พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.thaihealth.or.th/cms/detail.php?key=todayupdate&id=7032

    ชี้! คนไทยใส่ใจการกินเพิ่ม แซง 5 ปีที่ผ่านมา

    ลดอ้วน ลดพุง ทำสุขภาพดี ห่างไกลโรค ก่อผลดีมากกว่าผลเสีย...
    <O:p</O:p
    <O:p [​IMG]</O:p
    ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่คนไทยส่วนใหญ่ หันมากใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากขึ้น ซึ่งนับเป็นเรื่องดี ที่คนไทยได้เริ่มสนใจใฝ่หาความรู้และข้อมูลทางด้านอาหารและโภชนาการเพื่อนำมาปรับพฤติกรรมการกินอาหารให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงในสหัสวรรษใหม่อันจะนำไปสู่การมีภาวะโภชนาการและสุขภาพที่ดี นั่นหมายถึงการมีชีวิตที่เป็นสุขที่ทุกคนพึงปรารถนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยใส่ใจเรื่องการกิน คืออัตราการเจ็บป่วยและสูญเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการกินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากการมีภาวะโภชนาการเกิน เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนเป็นต้น ในขณะเดียวกันความไม่ปลอดภัยที่ปะปนมากับอาหรได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสารเคมี ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย ที่ปนเปื้อนมาในผัก ผลไม้ และอาหารอื่นๆ ล้วนเป็นภาวะที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ปริโภคที่จะต้องปกป้องตนเองทุกวิถีทาง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ปัจจุบันธุรกิจอาหารและศาสตร์ด้านอาหารและโภชนาการแนวใหม่ๆ กำลังมาแรง สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีหลากหลายประเภท รวมทั้งกระแสการกินอาหารแบบชีวะจิต มังสะวิรัติ แมคโครไบโอติก เจ การล้างพิษออกจากร่างกาย และการลดความอ้วนด้วยยาและวิธีการต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นวิวัฒนาการกินของมนุษย์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งหากมองผิวเผินแล้วน่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การนำเอาศาสตร์การกินที่พิสูจน์ยังไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์มาปะปนกับธุรกิจค้าขาย และใช้กลไกทางตลาดเชิงรุกเข้าครอบงำผู้บริโภคย่อมสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น และซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นคือ การสร้างกระแสให้คนไทยกินตามสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในหลากหลายรูปแบบไม่เพียงแต่จะสร้างความสับสนเท่านั้น แต่อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสูญเสียด้านเศรษฐกิจอีกด้วย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในอนาคตการสร้างกระแสการกินในเชิงการค้าจะรุนแรงมากขึ้น ด้งนั้นผู้บริโภคที่ฉลาด จะต้องหมั่นใส่ใจใฝ่หาความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญไม่ควรหวั่นไหวไหลไปตามกระแสการกินโดยปราศจากการกลั่นกรองข้อมูลให้ถูกต้องก่อนการตัดสินใจกินอาหารตามกระแสนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p<O:p[​IMG]</O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โดย : อาจารย์สง่า ดามาพงษ์

    <O:pที่มา :<O:p</O:p
    ข้อมูลจาก : หนังสือฉลาดกิน <O:p</O:p
    ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th

    ***********************************************



    <O:phttp://www.thaihealth.or.th/cms/detail.php?key=todayupdate&id=7012</O:p
    <O:p

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2>

    นักวิทย์นานาชาติเผยพบ 4 ยีนส์หลักสาเหตุมะเร็งเต้าฯ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]ชี้เป็นตัวบ่งชี้สำคัญระบุความเสี่ยงได้แม่นยำสูงสุดถึง 85 เปอร์เซ็นต์[​IMG]




    [​IMG]<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หนังสือพิมพ์เดอะลอสเอนเจลิสไทม์สหรือแอลเอไทม์สฉบับออนไลน์ของประเทศสหรัฐรายงานการค้นพบล่าสุดของทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ศึกษาพบการกลายพันธุ์ในยีนส์สำคัญ 4 ตัวซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคมะเร็งเต้านม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โดยทีมผู้วิจัยระบุว่ามีผู้หญิงในประเทศสหรัฐอเมริกากว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ที่อาจมีการกลายพันธุ์ของยีนส์อย่างน้อย 1 ยีนส์ใน จำนวนทั้งหมด 4 ยีนส์ที่ศึกษาพบดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ยีนส์นี้มีชื่อเรียกว่า ยีนส์ เอฟจีเอฟอาร์2<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.innnews.co.th/Social.php?nid=39606

    <TABLE height=45 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD vAlign=bottom width=500 height=24><!-- Show Head -->สมเด็จพระสังฆราชแนะยึดไตรสรณคมน์ <!-- End Show Head --></TD><TD width=10> </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD bgColor=#d7d4d2>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=10> </TD><TD height=20>โดยทีมข่าว INN News <!-- Show Date -->31 พฤษภาคม 2550 11:30:54 น. [​IMG] <!-- End Show Date --></TD><TD width=10> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=502>
    [​IMG]
    </TD><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=20> </TD><TD width=462 bgColor=#dae4ea><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=460 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=500 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD align=left width=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height=300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=522 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD width=1 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=140></TD><TD width=1 bgColor=#d3d4d4>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=2>
    </TD><TD vAlign=top width=368>
    <!-- Show Detail -->สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานสาส์นเนื่องในวันวิสาขบูชา ดังนี้

    วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อทวยเทพ มวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ ฉะนั้น เมื่อวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2550 มาถึง ควรที่เราทั้งหลายจะได้ทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรมและพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฏิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนร่วมโลกสืบไปขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลตลอดไป โดยทั่วกัน
    <!-- End Show Detail -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000062551

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>มรรค 8 ธรรมวิเศษรักษาสุขภาพกาย-ใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 พฤษภาคม 2550 10:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=234 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=234>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือว.วชิรเมธี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วันวิสาขบูชาปี 2550 นี้ ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม ถือเป็นวันหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานซึ่งตรงกันอย่างมหัศจรรย์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงมีการประกอบพิธีพุทธบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงพระพุทธคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์

    อย่างไรก็ตาม เนื่องในวันวิสาขบูรณมีบูชาอันเป็นวันสำคัญยิ่งนั้น “ผู้จัดการสุขภาพ” จึงขอนำหลักธรรมของพระพุทธองค์มาเป็นหลักชัยและหลักในการใช้ชีวิตเพื่อดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้สมบูรณ์ทั่วถึง โดยมี “พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี” หรือ ว.วชิรเมธีมาแสดงหลักธรรมอันวิเศษยิ่งอันนั้น

    พระมหาวุฒิชัย หรือ ว.วชิรเมธี เริ่มต้นแสดงธรรมโดยบอกว่า จริงๆ แล้วในช่วงวันวิสาขบูชานั้น อยากแนะนำให้คนไทยจับสาระให้ได้ก่อนว่า เราควรจะทำอะไร ซึ่งอาตมาแนะนำว่าควรจะคิดใน 3 ประเด็นคือ

    หนึ่ง-เนื่องจากวันวิสาขบูชาเป็นวันประสูติ ดังนั้น เราควรจะน้อมนำเอาสาระมาสอนว่าควรจะเป็นมนุษย์ให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สอง-เนื่องในโอกาสที่เป็นวันตรัสรู้ ควรจะใช้ชีวิตอย่างมีการศึกษา มองทุกอย่างเป็นครู เพื่อขัดเกลาจิตใจ และสาม-เนื่องในโอกาสที่เป็นวันปรินิพพาน ขอให้ทุกคนอยู่ให้คนรัก จากให้คนอาลัย คืออยู่ให้เป็นคนดี เมื่อตายลงก็ขอให้มีงานสร้างสรรค์เพื่อสังคม ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะแม้พระพุทธเจ้าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในทุกๆ ทาง สุดท้ายก็ต้องยอมให้กับความตาย เพราะความตายไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มาถึงคนโดยเสมอกัน

    นอกจากนั้น ในภาวะที่สังคมวุ่นวายแบบนี้ เราควรจะย้อนกลับมาทบทวนทำ 4 ประการ เพราะทุกวันนี้สังคมป่วยสุขภาพประเทศทรุดโทรมเนื่องจากขาดความรู้ ทุกวันนี้คนไทยไม่รู้ว่าสาเหตุที่วิกฤติเกิดขึ้นในประเทศเพราะเหตุใด จึงไม่สามารถหาทางออกของวิกฤติได้ กล่าวคือ

    1.สงฆ์ไม่รู้ว่าแก่นธรรมคืออะไร เอาแต่ปลุกเสกเลขยันต์ ยกเทพให้เหนือธรรม ปล่อยให้ญาติโยมงมงาย แทนที่ญาติโยมจะเดินเข้าวัดแล้วมีปัญญา กลับเดินเข้าวัดแล้วถูกมอมเมา ต้องส่งเสริมคนไทยให้คิดเป็น สื่อต้องให้ความรู้ ว่าเมื่อเกิดเคราะห์แล้ว ไม่ใช่สะเดาะเคราะห์ต้องวิเคราะห์ เมื่อเกิดปัญหาไม่ใช่แก้เคล็ดต้องแก้ปัญหา

    2.สังคมไทยขาดความรู้สึก แม้มีวิกฤติแล้วก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนจึงไม่แก้ไข และมองคนไทยเป็นเหยื่อด้วยการปลุกเสกจตุคามรามเทพออกมาให้บูชา ทั้งที่เป็นการปลุกเสกโดยคนธรรมดา ที่มีกิเลสเหมือนคนอื่น หลายคนก็ยังนำมาบูชายึดถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

