ความรักที่เป็นทุกข์ คือรักหรือเปล่าครับ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย Digitalhong, 10 มิถุนายน 2012.

  1. Digitalhong

    Digitalhong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ตอนนี้ผมอายุ 21 ปี (ทำงานแล้ว เรียนด้วย) มันเป็นรักครั้งแรกด้วยครับ ผมคบผู้หญิง(อายุ 22 ปี)คนนี้มา 5 ปี กับ 6 เดือน (ทำงานเหมือนกัน เรียนด้วย) จนกระทั่งต้องเลิกรากันไป เนื่องจากมีสาเหตุ คือผมเป็นคนเอาแต่ใจด้วยครับ คือไม่ค่อยได้สนใจแฟนเท่าไรและชอบชวนแฟนทะเลาะแบบไม่มีสาเหตุ และก็จะเลิกก่อนหน้านี้มาหลายรอบแล้ว(แต่ผมก็รักแฟนผมนะ) และทำผิดมาหลายครั้ง แฟนผมก็ให้โอกาสในการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นมาทั้งหมด 3 ครั้ง (แต่ผมก็ไม่เคยจะทำให้ดีขึ้นเลยซักครั้ง) จนกระทั่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา แฟนผมก็ได้ติดต่อกับผู้ชายที่เรียนในห้องเดียวกัน (ผู้ชายคนนั้นอายุ 24 25 ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากมาย) ตอนแรกเค้าก็บอกว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ไม่ได้คิดอะไรกัน แต่พักหลัง ๆ ผมทะเลาะกับแฟนผมบ่อยมาก จนเค้ารู้สึกว่าคุยกับผู้ชายคนนั้นแล้วสบายใจมากกว่าที่คุยกับผม จนวันหนึ่งผมก็โดนบอกเลิกด้วยสาเหตุ หลาย ๆ อย่างที่แฟนผมไม่เคยบอกเลยว่าผมผิดอะไรตอนนี้ผมก็ยังงง ๆ อยู่ว่าเลิกด้วยสาเหตุอะไร ผมยังหาคำตอบไม่ได้เลย (ผมเสียใจอยู่ทุกคืนวันที่ผ่านไป) หลังจากเลิกกันได้ ประมาณ 2 อาทิตย์ ผมก็โทรไปหาแฟนของผมใหม่แล้วถามว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม แฟนผมตอบว่ายังไม่ใช่เวลาของผม (ผมคิดเองว่าเค้าน่าจะคบกับคนใหม่อยู่ด้วยเลยถนอมน้ำใจผมว่า ยังไม่ใช่เวลาในตอนนี้นะ) แต่ที่แปลกคือเวลาผมโทรไปหาแฟนผมเค้าบอกว่าให้เอาเบอร์อื่นโทรมาหาได้ไหม เค้าไม่อยากมีปัญหากับแฟนใหม่(แฟนใหม่เค้าหึงมาก) ผมยังรักแฟนของผมอยู่ รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดที่ยังไปรังคราวแฟนของผมอยู่ แต่ผมห้ามใจไม่ได้จริง ๆ ทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงแฟนของผมใจของผมสั่นตลอดเลย และระยะหลัง ๆ ผมโทรไปหาทุกวันเลย (คุยได้ไม่เท่าไรก็วาง แต่ผมก็ดีใจมากที่ยังได้ยินเสียงเค้า) แต่ผมไม่รู้ว่าผมคุยกับแฟนผมในฐานะอะไร เพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้และสับสนมากครับตอนนี้ มันเป็นความทุกข์ในใจมากครับที่อยากจะได้แฟนของผมคืนมา ผมไม่รู้หรอกว่านี่ว่าเค้ากำลังทดสอบใจของ ผม หรือแค่รักพี่เสียดายน้อง กันแน่ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ผมเป็นทุกข์ในใจระบายกับใครก็บอกว่าให้เลิกและตัดไปเลย (ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ก็คนมันยังรักอยู่ แต่ลึก ๆ ในใจผมก็รู้นะว่าเค้าก็ไม่ได้รักผมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว) ถ้าผมจะอดทนรอให้แฟนผมกับแฟนคนใหม่เค้าเลิกกัน ผมจะผิดไหมครับ (มีคนบอกกับผมเยอะมากเลยครับว่า ถ้าแฟนผมรักผมจริงเค้าไม่ทิ้งผมไปหรอก) แต่ยังไงในใจผมก็ยังอยากจะรอเค้า (ไม่แน่ซักวันความเจ็บของผมอาจจะทำให้ผมชินชาและยอมแพ้เองไปก็ได้) ไม่รู้ว่าเป็นเวณกรรมหรือเปล่า และอยากจะขอกำลังใจจากพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เคยประสบปัญหาเหมือนผมมาแล้วว่าควรจะทำยังไงต่อไปดีครับ จากเรื่องน้ำเน่าของคนที่ จมปัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2012
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    มาส่งกำลังใจให้นะครับ..เข้าใจความทุกข์ที่กำลังเผารนใจอยู่เพราะการพลัดพรากเสียคนรักไป..ตอนนี้ขอให้มาพิจารณาว่า ที่ต้องเสียเธอไปนั้นก็ไม่ใช่เพราะใครอื่นมา่แย่งชิงเอาดื้อๆ เหมือนแย่งของกันใช่ใหม..แต่เธอเลือกที่จะคบคนอื่นเพราะท่านจขกท ทำสิ่งที่ไม่น่ารัก ดังที่ได้พรรณนามาว่า...

