จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

สำหรับกระทู้นี้มีไว้เพื่อ หรือวัตถุประสงค์...
เพื่อช่วยยกจิต
เพื่อให้กำลังใจกัน
โดยเฉพาะคนที่จิตตก จิตล่วง จิตอ่อนแอ
แต่สำหรับผู้ที่จิตเข้มแข็งดี จิตแยกแยะความผิด-ถูก หรือดี-ชั่วได้เองแล้ว
อันนี้ดีมาก เราดีใจด้วย

แต่เป็นห่วงสำหรับคนที่ไม่เคยฝึกจิต หรือเคยฝึกจิตแล้ว แต่ยังไม่ไปถึงไหน
เพราะขาดความเพียร ขาดความตั้งใจ
เพราะความขี้เกลียด กิเลสหนานั้น มักจะแพ้ความตั้งใจ แพ้ความเพียร
เพราะความสำเร็จนั้น มักจะมาทีหลัง อุปสรรค์และปัญหาเสมอ

ขอให้พวกเราอดทน ในการทำความดี คือการสร้างความรู้สึกตัวทั่วพร้อมให้มาก
หรือมีสติกันให้มากก่อน
เพราะเมื่อสติมา ปัญญาก็เกิด

 

ระหว่างคน 2 แบบ

คนรวยกับคนจน คนส่วนใหญ่ชอบเป็นคนแบบไหน ตอบเหมือนกันหมด

คนดีกับคนไม่ดี(คนเลว) คนส่วนใหญ่ชอบเป็นคนแบบไหน ตอบเหมือนกันหมด

ปุถุชนกับอริยบุคคล คนส่วนใหญ่ชอบเป็นคนแบบไหน ตอบเหมือนกันหมด

ทำไม?
ในเมื่อเราชอบเป็นคนรวย ชอบเป็นคนดี ชอบเป็นอริยบุคคล(เช่น จิตพระอรหันต์)
แล้วพวกเราถึงไม่พยายามเป็นกันเล่า ไม่ศึกษาเล่าเรียนเอาเองกันหล่ะ!
ไปหลงชมพวกที่เราอยากจะเป็นกันทำไม?
เพราะในเมื่อเราก็เป็นกันได้ทุกคน

 

กล้าๆหน่อยแล้วจะรุ่ง

ที่บอกว่าให้กล้าๆหน่อยนี่ หมายถึง กล้าทำความดี มากกว่าทำไม่ดี(ทำชั่ว)
คนเรานี่แปลก แต่จริง
เวลาบอกให้ทำดีกัน ก็มักไม่ค่อยจะทำ แต่กลับไปทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับดี

เช่น พระพุทธเจ้าท่านทรงสั่งสอนให้พวกเราให้อยู่อย่างปกติ(ศีลคือ ปกติ)
เช่น ให้รักษาศีล ให้ทำภาวนากัน ก็มักไม่ทำกัน
แต่เวลามีความทุกข์วิ่งมาชนกันตรงหน้าจ๊ะๆ
แล้วท่านที่รับทุกข์ เป็นทุกข์กันนั้น มาร้องไห้ระงม จะไปร้องทำไม?
ใครเขาทำให้หรอ? ทำตนเองทั้งนั้น
ยามปกติ คือตอนมีความสุขกันดีๆอยู่ แต่ไม่ค่อยจะทำกัน

ขอโทษด้วยนะ สำหรับไปล่วงเกินจิตบางท่าน
ด่า ว่า หรือตำหนิผมได้นะ เพราะผมถือว่าคนที่ด่า ว่า ตำหนิผมนั้น ผมถือว่าเป็นครู อาจารย์ทางจิตของผมอย่าดี ดูสิว่า นายมานะ นายอัตตา นายกิเลส จิตผมจะยังไปยึด ไปเกี่ยวข้องกับมันไหม๊?

