จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    อ้อ..ลืมบอกไปนิดนึง เวลาถอยฌานนะครับด้วยลมหายใจนะ
    ให้สูดหายใจเข้ายาวๆลึกๆให้เต็มถัง(ปอด)เลย แล้วก็ค่อยๆผ่อนออกมาทางปากยาวๆให้หมดถังเลย.. แค่นี้แหล่ะ..

    อาการมึน ง่วงนอน เบลอๆ หลงๆลืมๆ เพลียๆ ไม่เอาอะไรเลย เริ่มชอบความสงบ สำรวม ไม่อยากคุยกับผู้คนแล้ว บางทีก็รำคาญบ้างที่เขามารบกวนเรา แต่ให้สังเกตุนะครับว่าเราจะมีสติรู้ตัวอยู่เกือบจะตลอดเวลานาทีเลย อะไรจำพวกนี้แหล่ะที่เราเรียกของเราเองว่าเป็นอาการของการ"เมาฌาน" คือจิตมันทรงฌานของมันเองตลอดและก็จะดิ่งอย่างเดียว
    ถ้าเป็นดังนี้ก็ให้ส่งเมลล์ เล่าอาการของเราเองไปให้ครูเพ็ญ(ครูฝึกเราเองน่ะ) เดี๋ยวท่านจะเริ่มสอนขั้นสูงขึ้นอีกถัดๆไป..

    สาธุขอให้จิตยกไวไวด้วยครับ..
     
  2. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    เจอชมแบบนี้อดเป็นปลื้มไม่ได้ครับ แต่ก็แป๊บเดียวก็เฉยได้ ผมก็เอามาจากหลวงพ่อท่านครับ เจอใครตักบาตรหรือเจองานบวชงานบุญก็อนุโมทนา ทำบ่อยๆจะรู้สึกได้ว่าใจเราเองเบาลงไปเอง เมื่อก่อนรถติดหงุดหงิด ก็สวดมนต์หรือแผ่เมตตตามาตลอดทาง ก็แปลกที่เราเปลี่ยนแปลงไปแบบเห็นได้ชัดครับ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอโมทนาบุญด้วยนะครับ

    เอาแล้วๆ
    ผมเห็นดวงจิตเขาวิ่งแข่งกันครับ
    จิตคุณ watjojoj & Dhammanee
    ผมจะทายผิดไหม๊หน๋อ เดี๋ยวคอยดูชม บุญเปลี่ยนทุกอย่างได้เจงๆ
    คุณเชื่อหรือไม่

    มีน้องอยู่คนนึงเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนปฎิบัติธรรม เคยมีหมอดูทักแม่น
    แต่พอได้มาปฎิบัติธรรมแล้ว กลับบอกว่าดูไม่ได้แล้ว มองไม่เห็น
    เอ๊ะเป็นไปได้
     
  4. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ตามความเข้าใจของผมนะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขอคำแนะนำด้วยครับ ในการฝึกฝนทางพุทธศานาด้านกรรมฐานไม่ว่าจะกองใดก็ตามนั้น จิตเราต้องละเอียดก่อน เนื่องทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนั้น ท่านอยู่ในภพภูมิที่ละเอียด ซึ่งหนทางแรกก็น่าจะเป็นศีล5 และไล่ไปตามละดับ ฉะนั้นหากศีลเราไม่ละเอียด ซึ่งทำให้จิตเราไม่ละเอียด ก็ไม่มีทางปฏิบัติได้ เมื่อเราฝึกจิตเกาะภาพพระ เราจะรู้สึกว่าพระอยู่กับเราตลอดเวลา ตัวเราหรือจิตเราจะมีความเกรงต่อบาปไปโดยอัตโนมัติ และศีลต่างๆเราก็จะบริสุทธิ์ไปเอง ฉะนั้นตัวเราเองต้องเชื่อมั่นในองค์พระพุทธเจ้าเต็ม100 ก่อน แล้วทุกอย่างจะตามมาเอง นี่คือในความเข้าใจของผมนะครับ หากผิดพลาดประการใดผมต้องขออโหสิกรรมด้วยครับ เพราะผมถือว่าผมยังอนุบาลมาก เพราะที่ท่านอาจารย์ลูกพลังสอนคือต้องทำด้วย ทำำำๆๆๆๆๆครับ อ่านอย่างเดียวก็ไม่ไปไหนครับ
     