    ...โดยปรกติ หากเรารักใครจริง เราจะพยายามทำให้เขามีความสุข และใส่ใจกับคนที่เรารักมิใช่หรือครับ?..ลองสมมุติว่าท่านเองเป็น"เธอ"ดูนะครับว่า หากท่านมีคนรักที่ทำแบบเดียวกันกับที่ท่านทำกับเธอ ท่านจะปลื้มใจสุขใจดีอยู่หรือว่าจะเผ่นหนีไปหาคนรักใหม่เสียตั้งนานแล้ว..??

    ...โดยปรกติ คนหรือสรรพสัตว์ทั้งหลายย่อมยินดีในการอยู่ร่วมกันผู้ที่นำความสุขมาสู่ตนกันทั้งนั้น เมื่อเขาเห็นว่าคนอื่นนำุสุขมาให้ เขาก็ย่อมเลือกที่จะไปหาคนอื่น ข้อนี้ ท่านจขกท จะโทษใครหรือตำหนิใครได้เล่านอกจากตนเองเท่านั้น?

    บัดนี้ท่านจขกท ก็ทราบชัดแล้วว่าเธอเลือกที่จะคบคนอื่น ดังนั้น อาการที่ท่านจะพยายามติดต่อเพื่อขอให้เธอคืน มานั้นย่อมเป็นเรื่องที่"ไม่สมควร" เมื่อท่านทำไปแล้ว และเธอก็มิได้หวนคืนมา ท่านก็พึงหักห้ามใจเสีย ยอมรับด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติเคารพในการเลือกของเธอไม่ก้าวก่ายก่อเวรภัยให้ตนเอง ต่อไปเพราะกรรมทั้งหลายย่อมมีผลตามมาเสมอ ..

    ลองคิดดูว่าหากท่านต้องถูกคนที่ตนรังเกียจตามมารังควานไม่หยุดหย่อนเป็นเวลานาน๕๐๐ชาติ ในภพต่อๆไป ท่านจะสบายใจได้หรือ? จะมีความสุขสงบใหม?..

    เอาละ บัดนี้ท่านพึงทำใจว่า เธอไปดีมีความสุขแล้ว หากท่านรักเธอจริงก็ควรยินดีกับเธอด้วย จริงใหม?..

    เวลานี้ท่านยังอายุน้อย หน้าตาคงหล่อมาก(เดาจากสภาพการที่เป็นผู้ไม่แคร์เธอและเอาแต่ใจตัว)และคงมีอะไรดีในตัวหลายอย่าง จึงไม่พึงวิตกเกรงว่าจะหาคนรักอื่นไม่ได้ ในภายหน้าท่านย่อมมีโอกาสพบหญิงที่เหมาะสมกับท่านอีก หรือแม้แต่เธอคนนี้ก็อาจหวนกลับมาก็ได้หากเธอยังรู้สึกผูกพันธ์กับท่านอยู่ ขอให้อดทนและรอคอย แต่ท่านพึงปรับเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเสียใหม่ืื..หาไม่ ท่านก็จะต้องประสบกับการเสียคนรักไปอีก เช่นเดิม แน่แท้ ท่านไม่ชอบพฤติกรรมใดของคนอื่น ก็ไม่พึงทำพฤติกรรมเช่นนั้นให้เป็นที่รังเกียจของคนอื่นเช่นกัน..คิดถึงใจเขาใจเราให้มาก เมื่อทราบว่าสิ่งใดไม่สมควรด้วยเหตุผล ก็เลี่ยงการกระทำหรือวาจาเช่นนั้นเสีย..

