ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]

    [​IMG]

    สวัสดี คุณ Motana 2008 และเพื่อนสมาชิกทุก ท่าน ขอรับ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pk333.jpg
      pk333.jpg
      ขนาดไฟล์:
      263.3 KB
      เปิดดู:
      1,018
    • pk444.jpg
      pk444.jpg
      ขนาดไฟล์:
      236.2 KB
      เปิดดู:
      896
  2. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    อ้าวนึกว่าอาจารย์จงอางนอนแล้ว
    ราตรีสวัสดิ์ครับ
     
  3. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
    อยากเห็นจัง ลายเซนต์ สองแถว แบบที่1
     
  4. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดีเช้าวันใหม่ครับอ.จงอาง,เสี่ยล้างใจและญาติธรรมทุกๆท่าน.
    ขอบารมีหลวงปู่ทวดคุ้มครองทุกท่านให้ปลอดภัยจากการเดินทางหลังเทศกาลสงกรานต์ครับบบบ (^__^)
     
  5. Aimee2500

    Aimee2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,703
    ค่าพลัง:
    +1,765
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา

    สวัสดีวันจันทร์ อ.จงอาง เสี่ยล้าง คุณนวล คุณNorragate และกัลยาณมิตรทุกๆท่าน

    585 594 11
     
  6. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เหรียญยุคแรกๆ ของมหายันต์หลวงปู่ทวดปางโปรดสัตว์ หลังยันต์พระบาท เหรียญหลวงปู่ทวดเป็นอีกหนึ่งเหรียญที่กำลังจะสูญหายไปหมดจากวงการพระ เพราะพระชุดมหายันต์ส่วนใหญ่เป็นนักสะสมหน้าใหม่ที่นิยมชมชอบเฝ้าเก็บสะสมไว้ เนื่องจากเป็นพระที่สร้างขึ้นมาไม่เหมือนที่อื่น เพราะท่านไม่ต้องมาให้นั่งจอง ท่านไม่ได้สร้างมาเพื่อค้ากำไรเหมือน...พิธีก็ยิ่งใหญ่อลังการ มีพระเกจิทั้งสายป่าและสายบ้านร่วมปลุกเสกอย่างเข้มขลัง มีประสบการณ์ทางสามชายแดนอย่างต่อเนื่อง ผู้ที่ใช้เหรียญของท่านจะแคล้วคลาดปลอดภัยมาโดยตลอด

    เหรียญสองกษัตริย์จากพิธีกรรมโดยแท้ เหรียญมหายันต์หลวงปู่ทวดปางโปรดสัตว์หลังยันต์พระบาทและยันต์เทพเทวานิมิตร อาจารย์หม่อมท่านสร้างแจกทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ทางสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และแจกให้กับพระเกจิอาจารย์ที่ไปร่วมปลุกเสก เป็นเหรียญที่ผ่านพิธีกรรมมาอย่างโชกโชน จึงปรากฏประสบการณ์ให้พบให้เห็นอยู่เนือง

    <O:pเหรียญมหายันต์ ปี 2548 อีกพิมพ์ที่หายากมากๆและเป็นเหรียญประสบการณ์ที่คนสอบถามหากันเป็นอย่างมากครับคือพิมพ์หลวงปู่ทวด วดช้างไห้เป็นเหรียญที่เปี่ยมไปด้วยพุทธคุณและพระบารมีของหลวงปู่ทวดอย่างที่สุดพุทธคุณครบในทุกๆด้านโดยเฉพาะแคล้วคลาดและเดินทางปลอดภัยด้วยแล้วถือว่าดีเยี่ยมพิธีใหญ่ พิธีเดียวกันครับในปี 2548 ที่พระอาจารย์หม่อมท่านได้สร้างไว้ส่วนใหญ่เหรียญรุ่นนี้จะเก็บไว้เป็นเหรียญพระราชทานกันเสียส่วนมากจึงไม่ค่อยปรากฏในตลาดกันมากนัก<O:pปลุกเสกพร้อมเหรียญหลวงปู่ทวดที่จังหวัดอยุธยาปี2549 บริเวณศาลพระเจ้านเรศวรมหาราช อาจารย์ หม่อม จัดสร้างนิมนต์พระสายป่าจำนวนมากที่สุดในจังหวัดอยุธยา
    ที่เคยมีมาเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอยุธยา

    <O:p
    <O:pเหรียญมหายันต์ พิมพ์หลวงปู่ทวดเนื้อเงิน เนื้อสองกษัตริย์ เป็นพระสร้างปี 2548 ของท่านอาจารย์หม่อม ไม่น่าเชื่อว่าราคารุนแรงมาก แถมหาของไม่ได้อีกต่างหาก ท่านสร้างหลายพิมพ์ทรง สร้างเพื่อแจกอย่างเดียว แต่เหรียญเงินจะหายากหน่อย เพราะสร้างน้อย พระชุดนี้ของท่านสร้างออกมาแล้วเล่นเอาวงการพระสั่นสะเทือนพอสมควร

    <O:pอาจารย์หม่อมสร้าง พิธีเดียวกันกับพิธีสมเด็จพระนเรศวรรุ่นปราบไพรีศัตรูพ่าย ที่อาจารย์หม่อม เป็นเจ้าพิธี โดยนิมนต์เกจิสายบ้านและสายป่ากรรมฐานร่วมปลุกเสกที่ จ.อยุธยา เพื่อนำไปแจกให้กับ ทหาร ตำรวจและข้าราชการ ที่ปฎิบัติหน้าที่ชายแดนภาคใต้ โดยมีด้วยกันทั้งหมด 2 พิมพ์
    1. ด้านหน้าพิมพ์หลวงพ่อทวด ปางโปรดสัตว์ ด้านหลังเป็นรอยพระพุทธบาท และ
    2. ด้านหน้าเป็นพิมพ์พุฒซ้อน ด้านหลังเป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร……….
    [​IMG]

    [​IMG]


    เหรียญในชุด มหายันต์ปี 2548 พิมพ์ที่หายากมากๆ และเป็นเหรียญประสบการณ์ที่คนสอบถามหากันเป็นอย่างมากนั่นคือ พิมพ์หลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ เพราะเป็นเหรียญที่เปี่ยมไปด้วยพุทธคุณและพระบารมีของหลวงพ่อทวดอย่างที่สุดพุทธคุณครบในทุกๆด้านโดยเฉพาะด้านแคล้วคลาดและเดินทางปลอดภัยด้วยแล้วถือว่าดี เยี่ยม พิธีใหญ่ พิธีเดียวกันครับในปี 2548 ที่พระอาจารย์หม่อมท่านได้สร้างไว้ส่วนใหญ่เหรียญรุ่นนี้จะเก็บไว้เป็นเหรียญพระราชทานกันเสียส่วนมากจึงไม่ค่อยปรากฏในตลาดกันมากนัก เพราะ เหรียญสร้างแจกอย่างเดียวไม่ได้สร้างเพื่อจำหน่ายภายในเหรียญออกแบบได้สวยงามและเป็นเอกลักษณ์เพราะมียันต์มากมายภายในลวดลายของเหรียญ อาทิเช่น ยันต์โภคทรัพย์ ,โชคลาภ , เมตตา , แคล้วคลาด
    และ มหาอุต ฯลฯ เป็นต้น.
    [​IMG]

    [​IMG]<O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0176.JPG
      PICT0176.JPG
      ขนาดไฟล์:
      201.8 KB
      เปิดดู:
      830
    • PICT0177.JPG
      PICT0177.JPG
      ขนาดไฟล์:
      233.7 KB
      เปิดดู:
      738
    • PICT0178.JPG
      PICT0178.JPG
      ขนาดไฟล์:
      211 KB
      เปิดดู:
      814
    • PICT0170.JPG
      PICT0170.JPG
      ขนาดไฟล์:
      286.5 KB
      เปิดดู:
      800
    • PICT0171.JPG
      PICT0171.JPG
      ขนาดไฟล์:
      639.3 KB
      เปิดดู:
      877
    • PICT0173.JPG
      PICT0173.JPG
      ขนาดไฟล์:
      252.5 KB
      เปิดดู:
      747
    • PICT0174.JPG
      PICT0174.JPG
      ขนาดไฟล์:
      279.9 KB
      เปิดดู:
      679
  7. SpringDove

    SpringDove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,488
    ค่าพลัง:
    +4,807
    สวัสดีคุณเอมี่ มีการทำตัวหนังสือขาวๆ ด้วยนะคะวันนี้:cool:

    ลพ ทวดงดงามมากค่ะอาจารย์:cool:
     
  8. รักษ์สยาม

    รักษ์สยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,129
    ผึ่งนิมนต์มาครับ หลวงพ่อทวด วัดควนวิเศษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P3240501.JPG
      P3240501.JPG
      ขนาดไฟล์:
      373.6 KB
      เปิดดู:
      129
    • P3240502.JPG
      P3240502.JPG
      ขนาดไฟล์:
      364.7 KB
      เปิดดู:
      189
  9. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]

    สวัสดี เพื่อนสมาชิก ทุกๆ ท่าน ขอรับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0096.JPG
      PICT0096.JPG
      ขนาดไฟล์:
      180.5 KB
      เปิดดู:
      687
  10. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,030
    [​IMG] [​IMG]

    กราบหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด หรือพระองค์ที่ ๑ พระเถวะโรวาส กราบหนึ่ง กราบสอง กราบสาม
     
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=3 borderColor=#000000 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%">เมื่อ “หลวงปู่ทวด” ปราบ “เด็กดื้อ”..!!!???

