พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ผมได้รับแจ้งจากพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งจะมอบพระพิมพ์ในสมัยสุโขทัย รัชสมัยพระยาลิไท ผมจึงเลื่อนการมอบพระพิมพ์ของผมออกไปก่อน จนกว่าพระพิมพ์ที่ผมจะได้รับมาใหม่นั้นหมดก่อน

แต่ว่า ผมอาจจะเปลี่ยนใจ ขอดูเหตุการณ์ในอนาคตก่อนนะครับ

.

 

รายละเอียดพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่มอบให้กับผู้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ ( http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68899 ) จะอยู่ในหน้าแรกของกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ

ส่วนยอดคงเหลือ ผมจะแจ้งให้ทราบในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิและกระทู้พระวังหน้า ฯเป็นระยะครับ (เป็นลิ้งค์ไปที่หน้าแรกของกระทู้ทั้งสองกระทู้ครับ)
<!-- / message --><!-- sig -->
<!-- / message --><!-- sig -->

 

มีโครงการอีกโครงการหนึ่งซึ่งคณะผมตั้งใจที่จะทำกันก็คือ การไปสักการะดวงพระวิญญาณพระอุปราชแห่งวังหน้าทุกๆพระองค์ ที่พระอุโบสถวังหน้า(วัดบวรสถานสุทธาวาส) รายละเอียดผมจะไปคุยกับคุณเพชรก่อน และจะแจ้งให้สมาชิกในกลุ่มทุกท่านทราบ

.

 

รับทราบครับ แล้วจะรอร่วมบุญด้วยคนนะครับ(i)

 

ไม่อยากพลาดเลย
หากตรงกับช่วงตุลาคมก็แจ่มเลย เพราะปิดเทอม
(b-love2u)

 

ความจริงเป็นพระหลวงปู่บรมครูท่านอธิษฐานจิต ผมก็ชอบหมด ฉะนั้นเมื่อมีพิมพ์ใหม่มาไม่ว่าพิมพ์อะไรก็ทำให้ตื่นตาเฝ้าชม และก็อยากได้ในที่สุดครับผม

 

คุณหนุ่มได้ทำการเฉลยไปซะแล้ว ก็เลยนำ PM ที่ส่งถึงคุณหนุ่มเช้านี้มาลงให้อ่านกันเลยดีกว่า ขออนุญาตคุณหนุ่มด้วยครับ (ครับ ๆ ๆ ::>เสียงคุณหนุ่มตอบ) เผื่อว่าเพื่อนๆอยากจะเสนออะไรเพิ่มเติม ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยก็ยินดีรับฟังกัน จะได้เตรียมการแต่เนิ่นๆครับ

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1>Recipients: <!--sithiphong-->sithiphong
</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> วันนี้, 06:57 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:18 AM
วันที่สมัคร: Jul 2006
อายุ: 42 ปี
ข้อความ: 1,029 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 8,989 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 9,119 ครั้ง ใน 1,050 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1025



</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สักการะดวงพระวิญญาณของพระอุปราชวังหน้าทั้ง ๕ พระองค์ที่วัดพระแก้ววังหน้า
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมคิดว่าพวกเราทุกคนคงจะมีเวลาว่างช่วงวันเสาร์-อาทิตย์กัน จึงได้สอบดูวันฤกษ์ดี(พรหมประสิทธิ์)ที่ตรงกับเสาร์-อาทิตย์ ปรากฎว่าวันนี้ถึงสิ้นปี มีวันที่เหมาะสมเพียง 3 วันเท่านั้น คือวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม - วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม และ วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม เท่านั้น วันที่ 18 นี้ผมจะไปร่วมในงานพุทธาภิเษกที่วัดท่าซุง ไปอารธนายันต์เกราะเพชรเข้าตัว และนำพระบูชา ๒ องค์ไปร่วมในพิธีเพื่อนำถวายวัด ๑ องค์เพื่อบอกบุญสร้างพระนอนขนาดใหญ่มากที่วัดท่าซุงจัดสร้าง

