จริงหรือมั่วร่างทรงบางพวกคือวิญญาณเเต่ทำไมพระพุทธรูปเต็มบ้านอยู่ได้ใงไม่ร้อนหรอ

ถ้าหากว่าเรา(เจ้าของร่าง)เป็นผู้เชิญวิญญาณเข้ามาเอง ไม่ว่าจะรูปแบบวิญญาณเข้าทรง หรือเครื่องรางของขลังที่เป็นมนต์ดำ
เทพยดาที่ปกปักรักษาเรา รวมถึงเทวดาเจ้าที่ รวมไปถึงพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่คุ้มครองบริเวณนั้นและ/หรือคุ้มครองเราอยู่ จะอุเบกขา เพราะท่านเหล่านั้นจะถือว่า เราเป็นผู้อนุญาติให้เข้ามาเอง

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกตัว อาจจะเพราะกรรมคลายตัวหรือผลบุญหนุนส่งแล้วเกิดอยากจะขับของไม่ดีเหล่านั้นออกไปจากชีวิต ก็สามารถบอกเกล่าต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ขับไล่ออกไปได้ทุกเมื่อ เพราะถ้าถึงตรงนี้แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะถือว่าเป็นความประสงของเรา(เจ้าของร่าง)ที่จะเชิญสิ่งเหล่านั้นออกไปจากชีวิต แต่เมื่อสิ่งไม่ดีมีการเคลื่อนมักจะทำให้เกิดอาการทรมาน

เห็นได้ชัดๆเวลารับยันต์เกราะเพชร(รู้ทั้งรู้ว่ายันต์เกราะเพชรจะช่วยขับสิ่งบไม่ดีออกแต่ก็รับมา ท่านจะถือว่าคุณยอมรับเงื่อนไขที่จะรับยันต์แล้ว) บางคนจะร้องไห้ทุรนทุรายกันเลยทีเดียว

 

มื่อแรกที่เรานำของไม่ดีเหล่านั้นเข้ามา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะเตือนเรา ดังที่บางคนจะรู้สึกปวดหัว หงุดหงิด อยู่ไม่เป็นสุข แต่ถ้าคุณเอ่ยปากขอนำเข้ามาหรือกล่าวคำอนุญาติเมื่อไหร่ก็เสร็จกัน เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะถือว่าคุณเป็นผู้อนุญาติเอง และท่านจะทำเฉย

 

ถ้าคุณเปิดประตูให้ โขมย ขึ้นบ้าน ตำรวจผ่านมาเห็น ตำรวจ จะจับโขมยนั่นหรือไม่

ก็เช่นกัน กับการ รับขันธ์ หรือรับเอา ใครก็ช่วยท่านไม่ได้ ท่านต้องช่วยตัวท่านเองแล

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

เอวัง...

 

นานาจิตตัง....ใช้ใจเกาะพระรัตนตรัยขึ้นสวรรค์กันดีกว่าครับ

 

อย่างนี้แหล่ะ ปฏิบัติน้อย ศรัทธาในพระรัตนตรัยก็เลยน้อยตาม หวังพึ่งแต่ของนอกตัว โดนกิเลสหลอกกินไปวันๆ-_-!

 

เรื่องร่างทรง ผมเคยได้ยินมาอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการสะดุ้ง หรือ การสั่น การส่าย การเต้น ของร่างทรง รู้สึกว่า อาการพวกนี้ จะสะดุ้งแรง สั่นแรง ส่ายแรง เต้นแรง ไม่ได้บ่งบอกถึงว่าเทพองค์นั้นๆ มีฤทธิ์มาก แต่บ่งบอกถึงความไม่เสถียรของร่างทรง กับสิ่งที่เข้ามาในร่าง เหมือนน้ำกับน้ำมัน น้ำมันจะลอยเหนือน้ำ ตลอดเวลา แต่ถ้าเราเขย่ามัน มันก็จะผสมกับน้ำ แต่ถ้าหยุดเขย่าก็จะลอยไปอยู่เหนือ น้ำเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นร่างทรงที่ทรงมานาน และมีศีลมีธรรม ยิ่งถือศีลเป็นปกติ เวลาทรงร่างทรงจะสั่นเบา สายเบา เต้นเบา สะดุ้งเบา เพราะว่าร่างทรงนั้นได้ทรงมานาน จนเกิดการปรับตัวระหว่างร่างทรงกับสิ่งที่เข้ามาในร่าง ตรงนี้เหมือนคนที่เพิ่งเคยขับรถจักรยานตอนแรก ก็สั่นๆ สายหัวไปมา ล้มบ้าง แต่พอนานๆ ไปก็ขับได้จนชิ้น ประมาณ