  5. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๓๐ ณ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕

    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
    กับจิตบุญดวงที่ ๓๐
    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ

    สาธุ สาธุ สาธุ


    [​IMG]
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    วันนี้เป็นวันของผึ้งน้อย
    ผู้ประกาศข่าวหายไปไหน


    [​IMG]

    ***แหม๊พูดถึงก็มาพอดีเลย
    โมทนาสาธุกับคุณผึ้งน้อยเป็นล้านๆครั้ง
    เย้ๆ ใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว

    ว่าแต่ว่า บัวหลังสวนใครหน่ะ แหม๊! งามแต้งามว่า หลงน้องบัวซะแร๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2012
  7. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    คุณผึ้งศิษย์คุณดัชยกจิตสำเร็จเป็นลำดับที่ 30 ของกลุ่มจิตบุญ
    เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2555
    รวมระยะเวลาฝึกจิตเกาะพระ 73 วัน

    คุณผึ้งเป็นแม่บ้านค่ะ
    ซุ่มแอบฝึกจิตเกาะพระอยู่คนเดียวบนกระทู้มาสักระยะหนึ่ง
    ก่อนจะตัดสินใจส่งอีเมลมาหาพี่เพ็ญ
    แล้วท่านก็เพียรทำจิตเกาะพระไปพร้อมกับทำหน้าที่แม่บ้านไม่ขาดตกบกพร่อง
    คุณผึ้งเป็นตัวอย่างของผู้ปฏิบัติที่มีความเพียรยอดเยี่ยมอีกคนหนึ่ง
    เพราะแม้เธอจะห่างส่งการบ้านไปพักหนึ่ง
    แต่เธอก็ไม่ทิ้งจิตเกาะพระ
    ฝึกทำความเพียรด้วยตนเองจนกระทั่งจิตเข้มข้น
    จึงตัดสินใจส่งการบ้านอีกครั้ง
    หลังจากนั้นครูดัชก็เฆี่ยนซะห้อไม่หยุด 555
    จนท่านสำเร็จวิชาจิตเกาะพระในวันนี้

    ขอเชิญชาวจิตบุญ ชาวจิตบำเพ็ญ ชาวจิตเกาะพระ
    จงกล่าวโมทนา สาธุการเทอญ
     
  8. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    หายไปกับเวลาทางโลกน่ะจิพี่ภู 555
    โลกนี้มันไม่เที่ยงแท้แน่นอนสักที
    มีแต่พักเที่ยงเดี๋ยวเดียวก็ต้องกลับไปไม่เที่ยงอีกแล้ว ฮ่าๆ งงไหม?

    ขอแสดงความยินดีกับคุณผึ้งอย่างสุดซึ้ง
    ถ้าหลายท่านเคยติดตามอ่านบนกระทู้มาตลอด
    ท่านจะนึกออกคุณผึ้งคือคุณแม่ของพระโสดาบันวัยหกขวบที่พี่เพ็ญช่วยดันจิตเธอขึ้นในครั้งนั้น
    เพราะจิตลูกสาวของคุณผึ้งแก่มากแล้ว ไม่ดันขึ้นก็ไม่ได้
    คุณผึ้งนี่แหละคือคุณแม่ของลูกสาวอริยบุคคลเบื้องต้นด้วยวัยเพียงหกขวบกว่าเท่านั้นเอง
    คุณผึ้งขาช่วยมารายงานตัวกับพี่ภูด้วยค่า

    คุณเกษพี่เพ็ญเห็นคุณเกษแล้ว จิตคุณเกษกำลังวิ่งเกาะกลุ่มมาติด ๆ
    ทำต่อไปค่ะ ให้มีสติตามรู้สภาวธรรมที่เกิดขึ้นจริง
    วันนี้พี่เพ็ญจะไปสอนจิตเกาะพระที่วัดดอยเปา
    ไม่แน่ใจว่าจะกลับดึกไหม
    ถ้ากลับดึกจะมาตอบให้พรุ่งนี้ค่ะ
    ดีใจค่ะที่คุณเกษกลับมาเดินทางตรง
    ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมแล้วค่ะ
    ขอให้คุณเกษมีความเพียรปฏิบัติจิตเกาะพระต่อไป
    รับรองคุณเกษถึงนิพพานในชาตินนี้แน่นอน
    ถ้าพี่เพ็ญไม่มั่นใจว่าจะช่วยคุณได้ ไม่เพ็ญไม่กล้ารับรองหรอกค่ะ
    เพราะฉะนั้นมั่นใจในมรรคและผลที่เราได้จากการปฏิบัตินะคะ
    ขอให้เจริญสุขและเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงซึ่งนิพพานโดยเร็วพลันในชาติปัจจุบันนี้เทอญ
     
