หือๆ สงสัยผมต้องเลิกนั่งสมาธิซะแล้ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย surer, 5 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ครับ ก็ไม่ได้จะเอาเข้าแล้วแหละครับ
    ที่ผมอยากได้ท่านท้าวเวทสุวรรณ เพราะผมต้องการ
    ที่พึ่งทางใจ ตอนนี้มีแล้วก็สบายใจขึ่นครับ
    คงไม่หามาเพิ่มแล้ว
     
  2. ต้นปลาย

    ต้นปลาย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    629
    ค่าพลัง:
    +69
    คนที่นั่งสมาธิ แล้วหดหู่ เพราะไปติดในควา่มว่าง บ่อยๆ นาน
    โดยขาดสิ่งระลึก

    เวลานั่งสมาธิ เขาถึงให้พิจารณาตาม ใส่ไปเรื่อยๆ เช่น พิจารณา เนื้อหนัง ซ้ำๆ
    จนมันทำเอง หรือ นัั่่งให้รู้กายรู้ใจไปเรื่อยๆ อย่านั่งเฉยๆ จะเป็นแบบนี้ล่ะ จิตจะหดหู่

    สมาธิที่ถูกต้อง ต้องรู้ และเบิกบาน ใจท่ามกลางความเคลื่อนไหว
     
  3. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    เดียววันนี้ จะลองอย่างแรกคือ ลืมตานั่งดูครับ
     
  4. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    นั่งให้สบายๆ หรือไม่ก็นอนสมาธิก็ได้ จะเดินหรือนั่งก็ได้ วิ่งสมาธิเข้าฌาณยังมีเลย (ในสมัยก่อนเค้าฝึกกันอย่างงี้) เลยนะ
     
  5. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ทำต่อครับเป็นก็เลิก หายก็ทำต่อวันหลัง สุดท้ายก็หายครับ ผมนั้งปวดมาก นั้งทุกวันปวดก็เลิก วันไหม่ทำอีก จนมันชินหายไปเอง อย่างนี้ก็มี อาการทุกอย่างร่างกายมันปรับได้เอง กรรมจะมากแค่ไหน ถ้าความเพียรเรามากกว่า ก็ชนะได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กุมภาพันธ์ 2012
  6. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    จขกท. ไม่รู้หรอกรึว่า ท้าวเวสสุวรรณ ท่านชอบคนสวดมนต์ ด้วยบทพระปริตรต่างๆ

    เช่น บทอาฏานาฏิยปริตร หรือจะแยกย่อยออกมาเป็น บทนมัสการพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ นั่นก็ได้
    ที่ขึ้นต้นด้วย นะโม เม สัพพะพุทธานัง....

    และอีกบท คือ กรณียเมตตสูตร

    เป็นวิธีทำสมาธิแบบลืมตา มือพนม ปากท่องภาวนา

    จากนั้นจะต่อด้วยการนั่งภาวนาแบบลืมตา หรือหลับตา ก็ตามแต่ เฟ้นหาอุบายด้วยตนเอง ว่าเหมาะแบบใด

    แต่เวลานั่ง อย่าไปเกร็งส่วนต่างๆของร่างกาย มี ต้นคอ เป็นต้น
    ปล่อยกายให้สบายๆ เพื่อให้จิตควรแก่การงาน

    ตอนจะเลิกจากสมาธิอย่าผลีผลามออก ควรกำหนดรู้ในอิริยาบถ
    ว่ามือเท้าวางอยู่ลักษณะใด แล้วค่อยๆถอนจิตออกมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  7. LoveViolet

    LoveViolet สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +10
    ไม่รู้ว่าคุณsurerนั่งสมาธิแบบไหน คิดว่าคงไม่ต้องถึงขนาดไปหาจิตแพทย์หรอกนะคะ
    ปวดหัว เจ็บนั่นเจ็บนี่เรื่องธรรมดาค่ะ เพ่งมากไป เพ่งผิดด้วย
    ดิฉันเคยทำอานาปานสติได้ผลอยู่พอควร ให้รับรู้แค่ลมหายใจเท่านั้น อย่าเครียดค่ะ
    ถ้าทำไม่ได้ก็โยนทิ้งไปดูทีวี หรืออะไรก็ได้ที่สบายใจ
     