 

พวกเราอย่าไปใจดีกับกิเลสของตนเองนะ
เพราะว่า วันดี คืนดี เห็นมันนอนนิ่ง ฝังลึกอยู่กับจิตตนเองมานับชาติกันไม่ถ้วนแล้ว มันรู้สึกว่ากิเลสคล้ายๆ หรือว่ากลายเป็นญาติพี่น้องของเราไปแล้ว

และจงอย่าลืมกันนะว่า ตัวกิเลสทั้งหลาย ทั้งปวงกันนี่แหล่ะ! เป็นตัวการ เป็นตัวหลักที่ทำให้เราเป็นทุกข์ คือทุกข์กาย ทุกข์ใจกัน โดยที่เราก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป

ว่าแต่ว่า พวกเราพอจะมองเห็นกิเลสตนเองชัดเจนกันไหม๊?
ไหนลองยกมือขึ้นดิ สำหรับผู้ที่มองไม่เห็นกิเลสตนเอง ส่วนกิเลสตนอื่นไม่ต้องไปพูดถึงกันตอนนี้ เอาแค่กิเลสตนเองก่อน
หรือมองเห็น แต่ไม่รู้จะไปทำ หรือจะจัดการกิเลสตนเองอย่างไร
ไหนๆ ลองยกมือให้ดูกันชัดๆอีกทีนึงสิ!
หนึ่ง..สอง..สาม..สี่...
โห๊ะ! เยอะเหมือนกันนะเนี๊ย!
บอกไปแล้วไง กิเลสน่ะ มองดูก็ยังยาก เห็นยากเลย แล้วไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องเราจะไปตัด ไปดับ หรือไปฆ่ากิเลสของตนเลย

เอาอย่างนี้สำหรับคนที่ยังมองไม่เห็นกิเลสของตนเอง
เพราะกิเลสเป็นนาม เรามองด้วยตาเปล่าคงจะมองไม่เห็นกันแน่ๆ
เอาอย่างนี้นะพวกเรา
เราจะต้องใช้เครื่องมือชนิดพิเศษ นั่นก็คือ สติ
เรามาสร้างสติกันให้มากๆ เยอะๆกันนะ เดี๋ยวก็มองเห็นเอง
อยู่ดีสติมาเองได้ไหม๊? ไม่ได้
เราจะต้องกำหนดรู้ทำให้เกิดความรู้สึกตัวอยู่บ่อยๆ
หรือนักภาวนา นักเดินจงกรม พวกนี้เขาจะมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม(สติสัมปชัญญะ)
พวกนี้เก่งมาก เพราะพวกเขาพยายามฝึกสติ หรือฝึกจิตให้ได้กันทุกอิริยาบถ อันนี้ดี
ของเราคนธรรมดาเอาแค่ให้มีสติเกิดขึ้นบ่อยๆก็ดีถมเถแล้ว

ไปๆมาๆคงจะหนีไม่พ้น ทำจิตเกาะพระดีกว่า ง่ายกว่า สติเกิดไว สมาธิเกิดไว จิตนิ่งสงบไวดี
พอจิตเริ่มนิ่งดีได้ที่กันแล้ว
ต่อไปเราก็จะพอมองเห็นจิตของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
และโดยเฉพาะการมองเห็นกิเลสของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

พอจะเข้าใจกันบ้างแล้วนะ สำหรับผู้ยังมองไม่เห็นกิเลสของตน
ต่อไปแล้วเราจะกำจัด ดับ หรือฆ่ากิเลสให้สิ้นซาก ออกให้หมดไปจากจิตใจของเรากันได้อย่างไร

คราวนี้เข้าเรื่องเลย
ลืมกันไปหรือยัง ผมเคยบอกไปแล้วว่า
ขบวนการชำระล้างจิต ดวงจิตของคนนั้นมีอะไรบ้าง

1.สติ หรือว่าศีล เป็นการชำระล้างจิต ดวงจิตของเรา ในเบื้องต้น
(สติมา กิเลสหลบ หมอบ หรือระงับกิเลสหยาบได้แค่ชั่วคราว เท่านั้น เพราะกิเลสจะแพ้ทางสติ)
2.สมาธิ หรือว่าฌาน เป็นการชำระล้างจิต ดวงจิตของเรา ในเบื้องกลาง
(สมาธิ หรือฌาน จะระงับกิเลสหยาบและกลาง ได้แค่ชั่วคราว เท่านั้น)
3.ปัญญา หรือว่าวิปัสสนา เป็นการชำระล้างจิต ดวงจิตของเรา ในเบื้องสูง
(ปัญญา หรือวิปัสสนา สามารถระงับกิเลสหยาบ กลาง ละเอียดได้อย่างถาวร)

