พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ที่มา http://thaigcd.ddc.moph.go.th/AI_influenza_prasert_050910.html

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#b0c4de>โรคไข้หวัดใหญ่

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ศาตราจารย์ (เกียรติคุณ) นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ

</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left>
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD><Oโรคไข้หวัดธรรมดา (cold) และไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคที่พบบ่อยมากในคนทุกเพศทุกวัยทุกเชื้อชาติ ในสหรัฐอเมริกามีข้อมูลกว่าร้อยละ 90 ของประชากร จะต้องป่วยเป็นโรคหวัด อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อปี สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่บางครั้งก็มีอาการอ่อนจนแยกจากโรคไข้หวัดธรรมดาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก แต่บางครั้งก็จะมีอาการรุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัดและเป็นอยู่นานวันกว่า อาการทั่ว ๆ ไป ของโรคทั้งสอง อาจมีได้ตั้งแต่เป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เจ็บคอ ไอ และมีไข้ ระยะฟักของโรค ทั้งสองค่อนข้างสั้นเพียง 1-4 วัน แต่โรคก็จะหายเร็ว (5-7 วัน) หากมีภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของไข้หวัดใหญ่ก็จะกินเวลาเนิ่นนานออกไปอีก สำหรับหวัดธรรมดานั้นต้นเหตุของโรคคือ Rhinovirus ซึ่งอยู่ในสกุล Picornaviridae ส่วนไข้หวัดใหญ่เกิดจาก Influenza virus ซึ่งอยู่ในสกุล Orthomyxoviridae ตารางที่ 1 จะแสดงข้อแตกต่างระหว่างอาการของโรคหวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่<O</O</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตารางที่ 1 อาการของโรคหวัดธรรมดา และไข้หวัดใหญ่</O
<O</O

<TABLE class=MsoTableGrid cellSpacing=0 cellPadding=0 width=607 border=1><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0"><TD vAlign=top width=175 bgColor=#adff2f>

อาการ<O</O​

​

​

​

</TD><TD vAlign=top width=228 bgColor=#adff2f>

ไข้หวัดธรรมดา<O</O​

​

​

</TD><TD vAlign=top width=204 bgColor=#adff2f>

ไข้หวัดใหญ่<O</O​

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1"><TD vAlign=top width=175>ไข้<O</O

</TD><TD vAlign=top width=228>พบได้บ่อยในเด็กผู้ใหญ่อาจมีไข้ต่ำๆ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=204>ไข้สูงทั้งเด็กและผู้ใหญ่<O</O

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 2"><TD vAlign=top width=175 bgColor=#ffe4c4>อาการปวดกล้ามเนื้อ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=228 bgColor=#ffe4c4>ไม่ใคร่จะพบ ถ้ามีก็อ่อนๆ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=204 bgColor=#ffe4c4>พบบ่อยและปวดมาก<O</O

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 3"><TD vAlign=top width=175>อาการอ่อนเพลีย<O</O

</TD><TD vAlign=top width=228>มีน้อยเป็นอยู่ระยะสั้นๆ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=204>เป็นมากและอาจนานเป็นสัปดาห์<O</O

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 4"><TD vAlign=top width=175 bgColor=#ffe4c4>คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน<O</O

</TD><TD vAlign=top width=228 bgColor=#ffe4c4>ไม่ใคร่พบ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=204 bgColor=#ffe4c4>พบได้โดยเฉพาะพบบ่อยในเด็ก<O</O

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 5; mso-yfti-lastrow: yes"><TD vAlign=top width=175>คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ<O</O

</TD><TD vAlign=top width=228>พบบ่อยในระยะเริ่มแรก<O</O

</TD><TD vAlign=top width=204>พบได้บ่อยแต่ในระยะหลังๆ<O</O

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

<O</O
</O<O</O
<O
</O<Oในบทความต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่เท่านั้น<O</O
</Oอาการวิทยา
ไวรัสวิทยา
การระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่สำคัญของโลก
สถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย
การป้องกันการรักษาด้วยวัคซีนและยา
เอกสารอ้างอิง
ภาคผนวก

<O</O
</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=50 border=0><TBODY><TR><TD>หน้า</TD><TD>

1

​

</TD><TD>2

​

</TD><TD>3

​

</TD><TD>4

​

</TD><TD>5

​

</TD><TD>6

​

</TD><TD>7

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

http://thaigcd.ddc.moph.go.th/AI_influenza_prasert_050910_2.html


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>อาการวิทยา<SUP>(1)</SUP>

โรคไข้หวัดใหญ่อาจแบ่งไปได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้คือ​

1. ไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน​
2. ไข้หวัดใหญ่ที่มีภาวะแทรกซ้อน​
3. โรคอื่น ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับไข้หวัดใหญ่​

1. ไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
1.1 ไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่​