  8. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .................โฮะ โฮะ เจ๋ง เจ๋ง....ใช่ นั่งให้สบายนะสิ อย่าไปเพ่งมาก...เพราะนั่งสมาธิ เพื่อ ปิติ สุข เอกัคตา...เครียดไปนะสิ...เปลี่ยนวิธีบ้างก็ได้ เป็นอานาปานสติบ้าง หรือ กายคตาสติ(เห็นการเคลื่อนของกาย คู้เหยียด เดิน นั่ง):cool:
     
  9. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ต้นตอของการเพ่ง มันก็คือความ"อยาก"หรือ "โลภะ" อยากได้สมาธิเร็วๆ อยากสงบ
    หรือเคร่งๆนี่ก็มีตัวอยากอยู่ต้องมองตัว"อยาก"นี้ให้ออกก่อนว่ามีตัวอยากนี้อยู่ใน"ใจ"หรือไม่
    สำรวจใจหรือความรู้สึกของตัวเอง หาความอยากให้เจอก่อน ถ้ารู้ทันความอยากในใจ
    ใจที่แน่นๆกลางหน้าอกของคุณจะเบาขึ้น

    ก่อนเริ่มนั่งสมาธิทุกครั้ง ให้นั่งหลับตาเบาๆ รู้สึกสบายๆ เอาจิตสำรวจตั้งแต่ฝ่าเท้า
    ขึ้นมาที่หัวไหล่และขึ้นไปยังทุกส่วนของใบหน้าและหน้าผากตลอดยัง ศีรษะ ถ้ารู้สึกตึงๆที่่
    หน้าผากให้ทำความรู้สึกที่หน้าผากแล้วท่องในใจว่าคลายออกๆๆๆ เดี๋ยวมันจะคลายออก
    เอง และสำรวจที่ใจด้วยว่ามีความอยากอยู่มั๊ย พอคลายออกหมดก็ให้เริ่มนั่งสมาธิได้

    เมื่อภาวนาพุทโธๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆๆ แล้วรู้สึกตึงที่หน้าผาก ให้หยุดภาวนาแล้วลองมา
    สำรวจใจตัวเองก่อนว่ามีความอยากหรือไม่ เพราะนี่คือต้นตอของการเพ่ง มันจะรู้สึก
    แน่นๆที่หน้าอก หรือที่ใจ ถ้ารู้ทันความอยากที่ใจที่อยากปฎิบัติ อยากสงบ อยากได้สมาธิ
    เร็วๆ ให้ดูหรือสังเกตุความอยากในใจซักพักนึง มันจะคลายออกได้เอง ใจจะรู้สึกเบาขึ้น
    นั่นแสดงว่าใช้ได้แล้ว แล้วกลับไปดูที่หน้าผากถ้ายังรู้สึกตึงๆที่หน้าผากก็ให้ทำความรู้สึกที่
    หน้าผากแล้วท่องว่า คลายออกๆๆๆ ซักพักมันจะคลายออกได้....เมื่อคลายออกแล้วก็ทำ
    สมาธิต่อ และเมื่อเกิดตึงๆที่หน้าผากอีก ก็ทำซ้ำตามที่กล่าวมา หมั่นสำรวจจิตใจที่มีความอยากบ่อยๆแล้วอาการเพ่งจะทุเลาไปเอง

    ที่จริงการปฎิบัติธรรมที่ถูกต้อง จิตต้องเบาๆสบายๆ ไม่ตกอยู่ภายใต้ของความอยากปฎิบัติ
    หรือความโลภ ในทางธรรมแล้วเราใช้ฉันทะ คือความพอใจในการปฎิบัติ มีความเพียรใน
    การปฎิบัติ และไม่ใช้โลภะในการปฎิบัติ.....การทำทาน สละสิ่งของก็เป็นแนวทางนึงที่
    ช่วยขจัดตัวโลภะหรือความอยากลงได้ ทำบุญทำทานทุกครั้ง ให้ระลึกถึงการขัดเกลากิเลส
    ความโลภในใจ นี่ก็เป็นส่วนนึงที่แก้ความอยากได้ และจะเป็นกำลังหนุนในการปฎิบัติธรรม.
     
