พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เอ เหมือนกันเลยนะ พี่ก็เปิดค้างทิ้งว้จะดูก็ดูเลย ไม่ต้องระวังตัวอะไร มันเหมือนทางเข้าบ้าน ไม่เข้าทางนี้จะให้ปีนหน้าต่างหรือไงฟ่ะ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    เอ เหมือนกันเลยนะ พี่ก็เปิดค้างทิ้งว้จะดูก็ดูเลย ไม่ต้องระวังตัวอะไร มันเหมือนทางเข้าบ้าน ไม่เข้าทางนี้จะให้ปีนหน้าต่างหรือไงฟ่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แหม กระเซ้าเย้าแหย่กันเล่น

    แต่ก็พูดกันถูก เรื่องกระทู้นี้ เหมือนกับเป็นบ้านหลังที่ 3 ต้องเข้ามาแซวกันบ้าง คุยกันบ้าง เดี๋ยวจะเหงา ที่ทำงานผมบางครั้งยังแอบนินทาว่า ดูหนุ่มมันซิ สงสัยจะติงต้อง บางครั้งนั่งยิ้มหรือนั่งหัวเราะกับคอมพิวเตอร์ แต่เวลาที่เขามากันก็ปิด เดี๋ยวจะถูกเอาไปนินทาอีก

    (b-oneeye)
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (ตามที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเป็นผู้ที่ค้นคว้ามา) ผมเปิดให้จองแล้วครับ โดยจองเล่มละ 200 บาทและค่าจัดส่งเล่มละ 50 บาท(โดยหากค่าจัดส่งมากกว่านี้ ผมจะจ่ายให้เองครับแต่หากน้อยกว่านี้ ผมจะนำไปเป็นค่าพิมพ์หนังสือครับ) และกรุณาระบุด้วยว่า จองกี่เล่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1.ต้องเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเท่านั้น<O:p</O:p

    2.ผมขอสงวนสิทธิ์ในการรับจองหรือไม่รับจอง ถึงแม้ว่าจะได้มาร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งแล้วก็ตาม และผมไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบนะครับ<O:p</O:p


    3.เงินค่าจองหนังสือ ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้ทราบทาง PM อีกครั้งเมื่อผมรับจองแล้ว
    บัญชีที่จะให้โอนเงินค่าหนังสือนั้น เป็นบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมเองไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งได้เลย <O:p</O:p

    4.เงินในส่วนต่างนั้น ผมจะนำเงินในส่วนนี้นำไปพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเริ่มให้จองตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2550 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เวลา 18.00 น. ครับ


    รูปเล่มนั้น ต้องยอมรับว่าสวยงามครับ อีกทั้งมีรูปพระพิมพ์อีกพอสมควร ทางคณะผู้จัดทำ จะทำให้ดีที่สุด เพื่อเทิดพระเกียรติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่พระองค์ได้มีความเมตตาที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ และอยู่ดูแลพระศาสนาไปจนครบ 5000 ปีตามพุทธดำรัสครับ

    ผมจะนำรายชื่อทั้งหมด ลงไว้ท้ายเล่มด้วยนะครับ


    ผมเองก็ใช้หนังสือเล่มนี้เป็นครูในการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและเป็นส่วนหนึ่งในการเสาะแสวงหาพระของหลวงปู่ และอีกเล่มก็คือหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าครับ

    ส่วนหนังสือปู่เล่าให้ฟังที่กำลังจะตามมานั้น เป็นเรื่องราวที่ท่านอาจารย์ประถมได้เคยเขียนลงในหนังสือต่างๆ และนำมารวบรวมไว้ในเล่มเดียวกัน แต่จะมีการปรับปรุงเนื้อหาบางเรื่อง ที่ได้ความรู้ใหม่ มาเพิ่มเติมขึ้นอีก และจะแตกต่างจะหนังสือปู่เล่าให้ฟังเล่มแรกและไม่ซ้ำกับหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา Fwd Mail ครับ


    เรื่องของอาม่า

    ...ครั้งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งมีสามี ภรรยา ลูกชาย และอาม่าแก่ๆคนหนึ่ง อาม่าแก่มาก

    และไม่แข็งแรง มีอาการมือสั่นตลอดเวลา ทำให้ถือของลำบาก โดยเฉพาะ เวลาที่อาม่า

    ทานข้าวร่วมกับครอบครัว อาม่าจะถือชามข้าวได้ลำบากและทำข้าวหกลงบน โต๊ะตลอดเวลา

    ลูกสะใภ้อาม่ารำคาญกับเรื่องนี้มาก จึงปรึกษากับสามี ว่าเวลาอาม่า ทานข้าวเขาจะ

    ทำข้าวหกเกลื่อนโต๊ะ นางทนไม่ได้เพราะมันทำให้รู้สึกกินข้าวไม่ลง สามีก็ไม่รู้

    จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่สามารถทำให้อาม่าหายมือสั่นได้

    ...อีกไม่กี่วัน ลูกสะใภ้ก็พูดกับสามีเรื่องนี้อีก ว่าจะไม่แก้ไขอะไร เลยหรือ นางทน

    ไม่ได้แล้ว หลังจากโต้เถียงกันไปสักพัก สามีก็ยอมตามภรรยา โดยเมื่อ ถึงเวลาทาน

    ข้าว เขาจะจัดให้แม่นั่งแยกโต๊ะต่างหากเพียงคนเดียว และใช้ถ้วยข้าว ถูกๆบิ่นๆ

    เพราะอาม่าทำถ้วยแตกบ่อยๆ

    ....เมื่อถึงเวลาทานข้าว อาม่าเศร้าใจมาก เพราะอาม่าก็ไม่มีปัญญาจะแก้ไข อะไรได้ นาง

    นึกถึงอดีต ที่นางเลี้ยงดูลูกชายด้วยความรักเสมอมา นางไม่เคยบ่นต่อ ความเหนื่อย

    ยาก และเวลาที่ลูกชายเจ็บไข้นางก็ดูแลอย่างดี เวลาลูกชายมีปัญหาก็ ช่วยแก้ไขทุก

    ครั้ง แต่ตอนนี้อาม่ารู้สึกว่าถูกทิ้ง อาม่าเสียใจมาก

    ....หลายวันผ่านไป อาม่ายังเศร้าใจ รอยยิ้มเริ่มจางหายไปจากใบหน้าของ เขา หลานชาย

    น้อยๆของอาม่าซึ่งเฝ้าดูทุกอย่างมาตลอดก็เข้ามาปลอบใจและบอกคุณย่า ว่า เขารู้ว่า

    คุณย่าเสียใจมากที่พ่อแม่ของเขาทำแบบนี้ แต่หลานชายมีวิธีที่จะให้อา ม่ากลับไป

    ทานข้าวรวมกับทุกคนได้

    ....ความหวังเริ่มเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงชรา จึงถามหลานชายว่าจะทำอย่าง ไร หลานก็ตอบ

    ว่าเย็นนี้ให้คุณยายแกล้งทำชามของคุณยายตกแตกเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ อาม่าได้ฟัง

    ก็แปลกใจ แต่เด็กน้อยยืนยันว่า ให้คุณยายทำตามที่บอก ที่เหลือปล่อย เป็นหน้าที่

    ของหลานเอง

    .....และแล้วเมื่อได้เวลาอาหารเย็น หญิงชราก็ตัดสินใจลองทำตามที่หลานพูด เพื่อจะดูว่า

    หลานมีแผนอะไร หญิงชรายกถ้วยข้าวเก่าที่เต็มไปด้วยรอยบิ่นขึ้นแล้ว แกล้งปล่อยลง

    บนพื้นเหมือนกับหลุดมือ ถ้วยข้าวเก่าๆแตกกระจายยับเยิน ลูกสะใภ้เห็น ถ้วยแตกเสีย

    หายก็ลุกขึ้นเตรียมจะด่าว่าอาม่า แต่ลูกชายตัวน้อยของนางกลับชิงพูด ขึ้นมาก่อน

    ว่า"คุณยายทำไมทำชามแตกหมดเลย หนูกะว่าจะเก็บไว้ให้คุณแม่ใช้ตอนแก่ นะ"


    ....ลูกสะใภ้เมื่อได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้ก็หน้าซีดและด่าอาม่าไม่ออกอีก ต่อไป นางรู้

