พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::, aries2947, littlelucky </TD></TR></TBODY></TABLE>

นอนกันดึกๆ ระมัดระวังสุขภาพกันครับ...

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::, aries2947, kaicp, littlelucky </TD></TR></TBODY></TABLE>

อิอิ ไปแอบ 1 คน เพิ่งมาหรือครับ คุณ kaicp

 

เพิ่งเข้ามาสักครู่ครับ

 

มีคนดีในโลกนี้มากมายที่ถูกกล่าวหา บ้างตอบโต้ บ้างวางเฉย หากต้องไปตอบโต้ทุกเรื่องคงหาความสงบสุขไม่ได้ ลองนึกทบทวนที่มาของภาพวาดนั้นดีๆว่า เริ่มจากมูลเหตุอะไรก่อนหลัง วาดที่ไหน ใครแนะนำ และแนะนานเท่าใด


ผมรู้จักรุ่นพี่ท่านหนึ่งเป็นประธานรุ่นที่ 16 ของหลักสูตรครูสมาธิ สถาบันพลังจิต วัดธรรมมงคล และท่านก็เป็นนักเขียนภาพด้วย ท่านได้เคยไปที่บ้านอาจารย์ปู่ประถม ท่านไม่เคยเห็นภาพหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ แต่จิตท่านชอบหลวงปู่อิเกสาโร จึงได้เขียนภาพหลวงปู่อิเกสาโรแล้วให้อาจารย์ปู่ประถมดู อาจารย์ปู่ประถมดูแล้วบอกว่าใช่ ภาพที่ออกมาก็มีความคล้ายกับหลวงปู่อิเกสาโร ไม่เหมือนในภาพเสียทีเดียว ภาพในสมาธิของบางคนอาจเหมือนกัน เช่นภาพพระภิกษุที่เรานับถือกัน หลวงปู่โต๊ะก็ต้องเป็นภาพนี้ หน้าตาแบบนี้ ผิดเพี๊ยนไปจากนี้ก็ไม่ใช่หลวงปู่โต๊ะ เป็นหลวงปู่ต๊อกไป ก็คนละองค์กัน


เรื่องลิขสิทธิ์ภาพหากยังสงสัยถึงความถูกต้อง ควรไปพูดคุยกัน ยุติกันให้ได้ จะได้ไม่คาใจกัน คนก็ยังอยู่กัน บ้านท่านก็อยู่มาหลายๆสิบปี คงไม่ย้ายไปไหน วางอัตตาไว้หน้าบ้านท่านก่อนจะไปพบท่าน เรื่องทางโลกที่ไร้สาระ ขนาดพระเครื่องวังหน้าที่ท่านชำนาญยังเบื่อ ไม่ยึดติดเลย ท่านวางเฉยกับหลายเรื่องไปแล้วครับ...

 

สาธุ ครับพี่เพชร(verygood)
เฝ้าบอร์ดคนเดียวตอนดึก ๆ หุๆ

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>narongwate </TD></TR></TBODY></TABLE>

เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:58 AM ​

<!-- currently active users -->

 

แวะมาทักทายกันตั้งแต่เช้าเลยนะครับ
เค้าบอกว่าคนตื่นเช้านี่ได้เปรียบคนอื่นหลายอย่างเลยนะครับ
ได้สูดอากาศสดชื่น เงียบ สงบ บรรยากาศดี แค่นี้ก็กำไรชีวิตแล้วครับ
guawn (วันนี้), nongnooo (วันนี้)
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ]​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>narongwate, guawn+ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:39 AM

 

โอ๊ตครับ พี่สงสัยมานาน ว่านั่นเราหันหลังทำอะไรน่ะ ...

 

ผมคงต้องไปขอชมแล้ว รู้สึกว่าผมโดนท่าน พลตรีท่านหนึ่ง(ไม่ขอเอ่ยนามท่าน) ต่อว่าผมมาว่า ต้องศึกษากันให้มากกว่านี้ ท่านสอนผมมาก็หลายๆเรื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพระวังหน้า หรือพระวังหลวง(พิธีในปี 2451) ผมจะนำจตุคามของผมไปให้ดูด้วยเช่นกันว่า เนื้อหาแตกต่างกันอย่างไรด้วยครับ

.