 

เรื่องของ(ยันต์เกราะเพชร)นี่ ต้องพูดกันยาวๆๆ หลังจากที่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานสิ้น ก็ไม่เคยได้เห็นพิธีเป่ายันเกราะเพชรในวัดท่าซุงอีกเลย ในสมัยนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานยังอยู่ ในสมัยแรกตอนเป็นเด็กๆจำได้ว่าหลวงพ่อพระราชเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา4ไร่ ตอนนั้นชอบดูมากๆ หลวงพ่อจะบอกให้ทำสมาธิอย่าสนใจกับสิ่งรอบข้าง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจิงชอบลืมตาดู จะสังเกตุได้ว่าส่วนใหญ่คนที่ร้องโหยหวน คือวิญญาณที่(ถูกส่งมา"ลองของ"ในงาน) แต่ด้วยญาณวิถีของครูบาอาจารย์ท่านจะทราบ ว่าอันไหนจริงอันไหน(ปลอม) พวกของปลอมจะถูก(ส.ห)ลากออกไป ซึ่งไม่ค่อยมีเพราะถูกหลวงพ่อขู่ว่า(จะให้ส.หเอากระบองฟาด)ก็เลยไม่ค่อยมีพวก(โรคจิต)ส่วนใหญ่พวกโรคจิตจะเป็นคนนอกมาตามๆเค้า ไม่เคยรู้จักครูอาจารย์ซิ่งไม่ทราบว่าครูอาจารย์มี(เจโต-รู้ใจคน)จึงกล้าแสดงอาการแปลกๆออกมา แต่สำหลับลูกศิษหลวงพ่อจะไม่มีใครกล้าทำแบบนั้น ในสมัยนั้นคำว่า(ไสยศารตร์)คือสิ่งที่สามารถเห็นด้วยตาเนื้อ นั่งๆอยู่ในพิธีเป่ายันก็จะมี(ตะปูหล่นลงมาเต็มไปหมดเหมือนเสียงฝนตก) บางครั้งก็มีลูกกลมๆเป็นลุกไฟวิ่งรอบศาลา4ไร่(ตอนนั้นยังไม่มีศาลา12ไร่) ก็เลยทำให้รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอมเห็นมาหมดแล้ว เลยทำให้เราไม่"งมงาย" มันเคยเห็นมาด้วยตาเนื้อแล้ว คำว่าผีเข้านี้ก็เคยเห็นในสมัยที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานยังอยู่ คนโดนผีเข้าจริงๆเค้าจะสามารถแสดงสิ่งที่"มนุษย์"ทำไม่ได้อย่างเช่น (ทำเสียงของตัวเองให้ดังเมือนใช่"ไมร์โคโฟน" หรือ "เป็นคนตัวเล็กๆแต่มีพลังมาก ส.ห 3-4คนตัวใหญ่ๆเอาไม่อยู่" หรือ สามารถทำให้ฝูงสุนักดุๆเป็นร้อยตัว "เชื่อง"และออกมา"หมอบ"พร้อมๆกันทั้ง100ตัว แต่สมัยนี้..คงหาดูของแบบนี้ยากละ มีแต่ของfake fake เต็มบ้านเต็มเมือง มีแต่(คนหลอกคน) แต่ก็ยังเชื่อว่ามีของจริงแต่คงหาดูยากละเพราะสมัยนี้(ผีกลัวคน)

 

ร่างทรงคือร่างทรง พระคือพระ ตัวเราคือตัวเรา โปรดใช้วิจารณญาณ หมั่นทำบุญรักษาศีล เจริญภาวนา กรรมฐาน เมื่อเกิดดวงตาเห็นทำ จะเข้าใจเอง ............สาธุ


กรรมคือกรรม บุญคือบุญ บาปคือบาป

..

