เกิดเป็นชายไม่ได้บวชเป็นไรไหม ??

บางคนอยากบวช แต่ก็ไม่ได้บวชก็มี คนที่มีโอกาสบวชแล้ว ควรจะรีบบวช พ่อแม่ทุกคนก็อยากเกาะชายผ้าเหลืองของลูกด้วยกันทั้งนั้น

 

ผมก็เคยคิดเหมือนคุณน่ะ ประพฤติตนเป็นคนดี ทำบุญเสมอ ดีกว่าคนที่บวชแล้วออกมาเป็นคนชั่ว แต่มันคนละส่วนกัน บุญส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป และเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีโฆษนาชิ้นนึง ลูกเรียนจบ ได้งานทำ สังสรรค์กับเพื่อนสนุกสนานเฮฮา พอกลับบ้านมาเจอแม่หลับคาโต๊ะ ในมือถือรูปตอนลูกบวชเณร ลูกจึงสำนึกได้ จึงบวชให้แม่ ผมดูทีไรร้องให้ทุกที จนผมต้องกลับไปบวชให้พ่อแม่มาแล้ว ลองคิดดูถ้าหากเราบวชตอนพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเชียวน่ะ ท่องคำขานนาคไม่เกิน 5 วันหรอกครับ เดี๋ยวนี้โหลดไปฟังจากในเวปมีเยอะ สะดวกดี

 

ผมเพิ่งบวชมาเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา...
ตอนนี้ยังคิดถึงอารมณ์นั้นอยุ่เลย..
เวลามีอะไรมารุมเร้า คิดถึงตอนบวช มันก็เลิกคิดไปเอง
ผมอ้างมาบ่อยมาว่า รอ รอ รอ จนไม่รู้คิดยังงัย.
อึดใจเดียว โทรบอกแม่เลยว่าจะบวช วันนั้นเลย
อีกวันนึงก็บวชทันที ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร..
เดินไปวัดขอบวชงั้นเลย..สึกมาก็ยังเสียดาย (ลางานได้ 15 วัน)
บวชเถอะครับ...!! ตอนบวชยังไม่รู้สึกว่ามีความสุขหรอก.
พอสึกออกมานั่นแหล่ะ รู้สึกเลยว่ามันต่างกันกับโลกภายนอก

 

บวชหรือไม่บวช ก็ถึงพระนิพพานได้ การเป็นพระไม่ได้อยู่ที่การบวช หรือผ้าเหลือง

องค์หลวงพ่อไม่ได้บังคับให้คนบวชด้วยกาย

องค์หลวงพ่อไม่ได้ตำหนิชายใดที่ไม่ได้บวช แต่องค์หลวงพ่อสอนลูก ๆ เสมอให้ทำดีละชั่ว

แต่บวชด้วยใจ ละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ทำบรามี ๑๐ ให้เต็ม รักษากรรมบท ๑๐

 

พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบวชสิครับ อานิสงส์เหลือหลายมาก

ถ้าไม่บวชสิ่งยั่วยุมันจะเยอะกว่า ถามว่าไม่บวชแล้วจะทำความดีให้ไปสวรรค์ได้ไหม

ตอบว่าไปนิพพานได้ก็มีเยอะครับ ฆารวาสก็บรรลุธรรมได้ ลองฟังคำสอนของหลวงพ่อ

ฤาษีฯดูสิ การทรงอารมณ์พระโสดาบัน อะไรพวกนี้ แต่ว่าเกิดทั้งทีควรจะบวชให้ได้นะ

อย่าบวชเพราะประเพณี อย่าบวชแค่คิดว่าต้องบวชเพราะเป็นชาย แต่บวชเมื่อพร้อม

จะดีกว่า บวชเพื่อจะทำพระนิพพานให้แจ้ง ...แบบนี้จะดีกว่ามากเลย

 