    เมื่อท่านมีความอ่อนโยน ใส่ใจคนรัก ไม่หาเรื่องทะเลาะโดยไม่มีเหตุผล ท่านจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นที่รักของคนรอบข้าง คราวนี้ ท่านอาจเข้ามาตั้งคำถามใหม่ว่า ผมมีคนรักหลายคนเหลือเกิน จะเลือกใครดี?อะไรทำนองนี้ก็เป็นได้..ขอให้พ้นทุกข์ไวๆครับ..
     
  3. Digitalhong

    Digitalhong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอบคุณมากครับ แต่ผมก็ทำใจยังไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ผ่านไปจะ 2 เดือนแล้วครับยังนั่งร้องไห้นึกถึงแฟนอยู่ทุกวันเลยครับ :':)':)'(
    ถึงผมจะเสียใจแทบเป็นแทบตายยังไงคนรักก็ไม่กลับมาครับ ผมจะปรับปรุงตัวและนิสัยให้ดีกว่าเก่า ตอนนี้ผมเข้าใจหมดแล้วครับว่าพฤติกรรมแย่ ๆ ของเราในเมื่อก่อนจะส่งผลในตอนนี้ได้ ขอบคุณมากสำหรับการชี้แนะที่ดีมากครับ
    ผมจะพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2012
  4. ทิพย์พิมล

    ทิพย์พิมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    245
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,511
    เวลาจะช่วยคุณเอง
    พอมันผ่านไปสักพัก...(อาจจะ เดือน สองเดือ สามปี หรือเป็นปี)
    แต่เชื่อเถอะ..วันหนึ่ง แม้แต่เบอร์โทรของเธอ คุณก็อาจจะจำไม่ได้ !!!
     
  5. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    นี่เป็นเรื่องปรกติธรรมดาในเราทั้งหลาย อย่าได้แปลกใจหรือกังวลเลย หากท่านสามารถหักห้ามใจตนเองได้โดยฉับพลันแล้วไซร้ ท่านคงไม่ต้องร้องไห้จนบัดนี้หรอก แต่เพราะใจไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครๆ เพราะเป็น"อนัตตา"คือไม่ใช่เราหรือของเรา ความคิดต่างๆเกิดเพราะเหตุปัจจัยมากมาย ที่ท่านเศร้าโศกพิไรรำพันในเวลานี้ ก็ด้วยอำนาจของการใส่ใจโดยไม่แยบคายหรือที่เรียกว่า"วิตก"คือคิดถึงเรื่องนี้บ่อยๆย้ำๆซ้ำๆ เดิมตนแรกอาจไม่ทุกข์มาก แต่พอย้ำเข้ามากๆว่า "เออ นี่เธอไปแล้วหนา เราต้องทุกข์เพราะขาดเธอแน่ๆเลย.." ย้ำมากๆเข้า ไม่นานทุกข์ก็ท่วมทับตนเองน่ะแหละ ไม่ใช่ใครที่ใหนเลย..เขาก็ไปดีมีสุขแล้ว ใยเราจึงทำตนให้เศร้าหมองได้ขนาดนี้ ดีไม่ดี เขาจะนึกหมิ่นเราเสียอีกที่แสดงตนเป็น คน"อ่อนแอ"

    ..ในเวลานี้ สมควรที่ท่านจะใช้"ความไม่แคร์"ต่อเธอให้มาก เพราะเธอเลือกปลีกตนไปหาที่จะไปแล้ว ใครจะห้ามปรามขัดขวางใครได้? ถ้าว่าเขาหมดรักเราแล้ว น้ำตาของท่าน แม้จะกลายเป็นน้ำเลือด เสลดหรือหนองก็ไม่อาจดึงเขากลับมาได้ เวลานี้ ท่านควรรักษาศักดิ์ศรีแห่งความเป็นลูก"ผู้ชาย" ที่แกร่งเด็ดเดี่ยว(พึงทราบว่า การได้อัตภาพของการเกิดเป็นชายนั้น มาได้ด้วยมหากุศล ที่ยอดเยี่ยม ที่ตนประกอบไว้ด้วย"อัธยาศัยที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่กว่าสตรี)..ไม่พึงสะสมอัธยาศัยอ่อนแอด้วยการร่ำไห้อันเป็นกิริยาของเด็กๆเวลาถูกแย่งของเล่นไปเลย...