  9. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและขอโมทนากับจิตบุญดวงใหม่ด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไม่มีใครตอบ
    งั้นข้าพเจ้าขอเหมา
    ก่อนอื่นขอโมทนาจิตคุณwatjojoj คุณกล่าวมาถูกต้องแล้ว
    จิตคุณรู้ทุกอย่าง แต่จิตขาดความเข้ม จิตจะเข้มก็ต่อเมื่อสติเข้ม จบ.

    แต่จะขอพูดเพิ่มเติมจากตำรา สืบเนื่องมาจากการปฎิบัติจริงของตัวผู้เขียนเองดังนี้ คือ
    ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นแก่นแท้ในทางพุทธศาสนา
    แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมองเห็นความสำคัญกับเรื่องแก่น
    แต่ผู้เขียนก็พอจะเข้าใจนะว่า ทำไม?
    ตามที่คุณwatjojoj กล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เพียงแต่ละคนจะใช้ภาษาสมมุติเข้าไปอธิบายให้คนส่วนใหญ่เข้าใจนั้น มันยากตรงนี้เอง

    จะขอสรุปเพียงสั้นๆ ก็คือ
    ก่อนอื่นพวกเราจะเริ่มปฎิบัติธรรม ไม่ว่าท่านจะยกกองกรรมฐาน ที่มีอยู่ทั้งหมด 40 กอง นำมาเจริญสติภาวนากัน
    กรรมฐานทั้ง 40กองนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น หรือทำให้จิตใจของเรานิ่ง หรือสงบลงได้ นั่นเอง
    ***สำหรับจิตเกาะพระนั้น จะรวมทั้ง พุทธานุสสติ(ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์เดียว)+กสิณ(การเพ่ง/ดูอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอารมณ์)

    แต่ปัญหามันอยู่ที่บันไดขั้นแรกนี้กันต่างหากเล่า ผู้เจริญทั้งหลาย ก็คือ
    ศีล ศีลก็แปลว่า ธรรมดาๆ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบไปทำที่ไม่ธรรมดากัน
    ขอพูดแค่ศีล5(ศีลหยาบ) เช่น ศีลข้อหนึ่ง แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตต่างคนก็ต่างอยู่ ก็จะไม่มีใครทำร้ายใคร หรือไม่มีใครเบียนเบียนกัน หรือไม่มีใครมาทำให้เดือดกันนั้น คือธรรมดา ใช่ไหม๊ แต่ทุกวันนี้ที่มันมั่ว ยุ่ง วุ่นวายกัน ก็เพราะอะไร ก็เพราะว่า ทำผิดศีลกันมากจนกลายเป็นเรื่องปกติ
    มาพูดถึงว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกัน ก็เพราะว่า คนส่วนใหญ่ไม่ดูแลจิตตนเอง อันนี้เป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญ
    เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่สนใจจิตกันแล้ว เราเองนี่แหล่ะจะไม่เข้าใจจิตของตนเองเลย ต่อไปก็จะไม่เข้าใจจิตใจของผู้อื่นตามไปด้วย เพราะอะไร ก็เพราะว่าคนที่ไม่สนใจดูจิตตนเองนั้น จิตจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ ที่ต่ำหมายถึงกิเลสฝ่ายต่ำของตนเอง คือ เราก็จะกลายเป็นว่ามีทั้งรัก โลภ โกรธ หลงก็จะอยู่ในตัวเดียวกัน เรียกได้ว่า 4in1 คือกิเลสทั้งหลายก็จะมากองรวมกันที่จิตตัวเดียว