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">เนาว์ นรญาณ

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">
    คำเตือน...เรื่องราวที่จะได้รับชมรับอ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอภินิหารของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะจืดที่ผู้เขียนได้เคยประสพมาด้วยตนเองอย่างไม่คาดฝัน ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมา เนื้อความหลายๆตอนอาจจะดูเหมือน”เกินจริง”ไปบ้าง แต่ก็ขอรับรองด้วยเกียรติและความจริงใจอย่างยิ่งว่า นี้ล้วนคือ”เรื่องจริง”ที่เคยเกิดขึ้น”จริง”มาแล้วทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม โปรดระลึกไว้เสมอว่า นี่คือ”ความเชื่อและประสพการณ์ส่วนบุคคล”และ”โปรดใช้วิจารณญาณในการชม”(และเชื่อ)โดยเคร่งครัดที่สุดด้วย จะเป็นการที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
    [​IMG]



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">
    ได้เคยมีท่านผู้อ่าน”ชาวใต้”ที่เคารพบางท่าน อุทธรณ์ฏีกาพึมพำมายังผมเป็นการส่วนตัวมานานแล้วว่า ทำไม..ข้อเขียนของผม ไม่ว่าจะเป็นในคอลัมน์ใดๆ ใน นิตยสารเล่มไหนๆตลอดระยะเวลาหลายๆปีที่ผ่านมานั้น แทบไม่เคยหรือไม่เคยเลยที่จะพูดหรือเขียนถึงพระเถรานุเถระผู้ทรงคุณแห่ง”ทักษิณประเทศ”เลย หรือ”แหลงใต้”ไม่เป็น ฟังสำเนียสะตอ”ไม่เข้าจึย” เลยพาลไม่เขียนเสียเลยอย่างนั้นหรือเปล่า.....??? ช่างน่าน้อยใจเสียจริงๆ แต่ไม่ว่าเหตุผลดังว่า จะมีด้วยประการใดก็ตาม กระผมก็ต้องกราบขอประทานขมาอภัยพ่อแม่พี่น้องชาวใต้ที่เคารพรักทุกๆท่าน ที่ออกจะเสียมารยาทไม่เขียน ไม่กล่าวถึง”ของดีแห่งแดนทักษิณ” มานานสองนาน ที่เป็นเฉกเช่นนี้ เหตุผลประการหนึ่งนอกจากผมไม่ค่อยได้ไปทางภาคใต้และฟังภาษาใต้ไม่ค่อยจะเข้าใจแล้ว ก็เป็นด้วยที่พระสายใต้นั้น มีคนนำเรื่องราวมาขยายมาเจาะลึกกันมากแล้ว... ดีแล้ว.... หากผมจะไปเขียนซ้ำอีก ก็คงจะไม่”เวิร์ค”ในความแปลกใหม่และความน่าสนใจเท่าที่ควร

    เลยปล่อยให้นักเขียนท่านผู้อื่น”โซโล่”กันตามอัธยาสัยคงย่อมจะเป็นการดีกว่าเป็นแน่

    แต่.................ใช่ว่าอันตัวของข้าพเจ้านี้ จะไม่เคย”เจอดี”กับอิทธิอานุภาพแห่งพระดี พระศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์แดนใต้แต่ประการใดก็หามิได้ดอกนะขอรับ
    แต่เคยเจอจังเบอร์ตรงกลางแสกหน้าแบบจะจะตอน”กลางวันแสกๆ”เลยทีเดียวเชียว... พ่อเจ้าประคุณ.................. แถมเจอแล้วไม่เจอเปล่ากับองค์”เป็นๆ”เสียด้วย เพราะผมได้เจอกับ”ทีเด็ด”ของพระที่”หาองค์มิได้”นี้ด้วยสิครับ...... อธิบายความ ตามไท้อย่างง่ายๆ ก็คือ”ท่าน”นั้นได้ PASS AWAY (มรณภาพ)ไปเป็นนานสองนานแล้วนั่นเอง เด็ดนักเลย พ่อเอ๊ย...................................... มิผิดแล้ว

    พระมหาเถระที่กระผมกำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ ที่กระผมได้เคยเจอดีด้วยตัวเองอย่างแท้ ก็มิใช่ใดอื่น นอกจะท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระราชมุนีรามีรามคุณูปมาจารย์ แห่งวัดราษฏร์บูรณะคุณาราม แห่งอ. โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หรือที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดีที่สุดในนาม”หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด”วัดช้างให้ผู้เลื่องหล้าไปทั่วแผ่นดินแผ่นฟ้านี้นั่นแล....

    “ไม่ธรรมดา”เลย ใช่ไหมครับ แต่ก่อนอื่น ผมคงต้องขอ”ออกตัว”และ”สารภาพบาป”เสียก่อนเลยว่า โดยสันดานพื้นฐานของผมนั้น แม้จะเป็นคนที่มีหลาย”มิติ” และหลาย”ตัวตน”อยู่ในคนๆเดียวกัน(หลากหลายสุดฤทธิ์)อย่างที่แม้ตัวเองก็ยังงงตัวเองไม่หายตราบเท่าถึงเวลานี้ก็ตาม แต่ที่แน่ๆอย่างหนึ่งก็คือค่อนข้างที่จะเป็นคนที่”หัวดื้อ หัวแข็ง”อย่างสุดแรง ไม่ยอมรับอะไรจนถึงใจง่ายๆ(ถ้าไม่ดีหรือไม่แน่จริง) เป็นนิสัย อะไรใครว่าดี ว่าแน่ ต้องขอให้ข้าพเจ้าไปพิสูจน์ตรวจดูเจาะลึกให้หนำใจเสียก่อนจนแน่ใจ แล้ว ก็ว่ากันอีกที..................

    และเมื่อประกอบกับการที่ตัวของผมมี”มาตรฐาน”(กฏเหล็ก)ในการตัดสินในอันที่จะเลือกสรรสิ่งต่างๆค่อนข้างที่จะ”เข้มงวด”และ”จริงจัง”อย่างยิ่ง การที่ผมจะยอมรับนับถือสิ่งใดโดยใจแท้ สิ่งนั้นๆจะต้อง”เลิศเลอเพอร์เฟ็กซ์”ครบถ้วนทุกประการ อย่างแท้จริงเท่านั้น

    โดยเฉพาะ หากเป็น”บุคคล”ด้วยแล้ว คนๆนั้น หรือ”ท่าน”ท่านนั้น นอกจากจะต้องงามทั้งกาย วาจา แล้ว จะต้องเป็นผู้มี ”ใจสูง” เป็นมาตรฐานเด็ดขาดอีกข้อหนึ่งด้วย เข้าใจคำว่า”ใจสูง”หรือไม่ล่ะขอรับ??? ด้วยเหตุนี้......จึงมีน้อยสิ่ง น้อยบุคคลนักที่จะสามารถ”หักด่าน”แห่ง”มอร์ดอร์”นี้เข้ามานั่งอยู่ที่กลางใจของผมได้เป็นธรรมดา เรื่องของเรื่องก็อยู่ที่”คุณสมบัติ”ของคนสัตว์หรือสิ่งของเหล่านั้นเองเป็นสำคัญอยู่เอง แต่มีเพียงหนึ่งที่สามารถยึดครองใจของผู้เขียนได้อย่างแน่นอนและเด็ดขาดที่สุดท่านหนึ่งในเวลานี้ ก็ไม่ใครที่จะยิ่งกว่า”พระพุทธเจ้า” แห่งบวรพระพุทธศาสนาไปได้เลย

    นับเป็น HERO อันดับหนึ่งในใจของผมอย่างที่ไม่มีใครจะเปรียบปานได้ด้วยอัจฉริยคุณาธิคุณทั้งปวงแต่นั่นเป็น”พระศาสดา”แห่งไตรโลก ซึ่งทรงเลิศคุณอย่างเหนือสามัญวิสัยให้เป็นแจ่มแจ้งประจักษ์ได้โดยไม่ยาก ส่วน”พระสาวก”นั้นเล่า ย่อมมิใช่ที่จะเป็นเรื่อง”ง่าย”เฉกเช่นเดียวกันเป็นแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้สมัยนี้ ซึ่งเป็นยุคที่”เงิน”มีอิทธิพลล้นฟ้า สามารถเสกเป่าให้”ทองเหลือง”กลายเป็น”ทองคำ” หรือปลุกปล้ำให้”สีดำ”กลายเป็น”สีขาว”ได้อย่างหน้าตาเฉย การที่จะเลือกหา”พระดี พระแท้”ตาม”พุทธทัศนะ”ไว้ยึดถือเป็น”สรณะ”ให้ชื่นอกชื่นใจจริงๆสักองค์หรือหลายๆองค์กลับเป็นเรื่องที่”ไม่ง่าย”เหมือนอย่างที่ใครๆจะคิด

    ด้วยเหตุฉะนี้ กว่าผมที่จะ”ถวายตัว”เป็นศิษย์ในท่านเจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์(หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร) สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ. เชียงใหม่(อัฐิแปรเป็นพระธาตุแก้วใสในชั่วเวลาแค่ค่ำคืนเดียว ซึ่งตามมติของหลวงตามหาบัว ก็ต้องว่า หลวงปู่ท่านต้องสำเร็จพระอรหัตตผลแน่แท้)อย่างเป็นทางการได้ ก็แทบจะต้องเปิดพระไตรปิฏกมา”ตรวจสอบ”คุณสมบัติแห่งความเป็นพระอริยสงฆ์แห่งท่านเกือบถึง”6”ปีเต็มๆด้วยกัน...อ่านไม่ผิดหรอกครับกระผม..... “6” ปีแน่นอนจริงๆ................... “บ้าดีเดือด”ดีไหมเอ่ย..........????.