จึงเห็นว่าวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ น่าจะเหมาะสมที่สุดครับ จะได้เตรียมงานแต่เนิ่น เช่นทำหนังสือแจ้ง listรายชื่อของหมู่คณะ เตรียมสั่งบายสี กรวยดอกไม้ช่วงพฤศจิกายน สำหรับผู้ที่มีพระพิมพ์ของวังหน้า ผมคิดว่าควรจะต้องไปถวายสักการะดวงพระวิญญาณของพระอุปราชวังหน้าทั้ง ๕ พระองค์ที่วัดพระแก้ววังหน้าเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญ คณะเราจะได้ร่วมกันทำการชำระหนี้สงฆ์กันซะเลย และถือโอกาสชมจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นสีเบญรงค์แท้ๆครับ...
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้...
ร่วมสร้างหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และสมเด็จโต พร้อมพระธรรมมาสน์
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอจองคิวที่ 1 ครับพี่เพชร อาจพ่วงภรรยาไปด้วย (b-cap)

 

หากผู้ใดที่มี"พระพิมพ์ปัญจสิริ"ให้หาโอกาสไปชมจิตรกรรมฝาผนังของที่พระแก้ววังหน้าให้ได้ครับ พระอุโบสถกำลังได้รับการบูรณะ อีกทั้งการเข้าไปชม เข้าไปกราบไหว้สักการะก็ยากเต็มที เพราะไม่ใช่สถานที่สาธารณะเปิดให้ชมกันทั่วไป จะต้องทำหนังสือแจ้งขออนุญาตทางวิทยาลัยนาฏศิลป์เป็นทางการ เข้าชมเป็นหมู่คณะ และห้ามถ่ายภาพ เพราะเป็นข้อห้ามหากเผยแพร่ออกไป จะทำให้การดูแลความปลอดภัยลำบากขึ้น

"พระพิมพ์ปัญจสิริ"เป็นพระพิมพ์ที่ผมรักมากที่สุด หากได้อ่านบทความที่คุณหนุ่มนำ post ถ่ายทอดประสบการณ์ของอาจารย์ปู่ประถมเพียง 10%เท่านั้น ยังขนาดนี้ แล้ว 100% จะขนาดไหนก็ลองชมกันต่อไป พระพิมพ์ปัญจสิรินี้ถือเป็นสุดยอดแห่งศิลปะทั้งปวงครับ ปัจจุบันเราจะเห็นการสร้างพระพิมพ์กันมากมายแล้วระบุว่า"ก้นครก" นั่นแหละ แต่นี่ไม่ใช่ก้นครก มัน"ทั้งครก"ครับ เอาพระพิมพ์ไปเทียบสีกับผนังพระอุโบสถ แล้วจะเข้าใจความเป็นมาของ"ปัญจสิริ"ครับ

 

555555 เหมือนดักจิตกันหรือป่าวครับ น้อง chaipat ห้ามถ่ายภาพๆๆๆ อิอิ

 

อีกเรื่องหนึ่งที่"บังเอิญ" ก็คิดว่าไม่น่าจะใช่การบังเอิญ เพราะบังเอิญกันจนชินไปแล้วนั่นคือ ก่อนเกิดเหตุการณ์สำคัญๆ จะมีสัญญาณบางอย่างให้ไปทำอะไร ที่มาต่อ Jigsaw ในภายหลังแล้วจะทราบว่ามันเกี่ยวเนื่องกัน ทั้งหมดนี้จึงตรงกับประโยคที่ว่า "ฟ้ากำหนด ถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะรู้เอง และเห็นเอง"

ช่วงเวลาการเกิดพระเครื่องโบราณอายุกว่า ๖๐๐ ปีในสมัยของพระเจ้าลิไท ราชวงศ์พระร่วง น่าจะช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็เดินทางไปอยุธยา - นครสวรรค์ - กำแพงเพชร - สุโขทัย - พิษณุโลก - พิจิตร เป้าหมายจริงๆคือการตามรอยพระร่วงเจ้า - แร่ข้าวตอกพระร่วง - อัญเชิญพระธาตุสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา และพระธาตุโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้ายถวายแด่หลวงปู่ทองดี อนีโฆเพื่อบรรจุยังองค์พระท่านที่กำลังจัดสร้าง ผมได้พบแร่ข้าวตอกพระร่วงและดินสีอรุณจริงๆที่วัดเขาพระบาทใหญ่ บริเวณที่ขุดพบนั้นเป็นบริเวณรอยพระบาทใหญ่บนเขาขึ้นไปอีก ๑๐๐ เมตร ที่เป็นวัดเขาพระบาทใหญ่เดิมก่อนรกร้าง และมาสร้างวัดใหม่โดยใช้ชื่อเดิม หลวงพ่อฝันเป็นเจ้าอาวาสมาเป็นปีที่ ๑๐ แล้ว ปัจจุบันได้ขุดตัดนำรอยพระบาทไปเก็บรักษาที่วัดตระพังเงิน จ.สุโขทัย