    3.สังคมไทยขาดจิตสำนึกสาธารณะ เพราะแทนที่จะมีผู้ออกมาชี้นำสังคมเพื่อให้พ้นภาวะวิกฤติกลับไม่มี อยากฝากบอกผู้นำประเทศในการปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ควรจะปล่อยวาง ปล่อยวางในเวลาที่ไม่สมควรจะปล่อยวาง เพราะทุกวันนี้เราปล่อยวางปัญหา แต่ตื่นตัวต่อกิเลสแทน ผู้นำประเทศต้องตระหนักว่า ปัญหาไม่ได้มีไว้ให้ปล่อยวางแต่มีไว้ให้แก้

    4.สังคมไทยขาดปัญญาที่เป็นกลาง สังคมไทยมีปัญญามาก แต่ไม่ได้ใช้อย่างอิสระ ปัญญาบางพวกรับใช้นักการเมือง รับใช้นายทุน รับใช้เงิน รับใช้บริโภคนิยม รับใช้หมอผี และรับใช้ปากท้องของตนเอง มีไม่กี่คนที่จะมีปัญญาที่เป็นกลาง เตือนสติสังคม ดังเช่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นบุคคลที่มีปัญญาที่เป็นกลาง ไม่เคยนิ่งเฉยต่อวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น ทรงใช้พระราชวินิจฉัยแก้ปัญหาอย่างเป็นกลางที่สุด อยากให้ยึดแนวทางพระราชดำริ และการนำปัญญาไปใช้อย่างเป็นกลางไว้เป็นแบบอย่าง ถ้าเราคนไทยช่วยกันสร้างสรรค์พัฒนาสังคมไทย ก็จะสามารถก้าวผ่านวิกฤติได้

    “ในวันวิสาขบูชานี้ ไม่อยากให้มัวแต่เวียนเทียนหรือท่องประวัติศาสตร์ แต่อยากให้จับสาระให้ได้ ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรไม่ให้ประมาท แล้ววันวิสาขบูชา ที่เดิมเป็นวันของพระพุทธเจ้า ก็จะสามารถกลายเป็นวันของเราได้ในชีวิตจริง”

    แต่ที่สำคัญที่สุดที่ ว.วชิรเมธีได้แนะนำให้สังคมไทยนำหลักมรรค 8 มาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตเพื่อให้มี “สุขภาพกาย” และ “สุขภาพใจ” ที่สมบูรณ์ รวมทั้งต้องยึดหลักการดำเนินชีวิตด้วยทางสายกลาง กล่าวคือ ใช้ 1.สัมมาทิฐิ โดยทำทุกอย่างอย่างมีสติ ซึ่งเมื่อมีสติ ทางสายกลางก็จะเกิดขึ้น 2.สัมมาสังกัปปะ คือคิดดีคิดอย่างสร้างสรรค์ไม่เบียดเบียนใครจะทำให้จิตใจปลอดโปร่งไม่ตกเป็นทาสของกิเลส 3.สัมมาวาจา ขอให้พูดด้วยเมตตา ปัญญา เหตุผล ความจริง พูดอย่างสุภาพและมีประโยชน์ 4.สัมมากัมมันตะ ไม่ฆ่าสัตว์ไม่ขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม 5.สัมมาอาชีวะ ให้ลด ละ เลิก การประกอบอาชีพผิดกฎหมายทุกรูปแบบ 6.สัมมาวายามะ เพียรลดความชั่ว เพียรสร้างความดี 7.สัมมาสติ เจริญสติอยู่เสมอจะทำให้เรามีชีวิตที่ละเมียดละไม มีความรู้ เนื่องจากเรารู้เนื้อรู้ตัวตลอดเวลา ทำให้มีชีวิตอย่างไม่ประมาท และ 8.สัมมาสมาธิ อยากให้หาเวลาฝึกจิตใจให้เกิดความปลอดโปร่งโล่งเบา จิตใจเบิกบานจะทำให้สดชื่นทั้งกายและใจ มีคุณภาพจิต สมรรถภาพจิต และสุขภาพจิต เข้าใจโลกเข้าใจชีวิต

    “ถ้าปฏิบัติได้ทั้ง 8 ข้อดังนี้แล้ว จะมีสุขภาพกายดี สุขภาพใจสมบูรณ์ จิตปีติเบิกบานสดชื่น ไม่เครียด อายุยืน กลายเป็นหน่วยแห่งความสุขเคลื่อนที่ ปัจเจกบุคคลที่มีความสุขจะทำสิ่งรอบตัวเป็นสุขไปด้วย ในทุกวันที่ตื่นมา ควรถามตัวเองว่า วันนี้เรามีความสุขกว่าเมื่อวานหรือเปล่า และเราใช้ชีวิตให้คุ้มกว่าที่เกิดมาหรือไม่”ว.วชิรเมธีสรุปทิ้งท้าย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวอื่นๆ ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ตำลึง-ถั่วพู แหล่งแคลเซียมของคนไทย</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>รู้จัก “หมอหลิน ตันเฉียน” มือหนึ่งนวดทุยหนาเมืองไทย</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ทำอย่างไรเมื่อพบ “สัตว์มีพิษ” ในทะเล /รศ.นพ. ศุภชัย รัตนมณีฉัตร</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>สั่ง รพ.ทั่วประเทศเตรียมพร้อมรับมือ ส่ง อส.นเรนทรนฝังตัวพร้อมรายงานเหตุด่วน</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>เผยผลหารือซีแอล “ทูตอังกฤษ” เข้าใจหนุนเดินหน้าต่อ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000062563

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตำลึง-ถั่วพู แหล่งแคลเซียมของคนไทย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 พฤษภาคม 2550 10:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มีสถิติบันทึกเอาไว้ว่า คนไทยในเขตเมืองได้รับแคลเซียมเฉลี่ยวันละ 350-550 มก. เขตชนบทได้รับประมาณวันละ 250-350 มก. ขณะที่ความต้องการในแต่ละวันประมาณ 800-1000 มก. ส่งผลให้คนไทยโดยทั่วไปยังได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ โดยแหล่งสำคัญของแคลเซียมคือ นมและผลิตภัณฑ์จากนม พืชผัก ปลา สัตว์น้ำอื่นๆ รวมถึงพืชเมล็ดด้วย

    ดังนั้น โครงการพัฒนาตำรับอาหารไทยที่มีแคลเซียมสูง โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)และมูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) จึงได้ศึกษาอาหารที่มีในเมืองไทย โดยเลือกกลุ่มพืชผักเป็นตัวนำร่องมาเปรียบเทียบกับนมที่ได้รับการยอมรับกันว่าเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดของแคลเซียม ในอาสาสมัครผู้ใหญ่คนไทย เพศหญิง อายุระหว่าง 20-45 ปี พบข้อมูลสำคัญว่า ความสามารถในการดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ ของแคลเซียมจากนม มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 55.2 ขณะที่การดูดซึมแคลเซียมจากตำลึงและถั่วพูมีค่าเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 47.6 และ 39.1 ตามลำดับ

    ผศ.ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล นักวิชาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล ขยายความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ตำลึงและถั่วพูซึ่งเป็นพืชผักท้องถิ่นและมีการบริโภคกันอย่างแพร่หลายนับเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยสำหรับคนไทยที่ไม่สามารถดื่นนมได้ รวมทั้งจากการศึกษาครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งแรกในคนไทยยังทำให้ทราบว่าคนไทยมีความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมจากนมได้สูง และมีแนวโน้มว่าน่าจะสูงกว่าคนตะวันตกที่ดื่มนมเป็นประจำ

    ทั้งนี้อาจเป็นผลจากพันธุกรรมซึ่งต้องมีการศึกษาต่อไป นอกจากนั้นผลการศึกษาครั้งนี้อาจทำให้คิดได้ว่าความต้องการแคลเซียมของคนไทยโดยรวมไม่น่าจะสูงเท่าคนตะวันตกหากดูจากปัจจัยด้านการดูดซึมดังกล่าว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ด้าน ดร.วงสวาท โกศัลวัฒน์ เผยการศึกษา อธิบายเพิ่มเติมว่า คนไทยสามารถรับแคลเซียมได้อย่างเพียงพอ โดยบริโภคจากอาหารท้องถิ่นของไทยเอง โดยผลการศึกษาพบว่า อาหารที่นำมาศึกษาอย่างกุ้งสด กุ้งแห้ง ปลาแห้ง กบแห้ง เขียดแห้ง ผลิตภัณฑ์จากกุ้งแห้งและปลาแห้งจะมีปริมาณแคลเซียมระหว่าง 130-1200 มก.ต่อหนึ่งส่วนของปริมาณอาหารที่บริโภค สำหรับอาหารปรุงสำเร็จที่มีส่วนประกอบหลักเป็นกุ้งและปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูกแม้จะมีปริมาณแคลเซียมสูง แต่โซเดียมก็สูงตามไปด้วย

    ชนิดอาหารหลายชนิดจากแต่ละท้องถิ่นเป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียม และยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของแคลเซียมและยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของแคลเซียมในอาหารของแต่ละท้องถิ่นได้ด้วย” ผศ.ดร.วงสวาทสรุปพร้อมแนะนำว่า ตำรับอาหารไทยหลายชนิดมีศักยภาพมากในการป้องกันโรคกระดูกพรุนในคนไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000062578