    แม้จะเคยได้รู้มาแต่แรกว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานแห่งยุคท่านจะเคยพยากรณ์หลวงปู่สิมไว้แต่เมื่อครั้งยังเป็นสามเณรว่า”เป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อใดจะหอมกว่าหมู่” ผมก็ยังไม่ยอม”หยุด”แต่เพียงเท่านั้นอยู่ดี..... แต่ยังคงดื้อและด้าน บำเพ็ญตัวคล้ายกับ”อุตรมาณพ”ที่คอยตามเฝ้าดูพระพุทธองค์ ว่าจะ”เลิศ”จริงสมคำร่ำลือหรือไม่ก็มิปาน เห็น”ฤทธิ์หัวดื้อ”แบบสุดใจขาดดิ้นของผมแล้วหรือยัง?????
    ฉะนั้น การที่ผมจะยอมรับนับถือ “พระสาวก”องค์ใดๆเป็นกรณีพิเศษ ก็ย่อมเป็นการที่ยากไปโดยปริยายด้วยประการฉะนี้

    ไม่จำเป็นต้องพูดถึง”อดีตพระ”ที่ล่วงลับดับสังขารไปนานแล้ว ที่ผมไม่ทันได้เห็นองค์จริง และได้”ตามไปดู”ความดีแท้แน่จริงของท่านให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตา ว่าจะยิ่งนับถือได้ยากยิ่งไปกว่าธรรมดาสักปานใด..???

    ด้วยเหตุดังกล่าว ผมจึงต้องขอสารภาพบาปดังที่กล่าวมาเสียก่อนเลยว่า แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีที่มีคนนับถือกันทั่วบ้านก็ดี หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งเป็นที่เคารพในความศักดิ์สิทธิ์กันทั่วเมืองก็ตาม โดยส่วนตัวของผมนั้น”ไม่เคย”คิดที่จะนึกศรัทธาเลยสักนิด.
    ไม่เคยเลยจริงๆ................... ”สมเด็จโต เก่งมากนะคุณ.....”ใครคนหนึ่งว่า. อ้อ...เหรอ......เรื่องของท่านนะ....”ผมฟังพลางตอบรับอย่างไม่สนใจ หลวงปู่ทวดศักดิ์สิทธิ์มากนะเธอ..........”อีกคนเสริม

    ก็ดี...แต่ผมยังไม่เคยเจอกับหลวงปู่ทวดเลย เลยไม่รู้ว่าจะนับถือท่านอย่างไรดีนะครับ.....”ผมตอบแบบเรียบๆแต่”ซ่อนปลาย”เป็นเชิง”ไม่ยอม”แบบหน้าตาย
    เท่านี้ ก็ดู”ร้ายแรง”พอดูแล้ว แต่ผมยังมิหนำ นึกประมาทเสียอีกด้วยว่า

    “เออ...คนเรานี่ก็แปลกนะ พระเป็นๆ ห่มเหลืองกันอยู่โต้งๆแถมยังสนทนาธรรมกันได้ชัดๆ มีอยู่ถมเถกลับไม่ไปกราบไปไหว้ แต่นี่อะไรมานับถือกราบไหว้รูปหล่อรูปปั้นพระที่มรณภาพไปเป็นร้อยเป็นพันปีกันปลกๆอย่างนี้ พิลึกดีเนอะ..................” ก็เจ้า“พิลึกมนุษย์”คนนี้ ตอนที่ยัง”ไม่เดียงสา”คิดเพี้ยนๆแบบนั้นจริงๆ

    เรื่องของเรื่องแห่งความเป็น”เด็กบ้า”เมื่อครั้งกระนั้น ก็เลย”ร้อนอาสน์”ถึง”ปู่โต ปู่ทวด”ให้เดือดร้อนต้องมา”กำราบ”เด็กดื้อ”ที่มีชื่อว่า อีตาเนาว์ นรญาณคนนี้ด้วยองค์เองอยู่เป็นหลายกรรม หลายวาระให้รู้สำนึกด้วยองค์เองเลยทีเดียว นี่คือเรื่องจริงที่เหลือเชื่อ แต่ก็ขอได้โปรดเชื่อเถิดว่า นี่เป็นเรื่องจริงแท้ที่ผู้เขียนคนนี้ได้เคยประสพพบพานมาด้วยตัวเองจริงๆ บ่ได้”ขี้จุ๊เบ่เบ๋” และเปล่า”ขี่ฮกตาละลา”แต่ประการใดทั้งสิ้น

    แถมการ”พานพบประสพเจอ”นั้น เป็นการพบเห็น หรือสัมผัสได้ด้วย”กายเนื้อ”หรือ”ตาเนื้อ”ที่ยาววา หนาคืบ กว้างศอกทั้งดุ้นนี้แท้ๆอีกต่างหากด้วย “ท่าน”ไม่ได้มา”จัดการ”ด้วยกายทิพย์ใดๆทั้งสิ้น เพราะผมไม่มี”ตาใน”อะไรจะไปรู้ไปเห็นอะไรกับเขาได้หรอก ถึง”ท่าน”จะมาจริง ผมก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี ว่าไปว่ามา ก็เลยเดือดร้อนให้”ปู่”ทั้งสองท่านต้องเหนื่อยกว่าธรรมดา มา“ดัดสันดาน”เด็กหัวแข็งแถมยังตาแชแม้อีกต่างหากให้ได้เห็น ได้รู้สึกกันจะๆเต็มๆให้รู้ดีชั่วกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว

    รูปปั้นของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ที่อยู่บนศาลาชินบัญชร วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กทม ซึ่งช่างปั้นแบบ”ขรึมๆบึ้งๆ” กลับ”อมยิ้ม”เผล่ออกมาได้ ผมก็เคยเห็นกัน”จะๆคาตาๆ”ตอน”กลางวันแสกๆ”มาแล้ว........ไม่ได้”นั่งสมาธิ”เห็น หรือนอนหลับแล้ว”ฝัน”แต่ประการใดทั้งสิ้น “เห็น”กันด้วยตาตี่ๆแบบลูกครึ่งเกาหลีปนญี่ปุ่นบวกด้วยเซี่ยงไฮ้อย่างนี้นี่แหละ “ชัด”และ”นาน”ถึงขนาดที่มีเวลาสังเกตและจำได้ติดตาเลยว่า รอยยิ้มนั้น ไม่ใช่เป็นรอยยิ้มตามปกติธรรมดาๆแต่ประการใดก็ไม่ทั้งสิ้น แต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่”เย้า”และ”เยาะ”อย่างชัดแจ้งอีกด้วย.....

    “ไม่เชื่อดีนักเหรอ งั้นลองเจอของจริงสักหน่อยเป็นไรเล่าจ๊ะ???” สมเด็จพระพุฒาจารย์โตท่านอาจจะนึกอย่างนี้ ตอนที่”ทำฤทธิ์”ให้”ไอ้เด็กเวร”คนนี้ดูเมื่อตอนนั้น เอาไว้ได้โอกาสเหมาะ ผมจะขยายความโดยละเอียดเรื่องที่ผมมีประสพการณ์กับ”หลวงพ่อโต”ให้ฟังในภายหลัง อาจจะเขียนอีกตอนในชื่อ”สมเด็จพระพุฒาจารย์โต and me” ก็อาจเป็นไปได้

    รับรองว่า หลายๆคนเมื่อได้อ่านได้รับรู้แล้ว อาจจะต้องถึงกับตาค้างไปเลยก็ได้ ว่าเรื่องเหนือโลกแบบนี้ ยังจะเกิดได้มีได้อยู่อีกหรือนี่??? แต่ตอนนี้ จะขอว่ากันด้วยเรื่องของ”หลวงปู่ทวด and I”กันก่อนก็แล้วกัน เพราะ”ทีเด็ด”ที่”หลวงปู่ทวด”แสดงดัดนิสัยเด็กแสบรายนี้ ก็”สุดยอด”ไม่แพ้สมเด็จพระพุฒาจารย์โตแต่อย่างไรเลย

    เจอมาหลายดอกมาก หลายครั้งมากจนเป็นเหตุให้ผมได้มี”วัตถุดิบ”แท้ๆที่เจอะเจอมาด้วยตัวเองมาเขียนคอลัมน์”มงคล..พุทธคุณ”ตอนพิเศษมาเล่าให้ทุกๆท่านได้ฟัง(อ่าน)อย่างไม่คาดฝันด้วยประการฉะนี้ ขอย้ำอีกที ว่าทุกถ้อยคำต่อไปนี้ คือ”เรื่องจริง”ที่เคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนคนนี้มาแล้วจริงๆทั้งสิ้น ไม่มการ”เมคอัพ” หรือ”ครีเอท”ขึ้นแต่ประการใดโดยประการสิ้นเชิง นี่จึงเป็นเหตุให้ผมต้อง”คลายพยศ”และเลิก”ประมาท”พระดีมากบารมีที่แม้จะดับสังขารไปนานแล้วก็ตาม แต่ความศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่คู่โลกเป็นอันดีตราบเท่าถึงวินาทีนี้