    จึงไม่พึงปล่อยจิตใจให้จมทุกข์อันมีแต่ความเสียหายแก่ตนคนเดียวให้ยืดเยื้อยาวนาน ..พึงเพ่งเล็งถึงปัจจุบัน ทำเหตุที่ดี มีการรักษาศีลเป็นต้นไว้ให้มั่นคง ผลดีย่อมเป็นที่หวังได้ ..เมื่อเขาไม่รักเรา เราก็ควรรักตนเอง หากไม่รักตน ทำตนให้เข้าถึงทุกข์เสมอๆเช่นนี้ จะหวังใครอื่นที่ใหนมารักตนเล่า เอานะ เป็นกำลังใจให้พ้นทุกข์ไวๆครับ..
     
  6. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    ลองอ่านความทุกข์ใจของคุณพ่อท่านนี้ดูครับ มีหลายๆท่านตอบให้แนวทางและความคิดมากมาย หวังว่าจะเป้นประโยชน์แก่คุณ http://palungjit.org/threads/ชีวิตพ่อม่าย.339542/
     
  7. Digitalhong

    Digitalhong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอบคุณมากครับ ได้กำลังขึ้นมากเลยครับ ผมจะพยายามทบทวนตัวเองว่าเราไม่ดีตรงไหน และมีข้อเสียตรงของตัวเอง จะได้นำไปแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ครับ ขอบคุณจริง ๆ ครับ สำหรับกำลังใจ ผมรู้สึกดีใจมากที่มีคนช่วยชี้แนะและแนะนำให้ผมเจอกับทางสว่าง
     
  8. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    นี้เป็นวิสัยของบัณฑิตเท่านั้น ขออนุโมทนายิ่งครับ..

    การตั้งปณิธานเพื่อแก้ไขสิ่งผิด เรียกว่าเป็นการตั้งตนไว้ชอบ เป็นมงคลข้อ๖ในมงคล๓๘ข้อที่พระพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้..

    พระองค์ทรงตรัสไว้ว่าการตั้งตนไว้ชอบนั้นมีคุณ"ยิ่งกว่ามารดา" เพราะหากตั้งไว้แล้วย่อมนำเราไปสู่ความพ้นทุกข์ทั้งมวลได้ แม่อาจช่วยเราได้ในหลายเรื่องแต่ไม่สามารถช่วยเราให้พ้นทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง..

    เมื่อท่านดำเนินชีวิตไปตามครรลองของมงคลแล้ว อัปมงคลย่อมไม่กร้ำกราย ผลคือมงคลย่อมเป็นที่หวังได้ ความเย็นใจ ความสุข สิ่งที่งามน่าปรารถนาย่อมปรากฏให้ได้เสวย..แม้สัตว์ผู้ที่มีธาตุเสมอกัน นิยมในมงคลเช่นกันย่อมมาสมาคมด้วย เพราะสัตว์ทั้งหลายย่อมเสพคุ้นคบกันได้ก็เพราะมีธาตุเสมอกัน..คนดีย่อมเลือกคบคนดีมีศีลด้วยกัน โจรผู้ร้ายก็คบพวกเดียวกัน หรือคนใจดีย่อมเข้ากันไม่ได้กับคนใจร้ายฯลฯ เป็นต้น...

    เคล็ดลับในการมีคู่ที่เหมาะสมเพื่อการครองคู่ที่ยาวนานมีว่า...

    "เป็นผู้มีศีล ศรัทธา และปัญญา เสมอหรือใกล้เคียงกัน"

    หากต่างกันมากด้วยคุณดังกล่าวเเล้ว ชีวิตคู่ย่อมอัปปางไปในไม่ช้า ..

    ถ้าจะหาคู่ อย่าดูเฉพาะความสวยงาม พิจารณาคุณสมบัติเรื่องศีลให้มาก เพราะคนที่ไม่มีศีลย่อมมีแต่เบียดเบียนตนและคนรอบข้างให้วินาศแต่ถ่ายเดียว..

    ขอให้พบความสุขสบายใจและพบทางที่ถูกควรครับ..