    เพราะฉะนั้นผู้เจริญทั้งหลาย ท่านจะมาปฎิบัติธรรมกัน ถ้าท่านไม่สนใจเรื่องศีล ท่านก็จะไม่สามารถเดินบันไดขั้นที่สองต่อไปนี้ หรือที่พวกเรามักเรียกกันว่า เมื่อปฎิบัติไปได้สักระยะนึง ผู้ปฎิบัิติก็จะทราบด้วยตนเองว่า ไม่เจริญในธรรมเท่าที่ควรเลย
    นี่ไงปัญหาแรกสุด ที่ผู้ปฎิบัติธรรม ไปไม่ถึงไหน หรือเข้าไปไม่ถึงจิตตนเอง
    ส่วนจะเข้าถึงธรรมก็ไม่ต้องไปพูดถึงกัน ทำแค่จิตตนเองยังไม่นิ่งกันเลย
    อย่าเพิ่งกระโดดข้ามไปทำภาวนาในขั้นที่สอง ก็คือ สมาธิ
    ยิ่งขั้นที่สาม ก็คือ ปัญญาก็ยิ่งไกลไปใหญ่
    ตราบใดจิตพวกเรายังไม่นิ่ง ก็หมายความว่า จิตเรายังหยาบอยู่ ที่นักภาวนาชอบพูดกัน นั่นแหล่ะ
    ภาษาธรรมะนี่จะพูดไปแล้ว จะว่าง่ายก็ง่ายสำหรับผู้ที่ทำจิตนิ่งเป็นแล้ว
    แต่จะเข้าใจยากสักหน่อยสำหรับผู้ที่ทำจิตไม่นิ่งกัน เป็นธรรมดา
    สรุปแล้วศีลธรรมนั้น เสมอภาค หรือเท่าเทียมกันหมด

    ผู้เขียนจะเฉลยให้ฟังกันอีกนิด ก็คือ เรื่องศีล
    ศีลนอกจากแปลว่าธรรมดา ปกติกันแล้ว
    แต่ที่จริงแล้วศีล ก็คือสติของเราดีๆนี่แหล่ะ
    ขอให้พวกเราสังเกตกันง่ายๆ ก็คือ เวลาคนโกรธอะไรก็ตาม บางคนหลายชั่วโมง บางคนหลายวัน หลายอาทิตย์ หลายเดือน หรือโกรธข้ามปีก็ยังมี
    คือคนยิ่งให้อภัยคนไม่เป็นเลยนี่ เสียเปรียบ ถ้าตายระหว่างมีความดฏรธอยู่ในจิต จุติ(ที่ไป)ของจิตก็คือ อบายภูมิเป็นที่ตั้ง จำกันให้ดีนะ
    โกรธเมื่อไหร่ก็=นรก ไม่ใช่สวรรค์พรหมนิพพานนะ ท่องให้แม่นๆกัน

    นี่แหล่ะผลเสียมาจากคนที่ไม่สนใจดูจิตตนเอง=จะไปนรกง่ายดายที่สุด
    ผลตรงกันข้าม สำหรับผู้ที่สนใจดูแลจิตตนเอง=มรรคผลนิพพานเป็นที่ไป


    แค่นี้ก่อนไหม เพราะทำท่าจะยาวอีก
    วันหน้าขอเดี่ยวไมโครโฟนดีก่า พูดยาวๆได้
    Stand Up Comedy
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2012
  11. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ ครูภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูอัญญะมณี ครูวิทย์ ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูนิวเวบครูนก ครูจารุณี ต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้เข้ามาเพราะขันธ์5 ผิดปกติ เนื่องจากอากาศในโลกตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงมาก เดี๋ยวฝนตก สักประเดี๋ยวร้อนอีกแล้ว จึงทำให้ร่างกายป่วย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก เมื่อร่างกายป่วยก็ทานยา พักผ่อน แต่จิตยังคงปฏิบัติการเกาะพระไปเรื่อยๆค่ะ จิตไม่ทุกข์แม้ร่างกายจะป่วย เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราแค่อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น แต่เมื่อร่างกายชำรุด เราก็ต้องซ่อมแซมไปเท่าที่ทำได้ จนกว่าจะได้กลับบ้านที่แท้จริงของเรา(แดนนิพพาน)