 

ลูกเสือสามัญมั้งครับ

(b-oneeye)

 

เมื่อคืนนี้ พี่ไปเตรียมพระพุทธรูป,น้ำมันจันทร์ และอื่นๆให้เรียบร้อยแล้วครับน้องเอ เมื่อคืนนี้นำแผ่นเงินเปลว ,ทองเปลว และนาคเปลวใส่เพิ่มเข้าไปอีกมากอยู่ มวลสารเข้มข้นครับ

อื่นๆนั้น เอต้องรอลุ้นนะครับว่าเป็นอะไร

(b-oneeye)

 

ผมได้ล็อคเก็ตของวัดสุทธารามมาจำนวน 2 องค์ ซึ่งเป็นล็อคเก็ตรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้านหลังติดพระยอดธงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันราคาอยู่ประมาณ 3,000 บาท ผมจะนำมาเข้าชุดกับพระวังหน้า(ล็อคเก็ตจำนวน 1 องค์) แล้วจะมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง รายละเอียดและรูปภาพ ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งนะครับ

ส่วนอีก 1 องค์ผมจะขอเก็บไว้บูชานะครับ
โมทนาสาธุครับ
.

 

ขอให้คุณเพชรเดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ และขอให้ประสบกับความสำเร็จทุกๆประการตามที่ตั้งใจไว้นะครับ

โมทนาสาธุครับ
.

จากโพส#34406
http://palungjit.org/threads/เธžเธฃ...นˆเธˆเธฐเน„เธ”เน‰.22445/page-1721#post2539841


<TABLE class=tborder id=post2539841 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">26-10-2009, 01:01 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#34406 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sithiphong<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2539841", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Dec 2005
สถานที่: ชมรมรักษ์พระวังหน้า
ข้อความ: 33,048
Groans: 109
Groaned at 105 Times in 57 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 21,691
ได้รับอนุโมทนา 215,410 ครั้ง ใน 27,598 โพส
พลังการให้คะแนน: 14909



</TD><TD class=alt1 id=td_post_2539841 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->สำหรับวันงานใหญ่ ในเดือนหน้านี้

ผมเตรียมพระวังหน้าและวัตถุมงคลของวังหน้า ไปมอบให้กับทุกๆท่านที่ไปงาน ท่านละ 1 องค์

ส่วนสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า จะได้เพิ่มเติมเป็นพิเศษอีก

และตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันงาน ผมตั้งใจแล้วว่า จะมอบพระวังหน้า ให้กับท่านที่ทำตามที่ใจผมอยากให้ทุกๆท่านได้ทำ แต่จะเป็นอะไร ลองเดาใจผมและลองทำดูนะครับ บอกใบ้ให้ว่า มีอยู่ 2 เรื่อง หากทำได้ทั้งสองเรื่อง ผมมีพระวังหน้า มอบให้เพิ่มเติมอีก

2 เรื่องที่ว่า หลังจากโพสนี้ ผมจะไปโพสในกระทู้พระวังหน้าฯ ในทั้งสองเรื่อง แต่จะเป็นหน้าไหน ขอไม่แจ้งให้ทราบครับ

.<!-- google_ad_section_end -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>

------------------------------------------

สองเรื่องที่ว่านั้น ตามนี้ครับ
1.ให้ใช้โลโก้แทนตัวเอง มีชื่อ ชมรมรักษ์พระวังหน้า
2.ลายเซ็น ขอให้มีชื่อกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ หรือ ชื่อกระทู้ พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

เพียง สอง เรื่อง เท่านั้นเองครับ

.

