ธรรมโดยย่อ จากพระโอษฐ์

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ปาปิปผลิ, 26 สิงหาคม 2012.

  1. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    ธรรมโดยย่อ จากพระโอษฐ์



    ธรรมโดยย่อ จากพระโอษฐ์
    ธรรมโดยย่อแก่...."พระโมคคัลลานะ ให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น"
    "..ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โดยย่อ ด้วยข้อปฏิบัติเพียงไรหนอ
    ภิกษุจึงเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะสิ้นตัณหา.."

    "..ดูกรโมคคัลลานะ ภิกษุในธรรมวินัย ได้สดับว่า...
    'ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น' ครั้นได้สดับดังนั้นแล้ว
    เธอย่อมรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง ครั้นรู้ชัดธรรม
    ทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่งแล้วย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง
    ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ได้เสวยเวทนาอย่างใด
    อย่างหนึ่ง สุขก็ดี...ทุกข์ก็ดี...มิใช่สุข...มิใช่ทุกข์ก็ดี
    ...ย่อมพิจารณาเห็น ความไม่เที่ยงในเวทนาเหล่านั้น...
    พิจารณาเห็น ความคลายกำหนัด พิจารณาเห็นความดับ
    พิจารณาเห็นความสละคืน เมื่อเธอพิจารณาเห็นอย่างนั้นๆอยู่
    ย่อมไม่ยึดมั่นอะไรๆในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้ง
    เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมปรินิพพานเฉพาะตัวทีเดียว ย่อมรู้ชัดว่า
    ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จ
    แล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี....ดูกรโมคคัลลานะ
    โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้แล
    ภิกษุจึงเป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหา..."
    ((โมคคัลลานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓/๕๘))
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012
  2. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    ธรรมโดยย่อ..."พระราธะ ให้รักษาศีล
    เจริญสติปัฏฐาน ๔""ขอประทานพระวโรกาส
    ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อ
    แก่ข้าพระองค์ ซึ่งข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว
    จะพึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว
    ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวเถิด"

    "...ดูกรพาหิยะ เพราะฉะนั้น เธอจงชำระเบื้องต้น
    ในกุศลธรรมให้บริสุทธิ์เสียก่อน ก็อะไรเป็นเบื้องต้น
    ในกุศลธรรม คือ...'ศีล' ที่บริสุทธิ์ดี และความเห็น
    อันตรง...ดูกรพาหิยะ เมื่อใดแล ศีลของเธอจัก
    บริสุทธิ์ดี และความเห็นของเธอจักตรง เมื่อนั้น
    เธอ'พึงอาศัยศีล..
    ตั้งมั่นในศีล แล้วเจริญสติปัฏฐาน ๔' ...
    สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน?ดูกรพาหิยะ...เธอจงพิจารณา
    เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสติมีสัมปชัญญะ
    กำจัด อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย พิจารณาเห็น
    เวทนาในเวทนาอยู่ ... พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ...
    พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร
    มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสใน
    โลกเสีย เมื่อใด เธออาศัยศีล ตั้งมั่นอยู่ในศีลแล้ว
    จักเจริญสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้ อย่างนี้ เมื่อนั้น...
    เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายได้ทีเดียว
    ตลอดราตรี หรือวันที่จักมาถึง
    ไม่มีความเสื่อมเลย"
    ((พาหิยสูตร ๑๙/๗๔๗))

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2012
  3. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    >> ธรรมโดยย่อแก่ "พระราธะ ให้ละความพอใจใน ขันธุ์ห้า"
    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดประทานพระวโรกาส
    ทรงแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ ที่ข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว พึงเป็น
    ผู้ๆเดียว หลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่
    เถิด"

    "...ดูกรราธะ สิ่งใดแลเป็นนิโรธธรรม เธอพึงละความพอใจความ
    กำหนัด ความกำหนัดด้วยความสามารถความพอใจในสิ่งนั้นเสีย
    ดูกรราธะ...อะไรเป็นนิโรธธรรม? ดูกรราธะ...รูป เป็นนิโรธธรรม
    เธอพึงละความพอใจในรูปนั้นเสีย เวทนาเป็นนิโรธธรรม ฯลฯ
    สัญญาเป็นนิโรธธรรม ฯลฯ สังขารเป็นนิโรธธรรม ฯลฯ วิญญาณ
    เป็นนิโรธธรรม...เธอพึงละความพอใจ ความกำหนัดด้วยความสามารถ
    ความพอใจในวิญญาณนั้นเสีย"
    ((นิโรธธัมมสูตร ๑๗/๔๐๐))
     
  4. ปาปิปผลิ

    ปาปิปผลิ พระอุโบสถเจดีย์7ชั้น

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2012
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +1,801
    >> ธรรมโดยย่อแก่ "ภิกษุมาลุกยบุตร ให้เห็นสักแต่ว่าเห็น..."
    "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์แก่แล้ว เป็นผู้เฒ่าผู้ใหญ่ ล่วงกาล
    ผ่านวัยแล้วก็จริง ถึงกระนั้น ขอพระผู้มีพระภาค ผู้สุคต โปรดแสดง
    ธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์เถิด ไฉนข้าพระองค์ พึงรู้ถึงพระภาษิต
    ของพระผู้มีพระภาค พึงเป็นผู้ได้รับพระภาษิต ของพระผู้มีพระภาค"

    "...ดูกรมาลุกยบุตร ก็ในธรรมเหล่านั้นคือ...รูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง
    อารมณ์ที่ได้ทราบ และธรรมที่พึงรู้แจ้ง ในรูปที่ได้เห็นแล้ว...'เธอจัก
    เป็นเพียงแต่ว่าเห็น' ในเสียงที่ได้ฟังแล้ว เธอจักเป็นเพียงแต่ว่าได้ฟัง
    ในอารมณ์ที่ได้ทราบแล้ว เธอจักเป็นเพียงแต่ได้ทราบ ในธรรมทั้งหลาย
    คือ รูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง อารมณ์ที่ได้ทราบ เเละธรรมที่พึงรู้แจ้ง
    ในรูปที่ได้เห็นแล้ว เธอจักเป็นเพียงแต่ว่าเห็น ในเสียงที่ได้ฟังแล้ว เธอ
    จักเป็นเพียงแต่ว่าได้ฟัง ในอารมณ์ที่ได้ทราบแล้ว เธอจักเป็นเพียงแต่
    ได้ทราบ ในธรรมที่ได้รู้แจ้งแล้ว เธอจักเป็นเพียงแต่ได้รู้แจ้งแล้ว...
    ในกาลใด ในกาลนั้น เธอจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม...ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย
    ไม่้หลงเพราะโมหะ...เธอจักเป็นผู้ไม่ถูกราคะย้อม ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย
    ไม่หลงเพราะโมหะ ในกาลใด ในกาลนั้น ...'เธอจักไม่พัวพันในรูปที่ได้
    เห็น ในเสียงที่ได้ฟัง ในอารมณ์ที่ได้ทราบ หรือในธรรมารมณ์ที่ได้รู้แจ้ง
    ...ดูกรมาลุกยบุตร ในโลกนี้ก็ไม่มี ในโลกอื่นก็ไม่มี ในระหว่างโลกทั้ง
    สองก็ไม่มี นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"
    ((สังคัยหสูตร ๑๘/๑๓๒))

     

แชร์หน้านี้

Loading...