    ทันทีว่าสิ่งที่นางทำจะเป็นตัวอย่างให้ลูกชายของนางปฏิบัติเมื่อนาง แก่ตัวลง นาง

    รู้สึกอับอายและสำนึกกับการกระทำของตัวเอง

    ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนก็ทานข้าวรวมกันมาตลอด
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เก็บตกมาได้เยอะ เพราะถูกคำสั่งก่อนไปให้ไปหาธรรมแล้วนำมาปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลเร้ว โดยก่อนกลับได้ทวนกับ อ.ประถมถึงหลักธรรม การทรงตัวของจิต อุบายวิธี พิจารณา เพื่อนำมาปฏิบัติแล้วรายงานผลไปยังผู้สั่ง (ขาใหญ่ในก๊วน) ไม่งั้นเดี๋ยวสอบตก สำหรับผู้ที่อยู่ในเวบ อยากชักชวนไปด้วยจริงๆ และทุกคนด้วยสาเหตุใดบอกไม่ได้จริงๆ อจินไตย แต่ได้รู้ได้เห็นได้ทราบมาและประสบกับตัวเองแล้ว สายบุญพวกเราต่อกันติดกับหลวงปู่ใหญ่ ลป.ทวด ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ก็ด้วยตรงนี้ อย่างน้อยผู้ดุแลกันย่อมไม่ทิ้งกันทั้งในโลกนี้และโลกหน้า คำสุดท้ายก่อนลากลับ อ.ประถมแอบพูดว่า..(ชื่อผู้เขียน) พวกเรามานี่หลวงปู่รับรู้หมดแล้วน๊ะ อย่างน้อยคอยมีคนช่วยเราบ้างแล้ว อยู่ที่เราขยันทำจิตอีกนิดนึง ขี้หมูขี้หมาก็ปฐมฌาน ทุคติภูมิคงไม่เกิด ถึงจะเกิดเดี๋ยวสายบุญก็จะช่วยกันเอง ใครเป็นใคร ใครตามใคร ว่ากันอีกทีนึง...
     
  6. teerachaik

    teerachaik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +435
    ผมไม่เข้ามาหลายวัน เกือบพลาด
    ผม ขอจอง 1 เล่ม ครับ

    อนุโมธนา
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ ( ต่อ 6 ) โดยปรัศนี ประชากร<O:p</O:p


    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สรุปเหตุผลข้อใหญ่ที่แสดงถึงขอบเขตจำกัดหรือจุดติดตันของอิทธิปาฏิหาริย์ ตลอดถึงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งไม่นับเป็นหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา ไม่เกี่ยวข้องกับจุดหมายของพุทธธรรม และไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินพุทธมรรคา ไม่อาจเป็นที่พึ่งอันเกษมหรือปลอดภัยได้เหตุผลนั้นมี 2 ประการคือ<O:p</O:p
    1. ทางปัญญา อิทธิปาฏิหาริย์เป็นต้น ไม่อาจทำให้เกิดปัญญาหยั่งรู้สัจธรรม เข้าใจสภาธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริงได้ ดังตัวอย่างเรื่องพระภิกษุมีฤทธิ์เหาะไปหาคำตอบเกี่ยวกับสัจธรรมทั่วจักรวาลจนถึงพระพรหมผู้ถือตนว่าเป็นผู้สร้างบันดาลโลก ก็ไม่สำเร็จ และเรื่องฤาษีมีฤทธิ์เหาะไปดูที่สุดโลกพิภพหมดอายุก็ไม่พบ เป็นตัวอย่าง
    2. ทางจิต อิทธิปาฏิหาริย์เป็นต้น ไม่อาจกำจัดกิเลสหรือความดับทุกข์ได้จริง จิตใจมีความขุ่นมัว กลัดกลุ่ม เร่าร้อน ถูกโลภะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ก็ไม่สามารถแก้ไขให้หลุดพ้นเป็นอิสระได้ แม้จะใช้ฌานสมาบัติกดข่มระงับไว้ ก็ทำได้เพียงชั่วคราว กลัดออกมาสู่การเผชิญโลกและชีวิตตามปกติเมื่อใดกิเลสและความทุกข์ก็หวนคืนมารังควาญได้อีกเมื่อนั้น ยิ่งกว่านั้น อิทธิปาฏิหาริย์อาจกลายเป็นเครื่องมือรับกิเลสไปก็ได้ ดังพระเทวทัตเป็นตัวอย่าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    (เป็นความเชื่อ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ ( ต่อ 7 ) โดยปรัศนี ประชากร<O:p</O:p


    ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร สงวนลิขสิทธิ์
    <O:p</O:p

    <O:p</O:pต้นกำเนิดของวัตถุมลคล
    เรื่องมีว่า คราวหนึ่งเจ้าชายโพธิ ( โพธิราชกุมาร ) สร้างวัดแห่งหนึ่งเสร็จใหม่ จึงนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวกไปฉันที่วังนั้น เจ้าชายได้ให้ปูลาดผ้าขาวทั่วหมดถึงบันไดขั้น 1 เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จถึงวัง ก็ไม่ทรงเหยียบผ้าจนเจ้าชายโปรดให้ม้วนเก็บผืนผ้าแล้วจึงเสด็จขึ้นวังและได้ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุเหยียบผืนผ้า ต่อมามีหญิงผู้หนึ่งซึ่งแท้งบุตรใหม่ ๆ ได้นิมนต์พระมาที่บ้านของตน แล้วปูผ้าผืนหนึ่งลงของร้องให้พระภิกษุทั้งหลายเหยียบเพื่อเป็นมงคล ภิกษุเหล่านั้นไม่ยอมเหยียบ หญิงนั้นเสียใจ และติเตียนโพนทะนาว่าพระภิกษุทั้งหลาย ความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงได้ทรงวางอนุบัญญัติอนุญาตให้ภิษุทั้งหลายเหยียบผ้าได้ ในเมื่อชาวบ้านของร้อง เพื่อเป็นมงคลแก่พวกเขา พุทธบัญญัตินี้น่าจะเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่ง ที่ทำให้พระสงฆ์โอนอ่าอนผ่อนตามความประสงค์ของชาวบ้านเกี่ยวกับพิธีกรรมและสิ่งที่เรียกว่าวัตถุมงคล ต่าง ฟ ขยายกว้างออกไป เปิดรับเครื่องรางของขลังและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ เข้ามามากมาย จนบางครั้งรู้สึกว่าเกินขอบเขตอันสมควร อย่างไรก็ตาม ถ้าเข้าหลักการที่กล่าวมาข้างต้นดีแล้ว และปฏิบัติตามหลักการนั้นด้วย ปฏิบัติให้ตรงตามพุทธบัญญัตินี้ในแง่ที่ว่าทำต่อเมื่อเขาขอร้องด้วย ความผิดพลาดเสียหายและความเฟ้อเลยเถิดก็คงจะไม่เกิดขึ้น
    <O:p</O:p

