ผลการวิจัยพบว่า "หัวใจ" ก็มี "สมอง" เป็นของตัวมันเอง และสำคัญต่อการหยั่งรู้ด้วย

Live From Your Heart


a message from Archangel Uriel

channeled by Jennifer Hoffman
Monday, 20 August, 2012


http://spiritlibrary.com/<WBR>uriel-heals/live-from-your-<WBR>heart


ความเป็นไปได้ในชีวิตของพวกคุ<WBR>ณนั้นอยู่ภายใต้การรับรู้จากหั<WBR>วใจและจิตวิญญาณของพวกคุณ
แต่พวกคุณกลับใช้จิตที่ชอบคิ<WBR>ดมาตัดสินว่า...อะไรที่มันเป็<WBR>นไปได้
และแล้วข้อจำกัดทั้งหลายของมั<WBR>น
จึงมาปิดกั้นการมีศักยภาพที่ดี<WBR>ที่สุดจากชีวิตของพวกคุณอย่<WBR>างที่มันควรจะเป็น

มันต้องใช้ความกล้าที่จะมีชีวิ<WBR>ตอยู่ด้วยการใช้หัวใจที่ที่ธรรมชาติแห่<WBR>งความฝันที่แท้จริงของพวกคุณสถิตอยู่
รวมทั้งผลลัพธ์และปาฏิหาริย์ทั้<WBR>งหลายแหล่ที่จะทำให้มันเกิดขึ้<WBR>นมาได้อีกด้วย
เพราะสิ่งนี้ต้องอาศัยมุมมองชี<WBR>วิตและศักยภาพแห่งความเป็นไปได้<WBR>ที่เปิดกว้างของพวกคุณ
ซึ่งจิตคิดนั้นจะไม่สามารถเข้<WBR>าใจหรือนึกคิด
ให้กับตัวมั<WBR>นเองหรือให้กับพวกคุณได้

ข้อจำกัดต่างๆของมิติที่ 3 จะถูกสะท้อนออกมาให้เห็นอยู่<WBR>ในปัญหาชีวิตทั้งหลายของพวกคุณ
ซึงมันเป็นการแบ่งแยกความศักดิ์สิ<WBR>ทธิ์และความเป็นมนุษย์ออกจากกั<WBR>นอีกด้วย

ในโลกแห่งความศักดิ์สิทธิ์
ความร่วมมือกันระหว่างหั<WBR>วใจและจิตคิดจะเริ่มจากความรัก ;

แต่ในโลกแห่งความเป็นมนุษย์
จิ<WBR>ตคิดจะชี้นำตัวมันเองด้วยหั<WBR>วใจที่อยู่ภายใต้อารมณ์
(ซึ่งถูกตั้งเงื่อนไขจากจิตที่<WBR>ชอบคิดเป็นหลักอีกด้วย)
ในการเลือกปัจจุบันขณะจากพื้<WBR>นฐานที่มาจากอดีต


การดำรงชีวิตอยู่ด้วยหั<WBR>วใจหมายถึงการเลือกคุณลักษณะที่<WBR>ดีที่สุดของของหัวใจ
นั่นก็คือการมีความรักอย่างไร้<WBR>เงื่อนไขและสันติสุข
อันเป็นสิ<WBR>ทธิอันศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตั<WBR>วพวกคุณเองมาตั้งแต่เกิด
สิทธิที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิ<WBR>ดของมนุษย์ คือชะตากรรม และ ความสามารถที่จะรัก
ซึ่งมันอยู่ในหัวใจของพวกคุ<WBR>ณจากการโอบรับและการร่วมมือกั<WBR>บความศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณเท่<WBR>านั้น


หนทางของการเลื่อนระดับจะนำไปสู<WBR>่การรวมพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ<WBR>์ได้
ก็ต่อเมื่อพวกคุณสามารถที่<WBR>จะใช้ชีวิตจากหัวใจ
และเลือกที่<WBR>จะแสดงพลังงานเหล่านั้นออกมาให้<WBR>อยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกได้<WBR>เท่านั้น