แต่อันที่จริงแล้ว กิเลสมันก็ยังอยู่ที่เดิมกันนั่นแหล่ะ! เราเพียงแค่อุปมา อุปไมยกันขึ้นมาเท่านั้น จริงๆแล้วกิเลสก็อยู่ครบทุกตัวในร่างกายของเรา เพียงแต่ว่า
สติ(ศีล) สมาธิ ปัญญานั้นจะเป็นตัวทำให้จิตได้แยกแยะความดี ความชั่ว หรือผิด-ถูกกันเท่านั้น นี่เป็นการแยกจิตออกมาจากกิเลสกัน เท่านั้นเอง
เพราะถ้าเราไม่จับจิตแยกออกมาจากกิเลสของตนนั้น กิเลสถือว่าเป็นฝ่ายต่ำ เป็นฝ่ายไม่ดี และมันจะพาจิต ดวงจิตลงสู่ที่ต่ำ หรือจะให้เรากล้ากระทำในสิ่งที่เราเรียกกันว่า ชั่ว เลว โหดร้าย ทารุนกัน ดั่งที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้

และวันนี้เรารีบยกจิตกันซะ แต่เนิ่นๆ
ก่อนที่กิเลสจะพาจิต ดวงจิตของตนเอง ให้ตกต่ำไปกว่านี้
อันมีแต่จะทำให้เราเดือดร้อน เป็นทุกข์
แต่มีเพียง สติ สมาธิ หรือปัญญากันเท่านั้น ที่จะสามารถยกจิตของคนจากปุถุชน หรือคนธรรมดาให้เป็นอริยบุคคลกันได้
นอกนั้นไม่มี
และทางสายเอก หรือสายตรงกันนี้ อยากให้พวกเราเดินให้ตรงๆ(อย่าเดินแบบปู) คือแวะข้างทางกันอยู่เรื่อยๆ

หนทางแห่งมรรคมีองค์8 แบบย่อ ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
หากผู้ใดเจริญรอยตามกันได้ พวกเราก็จะมีแต่ความสุขกาย สบายใจกัน
ทั้งโลกนี้(ยังที่มีชีวิตอยู่ก็เป็นสุข) และโลกหน้า(เมื่อตายไปแล้ว ก็ไปเกิดสุคติ หรือพระนิพพาน)

ขอให้ทุกคน ทุกท่าน จงโปรดเลือกทางเดินของตนเองให้ดี ให้ถูกทางกันด้วยเถิด

ด้วยความรัก และหวังดีที่เรามีต่อทุกๆจิต ทุกๆดวงจิต มีความปรารถนาดี คืออยากให้ทุกๆท่านมีแต่ความสุขกันเยอะๆ ไม่อยากเห็นพวกท่านรู้สึกเป็นทุกข์กัน โดยเฉพาะทุกทางใจ
แต่ถ้าใครยังมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์อยู่ โดยเฉพาะทุกข์ทางใจ และไม่สามารถไปแก้ไขได้เอง ขอให้ท่านมาทางนี้
ชาวจิตเกาะพระทุกๆท่าน
ยินดีต้อนรับ

(โดยมิได้เลือกสี เพราะเราไม่ได้รังเกียจใครเป็นพิเศษ มีแต่จะรักเป็นพิเศษ ก็คือ สีไตรรงค์)

 

ขออนุโมทนากับทุกๆท่านด้วยนะครับ เพิ่งมาติดตามอ่าน ได้ไม่นานเท่าไหร่พยายามไล่ๆ อ่าน มายังไม่ครบแต่ลอง ทำจิตเกาะพระแล้ว จิตใจสงบและมีสติ ดีครับ จะพยายามทำต่อไปเรื่อยๆ ครับ ขอบคุณครับ

 

นึกว่ามาอ่านคนบ่นธรรมะก็แล้วกันนะ
อย่าได้คิดว่าผมมาสอนสั่งธรรมกับพวกท่านทั้งหลายกันเลยนะครับ

คนเรานี่ก็แลก พอพูดเรื่องธรรมะหายหัวกันหมด
แต่กลับไปสนใจสิ่งที่ทำให้จิตของเราตกนี่ชอบกันจริงๆ
ของดีไม่เอา ไม่รับกัน ธรรมะถือเป็นสิ่งมงคลที่สุดแล้ว
แต่ถ้าใคร(จิต)มีศีล มีธรรมอยู่ประจำกาย ประจำจิตก็ยิ่งดีไปใหญ่