    ขยายความตามอรรถกถา<O:p</O:p

    เจ้าชายโพธิไม่ทรงมีโอรสหรือธิดา ได้ทรงปูผ้าลาดให้พระพุทธองค์เหยียบเพื่อบนบาทโอรสและธิดา พระพุทธองค์ทรงทราบจึงไม่ยอมเหยียบผ้า และทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุทั้งหลายเหยียบผืนผ้า เพื่อประสงค์จะอนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ในภายหลัง เพราะในพุทธกาลมีภิษุที่รู้จักจิตผู้อื่นอยู่มาก ภิษุเหล่านั้นย่อมเหยียบหรือไม่เหยียบได้ตรงตามความคิดของชาวบ้านเจ้าของผ้านั้น แต่นานไปภิกษุหลังพทธกาลทำไปโดยไม่รู้ไม่เข้าใจ ชาวบ้านก็จะติเตียนว่าพระสมัยนี้ไม่เก่งเหมือนอย่างสมัยก่อน จึงทรงบัญญัติเป็นการช่วยคุ้มครองภิกษุรุ่นหลังทั้งหลาย และอธิบายต่อไปว่าในกรณีที่หญิงแท้งไปแล้ว หรือมีครรภ์แก่ เขาขอเพื่อเป็นมงคลจึงเหยียบได้ อีกประการหนึ่งที่ทรงไม่เหยียบผ้าของเจ้าชายโพธิ ก็เพราะทรงรักษามรรยา เพราะพระองค์เสด็จมาถึงยังไม่ได้ชำระล้างพระบาท จึงไม่ทรงเหยียบ เพราะไม่ประสงค์ให้ผ้าเปื้อนสกปรก ( มีอนุบัญญัติต่อไปด้วยว่า ถ้าภิกษุล้างเท้าแล้ว อนุญาตให้เหยียบได้ ) ส่วนกรณีของหญิงแท้งบุตรนั้นทรงยกเว้นให้เพราะเขาขอร้องโดยมีเหตุผลว่าต้องการมงคล มงคลเป็นคนละอย่างกับปาฏิหาริย์ แต่นำมารวมไว้ในที่ด้วย เพราะเมื่อพูดในทางปฏิบัติแล้วก็มีข้อพิจารณาคล้ายคลึงกัน แต่โดยความหมาย อิทธิปาฏิหาริย์เป็นเรื่องความสามารถพิเศษของตัวผู้กระทำอิทธิปาฏิหาริย์เอง ส่วนมาคลที่มาได้หลายแง่ เช่น อาจเชื่อว่าบุคคลหรือสิ่งที่ให้มงคลนี้ มีความศักดิ์สิทธิอิทธานุภาพหรืออำนาจพิเศษเป็นของตนเองก็ได้ อาจเชื่อว่าบุคคลหนือ....นั้นเป็นสื่อหรือทางผ่านของอำนาจศักดิ์สิทธิ์เร้นลับอยู่ต่างหากก็ได้ หรืออาจเชื่ออย่างประณีตขึ้นมาอีกว่าบุคคหรือสิ่งนั้นทรงไว้ซึ่งคุณ<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]งามความดีงาม ความสุข</st1:personName> ความบริสุทธิ์ จึงเกิดเป็นความศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นมงคลขึ้นมาในตัวเอง อย่างชาวบ้านจำนวนมากเชื่อต่อพระสงฆ์เป็นต้น ก็ได้ มงคลนี้มีส่วนไปเกี่ยวข้องกับติรัจฉานวิชามิใช่น้อย ( ติรัจฉานวิชาเป็นคนละเรื่องกับอิทธิปาฏิหาริย์ ) เพราะคนเห็นติรัจฉานวิชาบางอย่างเป็นที่มาของมงคล ติรัจฉานวิชานั้นถ้าภิกษุใช้เป็นเครื่องเลี้ยงชีพแสวงหาลาภ จัดเป็นมิจฉาชีพ ( โดยมากรวมอยู่ในเรื่องมหาศีล ) เคยได้ยินคนบางคนอ้างตนเป็นพุทธศาสนิกชนโดยชี้ที่พระพวงเบ่อเริ่มในคอ ความจริงเป็นการเข้าใจผิด เพราะนั่นมิใช่เอกลักษณ์ของพระศาสนา การถือศีลและปฏิบัติธรรมต่างหากจึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพุทธศาสนิกชนโดยแท้ เพราะโจรมันก็แขวนพระได้เช่นกัน และหากจะกล่าวให้ถึงแก่นแล้ว โดยทางทฤษฎีอาจจะตกใจตลึงงัน ว่าพระเครื่องที่นิยมกันอยู่บางชนิดนั้นเป็นอวิชาโดยตรง เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น ชนชาวพระเครื่องมิได้เฉลียวใจ จะชี้ให้เห็น ตามตำนานกล่าวว่า พระรอดซึ่งสร้างขึ้นสมัยพระนางจามเทวี พระฤาษีนารอทเป็นผู้เสกสรร พระคงลำพูน ฤาษีคงเป็นผู้เสกสรร พระผงสุพรรณ ฤาษีทิวาลัยดป็นผู้เสกสรรก็ฤาษีหรือโยคีเป็นพวกนอกพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์จัดเป็นเดียรถีย์ทั้งสิ้น แล้วจะเป็นเรื่องของพุทธได้อย่างไร เพราะเรื่องเช่นนี้มิได้กล่าวสนับสนุนในพุทธบัญญัติ เพียงการเหยียบผ้ายังกลายเป็นเรื่องสำคัญ<O:p</O:p
    ฉะนั้นการที่เรียกกันว่าพระเครื่องมีพระพุทธคุณจึงเป็นสั่งไร้เหตุผล หากจะเรียกว่าไสยคุณก็จะเป็นการซ้ำกับคำว่าคุณไสยไป จะเรียกติรัจฉานคุณก็ไม่สุภาพบาดหมางจิตใจสำหรับผู้ยังไม่มีพื้นฐานที่จะศึกษาธรรม น่าจะใช้คำว่า
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาคต่อ
    ใจของเราก็เป็นเช่นนั้น

    ถ้าได้กระทำอะไรไปแล้วก็ต้องรับผลของการกระทำอย่างแน่นอน
    ในเบื้องต้นก็จะรับอยู่ภายในใจ

    คือความรู้สึกสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี

    จะปรากฎขึ้นภายในใจทุกครั้งที่คิดดี หรือ คิดชั่ว

    ถ้าคิดดีใจก็มีความสุข

    ถ้าคิดร้ายใจก็ร้อนมีความทุกข์

    เวลาที่มีความโกรธแค้นขึ้นมาใจจะร้อนเป็นไฟ

    แต่ยามใดที่มีความให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคือง ความเย็นความสงบของใจก็ปรากฏขึ้นมา

    นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กับใจของเราตลอดเวลา

    ขอขอบคุณครับ
    จากหนังสือกำลังใจ 14 เล่มน้อย
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.muaysiam.com/Th/waikru/Arkom.shtml


    <CENTER>
    [​IMG]</CENTER><TABLE cellSpacing=0 cols=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffcc border=0><TBODY><TR><TD align=right>การบูชาครู| การไหว้ครู | เครื่องดนตรีมวยไทย


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 tppabs="http://www.muaythai.com/images/bg1.gif" NOSAVE><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD colSpan=2>กฤตยาคม พลังแฝงเร้นด้วยจิตศรัทธา

    ในสมัยโบราณนักรบของไทยเราสร้างกำลังใจ โดยวิธียึดเอาเครื่องรางของขลัง กินว่าน สักยันต์ ปลุกพระ ปลุกผี นั่งเทียน อัญเชิญวิญญาณเทพ หรือวิญญาณที่มีฤทธิ์มาสิงในตัว เพื่อสำหรับใช้ในทางต่อสู้ แต่สิ่งเหล่านี้ต้องมีสมาธิเป็นบรรทัดฐาน ผู้ฝึกหัดจึงควรอบรมจิตใจให้มีสมาธิแน่วแน่ในตัว เพื่อสร้างสมรรถภาพของจิตใจ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left>มงคล ผ้าลงยันต์แล้วม้นพันด้วยด้าย หรือด้ายสายสิญจน์ ห่อหุ้มด้วยฝ้าย ที่ผ่านพิธีกรรมแล้ว ทำเป็นวงสำหรับสวมหัว โดยรวบเป็นหางยาวประมาณ ๒ - ๓ นิ้ว ถือเป็นเครื่องรางให้เกิดศิริมงคลคุ้มกันอันตราย.
    [​IMG]

    </TD><TD>

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left>ประเจียด เป็นผ้ายันต์ชนิดหนึ่ง ทำจากผ้าสาลู (ผ้าขาวบางเนื้อดี)หรือผ้าสีแดงตัดเป็นสามเหลี่ยมลงเลขยันต์ มหาอำนาจ ส่วนใหญ่จัดอยู่ในชุดวิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด กำลังตัวหรือคุ้มกำลัง ภาษาที่ใช้มักเป็นอักขระโบราณ ซึ่งพระครูหรือเกจิอาจารย์จะเป็นผู้เขียนและทำ พุทธาภิเษกเช่นเดียวกับพระเครื่องหรือพระบูชา.
    [​IMG]

    </TD><TD>


    </TD></TR><TR><TD>ผ้ายันต์ คือผ้าดิบหรีอผ้าเนื้อบางสีขาวหรือสีแดง เขียนอักขระเลขยันต์และ รูป ภาพต่าง ๆ โดยเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านเชื่อถือว่ามีคาถาอาคมแก่กล้า วิธีทำ คล้ายผ้าประเจี ยดแต่ผ้ายันต์มักเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้พกติดตัว หรือพันเป็นผัาประเจียดก็ได้
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left>