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่จะมีไข้สูงเฉียบพลัน (38&deg;-40&deg; ซ.) ภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากที่ได้รับเชื้อ ระยะฟักตัวของโรคมักจะสั้น ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปริมาณของไวรัสที่ได้รับ อาจจะนานถึง 4-5 วัน หรืออาจสั้นเพียง 24-48 ชั่วโมงก็ได้ อาการนำมักจะเริ่มด้วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ตามมาด้วยไข้สูง ปวดศรีษะ หนาวสะท้าน และมีอาการไอแห้ง ๆ ในวันแรกที่ป่วย ผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่บางรายอาจจะมีอาการทางระบบหายใจน้อย แต่มีอาการไม่สบาย ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว และปวดหลังมากกว่า อย่างไรก็ตามอาการคัดจมูกมักจะพบบ่อยและอาการที่ร่วมด้วยก็คือ คอแห้งและคันคอ มากกว่าที่จะมีอาการเจ็บคอ ในบางรายอาจจะมีน้ำมูกไหลอย่างมาก และมีอาการจามด้วย ตาแดงและน้ำตามักจะไหล ต่อมาเมื่อมีอาการไอมากขึ้นมีอาการเจ็บบริเวณกลางอก ถึงแม้ว่าคอแดงแต่ไม่มี exudate ต่อมน้ำเหลืองที่คอไม่โต เสียงแหบ หรือบางรายเสียงแห้งหายไปก็ได้ ผู้ป่วยจะนอนหลับไม่สนิท เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และเวียนศรีษะด้วย ลิ้นมักจะปกติ แต่อาจมีกลิ่นปากบ้าง ในรายที่ได้นอนพัก อาการโดยทั่วไปมักไม่รุนแรง ภายใน 3-4 วัน ไข้จะลดลงสู่ระดับปกติและส่วนใหญ่จะลดลงในเวลาไม่เกิน 5 วัน แต่จะยังคงมีอาการอ่อนเพลีย และมีอาการ ไอมีเสมหะเป็นก้อน ๆ ต่อไปอีก 2-3 วัน ผู้ป่วยจะกลับไปปฏิบัติงานได้ตามปกติภายใน 7-10 วัน
ในระหว่างที่โรคกำลังดำเนินอยู่ การตรวจทางกายภาพ อาจจะได้ fine rale เป็นหย่อม ๆ หรืออาจพบว่ามีเสียงหายใจเบาลง การถ่ายภาพ รังสีปอด พบว่าปกติ ในรายที่มีโรคปอด-หลอดลมอยู่เดิมอาจฟังได้เสียง rale และ wheezing rhonchi ได้ ชีพจร การเต้นหัวใจมักจะช้าลงมากกว่าที่จะเต้นเร็วกว่าปกติ ความดันโลหิตจะสูงขึ้นในระหว่างที่มีไข้ ยกเว้นในรายที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม หรือ ผู้ป่วย สูงอายุอาจพบว่าลดต่ำลง ในคนปกติจะไม่พบ extrasystole แต่ใน EKG อาจพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของ T waves และ
S-T segments ได้บ้างเล็กน้อย ในรายที่มีรอยโรคที่ลิ้นหัวใจ มักจะมีภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญคือ ปอดอักเสบอย่างรุนแรง ESR มักอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเม็ดเลือดขาวก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ
1.2 ไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
อาการจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วยด้วย หากผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ มักจะมีอาการชัก มี croup หรือภาวะแทรกซ้อนทางปอด ซึ่งจะต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล เด็กมักจะไอมาก อาเจียนและบางรายมีอาการคอแห้ง แต่การตรวจ CSF พบว่าปกติ ในบางรายอาจมีไข้สูงอยู่นานวัน เบ็นเน็ทได้ศึกษาผู้ป่วย จำนวน 185 ราย ในกลุ่มอายุต่าง ๆ ใน นครเมลเบอร์น เมื่อปี พ.ศ. 2516 พบว่ามีอาการต่าง ๆ กัน ดังตารางที่ 2

ตารางที่ 2แสดงอาการสำคัญของโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็กและวัยรุ่น
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="90%" border=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width="22%" bgColor=#ccff33>อาการ

​

</TD><TD vAlign=top width="19%" bgColor=#ccff33>อายุ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%" bgColor=#ccff33>แรกเกิด-4 ปี

​

</TD><TD vAlign=top width="18%" bgColor=#ccff33>4-9 ปี

​

</TD><TD vAlign=top width="23%" bgColor=#ccff33>10-19 ปี

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ไอ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">40

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">5

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">-

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>ไอ, น้ำมูกไหล

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">22

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">-

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ไอ, ปวดศรีษะ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">7

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">6

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>ไอ, ปวดศรีษะ, ปวดตามตัว

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">14

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ไอ, เจ็บคอ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">5

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>Croup

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">28

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">5

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">5

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ชัก

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">14

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">-

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>อาเจียน

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">10

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">6

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">-

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">23

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>เจ็บคอ

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">-

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">15

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>ไข้สูงนานวัน

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">5

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">1

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">1

</TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>ปอดบวม

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">12

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">3

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">0

</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=top colSpan=2>Lumbar puncture

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">19

​

</TD><TD vAlign=top width="18%">6

​

</TD><TD vAlign=top width="23%">15

</TD></TR></TBODY></TABLE>มีข้อที่น่าสังเกตก็คือ เด็กที่ป่วยด้วยเชื้อ Influenza B มักมีอาการรุนแรงกว่า ที่ป่วยด้วย Influenza A และอาการคัดจมูก
น้ำมูกไหล ก็จะมากกว่าด้วย ในเด็กอาจพบว่ามีเลือดกำเดาไหลด้วย ในเด็กแรกเกิดมักจะมีอาการอ่อนคล้ายไข้หวัดธรรมดา