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทำอย่างไรเมื่อพบ “สัตว์มีพิษ” ในทะเล /รศ.นพ. ศุภชัย รัตนมณีฉัตร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 พฤษภาคม 2550 10:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หอยเต้าปูนลายผ้า (Conus textile) เป็นอีกชนิดหนึ่งที่น้ำพิษมีพิษรุนแรงมาก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ว้าว ! ทะเลสวยจัง …


    ใจเย็นๆ ครับ ก่อนที่จะลงเล่นน้ำทะเล เรามาทำความรู้จักกับเจ้าถิ่นตัวร้ายกันสักนิด แล้วการไปทะเลของคุณจะสนุกแถมปลอดภัยแน่นอน

    นานาสัตว์ทะเลมีพิษ และแหล่งที่พบมาก

    งูทะเล ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำที่มีความเค็มน้อย เช่น บริเวณปากแม่น้ำซึ่งเป็นที่น้ำเค็มต่อกับน้ำจืด งู
    ทะเลมีพิษบางชนิดชอบอาศัยตามพื้นท้องทะเลที่เป็นโคลนชายฝั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทะเลที่มีแนวปะการัง และมักจะลอยตัวขึ้นมาสู่ผิวทะเลบ่อยครั้ง

    วิธีปฐมพยาบาล จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะมาก ๆ โดยการให้กลูโคสทางหลอดเลือดดำ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อขับถ่ายพิษของงูทะเลและสารพิษที่เกิดขึ้นออกโดยรวดเร็วและเพื่อลดอันตรายต่อไต การใช้เซรุ่มแก้พิษงูทะเล จำเป็นต้องสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ เนื่องจากยังไม่มีการผลิตขึ้นมาใช้ในประเทศไทย การใช้สตีรอยด์มักได้ผลดี ส่วนในรายที่ ไตล้มเหลวอาจจำเป็นต้องล้างไต

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=413 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=413>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>งูแสมรัง (Hydrophis spp.)พบในน่านน้ำไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สัตว์จำพวกมีเงี่ยง เช่น ปลากระเบนมีชุกชุมในน่านน้ำของไทย พบมากแถบริมทะเลและในทะเลลึก
    มักจะเข้ามากบดานอยู่ในบริเวณริมฝั่งทะเลที่เป็นโคลน โคลนปนทราย ปลากดทะเลและปลาดุกทะเล ชอบอาศัยอยู่ตามพื้นที่ตื้นๆ และรก เช่น ซากโป๊ะ ตามซอกหรือโพรง ปลากะรังหัวโขน เป็นปลาชนิดที่มีเงี่ยง พิษอันตรายมาก อาศัยอยู่ตามแนวหินปะการัง มักนอนนิ่งๆ อยู่กับหิน ทำให้สังเกตได้ยาก

    วิธีปฐมพยาบาล เงี่ยงปลากะเบนบางชนิด อาจจะหักคาอยู่ในเนื้อดึงออกได้ยาก ทำให้ปวดมากขึ้น การปฐมพยาบาลควรชำระล้างบาดแผลให้สะอาดด้วยน้ำเกลือเย็นจัด แล้วแช่บริเวณแผลในน้ำร้อนจัดพอทนได้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้มาก และให้ยาระงับปวด ถ้าอาการไม่ดีขึ้นต้องฉีดยาชารอบ ๆ แผล (แผลที่มีเงี่ยงติดอยู่ควรผ่าออก ใส่ยาระงับปวด และให้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ)

    สัตว์จำพวก แมงกะพรุน สาหร่ายทะเล และปะการัง พบมากแถบหัวหิน ชุมพร และบริเวณอ่าวไทย
    ทั่วไป ปะการังและแตนทะเล พบมากที่หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะหลีเป๊ะ เกาะตรุเตา อ่าวไม้งาม ทะเลตรัง นอกจากนี้สัตว์ทะเลจำพวกหอยชนิดที่มีพิษร้ายแรง หรือ หอยเต้าปูน ชอบอาศัยอยู่ตามซอกโพรงหิน แนวปะการังบริเวณ เกาะสิเหร่ ภูเก็ต เกาะช้าง จ.ตราด เป็นต้น

    วิธีปฐมพยาบาล หากสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ ปวดแสบปวดร้อน มีสีแดงเข้มเหมือนรอยไหม้ จากนั้นประมาณ 20 - 30 นาที จะบวมนูนขึ้นเป็นทางยาวตามผิวหนัง พวกที่ทำให้เกิดอาการรุนแรงมาก คือ “แมงกะพรุนไฟ” ต้องใช้แอมโมเนียหรือแอลกอฮอล์ล้างบริเวณบาดแผลจะช่วยบรรเทาอาการได้ แล้วจึงใช้แอนตีฮีสทามีน หรือ สเตียรอยด์ (steroid cream) ทาบริเวณนั้น ถ้าปวดรุนแรงมาก อาจต้องใช้ มอร์ฟีน (morphine) พีทิดีน (pethidine) โคดิอีน (codeine) ร่วมกับบาร์บิทูเรต (barbiturate) ซึ่งให้ผลดี

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=384 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=384>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>งูชายธงหลังดำ(Pelamis platurus) พบในน่านน้ำไทย เป็นงูทะเลที่มีพิษชนิดหนึ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สัตว์ทะเลที่มีพิษจำพวกหอย หอยเต้าปูนหรือหอยมรณะ มีเหล็กไน ลักษณะ คล้ายลูกศรที่มีพิษ เมื่อ
    โดนแทงจะปวดแสบปวดร้อนและเกิดผื่นแดง อีกทั้งอาการปวดจะแผ่ซ่าน อย่างรวดเร็ว จะชาบริเวณรอบ ๆ ปากและริมฝีปาก อาจหยุดหายใจและถึงแก่ความตายได้
    การรักษา ต้องพบแพทย์เพื่อใช้ยาฉีดแก้ปวดอย่างรวดเร็ว การให้คอร์ติโคสตีรอยด์ (corticosteroid)มักจะได้ผลดี


    กันไว้ดีกว่า

    ขณะที่ฝนตก ลมแรง มักจะพัดพาเอาพวกแมงกะพรุน เข้าสู่ชายฝั่ง จึงไม่ควรเข้าไปสัมผัสเด็ดขาดแม้สัตว์ทะเลเหล่านี้จะตายแล้วก็ตามแต่ยังมี “ต่อมน้ำพิษ” หรือ “เข็มพิษ” ที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง

    การว่ายน้ำหรือดำน้ำดูปะการัง ควรมีเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างกายเพื่อป้องกันเหล็กไนของสัตว์พวกนี้ไม่ให้ถูกผิวหนัง ส่วนในทะเลโคลนที่น้ำทะเลลดลง บางครั้งอาจมี “ปลากระเบน” หรือ “งูทะเล” หลบซ่อนอยู่ การเดินในทะเลโคลนหรือทะเลน้ำตื้น ควรใส่รองเท้ายางชนิดหนาเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกเงี่ยงพิษของปลากระเบน หรือถูกงูทะเลกัดได้ หอยเต้าปูนที่ยังมีชีวิต ห้ามใช้มือเปล่าจับด้านล่างของลำตัว หรือปาก และต้องไม่วางตัวหอยลงบนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เพราะหอยจะทำอันตรายถึงตายได้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แมงกะพรุนไฟ (Jellyfish)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ...วิธีที่ดีที่สุด หากเดินทางไปเที่ยวทะเล ควรหลีกหรือสัมผัสสัตว์ทะเลทุกชนิด รับรองปลอดภัยแน่นอน

    <HR>

    รศ.นพ. ศุภชัย รัตนมณีฉัตร
    ประพันธ์ เชิดชูงาม
    ภ.เวชศาสตร์ป้องกันและสังคม

    <HR>



    ศิริราชขอเชิญฟังบรรยายพิเศษ เรื่อง “มะเร็งลำไส้ใหญ่” โดย ผศ.นพ.ธวัชชัย อัครวิพุธ ภาควิชาศัลยศาสตร์ ในวันที่ 8 มิถุนายน 2550 เวลา 9.00 – 11.00 น. ณ ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น G รพ.ศิริราช สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2419 7419 , 0 2419 8990
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ


    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2 องค์ผู้อธิษฐานจิต พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า,พระอุปคุตเถระเจ้าและหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตให้ ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม ผมไม่แจ้งให้ทราบ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ

    มีพระพิมพ์ 6 พิมพ์ดังนี้
    [​IMG]

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวลงชาด(รักสีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง (สีแดง) ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,800 บาท

    <O:p</O:p

    2.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อสีขาว ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,500 บาท

    <O:p</O:p

    3.สมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจศิริ จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,300 บาท



    [​IMG]<O:p</O:p
    4.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว จำนวน 15 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,200 บาท


    <O:p</O:p
    5.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา จำนวน 10 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,100 บาท



    [​IMG]<O:p</O:p
    6.พระพิมพ์ปิดตาวังหน้าสองหน้า จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,000 บาท



    เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

    ยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2550
    พระพิมพ์ชุดใหม่ที่จะมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ครับ
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ



    1. พระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริพิมพ์จิ๋ว ขนาด 1 x 1.50 ซม จำนวน 10 องค์ เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท

    [​IMG]


    2. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่ปัญจสิริ ขนาด 1.7 x 2.7 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    3. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    4. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสามเหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    5. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่เนื้อขาวลงรักแดง ขนาด 2 x 3 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    6. พระพิมพ์วัดพลับเนื้อขาว ขนาด 2 x 2.8 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    7. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วเนื้อขาวลงรักน้ำเงิน ขนาด 1.7 x 2.4 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 21 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    8. พระพิมพ์โสณะอุตระเนื้อปัญจสิริ ขนาด 1.8 x 2.8 ซม
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท

