ทำอย่างไรให้คนแก่เริ่มหลงลืมมาทำสมาธิ ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sathuja, 23 ธันวาคม 2011.

  1. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    ยายผมปกติจะเข้าวัดทำบุญ ฟังเทศน์ ถือศีลอยู่โบสถ์จนเย็นทุกวันพระเลย
    นานๆมีโอกาสก็ได้ไปปฏิบัติธรรม อยู่บ้านก็อ่านหนังสือสวดมนต์แทบทั้งวัน
    แต่อยู่ดีๆเกิดอาการหลงลืม คาดว่าเป็นโรคตามประสาคนแก่ ชอบลืมง่ายๆ
    อย่างกินข้าวแล้วยังจำไม่ได้ว่ากินหรือยัง วันพระทีนี้ไม่ค่อยอยากไปวัด
    ไม่รู้เป็นอะไรแกเบื่อวัด เบื่อทำบุญ ทั้งๆที่แกรัก จะทำมาเป็นสิบๆปี
    พอจะมีวิธีแก้ไหมครับ เชื่อว่าอาการลืมนี่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อยากให้แก
    เข้าวัด เข้าหากุศลให้มากที่สุดในช่วงบั้นปลายอะครับ
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    แนะนำว่า ลองเปลี่ยนวัดดูบ้างนะครับ การเปลี่ยนสถานที่ โดยที่คุณพาท่านไปเพราะบางครั้งวัดที่ไปท่านอาจจะไม่ศรัทธาแล้วก็ได้ครับ วัดอื่นก็อาจจะไปไกลสำหรับท่านนะครับ ควรที่จะพาไปวัดที่มีผู้คนเยอะๆก่อนครับ เพื่อให้ท่านรู้สึกว่ามีคนที่คิดและปฏิบัติเหมือนท่านนั้นครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  3. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    เหมือนแกหลงลืม ลืมไปว่าชอบทำบุญ สวดมนต์ก็ไม่เอาแล้วเดี๋ยวนี้

    อยากให้แกทำสมาธิบ้าง เผื่อว่าจะดีขึ้นอะครับ จะกล่อมยังไงดี
     
  4. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    คุณต้องหาเสียงธรรมะในสายที่ท่านศรัทธาแล้วมาเปิดให้ท่านฟังบ่อยๆครับ หรืออ่านเรื่องราวในบทที่ท่านชอบครับ การที่คนเราถูกกระตุ้นในสิ่งที่ชอบนั้นจะรู้สึกอยากทำในกิจธุระเดิมที่เคยทำครับ คุณลองค้นหาดูครับ เพราะว่าจิตใจจะจดจำในสิ่งที่ตนเองชอบเอาไว้เป็นอย่างดีครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เราไม่ได้ ให้ทำสมาธิ เพื่อแก้อาการ หลงลืมนะ

    เราทำสมาธิ เพื่อให้ ยอมรับกับ สัญญาขันธ์มันไม่เที่ยง
    อย่าเห็นผิดว่าสัญญาขันธ์เที่ยง

    ซึ่งเป็นเรื่องของ ทิฏฐิ หรือ คอนเสป ในการเห็น ไม่ได้
    เกี่ยวอะไรกับการไปแก้ให้ สัญญามันเที่ยง

    แต่ สัญญาขันธ์ไม่เที่ยงอย่างไร ก็ยอมรับได้ ไม่ดิ้นรน
    ร้อนรน กระวนกระวาย แต่ก็ไม่ใช่ เผิกเฉย หรือ อ้างเอา
    เพื่อประโยชน์ว่า "ลืมกันได้"

    ต้องเข้าใจ สมาธิ ให้ถูกก่อน ว่าไม่ใช่เรื่อง แก้การหลงลืม

    * * * *

    สรุปคือ ท่านจะลืม นี่เรื่องปรกติ แต่ ท่านลืมแล้ว ท่านแสดงอาการกังวล
    กับการลืมหรือเปล่า หรือ ท่านอาศัยการลืมเพื่อประโยชน์ในการเลี่ยงอะไร
    หรือเปล่า ก็คอยสอดส่องตัวนี้ อย่าให้ท่าน ยึดจับ อาการหลงลืมนั้นว่า
    เป็นตน เป็นของๆตน เป็นสมบัติของตน

    หากท่าน ไม่ได้ยึดจับอาการหลงลืม ไปทางด้าน ยินดี หรือ ยินร้าย ก็ไม่มีปัญหา
    อะไร ท่านจะลืมก็ปล่อยท่านไป เราก็คอยเติมเต็มในส่วนที่ท่านลือ ก็หมดเรื่อง