    วันนี้วันพระได้ทำบุญใส่บาตรพระ 3 รูป ถวายดอกไม้ พวงมาลัย ขนม ผลไม้ นมและน้ำ ไม่ทานเนื้อสัตว์ สวดมนต์ สมาธิ กรวดน้ำและแผ่เมตตา ลูกขออารธนาบารมีพระพุทธเจ้าองค์ปฐม(ท่านพ่อ)และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม พระสงฆ์ นำผลบุญที่ลูกได้กระทำและมีอยู่ส่งให้ครูภู ครูเพ็ญ ครูดัช ครูอัญญะมณี ครูวิทย์ ครูลูกหว้า ครูลูกพลัง ครูนิวเวบ ครูนก ครูจารุณี ท่านจิตบุญทุกท่าน รวมถึงท่านที่กำลังปฏิบัติและท่านที่เข้ามาดูมาอ่าน ในกระทู้นี้ ขอให้มีความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม สมความปรารถนาดังที่ตั้งใจด้วยเทอญ...สาธุ
     
  12. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    รอหน้าจอครับ จากที่ผมทำมาศีลไม่ครบ สมาธิยากครับ เพราะเรามีเรื่องเข้ามา เราก็จะมีอาการทันที สมาธิเลยไม่ดีตามไปด้วยครับ พอเข้าใจที่ท่านอาจารย์ทุกท่านสอนครับว่าหากใจเรามีพระ ศีลเราจะค่อยๆปรับตัวเอง จึงเป็นหนทางที่สั้นที่สุดที่เข้านิพพานครับ ส่วนจะทำได้ไม่ได้อยู่ที่ความเพียร ของผมบางครั้งก็ต้องยอมแพ้ต่อกิเลศครับ แต่มั่นใจว่าลดลงฮวบฮาบ สงสัยต้องเข้าคอร์สติวเข้ม
     
  13. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ที่นี่ ที่นี่
    สถานีบ้านรากแก่น

    บอกแล้วสถานีนี้ เน้นแก่น
    (ไม่ใช่สถานีขอนแก่นนะ ลูกหว้า ลูกฟ้า ลูกนัท)
    เปลือกไม่เน้น


    แก่นที่หนึ่ง ก็คือ เน้นสร้างบุญภายใน หรือ บวชจิตอย่างเดียว กายจะห่มสีอะไรก็ช่างศีรษะมัน
    แก่นที่สอง ก็คือ เน้นปฎิบัติบูชา หรือ ปฎิบัติธรรมมากกว่าอามิสบูชา
    แก่นที่สาม ก็คือ เน้นเดินทางตรง หรือ มุ่งสร้างอริยบุุคคลฝ่ายฆราวาส
    นอกจากเรากล้าทำตนเองให้เป็นอริยบุคคลแล้ว แต่พวกเราก็กล้าที่จะสร้างคนอื่นๆให้เป็นอริยบุคคล มิใช่แค่สร้างตนเองเพียงอย่างเดียว หรือข้าเก่งคนเดียว หรือข้าไปนิพพานคนเดียว อันนั้นไม่ดีแน่ ใครทำฉันไม่ทำ สำนักไหนทำ สำนักนี้ไม่มีจะให้ทำ
    ตอนนี้มีแค่กระทู้โดดๆ ก็สร้างอริยบุคคลได้แล้ว โดยที่พวกเราไม่เสียกะตังค์กันสักบาทเดียว
    แก่นที่สี่ ก็คือ เน้นทำภาวนา หรือเจริญสติภาวนา ที่จะให้พวกเราได้มีโอกาสได้เข้าถึงกระแสจิต กระแสธรรมได้โดยง่ายดาย ก็คือ ทำจิตเกาะพระ
    ***ใครจะมาบอกว่า ใครใช้ คำว่า จิตเกาะพระเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้านั้น คนนั้นหลงเปลือกนอก ดีแต่แอบอ้างผู้อื่น เพราะไม่มีปัญญาเป็นของตนเอง
    ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้คนเชื่อตามกันมา แต่ท่านสอนให้เชื่อในปัญญาของตนเอง(เท่านั้น)

    เพราะศาสนาพุทธ เป็นศาสตร์แห่งปัญญาและเหตุผล จึงมิใช่ความเชื่อ
    แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ปัญญาของเรานั้น มีกันไหม๊ เท่านั้นเอง

    พวกเราอย่าไปติดแค่เปลือกนอก
    และเราเท่านั้นจะเป็นผู้พิสูจน์ด้วยตนเอง เรามิใช่แค่พูดแล้ว มาให้พวกท่านมาเชื่อกัน และไม่ต้องมากล่าวคำยินดี คำเยินยอ หรือสรรเสริฐ เพราะจิตบุญมองข้ามไปหมดแล้ว อัตตา ตัวตน อุปาทาน มานะ เจอเมื่อไหร่ให้ฆ่าทิ้งทันที