    และเรื่องที่จะเล่า ก็ยังหวังให้เป็นเนติแบบที่ไม่ดีแก่เด็กรุ่นหลังว่า “นี่เป็นความสามารถ(หัวดื้อ)อันไม่เข้าท่าส่วนตัว “และ”โปรดอย่าลอกเลียนแบบ” เป็นเด็ดขาด เพราะอาจจะได้เจอสิ่งที่ไม่คาดฝันให้ตื่นเต้นตกใจไปเปล่าๆก็ได้ ขอบคุณมากครับผม เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ครั้งหนึ่ง ณ ซอกหลืบซอกหนึ่งในแถบแถวสนามพระท่าพระจันทร์ ได้เคยมี”สำนัก”เล็กๆที่”ผ่านญาณ”หลวงปู่ทวดอยู่สำนักหนึ่ง สำนักนี้เป็นที่”ป็อป”(popular)ในหมู่บรรดาผู้นับถือ และนักศึกษามหาวิทยาลัย”ทำ-สาด”เองและมหาวิทยาลัยอื่นๆอยู่ไม่น้อย(เรื่องจริงคับ ไม่ต้องเถียงเลย เห็นมากับตา ยินมากับหูเองทีเดียว) เนื่องด้วยความ”แม่น”และ”เห็นผล”มามากต่อมาก

    อาศัยที่ผมเคยตะรอนๆส่องพระอยู่ในสนามพระท่าพระจันทร์นี้มาก่อน และได้ยินคำร่ำลือดังกล่าวมานาน วันหนึ่งเกิดนึกอยาก”ลองดี”ดูสักครา เลยคิดในใจขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า “อย่ากระนั้นเลย..... อันตัวของเรานี้ก็ได้เคย”ดูพระ”มาก็มากต่อมากแล้ว วันนี้จำเราจะขอ”ดูเจ้า”สักครั้งหนึ่งเถิด จะได้เห็นดีร้ายกันให้แจ่มกันไปข้างเลยว่า อันว่าญาณของหลวงปู่ทวดนั้นท่านจะดีจริงสมดังคำร่ำลือหรือไม่................................”

    ครั้นว่าแล้ว ก็เลยย่องๆ”ขึ้น”ไปยังมุมหนึ่งของสนามพระ(อย่าให้บอกเลยว่าตรงไหน เพราะอธิบายไม่ถูก อีกอย่างสำนักนี้ก็ย้ายไปที่อื่นนานแล้ว) ยังสำนักดังกล่าวด้วยสภาพแบบ”เฮฟวี่”ๆเล็กๆ ชนิดที่แทบจะไม่เหลือสภาพของ”คนเข้าวัด”แต่สักเท่าไรเลย แล้วผมก็ได้รับการ”ประหมัด”แบบเบาะๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้”หน้าหงาย”ไปได้ไม่ยากเลยทีเดียวว่า “มาจากไน๊........มาได้ยังไง...หือ..???” “ก็เดินขึ้นมาจากข้างล่างนี่ไงครับ.....”ผมตอบแบบพาซื่อ แต่ออกจะยวนเล็กๆ

    “ไม้ใฉ่ๆ ...”ร่างที่ผ่านญาณหลวงปู่ทวดตอบปฏิเสธด้วยสำเนียงใต้ “ปู่ถามว่า เจ้ามาจากไน๊ ก็คือ ปู่เห็น”พระพุทธเจ้า”อยู่ในอกของเจ้า..... มีแสงสว่างไสวไปม๊ด แต่ปู่ก็เห็นมี”พระเยซู”ซ้อนอยู่ครึ่งองค์ด้วย ตาท่านเศร้าเหลือเกิน เศร้ามากแท้ๆ.....เจ้ามาจากไน๊.....” “โอ้...มายบุ้ดด้าห์”ผมรำพึงในใจอย่างไม่อาจห้าม
    เหตุที่ผมต้องว่าเช่นนี้ ก็เพราะหลวงปู่ทวดท่านรู้”ความลับ”ที่ได้ซ่อนไว้อย่างลึกที่สุดประการหนึ่งได้อย่างไรที่ว่า ตัวของผมนั้นจะได้เกิดในครอบครับพุทธและนับถือพระพุทธศาสนามาแต่ก่อนแต่ประการใดไม่

    เพราะโดยแท้จริงแล้ว ผมนั้นเกิดในครอบครัวที่นับถือศาสนา”อิสลาม”มาก่อน แถมยังเคยไปนับถือศาสนา”คริสต์”มาช่วงหนึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนมานับถือ”พระพุทธศาสนา”ในที่สุดด้วย.......... หากไม่บอก จะมีกี่คนที่จะรู้?แต่ที่แน่ๆ หลวงปู่ทวดท่าน”รู้”ได้ก็แล้วกัน ยอดจริงๆ แต่ที่เด็ดยิ่งไปกว่านั้นก็คือ “ถึงเจ้าจะ(แกล้ง)แต่งตัว(เฮฟวี่ๆ เพื่อชีวิตแบบสุดฤทธิ์) แบบนี้ แต่เจ้าก็เป็นคนใจบุญ ชอบเข้าวัดเข้าวานะ ปู่รู้หรอกน่า.....”ว่าแล้วหลวงปู่ท่านก็หัวเราะฮิฮิแบบชอบอกชอบใจพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มไว้ในใบหน้าอย่างรู้เท่าทัน แป่ววววววว............“งงเป็นไก่ตาแตก”เลยสิครับ งานนี้................. คิดจะไปลองดี ก็เลยเจอดีซะ สมดังที่ปรารถนา \สมน้ำหน้าตัวเองเสียจริงจริ๊ง..... นอกจากนี้ “หลวงปู่ทวด”ท่านยังได้”บ่น”ออกมาเล็กๆอีกด้วยว่า “ใจเจ้ามีแต่พระพุทธองค์เดียว.....ไม่มีหลวงปู่อยู่เลยนะ..............” แน่ะ....หลวงปู่ท่าน”รู้จริง”อีกด้วยนิ

    ถ้าเป็นคนอื่น เจอของแข็งเพียงเท่านี้ ก็คงจะมีอันต้องยอมศิโรราบแบบหมดใจไปนานสองนานแล้วเป็นแน่ แต่ขอโทษ..สำหรับ”เด็กเปรต”หัวแข็งอย่างผม ซึ่งมีคติประจำใจที่ออกจะอหังการไม่เบาว่า”วิเศษ ,ยิ่งใหญ่มาแต่ปางไหนไม่เกี่ยว.. จริงตามความเป็นจริงสถานเดียว” เรื่องฤทธิ์นิดๆหน่อยๆอะไรประมาณนี้ ยัง”สยบ”ผมไม่ได้หรอก ไม่ปฏิเสธว่า ผมอาจจะ”ยอมรับ”ในความ”เก่ง”ในระดับหนึ่งได้ แต่ถ้าจะ”มีใจ”ให้ด้วยจริงๆแล้ว..... เพียงแค่”บารมี”ที่มีจนล้นดิน หรือ”ฤทธิ์”ที่มีจนเทียมฟ้า (อู๋เจ๋อเทียน) ก็ยังหาได้เพียงพอไม่สำหรับข้าพเจ้าเป็นแน่ แต่จะต้องวัดกันที่”ใจ”ด้วย ว่า”สูง”และ”บริสุทธิ์”ดีจริงๆหรือไม่เป็นสำคัญอีกสถานหนึ่งด้วย.......... ทราบใช่ไหมครับ ว่า”ใจสูง”นั้น มี”คำแปล”และ”ความหมาย”ว่าอย่างไร?????????

    อีกครั้งที่ผมได้พา”ผู้ใหญ่”ที่นับถือกันท่านหนึ่ง ซึ่งติดหนี้ติดกับบริษัทค้าหุ้น มากกว่า 55,000,000 บาท(ห้าสิบห้าล้านบาท) และใกล้ที่จะถูกยึดทรัพย์จนหมดตัวอยู่รอมร่อแล้ว ไปขอคำชี้แนะจากหลวงปู่ทวด ซึ่งท่านก็ทำพิธีแก้ไขให้พร้อมกับสั่งกำชับมาด้วยว่า “ให้ไปทำสังฆทานอุทิศให้พระราหูด้วยนะ ไม่งั้นเอ็งไม่รอดแน่ๆ....” เมื่อได้ฟัง ผมก็ได้แต่กลุ้มใจ เพราะผู้ใหญ่ท่านนี้ก็ไม่ได้นับถือพุทธ แต่เป็นแขกนับถือศาสนาอิสลาม จะไปถวายสังฆทานได้ที่ไหนอย่างไรได้
    แต่ก็อย่างว่า คนเราเมื่อเข้าถึงตาจน ไม่มีทางไป ฟางเส้นหนึ่งลอยน้ำมาก็ค้องเกาะไว้ก่อนแหละ