บวชเลยครับ ผมก็จะบวชเหมือนกันครับ ตอนนี้รอแค่เวลากับเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมอยู่วัดครับ

 

สำหรับความเห็นผมนะครับ
หลวงพ่อฤาษีกล่าวว่า พระในพุทธศาสนา นั้นจำเป็นต้องมี คุณสมบัติ 3 ประการ คือ

1. อธิศีลสิกขา คือ ความเคารพในธรรมวินัย ไม่ละเมิด
2. อธิจิตตสิกขา คือ มีการเจริญกรรมฐาน มีกำลังฌานสมาบัติ หรือสมถะภาวนา
3. อธิปัญญาสิกขา คือ มีปัญญาพิจารณาร่างกาย หรือ วิปัสสนาญาน

ถ้าบวชแล้วไม่เคาีรพธรรมวินัย นั้นสบายแน่ คือไปนรกสบาย ถ้าจิตใจเสมอชาวบ้าน ไปรับบูชาเขาไม่ได้ เพราะต้องรับบูชาจากชาวบ้าน คราวพ่อคราวแม่ คราวปู่ย่าตายาย พระต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา สูงกว่าชาวบ้านเขา

ดังนั้นผมเห็นว่า การบวชกายแต่ไม่สำรวม ไม่มีความเป็นพระ ไม่สำคัญเท่า บวชใจ ถ้าเป็นฆราวาส คือ รักษาศีล 5 พรมวิหาร 4 กรรมบถ 10 มีการให้ทานตามครั้งคราว หมั่นเจริญกรรมฐาน ถ้าทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็ไม่ต้องตกนรก อย่างน้อยก็ไปสวรรค์ อย่างกลางไปพรหม หรือถ้าเข้าสู๋โลกุตตระเป็นพระโสดาบัน เกิดอีก ไม่กี่ชาติก็เข้านิพพานได้ ถึงที่สุดแห่งพระพุทธศาสนา

ถ้าใครคิดบวชก็ขอให้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ให้ครบนะครับ คิดให้หนักระวังให้มาก บวชเพื่อความเป็นอริยะบุุคคล อย่าบวชเพื่อไปนรก เพราะจะหนักและนาน
ขอโมทนากับผู้ที่จะบวชนะครับ

 

ต้องตั้งใจนะครับ ไม่ใช่แค่บวชเพื่อรักษาผลประโยชน์ หากบวชแล้วทำไม่ดีก็ลงนรกนานกว่าฆารวาสทำผิดมาก กว่าจะหมดกรรมก็นานแสนนาน เพราะกรรมนั้นตกถึงอเวจีมหานรก เมื่อพ้นมาจากนรกแล้วก็ยังต้องชดใช้อีกหลายชาติ ควรฝึกตนก่อนสักหน่อยเพื่อประโยชน์ของการบวชอย่างไม่มีโทษ จะมีอานิสงส์ผลบุญอย่างมากนับไม่ถ้วนเช่นกัน

 

การเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วได้พบกับพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยาก แต่การได้บวชยากยิ่งกว่า ถ้าชาตินี้ไม่ขวนขวาย แน่ใจได้อย่างไรว่าในชาติหน้าจะมีโอกาสอีก การได้บวชแม้ช่วงสั้นเป็นการผูกพันบุญไว้กับพระศาสนา เมื่อพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปมาตรัสรู้ จะไม่พลัดไปเกิดนอกบุญเขต และก็จะได้โอกาสบรรลุธรรมง่ายขึ้น
พี่ชายบวชแล้ว ตนเองต้องบวชอีกไหม ก็ต้องถามว่ารักพ่อแม่ไหม อยากได้พ่อแม่ปัจจุบันนี้เป็นพ่อแม่ในชาติเบื้องหน้าอีกหรือไม่ ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากก็ต้องผูกพันกันด้วยบุญ ก็บวชนี่แหละเป็นการสร้างบุญร่วมกันที่ดีที่สุด