โลกที่ไม่สร้างสรรค์ความสงบ ความรักและความผาสุกให้เกิดขึ้<WBR>นนั้น
เพราะพวกมันถูกสร้างขึ้<WBR>นจากเจตนาที่จะให้พลังงานเหล่<WBR>านี้อยู่ในโลกนั้น และ สำหรับโลกนั้น
โลกคือกระจกบานหนึ่งของมนุษย์<WBR>และโลกจะไม่สามารถสะท้อนความรัก<WBR>
, สันติภาพและความผาสุกได้<WBR>มากไปกว่า...
สิ่งที่พวกคุณแต่<WBR>ละคนยอมให้มีอยู่ในโลกและหลั<WBR>งไหลมาจากหัวใจของพวกคุณเองได้

การยกระดับการสั่นสะเทื<WBR>อนของโลกคืองานที่พวกคุณแต่<WBR>ละคนได้รับมอบหมายมา

ไม่มีครูหรือคุรุผู้รู้แจ้<WBR>งคนใด
ที่ต้องมารับผิดชอบต่อสิ่<WBR>งนี้เพียงคนเดียว
พวกคุณเป็นทั้งครูและอาจารย์ซึ่<WBR>งกันและกัน

และพวกคุณก็ได้เปลี่ยนพลังงานต่<WBR>างๆของโลก
ด้วยการเปลี่ยนระดั<WBR>บการสั่นสะเทือนของพวกคุ<WBR>ณเองในทุกๆระดับอีกด้วย

พวกคุณต้องเลือกอย่างมีสติ เพื่อความรัก การสละให้ สันติภาพ และความผาสุก
พลังงานต่างๆทั้งหมดเหล่านี้ล้<WBR>วนมีไว้ให้พวกคุณแล้วและมันก็อยู่ในทุกๆประสบการณ์นั่นเอง
แต่มันเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่<WBR>พวกคุณจะต้องเลือกด้วยความเต็<WBR>มใจและตั้งใจเท่านั้น


เมื่อพวกคุณดำรงชีวิตอยู่ด้วยหั<WBR>วใจพวกคุณก็ได้ทำให้หัวใจพวกคุ<WBR>ณเกิดศักยภาพอยางไม่มีขีดจำกั<WBR>ด
ในการที่จะไปขยายโลกแห่<WBR>งความเป็นจริงของพวกคุณให้ข้<WBR>ามพ้นความจำกัดของจิตที่ชอบคิ<WBR>ด
และความเสี่ยงในสิ่งที่พวกคุ<WBR>ณไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่<WBR>งในวินาทีนั้นได้


ทุกๆช่วงขณะแห่งความมืดมิดมีเส้<WBR>นทางแห่งความเป็นไปได้ที่จะมี<WBR>แสงสว่าง
ทุกๆด้านของความกลัวมีเส้<WBR>นทางแห่งความเป็นไปได้ที่จะมี<WBR>ความรัก
และทุกๆเสี้ยวแห่งความโศกเศร้า ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง และ การไร้ซึ่งพลัง
ก็มีเส้นทางที่มั<WBR>นจะดีขึ้นกว่านี้ได้เมื่อพวกคุ<WBR>ณเลือกเส้นทางนั้น


จงกลับเข้าไปในหัวใจของพวกคุ<WBR>ณและพวกคุณจะพบกับความกล้า
ในอันที่<WBR>จะขยายการรับรู้และขยายการโอบรับกั<WBR>บความเป็นไปได้ที่ดีที่สุ<WBR>ดของพวกคุณ
เพื่อชีวิตของพวกคุณและเพื่<WBR>อโลกของพวกคุณจะได้เป็นเช่นนี้


สวรรค์บนดินถูกสร้างขึ้<WBR>นมาจากการเดินไปตามครรลองชีวิ<WBR>ตด้วยหัวใจของพวกคุ<WBR>ณ
และการยอมให้ความศักดิ์สิทธิ์<WBR>ของพวกคุณขยายเข้าไปสู่ความเป็<WBR>นมนุษย์ของพวกคุณ

.....................................................