โดยเฉพาะพูดกับคนที่จิตกำลังตก กำลังหลงกันอยู่นี้ มันพูดยาก เพราะถึงแม้นเราจะมีความพยายามจะอธิบายให้มองเห็นกันสักเท่าไหร่ แต่ก็มองเห็นยาก
อันนี้เราเข้าใจกันดี
เพราะเมื่อก่อน ใครมาพูดเรื่องทำนองธรรมะ ธรรมโมให้ได้ยินละก้อ เป็นอันหันหน้าหนี หรือเบี่ยงหน้าหนีทันที
คงจะเป็นเพราะจิตใจของเราไม่มีศีล ไม่มีธรรม (อันนี้ผมยอมรับ เมื่อนะ)
แต่พอจิตของเราพอจะมีศีล มีธรรมอยู่บ้าง แต่พอมาตอนนี้กลับตรงกันข้าม
เพราะถ้าใครมาพูดเรื่องทางโลก พูดถึงคนอื่นโดยเฉพาะทำนอง นิทา ว่าร้าย ให้ร้าย พูดส่อเสียด พูดหยาบ พูดเสียงดัง ไม่สำรวม เรื่องๆที่เกี่ยวกับกิเลสต่างๆ เป็นต้น กลับหันหน้าหนี ไม่สนใจ อยากอยู่แต่ภายในกาย ภายในจิตของตนเองมากกว่า
เพราะจิตเราอาจจะพบเจอสิ่งที่ดีกว่า สงบกว่า จิตพบที่อยู่ดีกว่าเดิม ก็เป็นไปได้

ไม่มีใครโพสต์ช่วย ผมก็เลยพร่ำอยู่คนเดียว
คนจนหายหมด คนไม่ดีหายหมด เพราะกระทู้นี้พูดแต่เรื่อง สาระ(สำหรับคนดี)
แต่ธรรมะมักจะเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับคนที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมกันนะ
คอยสังเกตกันให้ดี แต่ไม่ว่ากันนะให้โอกาสกันไป เพราะอาจจะยังไม่ถึงเวลาของเขา เท่านั้นเอง
เพราะผมนึกถึงตนเองเลย เมื่อก่อนนะ
เพราะเมื่อก่อนอะไรก็ไม่เอา ไม่รู้ไปเอาอะไร เอาแต่เรื่องสาระของตน พอมารู้ความจริงทีหลัง ว่าที่บอกว่าเป็นเรื่องสาระของตน ก็คือ สาระของกิเลสของตนอย่างเดียว แต่พอมารู้ความจริงำายหลัง สลัดทิ้งแทบไม่ทัน
เพราะอะไรถึงสลัดทิ้ง ก็เพราะเราไปแบกทุกข์ไว้แต่ผู้เดียว
และไม่มีใครมาแบก มาแบ่งเบาความทุกข์ให้กับเราได้เลย
(อ่านต่อข้างล่าง )

ปริศนาธรรม


สี่คนหาม ตามตำนาน ท่านกล่าวย้ำ
คือดินน้ำ ลมไฟ ในธาตุขันธ์
ประกอบเป็น ตัวตน แตกต่างกัน
ต่างเผ่าพันธุ์ เพราะกรรม ที่ทำมา

สามคนแห่ นั้นไซร้ คือไตรลักษณ์
ใกล้ตัวนัก แต่เหมือนไกล ไม่ศึกษา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มิอาจพา หลุดพ้น วังวนมาร

อีกหนึ่งคน นั่งแคร่ นั้นแน่นัก
มาหลงรัก ว่าเป็นเรา น่าสงสาร
เมื่อเกิดขึ้น ก็คงอยู่ ได้ไม่นาน
ย่อมถึงกาล ดับไป แต่ไรมา

ยามมอดม้วย ชีวา ต้องลาจาก
มีเพื่อนยาก สองคน ตามไปหา
คือบุญบาป เท่านั้น ติดตามมา
บุญรักษา บาปชดใช้ ไปตามกรรม

ปริศนา ธรรมนี้ไซร้ สอนให้คิด
เพื่อเตือนจิต ตนไว้ ไม่ถลำ
มีสติ ระลึกได้ ใส่ใจจำ
ถึงพระธรรม คำสอน พระศาสดา


ที่มา psevikul.com

 