1.3 ไข้หวัดใหญ่ในหญิงมีครรภ์และผลต่อทารกในครรภ์ สตรีมีครรภ์จะมีอันตรายสูงหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ในระยะไตรมาสที่ 3 พบว่าอันตรายค่อนข้างสูง ในระหว่างการระบาดเมื่อปี พ.ศ. 2500 ผู้ป่วยมักจะมีภาวะแทรกซ้อนทางปอดอย่าง รุนแรงและทารกอาจจะถึงแก่กรรมด้วย ยิ่งในรายที่มีลิ้นหัวใจไมตรัลตีบ ภาวะแทรกซ้อนทางปอดจะพบในอัตราที่สูงขึ้นด้วย
สำหรับทารกในครรภ์ อาจจะได้รับผลจากการที่มารดาป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อาจจะตายระหว่างคลอดหรือหลังคลอดใหม่ ๆ อาจคลอดก่อนกำหนด อาจมีความพิการแต่กำเนิด เป็นต้น

2. โรคไข้หวัดใหญ่ที่มีภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนต่อทางเดินหายในส่วนล่าง ระบบหัวใจ หลอดเลือด และระบบประสาทกลาง แต่ส่วนใหญ่จะเกิดที่ทางเดินหายใจ ทั้งนี้เนื่องจากขณะที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มจำนวน เยื่อบุทางเดินหายใจจะถูกทำลายอย่างมาก (epithelial necrosis)
2.1 ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ
2.1.1 Tracheo-bronchitis และ bronchiolitis
ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงจนต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล จะมีอาการไอมีเสมหะมาก เจ็บกลางอก แน่นหน้าอก และหายใจมีเสียงหวีดทั่วปอด มักจะเกิดในผู้สูงอายุและผู้ที่มี chronic obstructive bronchitis อยู่เดิม ภาพรังสีปอดจะปกติ
2.1.2 Influenzal pneumonia
ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจหอบ เจ็บหน้าอก ไอมีเสมหะมาก เสมหะมีลักษณะเป็นมูก หรือเป็นฟอง ๆ และมักมีเลือดติดออกมาด้วย ซึ่งแสดงว่าถุงลมเกิดการอักเสบแล้ว ตรวจพบ rale เสียงเหมือนฟองน้ำ (bubbling rale) เคาะปอดทึบ แต่ภาวะแทรกซ้อน
อื่น ๆ เช่น empyema มักไม่ใคร่พบ ภาพรังสีปอดจะเห็นว่าปอดอักเสบอย่างชัดเจน การเกิดปอดบวมนี้จะเกิดจากไวรัสเอง (primary influenzal pneumonia) หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติมก็ได้ (staphylococcus, hemophilus และ pneumococcus) ผู้ป่วยที่มีโรคหลอดลม-ปอด อยู่เดิมหากเกิดเป็นปอดบวมอัตราตายจะสูงมาก
2.2 ภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ
ดังได้กล่าวไว้แล้วว่า ในผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจอยู่เดิมมักจะมีภาวะแทรกซ้อนทางปอดในอัตราที่สูง สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่หัวใจโดยตรงนั้นได้แก่ myocarditis นอกจากนั้น อาจจะพบการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น การเปลี่ยนแปลงของเสียงหัวใจ การเปลี่ยนแปลงในอัตราการเต้นของหัวใจ หรือในคนที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจอยู่เดิมอาจพบว่ามี congestive heart failure ได้
ในผู้สูงอายุอาจพบว่ามี ความดันโลหิตลดต่ำลงและถึงแก่กรรมปุปปับก็ได้ มีผู้เคยแยกเชื้อ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้จากกล้ามเนื้อหัวใจด้วย ในบางกรณีอาจมีการอักเสบของเยื่อหุ้มด้วยก็ได้ ผู้ที่เสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตรายในการเกิดภาวะแทรกซ้อนหัวใจ ได้แก่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงและผู้ที่ป่วยเป็น ischemic heart disease
2.3 ภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
อาจพบว่ามี encephalitis หรือ encephalopathy มักเกิดแก่ผู้ป่วยเด็ก นอกจากนั้น พบว่าอาจเกิด Guillain-Barre syndrome ก็ได้

3. โรคอื่น ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับไข้หวัดใหญ่
3.1 Reye

 

ที่มา http://www.tkc.go.th/index.aspx?pageid=159&parent=111&directory=2035&pagename=content

<TABLE class=Text height="600%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="no-repeat: " width=9 background=PageConfig/images/view9_02_L.gif></TD><TD style="BACKGROUND-REPEAT: no-repeat" vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=right><TABLE id=top cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px dashed" height=20><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width=80> </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-IMAGE: url(Sitedirectory/159/2035/)" vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>คลังความรู้ ความรู้ทั่วไป ความรู้เรื่องการเงินและการลงทุน </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE style="BORDER-BOTTOM: #999999 1px solid" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD align=right><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD align=right><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD style="COLOR: #999999">[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]<NOBR>สื่อประสมที่เกี่ยวข้อง</NOBR>[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD align=right width=100><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD><TD><NOBR>[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]เว็บไซ์ืที่เกี่ยวข้อง[/FONT]</NOBR></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><!--<td align="right" ><table width="120" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tr> <td width="10"></td> <td ><nobr>[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]แสดงความคิดเห็น[/FONT]</nobr></td> </tr> </table></td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--