 

ก็เพราะร่างทรง กับวิญญานที่มาเข้ามันมีกรรมที่เกียวพันกันไงครับ ขึ้นชื่อว่ากรรมแล้วอะไรก็มากั้นไม่ได้หรอก ขนาดพระพุทธเจ้าของเราแท้ๆ ชาติสุดท้ายกรรมยังตามไปให้ผลหลายอย่าง

 

พระพุทธรูปแม้ไม่ได้เบิกเนตร หรือ ปลุกเสก ใดๆ แต่เมื่อบุคคลใดเห็น แล้วน้อมใจเข้าสู่พระรัตนตรัยแล้วย่อมสัมผัส และได้รับบารมี ของพระรัตนตรัยเสมอ สาธุ

 

จริงหรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ ร่างทรงบางพวกคือวิญญาณ เเต่ทำไมพระพุทธรูปเต็มตำหนัก อยู่ได้ใงไม่ร้อนหรอ ตอบที เเถมยังชอบสะดุ้งไปสะดุ้งมาเวลาเข้าทรงอีก
สงสัยเห็นหลายคลิปละ มีทั้งพระทั้งเทพ ถ้าเค้าเป็นวิญญาณหลอกลวงจริง ทำไมเทวดาในพระ ไม่ส่งสอนบ้าง
เอาชัวร์ๆเลย ว่า มีอย่างที่ผมบอกใหม ผี หรือ เทพ อันใหนจริง ตรงใหนปลอม

เป็นธรรมทานให้กันเเละกันด้วยจะได้ใม่หลงผิด

ถ้าเขาทำนายทายทักเรื่องราวในใจของคุณได้ แสดงว่า เขาอ่านใจคุณจากกายทิพย์ของคุณครับ

แล้วเขาก็จะให้คุณกลัวหรือทำอะไรบางอย่าง แสดงว่า ร่างนั้นคือ ผีครับ

แต่ถ้าเขากล่าวอีกแบบที่ไม่ถูกใจคุณ และไม่สนใจความรู้สึกของคุณเลย

แสดงว่า ร่างนั้น กึ่งเทวดาและกึ่งมารครับ ส่วนเทพนั้นไม่มีครับ

ยกเว้นในศาลเจ้าคนจีนเท่านั้นครับ

 

อานิสงฆ์

อานิสงฆ์การเล่นของและร่างทรงคือ ชาติหน้าจะไม่ได้เกิดเป็นคน อืม! แล้วอยากทราบมั้ยว่าจะเป็นอะไร ? ................?
อันตรายหนักหนาสำหรับมิจฉาทิฏฐิ

 

กว่าผมจะเริ่มเข้าสู่วงการและได้รู้จักยันต์เกราะเพชร ก็ไม่กี่ปีมานี้เอง ก็สืบหาข้อมูลจนได้รู้จักกับวัดท่าขนุน และผมก็รับจากวัดนี้มาโดยตลอด

ไม่รู้เหมือนกันว่าของจริงหรือของปลอม รู้แต่ว่าถ้าไม่มีของที่รับมานี่ผมคงตายไปแล้วเพราะไม่นานมานี่มีคนทำคุณไสย์ใส่ผม ถ้าไม่สามารถค้นหาของที่มีคนบอกว่าเป็นของจริงได้แต่รอดมาได้ด้วยของที่มีคนบอกว่าเป็นของปลอม ก็ไม่เลวนะ

 

.... เ่อ่อ ไม่รู้จะว่าอย่างไร
แต่อยากบอกว่า ของจริงมี ร่างทรงเทพ,พระโพธิสัตว์ที่ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิมี ท่านมาทรงเพื่อช่วยเหลือทั้งนั้น บางร่างก็ทรงเทวดาเสื้อบ้านเสื้อเมือง(เทวดาอารักษ์เมืองแถวนั้น)