 

บวชใจก่อน แล้วจึงบวชกาย

ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่เจตนา บวชใจได้บวชกายใช่เรื่องยาก

 

อิจฉาคนที่เกิดเป็นผู้ชาย มีโอกาสได้ห่มผ้าเหลือง

 

ถ้าพร้อมเมื่อไรค่อยบวชก็ได้ครับ อย่างพ่อผม บวชตอนอายุ 30
บวชไม่ต้องท่องคาถาอะไรมากครับ ลองไปถามพ่อที่เคยบวชมา ท่านจะบอกให้เรารู้เอง

 

บวชเพื่ออะไร...ละครับ บวชเพื่อจะเอาบุญ บวชแค่ต้องการอานิสงส์ แค่นั้นหรือ...
ถ้าบวชแล้วไม่ได้บุญ ไม่ได้อานิสงส์ ท่านจะบวชหรือเปล่าครับ ....เป้าหมายการบวชในศาสนาพุทธ..บวชเพื่ออะไร.?......แค่การโกนหัว แล้วห่มผ้าเหลืองมันเรื่องง่าย...ถ้าถามว่าการได้เกิดเป็นชายไม่ได้บวชเป็นไรไหม...ตอบได้เลยครับว่าไม่เป้นไร..แต่ถ้ามี โอกาสในชิวิตหนึง ก็สมควรจะบวช การตอบแทนพระศาสนา ตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนพ่อ-แม่ มันมีหลายวิธี ..คนสมัยพุทธกาล เขาบรรลุธรรมขั้นโสดา สกิทา อนาคา เขาก็ไม่ได้บวช มันอยู่ที่ท่านจะบวชเพืออะไร...ไม่เป็นไรครับ จะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายธรรมะไม่ได้มีให้กับพระอย่างเดียว......เดี๋ยวนี้มีฆารวาสสอนธรรมะให้กับพระ มีให้ถมเถไป

<quickprintreadystate style="display: none;"></quickprintreadystate>

 

ลองอ่านบทความอันนี้อีกทีนะ อ่านสัก ๕ จบ แล้วใช้ปัญญาพิจารณา แล้วถามตัวเองว่า อ่านแล้วได้ใจความว่าอย่างไร


คนที่บวชไม่ได้เป็นลูก แต่เราเป็นเจ้าภาพบวชให้ ได้อานิสงส์อย่างไร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มีคำตอบ

แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน ๔๒ องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้องเอา ๔๒ ตั้งเอา ๘ คูณ นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน

 

เราห่มผ้าเหลืองเอง หรือเรา ไม่ได้ห่มผ้าเหลือง ก็ได้อานิสงส์เท่ากัน แต่เป็นเจ้าภาพบวชให้ เช่นที่วัดเบญจมบพิตร ฯ ทุกปีจะมีการบวช พระบวชเณร ชาวเขา ผู้ด้อยโอกาสปีละ ๔๐๐ - ๘๐๐ รูป ทุกปี เราก็ไปบริจาคร่วมเป็น เจ้าภาพ แต่้ต้องฉลาดทำนะ กล่าวคือ เราก็ไปบริจาค สัก ๑,๐๐๐ บาท แล้วอธิษฐานขอเป็นเจ้าภาพทั้ง ๔๐๐ รูป เราก็ได้อานิสงส์ตามนั้น มีตัวอย่างที่หลวงพ่อฤาษาีลิงดำ เทศน์สอนเอาไว้

คนที่บวชไม่ได้เป็นลูก แต่เราเป็นเจ้าภาพบวชให้ ได้อานิสงส์อย่างไร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มีคำตอบ

แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน ๔๒ องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้องเอา ๔๒ ตั้งเอา ๘ คูณ นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน

 