    </TD></TR><TR><TD>เสื้อยันต์ ใช้ผ้าดิบ สีแดงหรือสีขาวต ัดเป็นเสื้อกั๊กคอกลมแขนกุด เขียนอักขระ เลขยันต์ และรูปภาพต่าง ๆ เช่นเดียวกับ ผ้ายันต์หรือประเจียดใช้ สวมทับเสื้อชนิดอื่นหรือสวมเพียงตัวเดียว ส่วนมากนักรบจะ ใช้สวมใส่ในยามออก ศึก สงคราม ซื่งเชื่อว่าจะช่วย ป้องกัน ศาสตราวุธทุกชนิด ส่วนเวลา ชกมวยไม่ค่อยสวมเสื้อยันต์มักจะใช้เครื่องรางชนิดอื่นแทน
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left>

    </TD></TR><TR><TD>พระเครื่อง ทำด้วยโลหะ ผงปูน ดินหรืออาจใช้วัตถุหลายชนิด จากแหล่งต่างๆ ที่เป็นทื่เคารพเชื่อถือของประชาชน นำมารวมกัน บางครั้งอาจใช้เส้นผมเชี่ยนหมาก เศษจีวรของเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงผสมลงใปด้วย เพื่อเพิ่มความขลังแล้วจึงทำพิธีพุทธาภิเษกลงเลข ยันต์ คือมีพิธีกรรมที่รวมการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายการบริกรรมคาถาอาคมต่างๆ ในขณะทำพระเครื่อง เวลาขึ้นชกมวยมักจะพกติดตัวโดยใช้พันไว้ในมงคล หรือผ้าประเจียด นักมวยบางคนใช้อมไว้ในปาก เวลาขึ้นชก วิธีนีไม่ค่อยนิยมเพราะจะเป็นอันตรายแก่ตัวเองได้
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left>
    </TD></TR><TR><TD>ตะกรุด ใช้แผ่นโลหะบางรูปสี่เหลี่ยม เงิน หรือใบลานและกระดาษสาลงเลขยันต์ คาถาอาคม เช่นเดียวกับลงผืนผ้าเพื่อทำประเจียดแล้วม้วนให้กลม ตรงกลางเว้นช่องว่างสำหรับใชัสายเชือกร้อยใช้สำหรับคาดบั้นเอว คล้องคอ หรือคาดไว้ที่ต้นแขนหากใส่ในมงคลหรือประเจียดมักจะใช้ตะกรุดขนาดเล็ก
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left>

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>พิรอดทำด้วยกระดาษสา หรือถักด้วยหวายผ่านพิธีกรรมแล้วลงรักปิดทองเรียกว่า "กำไลพิรอด" ใชัสวมต้นแขน หรือแหวนพิรอดใช้สวมนิ้ว หากเป็นกำใลพิรอดชนิดงู ๒ ตัว กลืน หางซื่งกันและกันจนตายทั้งคู่เช่นเดียวกับการทำมงคล นับว่าเป็นของวิเศษเพราะหายาก และเชี่อว่ามีอานุภาพมาก


    </TD><TD vAlign=top align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left>พิสมร ทำด้วยแผ่นโลหะหรือใบลานรูปสี่เหลี่ยม ลงเลขยันต์มีที่ร้อยสาย แต่โดยมากไม่ม้วนให้กลมอย่างตะกรุด ซึ่งต้องผ่านพิธีกรรม
    [​IMG]

    </TD><TD vAlign=top align=left>
    (พิสมร)

    </TD></TR><TR><TD>ว่าน คือพืชที่มีสรรพคุณหลายอย่าง บางชนิดใช้ในการรักษาพยาบาลใช้รับประทาน รักษาโรคบางชนิดใชัทารักษาบาดแผล รักษาผิวหนัง บางชนิดหัามรับประทานเพราะเป็นพิษ บาง ชนิดเชื่อว่าทำให้ผิวหนังทนความร้อน หรือหนังเหนียว จึงนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางของขลังโดย การปลุกเสกคาาถาอาคมเช่นเดียวกับเครื่องรางของขลังชนิดอื่น ใช้พกติดตัวใส่ในมงคล ประเจียด หรือใชัเป็นส่วนผสมในการทำพระเครื่อง บางคนใช้แช่น้ำดื่มก็มี</TD><TD vAlign=top align=left>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Monkol.jpg
      Monkol.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.5 KB
      เปิดดู:
      1,400
    • Phayan1.jpg
      Phayan1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.1 KB
      เปิดดู:
      1,641
    • Phayun.jpg
      Phayun.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.3 KB
      เปิดดู:
      1,650
    • Pisamorn.jpg
      Pisamorn.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.4 KB
      เปิดดู:
      1,387
    • Prajead.jpg
      Prajead.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.6 KB
      เปิดดู:
      2,109
    • Prakrueng.jpg
      Prakrueng.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.4 KB
      เปิดดู:
      1,695
    • Trakut.jpg
      Trakut.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      1,697
    • Waan.jpg
      Waan.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7 KB
      เปิดดู:
      1,342
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=43491&sid=95b8b074002ae9435fdc6077b713a83b

    รายละเอียดลองดูในกระทู้นะครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top> ทำไงดีครับ ?</TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=middle rowSpan=2>ปุ๋ย
    บัวแก้ว
    [​IMG]
    [​IMG]

    เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
    ตอบ: 1240

    [​IMG] </TD><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails>[​IMG]ตอบเมื่อ: 25 เม.ย.2007, 4:01 pm</TD><TD vAlign=top noWrap align=right>[​IMG][​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top><HR>กราบสวัสดี คุณศุภณัฐ

    พระเครื่อง พระผง ที่ได้มาไม่ว่าทางใด หากคุณไม่สามารถแยกได้ด้วยตนเองว่ากระแสแห่งองค์พระจะออกมาทำร้ายคุณหรือให้คุณในทางธรรม ก็ควรเก็บใส่กล่องให้มิดชิด เพราะการตรวจเช็ควัตถุเหล่านี้ มักเป็นปัจจัตตังในผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธาตุ จึงจะสามารถแยกแยะได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนส่วนใหญ่

    แต่หากจะทำความเข้าใจธรรมดา ก็ควรทราบว่า วัตถุนั้นๆมวลสารประกอบด้วยอะไร ถ้าประกอบด้วยกระดูกไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ ก็มักไม่น่าเก็บรักษาทั้งสิ้น แล้วก็พิธีกรรมทำอย่างไร อีกปัจจัยคือบุคคลผู้ประกอบพิธีกรรมปฏิบัติธรรมในลักษณะไหน ไม่ว่าพระเครื่องหรือผ้ายันต์หรือเครื่องรางต่างๆ ให้ท่านพิจารณาว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ทำสิ่งเหล่านี้หรือไม่ และวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่ออะไร ใช่แก่นแท้แห่งพุทธศาสนาหรือไม่ เมื่อเข้าใจแก่นแท้แห่งธรรมอย่างลึกซึ้ง และละซึ่งสมมติทั้งปวง จะแบกไปเพื่อประโยชน์อะไร

    เข้าใจในระดับหนึ่งว่าที่พึ่งทางใจ แต่อย่าลืมว่าการกระทำของคนเรานี่แหละเป็นเหตุเป็นปัจจัยทั้งปวง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับวัตถุใดวัตถุหนึ่ง ก็พิจารณาตามสมควร เก็บแล้วไม่ร้อน สวดมนต์ปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีกระแสใดมาขวางให้ติดขัดในการปฏิบัติธรรม ก็เก็บไป เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของคลื่นทั้งหมด ซึ่งผู้ปฏิบัติธรรมเมื่อเข้าสู่วิปัสสนากรรมฐานแล้วต้องผจญกับเรื่องของคลื่นทั้งหมด ถ้าไม่เคลียร์ก็ป่วย ยิ่งปฏิบัติยิ่งป่วยอย่างหาสาเหตุไม่ได้

    ฝากกัลยาณมิตรผู้ประพฤติธรรมทุกท่านว่า "สมถะกรรมฐาน หากไม่เป็นไปเพื่อบาทฐานแห่งการเจริญวิปัสสนาให้เข้าถึงความดับทุกข์อย่างแท้จริง และติดอยู่ด้วยการแสวงหาเกียรติยศ ชื่อเสียง ลาภสักการะ ติดอยู่ด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แห่งวัตถุ ล้วนก่อกรรมทั้งสิ้น"