    * * * * * *

    คราวนี้ มาเรื่อง สมาธิ เราก็ต้องเข้าใจให้ได้ว่า เหตุใกล้จองสมาธิ คืออะไร

    ก็ไม่ยาก เหตุใกล้ของสมาธิคือความสุข ดังนั้น เราหาอะไรที่เป็น "กุศล" นำมา
    ให้ท่านสมาทาน ปฏิบัติ หรือ หมั่นระลึกถึง เพื่อให้เกิดความสุข แล้วก็หมั่นให้ท่าน
    ทำสิ่งนั้นบ่อยๆ จิตใจของท่านก็จะเกิดปิติ เกิดสุข อันมี "กุศล" (ไม่ละเมิดศีล) จิต
    ท่านก็จะมี สมาธิ

    แต่เวลาจิตท่านมีสมาธิ มีความสุข อย่าให้ท่าน จับยึดความสุขนั้น ให้ท่านระลึก
    ซ้ำเข้าไปอีกทีว่า ความสุขที่ได้จากการสมาทานกิจกุศลเนืองๆนั้น มันเป็นของชั่วคราว
    ดังนั้น ความสุขนี้ก็มีธรรมชาติเป็นทุกข์ ให้ท่านพิจารณาตรงนี้ด้วย

    สมมตินะสมมติ สมมติว่า เราสามารให้ท่าน ระลึกในลมหายใจ เพราะ ลมหายใจ
    นั้นเป็นกายคตาสติ เป็น สิ่งกุศล( อกุศลแทรกไม่ได้เลย ) แล้วท่านระลึกรู้ลมหายใจ
    แล้วมีความสุข ขณะที่ความสุขเกิดขึ้นก็ระลึกอีกว่าเป็นของชั่วคราว ให้ท่านทำ
    อย่างนี้บ่อยๆ ท่านะจมีสติระลึกในสิ่งกุศล และ ตามเห็นการสลัดคืน(ความสุขที่ชั่วคราว)
    นั้นอยู่เป็นประจำ พระพุทธตรัสว่า ผู้นี้สามารถหลังนิพพานได้ในชาตินี้ ถ้าชาตินี้
    ไม่ได้แต่ได้ภพปรกติสุข เพราะสมาทานสิกขาได้ ก็จะนิพพานในชาติถัดไปนั้น

    ลองพิจารณาดูเนาะ แต่อย่าง เร่งเร้า บีบคั้น ท่านหละ ต้องค่อยๆ นำ ค่อยหาอุบาย
    นำทุกข์อื่นๆออก แล้วให้จิตท่านระลึกย้อนกลับเข้ามา บีบวงเข้ามา ก็จะชี้ให้ ระลึกลม
    หายใจได้ เพราะ จิตท่านพร้อมแล้วที่จะอยู่กับเนื้อกับตัว
     
  6. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    มีอีกอัน อีกเคสหนึ่ง ปรกติแล้ว หากเป็นคนที่แวะไปเวียนมากับวัด

    อย่างน้อย ท่านจะต้องเคยฝึก ระงับสังขาร ระงับการทุกร้อน ด้วย การระลึก
    ลมหายใจ จะผ่อนสั้น ผ่อนยาว ผ่อนแล้วนับหนึ่งถึงร้อย อะไรก็ช่าง ขอ
    ให้มีการะบวนการ "ระลึกกลับมาทีลมหายใจ และ ระงับสังขาร" ได้

    ก็ให้ท่าน เล่า เรื่องเหล่านี้บ่อยๆ

    เช่น เรารู้ว่าท่าน เคยทะเลาะกับคนนั้น แล้ว เราเห็นท่าน ระงับอารมณ์ได้
    เราก็แกล้งถามไปตรง จุดที่ คุณยายทำอย่างไรถึงระงับอารมณ์ได้

    อ้อ เลี่ยงพูดเรื่องรายละเอียด หรือ เหตุ ที่โกรธ นะ อย่าใช้คำตรงๆ

    เช่น เอวันนั้น หนูเห็นยายสามารถระงับโกรธได้ ยายทำอย่างไร ถามสั้นๆ
    แค่นี้ก็ได้ แล้วให้ท่านระลึก วิจัย บรรยายออกมา

    นี่คืออะไร

    คือ เรานำท่านให้ทำ ธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ หรือ ให้ระลึก โพชฌงค์ปริต นี่แหละ

    ให้ท่านเล่าบ่อยๆ สรรเสริญกริยาจิตอันเป็น กุศล นั้นบ่อยๆ อันนี้ ก็แจ่ม อายุยืน
    แถมยังสมาทานสิกขา ได้แบบว่า บางที่ เราไม่ต้องนำท่านอีก ท่านจะสมารถ
    พึ่งตัวเองได้ โดยไม่ง้อ เราเลย
     