    [​IMG]


    9. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วไกเซอร์เนื้อปัญจสิริ ขนาด 2 x 3.1 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 15 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    10. พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
    มีจำนวน 7 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท

    [​IMG]


    11. พระพิมพ์สมเด็จสีฟ้าอ่อน ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
    มีจำนวน 3 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    12. พระพิมพ์หลวงพ่อเงินเนื้อขาว ขนาด 2.9 x 2.5 ซม
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท มีจำนวน 10 องค์
    <O:p</O:p

    [​IMG]




    เมื่อร่วมบุญและโอนเงินแล้ว ขอความกรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วย ผมจะเป็นผู้ส่งพระพิมพ์และวัตถุมงคลให้ครับ

    [​IMG]<!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จากกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุธสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    ท่านใดที่บูชาไปแล้ว ขอให้แยกเก็บจากพระพิมพ์ทั่วๆไป และเก็บไว้ในที่สูง อีกเรื่องคือให้ระวังการปรามาสให้จงหนัก กรรมเร็วและแรงมากครับ<O:p</O:p

    1.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีแดง)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเหลือง)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    <O:p</O:p

    3.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีชมพู)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    4.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเขียว)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    5.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีน้ำเงิน)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]

    6.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ซ้าย) (เนื้อกรมท่า)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    7.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ขวา) (เนื้อกรมท่า)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    8.พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) ด้านล่างองค์ซ๊าย<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    9.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีขาว) ด้านล่างองค์กลางและองค์ขวา<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 400 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    [​IMG]

    10.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักสมุ รักพม่า สีน้ำเงิน)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]

    11.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักไทย สีดำ)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    [​IMG]

    12.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (ชาด รักจีน สีแดง)<O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]

    เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ

    ส่วนยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายละเอียดพระพิมพ์ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล (ตามลิงค์นี้นะครับ)
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899

    ส่วนยอดคงเหลือตามนี้ครับ

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]
    รูปคณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (คณะโสณะ-อุตร)

    1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
    2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า
    3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า (หลวงปู่อิเกสาโร)
    4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า (หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา ลพบุรี)
    5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า (หลวงปู่หน้าปาน หรือหลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด วัดโอภาสี กรุงเทพฯ)

    หมายเหตุ จากรูปนั้น ชื่อองค์แรกคือพระภูริยะเถระเจ้า แต่ที่ถูกต้องคือพระฌาณียะเถระเจ้า ส่วนองค์สุดท้ายคือพระฌาณียะเถระเจ้า ที่ถูกต้องคือพระภูริยะเถระเจ้า

    โดยปกติที่เห็นหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรกันทั่วๆไปนั้น จะเป็นรูปของหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)ครับ

    [​IMG][​IMG]
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีบูชาพระบรมครูพระเทพโลกอุดร<O:p</O:p

    จะเป็นภาพถ่ายหรือรูปหล่อของหลวงปู่ท่าน หรือพระพิมพ์ที่หลวงปู่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้ย่อมใช้ได้ทั้งสิ้น หลวงปู่ท่านโปรดผู้ประพฤติอยู่ในศีลธรรม ชอบอาหารมังสะวิรัติ ชอบฟังคำสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ชอบบูชาด้วยดอกมะลิสด น้ำฝน 1 แก้ว เทียนหนักหนึ่งบาท 1 คู่ ธูปหอม 5 ดอก (คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้าหรือหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปานหรือหลวงพ่อโอภาสี วัดโอภาสี บางมด) ) การปฏิบัติธรรมสังวรณ์ในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ประกอบด้วยศีล 5 เป็นอย่างน้อย ย่อมเป็นสิ่งพึงพอใจของหลวงปู่และทั้งยังให้ความสุชความเจริญทั้งคดีโลกและคดีธรรมแก่ผู้ปฏิบัติ

    สำหรับพิมพ์อรหันต์ พิมพ์ปิดตา และพิมพ์มหากัจจายนะซึ่งเป็นองค์เดียวกันแต่ปางต่างกันหากจะอาราธนาอย่างพิศดารก็ย่อมกระทำได้ กล่าวคือพิมพ์อรหันต์ใหญ่ พิมพ์อรหันต์กลางและพิมพ์อรหันต์น้อย อยู่ในหมวดพระมหากัจจายนะรูปงามซึ่งเป็นรูปเดิมก่อนการอธิษฐานวรกายให้ต่อท้ายด้วยคาถาดังนี้

    พิมพ์อรหันต์
    อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ รูปะวะระเชยยะสิทธิเม
    (เชยยะ อ่านว่า ไชยะ ; รูปะวะระ แปลว่า รูปงาม)
    *** โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ รูปะวะระเชยยะสิทธิเม ***

    สำหรับสำหรับพิมพ์พระปิดตาซึ่งเป็นปางอธิษฐานวรกายให้สวดพระคาถา โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา แล้วต่อท้ายด้วยพระคาถาต่อไปนี้
    พิมพ์พระภควัมปติ(ปิดตา)
    ควัมปติ จะ มหาเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม
    *** โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา ควัมปติ จะ มหาเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม ***

    สำหรับพิมพ์พุงพลุ้ยที่นิยมเรียกกันว่า พระสังกัจจายน์ คำนี้ไม่มีศัพท์นี้ในภาษาบาลี ที่ถูกต้องคือ พระมหากัจจายนะ เถระเจ้าอัน
    เป็นปางหลังจากที่นิมิตวรกายแล้ว ให้สวดพระคาถา โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา แล้วต่อท้ายด้วย พระคาถาต่อไปนี้
    อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม
    ***โลกุตตะโร ปัญจะ มหาเถโร อะหัง วันทามิตัง สะทา อรหันติกัจจายนะเถโร มหาโภโค มหาลาโภ เชยยะสิทธิเม ***
    จะเห็นว่าตัดเอาคำว่า รูปะวะระออกไปเพราะสิ้นความงดงามแล้ว

    พระพิมพ์ของคณะพระเทพโลกอุดรนั้นทุกรูปแบบทุกพิมพ์ทรงมีอานุภาพครอบจักรวาล อาราธนาทำน้ำมนต์ประสิทธิ์ยิ่งนัก โดยให้นำเอาพระแช่ในภาชนะที่บรรจุน้ำเรียบร้อยแล้ว บูชาด้วยดอกไม้ จุดธูปเทียน แล้วอธิษฐานตามความมุ่งหมาย เสร็จแล้วให้รีบนำพระขึ้นเช็ดน้ำด้วยสำลีหรือผ้าสะอาด ผึ่งลมให้แห้งก่อนนำไปบรรจุตลับ องค์พระจะไม่ละลายลบเลือนและไม่ควรแช่ในน้ำนานเกินควร จงทะนุถนอมให้จงดี เพราะหาไม่ได้อีกแล้ว

    สำหรับท่านที่มีพระอันเป็นทิพยสมบัติอันทรงคุณค่า โดยได้รับสืบทอดมาจากบรรพชนหรือได้รับจากทางใดทางหนึ่งก็ตาม เสมือนมีแก้วสารพัดนึกอยู่กับตัว ไม่จำเป็นต้องขวนขวายในอิทธิวัตถุอื่นอีก<O:p</O:p

    วิธีบูชาพระบรมครูพระเทพโลกอุดร

    คำบูชาบรมครูพระโลกอุดร
    นะโมตัสสะภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯลฯ ( 3 จบ )<O:p</O:p
    โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร ปฎิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรา นุสาสะโก โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต อิฐะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสิ มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ ปะระมะสาริกะธาตุ วะชิรัญจา ปิวานิตัง โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโร อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง เวเรนะ สุภาสิตัง โลกุตตะโร จะ มหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา มะหาเถรา นุภาเวนะ สุขัง โสตถี ภะวันตุ เม

    บทสวด แบบย่อหรืออาราธนาพระพิมพ์ (ได้ทุกทรงพิมพ์)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
    หรือภาวนา ๓ จบ , ๗ จบ , ๙ จบ (เช้า-เย็น ตื่นนอนและก่อนนอน)<O:p</O:p
    โลกุตตะโร ปัญจะ มะหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ

    หมายเหตุ : บทความที่นำมาเสนอนี้ได้รับการอนุญาตในการคัดลอกและเรียบเรียงเพื่อเผยแพรเป็นวิทยาทานจากท่าน อาจารย์ ประถม อาจสาครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นพระคุณและความกรุณาอย่างยิ่ง<O:p</O:p

    ผมขอเสริมนะครับ ท่านสามารถอาราธนาเป็นภาษาไทย ได้นะครับ ถ้ายังจำบทสวดของท่านไม่ได้ครับ

    ท่านที่ห้อยพระหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่ท่านเมตตาเสกให้นั้น หากมีความจำเป็นที่ต้องไปในสถานที่อโคจรทั้งหลาย ผมมีบทสวดที่ใช้ในการนี้มาฝากทุกท่านครับ

    ก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อิติภะคะโว
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด โสภะคะวา

    หรือก่อนที่จะเข้าไปในสถานที่อโคจรให้สวด อะระหัง
    กลับออกมาจากสถานที่อโคจรให้สวด หังระอะ