    เจริญในธรรม

    มณี ปัทมะ ตารา

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร (ตามที่ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครเป็นผู้ที่ค้นคว้ามา) ผมเปิดให้จองแล้วครับ โดยจองเล่มละ 200 บาทและค่าจัดส่งเล่มละ 50 บาท(โดยหากค่าจัดส่งมากกว่านี้ ผมจะจ่ายให้เองครับแต่หากน้อยกว่านี้ ผมจะนำไปเป็นค่าพิมพ์หนังสือครับ) และกรุณาระบุด้วยว่า จองกี่เล่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1.ต้องเป็นผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งเท่านั้น<O:p</O:p

    2.ผมขอสงวนสิทธิ์ในการรับจองหรือไม่รับจอง ถึงแม้ว่าจะได้มาร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งแล้วก็ตาม และผมไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบนะครับ<O:p</O:p


    3.เงินค่าจองหนังสือ ผมจะแจ้งหมายเลขบัญชีให้ทราบทาง PM อีกครั้งเมื่อผมรับจองแล้ว
    บัญชีที่จะให้โอนเงินค่าหนังสือนั้น เป็นบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมเองไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีที่ร่วมบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งได้เลย <O:p</O:p

    4.เงินในส่วนต่างนั้น ผมจะนำเงินในส่วนนี้นำไปพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้งหมด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผมเริ่มให้จองตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2550 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2550 เวลา 18.00 น. ครับ


    รูปเล่มนั้น ต้องยอมรับว่าสวยงามครับ อีกทั้งมีรูปพระพิมพ์อีกพอสมควร ทางคณะผู้จัดทำ จะทำให้ดีที่สุด เพื่อเทิดพระเกียรติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ที่พระองค์ได้มีความเมตตาที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ และอยู่ดูแลพระศาสนาไปจนครบ 5000 ปีตามพุทธดำรัสครับ

    ผมจะนำรายชื่อทั้งหมด ลงไว้ท้ายเล่มด้วยนะครับ


    ผมเองก็ใช้หนังสือเล่มนี้เป็นครูในการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรและเป็นส่วนหนึ่งในการเสาะแสวงหาพระของหลวงปู่ และอีกเล่มก็คือหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าครับ

    ส่วนหนังสือปู่เล่าให้ฟังที่กำลังจะตามมานั้น เป็นเรื่องราวที่ท่านอาจารย์ประถมได้เคยเขียนลงในหนังสือต่างๆ และนำมารวบรวมไว้ในเล่มเดียวกัน แต่จะมีการปรับปรุงเนื้อหาบางเรื่อง ที่ได้ความรู้ใหม่ มาเพิ่มเติมขึ้นอีก และจะแตกต่างจะหนังสือปู่เล่าให้ฟังเล่มแรกและไม่ซ้ำกับหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.dhammapratarnporn.com/book5/dham5_8.html


    วิธีทำน้ำพุทธมนต์ รักษาโรคทุกชนิด


    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง อุทัยธานี


    เอาน้ำสะอาดใส่ในบาตรหรือในถัง เอาจิตเพ่งดูน้ำ นึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมพระอริยสงฆ์ สวดมนต์ อิติปิโสทั้ง 3 ห้อง เพ่งจิตลงในน้ำ อธิษฐานขอน้ำพุทธมนต์นี้ เป็นกระแสน้ำ ซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย กำจัดโรคร้ายภัยอันตรายของคนสัตว์ให้หายเกลี้ยง
    ทุกโรคทุกชนิด โดยไม่ต้องใช้ยาอื่น โดยฉับพลันทันใด เอามือวนรอบขอบถ้วยน้ำแล้วเพ่งจิตลงน้ำอธิษฐานซ้ำ
    ด้วยเดชเดชะของพระพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ สรรพโรคา สรรพภยันตรายา ปิวินาสเมตุ ขอพ้นกัมมะถัมมา พุทธฤทธิ ธัมมฤทธิ สังฆฤทธิ อิติปิโสจะเตนะโม ขอน้ำพุทธมนต์นี้จงซาบซ่านเข้าไปในทั่วร่างกาย กำจัดโรคร้ายภัยอันตรายให้หายทุกโรคทุกชนิดโดยไม่ต้องใช้ยา แล้วให้คนไข้ดื่ม อาบ น้ำพุทธมนต์นั้น
    พระคาถาหยุดฝน

    สวด ชุมนุมเทวดาก่อน ว่าพระคาถาหยุดฝน อาโปธาตุ ปฐวีธาตุ (108 จบ)
    สวด ชุมนุมเทวดาก่อน พระคาถาขอฝนขอลม อาโปธาตุ วาโยธาตุ (108 จบ)
    สวด ชุมนุมเทวดาก่อน พระคาถาหยุดลมพายุ วาโยธาตุ ปฐวีธาตุ (108 จบ)
    พระคาถาดับไฟ ระโชหะระนัง ระชังหะระติ (108จบ)
    พระคาถาป้องกันไฟ พุทธะสังมิ (108 จบ)

    วิธีทำน้ำพุทธมนต์ด้วยพระพุทธรูปบูชา

    จัดเครื่องสักการะบูชาเท่าที่หาได้ ไหว้พระด้วย นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ นำพระพุทธรูปใส่ไว้ในมือ ตั้งจิตอธิษฐานว่า ข้าพระพุทธเจ้า
    ขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวกทั้งหลายสืบๆกันมา มีองค์หลวงปู่ปานและองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด ตลอดถึง พระพรหมและเทพเทวดาทั้งหมด ขอพระพุทธรูปนี้(หรือวัตถุมงคลใดๆก็ตามที่มี เอ่ยชื่อตามวัตถุมงคลที่ขอท่านช่วยทำน้ำพุทธมนต์เพื่อรักษาโรค) ได้โปรดสงเคราะห์ทำน้ำนี้ให้เป็นน้ำพุทธมนต์ เป็นน้ำยาทิพย์อันศักดิ์สิทธิ์ ได้ดื่มกินและอาบ ซาบซ่านไปทั่วร่างกาย กำจัดโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดให้หมดไปทันทีทันใดด้วยเทอญ แล้วนำพระพุทธรูปหรือวัตถุมงคลแช่ลงในน้ำรอ 5 นาที แล้วกราบ 3 ครั้ง นำน้ำพุทธมนต์ให้คนป่วยดื่มแล้วลูบศีรษะ แขน ทั่วทั้งตัวผู้ป่วย สวดพระคาถา พระพุทธเจ้า 16 พระองค์กำกับไปด้วย ว่า นะมะนะอะ นอกอนะอะ กอนอนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ แล้วเป่าหัวคนป่วยด้วยพระคาถาขับผีว่า นะโมพุทธายะ หรือ คัจฉะ ปาปิมะ ถ้าเป็นผ้ายันต์ให้นำผ้ายันต์โบกเหนือขันน้ำ 3 ครั้งไม่ต้องแช่น้ำ
    ทางสายเอก

    รวบรวมโดยเกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ
    วิธีปรับปรุงจิตใจเพื่อให้หมดทุกข์ตลอดกาล
    1. มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่เคารพรักทางใจ
    2. หมั่นรำลึกนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก
    3. มีศีล 5 ครบ มีกุศลกรรมบท 10 มิให้ขาดหาย
    4. ตายชาตินี้ มีที่ไปเป็นจุดมุ่งหมายของจิต คือ พระนิพพาน
    5. การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก สำคัญยิ่งในการระงับความวิตกกังวล ระงับการฟุ้งซ่านของจิต ระงับทุกขเวทนา เวลาป่วยไข้เจ็บปวดไม่สบาย จิตใจฉลาดสามารถคิดพิจารณาปัญหาธรรมะมี ปัญญามีวิปัสสนาญาณ แจ่มใสตัดกิเลสได้ง่ายดายและรวดเร็ว พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันต์ ทุก ๆ พระองค์ ท่านก็ยังทรงสมถะภาวนากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
    เอกายโน อยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา ภิกษุทั้งหลาย ตัวเราจิตเรานี้ เป็นทางเอก เป็นทางของบุคคลคนเดียว คือ ตัวเรานี้แต่ผู้เดียวที่จะพ้นทุกข์ได้ก็ด้วยตัวของเราเอง จิตเราไม่ไปข้องเกี่ยวกับร่างกาย กับเวทนาอารมณ์สุข ๆ ทุกข์ๆ อารมณ์จิตของขันธ์ 5 ร่างกาย ปล่อยมันไปตามเรื่องของกาย เวทนา จิต ธรรมารมณ์ทางโลกทั้งหลาย จิตไม่สนใจร่างกาย ไม่สนใจความรู้สึกสุขทุกข์ทั้งหลายใดๆในโลก ทั้งหมด จิตเราก็จะได้ชื่อว่าจิตเป็นเอก เป็นหนึ่ง เป็นทางสายเอก ที่ถึงความบริสุทธิ์สะอาดสดใส คือมีจิตเป็นผู้รู้ ฉลาด ผู้ตื่นจากความหลงใหลในขันธ์ 5 หรือร่างกาย มีจิตสุขสดชื่นเบิกบานเป็นจิตที่มีพระนิพพานอยู่ในใจ พบพระนิพพานได้ง่ายๆ ในจิตเราที่เป็นทางสายเอกนี้
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา http://www.komchadluek.net/column/pra/2005/05/02/03.php

    ชั่วโมงเซียน: ผ้ายันต์วัดศรีโยธิน จ.กำแพงเพชร
    [​IMG]
    จุดประสงค์การสร้างผ้ายันต์ ของพระเกจิอาจารย์ทั้งยุคโบราณและปัจจุบันมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ๑.เพื่อคุ้มครองป้องกันภัยผู้พกพา ให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ และ ๒.เพื่อให้ลาภ มีเมตตา มีความเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายคล่อง ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เราสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศได้จากผ้ายันต์เช่นกัน กล่าวคือ
    ผ้ายันต์ที่ออกในช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบมีโจรผู้ร้ายมาก พระเกจิอาจาย์ก็จะเขียนยันต์ที่มีพุทธคุณด้านป้องกันภัย แคล้วคลาด
    ส่วนผ้ายันต์ที่ออกในช่วงเศรษกิจไม่ดี พระเกจิอาจารย์ก็จะเขียนยันต์พุทธคุณด้านเมตตามหานิยม ค้าขาย
    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ พระเกจิอาจารย์วัดต่างๆ ได้ทำผ้ายันต์ออกมาทั้งแจกฟรีและให้เช่าบูชา
    อย่างกรณีของ หลวงพ่อทำนอง คุณงฺกโร เจ้าอาวาสวัดศรีโยธิน ม.๗ ต.หนองปลิง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้สร้างผ้ายันต์เมตตามหาลาภ สิทธิโชค อักขระเลขยันต์ด้านหน้าและด้านหลังของผ้ายันต์ผืนนี้น่าสนใจ คือ ยันต์มงคลเศรษฐี หลวงปู่พระศรีสรรเพชญ์ มียันต์ทั้งหมด ๑๒ ชุด และยันต์ทั้งหมดนี้ยังปรากฏในการสร้างยันต์ของวัดต่างๆ ด้วย
    ๑.พระประธาน ถือเป็นของสูงแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การสร้างผ้ายันต์จำนวนมากหรือหลายผืนต้องวาดภาพให้เป็นศิลปะ เฉพาะองค์พระให้เหมือนองค์จริงมากที่สุด (หาก วาดภาพ มีข้อแตกต่าง วาดแต่ละภาพย่อมแตกต่างแน่นอน จึงต้องสกรีนภาพออกมา แล้วเพิ่มอักขระลงภายหลัง) นะฤาชา หรือ นะธรรมดา มีความหมายในทางโชคลาภ เมตตามหานิยม
    [​IMG]
    ๒.หงส์ เกี่ยวกับค้าขายและโชคลาภ มงคลดี พุทธคุณ คาถาพญาหงส์มี เสน่ห์ ในทาง ค้าขาย ดีมาก เรียก คน หงส์เป็นการเตือนสติให้รู้ตัวเอง มี สติ อยู่เสมอพิจารณากาย, ใจ ตัวเอง ในการพิจารณาสังขาร เพื่อความไม่ประมาทชีวิต จึงใช้คำว่า "พุท-โธ" หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ (กำหนดให้รู้ตัวตลอด)
    ๓.ธงพระฉิม มีคาถา "นะชา ลิ ติ" อยู่บนคาถา "พญากาน้ำ" ฐาน ธง นะมะพะทะ* พุทธคุณค้าขาย ทางน้ำ ดี "เมตตา ค้าขายดี"
    ๔.ธงมหาลาภ หรือ (ธงพระฉิม) ถ้าพิจารณาตัวคาถา รวมอยู่หลายบท หัวใจพระพรชัยหรือหัวใจพาหุง ยอดยันต์หัวใจพระไตรปิฎก หัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์ พระสุตันตปิฎก หัวใจโพชฌงค์ และหัวใจพระวินัย ส่วน พุทธคุณ มีความหมายพุทธคุณทางเมตตา มหาสิทธิโชค ค้าขายดี และคุ้มครองกันภัยได้
    ๕.ยันต์ธงพระฉิมอยู่บนยอดยันต์ พระยาไก่เถื่อน ของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน (วัดพลับ หรือ วัดราชสิทธาราม) พุทธคุณ ทางเจริญลาภผล ค้า ขาย กลางวันบนบก ดี (ค้าขายบนบก-กลางวันดี) พุทธคุณคุ้มครองดี ป้องกันภัยได้
    ๖-๗.ยันต์ปลาตะเพียน (ซ้าย-ขวา) การลงยันต์ในลักษณะนี้เรียกว่า ปลาตะเพียนคู่ มีคาถาหลายบท เช่น บารมี ๓๐ ทัศน์ ยันต์หัวใจ พระพรชัย หรือ พาหุง ซึ่งมีพุทธคุณทาง มงคล โชคลาภ มหาสิทธิโชค
    ๘-๙-๑๐.ยันต์ตัวเลข เพราะไม่สามารถจะเขียนคาถายาวลงในตารางได้ ต้องย่อโดยใช้ตัวเลขแทนลงไป ยันต์ทั้ง ๓ คือ พระยันต์ จักรพรรตราธิราช มีพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ รวมอยู่ มีอำนาจมาก
    ๑๑.ยันต์เจริญทรัพย์ (ตัวเลขในตาราง) เรียกสูตรตัวเลขแบบ ตรีนิสิงเห และ โสฬสมงคล มีพุทธคุณ โชคลาภ-มงคลค้าขายดี เรียกว่า "เจริญทรัพย์" ๑๒.ตามตำรา บอกว่า เป็นยันต์ ใช้ทางเสน่ห์ ชู้สาว ซึ่งมีพุทธคุณทางเสน่ห์ชู้สาวดี