ถ้าพูดถึงของปลอมก็ร้ายจริงๆอย่างที่ทุกท่านว่ามา(แสบสุดๆจริงๆ) แต่ว่าอย่าไปมองแต่ของปลอมที่เราเห็นตามสื่อต่างๆหรือพบเห็นได้เป็นส่วนมากแล้วเหมารวมเลยครับ
.....เข้าใจครับ ผมก็เคยมีอคติกับของพวกนี้เพราะเคยเห็นแต่ของปลอมตามสื่อโทรทัศน์ แต่พอเดี๋ยวนี้เจอแต่ของจริงกับตัวเองเลยเข้าใจ และพอจะแยกออก

อยากเล่าเป็นตัวอย่างสักเรื่องหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ควรเอามาเล่า (เพราะคงต้องขออนุญาต)

แต่ถ้าของจริงนั้นต้องบอกว่าธรรมดามาก เขาอยู่กันปกติเหมือนไม่มีอะไร ไม่ประกาศก้องไปทั่ว บางองค์เขาไม่ยอมบอกอะไรมากเพราะว่าเขาไม่ได้รับอนุญาต ถ้าพูดออกไปเขาจะโดนลงโทษเพราะผิดกฏสวรรค์
หรือเทพชั้นสูงที่ท่านมาช่วยเหลือมนุษย์จริงๆก็มีเหมือนกันที่คนเข้าหามากๆ โดยมาก ท่านจะช่วยเหลือเรื่องที่พอจะช่วยได้ ที่ไม่ใช่เรื่องเวรเรื่องกรรม โดนอาคมดิรัจฉานวิชชาที่ไหนมาแก้ไม่ไหวท่านก็รับแก้ให้ ลูกติดยาค้ายาพ่อแม่ไม่รู้ทำไงพามาหาให้จับโกหกถามความจริง ก็ใช้ฤทธิ์ทรมาณจนยอมกลับตัวก็มี พระนวกะที่เคยบวชในพรรษาเดียวกับผมนี่แหละ เขากลับตัวกลับใจมาบวชแล้วมาเล่าให้ผมฟัง และถ้าเขากลับไปทำไม่ดีอีกจะโดนมาเตือนในฝัน (แต่ตอนนี้สึกแล้ว) แต่ของหายนี่ท่านจะไม่รับ

... อย่าไปพูดเหมารวมส่วนเดียวครับ ถ้าเราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น หรือรู้เห็นแค่บางพวกบางอย่าง เพราะว่าจะเหมือนเราไปลบหลู่ พระโพธิสัตว์-เทพ ที่เขามาเข้าร่างทรงกันจริงๆไปด้วยโดยที่ไม่รู้ ไม่ได้เจตนา
อย่างน้อยถ้าจะด่าก็บอกชัดๆไว้ก่อนว่า"เฉพาะพวกของปลอม" เตือนสติตัวเองก่อนด่า อิอิ

 

จากประสบการณ์โดยตรง..คนเข้าทรงเป็นคนที่ต้องการ การยอมรับจากชุมชน(ในระดับชาวบ้านธรรมดา) ขาดความน่าเชื่อถือในชุมชน มันเป็นกลไกทางจิตที่จิตจะหาวิธีของเขาเอง โดยที่สามัญสำนึกของเขาเองตามไม่ทัน เราเลยได้เห็นคนทรงเกลื่อนเมืองไง

 

"พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"

เอาตามนี้นะครับ อย่างอื่นคุณไม่ต้องไปสนใจ

 

เมื่อคนส่วนมากยังหลงอยู่กับทางโลกมากกว่าทางธรรม ยังไงร่างทรงก็ยังคงอยู่ตลอดไป เมื่อใดที่คนหันหน้าเข้าทางธรรมกันหมดทุกคน ร่างทรงนั้นก็จะหายไปเอง


อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ฟังหลวงพ่อพระราชพรหมญาณเมื่อคืน ท่านบอกว่า ถ้ากลัวผี ให้นึกถึงพระพุทธองค์และขอบารมีพระพุทธองค์ ปกป้องคุ้มครอง หรือไล่ผีไปหากว่ากวนเรานัก คาถาที่ใช้คือ พุทโธ