    บทแผ่เมตตาโบราณ<O:p</O:p
    นะเมตตา โมเมตตา ปะวาเสนตัง อะหังโหมิ สุจิตตาปะมาทาตุ สุจิตโตปะโมทาตุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บทแผ่เมตตาอันยิ่งใหญ่<O:p</O:p
    มหาโคตะโมปาทะเกอิ จะอะปาทะเกอิ เมเมตตังเมตตัง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่ได้บูชาพระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตไว้ให้นั้น ผมขอเรียนชี้แจงให้ทราบกันนะครับว่า การวางพระพิมพ์หรือวัตถุมงคลต่างๆ ต้องวางไว้ในที่เหมาะสม ควรใช้พวงมาลัยไว้พระพิมพ์ (เป็นการไหว้หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และเทวดาผู้ที่รักษาพระพิมพ์) พวงมาลัยที่ใช้ไหว้นั้น ต้องเป็นพวงมาลัยที่มีดอกรัก ,ดอกมะลิ ,ดอกกุหลาบ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แต่ห้ามใช้พวงมาลัยที่เป็นดอกดาวเรืองโดยเด็ดขาด ส่วนการวางพวงมาลัย ควรหาพานมาเพื่อใช้ในการวางพวงมาลัยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หากท่านใดที่ได้ทำบุญไม่ว่าจะเป็นการทำบุญเรื่องอะไรก็ตาม ควรที่จะกรวดน้ำให้กับผู้เสก,ผู้สร้าง และเทวดาประจำองค์พระพิมพ์ด้วยทุกๆครั้งนะครับ<O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไหว้ 5 ครั้ง<O[​IMG]</O[​IMG]




    ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )<O[​IMG]</O[​IMG]




    วัดเทพศิรินทราวาส<O[​IMG]</O[​IMG]

    [​IMG]

    คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html<O[​IMG]</O[​IMG]

    ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า<O[​IMG]</O[​IMG]
    นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ<O[​IMG]</O[​IMG]
    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ <O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา<O[​IMG]</O[​IMG]
    เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน<O[​IMG]</O[​IMG]
    แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน<O[​IMG]</O[​IMG]
    ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู<O[​IMG]</O[​IMG]
    กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู<O[​IMG]</O[​IMG]
    อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา<O[​IMG]</O[​IMG]
    คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา<O[​IMG]</O[​IMG]
    แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน<O[​IMG]</O[​IMG]
    เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์<O[​IMG]</O[​IMG]
    เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ<O[​IMG]</O[​IMG]
    สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน<O[​IMG]</O[​IMG]
    แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา<O[​IMG]</O[​IMG]
    นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา<O[​IMG]</O[​IMG]
    ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    <O[​IMG]</O[​IMG]

    ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]
    ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี<O[​IMG]</O[​IMG]
    กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน<O[​IMG]</O[​IMG]
    ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น<O[​IMG]</O[​IMG]
    เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน<O[​IMG]</O[​IMG]
    จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์<O[​IMG]</O[​IMG]
    รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม<O[​IMG]</O[​IMG]
    เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม<O[​IMG]</O[​IMG]
    สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง<O[​IMG]</O[​IMG]
    คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง<O[​IMG]</O[​IMG]
    เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ<O[​IMG]</O[​IMG]

    (บทประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส<O[​IMG]</O[​IMG]

    ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    ต่อไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ
    <O[​IMG]</O[​IMG]
    การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

    http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7

    [​IMG]

    สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

    เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย

    เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

    "ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
    เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

    พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา

    พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

    พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
    เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน
    ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

    ความคิดเห็นส่วนตัวผม
    ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอกกับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ

    .*********************************************.
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=21733&page=173
    บัญชีออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง ปริยัติศึกษา บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม

    "ให้ร่วมกันสร้าง เราจะมาโปรดสัตว์ไม่ให้สร้างคนเดียว"
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=57546&page=137
    <TABLE class=tborder id=post587971 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 06:04 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1369 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พสภัธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_587971", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 06:07 AM
    วันที่สมัคร: Nov 2005
    สถานที่: //////////////
    ข้อความ: 2,580 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 3,872 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 19,771 ครั้ง ใน 2,430 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2350 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_587971 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    โต(กุมารน้อย) วันนี้เป็นวัน "วิสาขบูชา" มีญาติโยมเดินทางมาถวายสิ่งของหลายคณะด้วยกัน...และมียอดปัจจัย 61,840 กว่าบาท..ก็สนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร...
    แต่เรื่องที่แปลกเมื่อคืนนี้เวลา 19.00 น. พระอาจารย์ท่านก็บอกกับพระภิกษุ-สามเณรว่าให้เตรียมตัวไปที่ศาลาปฏิบัติธรรมเพื่อบรรจุพระสารีริกธาตุ ก็ได้มีคุณโยมจากกรุงเทพหลายท่านด้วยกันมาร่วมงานด้วยตลอดถึงชาวบ้านในหมู่บ้าน สิ่งที่แปลกที่สุดอาตมาเองในขณะที่กำลังเขียนข้อความส่งอยู่นี้ยังขนลุกเลย เพราะความปาฏิหารย์อย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น เมื่อปีที่แล้วก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเช่นกันไม่ว่าจะเป็นลมพายุพัดแรง ฝนตกอย่างแรงทั้งๆที่ไม่มีวี่แววว่าจะตก ตอนที่เปิดเทปอัญเชิญเทวดาของหลวงพ่อท่าน (พระราชพหรมญาณวัดท่าซุง)) เทวดาท่านมาอนุโมทนาตอนบรรจุพระสารีริกธาตุ พระภิกษุ-สามเณรพร้อมทั้งบรรดาญาติโยมทั้งหลายต้องเวียนเทียนกันท่ามกลางสายฝน และในเมื่อวานนี้ก็เช่นตอน(เปิดเทปอัญเชิญเทวดา)ได้เวลาบรรจุพระสารีริกธาตุลมพายุก็พัดแรงมากเข้ามาในศาลาแล้วก็ติดตามมาด้วยสายฝนที่กระหน่ำอย่างรุนแรงรวมไปถึงไฟฟ้าดับ ต้องทำการบรรจุพระสารีริกธาตุกันท่ามกลางแสงเทียน และต้องเวียนเทียนภายในศาลาปฏิบัติหลังใหม่ ก็ขอให้ดูรูปภาพเอาก็แล้วกันพระอาจารย์ท่านบอกว่าไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ย เพราะเกิดขึ้นมาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว จึงทำให้เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงและเป็นของจริงต้องการพิสูจน์จากคนจริงที่มาอยู่อาศัยที่นี่ อาตมาเองก็ว่าเช่นนั้นเพราะหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างปาฏิหารย์(TRUE) สิ่งก่อสร้างต่างๆ เพียงแค่หนึ่งปีกับสามเดือนเท่านั้น...พร้อมที่จะตั้งเป็นวัดและเป็นสำนักเรียนอย่างไม่ต้องกังวล..สามารถรองรับเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสเข้ามาเรียนได้เป็นร้อยกว่ารูปได้อย่างสบายๆ..สาธุ..สาธุ..สาธุ..
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถามมาสิจ๊ะ...แม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ ยินดีตอบจ้า...

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=588067#post588067


    <TABLE class=tborder id=post585595 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">29-05-2007, 08:13 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#501 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hongsanart<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_585595", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-05-2007 04:54 PM
    วันที่สมัคร: Jun 2005
    ข้อความ: 209 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,002 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 1,539 ครั้ง ใน 198 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 197 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_585595 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คนเก่า [​IMG]
    อ้าว ยายจ๋าช่วยเช็คข่าวดีๆนะจ้ะ เดี๋ยวจะกลายเป็นวิบาก เพราะขวางบุญเขา

    ภาพถ่ายโบรชัวร์นี้ ลูกศิษย์พระอาจารย์เมตตานำลงให้ เพราะเข้าไปสัมนา
    ที่หาดใหญ่พอดี จึงตามกลิ่นไปจนได้สนทนากับแม่ชีท่านเองที่สำนักปฏิบัติ
    ธรรมทิพยสถาน

    ชื่อนี้ไม่ผิดแน่จ้ะ ท่านสุธรรมาก็เมตตาบอกให้ในอีกกระทู้หนึ่งมาหลายวันแล้ว

    ลูกศิษย์ท่านอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ก็โทรคุยกับคุณหงสนาถและบอกเล่าข้อมูล
    นี้ละเดียวกันจ้ะ

    ยายรีบหาข่าวเองเร็วๆ แล้วมาช่วยยืนยันด้วยซี่ คนที่เขาลังเลเพราะยาย จะได้
    สิ้นกังขา

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตอนที่คุยกับยาย โบรชัวร์ยังไม่ออกค่ะ ยายเลยยังไม่ทราบ ส่วนโบรชัวร์ที่คุณคนเก่านำมาลงให้นั้น ถูกต้องแล้วค่ะ ช่วงนี้งานที่ธนาคารมากจนไม่มีเวลาลงรายละเอียด มีสมาชิกท่านหนึ่งโทร.คุยกับยายว่าไปที่เกาะยอแล้ว แต่ไปที่วัดที่อยู่บนเขา ก็เลยบอกกับยายว่า สำนักปฏิบัติธรรมของท่านอาจารย์นั้น ไม่ได้อยู่บนเขา แต่อยู่ริมถนน

    วันที่ 30 พค.50 เวลา 18.00 น. จะมีพิธีบวงสรวงที่เกาะยอ
    วันที่ 31 พค.50 เวลา 8.49 น. มีพิธีมหาพุทธาภิเษกและเทวาภิเษก ที่เกาะยอ เช่นกัน หลวงพี่เล็ก ท่านจะมาร่วมในพิธี ในวันนี้ค่ะ