    ยันต์เมตตามหาลาภ สิทธิโชค ประกอบด้วยยันต์หลักทั้งหมด ๑๖ ชุด ดังนี้
    ๑.ยันต์พญาไก่เถื่อน ต้นตำรับยันต์นี้เป็นของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน จากนั้นวัดต่างๆ ได้นำไปเป็นหลักในการเขียนยันต์ พุทธคุณ ใช้ในทางคงกระพันและเมตตา โชค-ลาภ เทพคุ้มครองรักษา จึงนำมาใช้ในทาง ค้าขาย (กลางวัน) มีเทพรักษา เช่น อินทรักษา พรหมรักษา
    ๒.ยันต์พระอภิธรรม แถวล่างยันต์เป็น หัวใจพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เป็นการวางอุปเท่ห์ออกเป็น ๕๖ บท พุทธคุณ ๕๖ แล้วล้อมรอบด้วยองค์พระเป็น เกราะคุ้มกันภัย
    ๓.ยันต์ลูกศร คือยันต์ใช้ทางป้องกันภัย ปราบศัตรู พร้อมที่องค์พระ ล้อมรอบด้วย พุทธคุณเป็นเกราะกันภัย
    ๔.ยันต์หัวใจเศรษฐี (อุ อา กะ สะ) และ มา นะ มี มา (เรียกลาภ)
    อุ - ขยันหมั่นเพียรในการทำงานหาทรัพย์
    อา - รักษาทรัพย์ที่หามาได้
    กะ - มีมิตรดี แนะนำประโยชน์ช่วยเหลือ
    สะ - รู้จักรักษาทรัพย์
    ทำได้ตามนี้จะเป็นเศรษฐี
    และคาถามเรียกลาภ เรียกเงินทอง
    ๕.อิติปิโสแปดทิศ ใช้ได้รอบตัว แล้วแต่จะอธิษฐานเอาเองเถิด พุทธคุณพระพุทธเจ้ามีบารมีมากใช้ได้ทุกทาง
    ๖.ยันต์เจดีย์ ซึ่งมี นวหรคุณ (มงคลเก้า) เป็นฐานล่าง มะอะอุ เป็น หัวใจพระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ นะชาสิติ หัวใจพระสิวลี (พระฉิม) อุอะมะ หัวใจ พระไตรปิฎก ถอยหลัง (มะอะอุแล้วถอยอุอะมะ) มีผลทางคุ้มภัย ส่วนพุทธคุณนั้นใช้ได้ทุก ทาง และเป็น คงกระพันชาตรี
    ๗.ยันต์หัวใจพระฉิม (นะ ชา ลิ ติ) มีพุทธคุณทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และมีเสน่ห์
    ๘.ยันต์มหามงกุฎพระพุทธเจ้า ในวงกลม เป็นคาถา มงกุฎพระพุทธเจ้า ล้อมรอบด้วย หัวใจพระไตรปิฎก มะอะอุ และองค์พระ รอบนอกเป็น หัวใจพระรัตนตรัย อิสุวาสุ และองค์พระ มีตัวเลข ใช้สูตร ตรีนิสิงเห ปัดเสนียดจัญไร คุ้มกันอุบาทว์ พุทธคุณใช้ได้ครอบจักรวาล คุ้มกันภัย เมตตา และให้มงคล คงกระพัน โชคลาภ
    ๙.เป็นยันต์สามยอด ซึ่งลงตัวในไว้ นะ โม พุท ธา ยะ พระเจ้าห้าพระองค์ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มีพุทธคุณครอบจักรวาล ใช้ได้รอบตัว ทางเมตตาโชคลาภ มีโภคทรัพย์
    ๑๐.ยันต์มงคลเก้า (อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ) มีพุทธคุณครอบจักรวาล ใช้ได้รอบตัว
    ๑๑.ยันต์หัวใจอิติปิโส ธรรมคุณ มีพุทธคุณครอบจักรวาล ใช้ได้รอบตัว
    ๑๒.ยันต์ป้องกันภัย หัวใจมหาอำนาจ สี หะ นา ทัง หัวใจราชสี กำลังพญาราชสีห์ และอำนาจราชสีห์
    ๑๓.นะ มา วา โม หะ วา โก เว หะ โสวา ตะ ธะคุ ข้างล่าง นะโมพุทธายะ (ตัวอักษรขอม) ส่วนตัวเลขเป็นการบรรจุเรื่องลาภ เรื่องมงคล พุทธคุณ ในด้านเรียกโชคลาภ เร่งลาภ
    ๑๔.ซ้ำกับ (ข้อ ๕) อิติปิโสแปดทิศ ใช้ได้ รอบตัวแล้วอธิษฐานเอาเถิด
    ๑๕.รูปนางกวัก พุทธคุณด้านมหาลาภ เป็นสิทธิโชค มีคาถากำกับ นิ มา นิมา นิมา มานิ นะมะพะทะ คาถาหัวใจนางกวัก เอหิ ลาภะ มานิมามา เอหิเตชังมานิมามาพุทธคุณด้านค้าขาย เรียกเงินทองมากๆ ๑๖.ภาพพระประธาน เป็นสัญลักษณ์ของภาพ ที่เป็นศิลปะหรือภาพพระประธานหรือ พระพุทธรูปศักดิ์ของวัดนั้น เป็นหลัก (เน้นองค์พระ) บางครั้ง (บางวัด) ใช้รูปภาพเกจิใส่แทน ซึ่งมีเห็นอยู่ทั่วๆ ไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 05.jpg
      05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.6 KB
      เปิดดู:
      2,040
    • 04.jpg
      04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.9 KB
      เปิดดู:
      2,135
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณีนั้น เป็นพระพิมพ์ที่ผมเองรับรองได้ว่าเป็นพระพิมพ์ที่ดีมากๆ พิมพ์หนึ่ง นอกจากจะใส่ไว้คุ้มครองตนเองแล้วยังสามารถใช้ทำน้ำมนต์เพื่อรักษาโรคได้ด้วย เป็นพิมพ์ที่พิเศษพิมพ์หนึ่งของวังหน้า พลังอิทธิคุณขององค์พระนั้นไม่ธรรมดา ถ้าไม่มีพระพิมพ์เนื้อผงยาจินดามณี ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ให้ใช้พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(วังหน้า) แทนได้ 100 % แถมตัวยาในเนื้อของพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนานั้นเป็นผงยาและผสมปูนเพชร(ใช้ว่านต่างๆมาบดเป็นผงและใช้ผงที่บดได้นั้นทำเป็นพระและอีกสิ่งหนึ่งก็คือปูนเพชร) การสร้างพระนั้น สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยช่างสิบหมู่เป็นผู้สร้าง มีพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งเป็นพระอุโบสถของวังหน้า เป็นพระราชพิธีหลวง หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรท่านมาเสกให้ครับ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ข้อเปรียบเทียบระหว่างพระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(วังหน้า) และพระผงยาวาสนาและพระผงยาจินดามณี(ที่อื่นๆ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.การสร้าง<O:p</O:p
    พระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(วังหน้า) สร้างโดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า โดยท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) พระองค์ท่านให้ไปหาสมุนไพรตามที่พระองค์ท่านได้มีพระบัณฑูรออกไป มีการทำมวลสารและสร้างกันในพระราชวัง(วังหน้า)<O:p</O:p
    ส่วนพระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(ที่อื่นๆ) สร้างโดยลูกศิษย์วัด,ช่างชาวบ้าน การทำมวลสารและมีการสร้างกันในวัด(ที่มีการจัดสร้างพระผงยาวาสนา)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    2.การพุทธาภิเษก <O:p</O:p
    พระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(วังหน้า) ได้รับการพุทธาภิเษกหลวงที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งเป็นพระอุโบสถของวังหน้า <O:p</O:p
    ส่วนพระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(ที่อื่นๆ) ได้รับการพุทธาภิเษกที่วัด(ที่มีการจัดสร้างพระผงยาวาสนา)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    3.องค์ผู้อธิษฐานจิต<O:p</O:p
    พระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(วังหน้า) องค์ผู้อธิษฐานจิตคือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร(บางพิมพ์อาจจะ 1 องค์อธิษฐานจิต , บางพิมพ์อาจจะ 3 องค์อธิษฐานจิต , บางพิมพ์อาจจะ 5 องค์อธิษฐานจิต )<O:p</O:p
    ส่วนพระผงยาวาสนาหรือพระผงยาจินดามณี(ที่อื่นๆ) องค์ผู้อธิษฐานจิตคือหลวงปู่ที่ท่านให้จัดสร้าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    วิธีทดสอบพระพิมพ์นั้น ผมแนะนำให้ไปหาพระที่ท่านได้วิปัสสนาญาณสัก 5 องค์ ให้ท่านตรวจสอบและดูให้ว่า พระพิมพ์นั้นใครเป็นผู้เสก พลังอิทธิคุณขององค์พระเป็นอย่างไร การปลุกเสกนั้นเสกกันที่ไหน และผลที่ตรวจสอบนั้น ทั้ง 5 องค์ต้องตอบตรงกันจึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ที่ถูกต้องครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โมทนาในบุญกุศลที่ทุกท่านได้ร่วมกันทำบุญด้วยครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    .<O:p</O:p
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เชิญร่วมบุญผ้ายันต์ครอบจักรวาลรุ่นพิเศษเพื่อแจกจ่ายผู้ปฎิบัติงานใน 3 จังหวัดภาคใต้ (เป็นลิงค์)
    หรือ
    แจกพระผงพระสิงห์สำหรับทุกท่านที่ร่วมทำบุญสร้างผ้ายันต์กับครูบานิล(ทำบุญตามศรัทธา) (เป็นลิงค์)