     
  9. kloster12

    kloster12 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +12
    เป็นเหมือนกันกับเจ้าของกระทู้เลยค่ะ…ช่วงนี้ก็ทำใจได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะได้แต่บอกตัวเองว่า สู้ สู้ แล้วมันจะผ่านไป… เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
     
  10. Digitalhong

    Digitalhong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +10
    ตอนนี้ผ่านไปก็หลายเดือนแล้วครับ ยังทำใจได้บ้างไม่ได้บ้างเลยครับ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ก็ยังมีแววแนวโน้มว่าจะทำใจได้ในไม่ช้าครับ..

    ท่านจขกทพึงทราบว่า อันการตัดสิ่งใดๆในโลกที่จะยากเย็นกว่าการตัด"เยื่อใยแห่งตัณหา"แล้วไม่มีเลย สิ่งเดียวที่จะสามารถตัดเยื่อใยแห่งตัณหาได้คือ"ปัญญาเท่านั้น"..ปัญญาที่ทราบความจริงตามความเป็นจริง ว่าสิ่งทั้งปวงไม่อยู่ในอำนาจบังคับบงการ ร้องขอหรืออ้อนวอนเอา ได้ตามใจอยาก แต่สิ่งทั้งปวงย่อมเป็นไปตามการประกอบประชุมพร้อมของ"เหตุปัจจัย" เช่นกรรม(ดีและชั่ว) ในกาลก่อนจะในชาตินี้หรือกี่ล้านกัปป์มาแล้วก็ตาม ปโยคะคือพฤติกรรมหรือการกระทำของตนในปัจจุบัน..กาละเช่น สมัยนั้นเป็นกาละสมบัติหรือวิบัติ ได้แก่ในยุคที่คนมีศีลธรรมมากหรือเสื่อม อุปธิเช่นตนเองมีรูป มีการศึกษาหรือฐานะอย่างไร เกิดในดินแดนใดฯลฯเป็นต้น..เพราะการที่ปัจจัยที่มาประชุมพร้อมนั้นๆก็มิได้อยู่คงที่ แปรเปลี่ยนไปตามกฏไตรลักษณ์ เรื่องราวทั้งหลายที่เราหรือใครๆประสบอยู่ก็ย่อมแปรผันไปด้วย .. เมื่อเรามีความเพลิดเพลินติดข้องชอบใจในใครหรือสิ่งใด..ครั้นใครหรือสิ่งใดนี้นแปรเปลี่ยนไป เราย่อมเข้าถึงความทุกข์โศกพิไรรำพัน เพราะเข้าใจผิดไปเองว่า ทุกอย่างเที่ยงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า"หลง"หรือ"วิปลาส"ไปด้วยอำนาจของความไม่รู้ครอบงำที่เรียกว่า"อวิิชชา"...เมื่อใดตนมีวิชา เมื่อนั้นเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญา ทราบชัดในความจริงว่า "ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น" แม้เรื่องที่ที่เราคิดว่าเป็นความสุข ที่แท้ก็ต้องแปรไปหมดไปในช่วงระยะหนึ่ง..เมื่อความสุขแปรไป สิ่งที่เกิดตามมาคืิอความทุกข์ทุรนทุรายอยากให้ความสุขนั้นกลับมาอีกหรือมีขึ้นใหม่..นี้จึงเป็นเรื่องที่จบลงด้วยทุกข์ทั้งสิ้น...

    ท่านจขกท พึงทำปัญญาที่มีอยู่ ให้แข็งแรงมั่นคงเถิด ท่านมีบุญเก่าอันทำมาไว้ดีแล้วช่วยสนับสนุนให้ได้เข้ามาอ่านข้อธรรมอันบุคคลทั่วไปรับเอาได้ยากนี้ เพื่อต่อยอดบุญใหม่ให้ยิ่งขึ้นไปเพื่อพ้นทุกข์ได้ในในที่สุด..ท่านพึง"ศึกษา"พระธรรมของพระพุทธเจ้า อันเป็นปัจจัยตรงต่อปัญญาเถิด หญิงใดๆในโลก ก็ไม่ใช่สาระที่จะเป็นสรณะที่พึ่งอันเกษมแก่ท่าน มีแต่นำมาซึ่งทุกข์โทษเป็นอันมาก ดังที่ท่านประสบอยู่ในเวลานี้ มิใช่หรือ?..