Copyright (c) 2012 by Jennifer Hoffman. All rights reserved.
You may quote, translate, reprint or refer to this message
if you mention the author name and include a working link to
http://enlighteninglife.com

 

ขอบคุณที่ยังแปลมาให้อ่านเสมอๆนะคะ

 

ระยะนี้ข้อความนี้น่าสนใจมาก...

ตัวอย่างประโยคนี้...
มันต้องใช้ความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยการใช้หัวใจที่ที่ธรรมชาติแห่งความฝันที่แท้จริงของพวกคุณสถิตอยู่

และประโยคนี้...
หนทางของการเลื่อนระดับจะนำไปสู่การรวมพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ได้
ก็ต่อเมื่อพวกคุณสามารถที่จะใช้ชีวิตจากหัวใจ
และเลือกที่จะแสดงพลังงานเหล่านั้นออกมาให้อยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกได้เท่านั้น

 

ถูกครับ หัวใจนั้นสำคัญมากพอๆกับสมองเลยล่ะครับในแง่ของจิตวิญญาณ มีอินดิโก้คนนึงเคยบอกไว้นานมาแล้วว่า หากต้องการจะตื่นรู้ ก็ให้กำหนดความมุ่งมั่นไปที่ศีรษะและหัวใจครับ

 

นางอองซาน ซูจี เธอ ไม่รู้ว่า "ยอมแพ้" เป็นอย่างไร...

 

.

สอดคล้องกับหนึ่งในการค้นพบของเราเมื่อช่วงปลายปี 54 หรือปี 55
ในขณะที่เราทำสมาธิรูปแบบหนึ่งอยู่นั้น ในช่วงระหว่างการดำดึ่งลึกลงสู่ใจกลาง
แห่งกายและจิต เราก็ได้พูดออกมาว่า เอ๋ มีเครื่องยนต์ตัวที่สองด้วย แล้วได้นึกในใจ
ต่อไปอีกว่า ทำไมพึ่งจะมาค้นพบเอาตอนนี้ล่ะหว่า ไม่เคยมีวี่แววเลยว่าจะมีอะไรที่มี
พลังงานสูงมาก ซ่อนอยู่ในร่างกายของเรา ซึ่งการที่จะเข้าไปเจอสิ่งนี้ได้ ต้องใช้
พลังสมาธิสูงมากนะ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าถึงได้อีกเลย หรืออาจจะไม่จำเป็นแล้วมั้ง
เมื่อหาเจอ มันก็ไม่ไปไหนแล้ว เหมือนเจอสวิตซ์ไฟฟ้า เปิดมันแล้วก็แล้วกัน
มันใช้งานได้เรียบร้อยแล้วก็ไม่ต้องไปสนใจมันอีกก็ได้ ใช่ไม๊หว่า

เมื่อรวมกับข้อมูลของกระทู้นี้ ก็อาจเป็นได้ว่า นั่นเป็นการค้นพบบางอย่างที่มีความ
สำคัญมาก นี่อาจเป็นจุดเชื่อมต่อได้มั้ยเนี่ย การเข้าถึงเครื่องยนต์ตัวที่สองของเรา
(ขอใช้คำนี้ดีกว่า คำว่าหัวใจก็มีสมองเป็นของตัวเอง) จะทำให้การติดต่อกับอีกโลก
หนึ่ง หรือมิติอื่นๆ ทำได้ง่ายและสมบูรณ์กว่ามั้ย ใครจะตอบได้ล่ะหว่า คงไม่มีใครรู้
คำตอบหรอกนะ ท่านชยุตต์ว่างั้นมั้ย

แล้วถ้าใช้หลักการสื่อสารผ่านสนามแม่เหล็กโลก เพื่อเชื่อมตัวเราเข้ากับสนามแม่เหล็กโลก
แล้วเชื่อมสนามแม่เหล็กโลกเข้ากับสุริยะจักรวาล เชื่อมต่อไปถึงกาแล๊คซี่ของเรา
เพื่อต่อสายไปถึงกาแล๊คซี่อื่นๆ อีกมากมาย (เลิกคิด แบบจิตมนุษย์ ของท่านปริญญา)
มาประกอบกันอีกก็น่าจะทำให้สามารถสื่อสารข้ามจักรวาลได้เลยนะนั่น
อืม...น่าคิดมั่วๆ ไปเรื่อยๆ


ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ประเด็นตรงนี้ผมก็พอจะเคยอ่านผ่านๆมาอยู่เหมือนกันครับ
จากข้อความของท่านเทพมิคาเอลนั่นแหละครับ
แต่ว่าลองค้นดูคร่าวๆแล้วยังไม่เจอ ก็เลยขอติดเอาไว้ก่อนนะครับ
ไว้ถ้าเจอแล้วจะเอามาแชร์ให้อ่านอีกครั้งครับ

...............................................

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

 

คำอธิบายบางส่วน หรือ ทั้งหมด
ของข้อสงสัยและการค้นพบด้านบนนี้
อาจจะอยู่ในกระทู้ข้างล่างนี้ก็ได้นะครับ

ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ..

"ข้อความจากต่างมิติ-ข้อมูลเกี่ยวกับมิติต่างๆ-และ-โลกคู่ขนาน-มิติคู่ขนาน-และอื่นๆ"

http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ๆ-และ-โลกคู่ขนาน-มิติคู่ขนาน-และอื่นๆ.492683/

................................

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=qmL4CeTENtw]Inner Worlds, Outer Worlds - Part 4 - Beyond Thinking - YouTube[/ame]

 

ข้อสังเกต

- หัวใจ กับ สมอง
ใครเกิดก่อนกัน

- มนุษย์ มีสองแขน มีหัวใจอยู่กลาง
เมื่อรู้สึก.... สองแขนโอบรอบหัวใจ คือ กอดอกตัวเอง

- สองแขนกอดอีกคนไว้กับอก
รู้สึกอบอุ่นจิตใจ

- หัตถยัง
ควบคุมการทำงานหัวใจ ร่างกาย

- สมอง
จึงไม่อยู่ กึ่งกลางสองแขน

 

เหนือความคิด

http://palungjit.org/posts/7898103
http://palungjit.org/threads/ว่าด้วยเรื่องแปลกๆของไก่.105191/

 

- สมอง
ประมวลผล ในปัจจุบัน

- หัวใจ
บันทึกการกระทำทั้งหมดของตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้น
จะกี่หมื่น กี่แสนชาติ ก็อยู่ในนี้
เป็นที่รวมตัวกระทำของตนเอง

 

ที่คุณ chayutt อ้างนั้น หมายไปถึง หทัย หรือที่ตั้งของใจตามความรู้ธรรมกายที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนครับ ไม่ใช่หัวใจที่เป็นก้อนเนื้อ แต่ใจในนั้นมีศูนย์อยู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ซ้อนอยู่ภายใน ที่ตั้งของใจนั้นอยู่เหนือสะดือ 2 นิ้ว ในกลางของกลางยังประกอบไปด้วยกายต่างๆ รวมทั้งกายที่เป็นตัวเชื่อมข้อมูล ถ่ายข้อมูลเมื่อเราละกายมนุษย์หยาบไปแล้วอีกด้วย การที่เราจะไปเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและดวงกุศลที่สะสมอยู่อีกด้วยครับ

 

ขอบคุณครับ อ่านแล้วแต่ยังเคลียร์ไม่หมดเลย
สงสัยยังบ้าไม่พอ เลยเข้าใจไม่ได้ทั้งหมดทั้งสิ้น

เฮ้อ..วันนี้มีน้ำมูกไหลตั้งหลายสิบครั้งแล้ว ไม่หายซะที
กี่ปีแล้วเนี่ย ที่ไม่เคยเกือบไม่สบายแบบนี้
จำไม่ได้แล้วสิ ครั้งสุดท้ายที่เป็นหวัด กี่ปีแล้วหว่า
เรื่องใหญ่นะเนี่ย สำหรับเราผู้เชี่ยวชาญเรื่องลมปราณ
แค่เกือบเป็นหวัด และมีน้ำมูกไหลมาให้รำคาญ แย่จัง