    ท้ายที่สุด ผมก็พาถูลู่ถูกัง ให้”แขก”คนนั้น ไปก้มถวายสังฆทานกับมือหลวงพ่อแช่ม ฐานุสฺสโก พระอริยเมตตาแห่งดอนยายหอม จ. นครปฐม องค์ประเสริฐสุดที่ผมเคยเป็นศิษย์มาก่อนเมื่อครั้งกระนั้นจนได้ และแล้ว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ชนิดเหลือเชื่อแบบ”สุดๆๆๆๆๆ.......” ”หุ้น”ที่แขกคนนั้นติดหนี้กับบริษัทค้าหุ้นกว่าห้าสิบล้านบาท เกิดมีราคาดีขึ้นมาอย่างผิดปกติ(เป็นไปตามาวะของตลาดหุ้นที่บังเอิญดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงระยะหนึ่ง ประมาณปี 2537-2538 ซึ่งบรรดา”แมงเม่า”(อุ๊บ...) นักเล่นหุ้นทั้งหลายอาจที่จะยังพอจำกันได้กระมัง??) จนกระทั่งหนี้ที่ติดบริษัทกว่า” ห้าสิบล้านบาท”ทั้งหมดเคลียร์เหลือ ”ศูนย์” ไปเสียเฉยๆอย่างเหลือเชื่อที่สุด ก่อนที่จะ”ตกรูด”ชนิดกู่ไม่กลับอีกเลย ตราบเท่าถีงวินาทีนี้

    อัศจรรย์ดีไหมครับ??? บุญบารมีหลวงปู่ทวดคุ้มหัวไว้อย่างยิ่งโดยแท้ หาไม่แล้ว ป่านนี้จะต้องระเห็จไปนอนข้างถนนที่ไหน ก็สุดที่จะคาดเดาได้แล้วจริงๆ
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็”มองข้าม”หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอมไปไม่ได้เหมือนกัน เอาไว้ได้โอกาสเหมาะๆ ผมจะขยาย”ทีเด็ด”ของท่านให้ฟัง รับรองเช่นเดียวกันว่า “ไม่ธรรมดา”ไปเลยอย่างแน่นอน ผมสัญญา แต่.............สำหรับเรื่องเซิร์ฟๆเรื่องแรกนี้ หลายๆคนอาจนึกกินแหนงว่า เป็นเรื่องของการ”ทรงเจ้า” ไม่น่าเชื่อถือแต่ประการใดทั้งสิ้น(แม้ใจอยากจะเชื่อจนแทบจะลงไปดิ้นก็ตาม) ก็ดูเหมือนจะจริงนะครับ...................

    แต่ก็ขออย่าได้ลืมความจริงประการหนึ่งที่ว่า การที่หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดท่าน”ฟีเวอร์”อย่างสุดๆมาถีงบัดนี้ได้ โดยที่”กายเนื้อ”ท่านหามีไม่ ด้วยมรณภาพมากว่า 400 ปีแล้วนั้น ท่านเคยได้”ผ่านญาณ” และ”ทำฤทธิ์”ผ่าน”สื่อ”(MEDIA)อย่างไรมาแล้วบ้าง??? “กาย”กับ”ใจ” นั้นเป็นของคู่กัน มี”กาย” ไม่มี”ใจ” ก็ได้แต่นอนนิ่งเหมือนคนตาย มี”ใจ”แต่ “ กาย”ไม่มี ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องมือ แม้โดยลำพังด้วยใจและกายทิพย์แห่งท่านซึ่งเปี่ยมด้วยมหาบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อันมีอานุภาพมากล้นจะสามารถทำอะไรต่อมิอะไรได้มากมายก็ตาม แต่บางครั้งหรือหลายๆครั้ง การที่จะต้องมี”ปฏิสัมพันธ์”กับพุทธ

    ศาสนิกชนที่เป็นสามัญมนุษย์ ลำพังกายทิพย์อย่างเดียวอาจหาได้เพียงพอไม่ เรื่องของเรื่อง หลวงปู่ทวดท่านก็ต้อง”ยืม”กายเนื้อคนอื่น เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ”โปรดสัตว์” เป็นหลายครั้งหลายคราไปด้วยลักษณาการเช่นนี้ หากคิดให้ดีๆ ก็จะไม่เห็นเป็นการที่แปลกแต่ประการใดๆเลย เรื่องธรรมดา ธรรมชาติแท้ๆ ขอได้โปรดไตร่ตรองการทั้งปวงให้จงดีเถิด แต่อย่างไรเสีย การ”ป้องกันไว้ก่อน”ก็ย่อมเป็นการดีที่สุดอยู่นั่นเอง เพราะพวกชอบ”แอบอ้าง”นั้น ก็ยังคงมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่เช่นกัน

    แต่นี้ก็ถือเป็นประสพการณ์เบื้องต้น ที่ไม่ว่าการดังว่าจะเป็นจริงแท้แค่ไหนเพียงใดหรือไม่นั้น แต่ก็ทำให้ผมเริ่มที่จะสนใจศรัทธาในองค์หลวงปู่ทวดขึ้นมากับเขาบ้างแล้ว หลังจากที่ไม่เคยศรัทธาเลยแม้แต่น้อยเดียว และต่อไปนี้ คือประสพการณ์จริง ที่ผมได้เจอ”ของแข็ง”จากหลวงปู่ทวดอย่าง”เน้นๆเนื้อๆ” ชนิดไม่ต้องผ่าน”ร่าง”หรือ”สื่อ”อื่นใด ให้พิอักพิอ่วน ลังเลใจกันต่อไปอีกเลยเชียว....

    เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2538 ครั้งที่ผมยังเขียนอยู่ที่นิตยสาร”ศักดิ์สิทธิ์” ที่มีอดีตเจ้านายที่แสนดีคนเดียวของผมนาม”กมล เอกมโนชัย”เป็นผู้อำนวยการบริหาร ผมได้เคยไปช่วยนำพระเครื่องหลวงปู่ทวดรุ่นหนึ่งไปปลุกเสกที่วัดพะโค๊ะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นวัดเก่าที่หลวงปู่ทวดเคยมาสร้างไว้ และยังเป็นที่ประดิษฐาน”ลูกแก้ว”ประจำองค์ของท่านด้วย โดยนอกจากผมจะมีหน้าที่ช่วย”ยกพระ”และ”วงสายสิญจน์”แล้ว ผมก็ยังมีหน้าที่เป็น”ตากล้อง”อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
    อาศัยที่ฟีล์มมีให้ใช้กันเป็นกุรุสอย่างไม่ต้องกลัวหมด เมื่อมีเวลาว่าง ผมก็เลยสนุกกับการเก็บภาพสถานที่สำคัญต่างๆภายในวัดพะโค๊ะไปเรื่อยกันอย่างไม่ยั้ง
    แช๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...............................................ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

    แต่พอมาถึงบริเวณ”รอยพระบาท”ของหลวงปู่ทวดในวิหาร สิ่งที่ผิดธรรมดาก็เริ่มอุบัติขึ้นในทันใด “ฉึกก.......” เอาละซี....ชัก”เป็นเรื่อง”ขึ้นมาแล้วละซี.....
    ถูกแล้วครับ ไม่ใช่กดชัตเตอร์ไม่ลง กดลงตามปกติทุกอย่าง แต่ฟีล์มไม่วิ่งเอาเสียเฉยๆอย่างนั้นแหละ ตอนแรก ยังไม่คิดอะไรมาก เลยลองเล็งกล้องไปที่รอยพระบาทหลวงปู่ทวดอีกที แล้วกดซ้ำ “ฉึกกกก...........” เอาอีกแล้ว..... “เป็นไรวะ .....กล้องดีๆราคาตั้งหลายหมื่น เกิดเสียขึ้นมารึไงนี่??”ผมบ่นพึมพัมกับตัวเองอย่างแปลกใจ “ฉึกกกก..........” แน้..... “ฉึกกกก........” บ๊ะแล้ว................. “ฉึกกกก.........” อุเหม่....ดูดู๋ ช่างเป็นไปได้............

    ภายหลังจากที่”ฉึก”อยู่หลายฉึกด้วยกัน ก็ทำให้ผมเริ่มที่จะ”เอะใจ”อยู่ครามครัน เลยยกมือพร้อมกล้องราคาแพงขึ้นพนมมือไหว้ นึกอธิษฐานกับหลวงปู่ทวดโดยตรงทีเดียวว่า “หลวงปู่ครับ ขอให้ผมถ่ายรูปได้หน่อยเถิดนะครับ...”แล้วลองกดชัตเตอร์ซ้ำอีกที “แช๊ะ...........” คราวนี้ ทุกอย่างก็ OK สมดังที่ปรารถนา
    แปลกดีไหมครับ แต่เท่านี้ก็ยังไม่จบนะขอรับ เมื่อเก็บรูปรอยพระบาทหลวงปู่ทวดได้แล้ว ผมก็ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังเลยต่อไปเก็บรูปที่บ่อซักจีวรหลวงปู่ทวด ซี่งอยู่ใกล้กันอีก โดยที่ไม่ได้”ยกมือไหว้”ขอถ่ายอีก เพราะถือเอาเองว่า เมื่อตะกี้เราไหว้ขอแล้ว “ครั้งเดียว”ก็พอมั๊ง....... แต่การณ์กลับไม่ได้เป็นไปเหมือนอย่างที่คาดคิดเอาไว้เสียเลย เพราะเหตุการณ์ก็เข้าอีหรอบเดิมเหมือนเคย ฉึกกก...... ฉึกกก......... ฉึกก................ เอาอีกแล้ว...... เป็นเรื่องอีกแล้ว......
    ไวเท่าความคิด ผมก็เลยมีอันต้องยกมือขึ้นไหว้หลวงปู่ทวดอีกครั้ง เพื่อขอถ่ายรูปบ่อซักจีวรของท่านให้ได้ และสิ่งอัศจรรย์เกิดพลันบังเกิดอีกแล้วครับท่าน..“แช๊ะ..........” อะไรกันนี่......... ท่านผู้อ่านที่เคารพรักทั้งหลายครับ ต่อจากนั้น ไม่ว่าผมจะถ่ายรูปอะไรของหลวงปู่ทวดท่านบนวัดพะโค๊ะในวันนั้น หากครั้งใดที่ไม่ยกมือขึ้นวันทา”ขอ” เสียงเดิมๆที่จะต้องได้ยินทุกครั้ง ก็ไม่พ้นไปจากเสียงเก่าๆนั้นไปได้ “ฉึกกกก......” ถ้าจำไม่ผิด ในการถ่ายรูปในวันนั้น รูปที่ผมถ่ายแต่ฟีล์มไม่ลั่น จนเมื่อได้ยกมือไหว้ขอแล้วจึง”ถ่ายได้” มีไม่ต่ำกว่า “ 4”ครั้งด้วยกัน เหลือเชื่อจริงๆ.................