    การกระทำดีพวกเราต้องกล้าแสดงออก แต่กระทำความชั่ว สิน่าอาย
    อายฟ้าดิน อายผีสาง อายนางฟ้า อายเทวดา อายสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    เพราะต่อไปนี้ ใกล้จะถึงยุคคนดีครองเมืองบ้างแล้ว


    ***คนดีในที่นี้ หมายถึง คนที่มีศีลและธรรมประจำจิต ประจำใจ***
    ***นิยมจิตใจมากกว่าวัตถุ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2012
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    แต่ถ้าพวกเรามีสติกัน กิเลสจะไม่เพ่นพ่าน หรือกิเลสจะหมอบเพียงชั่วคราว แต่จะโผล่ขึ้นมาอีกทีนึงก็เมื่อพวกเรา เผลอ

    สมาธิ หรือฌาน เปรียบเสมือนหิน กิเลสเปรียบเสมือนหญ้า คือหินทับหญ้า แต่เมื่อไหร่เอาหินออก หญ้านั้นก็จะเจริญงอกงามเหมือนเดิม นั่นหมายถึงหินไม่อยู่แล้ว ความหมายก็คือ ฌานถอย ฌานเสื่อม

    แต่ถ้าจิตใครที่มีปัญญาเป็นของตนเองแล้ว ไม่ว่ากิเลสหยาบ กลาง ละเอียดจะตายสนิท หมายถึง จิตบริสุทธิ์ จิตเข้าถึงธรรมแล้ว
    แต่ถามว่ากิเลสมันหายไปไหนหมด มันก็แค่ตายไปจากใจเท่านั้น
    แต่ถามว่ากิเลสมันอยู่ที่ไหน ก็ยังอยู่ที่ร่างกายครบหมดทุกอย่าง เหมือนเดิม
    เพียงแต่แยกกาย แยกจิต คือไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป
    แต่จิตกับกายก็ยังอยู่ด้วยกันไปจวบจนกว่าจะตายจากกันไป

    สรุปว่า ผู้ปฎิบัติใหม่จะต้องพึงรักษาศีลก่อน พอนานไปเมื่อเราปฎิบัติธรรมไปได้ได้สักระยะหนึ่ง จนกว่าจิตของเราจะนิ่ง หรือจิตละเอียดขึ้น ศีลของเราก็จะค่อยๆละเอียดตามไปด้วย
    ศีลจึงเปรียบเสมือนสติ แต่ถ้าเราไม่มีสติกัน ศีลก็มักจะขาดทันที คือจะกล้าทำความชั่วมากขึ้น กล้าทำบาปมากขึ้น นั่นเอง
    แต่ถ้าเรามีสติมากๆกันแล้ว เราก็แทบไม่ต้องระวัง หรือกังวลเรื่องศีลของเราว่าจะครบ หรือไม่ครบเลย เพราะถ้าเรามีสติมาก จิตก็นิ่ง จิตนิ่งนี่ถือว่าเป็นฝ่ายบุญกุศลแล้ว เมื่อจิตนิ่งจึงเท่ากับสำรวมทั้งการกระทำและคำพูดแล้ว
    พอจะเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นนะครับ สำหรับเรื่องศีล
    ผู้เขียนจะพูด หรือแสดงออกในทางปฎิบัติมากกว่า ปริยัตินะครับ เพราะที่นี่เน้นการปฎิบัติมากกว่า เน้นหรือเจาะให้ตรงเป้าหมาย ให้พวกเราเข้าใจกันมากที่สุด เท่าที่จะทำได้
    เพราะฉะนั้นธรรมะ จึงไม่มีใครสอนกันได้ ได้แต่ชี้แนะ
    เพราะที่เหลือผู้ปฎิบัติเท่านั้น ที่จะต้องเป็นฝ่ายที่ลงมือปฎิบัติเอง

    ***ทำไปๆ อย่าไปอ่านอย่างเดียว เพราะมันไม่ได้ประโยชน์
    จะดูจิต จะเข้าให้ถึงจิตตนเองนั้น เราจะต้องรู้วิธีการสร้างสติก่อน
    เพราะสติมีไม่มากกัน จิตของเราก็จะพลอยไม่นิ่งไปด้วย
    เมื่อจิตไม่นิ่ง จิตก็จะไม่เป็นสมาธิ จิตไม่ทรงฌาน และจิตก็ไม่เกิดปัญญาด้วย
    จบ.2