-->
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD>

​

ความสามารถที่จะเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจและการเงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุปันที่สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะโลกการเงินที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ทุกคนต้องเผชิญกับแรงกดดันในเรื่องต่างๆ เกิดความไม่แน่นอนในการดำรงชีวิต และส่งผลต่อสุขภาพทางการเงินในที่สุด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างและพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในเรื่องเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อวางรากฐานทางการเงินให้มั่นคงในอนาคต
ความรู้พื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการเงินเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสมในการตัดสินใจทางการเงินในชีวิตประจำวัน และเป็นการแสวงหาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ภายใต้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นทุกวันนี้
กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เห็นความสำคัญในการที่จะพัฒนาทักษะชีวิตในเรื่องความรู้พื้นฐานด้านการเงินให้แก่เยาวชน ซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ด้วยความมุ่งหวังว่าเด็กไทยรุ่นใหม่จะเป็นผู้มีความรู้และความสามารถในการดูแลและจัดการการเงินของตนเองได้ในระดับหนึ่ง จึงได้ร่วมกันพัฒนาสาระความรู้พื้นฐานด้านการเงินขึ้นโดยถือเป็นส่วนหนึ่งในสาระเศรษฐศาสตร์ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544

สาระความรู้พื้นฐานด้านการเงินดังกล่าว ประกอบด้วยวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ คือ
- ด้านเสริมความเข้าใจ จะช่วยให้เยาวชนมีแนวความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการเงิน ได้แก่ ธรรมชาติและหน้าที่ของเงิน แนวคิดในการหารายได้และการใช้จ่าย
- ด้านทักษะ จะเป็นการพัฒนาขีดความรู้ความสามารถในด้านการบริหารจัดการเงินของตนเองให้รู้จักใช้อย่างฉลาด เก็บออม และเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม โดยเยาวชนควรมีทักษะที่จะสามารถบ่งบอกถึงปัญหาและการแก้ไขปัญหาทางการเงินในชีวิตประจำวันของตนเองได้ด้วยความมั่นใจ
- ด้านการมีวินัยทางการเงินหรือความรับผิดชอบทางการเงินนั้น จะช่วยให้เยาวชนสามารถตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและต่อเนื่องกันทั้งในเชิงบวก เชิงลบด้านการเงิน และสังคมอันจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรของชาติด้วยสำนึกในความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ การเรียนรู้ดังกล่าวจะครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆต่อไปนี้
- หลักการในการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล ทั้งในเรื่องการบริโภค การออม และการลงทุน
- รู้จักและเข้าใจข้อดี ข้อเสีย รู้จักเลือกใช้ สามารถบริหารจัดการแหล่งเงินทุนประเภทต่างๆอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
- มีทักษะและเข้าใจในความถนัด ความสามารถของตนเอง รวมถึงการแสวงหาโอกาสอย่างเหมาะสมในงานอาชีพสาขาต่างๆ
- รู้จักการทำมาค้าขายและการดำเนินธุรกิจ
- เข้าใจระบบเศรษฐกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศอย่างสังเขป
- มีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมตามความเหมาะสม

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่มา http://www.tkc.go.th/index.aspx?parent=111&pageid=159&directory=2036&pagename=content

<TABLE class=Text height="600%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="no-repeat: " width=9 background=PageConfig/images/view9_02_L.gif></TD><TD style="BACKGROUND-REPEAT: no-repeat" vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=right><TABLE id=top cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px dashed" height=20><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width=80> </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-IMAGE: url(Sitedirectory/159/2035/)" vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center>คลังความรู้ ความรู้ทั่วไป ความรู้เรื่องการเงินและการลงทุน เงินทองของมีค่า </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE style="BORDER-BOTTOM: #999999 1px solid" cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD align=right><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><!--<td align="right" ><table width="120" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tr> <td width="10"></td> <td ><nobr>[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]แสดงความคิดเห็น[/FONT]</nobr></td> </tr> </table></td>--></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!--

​

-->
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="99%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width=5> </TD><TD>