    มวลสารที่นำมาสร้างพิมพ์พระพุทธเจ้า,เจ้าแม่กวนอิมและจตุคาม-รามเทพ นั้น
    เดิมมีมวลสาร 1,435 รายการ มีผู้นำมาสมทบอีกประมาณ 2,000 รายการ รวมมวลสารทั้งหมด 3,000 กว่ารายการ ซึ่งรวมทั้งมวลสารที่ยายผีป่ามอบให้ด้วยหลายอย่าง เช่น นิล,แร่ทรายคำ,เหล็กไหล,เขี้ยวหนุมาน และสมเด็จสัมพุทเธ ,
    คุณสิทธิพงศ์ มอบพระที่สมเด็จวังหน้าสร้าง ซึ่งชำรุด ,แป้งร่ำ,ดินสอพอง ซึ่งคุณสิทธิพงศ์ได้นำเข้าพิธีพิเศษแล้ว

    สำหรับรายการมวลสาร 1,435 รายการนั้น คุณสิทธิพงศ์จะทะยอยนำมาลงให้ทราบกันค่ะ

    รายละเอียดเกี่ยวกับการจองเหรียญต่างๆนั้น คงจะตั้งป็นกระทู้ใหม่ค่ะ คงต้องรอให้เสร็จงานพิธีพุทธาภิเษกก่อนนะคะ

    อนุโมทนาสาธุกับยาย,คุณสิทธิพงศ์และทุกๆท่านที่ร่วมบุญในงานครั้งนี้ด้วยค่ะ

    รูปถ่ายนี้เป็นคืนที่มีการผสมมวลสาร

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    *************************************************
    รายละเอียดพระพิมพ์ จะมีการลงให้ทราบกันอีกครั้งนะครับ มวลสารที่นำมาจัดสร้างนั้น มีมากจริงๆ ซึ่งคณะผุ้จัดสร้างต้องมีบารมีและเงินมากพอ จึงจะหามวลสารได้มากถึงขนาดนี้ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    (verygood) (verygood) (verygood)
    .<!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 27 พฤษภาคม 2550

    ชุดล็อคเก็ต

    [​IMG]

    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3

    ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกกุสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O:p</O:p

    วันนี้ผมนำล็อคเก็ตพร้อมพระสมเด็จผงยาวาสนา,พระสมเด็จผงยาจินดามณี,พระสมเด็จวังหน้าเนื้อขาวและพระสมเด็จวังหน้าเนื้อปัญจสิริ มามอบให้ผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ตามนี้ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.ชุดล็อคเก็ตใหญ่ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 2 ชุด <O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    1.1ล็อคเก็ตขนาดใหญ่ ขนาด กว้าง 2.7 * ยาว 3.5 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    1.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    1.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    1.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 10,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง<O:p</O:p
    หมายเหตุ ทั้งสองชุดนี้ มีผู้จองทั้งหมดแล้วครับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 4 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    2.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    2.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    2.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    2.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    3.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ จำนวน 1 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    3.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    3.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    3.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    3.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    4.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระธาตุพระสิวลี(ผงพระวังหน้า) จำนวน 2 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    4.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    4.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    4.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    4.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 8,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หมายเหตุ ล็อคเก็ตและพระพิมพ์ทั้งหมดได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งอยู่ในพระชุดพิเศษ 3 เกือบทุกองค์ยกเว้น พระสมเด็จผงยาวาสนาคะแนนร้อย องค์แรกในแถวล่าง และพระสมเด็จผงยาจินดามณี องค์ที่สามในแถวล่าง จะผ่านพิธีพุทธาภิเษกเชิญหลวงปู่พระสิวลีเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอนุรุทเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และทุกๆท่านสามารถจองและทยอยร่วมทำบุญไปได้เรื่อยๆ เช่นในท่านมีความประสงค์จะร่วมทำบุญและรับชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น จำนวน 9,000 บาท แต่ละเดือนท่านอาจจะร่วมทำบุญเดือนละ 500 บาท ก็จะเป็นระยะเวลาที่ท่านร่วมทำบุญแค่ 18 เดือน เมื่อท่านร่วมบุญครบแล้ว ผมจะจัดส่งชุดล็อคเก็ตไปให้ท่านครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ<O:p</O:p

    ผมขอขอบพระคุณพี่ตุ่น (ได้มอบล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1 องค์และด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ 1 องค์) และน้องguawn (ได้มอบล็อคเก็ตใหญ่ 1 องค์ และล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่นทั้ง 3 องค์)

    โมทนาสาธุกับทั้งสองท่านด้วยครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รายละเอียดพระพิมพ์ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งครับ
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล (ตามลิงค์นี้นะครับ)
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899

    ส่วนยอดคงเหลือตามนี้ครับ

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    ปาฏิหาริย์หลอกลวง

    สวัสดีครับทุกท่าน ไอ้รูปที่มีวงกลมเยอะๆนั่นนะมันไม่ไช่ปาฏิหาริย์ที่ไหนหรอกครับ ไครๆก็ทำได้ขอแค่กล้องท่านมีความชื้นมันก็สามารถถ่ายไห้ออกมาเป็นรูปดวงกลมๆได้ทั้งนั้นล่ะครับ......บอกไว้ไห้เป็นวิทยาทานกันนะครับกลัวจะงมงายกันไปไหญ่ ศาสนาพุทธไม่สอนไห้งมงายนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=40556&NewsType=2&Template=1

    [​IMG]
    วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เวลา 17:55 น.

    [​IMG]
    อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากฯ

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สถานที่พักผ่อนสบาย ๆ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก จ.ฉะเชิงเทรา คงเป็นหนึ่งในใจหลายคน เพราะใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงกว่า ๆ ซึ่งส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีกับการนมัสการหลวงพ่อพุทธโสธร หรือหลวงพ่อโสธร ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร

    แต่มาถึงฉะเชิงเทราทั้งทีแล้ว ลองแวะเวียนไปเที่ยว ต.บางคล้า อ.บางคล้า เพื่อนมัสการ อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และล่องแพชมความงามของแม่น้ำบางปะกง

    แต่ก่อนไปถึงอนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แนะนำให้แวะ ตลาดบางคล้า เพื่อสัมผัสกับชีวิตเรียบง่ายของชาวบ้านที่นี่ และต้องไม่ลืมแวะซื้อของฝากติดมือก่อนที่ อึ๊งมุ่ยเส็ง ร้านขายขนมของฝากจากบางคล้า เน้นขายเฉพาะแต่ขนมเปี๊ยะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ร้านขายขนมเปี๊ยะเจ้าแรกของบางคล้า เปิดกิจการตั้งแต่ พ.ศ. 2460 โดยขนมเปี๊ยะของที่นี่นอกจากสูตรโบราณดั้งเดิม ยังประยุกต์ไส้อื่น ๆ ทั้งไส้หวาน ไส้เค็ม เนื่องจากบางคนอาจไม่ชอบสูตรดั้งเดิม

    ซื้อของฝากเรียบร้อยแล้ว ค่อยแวะไปที่ อื่น ๆ เพราะหากเราไปล่องแพในช่วงเย็น อาจกลับมาไม่ทัน ร้านปิดเสียก่อน จะทำให้พลาดของอร่อยของบางคล้า

    คราวนี้ก็มุ่งหน้าเดินทางสู่อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในบริเวณพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ 2 งาน ร่มรื่นด้วยสวนสาธารณะ มีศาลาพักผ่อนหย่อนใจรอบบริเวณ โดยพื้นที่ของสวนสาธารณะและอนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อยู่ตรงกลางระหว่างแม่น้ำบางปะกงฝั่งซ้าย กับคลองท่าลาดฝั่งขวา ไหลมาบรรจบบริเวณด้านหลังพระสถูปเจดีย์ฯ ณ จุดนี้เรียกว่า ปากน้ำโจ้โล้ ใครได้มาที่นี่จะได้ชื่นชมกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลอง ท่ามกลางสายลมเย็น

    พระสถูปเจดีย์ฯเป็นองค์ใหม่ สร้างแทนพระสถูปเจดีย์เก่าซึ่งพังลงเมื่อช่วงสงครามโลก โดยเริ่มสร้างขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2539 แล้วเสร็จเมื่อ 12 พ.ย. 2542 เพื่อเป็นอนุสรณ์เมื่อครั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รับชัยชนะในการสู้รบกับพม่าบริเวณปากน้ำโจ้โล้ และพักทัพรวบรวมพลเพื่อเดินทัพมุ่งหน้าไปยังชลบุรี ระยอง และจันทบุรี ก่อนกลับมากู้กรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง ซึ่งว่ากันว่าเดิมบางคล้าเป็นแหล่งชุมชนที่มีคนจีนจำนวนมากพำนัก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นบุตรบุญธรรมของครอบครัวคนจีน จึงทรงมีพระราชประสงค์มาพักทัพที่นี่เพื่อรวบรวมไพร่พล โดยพักทัพ ณ วัดโพธิ์บางคล้า วัดเก่าแก่สร้างราว พ.ศ. 2310-2315 ปัจจุบันมีค้างคาวแม่ไก่ (เป็นค้างคาวปีกสีดำ หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีจมูกและใบหูเล็ก ตาใหญ่ ขนสีน้ำตาลแกมแดง) พักพิงเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ในรั้ววัดจำนวนมาก โดยพักผ่อนในยามกลางวันและออกหาอาหารในยามกลางคืน