  10. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    มีวิธีเเก้ไข ไม่ถึงกัยต้องเลิกหลอกจ๊ะ

    หนึ่ง ควักลูกตาตนเองออกมา วางไว้ข้างๆ

    สอง เปลี่ยนวิธี การนั่งใหม่

    ถ้าเป็นน้อง ขอเลือก ข้อสองเเล้วกันจ๊าาาาาาาาา
     
  11. Nui5436

    Nui5436 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมว่า นั่งดูครับ ว่าปวดตรงไหน ปวดเพราะอะไร ปวดตรงกายใช่ปวดตรงจิต นั่งดูมันครับ แยกให้ออก ใจเราไม่ปวดครับ ปวดที่กาย ลองดูครับ
     
  12. มนุสสเทโว

    มนุสสเทโว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +30
    สาเหตุ ครับ ที่ผมผมจะรู้
    1.การเผลอไปเพ่ง หรือตั้งใจเพ่ง
    การเพ่งจะทำให้โฟกัสของตามองใกล้ ทำให้กล้ามเนื้อที่ดวงตาตองออกแรงเกร็ง ยิ่งเพ่งนานก็ยิ่งปวด
    แก้ไขดังนี้ครับ

    ({) 0.เลิกทำ จนกว่าอาการจะเป็นปกติ

    ({) 1.ให้ไปรู้กับสิ่งอื่น เข่น คำบริกรรม ,ลมหายใจ ,ความนึกคิด หรือ อื่นๆ เป็นหลัก ที่ไม่ใช่การเพ่งด้วยตา :cool: ข้อนี้ดีสุด

    ({) 2.ถ้ามันเผลอมาเพ่ง ก็ลองปรับโฟกัสที่ดวงตาให้มองไปไกลๆ มองไปตรงๆ

    ({) 3.ถ้ามันเผลอมาเพ่ง อีก ลองทำในที่มืด เพราะความมืดมันจะทำให้ตามองไปไกลๆ มันไม่มีแสงอะไรให้เพ่ง

    ({) 4.ถ้ามันเผลอมาเพ่ง อีก ก็อย่านั่งนานพอไม่ไหวก็เลิกทำไปเลย

    :mad: วิธีสุดท้าย เลิกนั่งหลับตาทำสมาธิ เพราะสมาธิมันไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาเพียงอย่างเดียว
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    หรือ ได้ที เจริญสติ ดูเวทนาไปเลยก็ดี เวทนาเป็นสิ่งที่ จิตรู้ ไม่ใช่เรา ก็ได้ประโยชน์ดี:cool:
     
  14. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    เลิกแล้วเปลี่ยนวิธีอื่นก็ดีเหมือนกัน

    กรรมฐานสี่สิบกอง ต้องมีบ้างแหละ

    แต่หากสมถะไม่ใหวก็ข้ามไปฝั่งวิปัสสนาดู

    ไม่เสียหลาย :cool:
     
  15. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    โอ๊วท่านนี้ เข้าใจ อาการ แบบ 100 เปอร์เซ็นเลยครับ
    ผมไม่อยากเพ่งเลย แต่มันผิดแต่แรกแล้ว
    เพราะผมดันไปจ้งความมืด ที่เราเห็นเพื่อ
    ที่จะไปฟุ้งซาน ครับ และแก้ยากมาก
    ต้องพยามกรอกลูกตา เพื่อให้มัน คลาย
     
  16. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ผมทำแบบนี้ดีป่าว นั่งท่าพระปิดตา เราได้สังเกตุลูกตาเราได้ด้วย
    พวกท่านว่าไง พอผมคุมมันได้ค่อยนั่งแบบธรรมดา
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตไหม ว่า ให้มาทำแบบลืมตา ก็ยังเอา วิธีที่ผิด เข้าใจผิด ติดออกมาทำต่ออีก