 

รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 ) จะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

ส่วนยอดคงเหลือ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิและกระทู้พระวังหน้า ฯเป็นระยะครับ (เป็นลิ้งค์ทั้งสองกระทู้ครับ)

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
เมื่อคืนนี้ พี่ไปเตรียมพระพุทธรูป,น้ำมันจันทร์ และอื่นๆให้เรียบร้อยแล้วครับน้องเอ เมื่อคืนนี้นำแผ่นเงินเปลว ,ทองเปลว และนาคเปลวใส่เพิ่มเข้าไปอีกมากอยู่ มวลสารเข้มข้นครับ

อื่นๆนั้น เอต้องรอลุ้นนะครับว่าเป็นอะไร

</TD></TR></TBODY></TABLE>

รับทราบครับน้องเอ

.

 

รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 ) จะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

ส่วนยอดคงเหลือ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิและกระทู้พระวังหน้า ฯเป็นระยะครับ (เป็นลิ้งค์ทั้งสองกระทู้ครับ)
<!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
ขอให้คุณเพชรเดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ และขอให้ประสบกับความสำเร็จทุกๆประการตามที่ตั้งใจไว้นะครับ

โมทนาสาธุครับ
.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

พิมพ์ผิดไปหน่อย ขอโทษครับ

ต้อง โคตรอภิมหาโมทนาสาธุครับ

 

วันนี้กำหนดเดินทางคลาดเคลื่อนไป มีประชุมช่วงบ่าย 2 เลยต้องไปติดต่อกรมศิลป์ฯในวันพรุ่งนี้เช้าแทน และไปถวายพระบรมรูปหินทรายแกะสลักสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่พระนครศรีอยุธยา เดินทางไปสุโขทัยช่วงบ่าย คงจะถึงช่วงเย็นๆมีกำหนดสักการะยังดินแดนพระร่วงเจ้า และตามรอยแร่ข้าวตอกพระร่วงและขากลับกำหนดการไปที่พิจิตร ถวายพระธาตุสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวา และพระธาตุโมคคัลลานะพระอัครสาวกเบื้องซ้ายแด่หลวงปู่ทองดี อนีโฆ ที่วัดใหม่ปลายห้วย

จะทำบุญเผื่อเพื่อนๆในคณะศิษย์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกคนด้วยครับ...

 

ไปดี มาดี ครับคุณเพชร

 

ยินดีด้วยครับ น้องเอ ขอให้ เฮง ๆ รวย ๆ นะครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ

ขอให้คุณเพชร เดินทางไปมา ปลอดภัยนะครับ
โมทนาบุญด้วยครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แข็งแล้วอย่างไร? ไม่แข็งแล้วอย่างไร?
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000086964
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กรกฎาคม 2550 18:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>.
ว่าด้วยความแข็งกับความอ่อนของค่าเงินในแต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีมุมมองและความเห็นที่แตกต่างกันแทบทุกยุคทุกสมัย

ในบางยุคสมัย “ค่าเงินบาท” เป็นศักดิ์ศรีของประเทศ การลดค่าเงินถึงกับเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ทหารต้องออกมาเพื่อที่จะทำรัฐประหาร เพราะไม่พอใจการลดค่าเงินของรัฐบาล

ในบางยุคสมัยที่ประเทศไทยมีหนี้ต่างประเทศเยอะก็ไม่อยากให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เพราะเมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หนี้ต่างประเทศก็จะเพิ่มพูนจนเอกชนที่กู้เงินต่างประเทศต้องมีอันเจ๊งล้มละลายกันอย่างระเนนระนาด จนมีประชาชนต้องออกมาขับไล่รัฐบาลเพราะปล่อยให้ค่าเงินบาทลดลงมาแล้ว

นับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ตัดสินใจเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนครั้งสำคัญ จากระบบตะกร้าเงิน มาเป็นระบบลอยตัวค่าเงิน