    เมื่อท่านเกิดปัญญาขึ้นแม้เพียงด้วยการอ่านข้อความนี้ ท่านจะสามาระแยกแยะได้ทันทีว่า อะไรเป็นสาระมีประโยชน์แก่ชีวิต ควรถือเอาหรือละทิ้งเสีย.. บุคคลผู้ที่ต้องตายเพราะกายแตกในวันหนึ่งข้องหน้า มีทุกข์แล้วด้วยภาระขันธ์๕ของตน เมื่อยังแสวงหาภาระคือขันธ์๕อื่นมาอีก จะมีทุกข์เพิ่มอีกสักเพียงใด หากขันธ์๕นั้นแปรไป มีัันต้องตายจากไปในวันหนึ่ง...

    ท่านจขกท เป็นบุรุษเพศ เกิดมาด้วยอำนาจมหากุศลที่มีความมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าภาวะสตรีเพศ ท่านจะหวั่นไหวไปไยกับเรื่องที่ไม่ใช่สาระเช่นนี้ พึงพิจารณาทบทวนให้ดีด้วยตนเองเถิด ใครอื่นที่ใหนจะฉุดท่านออกมาจากความหลับใหลพร้อมฝันร้ายได้เล่า บัดนี้พึงอาศัยพละกำลังแห่งความเป็นบุรุษที่ไม่หวั่นไหวในเรื่องที่ไม่เป็นสาระนี้เลย เขาก็ไปดีมีสุขแล้ว ท่านจขกทเล่า จะจมทุกข์ไปเพื่อสาระอันใดหรือ?

    ส่งกำลังใจมายังท่านจขกท ครับ



     
  12. super car

    super car เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +200
    << ความรักกับความทุกข์ >> ท่าน ว.วชิรเมธี