    ผู้ที่สักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มักขอพรในด้านต่าง ๆ และนำ “ดาบ” ทั้งดาบเหล็ก ดาบไม้ และดาบพลาสติก มาถวาย ด้วยความเชื่อว่าทรงเป็นนักรบ จึงโปรดดาบ

    หากต้องการล่องแม่น้ำบางปะกง หลังจากสักการะพระสถูปเจดีย์ฯแล้ว สามารถติดต่อบริการจากร้านอาหารร่มไม้-สายธาร ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน หากต้องการล่องแพทานอาหารและดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบเกาะลัด (เกาะน้ำจืด) ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง ค่าบริการ 2,000 บาท แต่หากล่องชมเขื่อนบางปะกง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ราคา 4,500 บาท หากไปจำนวนไม่มาก สามารถรวมกับกลุ่มอื่น ๆ ออกไปสัมผัสความร่มรื่นและวิถีชาวบ้านริมแม่น้ำ

    สร้างความสงบทางสายตาและจิตใจ เติมพลังชีวิตในช่วงวันหยุด.
    จิราภรณ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="VERTICAL-ALIGN: top; TEXT-ALIGN: left"><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message-bold>คอลัมน์ย้อนหลัง</TD></TR><TR><TD><TABLE id=ctl00_ContentPlaceHolder1_ctl00_Popup_news_15_oldcolumn1_dlsOColumn style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์พระเจ้าตากฯ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ครบวงจรวิถีชีวิตช้างไทย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">บิดและบิด บริหารกระชับเอว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เรียนรู้อย่างร่มรื่นที่ลุมพินี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ซอยพระนาง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วันดอกไม้บานบนดอยตุง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">บริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ดำน้ำดื่มด่ำโลกใต้ทะเล
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">แหล่งสมองของหนอนหนังสือ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ตระการตาศิลปะล้านนา - นานาชาติ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=40569&NewsType=2&Template=1

    [​IMG]
    วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เวลา 17:55 น.

    กลองเก่าเล่าความหลัง

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อย้อนยุคไปใน พ.ศ. ๒๕๐๔ แทบทุกคนคงจะได้ยินเสียงเพลงฮิตติดอันดับแห่งยุค คือ เพลงผู้ใหญ่ลี เป็นเพลงลูกทุ่งแบบไทยฟังดูแล้วสนุกครึกครื้นเด็กฟังได้ ผู้ใหญ่ฟังดี ยกเว้นคนหูหนวกที่เรียกเป็นภาษาแพทย์ว่า พิการทางหู หรือ หูพิการ เพราะบุคคลเหล่านั้นย่อมไม่ได้ยิน เป็นเรื่องธรรมชาติที่ผิดธรรมชาติกลายเป็นเรื่องของคนธรรมดาไป แต่ในเพลงก็ย้ำเตือนถึง ผู้ใหญ่ลี ตีกลองประชุม นับเป็นเพลงแบบจดหมายเหตุคือบอกว่า พ.ศ. ๒๕๐๔
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/...e=2&Template=1

    [​IMG]
    วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เวลา 17:55 น.

    กลองเก่าเล่าความหลัง

    ใน เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสี (GUANGXI) ติดกับเวียดนามเลยกุ้ยหลินไปไม่นานนักมี พิพิธภัณฑ์กลองสำริดหรือกลองมโหระทึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกลองจัดแสดงตามยุคต้น ยุคกลาง ยุคปลายของกลองโลหะที่ใช้สืบเนื่องยาวนาน มีจำนวนที่มีอายุ ๒,๐๐๐ ปีขึ้นไป กว่า ๓๐๐ ใบ นอกจากนี้ยังมีการนับถือว่ากลองเป็นของศักดิ์สิทธิ์ มีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์กลองเป็นแบบเจ้าพ่อเจ้าแม่หอกลอง มีการเซ่นไหว้บูชาด้วยไก่นึ่ง ไก่ต้ม สุราขาว ข้าวสุก น้ำเปล่า และผลไม้ตามฤดูกาลหรือ ขนมที่ทำจากแป้ง ประเพณีนี้ทำโดยชาวจ้วงเป็นชนกลุ่มใหญ่ ในแผ่นดินจีน พูดภาษาไทย หน้าตาก็เป็นคนไทย แต่ถูกวัฒนธรรมจีนเปลี่ยนแปลงมาหลายชั่วโคตร เรื่องนี้ก็น่าสนใจเพราะเป็นชนเผ่าที่ยังมีความเชื่อถือหรือมีประเพณีเกี่ยวกับกลอง ซึ่งบางท่านเรียกว่า “ฆ้อง” ซึ่งเวลาตีใช้ไม้ตีที่ทำด้วยเขาควายหรือไม้เนื้อแข็งตีคราวละหลายใบดังโกร่ง ๆ กร่าง ๆ เวลาที่ใช้ตะแกรงตีแบบกลองยาวหรือกลองแอทางภาคเหนือ ซึ่งยังมีการแข่งขันกันอยู่ที่จังหวัดลำพูนของไทยในวันเทศกาลสำคัญของจังหวัด กลองที่เมืองหนานหนิงนี้เป็นกลองหล่อขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ใช้เรื่อยมาถึงในยุคปัจจุบันแต่ไม่มีการหล่อเพิ่มเติม วิชาหล่อกลองคงสูญหายไปแล้ว หน้าของกลองจะเป็นลายแทงขุมทรัพย์แห่งจักรวาล คือ ตรงกลางจะเป็นรูปดวงตราพระอาทิตย์ ทำเป็นรูปดาวใหญ่ มีตั้งแต่ ๘ แฉก ๑๐ แฉก เรื่อยไปจนถึง ๑๒ แฉกก็มี นอกจากนี้ยังมีรูปนกปากยาว จำพวกนกอินทรีหรือนกแร้ง เป็นแบบนกโบราณบินโดยรอบ มีลายจำลองลูกแก้วหรือดาวต่าง ๆ โดยรอบ บางครั้งก็เป็นรูปเรือมีคนแต่งตัวเป็นนกแบบระบำนก วิ่ง ๆ เต้น ๆ อยู่โดยรอบหน้ากลอง ที่สำคัญกลองนี้มักจะสร้างคู่กันเป็นกลองตัวผู้กับกลองตัวเมีย เป็นกลองสัญญาณเชื่อมระหว่างแผ่นฟ้ากับแผ่นดินหรือแผ่นน้ำ โดยใช้เสียงและบทเพลงเป็นสื่อหรือเครื่องมือสื่อสารนั่นเอง โดยกลองตัวผู้จะมีรูปกบอยู่ในมุมทั้ง ๔ บางครั้งก็เป็นรูปช้าง และแปลกพิสดารมากก็คือเป็นรูปหอยโข่ง หอยขม จำพวกหอยฝาเดียว ซึ่งต่างกับหอยแครง หอยมือเสือซึ่งเป็นหอยชนิดสองฝา กลองนี้อาจเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างมนุษย์ไปยังโลกเทวดาก็เป็นไปได้

    เรื่อง กลองมโหระทึก นี้มีพบทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยก็มีพบอยู่หลายแห่งหลายที่ เช่น ที่นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ แต่นักวิชาการญี่ปุ่นเชื่อว่ากลองใบที่เก่าที่สุด คือ กลองที่พบที่บ้านเชียงของเรานี่เอง ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำการศึกษาเครียด ๆ กันต่อไป เท่าที่คุยมานี้ก็เพื่อจะให้ท่านผู้สนใจทราบว่าวัฒนธรรมนั้นมีเท้ามีขาเดินถึงกันได้ ชนชาติและชนชั้นจึงมิใช่เขตแบ่งปันน้ำใจความเป็นคนที่พัฒนาแล้วต่อกัน มนุษย์พึงจะมีความสุขและความปรารถนาดีต่อกันโดยไม่มีขอบเขตแห่งอาณาจักรมาเกี่ยวข้อง

    หอกลอง จึงเป็นหลักฐานสำคัญของความเชื่อถือในเรื่องนี้ เมืองไทยเมื่อ ๒๐๐ ปีที่แล้วคนกรุงเทพฯก็ยังได้ยินเสียงกลองดังบอกเวลาก่อนจะมีการยิงปืนเที่ยง กลองเพล และหอนาฬิกา หอกลองที่ว่านี้อยู่กลางกรุงเทพมหานคร ใกล้วัดโพธิ์ท่าเตียน หอกลอง สร้างเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมมีสี่ชั้นสูงตระหง่าน ความสูงวัดเป็นมาตราโบราณได้ ๑๑ เส้น ๔ วา ๓ ศอก ๑ คืบโดยประมาณ แรกเริ่มสร้างด้วยไม้ทาด้วยดินแดง (สุราษฎร์ธานี) แขวนกลองทัด คือ กลองไม้สองหน้า เป็นกลองสัญญาณตีกำหนดเวลาต่าง ๆ กัน คือ กลองชั้นต้นชื่อว่า ย่ำพระสุรศรี ตีเวลาย่ำค่ำและย่ำรุ่ง กลองชั้นกลางชื่อว่า อัคคีพินาศ ตีเมื่อเวลาเกิดเพลิงไหม้ กลองชั้นยอดชื่อ พิฆาตไพรี ตีเวลามีข้าศึกมาประชิดติดชายพระนคร หอกลองนี้ สถาปนาในสมัยรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ส่วนกลองนั้นว่ากันว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ และมีกลองอีกใบหนึ่งชื่อกลอง วินิจฉัยเภรี คือ กลองร้องทุกข์ถวายฎีกา ทำนองนั้น ลักษณะเป็นกลองทัดสองหน้า โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาคลัง (ดิศ) ทำจากไม้รักขนาดใหญ่โต ๑๓ กำ (เส้นผ่าศูนย์กลาง ๖๒ เซนติเมตร) เดิมอยู่ที่ทิมดาบตรงประตูเทวาพิทักษ์ ในพระบรมมหาราชวัง กรมวังผู้ใหญ่เป็นผู้ดูแล และย้ายเข้ามาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕
    ในยุคคลั่งประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีกลองสัญญาณที่ประจำอยู่ในกองทัพมีศาลเจ้าพ่อ คือเทวดาผู้รักษากลอง เรื่องนี้เป็นความเชื่อซึ่งเป็นความเชื่อเช่นเดียวกับ พระสยามเทวาธิราช ผู้เป็นเทพเทวดารักษาบ้านรักษาเมืองตามคติที่เชื่อและมีมานานแล้วตั้งแต่โบราณ