แร่ข้าวตอกพระร่วงนั้นกลายเป็นของที่หาได้ยาก และทางอุทยานประวัติศาสตร์ได้ห้ามการขุด เพราะจะทำให้หินเกิดการทรุดตัวถล่มลงมาที่วัดเขาพระบาทใหญ่ ปัจจุบันชาวบ้านยังคงลักลอบขุดกันเล็กๆน้อยๆ และนายทุนมาขอซื้อเพื่อนำไปบดเป็นผงมวลสารเพื่อสร้างท้าวจตุคามรามเทพกัน ทำให้ราคายิ่งสูงขึ้น กลายเป็นหาได้ยากมากครับ ในความคิดของหลวงพ่อฝัน และผมตรงกันที่ว่า แร่ที่สมบูรณ์ต่างหากจะยังคงมีพุทธานุภาพอยู่ดังเรื่องเล่าที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงได้เคยบอกเล่าในหนังสือสมบัติพ่อให้ว่า เป็นของมงคลที่ไม่ต้องปลุกเสกอีกแล้ว แร่ข้าวตอกพระร่วงที่ได้รับมานี้ได้รับการบอกเล่าจากหลวงพ่อฝันที่จำพรรษาที่นี่มา ๑๐ ปีได้กล่าวว่า

"เท่าที่พบแร่ข้าวตอกพระร่วง ที่นี่จะมีคุณภาพดีกว่าทุกที่ และเป็นแหล่งกำเนิดของพระร่วงเจ้า เป็นสถานที่มีรอยพระบาทเดิม ย่อมต้องเป็นสถานที่เป็นมงคล(ลองเข้าไปศึกษาที่พิพิธภัณฑ์รามคำแหงนะครับ เพราะที่นี่คือพื้นฐานจะพบเรื่องราวมากมายที่นี่ ความรู้เรื่องรอยพระบาท และพระร่วงเจ้าที่นี่เขารักษาได้ดีมาก) แร่ข้าวตอกพระร่วงที่นี่จะมีเนื้อที่แน่นๆกว่าที่อื่น และมีสีเขียว"

ผมมีความรู้เดิมว่า ดินสีอรุณคือดินที่เหมาะแก่การสร้างพระที่สุด และผมได้พบเห็นกับตาตัวเองจริงๆแร่ข้าวตอกพระร่วงที่ได้มานี้อยู่ในดินสีอรุณนั่นเอง แต่ชาวบ้านเห็นว่าเป็นดินก็คือดิน อาจจะเห็นจนชินไปแล้ว แต่ในความรู้สึกของผม ผมคิดว่าเป็นดินที่สีสวยมากครับ เป็นสีเหลืองทองอร่าม คล้ายสีของแดดช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆโพล้เพล้อย่างนั้นครับ

เมื่อนำเรื่องทั้ง ๒ นี้มาต่อภาพ jigsaw กัน ผมก็ได้ถึงบางอ้อว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน และยังมีนัดกันที่บ้านอาจารย์ปู่ประถมในวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคมนี้อีก เพื่อนท่านใดที่สนใจอยากได้"แร่ข้าวตอกพระร่วงติดดินสีอรุณ"ไว้บูชาก็เชิญทำบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งที่ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า ๔๐% และผมขอถวายแร่ข้าวตอกพระร่วงแด่พระอาจารย์นิลจำนวนหนึ่งเพื่อไว้บรรจุที่พระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งทั้ง ๔ ทิศตามที่หลวงพ่อฝันเล่าให้ฟังว่า "ได้พบแร่ข้าวตอกพระร่วงนี้ใน ๔ ทิศของพระธาตุเจดีย์ที่คนโบราณได้บรรจุไว้"