    ความรักกับความทุกข์ อาตมภาพคิดว่าคำๆนี้ เมื่อถูกพูดขึ้นมา ไม่ว่าจะพูดโดยผู้ชายหรือผู้หญิง หรือใครก็ตาม บริบทของคำว่าความรักกับความทุกข์ หรือความรักคือความทุกข์มักจะเป็นบริบทของความรักในเชิงชู้สาวเสียมากกว่า เรื่องนี้ในทรรศนะของพระพุทธศาสนามองว่าอย่างไร ในทรรศนะของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ทุกๆ การยึดติดถือมั่น มีค่าเป็นความทุกข์เสมอ" ภาษาของอาตมภาพแปลเสียใหม่ว่า "ที่ใดมีกอด ที่นั่นมีกัด" ทุกๆการครอบครอง มีค่าเท่ากับการขาดอิสรภาพในทรรศนะของมนุษย์ ทุกครั้งที่เราครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็มักภูมิใจว่าฉันเป็นเจ้าของแล้ว เช่น ฉันมีรถเบนซ์ มีบ้าน มีแฟน ก็คิดว่าเป็นเจ้าของรถ เจ้าของบ้าน เจ้าของแฟนสาว หารู้ไม่ว่าทันทีที่ยอมรับสิ่งเหล่านั้นว่าเป็นของๆเรา เราก็ตกเป็นทาสสิ่งเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว เช่น จอดรถเบนซ์ไว้นอกบ้าน พอฝนตกเราก็นอนไม่หลับแล้ว เห็นไหม หรือมีบ้านหลังหนึ่ง พอน้ำประปารั่ว ปลวกขึ้นบ้าน เราก็ใช้ชีวิตไม่มีความสุขแล้ว หรือมีแฟนสักคนหนึ่ง ส่ง sms ไปแล้วเขาหายไป 3 วัน ชีวิตก็ไม่รื่นรมย์แล้ว เห็นหรือยังว่าเราครอบครองเขาหรือตกเป็นทาสเขากันแน่ ดังนั้น "ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์"จึงเป็นสัจธรรมสากลถูกต้องที่สุด พระพุทธเจ้าตรัสไว้ตั้ง 2,600 ปี ถึงตอนนี้เราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงคำกล่าวของพระองค์ท่าน แล้วทำไมมนุษย์โดยมากจึงมักบอกว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข เพราะเขายังไม่ได้เรียนรู้ความรักตั้งแต่ต้นสายถึงปลายทาง คนที่บอกว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข โดยมากมักเริ่มต้นแค่รู้จักความรักช่วงก่อนโปรโมชั่น พูดประโยคอย่างนี้กันทั้งนั้น พอเริ่มเรียนรู้ที่จะรักไปสักพักหนึ่ง ถ้าสังเกตอย่างละเมียดละไมก็จะเห็นว่ามันเริ่มสุขๆ ทุกข์ๆ ปนกันโดยตลอด
    หลังจากนั้นเมื่อหลวมตัวแต่งงานไป วันเวลาส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความทุกข์มากกว่าความสุขแล้ว ฉะนั้นความสุขซึ่งเกิดจากการมีความรักเชิงชู้สาวนั้น แท้ที่จริงก็คือความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง มันคือความสุขที่แท้ที่จริงคือเจ้าความทุกข์ที่รอเวลาแสดงตัว คนหนุ่มคนสาวจำนวนมากไม่รู้ก็เลยคิดว่าความรักนั้นช่างหอมหวานเหลือเกิน จริงอยู่ความรักเป็นความหอมหวาน แต่เป็นความหอมหวานของเนื้อทุเรียนซึ่งมีเปลือกที่แสนขรุขระ ใช่ไหมล่ะ อาตมภาพเห็นด้วยกับพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ตรัสว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีโศก ที่ใดมีโศก ที่นั่นก็มีภัย ที่ใดไร้รักไร้โศก ที่นั้นก็พ้นโศกพ้นภัย" ฉะนั้นถ้าคุณรักแล้วอยากจะปฏิเสธทกข์ อย่าทำเลย ไม่มีทาง ถ้าคุณมีโศก ก็หมายความว่าคุณยึดติด แล้วจะปฏิเสธความเศร้าที่ตามมา ไม่มีทาง ใครทุกคนที่เริ่มมีความรัก ขอให้เรียนรู้กติกาของความรักเอาไว้เลยว่า ความรักมีความทุกข์เป็นของแถม เหมือนกับเราหยิบเหรียญกษาปณ์ขึ้นมา 1 เหรียญ ถ้าด้านปรากฎต่อเราคือด้านหัว ด้านตรงข้ามก็คือด้านก้อย เช่นเดียวกันเมื่อเรายกหน้ามือขึ้นมาพินิจ หลังมือก็ติดมาพร้อมๆ กันนั่นแหละ ความรักกับความทุกข์จึงเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่การที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็เพราะเขายังถูกความรักบังตา เช่นเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์เอาไว้ว่า "ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้ ก็โลดและแล่นไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง ถึงแม้จะผูกไว้ ก็โลดไปด้วยกำลัง ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดถึงเจ็บกาย" นี้เป็นสัจธรรมที่อยู่ในกวีนิพนธ์
    พระพุทธเจ้าก็ตรัสเอาไว้แบบนี้แหละ คนที่มีความรักนั้นมีกำลังนับร้อยเท่านับพันเท่า โลดแล่นโจนทะยานออกไป บางครั้งโจนทะยานออกจากอกพ่ออกแม่เพื่อมาค้นพบภายหลังว่า คนที่รักเราแท้ที่สุดก็คือพ่อคือแม่นั่นเอง ฉะนั้นทุกครั้งที่เราเริ่มต้นมีความรัก สิ่งหนึ่งซึ่งควรมาคู่กันกับการมีความรักก็คือความเข้าใจในธรรมชาติของความรัก ถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ หรือรักกันมานานตั้งห้าหกปีแล้วสุดท้ายก็เลิกกัน หรือแต่งงานมาสิบปีแล้วสุดท้ายก็เลิกกัน คนที่เจ็บปวดจากความไม่สมหวังในความรักจากการใช้ชีวิตคู่ ควรมองออกไปให้กว้างว่าขาดเขาแล้วเราไม่ตาย เพราะก่อนจะมีเขาเรายังอยู่มาได้ เมื่อย้อนกลับไปไม่มีเขาอีกครั้งหนึ่ง เราก็กลับไปยืนอยู่ ณ จุดเดิม ก็ต้องอยู่ต่อไปให้ได้ แล้วอย่าทำร้ายชีวิต อย่าทำร้ายตัวเอง แต่ให้มองว่าการที่เราเกิดเป็นคนแล้ว ไม่ได้ทุกอย่างดังใจหวังนั้น เป็นบทเรียนอีกขึ้นหนึ่งของชีวิต เป็นบันไดขั้นหนึ่งของชีวิตที่ต้องก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ

    " ในชีวิตของมนุษย์เรามีบทเรียนอยู่สองบทเรียน หนึ่ง บทเรียนที่ยาก และสอง บทเรียนที่ง่าย บทเรียนที่ง่ายก็คือทำอะไรก็สมหวังไปเสียทุกอย่าง แต่พอสมหวังไปเสียทุกอย่าง มนุษย์มักจะหลงตัวเอง พอหลงตัวเอง นั่นคือ ต้นทางของความผิดพลาด "