    เนี่ยะ เป็นคำพูดที่ "โง่" มากๆ ให้ทำใจระลึกเอาไว้ว่า เวลาพูดว่า มันบังคับได้
    เนี่ยะ ให้พิจารณาทันความคิดของตัวเองไปด้วยว่า ได้พูดสิ่งที่ "โง่" สิ้นดีออกมา

    พอตามดูบ่อยๆ จนมันไม่พูดถึงสิ่งต่างๆ อยู่ในอานัติ บังคับได้ แล้วจะค่อยๆเห็น
    สภาวะที่ สงบ สงัดจากนิวรณ์ เครื่องร้อยรัด

    แล้วจะเห็นอีกด้วยว่า บรรดาพระเครื่องทั้งหมด คือ สื่อหรือเหตุปัจจัยให้ ทิฏฐิ
    แล่นไปถือเอาเรื่อง "บังคับได้" มากลบธรรมะปฏิบัติ

    เรียกว่า ไปนำสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อสมาธิเข้าบ้าน !!!
     
  18. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ผมอยากฉลาดครับ แต่ไม่มีอาจารย์จริงๆ
    ทำแบบ ความคิดตัวเอง ที่บ้านก็ไม่มีคนนั่ง
    ผมเลยคิดได้แค่นี้ครับ ไงท่านนิวร ช่วยส่องทางให้ที
    (เอาคำพูดแบบกันเองเพราะบางครับผมตีความหมายของท่านไม่ออก)
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เชื่อไหม ว่า คนฉลาดในทางธรรมเนี่ยะ เขา ฟังสิ่งต่างๆจาก กายใจ ตน

    ลองไปเปิดพระไตรปิฏกดูก็ได้ "อยานตนะ6 นั่นแหละ คือ อาจารย์ "

    ทีนี้ การปฏิบัติแบบพุทธนั้น ชื่อว่า เป็นผู้ ไม่มีอาจารย์

    ดังนั้น โสดาบันเนี่ยะ เขาไม่ฟังธรรมจาก อยาตนะ6 แล้ว ท่านรู้อุบาย
    นำอยาตนะ6 ออกจากตน โดยที่ไม่ต้องหาเหล็กแหลมรนไฟให้ร้อนจิ้มหู
    จิ้มตาเพื่อเอาออกแต่อย่างไร

    อุบายวิธีการนำอยาตนะ6ออก หรือ นำไปสู่การเป็นบุคคลไม่มีอาจารย์

    หรือ เป็นบุคคลที่ฟังธรรมจากภายในตนเนี่ยะ พระพุทธองค์ตรัสชี้ทางที่
    เห็นได้ยากนั้นไว้หมดแล้ว

    ไม่มียักษ์ตนอื่น พระสงฆ์ท่านอื่น มากล่าวกลบสัทธรรมนั้นได้ รูปนามอื่นๆ
    ล้วนแต่เป็นผู้เอาสัทธรรมของพระพุทธองค์ไปพูดต่อเท่านั้น

    ต้องเข้าใจคำว่า "ศาสนา" หรือ "สาสนัง" หรือ "สาสนีย์" นี้ให้ดีว่า
    เป็นเรื่องอะไรกันแน่

    ปรับศรัทธาให้ถูกต้องเสียก่อน ถึงจะน้อมนำสัทธรรมใส่ตนได้ ถึงจะฟัง
    ธรรม อุบายนำออกเหล่านั้นได้ โดยไม่เอาพระพุทธองค์มาเป็นข้าศึก
    เพียงเพราะ อ้างนู้นอ้างนี่ อ้างสิทธิส่วนบุคคลอะไร อ้างว่า ตนพร่องนั่นพร่องนี่

    ลองดูนะ

    ปรับศรัทธาให้ตรงก่อน ตรงเผงเลยยิ่งดี อย่าอ้อมไปยักษา หรือ สังฆาไหนๆ

    พอปรับได้ ค่อยว่ากันใหม่ ว่าจะอย่างไรถึงพอเหมาะ พอควร
     
  20. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/OvWTnv7NOYM" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="420"></iframe>

    นิวรณ์ กิจกรรม เยอะไปหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...