    ยังมีเวลาที่ทุกๆท่านได้ร่วมกันทำบุญสร้างผ้ายันต์ เพื่อที่จะไปช่วยเหลือและเป็นขวัญเป็นกำลังใจกับผู้ปฎิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ,ตำรวจ ,ครู โดยเฉพาะกับผู้ที่ปฎิบัติงานระดับล่างๆจริงๆ และพระอาจารย์นิลท่านจะลงไปแจกด้วยตนเองครับ

    เงินมากน้อยไม่สำคัญ เปรียบได้กับน้ำฝนที่ตกลงมาทีละหยดแต่ตกมาในปริมาณที่มาก ย่อมทำให้เกิดน้ำปริมาณมากมายมหาศาลได้เช่นกัน พวกเราทุกๆคน เมื่อร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกัน ประเทศชาติย่อมผ่านวิกฤติต่างๆได้เช่นกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 27 พฤษภาคม 2550

    ชุดล็อคเก็ต

    [​IMG]

    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 3

    ได้รับพระเมตตา,พระกรุณา และขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกกุสันโธ ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตพระพิมพ์ให้ (ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตพระพิมพ์เดิม ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่แจ้งให้ทราบครับ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ) พลังอิทธิคุณครอบจักรวาล<O:p</O:p

    วันนี้ผมนำล็อคเก็ตพร้อมพระสมเด็จผงยาวาสนา,พระสมเด็จผงยาจินดามณี,พระสมเด็จวังหน้าเนื้อขาวและพระสมเด็จวังหน้าเนื้อปัญจสิริ มามอบให้ผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ตามนี้ครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.ชุดล็อคเก็ตใหญ่ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 2 ชุด <O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    1.1ล็อคเก็ตขนาดใหญ่ ขนาด กว้าง 2.7 * ยาว 3.5 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    1.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    1.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    1.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    1.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 10,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง<O:p</O:p
    หมายเหตุ ทั้งสองชุดนี้ มีผู้จองทั้งหมดแล้วครับ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก จำนวน 4 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    2.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    2.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    2.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    2.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    2.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    3.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ จำนวน 1 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    3.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    3.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    3.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    3.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    3.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 9,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    4.ชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระธาตุพระสิวลี(ผงพระวังหน้า) จำนวน 2 ชุด<O:p</O:p
    ประกอบด้วย <O:p</O:p
    4.1ล็อคเก็ตขนาดเล็ก ขนาด กว้าง 2.0 * ยาว 2.8 ซม. จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.2พระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    4.3พระสมเด็จผงยาวาสนา คะแนนร้อย จำนวน 3 องค์ <O:p</O:p
    4.4พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.5พระสมเด็จเนื้อผงยาจินดามณี คะแนนร้อย จำนวน 2 องค์ <O:p</O:p
    4.6พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์ <O:p</O:p
    4.7พระสมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจสิริคะแนนร้อย จำนวน 1 องค์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญจำนวน 8,000 บาทเพื่อสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หมายเหตุ ล็อคเก็ตและพระพิมพ์ทั้งหมดได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งอยู่ในพระชุดพิเศษ 3 เกือบทุกองค์ยกเว้น พระสมเด็จผงยาวาสนาคะแนนร้อย องค์แรกในแถวล่าง และพระสมเด็จผงยาจินดามณี องค์ที่สามในแถวล่าง จะผ่านพิธีพุทธาภิเษกเชิญหลวงปู่พระสิวลีเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอนุรุทเถระเจ้า ,หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า และหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ และทุกๆท่านสามารถจองและทยอยร่วมทำบุญไปได้เรื่อยๆ เช่นในท่านมีความประสงค์จะร่วมทำบุญและรับชุดล็อคเก็ตเล็ก ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น จำนวน 9,000 บาท แต่ละเดือนท่านอาจจะร่วมทำบุญเดือนละ 500 บาท ก็จะเป็นระยะเวลาที่ท่านร่วมทำบุญแค่ 18 เดือน เมื่อท่านร่วมบุญครบแล้ว ผมจะจัดส่งชุดล็อคเก็ตไปให้ท่านครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ<O:p</O:p

    ผมขอขอบพระคุณพี่ตุ่น พิมพาภรณ์ (ได้มอบล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก 1 องค์และด้านหลังติดพระสมเด็จจิ๋ว เนื้อปัญจสิริ 1 องค์) และน้องกวง guawn (ได้มอบล็อคเก็ตใหญ่ 1 องค์ และล็อคเก็ตเล็ก 2 องค์ ด้านหลังติดพระนาคปรกหลวงปู่ม่นทั้ง 3 องค์)

    โมทนาสาธุกับทั้งสองท่านด้วยครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ


    พระพิมพ์ชุดพิเศษ 2 องค์ผู้อธิษฐานจิต พระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุทเถระเจ้า,พระอุปคุตเถระเจ้าและหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อธิษฐานจิตให้ ส่วนองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิม ผมไม่แจ้งให้ทราบ เนื่องจากองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่ พลังองค์ผู้อธิษฐานจิตใหม่คลุมพลังองค์ผู้อธิษฐานจิตเดิมครับ

    มีพระพิมพ์ 6 พิมพ์ดังนี้
    [​IMG]

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวลงชาด(รักสีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง (สีแดง) ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,800 บาท

    <O:p</O:p

    2.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อสีขาว ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,500 บาท

    <O:p</O:p

    3.สมเด็จวังหน้า เนื้อปัญจศิริ จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,300 บาท



    [​IMG]<O:p</O:p
    4.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว จำนวน 15 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,200 บาท


    <O:p</O:p
    5.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา จำนวน 10 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,100 บาท



    [​IMG]<O:p</O:p
    6.พระพิมพ์ปิดตาวังหน้าสองหน้า จำนวน 30 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,000 บาท



    เมื่อโอนแล้วแจ้งยอดเงินและชื่อที่อยู่เพื่อจัดส่งไว้ในกระทู้ หรือส่งข้อความส่วนตัวมาที่ผม แล้วผมจะจัดส่งให้ครับ

    ยอดคงเหลือพระพิมพ์ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้เป็นระยะนะครับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาสาธุกับทุกท่านที่เมตตาครับ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2550
    พระพิมพ์ชุดใหม่ที่จะมอบให้กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ครับ
    บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ



    1. พระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริพิมพ์จิ๋ว ขนาด 1 x 1.50 ซม จำนวน 10 องค์ เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท

    [​IMG]


    2. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่ปัญจสิริ ขนาด 1.7 x 2.7 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    3. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    4. พระพิมพ์อุ้มบาตรปัญจสิริสามเหลี่ยม ขนาด 2 x 3.5 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    5. พระพิมพ์สมเด็จต้นรังคู่เนื้อขาวลงรักแดง ขนาด 2 x 3 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    6. พระพิมพ์วัดพลับเนื้อขาว ขนาด 2 x 2.8 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 10 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    7. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วเนื้อขาวลงรักน้ำเงิน ขนาด 1.7 x 2.4 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 21 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    8. พระพิมพ์โสณะอุตระเนื้อปัญจสิริ ขนาด 1.8 x 2.8 ซม
    มีจำนวน 5 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 800 บาท

    [​IMG]


    9. พระพิมพ์สมเด็จจิ๋วไกเซอร์เนื้อปัญจสิริ ขนาด 2 x 3.1 ซม เสกโดยหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร
    มีจำนวน 15 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    10. พระพิมพ์สมเด็จสีเขียวก้านมะลิ ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
    มีจำนวน 7 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท

    [​IMG]


    11. พระพิมพ์สมเด็จสีฟ้าอ่อน ขนาด 2.4 x 3.6 ซม เสกโดยสมเด็จโต
    มีจำนวน 3 องค์ มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 300 บาท
    <O:p</O:p

    [​IMG]


    12. พระพิมพ์หลวงพ่อเงินเนื้อขาว ขนาด 2.9 x 2.5 ซม
    มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 500 บาท มีจำนวน 10 องค์
    <O:p</O:p

    [​IMG]




    เมื่อร่วมบุญและโอนเงินแล้ว ขอความกรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วย ผมจะเป็นผู้ส่งพระพิมพ์และวัตถุมงคลให้ครับ

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...