    ต่อมา เมื่อมีโอกาสได้พบกับท่านพระอาจารย์อมร อดีตเจ้าอาวาส ผมก็เลยรีบกราบเรียนเรื่องมหัศจรรย์ที่เพิ่งได้พานพบประสพมากับตนเองให้ท่านฟัง ซึ่งพระอาจารย์อมรก็เลยย้อนถามผมมาเลยทีเดียวว่า “นี่โยมเพิ่งเคยมาวัดพะโค๊ะนี้เป็นครั้งแรกใช่ไหม??” “ใช่แล้วขอรับ.....”ผมตอบรับแบบงงๆ “เออ....นั่นแหละ หลวงปู่ทวดท่านหยอกเล่นให้นะ.................”ท่านว่า “........................(แบบว่า อึ้งไปเลยครับ)...........................” โอ......นี่หลวงปู่ทวดท่านมา”เย้า”กับเราถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่..... เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายเป็นนักแล้วเลยจริงๆ

    ต่อมา เมื่อเสร็จพิธีที่วัดพะโค๊ะแล้ว ทางคณะก็ได้ไปต่อที่วัดช้างให้ อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี ปฐมตำนานความศักดิ์สิทธิ์ที่ลือเลี่องที่สุดแห่งองค์หลวงปู่ทวด ในตอนนั้น “เจ้าคุณสวัสดิ์”ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็ได้อนุญาตให้นำพระเข้าไปทำพิธีที่ศาลาพระนอนได้ ผมกับทีมงานก็ช่วยกันหอบพระเข้าไปตั้งพร้อมวงสายสิญจณ์จนสำเร็จเป็นอันดีในตอนเย็น ฟ้าเริ่มมืดแล้ว และทุกคนออกไปพักผ่อนอิริยาบทข้างนอกจนหมดแล้ว แต่ผมก็ยังนั่งอยู่ในวิหารพระนอนนั้นอยู่เพียงผู้เดียว เกิดนึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา เลย”สวดมนต์”ถวายหลวงปู่สักหน่อย
    “ชยาสนากตา พุทธา เชตวามารัง สวาหนัง
    จตุสัจจาสภัง รสัง เยปิวิงสุ นราสภา
    ตัณหังกราทโยพุทธา อัฏฐวีสตินายกา.........ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ

    ถูกแล้วครับ ผมสวด”ชินบัญชรคาถา” ถวายหลวงปู่ทวดอย่างที่ว่าจริงๆ เสร็จแล้ว จึงต่อด้วย”นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา” อันเป็นพระคาถาประจำองค์หลวงปู่ทวดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง... ตั้งใจสวดบูชาถวายเกียรติหลวงปู่ ตามควรที่มีวาสนาได้มาเยือนถึงถิ่นท่านแต่เพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ นอกจากรำพึงว่า เออหนอ...ที่วัดพะโค๊ะ เราก็เจอดีจากหลวงปู่ทวดมาแล้ว ก็แล้วที่วัดช้างให้นี้ จะเจออะไรเล่า..??? ไม่กล้าคาดหวังไปล่วงหน้าก่อนเลย... และทันใดนั้นเอง........เรื่องที่ไม่คาดคิดก็พลันบังเกิดขึ้นในบัดดล..... ”อ่อก..อ้อก..........”

    ”พี่ซาย”(ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะครับ) เด็กหนุ่มซึ่งเป็นหนึ่งในพนักงานที่ไปด้วยในคราวนั้น อยู่ดีๆก็เกิดลงไปชักตาตั้งอยู่กับพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนบรรดาคนที่ไปด้วยต่างพากันตกตะลึง บ้างก็ต้องรีบเข้าไปประคองปฐมพยาบาลกันวุ่นวาย ”คร่อกก...คร่อกกก....” ต่อมเมื่อได้”เปิดศาล”พิจารณาการทั้งปวงในบัดเดี๋ยวนั้น ถึงได้เข้าใจ เรื่องของเรื่อง ก็เกิดจากหนุ่มซายนายนี้ ตะแกเกิดปวด”ชิ้งฉ่อง” แล้วไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดี นายซายแกก็เลยเดินดุ่มๆไป”ยิงกระต่าย”ใส่แถวๆกับ”เขื่อน”ที่บรรจุอัฐิหลวงปู่ทวดที่หน้าวัดช้างให้เข้าสิครับ........

    งานนี้ ก็”เป็นเรื่อง...”สิเจ้า ”ตอนผมฉี่อยู่นั้น....”หนุ่มซายเล่าหลังจากฟื้นขึ้นมา” ผม ก็เห็นเงาดำๆอะไรพุ่งเข้ามาที่ผม ผมก็เลยวูบ หมดสติไปเลยครับ....” ”เงาดำ”???? จะเป็น”อะไร”อื่นใดไปได้อีกเล่า....??????? และหลังจากที่หายตื่นเต้นจากเรื่องนี้แล้ว ในตอนประมาณ 2 ทุ่มเศษ ท่านเจ้าคุณสวัสดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดช้างให้ องค์ก่อนท่านก็เดินมาทำพิธีอธิษฐานจิตให้

    แต่ที่ผิดสังเกตก็คือ ท่านเจ้าคุณสวัสดิ์ไม่ยอมนั่งบนอาสนะที่ทางเราจัดเตรียมถวาย คงหยิบเอาแต่”ผ้ารองนั่ง”ไปปูกับพื้นแล้วนั่งลงบริกรรมอยู่ข้างๆอาสนะที่ว่างเปล่านั้นเอง ผมเห็นดังนั้น ก็ได้แต่กระซิบกับคนที่ไปด้วยบางคนว่า ”สงสัย หลวงพ่อท่านจะเว้นที่ไว้ให้หลวงปู่ทวดมานั่งด้วยกระมัง....” และแล้ว สิ่งที่คาดคิดไว้ ก็ปรากฏเป็น”เรื่องจริง”ขึ้นมาอย่างเกินความคาดหมายอีกครั้งจนได้ ในบรรดารูปถ่ายหลายสิบใบที่ได้มีการเก็บภาพตอนที่หลวงพ่อเจ้าคุณสวัสดิ์นั่งปรก ที่ทีมงานนำมาเลือกเพื่อที่จะคัดลงตีพิมพ์นั้น พลันผมก็ได้สังเกตเห็น”ความผิดปกติ”ในรูปๆหนึ่งที่ทุกๆคนมองผ่านหรือไม่ทันเห็นได้โดยทันใด เหมือนหนึ่งหลวงปู่ทวดท่านจะดลใจ ก็มิปาน.....

    ก็ที่”อาสนะ”ที่ท่านเจ้าคุณสวัสดิ์ ไม่ยอมขึ้นไปนั่งนั่นเอง ปรากฏมี”เงาดำ”เหมือนกลุ่มควันไฟจางๆ ลอยคว้างทาทาบอยู่ให้เห็นอย่างถนัดถนี่.......... ”เงาดำ”อีกแล้ว....... ในพิธีเช่นนั้น สถานที่เช่นนั้น และกาลเวลาเช่นนั้น....... “เงาดำ”อย่างนั้น จะเป็นอื่นใดไปได้อีกเล่า นอกจากดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น????