ปัญหาในปี 2540 นั้นไม่ใช่เป็นเพราะจะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบใด แต่ปัญหาหลักอยู่ที่เงินบาทแข็งค่าเงินความเป็นจริง ควบคู่ไปกับภาคเอกชนมีหนี้ต่างประเทศมากจนเกินไปโดยนโยบายของรัฐ และประเทศไทยได้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมาเป็นเวลานาน ประเทศไทยจึงได้ถูกกองทุนเฮดจ์ ฟันด์ เก็งกำไรและถูกโจมตีค่าเงินจนประเทศไทยเกือบหมดทุนสำรองระหว่างประเทศ

การประกาศไม่ใช้วิธีลดค่าเงิน แต่มาเปลี่ยนเป็นระบบลอยค่าเงินบาทในปี 2540 แม้จะได้มีเหตุผลในยุคนั้นว่าเพื่อเป็นการหา “ราคาค่าเงินบาทอ้างอิง” ในยามที่ประเทศหมดหน้าตักทุนสำรองระหว่างประเทศในการต่อสู้ค่าเงิน แต่ก็ได้เป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ของนักเก็งกำไรค่าเงินที่สามารถเก็งกำไรค่าเงินได้อย่างไร้ขีดจำกัดเช่นกัน

หลังการลดค่าเงินบาทโดยอาศัยการลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 ได้มีผลโดยตรงทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประเทศที่เกินดุลการค้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ก่อให้เกิดทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถชำระคืนหนี้ต่างประเทศของภาคเอกชน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ก่อนระยะเวลากำหนดชำระหนี้

การใช้ระบบลอยค่าเงินแบบไทยๆ คือระบบที่อ้างแต่เพียงว่าปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ยินยอมปล่อยให้เงินบาทถูกเก็งกำไรได้ นั่นก็คือการปล่อยให้ค่าเงินบาทเป็นไปตาม “ยถากรรม”

การลอยตัวค่าเงินที่ว่านี้ ก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพของค่าเงินในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพิ่มต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ส่งออก และเกิดความลังเลต่อนักลงทุนต่างชาติในการขยายฐานการผลิตในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง

เพราะในระหว่างที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มมากขึ้นจากระดับค่าเงินที่เหมาะสมและแข่งขันกับต่างประเทศได้ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศก็ย่อมต้องเพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเงินต่างประเทศที่ทยอยนำเข้ามาถูกแปรเปลี่ยนเป็นเงินสกุลบาทมากขึ้น เงินบาทก็ต้องทยอยแข็งค่าขึ้นตามธรรมชาติ ตามหลักอุปสงค์และอุปทาน

ถ้าจะใช้ระบบนี้ต่อไปก็หมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่เงินบาทก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ส่งออกหรือมีรายได้จากการท่องเที่ยวได้เปรียบกว่าประเทศคู่แข่ง สถานการณ์แบบนี้ก็จะอยู่ได้ไม่นานและทยอยซึมลงไปเรื่อยๆ จากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นจากระบบค่าเงินบาทลอยตัว และถ้าพยายามแทรกแซงค่าเงินด้วยการซื้อขายดอลลาร์ ก็จะเกิดการเก็งกำไรตามมา

แม้ว่าผู้ประกอบการในประเทศจะต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเอง แต่ตราบใดที่ค่าเงินบาทไม่มีเสถียรภาพ และตกอยู่ในสถานภาพเสียเปรียบคู่แข่งอย่างผิดปกติ ตราบนั้นประเทศไทยก็จะต้องถูกบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันจากระบบค่าเงินที่บริหารและจัดการไม่เป็นของแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง

ระบบการลอยค่าเงิน (Managed Float) ที่จัดการแบบไทยๆ ที่ผ่านมามีความหมายว่า หน้าที่การดูแลค่าเงินอยู่ที่แบงก์ชาติแห่งเดียว และแบงก์ชาติจะทำได้อย่างมากก็เพียงแค่ใช้เครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพในรูปแบบเดิมๆ คือ การเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย และการเข้าแทรกแซงซื้อขายเงินตราด้วยตัวเอง