ไม่ต้องบวชกายก็ได้ครับ ทำจิตให้เป็นพระโสดาบันง่าย ๆ โดย ตั้งใจมีศีลห้าครบ เคารพพระรัตนตรัย ไม่ประมาทในความตาย มีพระนิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุด เรียกว่าเป็นพระที่แท้จริง

 

อ้างอิงอันนี้จร้า แต่ตอบรวมๆแหละ อ่านครบแล้วนะครับเรื่องอานิสงค์

คือเหตุผลที่ผมอยากบวชคือ 1.อยากเกิดเป็นลูกพ่อลูกแม่คนนี้อีก 2.อยากได้บุญครับ 3.ผมทำหน้าที่เป็นนักกฎหมาย(ตอนนี้คอยให้คำปรึกษาชาวบ้าน เป็นตำรวจอาสาประมาณนั้น แล้วก็ตอนนี้อีกไม่กี่วันก็ถึงเวลาสอบเข้า รร.ตำรวจแล้วครับ) ผมอยากช่วยเหลือคนไม่อยากให้คนไม่ดีมารังแกคนดี ผมกลัวจะมีบาปมีกรรมก็เลยบวชเพื่อมีบุญไว้ตัดทอนบาปไม่ให้ดึงลงนรกขอรับ

ปล.แต่ถามตรงๆเลยว่าอยากบวชไหม ไม่อยากนะครับ << อย่าหามว่าผมเลวเลย ผม พ่อ แม่ ทำบุญด้วยกันตลอดและพี่ชายก็บวชแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกว่าผมไม่จำเป็นต้องบวชแล้ว /ชาติหน้าคงได้เป็น พ่อแม่ลูกกันอีก

 

ท่องบวชง่ายกว่าท่องตำราเรียนเยอะเลย ตั้งใจท่องไม่กี่คืนก็คล่องครับ ถ้าตั้งใจบวช ติดสอบ ติดเรียน ติดงาน ก็หลังสอบเสร็จ เรียนเสร็จ และลางานไปบวชได้ครับ ตั้งใจบวชและปฏิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านกำหนดและให้พ่อแม่ได้อานิสงค์ทดแทนคุณท่าน เรื่องอื่นหยุดได้ทั้งนั้นครับ ชีวิตคนไม่แน่นอน อย่าประมาทครับ

 

การบวชเป็นการแสดงความกตัญญูได้ดีอย่างยิ่งค่ะ ดิฉันเองตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธรูปที่บ้านค่ะว่าชาติหน้าหากมีเหตุให้ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ขอให้ได้เกิดเป็นชายและได้อยู่ในเพศบรรพชิตและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนสิ้นอายุขัยเลยค่ะ ถึงชาตินี้เกิดเป็นหญิงแต่ก็พยายามปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรมให้มากที่สุดค่ะ

 

สาธุๆๆ เห็นด้วยครับ จะบวชเป็นเณร หรือ พระ ก็ตามข้อแรกควรศึกษาข้อวัตรต่างๆ ของเณรหรือพระให้ดีก่อนไม่ใช่ว่าจะบวชกันอย่างเดียวนะครับ บวชไม่ดีผิดพลาดนิดเดียวก็ตกนรกง่ายๆ แล้วนะครับ เณร พระ มีแต่คนยกมือไหว้ บิดามารดา ยังต้องไหว้เลย บุญหนักมากทำไม่ดีตกนรกหนักกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าทำดีบุญก็หนักกว่าชาวบ้านทั่วไปมาก ขอย้ำทุกท่านนะครับที่ว่าเกิดมาเสียชาติเกิดไม่ได้บวชหรือต้องการบวชทดแทนคุณ ขอให้ศึกษาข้อวัตรต่างๆ ที่จะบวชให้ดีก่อนนะครับไม่งั้นแทนที่ บวชจะได้มีอานิสงค์ไป สวรรค์ พรหม หรือ นิพพาน กลับกลายไปอยู่นรกแทน เพราะหลวงพ่อท่านบอกพระเต็มนรกไปหมดแล้ว