    ช่างน่าขนลุก ขนพอง สยองเกล้าแท้ๆ เหลือเชื่อจริงๆ และผมเอง ก็ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่า จะต้องมาเจอะเจออะไรประมาณนี้เลยจริงๆเช่นกัน ชะรอยว่า ก็บรรดาพวกที่”ไม่เชื่อ”อะไรแบบนี้นี่แหละ ที่มักจะ”โดนดี”มากกว่าคนทั่วไปเป็นหลายเท่าตัวหรอกกระมัง...???? จากนั้น ก็ถึงคิวการเอาไปเข้าพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกพิธีใหญ่ที่สุสานไตรลักษณ์ จ. ลำปาง โดยหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก ผู้เรืองนามยิ่งองค์นั้นนั่นเอง

    ในช่วงเวลานั้น ทางลูกศิษย์ลูกหาได้สร้างพระให้ท่านปลุกเสกอย่างถี่ยิบ อีกทั้งยังใจกว้างให้บรรดา”นักสร้างพระ”หรือ”นักทำพระ”(เหอๆๆ...)นำเอาวัตถุมงคลมาโยงสายสิญจณ์ร่วมพิธีกันได้ตามอัธยาสัยอีกต่างหากด้วย ซึ่งก็มีการนำพระเครื่องมาร่วมแจมพิธีกันอย่างอุตลุดไปหมดตั้งแต่กระเป๋าใบน้อยเล็กๆ เรื่อยไปจนกระทั่งเป็น”ลำรถ” ซึ่งก็มีเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่หนึ่งคันรถเก๋ง รถกระบะ ฯลฯ จนกระทั่งรถสิบล้อ ที่มีพระนับแสนนับล้านองค์(สงสัยเอาไว้แจกฟรี) บรรทุกอยู่ภายในโยงสายสิญจณ์กันเป็นกิโลๆ ดูแล้วช่างน่าตื่นตาตื่นใจดีมาก ซึ่งทุกวันนี้ ไม่อาจที่จะหาดูอะไรได้แบบนี้อีกแล้ว

    แม้พระของ”ศักดิ์สิทธิ์”ดังกล่าว ก็พาไปร่วมพิธีถึง 1 คันรถกุดัง( 6 ล้อ) เก่าๆ บุโรทั่งแบบโบราณร้อนๆ (ไม่มีแอร์)โดยมีผม ซึ่งได้รับเกียรติยศอันยิ่งใหญ่มหึมามอบหมายให้กลายสภาพจาก”คอลัมนิสต์”กลายมาเป็น”นายตรวจ”คุมพระจำนวนเกือบ 200,000 องค์ไปเข้าพิธี โดยนั่งเบียดไปกับ โชเฟอร์และเด็กรถ2-3 คน ไปจนถึงลำปางแบบทุกลักทุเลพอเรื่อง..... แต่เรื่องของเรื่อง ก็พลันได้”เป็นเรื่อง”ตอน”ขากลับ”นั่นสิครับ

    ภายหลังจากนำพระไปโยงรับกระแสจิตจากตนบุญแห่งเขลางค์นครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลากลับได้ในตอนหัวค่ำ ซึ่งเมื่อทุกอย่างผ่านตลอดอย่างราบรื่น โดยทุกคนก็เริ่ม”รีแลกซ์” ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการพูดจากระเซ้าเย้าแหย่แก้ง่วงกันมาเกือบตลอดทาง ซึ่งเป็นธรรมดาของ”ชายหนุ่ม” วัยกำลัง”ตกมัน” ในไม่ช้า เรื่องที่”เม้าท์”กันแบบมันส์หยดติ๋งๆ ก็ไม่พ้นไปจากเรื่อง”พรรค์อย่างว่า” ไปได้สิน่า..............

    แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังเอนจอยปากอย่างเมามันในอารมณ์ ด้วยถือคติ”ลามกวันละนิด จิตแจ่มใส”อยู่นั้น ตัวของผมเอง(ซึ่งโสดสนิทและยังบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอยู่มากๆในตอนนั้น)ก็ได้แต่นั่งหน้าแดง หุบปากเงียบสนิทอย่างขวยเขินเต็มที ในขณะเดียวกันก็นึก”หล่าเม่”ไอ้บรรดาโชเฟอร์และเด็กรถทั้งหมดเสียด้วยว่า “ไอ้พวกอิ๊บอ๋าย...”ผมนึกอำนวยพรมันในใจ “ช่างกระไรเลย..ดูซิ มีพระมีเจ้ามาด้วยตั้งเป็นแสนๆองค์อยู่ข้างหลัง แต่กลับไม่มีสังวรปากเสียบ้างเล๊ย....... “

    พูดจาเรทอาร์ เรทเอ็กซ์เสียลั่นรถ จะให้หลวงปู่ท่านมาหูแฉะฟังด้วยรึไง(ฟะ)??? ให้ตายสิ โรบิ้น..... ไม่เกรงใจเราก็ไม่เป็นไร แต่ให้เกรงใจพระท่านหน่อยก็ยังดี....... และมิไย ผมจะได้ออกปากเตือนบรรดาน้องๆพี่ๆที่นั่งไปด้วยกันให้สงบปากสงบคำลงเสียบ้าง แต่ก็ไม่มีใครฟังหรือยุดยั้ง แต่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาละเลงลิ้นกันอย่างไม่ขาดปาก จนผมอดคิดไม่ได้ว่า

    ”เออ..เออ.....ไอ้พวกนี้ ว่าไม่รู้จักนอน สอนไม่รู้จักฟัง ประเดี๋ยวเถอะ ฟ้าดินหลวงปู่หลวงพ่อท่านลงโทษให้เมื่อไร คงจะได้เห็นดีเป็นแน่............” และจากนั้นไม่นาน เหตุที่เปรียบเสมือน”พระเจ้าลงโทษ”ก็พลันอุบัติขึ้นอย่างไม่คาดฝันในทันใดจนได้.......... เมื่อรถบรรทุก 6 ล้อวิ่งมาถึงแถวๆจังหวัดอยุธยา ประมาณตี 3 กว่าๆ อากาศกำลังเย็นสบายๆ ผมเกิดรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำอย่างกระทันหัน ประกอบกับเวลานั้น มาตรความร้อนของรถเกิดพุ่งขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมก็เลยบอกให้โชเฟอร์จอดแวะปั๊มให้ที โชเฟอร์ก็จอดให้ริมถนนใหญ่ข้างนอกโดยไม่เข้าไปจอดในปั๊ม (ไม่รู้ทำไม) ปล่อยให้ผมปุเลงๆไปแต่เพียงลำพัง ส่วนโชเฟอร์และเด็กรถนั้น ก็ช่วยกันพลิกเบาะขึ้นเพื่อตรวจดูหม้อน้ำ เพื่อหาสาเหตุว่า ความร้อนนั้นมันสูงขึ้นได้อย่างไร..... และในทันใดนั้นเอง............
    ”ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.............” ”โอ๊ยยยยยยย.............” ”อ๊ากกกกซ์ซ์ซ์ซ์............” ”ร้อนนนนนนนนน........................” ”โอ๊กกกก.....ร้อน....ร้อนเหลือเกิน.........ทนไม่ไหวแล้ว.........................” ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ พร้อมกันนั้น ก็มีเสียง.ขลุกขลักๆๆๆอยู่ภายใน ดังได้ยินไปทั่ว เป็นเสียงดิ้นรน”หนีตาย”ของคนนั่นแหละขอรับ

    ไม่ผิดแล้ว ขณะที่ผมไป”บริจาคน้ำ”ออกจากร่างกายอยู่นั่นเอง โชเฟอร์และเด็กรถต่างช่วยกันพลิกเบาะ เปิดดูหม้อน้ำเพื่อหาสาเหตุของความร้อนปริศนาให้ได้ ว่าจากจากไหน....โดยที่ปราศจากวี่แวว ใครคนหนึ่งเอื้อมมือไปหมุนเปิดฝาหม้อน้ำเข้า “ไอน้ำเดือด” ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส(นึ่ง”ไข่”หรือ”คน”สุกสบายๆ)ที่อัดแน่นด้วยกำลังแรงดันอย่างมหาศาลก็พุ่งพรวดออกมา”ลวก”ทุกคนที่อยู่ในหัวรถบรรทุกคันนั้นอย่างไม่มีติดเบรกในทันใดนั่นเอง

    ฟู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.................โอ๊ยยยยย.........อ๊ากกกซ์ซ์ซ์............ทนไม่ไหวแล้ว........ทนไม่ไหวแล้ว.............ก็ใครที่เคยทำกับข้าว หรือเคยหุงข้าว แล้วเคยมีอันต้องเอามือไปโดนไอน้ำเดือดตอนทำหรือปรุง ก็น่าที่จะรู้ดีแก่ใจว่า อันไอน้ำร้อนๆนั้น มันขนาดไหน...??? แต่นั่น...ก็แค่”แผ่วๆ”ผ่าน” มือชั่วประเดี๋ยวประด๋าวไม่กี่วินาทีเท่านั้น

    แต่กรณีนี้ เป็นกรณีที่”ถูกล็อก”ในตัวรถคับแคบอย่างมากๆ แถมยังเป็นไอน้ำที่ร้อนกว่าธรรมดาปริมาณมหาศาลกว่าปกติที่”พุ่งพรวด”ออกใส่แบบไม่เลี้ยงอย่างจะๆอีกต่างหาก จะ”สาหัสสากรรจ์”สักปานไหน ใครที่หม้อน้ำรถร้อนฟู่ๆมาแล้ว น่าที่จะอนุมานนึกภาพออกให้ขนลุกขนพองได้โดยไม่ยากเลยทีเดียว เพราะนี่ เป็นการ”นึ่ง”หรือ”ลวก”สุกทั้งตัวก็ว่าได้ ไม่ผิดคำ

    เปรียบไป รถหกล้อบรรทุกพระของ”ศักดิ์สิทธิ์”ในเวลานั้น ก็ไม่ต่างไปจาก”หม้อนรก”บนดินที่คอยต้มสัตว์ผู้ทำบาปไว้ให้สาสมแก่โทษทัณฑ์แต่อย่างไรเลย
    ”วจีกรรม” นี่ ใครว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆกระนั้นหรือ...??? เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ ก็ใคร่อยากที่จะ”สอนหนังสือสังฆราช”สักเล็กน้อยว่า สำหรับท่านที่นิยมพูดคำหยาบ หรือคำไม่สุภาพ ประเภทคำหนึ่งก็”จระเข้น้อย” .... อีกคำหนึ่งก็ BUFFALO NO “สระอา” .... และอีกหลายๆคำ ก็มักยกคุณบิดามารดาผู้อื่นมาสรรเสริญอยู่เป็นนิตย์ ก็ขอให้จงระวังตัวให้ดีๆ