ส่วนตัวเมื่อก่อนโดนอำบ่อย รวมถึงได้ยินเสียงเรียกชัดเจน แต่ผมชินไปแล้ว ไม่ได้เป็นคนกลัวผี ตั้งแต่ปฏิบัติธรรมหลังจากจบการศึกษา ปตรี ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีผีมาให้สัมผัสเลย

พยายามแผ่เมตตาบ่อยๆ บุญใดที่ข้าพเจ้าพึงกระทำและเป็นกรรมดี ขอให้เหล่าดวงวิญญาณที่ได้รับฟังคำอธิฐานโมทนาบุญกับข้าพเจ้า และมีผลเช่นเดียวกับข้าพเจ้าทุกประการ เทอญ (ผมอธิฐานแบบนี้บ่อยๆ )

 

อยากให้ไปลองอ่าน ของเรื่องจริงที่ยังสงสัยบอกได้ชาตินี้เท่านั้น เล่ม 16(มหัสจรรย์ ปาฎิหาริย์พระพิฆเนศ) อาจารย์แบงก์ สเกตท์กรรม ครับ มีอะไรหลายๆ อย่าง ที่เตือนสติในการเชื่อครับ

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody> <tr> <td class="text14yellowH" align="center" height="25">ร่างทรงองค์เทพ</td></tr> <tr> <td align="left" height="25"> เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องความเข้าใจผิดหรือความหลงผิดของมนุษย์มาแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ความคิดเหล่านี้ก็ยังมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย จนบางครั้งดูเป็นความหลงผิดอย่างมหันต์ เช่น ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ต่าง ๆ โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง หลงยึดติดในเรื่องอิทธิฤทธิ์จนเกินไป ทำให้หลงเป็นเหยื่อของเหล่า 18 มงกุฎ ที่ชอบอวดอ้างตนเอง ตั้งตัวเองเป็นเกจิอาจารย์ ใช้เล่ห์กลมายาและหน้าม้าขบวนการหลอกล่อ กระทำเรื่องราวต่าง ๆ อวดอ้างเป็นผู้วิเศษในเรื่องราวต่าง ๆ จนผู้คนหลงเชื่อ ในที่สุดก็ต้องสูญเสียเงินทองไปกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างช่วยไม่ได้
การเจ็บป่วยของมนุษย์นั้น จัดได้ว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งที่พบเห็นกันอยู่ทุกวัน ดังได้กล่าวมาแล้ว หากเกิดจากดินฟ้าอากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ก็อาจเจ็บป่วยเป็นไข้หวัด ไอหรือจาม เพียงกินยาหรือหาหมอก็หาย บางคนอาจมีวิตกจริตมากชอบคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมายจนเกิดความเครียด นำไปสู่โรคหัวใจ โรคประสาท ก็เป็นไปได้ แต่บางโรคเพียรพยายามจะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย กินยากันเป็นปี ผ่าตัดกันเป็นประจำ ก็ไม่หาย
ดังนั้นหนทางแห่งการแก้ไข ก็เลยหนีจากทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มาเป็นไสยศาสตร์ หาร่างทรงองค์เทพกันไป หายก็มี ไม่หายก็มี เพราะถ้าโชคดี พบกับผู้มีภูมิความรู้จริง ๆ ก็คงจะหาย แต่ถ้าพบผู้แอบอ้างแฝงมาหากิน ก็คงจะเสียเงินมากกว่าจะหาย
สิ่งหนึ่งที่มักจะพบเห็นมักได้แก่ ถูกทักทายว่ามีองค์ และจะต้องครอบขันธ์ครู รับองค์เทพไปบูชามิฉะนั้นจะไม่หายป่วย บางทีอาจถึงตาย คนเรามาถึงขั้นนี้มีหรือจะไม่ยอม ส่วนใหญ่จะยอมรับขันธ์กัน เพราะอยากหายและอยากรวย ดังนั้นเมื่อถูกทักว่ามีองค์ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจ เพราะอาจจะเป็นก้าวแรกที่ท่านจะต้องเสียเงินให้แก่ตำหนักนี้อีก เรื่อย ๆ เช่น การครอบขันธ์ งานไหว้ครู เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ท่านมีองค์จริงหรือ ? ….หรือว่า ถูกหลอก !
</td></tr></tbody></table>