 

อนุโมทนาสาธุ

 

หากเรานำศาสตร์แห่งพลังจิตใต้สำนึกมาใช้ในการสร้างมโนภาพที่เป็นมงคลนั้น ให้เราเห็นภาพในจิตเป็นเงาคนก่อน แล้วค่อยๆแปรภาพเงาสีดำนั้นให้เป็นสีทอง ซึ่งเป็นสีของความเป็นมงคล และความศักดิ์สิทธิ์ หากเรามุ่งหวังผลไปทางด้านเมตตา ให้เราแปรสีในจิตนั้นเป็นสีชมพูเรื่อๆ...ไม่ต้องเห็นเป็นรูปธรรมชัดๆ แต่ใช้การสื่อไปที่สีในจิต เพียงเข้าใจศาสตร์แห่งสี(colour healing) เราจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ทุกเรื่องที่เป็นคุณประโยชน์ครับ การใช้สีเข้ามาช่วยจะทำให้เราเกิดความรู้สึกร่วม(emotion)ได้ดีกว่าภาพขาวดำ คล้ายกับการดูทีวีจอสี และทีวีจอขาวดำ ก็สามารถดูได้เหมือนกัน เพียงแต่แบบไหนให้ความรู้สึกร่วมมากกว่ากันเท่านั้น ขอให้เลือกให้เหมาะกับจริต และจิตของเราครับ

 

โอ้วว ลึกซึ้ง ๆ
อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา มโนมยิทธิ หรือเปล่าครับพี่เพชร

 

ต้องไม่ไปสับสนว่าพลังจิตใต้สำนึกคือมโนมยิทธิ คนละอย่างกันครับ บอกเล่าไปไม่เกิดประโยชน์อันใด ลองปฏิบัติดูให้เข้าถึง"มโนมยิทธิ"แล้วจะเข้าใจเอง..

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พระนิพพานต้องปฏิบัติ ไม่ใช่ภาษาพูด

 

ค่อยๆทำไปดีกว่าครับ อย่าตั้งใจเกินไป อย่าอ่อนปวกเปียกเกินไป แบบสบายๆ เพราะการตั้งใจเกินไป และเร่งเกินไป มันจะเลยขีดที่จิตเป็นทิพย์ อ่อนเกินไปก็ต่ำกว่าขีดที่จิตเป็นทิพย์ มันต้องพอดีๆ พระพุทธองค์ถึงบอกทางสายกลางไงครับ

หลักการที่สำคัญของพลังจิตใต้สำนึก และกรรมฐานมโนมยิทธิคือ"ศรัทธา" และ"อย่าสงสัย" พลังจิตใต้สำนึกเคล็ดสำคัญอยู่ที่เอาจิตเราเข้าไปในช่วงของคลื่นอัลฟ่า(Alpha)ให้ได้ เป็นอารมณ์คล้ายช่วงเวลาของการขับรถ เมื่อเจอไฟแดงเราก็เหยียบเบรคเองอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้สมองสั่งการ แล้วเห็นภาพความสำเร็จ หรือเป้าหมายที่จิตเสร็จหมดแล้ว ระหว่างทางไม่ต้องไปคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวมันไป clear ปัญหาให้เองทั้งหมด ได้ทางออกแบบชนะ-ชนะ(win-win) ทั้งหมดนี้หาเรียนได้จากหลักสูตร Silva 's Mind Control คนละแบบกับหลักสูตรที่มีการตัดตะเกียบ แนวทางที่เรียนนี้เป็นแนวทางจากภายในสู่ภายนอก ไม่ต้องใช้แรงจูงใจ หรือการกระตุ้นแต่อย่างใด ส่วนหลักสูตรที่มีการตัดตะเกียบนั้นเป็นแนวทางจากภายนอกสู่ภายใน ต้องมีการสร้างแรงบันดาลใจ การพูด motivation การปลุกระดม ทำนองนี้ ทำให้จิตมันฮึดสู้ แล้วแต่แนวทางของคนถนัดแบบไหน หลักสูตรของ Anthony Robbins ที่จัดที่สิงคโปร์ ราคาสูงเอาการอยู่ ก็เป็นแบบหลัง สำหรับผมชอบแบบแรกคือ ภายในสู่ภายนอก เงียบๆ สงบ แต่เปี่ยมพลัง มันหยุ่นกว่ากันมาก ไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าว เราก็ชนะได้ครับ...