    เพราะนั่น ย่อมเป็นการทำ”จิต”ของตัวเอง ให้เสพคุ้นกับเรื่อง”หยาบ”และ”ต่ำ”ไปโดยไม่รู้สึกตัว อย่าลืมนะครับ ว่า”จิต”นี่แหละ เป็นตัวบันทึก”กรรม”ทุกชนิดที่เราทำทั้งกาย วาจาและใจไว้อย่างครบถ้วนทุกประการ อันจะมีผลต่อการสร้างภพ สร้างชาติ และสร้างรูปกายของเราให้ดีชั่วหยาบละเอียดต่อไปในภายหน้า หากจิตดีใจดีและมีกรรมที่ดี เกิดภพหน้า ก็จะได้อยู่ได้เป็นได้รับแต่สิ่งที่ดี ที่สูงทั้งสิ้น ในมุมกลับกัน จิตที่ต่ำ ใจที่หยาบ พร้อมด้วยกรรมไม่ดี ก็ย่อมจะนำไปสู่ภพภูมิหรือสถานที่ต่ำ ที่ชั่ว ที่ร้ายตามควรแก่สภาพจิตนั้นๆทุกประการ

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ พระพุทธองค์ก็ได้ทรงตรัสไว้แต่แรกแล้วว่า ”มโนปุพพังคมธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา “ ซึ่งก็แปลความได้ว่า ”ธรรมทั้งหลาย มีจิตเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยใจ”นั่นแล หรือแม้ทางวิทยาศาตร์ ก็ได้มีการรับรองไว้แล้วว่า “ธาตุที่มีคุณสมบัติอย่างเดียวกัน ย่อมดึงดูดเข้าหากัน” เป็นธรรมดา และแน่นอน แม้”มโนธาตุ”คือ”ใจ”ของแต่ละคนก็ไม่แตกต่างกันแต่อย่างไรเลย จิต”ดี” ย่อมถูกดึงดูด(หรือนำ)ไปสู่ที่”ดี” จิต”ชั่ว” ย่อมถูกดึงดูด(หรือนำ)ไปสู่ที่”ชั่ว”

    หลักธรรมชาติ ธรรมดาแท้ๆ ”ตัวเอง”เป็น”ผู้พิพากษา” และขีด”เส้นทางชีวิต”ตนเองอย่างแท้ทีเดียว ที่ว่ามาดังนี้ ก็หวังจะให้ทุกๆท่านได้พึงระวังตัว และเร่งสังวรตนให้อยู่ในกรอบที่เหมาะที่ควรเสียโดยพลัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อความสวัสดีของตัวของทุกๆท่านเองเป็นสาระหลักทั้งสิ้น มิใช่ใครคนอี่นแต่ประการไรๆเลย เรื่องแบบนี้ หลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกใจตัวเองไม่ได้แน่นอนที่สุด ผมเตือนคุณแล้วนะครับ

    และเมื่อผมกลับจากห้องน้ำมาอย่างเย็นตัว เย็นใจ มาที่รถเข้าก็แทบถึงกับตกตะลึงพรึงเพริดไป เมื่อได้มาเห็นสภาพ”นรกบนดิน”ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปอย่างสดๆร้อนๆ บางคนถึงกับลงไปนอนเกลือกฝุ่นอยู่กับพื้นถนน บางคนหายใจหอบฮักปานประหนึ่งจะขาดใจตายเสียให้ได้ ภายหลังจากดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอดจากไอน้ำเดือดมรณะจนแทบจะต้องทุบกระจกหนีออกมาจากรถ ซึ่งกว่าที่จะหนีออกมาได้ ก็แทบเจียนไปเจียนอยู่เลยทีเดียว..... และแน่นอน สภาพของแต่ละคนนั้น ไม่ต้องบอกก็คงรู้ได้ ”ดูไม่จืด”จริงๆ

    และภายหลังต่อเมื่อทุกคนค่อยมีอาการดีขึ้นแล้ว ผมจึงได้ทราบความจริงดังกล่าวข้างต้นจากทุกๆคนที่เพิ่งจะรอดพ้นจากการเป็น”คนนึ่ง”มาสดๆ พร้อมกับให้แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่า ทำไม ....ไม่มีใครสังเกตหรือได้ยินเชียวหรือว่า หม้อน้ำรถร้อนขนาดไหน...??? อย่างน้อยที่สุด ก็ต้องมีไอน้ำพุ่งหรือเสียงฟี๊ๆออกมาเล็กๆให้ได้รู้กันบ้างแล้ว อุตริไปเปิดฝาหม้อน้ำกันได้อย่างไร...... ใครๆที่หม้อน้ำรถเดือดปุดๆ ต่างก็กลัว และหนีออกห่างด้วยกันทั้งนั้น ขนาดจะเอาผ้าชุบน้ำไปเปิด ยังไม่ค่อยจะกล้ากันเลย แต่นี่ กลับเปิดเอาเสียเฉยๆเลยอย่างนั้นนั่นแหละ ก็”เรียบร้อย”สิครับ.......

    หรือว่า “หลวงปู่”ท่านจะ”ลงทัณฑ์”พวกปากเสีย ที่บังอาจพูดจาไม่ระวังปากให้ท่านฟังกันหรือไรเล่า??? และหนึ่งในคนรถทั้งหมด ก็รำพึงกับผมว่า ”คุณเนาว์นี่..มากับพระจริงๆ....ถึงได้แคล้วคลาดขนาดนี้ พวกผมนี่ แทบตายเลยทีเดียวนะครับ...” เฉียดฉิวเป็น”คนลวก”แบบเส้นยาแดงผ่ายี่สิบแปดอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด เมื่อได้ฟัง ผมก็ได้แต่นึกในใจ(แต่ไม่กล้าพูด)แต่เพียงว่า ”เฮ่ย....ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหรอก เพียงแต่รู้การควรไม่ควรแต่เพียงเท่านั้นนะ ไอ้น้อง.....” และนี่ ก็เป็นประสพการณ์อีกครั้งหนึ่ง ที่ผมได้มีกับองค์ของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดมาโดยตรง

    เหมือนเป็นเรื่องแต่ง หรือเรื่องโกหก แต่ทั้งหมด ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ทำให้ผมยิ่งบังเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในองค์ท่านเป็นจตุรทวีตรีคูณมากกว่าเดิมที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อนอย่างไม่อาจเปรียบเทียบได้ และความเป็นจริง เกร็ดย่อยเรื่องของอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ที่ผมได้เคยพานพบมานอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีอยู่อีกนะขอรับ แต่หากจะเล่าไปทั้งหมด ก็ออกจะยาวยืดเกินไป เอาไว้ได้จังหวะเหมาะๆอีกเมื่อไร จะขยายให้ฟัง(อ่าน)กันอีกหลายๆครั้งก็ได้ครับผม!!!!

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">


    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">


    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 เมษายน 2012
  12. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    แวะมากราบหลวงปู่ทวดครับ
    กราบ กราบ กราบ

    และสวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้าๆ อาๆ ทุกท่าน ได้ที่ยวไหนกันมาบ้างครับ
     
  13. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
  14. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,205
    สวัสดียามเย็น อาจารย์จงอาง อาจารย์ช้าง น้องmatana2008 น้องรักษ์สยาม
    คุณเอมี่ และทุกท่านค่ะ...
     
  15. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขอบคุณ คุณนวลที่นำข้อมูล มาเพิ่มศรัทธา

    ในองค์สมเด็จหลวงพ่อทวด ยิ่งๆ ขึ้น ขอรับ

    ฝากรูปที่เขาอ้าง จำนวน สองแสนกว่าองค์ ซึ่งเป็นสุดยอดเนื้อมวลสาร และการปลุกเสก

    ส่วนใหญ่จะมีเม็ดพระธาตุ ขึ้นเต็มองค์พระ มากบ้างน้อยบ้าง สังเกตุที่องค์พระ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pk999.JPG
      pk999.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166.6 KB
      เปิดดู:
      661
    • pk888.JPG
      pk888.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170.3 KB
      เปิดดู:
      610
    • 2somdet.jpg
      2somdet.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.7 KB
      เปิดดู:
      639
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  16. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • kk111.jpg
      kk111.jpg
      ขนาดไฟล์:
      213.3 KB
      เปิดดู:
      564
    • kk22.jpg
      kk22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      234.3 KB
      เปิดดู:
      559
  17. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820


    สุดยอดเสมอครับ อ จงอาง ที่1ไม่มีใครเทียบ..:cool:


    ...

    และสวัสดีทุกคน^^
     
  18. คนกันเอง

    คนกันเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    7,441
    ค่าพลัง:
    +8,977

    ขอบคุณครับพี่นวล บารมีหลวงปู่ทวด สุดประมาณ:cool:
     
  19. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,820
     
  20. ธุลี-ดิน

    ธุลี-ดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2012
    โพสต์:
    12,650
    ค่าพลัง:
    +12,202
    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...