​

ความรู้พื้นฐานด้านการเงินให้แก่เยาวชน โดยเป็นส่วนหนึ่งในสาระเศรษฐศาสตร์
ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 สาระความรู้พื้นฐานด้านการเงินดังกล่าว ประกอบด้วย
1. ความเข้าใจด้านการเงิน (understanding) จะช่วยให้เยาวชนมีแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเงิน ได้แก่ ธรรมชาติและหน้าที่ของเงิน แนวคิดในการหารายได้และการใช้จ่าย
2. ความสามารถทางการเงิน (competency) จะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในด้านการบริหารจัดการการเงินของตน ให้รู้จักใช้อย่างฉลาด และเลือกช่องทางการลงทุนที่เหมาะสม โดยเยาวชนควรมีทักษะที่จะสามารถบอกถึงปัญหาและการแก้ไขปัญหาทางการเงินในชีวิตประจำวันของตนได้ด้วยความมั่นใจ
3. ความรับผิดชอบทางการเงิน (responsibility) จะช่วยให้เยาวชนตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นและต่อเนื่องกันทั้งในเชิงบวกและเชิงลบด้านการเงิน และสังคม อันจะนำไปสู่การใช้ทรัพยากรของชาติ ด้วยสำนึกในความรับผิดชอบ ทั้งนี้ การเรียนรู้ดังกล่าว จะครอบคลุมเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
หลักการในการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล ทั้งในเรื่องการบริโภค การออม
และการลงทุน รู้จักและเข้าใจข้อดี ข้อเสีย และรู้จักเลือกใช้ และบริหารจัดการแหล่งเงินทุนประเภทต่างๆ อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม มีทักษะและเข้าใจในความถนัด ความสามารถของตนเอง รวมถึงการแสวงหาโอกาสและใช้โอกาสอย่างเหมาะสมในงานอาชีพสาขาต่างๆ รู้จักการทำมาค้าขายและดำเนินธุรกิจ เข้าใจระบบเศรษฐกิจและธุรกรรมระหว่างประเทศอย่างสังเขป มีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมตามความเหมาะสม การจัดการเรียนการสอนในเรื่องเศรษฐกิจและการเงินเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจยาก จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการสอนรูปแบบใหม่ เพื่อเสริมสร้างให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ อยากเรียนรู้ด้วยความสนุกอันจะนำไปสู่ความรู้ ความเข้าใจอย่างแท้จริง
การเรียนโดยใช้กิจกรรมประกอบ (Activities Base) เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีความเหมาะสมกับ การเรียนการสอนในเนื้อหาสาระดังกล่าว ในการนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยโครงการพัฒนาความรู้เยาวชน (Youth Education) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมการศึกษาให้แก่เยาวชนด้านเศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ การเงิน การลงทุน และการวางแผนอาชีพในอนาคต ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จึงได้ร่วมกับสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สร้างสรรค์สื่อการเรียนการสอนด้วยการถ่ายทอดความรู้ทางเศรษฐกิจและการเงินผ่านหนังสือเล่มนี้

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ​

</TD><TD width=5> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top><TABLE height=10 cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR height=1><TD align=left> </TD><TD align=right> หน้า 1/1 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=6></TD><TD background=PageConfig/images/view16_04_T.gif></TD><TD width=11></TD></TR><TR><TD width=6 background=PageConfig/images/view16_01_LC.gif rowSpan=3></TD><TD>เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 1

​

เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 1 มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1. รู้จักเงิน
2. ค่าของเงิน
3. การซื้อขาย แลกเปลี่ยน สินค้าและบริการ
4. รายได้และการทำงบประมาณ
5. การเก็บรักษาเงิน
6. ธนาคาร
7. การใช้จ่ายอย่างฉลาด
อ่านต่อ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่มา

 

ที่มา http://www.tkc.go.th/index.aspx?parent=111&pageid=159&directory=2036&pagename=content

<TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD width=6 background=PageConfig/images/view16_01_LC.gif rowSpan=3></TD><TD>เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 2

เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 2 มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1. เงิน
2. อาชีพสุจริต
3. เงินในรูปแบบอื่น
4. ความรับผิดชอบและความเสี่ยง
5. การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด
6. การวางแผนทางการเงิน
7. คุณภาพชีวิตที่แตกต่าง
8. การออมและการลงทุน
9. ภาษี


</TD><TD width=11 background=PageConfig/images/view16_05_RC.gif rowSpan=3></TD></TR><TR><TD>
</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD width=6 background=PageConfig/images/view16_01_LC.gif rowSpan=3></TD><TD>เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 3

เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 3 มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1. การกำหนดเป้าหมายในชีวิต
2. อาชีพ
3. การทำงบประมาณ
4. การออม
5. การใช้จ่าย
6. ธนาคาร
7. การตัดสินใจ
8. การโฆษณากับผู้บริโภค
9. ผู้บริโภคที่ฉลาด
10. อำนาจซื้อและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ


</TD><TD width=11 background=PageConfig/images/view16_05_RC.gif rowSpan=3></TD></TR><TR><TD>
</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD width=6 background=PageConfig/images/view16_01_LC.gif rowSpan=3></TD><TD>เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 4

เงินทองของมีค่า ช่วงชั้นที่ 1 มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1. เป้าหมายชีวิตและการวางแผนการเงิน
2. การจัดการการเงิน
3. การตัดสินใจซื้อ
4. การหารายได้จากการเป็นผู้ประกอบการ
5. การหารายได้จากการลงทุน
6. การป้องกันความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน
7. การวางแผนการเงินสำหรับอนาคต


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ยังมีพระเหลือใหมครับล วันี้ วันที่๑๐ มิย ครับ,อยาก จะได้พระต้องทำอย่างไรบ้าง

 

ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ


พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2 องค์ผู้อธิษฐานจิต พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า,พระอุปคุตเถระเจ้าและหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตให้ ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม ผมไม่แจ้งให้ทราบ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ

มีพระพิมพ์ 6 พิมพ์ดังนี้


<O</O
<O</O
1.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวลงชาด(รักสีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง (สีแดง) ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,800 บาท

<O</O

2.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อสีขาว ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,500 บาท

<O</O

3.สมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจศิริ จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,300 บาท



<O</O
4.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว จำนวน 15 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,200 บาท


<O</O
5.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา จำนวน 10 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,100 บาท



<O</O
6.พระพิมพ์ปิดตาวังหน้าสองหน้า จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,000 บาท



เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

ยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ

 

วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2550
พระพิมพ์ชุดใหม่ที่จะมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ครับ
บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ



1. พระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริพิมพ์จิ๋ว ขนาด 1 x 1.50 ซม จำนวน 10 องค์ เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท




2. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่ปัญจสิริ ขนาด 1.7 x 2.7 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท
<O</O




3. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O




4. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสามเหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O




5. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่เนื้อขาวลงรักแดง ขนาด 2 x 3 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O




6. พระพิมพ์วัดพลับเนื้อขาว ขนาด 2 x 2.8 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O




7. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วเนื้อขาวลงรักน้ำเงิน ขนาด 1.7 x 2.4 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 21 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O




8. พระพิมพ์โสณะอุตระเนื้อปัญจสิริ ขนาด 1.8 x 2.8 ซม
มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท




9. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วไกเซอร์เนื้อปัญจสิริ ขนาด 2 x 3.1 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
มีจำนวน 15 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O




10. พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
มีจำนวน 7 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท




11. พระพิมพ์สมเด็จสีฟ้าอ่อน ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
มีจำนวน 3 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O




12. พระพิมพ์หลวงพ่อเงินเนื้อขาว ขนาด 2.9 x 2.5 ซม
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท มีจำนวน 10 องค์
<O</O






เมื่อร่วมบุญและโอนเงินแล้ว ขอความกรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วย ผมจะเป็นผู้ส่งพระพิมพ์และวัตถุมงคลให้ครับ

<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

จากกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3<O</O
<O</O

ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุธสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O</O
<O</O


ท่านใดที่บูชาไปแล้ว ขอให้แยกเก็บจากพระพิมพ์ทั่วๆไป และเก็บไว้ในที่สูง อีกเรื่องคือให้ระวังการปรามาสให้จงหนัก กรรมเร็วและแรงมากครับ<O</O

1.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีแดง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

2.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเหลือง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O

3.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีชมพู)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

4.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเขียว)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O
<O</O

5.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีน้ำเงิน)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท
<O</O



6.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ซ้าย) (เนื้อกรมท่า)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
<O</O
<O</O

7.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ขวา) (เนื้อกรมท่า)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท
<O</O
<O</O

8.พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) ด้านล่างองค์ซ๊าย<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท
<O</O

9.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีขาว) ด้านล่างองค์กลางและองค์ขวา<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 400 บาท
<O</O
<O</O



10.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักสมุ รักพม่า สีน้ำเงิน)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O



11.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (รักไทย สีดำ)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O
<O</O



12.สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า (ชาด รักจีน สีแดง)<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 300 บาท
<O</O



เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ

ส่วนยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

โมทนาสาธุครับ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

วันที่ 27 พฤษภาคม 2550

ชุดล็อคเก็ต



พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3

ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกกุสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O</O

วันนี้ผมนำล็อคเก็ตพร้อมพระสมเด็จผงยาวาสนา,พระสมเด็จผงยาจินดามณี,พระสมเด็จวังหน้าเนื้อขาวและพระสมเด็จวังหน้าเนื้อปัญจสิริ มามอบให้ผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ตามนี้ครับ<O</O
<O</O

1.ชุดล็อคเก็ตใหญ่ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 2 ชุด <O</O
ประกอบด้วย <O</O
1.1ล็อคเก็ตขนาดใหญ่ ขนาด กว้าง 2.7 * ยาว 3.5 ซม. จำนวน 1 องค์ <O</O
1.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O</O
1.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O</O
1.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O</O
1.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O</O
1.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O</O
1.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O</O
<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 10,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง<O</O
หมายเหตุ ทั้งสองชุดนี้ มีผู้จองทั้งหมดแล้วครับ
<O</O
<O</O
2.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 4 ชุด<O</O
ประกอบด้วย <O</O
2.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O</O
2.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O</O
2.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O</O
2.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O</O
2.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O</O
2.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O</O
2.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O</O
<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O</O
<O</O

3.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ จำนวน 1 ชุด<O</O
ประกอบด้วย <O</O
3.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O</O
3.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O</O
3.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O</O
3.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O</O
3.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O</O
3.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O</O
3.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O</O
<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O</O
<O</O

4.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระธาตุพระสิวลี(ผงพระวังหน้า) จำนวน 2 ชุด<O</O
ประกอบด้วย <O</O
4.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O</O
4.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O</O
4.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O</O
4.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O</O
4.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O</O
4.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O</O
4.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O</O
<O</O
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 8,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O</O
<O</O

หมายเหตุ ล็อคเก็ตและพระพิมพ์ทั้งหมดได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งอยู่ในพระชุดพิเศษ 3 เกือบทุกองค์ยกเว้น พระสมเด็จผงยาวาสนาคะแนนร้อย องค์แรกในแถวล่าง และพระสมเด็จผงยาจินดามณี องค์ที่สามในแถวล่าง จะผ่านพิธีพุทธาภิเษกเชิญหลวงปู่พระสิวลีเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอนุรุทเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และทุกๆท่านสามารถจองและทยอยร่วมทำบุญไปได้เรื่อยๆ เช่นในท่านมีความประสงค์จะร่วมทำบุญและรับชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น จำนวน 9,000 บาท แต่ละเดือนท่านอาจจะร่วมทำบุญเดือนละ 500 บาท ก็จะเป็นระยะเวลาที่ท่านร่วมทำบุญแค่ 18 เดือน เมื่อท่านร่วมบุญครบแล้ว ผมจะจัดส่งชุดล็อคเก็ตไปให้ท่านครับ

ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ<O</O

ผมขอขอบพระคุณพี่ตุ่น (ได้มอบล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1 องค์และด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ 1 องค์) และน้องguawn (ได้มอบล็อคเก็ตใหญ่ 1 องค์ และล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่นทั้ง 3 องค์)

โมทนาสาธุกับทั้งสองท่านด้วยครับ

.
<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- attachments -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

รายละเอียดพระพิมพ์อยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 )

ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

ยอดคงเหลือพระพิมพ์ครับ


.
<!-- / message --><!-- attachments -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

รายละเอียดพระพิมพ์ ตามรายละเอียดที่ผมลงให้ทราบครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (ตามที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเป็นผู้ที่ค้นคว้ามา) ผมเปิดให้จองแล้วครับ โดยจองเล่มละ 200 บาทและค่าจัดส่งเล่มละ 50 บาท(โดยหากค่าจัดส่งมากกว่านี้ ผมจะจ่ายให้เองครับ) และกรุณาระบุด้วยว่า จองกี่เล่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
<O</O
<O</O
1.ต้องเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเท่านั้น<O</O

2.ผมขอสงวนสิทธิ์ในการรับจองหรือไม่รับจอง ถึงแม้ว่าจะได้มาร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งแล้วก็ตาม และผมไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบนะครับ<O</O

3.เงินค่าจองหนังสือ ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้ทราบทาง PM อีกครั้งเมื่อผมรับจองแล้ว
บัญชีที่จะให้โอนเงินค่าหนังสือนั้น เป็นบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมเองไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งได้เลย <O</O

4.เงินในส่วนต่างนั้น ผมจะนำเงินในส่วนนี้นำไปพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด<O</O
<O</O

ผมเริ่มให้จองตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2550 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เวลา 18.00 น. ครับ

.<O</O
<O</O
.<O</O

 

ให้แจ้งรายชื่อท่านที่มีความประสงค์ที่จะจองหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรได้เลยนะครับ

วันนี้ผมจะเดินทางไปรับการอบรม จนถึงวันพุธที่ 13 มิย 50 ผมคงเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพในช่วงเย็นๆของวันพุธครับ และผมมาขอลาพักร้อนสักสอง-สามวันครับ (ถ้ามีท่านใดที่ไม่อนุญาตให้ลาพักร้อน ผมก็จะโดดร่มครับ)

.

 

รับทราบการจองครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

ทำบุญและทำทานแล้วอย่าลืมทำกุศลด้วยการพัฒนาจิตด้วย วันนี้ นำสาระเรื่องจิตมาให้ศึกษากัน ผู้ที่ฝึกไว้แล้วจะเข้าใจง่าย ผุ้ที่ฝึกหัดใหม่คงต้องอาศัยเวลาสักนิด แต่ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ คืบ ไม่ช้าก็ถึงทีี่หมายเอง
http://larndham.net/wimutti/board/D00000105.html

 

เมื่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านทรงดับอย่างไรในระหว่างฌานและรูปฌาน?

เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างชีวิตพระพุทธศาสนา
ให้ก่อเกิดเป็นชีวิตอย่างบริบูรณ์ดังพระประสงค์แล้ว พระพุทธองค์จึงได้ทรงละ
วิภวตัณหานั้น เสด็จสู่อนุปาทิเสสนิพพาน คือ เป็นผู้หมดสิ้นทุกตัณหา เป็นผู้
ดับรอบโดยลักษณาการแห่งอนุปาทิเสสนิพพานของพระพุทธองค์ก็คือ

ลำดับแรก ก็เจริญฌานดิ่งสนิทเข้าไปจนถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ หมายความว่า
เข้าไปดับลึกสุด อยู่เหนือ "อรูปฌาน"
ในวาระแรกนั้น พระองค์ยังไม่ได้ดับขันธ์ต่างๆ ให้สิ้นสนิทเป็นเด็ดขาดแต่
อย่างใด ยังเพียงเข้าไปเพื่อทรงกระบวนการแห่งการสู่นิพพาน หรือนิโรธ เป็น
ครั้งสุดท้ายแห่งชีวิต พูดง่าย ๆ ก็คือสู่สิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ได้ทรงพากเพียร
ก่อเป็นทาง เป็นแบบอย่างไว้ เป็นครั้งสุดท้ายเสียหน่อย ซึ่งเรียกได้ว่า สิ่งอันเกิด
จากที่พระองค์ได้ยอมอยู่กับธุลีทุกข์ อันเป็นธุลีทุกข์ที่มนุษย์ธรรมดา(เป็น) ผู้มี
จิตหยาบเกินกว่าจะสัมผัสว่า มันเป็นทุกข์

นี่แหละ กระบวนการกระทำจิตตน ให้ถึงซึ่งสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น เป็น
กระบวนการที่พระอนุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้เป็นยอดแห่งศาสดาในโลก
เท่านั้นที่ทรงค้นพบ ทรงนำมาตีเผยแผ่ แจ้งออกสู่สัตวโลกให้พึงปฏิบัติตาม
เมื่อทรงสิ่งซึ่งสุดท้ายนี้แล้ว จึงได้ถอยกลับมาสู่สภาวะต้น คือ ปฐมฌาน
แล้วจึงตัดสินพระทัยสุดท้าย เสด็จดับขันธ์ต่างๆ ไปทีละขันธ์ วิญญาณขันธ์
แห่งชีวิตและร่างกายนั้น เพราะต้องดับสังขารขันธ์ หรือสังขารธรรมชั้นแรก
เสียก่อน วิญญาณขันธ์จึงได้ดับ ดังนั้น จึงไม่มีเชื้อใดเหลืออยู่แห่งวิญญาณ
ขันธ์ที่หยาบนั้น

