เราทั้งหลายล้วนมีกรรมตกเป็นทาสของโลก เมื่อได้รับการไถ่แล้ว จึงมีอิสรภาพ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=NwPwRWNfvbA]I will follow by Chris Tomlin-Lyrics - YouTube[/ame]

(deejai)
(rose)​

 

คนละอย่างกันครับ แต่จะเอามาต่อกันก็ได้ อย่างนี้


การสารภาพบาป เพื่อให้เข้าใจเรื่อง "บาป" อย่างแท้จริง
จากผู้ที่สามารถถ่ายทอดพระวัจนะเรื่องบาปได้ จะทำให้
คนๆ นั้นเข้าใจ และเห็น "สัจธรรมความจริงเรื่องบาป" จน
ถึงขั้นมีความศรัทธามากมั่นคงยิ่งขึ้นว่าพระเจ้ามีจริงและ
สัจธรรมนั้นเป็นความจริง และปลดเปลื้องเขาจากความ
รู้สึก "สำนึกผิดบาป" ได้ การปลดปล่อยนี้เองคือการไถ่
ในขั้นต้น แต่ไม่ใช่ว่าเขาทำกรรมแล้วจะไม่ต้องรับ ก็หา
ไม่ นั่นเข้าใจผิดแล้ว พระเจ้าอาจให้เขาเรียนรู้ อยู่กับสิ่ง
ที่ตนเองกระทำไว้ อีกระยะหนึ่ง ไม่นานจากนั้น ก็จะดีขึ้น


การไถ่บาป จะกระทำได้ต้องอาศัยบารมีของผู้ที่มีบารมี
มากกว่า เวลาคุณรับบาปกรรมอยู่ คุณอาจช่วยตัวเองไม่
ไหว แต่ถ้ามีใครสักคนที่ "บริสุทธิ์มากๆ" และ "มีบารมี"
พอ เอาบารมีมาช่วยคนได้ (อย่าลืมว่าสัตว์โลก ไม่ใช่
เอกเทศหรือปัจเจกฯ เราช่วยเหลือกันได้ ทำให้สัตว์นี้มี
กรรมพ่วงกันด้วยบุญบารมีนั้น กลายเป็นสังคม-วงบุญ)
ผู้ไถ่บาปให้ผู้อื่นต้องอยู่ในสภาวะที่บริสุทธิ์มากพอที่จะ
กระทำได้ และมีบารมีมากพอรองรับ เช่น ผู้มีกรรมอาจ
ได้รับกรรมมาแล้ว 90% แต่เขากำลังแย่มาก จะไปต่อ
ไม่ไหวแล้ว อีก 10% ผู้ไถ่จะรองรับไว้ได้ด้วยบารมีเขา
เขาจึงจะต้อง "บริสุทธิ์มากๆ" มากพอที่จะรับบาป และ
มลทินจากผู้อื่นมาได้ เหมือนพุทธศาสนา พระกษิติครรภ์
ไปนรก ช่วยสัตว์นรกได้เพราะบารมีท่าน สัตว์นรกยังไม่
หมดวาระรับกรรมจากนรก แต่ทำไม ท่านช่วยได้ละ? ก็
หลักการเดียวกันทั้งจักรวาล นั่นแหละ ซึ่งการไถ่บาปใน
ขั้นต้นทำให้คุณโล่งใจได้ระดับหนึ่ง แต่จะไถ่บาป จนไม่
ต้องรับกรรมต่อไปหรือไม่ อันนี้ ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ
ไป เช่น การที่พระเยซูไปช่วยคนและรักษาโรคด้วย อันนี้
ก็ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ เหมือนกัน บางคนยังไม่ถึงวาระ
ที่จะช่วยก็ไม่ควรช่วยคือ เขายังต้องเรียนรู้สิ่งนั้นให้จบก่อน
(และเพราะเหตุที่พระเยซู รักษาโรคให้คนมากนี้เอง ท่านก็
ต้องรับบาปนั้นไว้เอง จนสุดท้าย ท่านก็ต้องขึ้นไม้กางเขน)