ไม่ว่าแบงก์ชาติจะอ้างความจำเป็นของการขาดทุนของการแทรกแซงค่าเงินด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างผิดปกติมากที่สุดในภูมิภาค สะท้อนถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการค่าเงินในช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง

จนถึงวันนี้แบงก์ชาติและกระทรวงการคลังก็ยังไม่มีแนวทางที่จะจัดการกับปัญหากับการทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้

เพราะก่อนหน้านี้การตัดสินใจของแบงก์ชาติอยู่บนการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผิดพลาด ลดดอกเบี้ยน้อยเกินไปและช้าเกินไป จนวันนี้ได้เกิดปัญหาโรคใหม่ที่กำลังลามปามอย่างรุนแรงในเรื่องส่วนต่างระหว่างเงินบาทในประเทศ (Onshore) กับเงินบาทในต่างประเทศ (Offshore) ที่มีส่วนต่างกันถึง 4.25 บาท

เป็นโรคที่เกิดจากต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทในต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการที่แบงก์ชาติพยายามแทรกแซงค่าเงินบาทในประเทศให้อ่อนค่าลง จนกลายเป็นโอกาสให้นักเก็งกำไรแสวงหาเงินบาทมากขึ้นเพื่อทำกำไรส่วนต่างของเงินบาทในประเทศกับต่างประเทศ ทำให้เกิดการเร่งดึงค่าเงินบาทให้แข็งค่าเร็วขึ้น และเร่งส่วนต่างของค่าเงินบาทระหว่างในประเทศกับต่างประเทศให้ห่างกันมากขึ้นในเวลาเดียวกัน

การที่เงินบาทต่างประเทศมีมูลค่าสูงกว่าเงินบาทในประเทศถึง 4.25 บาทนั้น หากใครก็ตามที่มีความสามารถนำ “เงินบาทในประเทศ” ที่มีมูลค่าประมาณ 33.66 บาท นำไปแลกเปลี่ยนเป็น “เงินดอลลาร์ในต่างประเทศ” จะได้กำไรถึง 4.25 บาท หรือ 12% ในขาที่ไปต่างประเทศ แล้วขากลับนำเอา “เงินดอลลาร์ในต่างประเทศ” นั้นกลับเข้ามาในประเทศเพื่อมาแลกเงินบาทในประเทศอีกรอบได้กำไรอีก 12% รวมเป็นกำไรรอบละ 24%

ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะได้กำไร 24% ต่อสัปดาห์ ทำอย่างนี้ 3 ครั้งต่อเดือน ได้กำไรถึง 72% ต่อเดือน

และสามารถทำกำไรจากการเก็งกำไรส่วนต่างค่าเงินระหว่าง เงินบาทต่างประเทศและในประเทศได้ถึง 864% ต่อปี !!!

ไม่มีธุรกิจอะไรที่ทำกำไรได้มากขนาดนี้อีกแล้ว ลำพังการลดอัตราดอกเบี้ยคราวละ 0.25% จึงไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อเทียบกับแรงจูงใจกับปัญหาโรคใหม่ที่เกิดจากส่วนต่างของค่าเงินบาทในเวลานี้

ถ้า “ผู้ส่งออกในต่างประเทศ” ที่เปิดบัญชีผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศ เกิดต้องการเก็บเพื่อเก็งกำไรเงินบาท เพราะเชื่อว่า “เงินบาท” ทยอยแข็งค่าขึ้น และยังมีมูลค่ามากกว่าเงินบาทในประเทศเสียอีก การค้าระหว่างประเทศก็มีโอกาสที่จะพัฒนาการซื้อขายที่เสนอเป็น “เงินบาท” แทนเงินดอลลาร์สหรัฐโดยที่ ผู้นำเข้าก็จะได้ราคาสินค้าที่มีราคาถูกลงด้วย และนั่นหมายถึงเงินบาทก็จะทยอยไหลออกไปนอกประเทศโดยบัญชีผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศโยกผ่านบัญชีหลายธนาคาร โดยนำเงินบาทที่ได้ไปแสวงหาผลกำไรโดยการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นกับผู้มีบัญชีถิ่นฐานในต่างประเทศด้วยกันโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในต่างประเทศ โดยที่กฎเกณฑ์ของแบงก์ชาติไม่มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติ

และถ้าทำอย่างนั้นได้ก็จะมีโอกาสที่ผู้ส่งออกในประเทศไทย ไปตั้งบริษัทในสิงคโปร์หรือฮ่องกง หรือเกาะฟอกเงินทั้งหลายเพื่อเป็นเครื่องมือค้าขายทำให้เงินบาทถูกใช้เป็นสินค้าส่งออกและนำเข้าเอาไว้เก็งกำไรได้อีกทางหนึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงนักเก็งกำไรที่เห็นช่องว่างตรงนี้จะทำการซื้อขายเงินบาทผ่านตลาดหุ้น หรือผ่านกองทุนรวมทั้งหลายในต่างประเทศ และทำกำไรส่วนต่างของค่าเงินบาทได้หลายระลอกทุกวัน

ไม่ต้องพูดถึง “การเปิดบัญชีเงินบาท” ของผู้มีถิ่นฐานในต่างประเทศ ที่การบังคับใช้กฎระเบียบของแบงก์ชาติไม่เคยได้ผลในทางปฏิบัติในการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงิน

ไม่ต้องพูดถึง “การนำเงินบาท” ออกไปนอกประเทศทั้งรูปของโพยก๊วน, เช็คเดินทาง, หรือแม้แต่เงินสด ที่ด่านชายแดนของไทยพร้อมที่จะเอื้ออำนวยแบบไทยๆ ร่วมกับบ่อนการพนันในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เงินบาทถูกขนส่งออกไปกลายเป็นสินค้าที่เก็งกำไรอย่างสนุกสนาน

ปัญหาสำคัญอยู่ที่วิธีคิดของแบงก์ชาติว่ายังเชื่อว่าตัวเองอยู่ในวิสัยที่จะยังบริหารจัดการด้วยระบบ “ลอยค่าเงินบาท” ต่อไปได้หรือไม่? และยังมีความสามารถในการทำให้ส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไม่ผิดปกติต่อไปได้หรือไม่?

วันนี้ถ้าจะแก้ไขค่าเงินที่ผิดปกติคราวนี้ มีข้อเสนอ 2 แนวทางคือ

1. บริหารจัดการปริมาณเงินบาทและปริมาณเงินสกุลต่างประเทศโดยอำนาจของรัฐ ซึ่งรวมถึงการชำระคืนหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจก่อนกำหนด, นำเข้าสินค้าตามงบประมาณโดยรัฐพร้อมๆ กัน, ส่งกองทุนของรัฐไปต่างประเทศ

รวมถึงการพิมพ์แบงก์เงินบาทเข้าไปในระบบพร้อมๆ กับเปิดตลาดให้เงินบาทออกนอกประเทศได้เพื่อเพิ่มอุปสงค์ของเงินบาทเข้าไปในตลาด ลดส่วนต่างของเงินบาทระหว่างในประเทศและต่างประเทศ พร้อมๆ กับลดสัดส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐในทุนสำรองระหว่างประเทศให้น้อยลง

2. เปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นแบบควบคุมปริมาณและระยะเวลาการไหลเข้าออกของเงินบาทและเงินตราต่างประเทศ และมีคณะกรรมการการเงินที่เป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา (ซึ่งหลายคนยังสงสัยในความสามารถ ความกล้าหาญ และความโปร่งใสของแบงก์ชาติหากใช้วิธีนี้)

วิธีดังกล่าวข้างต้นนี้มีผลดีและผลเสียต่างกัน และสามารถผสมผสานกันได้ในแต่ละช่วงเวลา แต่ที่แน่ๆ ก็น่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลมากกว่ามาตรการของแบงก์ชาติในช่วงเวลาที่ผ่านมา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>