พระองค์เริ่มดับ สังขารขันธ์ หรือ สังขารธรรม ชั้นในสุดอีกที อันจะส่งผล
ให้ก่อ วิภวตัณหา ได้ชั้นหนึ่งเสียก่อน แล้วจึงได้เลื่อนเข้าสู่ ทุติยฌาน แล้วจึงดับ
สัญญาขันธ์ เลื่อนเข้าสู่ ตติยฌาน เมื่อพระองค์ดับสังขารขันธ์ หรือสังขารธรรม
ชั้นในสุดอีกที ก็เป็นอันเลื่อนเข้าสู่ จตุตถฌาน คงมีแต่ เวทนาขันธ์ สุดท้ายแห่ง
ชีวิต นั้นแล คือ ลักษณาการแห่งขั้นสุดท้ายของการจะดับสิ้นไม่เหลือ

เมื่อพระองค์ดับ สังขารขันธ์ หรือ สังขารธรรม ใหญ่สุดท้ายที่มีทั้งสิ้นแล้ว
แล้วก็มาดับ เวทนาขันธ์ อันเป็น จิตขันธ์ หรือ นามขันธ์ ที่ในจิตส่วนใน คือ ภวังคจิต
เสียก่อน แล้วจึงได้ออกจาก จตุตถฌาน พร้อมกับมาดับ จิตขันธ์ หรือ นามขันธ์
สุดท้ายจริง ๆ ของพระองค์เสียลงเพียงนั้น

นี้--พระองค์เข้าสู่นิพพานอย่างจริง ๆ อยู่ตรงนี้ พระองค์ไม่ได้เข้าสุ่นิพพานใน
ฌานสมาบัติอะไรที่ไหนดอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์ หรือ
นามขันธ์ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่นคือ พระองค์ ดับเวทนาขันธ์ในภาวะจิตตื่น
หรือวิถีจิตปกติของมนุษย์ ครบพร้อมทั้งสติและสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดที่
มาครอบงำอำพรางให้หลงไหลใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นภาวะแห่งตนเองอย่างบริบูรณ์

เมื่อเวทนาขันธ์ สุดท้ายแท้ ๆ จริง ๆ ได้ถูกทำลายลงอย่างสนิท จึงเป็นผุ้บริสุทธิ์
หมดสิ้นแล้วซึ่งสังขารธรรม และหมดเชื้อ จิตขันธ์ หรือ นามขันธ์ ทั้งปวงใด ๆ ใน
พระองค์ท่านไม่มีเหลือ คงทิ้งแต่รูปขันธ์ อันจะมีชีวิตนั้นไม่ได้แน่ เพราะรูปไม่ใช่
ชีวิต หากสิ้นนามเสียแล้ว ก็คือแท่ง คือ ก้อนวัตถุหนึ่ง เท่านั้นเอง

นั่นแล คือ ลำดับฌาน ที่พระอนุรุทธเถระเจ้า ได้นำฌานจิตเข้าไปดู เป็นวิธี
การดับโดยแท้ ดับโดยจริงโดยพระองค์เป็นผู้ดับเองเสียด้วย


คัดลอกมาด้วยความเคารพครับ จากหนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม ในเรื่อง
จิต คือ พุทธะ

 

ประกาศด่วนมาก

เนื่องจากผมนิสัยดีขึ้น ไม่ต้องไปอบรมแล้วครับ
(b-oneeye)

ผมพึ่งได้รับข่าวการแจ้งเลื่อนการอบรมออกไปไม่มีกำหนดครับ ก็เลยไม่ต้องไปแล้ว

.

 

ไม่แน่ใจเพราะเป็นชื่อที่พ้องเสียงแต่ไม่พ้องรูป (พระอาจารย์ปราโมช) ถ้าให้ฟันธงน่าจะไม่ใช่ครับ แต่อย่ายึดว่าใครถาม แต่ให้ยึดในผลของจิตที่ปราศจากอวิชชาแล้วลองปฏิบัติดู ไล่ตั้งแต่ตัดโทสะ ตัดโมหะ แล้วตัดราคะที่เป็นตัวยากทีสุด ตัดทีละเล็กทีละน้อย เกิดที่ไหนตัดที่นั่น อย่าให้สะสม หลวงปู่เหรียญบอกว่าปล่อยให้สะสมทีละน้อยมันจะเริ่มจากกิเลสละเอียดสะสมไปจนหยาบ
ในทีสุดก็จะตัดยากและใช้กำลังมาก หากตัดช่วงละเอียดจะตัดง่ายกว่า เอาเป็นว่า เอาอย่างที่ อ.ประถมบอกพี่ก็คือ ตัดตรงหน้าก่อน แล้วก่อนนอนค่อยมารวบรวมทุกเหตุการณ์ทั้งวันแล้วพิจารณาตัดอย่าให้เกิดอีก นี่เป็นการตัดตัวสังขารธรรมที่มีสติ และเป็นธรรมชาติที่สุดของมนุษย์ ผลจิตที่ได้จะเป็นการปล่อยวางสังขารธรรม อย่างมีสติสักแต่ว่ารู้ แต่ไม่ยึดติดครับ