กรรมนั้นของใครของมัน ใครทำคนนั้นรับก็จริง แต่กรรม
ไม่ใช่อัตตา สัตว์โลกพึ่งพากันได้ ไม่เช่นนั้นจะมีหรือว่า
"พึ่งบารมี" หรือ "พึ่งร่มโพธิร่มไทร" ของสิ่งศักดิสิทธิ์น่ะ

 

เวลาได้รับการไถ่แล้ว จะ "หลุด" ออกจากระบบหรือสังคม
ปกติเดิม ออกไปสู่ "สิ่งใหม่" ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมไว้ให้คือ
"วางแผนไว้ให้เราแล้ว" แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะได้มี
กรรม, พันธสัญญาของแต่ละคนทำมาไม่เหมือนกัน ก็ต้อง
ไปตามกรรมเก่า, พันธสัญญาเก่าของตนนั้น ในบางคนแม้
หลุดจากซาตานแล้ว ยังต้องกลับไปอยู่กับซาตานอีกก็มี นี่
เพราะ "พันธสัญญา" ของเขาเกี่ยวพันกับซาตาน เขาจึงจะ
ต้องไป เคลียร์ให้จบด้วยตัวเขาเอง แต่ช่วงที่เขาหลุดออก
มา พ้นออกมานั้น เขาก็จะได้รับ "สารจากพระเจ้า" ผ่านมา
จากใคร, อะไร ก็ได้ทั้งหมด เขาจะรู้ถึงปาฏิหาริย์และความ
อัศจรรย์ของพระองค์ตรงนี้ และเกิดศรัทธาว่าท่านมีอยู่จริง
แม้มองไม่เห็นก็ตาม จากนั้น เขาก็จะได้รับการจัดสรรให้ไป
ทำ "กิจ" ตามพันธสัญญาของตน ในอดีตนั้น อย่างเข้าใจ
คือ ไม่ใช่เพราะยึดมั่นในความถูก-ผิด, ดี-ชั่ว เพราะถ้าโลก
นี้ "มีอะไรผิด" พระเจ้าก็คงไม่สร้างมาแต่แรก ดังนั้น จึงไม่
มีอะไรผิด และไม่มีอะไรถูก เพราะถ้าถูกดีแล้ว ก็คงไม่ถูกส่ง
ลงมาเกิด เราคงสบายอยู่บนสวรรค์กันแล้ว ดังนั้น การทำกิจ
ของเราหลังจากนี้ จึงเป็นการ "ทำกิจเพื่อพระเจ้า" มิใช่เป็น
การทำเพื่อสนองกิเลสของตนเองอีกต่อไป แม้ว่าจะต้องเป็น
โจร ก็เป็น "โจรของพระเจ้า" ถึงแม้จะเป็น "โสเภณี" ก็เป็น
โสเภณีของพระเจ้า" เป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้อย่างเหมาะสม
แล้ว ตาม "พันธสัญญา" ของแต่ละคนที่เคยมีมาแต่เก่าก่อน
นั้น การกระทำหรือการเป็นอะไรก็ตาม จึง "บริสุทธิ์" พ้นแล้ว
จากทั้งความผิดและความถูก, ความดีและความชั่ว ดังนี้เอง

 

ข้าพเจ้าไม่ได้สั่งให้ท่านทำหรือเป็นอะไร
แต่ "สิ่งที่ท่านทำหรือเป็นอยู่แล้ว" นั่นแหละ
ที่ข้าพเจ้าบอกว่า "ล้วนได้รับการจัดสรรแล้ว
จากพระเจ้า"



ดังนั้น ท่านจง "วางใจ"
ในสิ่งที่ต้องทำและต้องเป็นอยู่เถิด

 

แท้แล้วพระเจ้าไม่ได้กำหนดชะตากรรมของเรา
แต่เพราะ "พันธสัญญา" ที่เราทั้งหลายก่อไว้เอง
นั่นแหละ ที่ทำให้เกิด "ชะตากรรม" ที่แตกต่างกันไป