ชาวจิตเกาะพระ ยินดีต้อนรับครับ

เอ๊า! เด็กๆเอาน้ำเย็นมาหนึ่งแก้ว ให้แขกผู้มีเกียรติ คนมีบุญหลงมา...อิอิ

มาช้าดีกว่าไม่มา ยกจิตช้าดีกว่าชาตินี้ไม่ได้ยกนะ
มาทำบุญ(ภายใน คือบุญใหญ่)กันทางนี้กัน ได้ผลชะงัก
โดยไม่ต้องเสียทรัพย์ เสียเวลา เพราะไม่ต้องเหนื่อยกาย เหนื่อยใจไปทำบุญภายนอกกัน แถมได้กำลังใจ ได้สร้างบุญบารมีของตนเองและครบสมบูรณ์แบบดีด้วย

การทำความดี การทำบุญเราสามารถทำกันได้ตรงนี้ เดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องมัวไปรอใคร ต้องมาเชิญกันถึงจะไป เลิกเสียเถอะ
ให้พวกเราหันมากตัญญู ระลึกถึงคุณงาม ความดีของพระพุทธเจ้า และมาปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์กัน โดยมุ่งเน้นจิตตภาวนา หรือทำจิตเกาะพระกันให้มากๆ

 

​

 

น้ำเย็นมาแล้วค่ะ
เชิญเกาะพระให้ชื่นใจนะคะคุณ A-colyte

;hi2

 

​

สำหรับพระบรมฉายาลักษณ์ ''ในหลวง'' ใครไม่รู้จัก ก็คงไม่มี
พระองค์ท่านเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยสยามของพวกเรา

นอกจากพระองค์ท่านเป็นพระมาหากษัตริย์ที่คนส่วนใหญ่ปวงชนชาวไทยสยาม รักเคารพ และเทิดทูลกันแล้ว ท่านยังเป็นที่รักและเคารพ เกรงใจของพวกเหล่าบรรดาเทพยดาทั้งหลายอีกด้วย

เพราะพระองค์ท่าน(จิต)ขั้นเทพ และพวกเรายังไม่ต้องหนีกันไปที่ไหน
ขอให้ดูในหลวงของเรา แต่ถ้าพระองค์ท่านไม่อยู่ที่กทม.พวกเราจงโปรดระวังกันให้ดี
เพราะพระองค์ท่านเป็นตัวอย่าง หรือสัญญาลักษณ์แห่งความปลอดภัย โดยเฉพาะกับภัยพิบัติ ซึ่งวงในมักจะรู้กันดี
โดยไม่ต้องไปดูสื่อจากพระอรหันต์กันที่ไหนไกลหรอก
ขอให้ดูพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรากันเข้าไว้ให้ดี

แต่ถ้าใคร ทำจิตเกาะพระกันไม่ได้ ก็ให้ลอง ทำจิตเกาะพระบรมฉายาลักษณ์ "ในหลวง" กันก็ได้นะ
เพราะพระองค์ท่านก็เปรียบดั่ง พระอรหันต์อยู่แล้ว

 

มาแล้วคุณหญิงเล็ก
สาวสวยพนักงานเสิร์ฟน้ำประจำชาวจิตเกาะพระของเรา
ขอบใจมากนะหญิงเล็ก
(น้ำแถมใส่มะนาวด้วย)
catt3

 

​

 

​

เห็นขาประจำแอบอ่านอยู่...
นอนดึก.. เอ้ย!! นอนเช้ากันจัังนะคะ??
หญิงเล็กขอตัวไปนอนก่อนนะคะท่านพี่ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ
มาหลับเช้า.. จิตมันตื่น ไม่ยอมนอน.. ฮ่าๆ

ขอให้ทุกท่านนอนหลับสบายกาย สบายใจ
มีพระอยู่ในจิต มีจิตเกาะพระให้แนบแน่นนะคะ
ราตรีสวัสดิ์.. ไม่สิ.. อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่น้องชาวไทย

 