    วันนี้เราตอบกันอยู่สองคน...
    โทรศัพท์คุยกันดีกว่าไหม๊เนี๊ย...ฮ่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2012
  16. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ แสงจันทรคิดว่าค่อยๆๆทำไปนะค่ะ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เหมือนการขับรถ ขับใช้ความเร็วแต่พอสมควร จะเป็นการประหยัดพลังงานและ มีความปลอดภัยกว่าขับใช้ความเร็วสูงเกินไป ทั้งยังเป็นการประมาท เพราะการขับรถเร็วมักจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย ดังนั้นแค่เรามีสติให้มากก็เพียงพอ อย่างที่ครูภูท่านชี้แนะ คำว่าสตินั่นแหละค่ะ สำคัญที่สุด สติในการขับรถให้ถึงที่จุดหมายโดยปลอดภัย "เพื่อนร่วมทาง"
     
  17. phai-put

    phai-put เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +306
    มาแล้วค่ะ มารายงานตัวอย่างเป็นทางการ
    สวัสดีค่ะพี่ภู,ครูเพ็ญ,ครูดัช และคุณครูจิตบุญทุกๆท่าน
    ผึ้งก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตามพี่ภูมาจากกระทู้ อ.อัญฯ และ
    ก็อธิษฐานจิตทุกครั้งเวลาสวดมนต์ไหว้พระ ขอให้ได้ครู
    ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาฝึกสอนธรรมมะให้เรามีความเจริญ
    ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น เฝ้าติดขอบจอจนมั่นใจว่านี่แหละใช่เลย
    ครูที่เราต้องการ เลยสมัครสมาชิกจิตเกาะพระ เพราะผึ้งเอง
    ไม่มีโอกาสจะไปปฏิบัติธรรมที่ไหน วัดไหน เป็นแม่บ้านทำ
    งานบ้าน อยู่เฝ้าบ้านจริงๆ ต้องกราบขอบพระคุณพี่ภูมากๆค่ะ
    ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา และกราบขอบพระคุณคุณครูทั้งสอง ครูเพ็ญ
    ครูดัช ที่ขับเคี่ยวจนผึ้งมาถึงตรงจุดนี้ได้ แต่ถึงแม้จะมาถึงตรงนี้
    แล้วก็จะไม่ประมาท จะพยายามทำความเพียรทางจิตต่อไปเรื่อยๆ
    จนกว่าขันธ์จะดับ เพราะฉะนั้นท่านที่เกาะขอบจอ ขอบกระทู้ทั้งหลาย
    อย่าได้ลังเลอยู่เลยค่ะ คุณครูที่เข้าใจศิษย์ทั้งทางโลก และทางธรรม
    แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆเลยนะคะ มาเป็นสมาชิกจิตเกาะพระกันดีกว่าค่ะ
     
  18. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพาน

    สีเลนะ สุคะติง ยันติ 
    ศีลเป็นปัจจัยให้มีความสุข

    สีเลนะ โภคะสัมปะทา 
    ศีลเป็นปัจจัยให้มีโภคสมบัติ 

    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ 
    ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าถึงพระนิพพาน

    ตัสมา สีลัง วิโสธะเย ฯ 
    ท่านทั้งหลาย จงทำจิตให้สะอาด หมดจดด้วยศีล
    ในกาลทุกเมื่อเถิดฯ​


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  19. ข้าวฮาง

    ข้าวฮาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +608
    "ยังรักและคิดถึงทุก ๆ คนในบอร์ดเสมอนะครับ สาธุฯ ครับคุณภู เวียนมาเยี่ยมยามไม่ยากขอรับ อิอิอิ เผลอแป๊บ ๆ หน้า 148 ซะละ หน้านี้ผมขอบนสุดขอรับ จะได้บ่ลืมกัน ข้าวขาดบอกนะครับถ้ายามยากมาถึงพร้อมช่วยด้านอาหารการกินขอรับ ยินดีกะผู้ใจบุญจิตเกาะพระทุก ๆ ท่านครับ สาธุฯ อีกที"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2012
  20. ไทยเบล

    ไทยเบล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +449
    ขอแสดงความยินดี และขออนุโมทนาบุญ กับจิตบุญดวงที่30ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...