ส่วนการฝึกมโนมยิทธิ หลวงพ่อบอกว่า การสอนผิดๆ เป็นบาป พี่เล่าให้ฟังละกัน ไม่ได้สอนนะครับ พี่รู้สึกว่า ตอนที่เราฝึกมโนมยิทธินั้น เราจินตนาการไปเองตามที่ครูผู้ฝึกพูดไป แล้วเรานึกภาพตาม หลวงพ่อบอกว่าในขั้นแรกเรายังไปไหนไม่ถูก เหมือนเราไม่รู้ทาง ต้องให้ครูเดินนำไปก่อน จนเราชินทาง จึงปล่อยให้เราเดินเอง ตรงขั้นตอน เดินนำ หรือจูงนี่ สำคัญมาก มันอาจจะเป็นอุปทาน จนบางคนคิดว่าไม่มีอะไร ไม่เห็นได้อะไรเลย และเหมือนจำจากเขามา หรืออ่านหนังสือมากๆจนคิดว่าครูผู้ฝึกไปท่องจากในหนังสือมา พี่แนะนำให้เดินตามครูไปก่อน ทำโง่ไว้ดีที่สุด "เรียน" และ"เลียน"แบบคนโง่ดีที่สุด พอนำไปถึงจุดๆหนึ่ง จิตเราเป็นทิพย์มากขึ้น ศีลในขณะปฏิบัติกรรมฐานนั้นบริสุทธิ์แน่ๆครับ ตอนนั้นแหละ เราจะเริ่มเห็นภาพในจิตชัดขึ้นๆ หรือรู้สึกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ จนเมื่อเราเดินไปข้างๆครูฝึก และเดินนำครูฝึก แต่จริงๆครูฝึกไม่ได้เดินช้ากว่าเรา แต่"จงใจ"เดินช้ากว่าเรา เพื่อสอบอารมณ์เราว่าได้หรือยัง คือเราจะเห็นภาพก่อนที่ครูฝึกจะพูดก่อนประมาณ 10 วินาที แล้วครูถึงจะพูดยืนยันภาพที่เห็น ซึ่งภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพที่ไม่เคยอยู่ในความคิดมาก่อน เป็นภาพแรกที่แปลกที่สุดในชีวิตของเรา เท่านั้นแหละครับ เราจะเข้าใจเองว่า "พระนิพพานมีจริง"

ขอขมาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรมพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมาโดยมีหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร หลวงปู่พระฤาษีคุรุบาบาจี หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด หากลูกได้กล่าวผิด หรือทำรู้ดีเกี่ยวกับวิชามโนมยิทธิของพระพุทธเจ้า แล้วถ่ายทอดแบบผิดๆ ขอพระองค์ทรงอโหสิกรรมให้ด้วย..

 

โมทนาสาธุครับ

.

 

<MARQUEE scrollAmount=2 scrollDelay=83 width=358 bgColor=#ffff00 height=82 msambientcpg="874">อย่าลืมนะครับ โปรดติดตามพระพิมพ์ชุดพิเศษ สมัยสุโขทัย องค์พระยาลิไทท่านเป็นผู้ดำเนินการให้จัดสร้างขึ้นครับ โมทนาสาธุครับ</MARQUEE>

 

ตัววิ่งอีกแล้วววว...ตามไม่ทันวุ๊ยย (cry)

 

<MARQUEE scrollAmount=2 scrollDelay=83 width=358 bgColor=#00ffff height=82 msambientcpg="874">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) sithiphong, :::เพชร:::+, aries2947+, chaipat+, somk2499</MARQUEE>

เรียนสมาชิกคนแก่(ลุงเม้า ,คุณพันวฤทธิ์ ,คุณเพชร)ครับ

ผมทำให้ช้าลงแล้วนะครับ

.