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    จะให้ท่านเข้าหากุศลก็ต้องให้ใจของท่านน้อมไปในกุศล จะไปบอกไม่ได้หรอก
    ครับ ถึงบังคับท่านไปวัดแต่ใจท่านอาจจะไปอยู่ที่อื่น คือไปแต่ตัว คนเราจะให้
    เขารักที่จะทำอะไรจะต้องมีความเชื่อว่าทำสิ่งนั้นแล้วดี เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยกตัว
    อย่างง่ายๆ ถ้าคุณบอกให้ใครซักไปขุดดินคงไม่มีใครไปใช่ไหม แต่ถ้าคุณทำ
    ให้เขาเชื่อว่ามันมีสมบัติอยู่ใต้ดินเขาอาจจะตั้งใจขุดอย่างสุดชีวิตก็ได้ นี่คือใคร
    จะทำอะไรด้วยความรักใจมันต้องน้อมไปก่อน เริ่มจากใจและการกระทำจะตาม
    มาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2011
  8. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ส่วนตัวนะเจ้าค่ะ

    ถ้าจะเข้าไปเเก้ ในปัญหาดังที่กล่าวมา
    น้องว่า เราคงต้องเข้าไปเเก้กันที่ ใจ ของตัวเราเองซะก่อนเป้นอันดับต้น

    ในการเข้าไป ยึด ความต้องการส่วนตนเป็นที่ตั้งนั้น เข้าไปยึด ให้ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างรอบ ๆตัวเราให้มันเป็นได้ดั่งประสงค์ ตรงนี้น้องมองว่า มันเป็นอัตตา ที่เกิดจากใจเราเป็น ฐาน

    ทุกๆความต้องการมันมาจาก ฐาน ที่เราวางเอาไว้เหนือ ใจ จนเมื่อมีอะไรที่มัน ไม่ได้ดั่งใจ มันก็เลยเกิดคําถาม เพื่อที่ จะให้สิ่ง ๆ นั้น มันได้ดั่งใจ

    ในกรณี นี้ก็เช่นกัน มันเหมือนเราอยากจะให้เด็ก เล็กๆ สามขวบไปปฎิบัติธรรม
    ทําได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

    เมื่อกรรมมันถึง เมื่อเวลามันใช้ อะไร อะไร มันก็ลงตัว
    เเต่ถ้า กรรม มันหมดวะระ ในกําลังของมัน จะไปกระชากรั้ง เช่นไร ก็ คงจะหาไปได้ดั่งความต้องการไม่ เเล้วนี่ยิ่งเป็นเเรง ความต้องการของเรา ที่ไม่ใช้ของเขาอีกตะหาก

    ไม่อยากจะบอกเลยว่า ปล่อยๆท่านไป เเต่ในความเป็นจริง ในทุกๆสภาวะมันก็จําต้องมีเสื่อม มี ถอย กันเป็นเรื่องปกติ หาใช้จะมาคง สภาพตามกําลังเหมือนเดิมได้ไปตลอดเสียเมื่อไร บางคนว่าก็เพราะมันไม่เที่ยง เเต่กลับบางคนมันอาจจะเกินเที่ยง เลย ไปถึง บ่ายสามโมงครึ่งเเล้วก็เป็นได้

    เเค่ให้ท่าน ดํารงค์ สติ ยึดในสัญญาที่เป็น กุศลกรรมไว้มากๆไม่เอนจนเกินไป ไม่สัด ไม่ส่ายจนเกินพอดี ก็คงจะพอต่อ สังขาร เเละเวลาของท่านที่เหลืออยู่ ก็น่าจะเพียงพอเเล้ว

    ยํ้าว่าเป้นความเห็นส่วนตัวน่ะเจ้าค่ะ ดี ไม่ดีประการใดก็สุดเเล้วเเต่
     
  9. ขีดเขียน

    ขีดเขียน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอบคุณมากๆครับ จะเอาไปลองใช้ดู

    เข้าใจว่าไม่ได้ให้แก้หลงลืมนะครับ แต่อยากให้แกกลับมาพอใจในการสร้างกุศลใหม่อีกครั้ง ตั้งแต่เป็นโรคนี้เหมือนแกจำไม่ได้เลย ว่าต้องไปวัด ต้องเจริญ ภาวนา
     
  10. ขีดเขียน

    ขีดเขียน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุโมทนาทุกครับตอบครับ อยากให้ยายท่านเข้าหากุศลบ่อยๆ จิตสุดท้ายจะได้เกาะสิ่งกุศลได้ง่ายๆ จะได้ไปดีครับ
     
  11. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    เล่น 2 เครื่อง ไปเอาid อื่นพิมพ์ ขอโทษทีครับ ผมกับขีดเขียน คนเดียวกัน - -''
     

แชร์หน้านี้

Loading...