สวัสดีคะ พี่ภู คุณลูกหว้า พี่เพ็ญ พี่นก พี่วิทย์นะค่ะ มาส่งการบ้านค่ะ หลังจากที่หายไปนานแสนนาน
แหะๆ ฝึกไปไม่ถึงไหนเลยค่ะ มัวแต่หลงอยู่ในกิเลสค่ะ รู้ตัวนะค่ะ ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ แต่ก็ยังทำอยู่ค่ะ ละเลยการทำอย่างที่เคยทำมา โรคขี้เกียจกำเริบค่ะ ความเพียรหดหาย เนื่องจากนอนอุตุทั้งวันเลยค่ะ พอตื่นก็กินก็เล่นอย่างเดียว ไม่ค่อยได้สนใจท่านเลย พอนึกขึ้นได้ก็ท่านก็งอน หนีเราไปซะงั้น ต้องพยายามให้มากขึ้นจริงๆค่ะ วางใจมากเกินไปจริงๆ แต่พอดูเมฆปะหลาดๆแปลก บนท้องฟ้าตอนเช้าทุกวันก็คิดถึงท่านทุกทีค่ะ ธรรมชาติเตือนเรามาทุกวันๆ แต่เรายังวางเฉยต่อการปฏิบัติอย่างงี้คงไม่ไดีแน่ๆ คงต้องพยายามมากขึ้น มีสติเตือนตัวเองให้ทำได้มากขึ้นไปอีกค่ะ จะพยายามนะค่ะ ^^

ล็อคเป้าหมาย!!!!! ยกจิตเจ้าค่ะ !!!! เย้!!!!

ยกมือขึ้น1คนค่ะ ยังไม่ไปไหนเลยจริงๆ ขอบคุณสำรับกำลังใจนะค่ะ พี่ภู

ยกมือขึ้นสูงๆเลยค่ะพี่ภู เห็นค่ะ บางที่ก็รู้ว่าควรทำอย่างไร(บางทีก็ไม่ทำนะ ทั้งที่รู้) บางทีก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรค่ะ(เช่นโทสะ ที่เกิดขึ้นจากการได้ยินคำพูดที่ไม่เข้าหูมากๆค่ะ) ใจดีกับกิเลสมากเกินไปจนท่านงอนหนีเราไปไกลอีกแล้ว ต้องตามตื้อท่านมากๆขึ้นไปอีก เผื่อจิตเราจะยกกะเขามั่ง !!!

 

ยินดีต้อนรับ ทำแบบสบายๆ ไม่ต้องกดดัน แต่ต้องมีความเพันร มีอะไรก้อมาสอบถามปรึกษากันนะครับ ยินดีช่วยกันครับ

 

เห็นด้วยครับท่านชายใหญ่ ผมก้อเกาะท่าช่วงนึงครับผ้มมม

 

สวัสดีครับ แบบนี้เข้าข่าย ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้ อิอิ
ทำให้ต่อเนื่องสิครับ อยากได้ของดี ต้องมีความเพียร แนะนำนิด ทำแบบสบายๆ ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวจะกลายเป็นกดดัน ไม่เป็นธรรมชาติ มันก้อตามมาด้วยความขี้เกียจ ให้ทำตลอดจนกลายเป็นเหมือนกิจวัตร เช่นต้องทานอาหาร ทำไมคุณทำได้ ทำไมต้องนอน ใช่ไหม
อย่าไปกดดันตัวเองก่อน มันจะเกร็ง พาลทำให้เรารุ้สึกลำบาก ทำสบายๆ นึกถึงท้านไป มีเวลาก้อดู ทำบ่อยๆนะครับ มีอะไรก้อสอบถามนะครับ

 

เย็นๆจะเอารูปโต๊ะทำงานผมให้ดู ผมติดพระเต็มไปหมด เผื่อเป็นไอเดียได้บ้าง
เคล็ดลับนะ ...ธรรมชาติ และกลางๆ พอดีๆ ต่อเนื่อง รักท่านสุดหัวใจ ... แค่นี้บละครับ ทำได้ไหม

 

สวัสดีครับพี่ภู มาแต่เช้าเลย ผมต้อวแวบไปทำงานแล้วครับพี่ มีอะไรให้รับใช้ จัดมาเลยครับพี่ชายใหญ่
ผมพร้อมมมมมมมครับผ้ม
เดี๋ยวจะมาช่วยพี่บ่นธรรมะนะครับ อิอิ

 

แง่มๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้รายงานครับ แต่ไม่เห็นเป็นภาพ พยายามภาวนาพุทโธ ได้บ่อยขึ้น(เพราะระลึกภาพพระได้แวบแรก แล้วหาย เลยต้องภาวนาพุทโธต่อ) ทำสมาธิได้ดีขึ้น แต่ยังไม่เห็นเป็นองค์พระ แค่ระลึกได้ ขอบคุณครับ