตาย หรือฆ่าตัวตายตามนายก็ไม่มีใครรู้) ฝังอยู่ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสตรีคนนั้น จะนำผู้ติดตามเหล่านี้ไปดำรงชีวิตในภพหน้า ในหลุมศพหลายหลุมจะมีการฝังโล่และเกราะของผู้ตายด้วยเพื่อให้ผู้ตายได้ใช้ในภพหน้าเช่นกัน แต่ในบางกรณีไวกิ้งก็จะเผาศพ เมื่อต้องการจะให้วิญญาณผู้ตายไปสวรรค์เร็วๆ แทนที่จะฝังให้หนอนแทะกินซากศพของคนที่ตนรักและบูชา

    ไวกิ้งชอบทำเกษตรกรรมในขณะที่ผู้ชายไวกิ้งออกท่องทะเล สตรีและเด็กที่อยู่เบื้องหลังจะทำนาปลูกข้าว กระหล่ำปลี ถั่ว เลี้ยงวัว แกะ แพะ และหมู ชาวไวกิ้งมีความชำนาญในการเดินเรือมาก เพราะรู้จักอ่านทิศทางลมทำให้สามารถเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ได้โดยไม่ต้องใช้เข็มทิศ แต่ใช้วิธีดูความสูงของดวงอาทิตย์ และตำแหน่งของดาวบนฟ้าตลอดการเดินทาง และใช้นกกาเหว่า ในการค้นหาแผ่นดินใหม่ โดยปล่อยนกให้บินจากเรือไปทุก 2-3 วัน ซึ่งนกก็จะบินไปย้อนทิศที่เรือเดินทางเพื่อกลับไปสู่แผ่นดินเดิม แต่เมื่อเห็นนกกาเหว่าบินไปทางทิศอื่น ชาวเรือไวกิ้งก็รู้ทันทีว่านกได้เห็นแผ่นดินใหม่แล้ว นอกจากนี้ชาวเรือไวกิ้งก็ยังศึกษาพฤติกรรม ของปลาวาฬ นก puffin และนกทะเลอื่นๆ ขณะเดินทาง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้ช่วยให้ไวกิ้งเดินทางถึง America Iceland และ Greenland ได้ในที่สุด

    ในปี พ.ศ. 2503 H. Instand ได้พบหมู่บ้านร้างของไวกิ้งที่ทุ่ง L' Anseaux ใน Newfoundland และได้เห็นว่าในอาคารทั้ง 8 หลังนั้น มีกำแพงดินหนามีหลังคาที่สามารถบรรจุคนได้ตั้งแต่ 70-90 คน การวิเคราะห์หินควอตซ์ที่คนในหมู่บ้านใช้ในการจุดไฟ แสดงให้เห็นว่า หินเหล่านั้นมาจาก Greenland และ Iceland และนั่นก็หมายความว่า ไวกิ้งพบอเมริกาก่อน Columbus ถึง 500 ปี การศึกษารายละเอียดของอาคารแสดงให้เห็นว่า มันเคยถูกใช้เป็นโรงฝึกงานทอผ้า หลอมเหล็ก และแกะสลักไม้

    ในงานนิทรรศการ Vikings : The North Atlantic Saga ที่จัดแสดงที่ Smithsonian Institute ขณะนี้ P. Sutherland ซึ่งเป็นนักโบราณคดีชาวแคนาดาได้รายงานว่า ชนเผ่าไวกิ้งได้มาเยือนเกาะ Baffin ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแคนาดาอย่างน้อยก็ 200 ปี Columbus จะเดินทางถึงอเมริกา เพราะเธอได้พบผ้าที่ทอด้วยมือ ไม้ที่แกะสลักเป็นหน้าคนยุโรปในหมู่บ้าน Dorset บนเกาะ Baffin นั้น เชื่อว่าด้ายที่ใช้ในการทอผ้าที่พบเป็นด้ายประเภทเดียวกับด้ายที่ไวกิ้งบนเกาะ Greenland ใช้ในการทอผ้า และเพื่อเป็น การยืนยันความเห็น ของเธอว่าถูกต้อง เธอได้ส่งเส้นด้ายความยาว 3 เมตรสองเส้นให้ P.W. Rogers แห่ง Textile Research in Archaeology ที่เมือง York ในประเทศอังกฤษดู ซึ่ง Roger ก็ได้ทดสอบด้ายและพบว่าด้ายดังกล่าวทำจากขนกระต่ายที่อาศัย อยู่ในเขตอาร์กติก และมีคุณสมบัติคล้ายด้าย ที่เหล่าไวกิ้งใช้ในการทอผ้าบนเกาะ Greenland มาก

    ถ้าการพบของ Sutheland ที่ว่าไวกิ้งได้เคยมาเยือนเกาะ Baffin ก่อนที่ Columbus จะพบอเมริกา 200 ปี เป็นเรื่องจริง นั่นก็แสดงว่า ชาวไวกิ้งได้รู้จักเดินทางข้ามมหาสมุทรมาติดต่อกับชาวพื้นเมืองบนทวีปอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1500 และหลังจากนั้น ไวกิ้งก็เริ่มทำมา ค้าขายงาของตัว walrus ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายแมวน้ำ แต่มีงาใหญ่หนึ่งคู่ และมีเครายาว ซึ่งงาประเภทนี้เป็นที่ต้องการมาก ในยุโรป การเดินทางขึ้นเหนือทำให้ไวกิ้งพบคนเมืองที่ชอบล่า walrus ใน Dorset บนเกาะ Baffin ในที่สุด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    วันหลัง เรามาต่อกัน พอแค่นี้ก่อน ไปล่ะ .......ฟิ้วววววววววววววววววววววววว...................
     
  13. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,790
    ค่าพลัง:
    +7,482
    สนุกดีครับ .....
     
  14. polary

    polary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +130
    Runes - มีเวบดูดวง โดยใช้ Runes คะ
     
  15. มารวิกะ

    มารวิกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +526
    อยู่ที่ sv Frigg ครับแถวๆgeffen ใครเจอก้อทักได้น้า..(เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
     
  16. Bizkitz

    Bizkitz สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอเซพรูปเก็บไว้นะครับ สวยดี
     
  17. Angerlo

    Angerlo พุทธ ธรรม สงฆ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    โอ๊ว.....ภาพสวยมาก....ดูแล้วได้อารมณ์คล้อยตามบรรยากาศภาพ
     
  18. Witch D

    Witch D สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอความกรุณาด้วยครับ

    คือตอนนี้ผมกำลังทำรายงานเรื่องตำนานชาวนอร์สอยู่ และต้องใช้เรื่องในกระทู้นี้ไปประกอบอ้างอิงในรายงาน และจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้ชื่อ-สกุลจริงของผู้แต่งไปประกอบด้วย ซึ่งถ้าไม่สะดวกจะตอบในนี้ก็ส่งมาทางอีเมล์ที่อยู่ข้างล่างได้ ขอบคุณล่วงหน้ามาก ๆ ครับที่ให้ความช่วยเหลือ

    email : mithrandir-777@hotmail.com
     
  19. Witch D

    Witch D สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับที่ช่วยส่งอีเมล์ไปบอก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. blacklily

    blacklily สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้กำลังอ่านเพื่อเอาไปทำข้อสอบค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...