    บทเรียนที่ยากมักจะช่วยขัดเกลาฝึกปรือเราให้เข้มแข็ง เหมือนคนบางคนที่เกิดมายากจนจึงเรียนรู้ที่จะต่อสู้ และเมื่อพยายามต่อสู้ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นคนมั่งคั่งพรั่งพร้อมได้ คนจำนวนมากที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้แล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้นเพราะเขาไม่ปฎิเสธบทเรียนที่ยาก แต่กลับถือว่าเป็นบทเรียนที่เปรียบเสมือนหินลองทอง หรือเปรียบเสมือนหินลับมีด หรือบางทีเปรียบเสมือนกระดาษทรายที่ทำหน้าที่ขัดสีฉวีวรรณให้ชีวิตของเราผุดผ่องแวววาวทอประกายเจิดจรัสงดงามยิ่งขึ้น
    ฉะนั้นการที่เราล้มเหลวในเรื่องความรัก ในเรื่องชีวิตคู่ ขอให้ถือว่าความล้มเหลวนั่นแหละคือบทเรียนแสนยากที่เป็นบันไดขั้นหนึ่งซึ่งเราต้องก้าวข้ามไป พอเราก้าวข้ามไปได้ ชีวิตของเราก็จะมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่าชีวิตที่ไม่ผ่านการต่อสู้เป็นชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การยกย่อง เห็นไหม เรามีหน้าที่สู้ชีวิต มีหน้าที่ก้าวข้ามความยากลำบาก ไม่ได้มีหน้าที่มาจมปลักอยู่กับความยากลำบากแล้วก็ทำร้ายทำลายตัวเอง ทุกครั้งที่เจอบทเรียนแสนยาก บอกตัวเองว่าต้องก้าวข้ามมันไป ไม่ใช่ฝังตัวเองอยู่กับบทเรียนแสนยาก บทเรียนยากๆ ทั้งหลายนั้นเปรียบเสมือนบันได ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องก้าวผ่านบันไดเหล่านั้นไป ไม่ใช่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงบันไดแล้วบอกว่าพอแล้วสำหรับชีวิตฉัน
     
  13. นางพญา20

    นางพญา20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +1,163
    คนที่พร้อมจะอยู่กับคุณ โดยที่คุณไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเลย
    - คนที่พร้อมจะเดินหน้าเมื่อคุณเดินหน้า คนที่พร้อมจะถอยหลังไปกับคุณ
    - คนที่ไม่ยอมให้คุณเดินตามหลัง ขอเพียงเดินเคียงข้างกัน
    - คนที่ไม่บังคับให้คุณทำอะไรในแบบที่คุณไม่ชอบ
    - คนที่ไว้ใจ ให้อภัย ให้โอกาส ซื่อสัตย์และให้เกียรติคุณ
    ...นั่นแหล่ะ คือคนที่รักคุณจริง.....
    จงถนอมคนเหล่านี้ไว้ อย่าปล่อยให้เขาไปจากคุณ..
    เพราะคุณจะเสียใจ หากเขาเปลี่ยนไปหยิบยื่นความโชคดีที่ควรจะเป็นของคุณไปให้คนอื่น

    ให้อภัยตัวเองเถอะค่ะเหนือสิ่งิ่นใดคุณได้เสียเค้าไปแล้ว เสียใจด้วยนะค่ะต้องโทษตัวเอง คุณต้องปรับตัวใหม่และอย่าได้ทำเหมื่อนที่แล้วๆมาโอกาศทุกอย่าขึ้นอยู่กับการปรับตัว และการคิดได้ระลึกได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

    เมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว
    อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย
    คิดถึงสิ่งดี ๆ ที่เราเคยมีกัน อย่าลืมวันแรก ๆ ที่เรารู้สึกกับคน ๆ นี้
    เขาเป็นคนดีที่สุดแล้วสำหรับเรา พยายามรักษาเขาไว้
    เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้ว เราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่าง ๆ กลับมาได้อีก
    เหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับ
    ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
    อย่าทิ้งหัวใจของคุณไว้กับอดีต อย่าคิดว่าอดีตไม่มีวันหวนคืน
    อย่าคิดว่าไม่มีพรุ่งนี้ อย่าลืมบทเรียนของเมื่อวาน
    ทุกชีวิตยังมีความหวังอยู่เสมอ จงปล่อยให้ชีวิตดำเนินต่อไป..
     

แชร์หน้านี้

Loading...