ดังนี้แล้ว เราเองมิใช่หรือที่เป็นผู้ "กำหนดชะตาตนเอง"

 

มนุษย์เราแต่ละคนล้วนมีชะตากรรมที่แตกต่างกัน ใครจะเหมือนกันได้เป๊ะๆละ
สิ่งที่จิตสอนเราก็คือให้รู้จักสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเองก็คือ GOD ใครที่กำลังเอาชะตาชีวิตเป็นเดิมพันควรรู้จักปล่อยวางบ้าง บางทีคำตอบก็จะอยู่ในจิตเรานี่เอง

 

เป็นนักลงทุน ก็ต้องกล้าเสี่ยงสิ
ถ้าเรามีบารมีจะอยู่รอดได้จริง
มันก็ต้องรอด นี่คือ การพิสูจน์
ตัวเอง ถ้าเราไม่แน่จริง ก็ไป
ตายซะ


เหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ไงละ

 

ถ้าเป็นตามที่คุณอธิบายมา ก็แสดงว่ากรรมหรือบาปก็ไม่ได้หายไปไหนนี่ครับ
แค่เปลี่ยนจากคนที่ทำบาปไปสู่ผู้ไถ่บาปซึ่งจะรับไว้เอง อย่างนั้นใช่ไหมครับ

 

เฉพาะชาตินั้นและครั้งนั้นเท่านั้นนะครับ
เพื่อช่วยเขาที่มีกรรมมาก ให้ได้พ้นจาก
ภาวะกรรม (เหมือนคนจมน้ำ) ชั่วคราว
เพื่อให้เขาได้มีโอกาสได้พบธรรม พบ
พระเจ้า ฯลฯ ไม่เช่นนั้น บางคนจะไม่มี
โอกาสเลย เพราะยุคนี้คนมีบาปกรรม
หนัก มาเกิดกันทั้งนั้น ซึ่งเมื่อเขาได้พบ
ธรรมแล้ว เขาก็จะต้องกลับไปรับความ
จริง เป็นอย่างที่เขาเป็นต่อไป จนกว่า
จะหมดกรรมนั้นๆ (ช่วยได้ชั่วคราว)


เหมือนการใช้เน็ตนี้แหละ ถ้าเราไม่ใช้
เราจะไม่มีโอกาสได้สื่อสารกันเลย
ใช่ไหม?

 

กรรมหนักมาก

ถึงต้องมาดิ้นรน อวดเก่งอวดรู้ หาทางเรียกร้องความสนใจ

สมัครใหม่ๆ ไม่หยุดหย่อนแบบนี้

ไถ่วัว ไถ่ควาย ให้มันได้อิสรภาพยังง่ายกว่านี้เลย

5555555

ฮิ๊ววววว

(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

ท่านบาร์โด ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันได้รับ"สารจากพระเจ้า" จากท่านทูตสวรรค์

การ์เบรียล กล่าวถึงสิ่งที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในไม่ช้าจากนี้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันยินดีและน้อมรับเสมอ ขอบคุณท่านมาก

 

ก็เห็นมีเวรมีกรรม ดิ้นรน ทุรนทุราย ของมันอยู่คนเดียวน่ะแหละ

เพ้อเจ้อไปเหมารวมชี้นิ้วตัดสินคนทั้งโลก ว่าจะต้องมีกรรมแบบมัน

โธ่ถัง .. ไปไถ่ชีวิตโค กระบือ ให้มันได้รับอิสรภาพ ยังจะเวิร์คซะกว่า

โฮ่ โฮ่ โฮ่



(||)(||)(||)(||)(||)

 

เค้ากลัวโดนหลอกกันครับ ถ้าคนที่มาบอกบุญมีความน่าเชื่อถือว่าไม่โดนหลอกเค้าก็รับ คำว่าไม่ว่างเค้าไม่ได้หมายความว่าไม่ว่างกันตามนั้นกันหรอก