    กลอง นอกจากเป็นเครื่องส่งสัญญาณแล้วยังเป็นชื่อแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทยก็ คือ แม่น้ำแม่กลอง นั่นเอง แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่พัดพาหลากแหล่งวัฒนธรรมมาผสมผสานกลมกลืนกันหลายยุคหลายสมัยจากหุบเขาผ่านป่าดงพงพีที่ลุ่มราบย่านการค้าและชุมชนหล่อหลอมออกมาเป็นวัฒนธรรมหลายแบบหลายพันธุ์ราวนับพันปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามรอยแห่งวัฒนธรรมเหล่านั้น

    นอกจากนี้ แม่กลอง ยังเป็นชื่อบ้านนามเมืองดั้งเดิมของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งแต่เดิมมีนามว่า “เมืองแม่กลอง” อาจจะเกี่ยวกับราชนิกูล บางช้าง กล่าวกันว่า สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระญาติวงศ์มีพระนิวาสถานดั้งเดิมอยู่ที่ตำบล อัมพวา อำเภอบางช้าง ซึ่งต่อมายกเป็น จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งแต่เดิมใช้ตรากลองทัดลอยน้ำมาสื่อความหมายแม่กลองนั่นเอง

    นอกจากนี้ยังมีวรรณกรรมเก่าแก่สืบเนื่องมาจากวรรณกรรมสมัยอยุธยา เรื่อง “เสือโค” หรือที่รู้จักกันในบทละครนอกเรื่อง “คาวี” พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งเดิมนั้นเรื่องมีนางเอกชื่อ นางจันทร์สุดา เป็นลูกสาวเจ้าเมืองซึ่งมีนกอินทรียักษ์มากินชาวบ้านชาวเมืองจนหมดเหลือแต่ พระนางจันทร์สุดา พระราชบิดาจึงนำนางนี้ไปแอบซ่อนไว้ในกลองใหญ่เพื่อปิดบังพญานกร้ายนั้น เรื่องในบทละครนี้อาจแสดงเรื่องราวสำคัญ ๆ ของกลองคือเป็นผู้พิทักษ์รักษาคนดีให้พ้นจากความชั่วร้ายอะไรก็เป็นไปได้ ความเชื่อเรื่องกลอง จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเพราะเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่มีพัฒนาการมายาวนาน ชื่อเสียงจากกลองนั้นมีหลายเสียงหลายลักษณะ ของญี่ปุ่น จีน พม่า ลาว เขมร เกาหลี ก็ล้วนแต่มีกลองและความเชื่อในเรื่องกลองกันทั้งนั้น แม้แต่ผู้บริหารประเทศตอนนี้ก็ยังใจเต้นเป็นเสียงตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ อย่างไรพิกลหรือจะเป็นยุควิกฤติของปัญญาชนไปก็ไม่รู้ ถ้ามีอำนาจก็ต้องใช้อำนาจและต้องใช้อย่างถูกต้องยุติธรรมในเวลาและสถานการณ์อันเหมาะสม สังคมและประเทศชาติก็อยู่รอดปลอดภัยจากหมามุ่ยทั้งหลาย

    ข้อสำคัญอย่าได้คิด โยนกลอง แห่งชาติใส่ประชาชนตาดำ ๆ ก็แล้วกัน และต้องไม่ลืมภาษิตที่ว่า กลองดี ๆ เวลาตีต้องดัง ส่วนกลองอัปรีย์ ไม่ตีเสือกมาดัง จะดังเป็นกลองยี่เก ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ หรือจะดังเป็นกลองสิงโต ตุ้งแช่ ๆ ก็แล้วแต่ต้องจับตาดู หรือจะให้ดัง ตูม ๆ โครม ๆ ราษฎรกระเด็นไกล ดั่งกลองปักษ์ใต้ก็แล้วแต่โยม!.
    ภุชชงค์ จันทวิช

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="VERTICAL-ALIGN: top; TEXT-ALIGN: left"><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message-bold>คอลัมน์ย้อนหลัง</TD></TR><TR><TD><TABLE id=ctl00_ContentPlaceHolder1_ctl00_Popup_news_15_oldcolumn1_dlsOColumn style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">กลองเก่าเล่าความหลัง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">สิบลายร้อยยี่สิบปีของดีลายคราม
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">สุกรนั้นไซร้มิใช่หมูธรรมดา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">กว่าจะเป็นเหรียญ ๆ เหรียญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เกาะกรุงเก่า เก่าแก่กว่าแต่ก่อน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ตาลปัตรสมเด็จครูคู่แผ่นดิน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เตาหยวนโล้หม้อไฟ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">คุ้ยเรื่องกระเบื้องญี่ปุ่น
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เจาะปรุทะลุห้องพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ศรีทวารวดี - ศรีวิชัยใครเก่ากว่ากัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เหมืองลูกกะปัดเมืองพระโพธิสัตว์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=40579&NewsType=2&Template=1

    [​IMG]
    วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เวลา 17:55 น.

    ประโยชน์ของหน่อไม้
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ใครที่ชอบทานหน่อไม้ รู้หรือไม่ว่าหน่อไม้มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย วันนี้เกร็ดความรู้มีคำตอบเรื่องนี้มาบอกกัน...
    หน่อไม้มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และที่สำคัญมีกรดอะมิโนที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้ ต้องนำเข้าจากอาหารประเภทต่าง ๆ นอกจากนั้นหน่อไม้ยังมีกากใยอาหารที่ช่วยให้ร่างกายนำกากและสารพิษออกสู่ภายนอกได้เร็ว โดยการดูดน้ำและเพิ่มปริมาตรให้ตัวกากให้มากขึ้น จนร่างกายต้องส่งออกฉับพลัน
    ทั้งนี้หน่อไม้เมื่อผ่านการย่อยแล้ว ประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานหน่อไม้ คือ ร่างกายก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือ หรือสารพิษต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนักต่างๆหรือพวกไนไตรท์ ก็จะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่ แต่ถ้ามีกากใยอาหารมาก ๆ กากใยอาหารเหล่านี้จะช่วยดูดน้ำและเพิ่มปริมาณ ทำให้กากอาหารเหล่านี้ มีน้ำหนักมากจะเคลื่อนขบวนออกสู่โลกภายนอกได้เร็ว กากใยอาหารจึงช่วยลดการเกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่
    หน่อไม้สามารถนำไปแปรรูปให้เป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น หน่อไม้สด ๆ ต้มกับกระดูกหมู แกงคั่วหน่อไม้ หรือจะต้มเอาไว้จิ้มน้ำพริก ทำซุปหน่อไม้ ส่วนความขมของหน่อไม้ต้องดับด้วยน้ำคั้นใบย่านาง แล้วหน่อไม้ก็จะหวาน สามารถนำไปจิ้มน้ำพริกหรือทำซุปก็ได้รสกลมกล่อม ถ้าอยากเก็บหน่อไม้ไว้กินนอกฤดู ก็ต้องดองหน่อไม้ให้เป็นหน่อไม้เปรี้ยวเอาไว้ทำแกงส้ม แกงคั่วได้
    วิธีดองหน่อไม้ คือ เพียงแค่หั่นหน่อไม้สดเป็นชิ้นบาง หาเกลือมาคลุกเคล้าพอประมาณ หาโหลหรือขวดแก้วมาใส่หน่อไม้ อัดหน่อไม้ให้แน่นเติมน้ำสะอาด ปิดฝาทิ้งไว้รอเวลานอกฤดู แต่ถ้าอยากกินเร็วก็ให้ใส่น้ำซาวข้าวแทนน้ำสะอาดเพราะจะทำให้หน่อไม้เปรี้ยวเร็ว
    รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาทานหน่อไม้กันดูได้ เพื่อสุขภาพที่ดี.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="VERTICAL-ALIGN: top; TEXT-ALIGN: left"><TABLE id=Table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message-bold>คอลัมน์ย้อนหลัง</TD></TR><TR><TD><TABLE id=ctl00_ContentPlaceHolder1_ctl00_Popup_news_15_oldcolumn1_dlsOColumn style="WIDTH: 100%; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ประโยชน์ของหน่อไม้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีเลือกซื้อรองเท้า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">เชื้อโรคในธนบัตร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ประโยชน์ของกล้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">การดูแลรักษาถุงน่อง
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">น้ำมันมะพร้าว ป้องกันรังสี UV
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">อาหารสำหรับลดความอ้วน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ประโยชน์และโทษของช็อกโกแลต
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">วิธีป้องกันปลวก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table3 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD style="WIDTH: 14px" vAlign=top>[​IMG]</TD><TD class=message-normal style="WIDTH: 100%">ขจัดรอยเปื้อนบนผนังคอนกรีต
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...