เมื่อวานแค่ตากแดดตัดหญ้าตอนบ่ายโมง ถึงตอนเย็น
แต่บ่ายๆ ก็มีฝนตกพรำๆ ตากฝนอีกสองชั่วโมงได้มั้ง
ตอนเย็นคุยกะพระอาทิตย์ ก็มีฝนโปรยปรายนิดหน่อย
แค่เนี้ยเอง ไม่น่ามีน้ำมูกไหลได้เลย ทำไมกันน้า ไม่เข้าใจ
จะว่าอ่อนแอก็ไม่น่าใช่ ยังหายใจได้ดีอยู่ทุกวัน ปราณก็ยังดี
เกิดอะไรขึ้นหว่า เอ้าบ่นเข้า แค่น้ำมูกไหลแค่เนี้ย ยังไม่ยอม เฮ้อ..

ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ขออนุญาตแนะนำว่า ให้คิดนอกกรอบ
ของกรอบทั้งหมดที่พรรณามานั่นแหละครับ
ให้คิดออกไปนอกกรอบของลมปราณ
ให้คิดออกไปนอกกรอบของเรื่องฟ้าฝนที่ปกติทำให้ป่วยได้
และอื่นๆ..แต่เอาสิ่งที่ไม่เคยคิด มาลองคิดดูเล่นๆนะครับ

เช่น ได้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 9-10/5/13 เกิดสุริยุปราคาขึ้น

ได้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 13-14/5/13 ที่ผ่านมานี้
เกิดพายุสุริยะพุ่งออกมาระดับ X ถึง 4 ระรอก

ได้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 14/5/13 มีแผ่นดินไหวระดับ 7 at Pagan Rec.
ได้ข่าวว่า เมื่อวันที่ 11/5/13 มีแผ่นดินไหวระดับ 6 at Iran

ได้ข่าวว่า วันที่ 24/5/13 นี้จะเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง
และเป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งจักรวาลทั้งจักรวาล ให้ความสำคัญกับวันนี้มาก

และได้ข่าวว่า วันที่ 21/6/13 ที่จะถึงนี้
คือวัน Summer Solstice ประจำปีนี้
ซึ่งพระอาทิตย์จะอยู่ใกล้โลกมากที่สุดอีกช่วงหนึ่งแล้ว

ทั้งหมดนี้ เกี่ยวกับการ "เพิ่มขึ้น" หรือ "เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน"
ของระดับพลังงานของโลก อันเนื่องมาจากอิทธิพลของสิ่งต่างๆที่อยู่นอกโลก..

และเพราะว่า "แก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง ก็คือพลังงาน"
ดังนั้น มันก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่มนุษย์อย่างเรา
จะรอดพ้นจากอิทธิพลเหล่านี้ได้

...เอามาให้คิดเล่นๆนะครับ...

อ้าว!! แล้วทำไมหลายปีก่อน
ซึ่งก็มีปรากฎการณ์พวกนี้เหมือนกัน ทุกๆปี
ทำไมเราไม่ได้รับผลกระทบหละ..

ได้รับเหมือนกัน..แต่ว่ารอบนี้..มันต่างออกไป..
เพราะว่า ตอนนี้ระบบสุริยะของเรา
เข้ามาอยู่ในเขตแดนใหม่ ของกาแล็กซี่แล้ว
ซึ่งเป็นเขตแดนที่มีระดับพลังงานสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
และก็กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
ไปอีก 26,500 ปี โดยประมาณ

ปล.

เนื้อหาในกระทู้นั้นยังไม่จบนะครับ
เพราะว่าผมยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลย
และก็มีส่วนที่น่าสนใจอยู่อีกเยอะ ที่กำลังแปลอยู่
และกะว่าจะเอามาโพสต์เร็วๆนี้แหละครับ


......................................

 

.
ได้เล้ย นอกกรอบนะ

ถ้างั้นก็แสดงว่าเราป่วยแทนโลกแหงเลย
แต่โลกรักษาตัวเองได้ไม่ดีเท่าเรา
ฝั่งโน้นเลยโยนมาให้เราเป็นแทนโลก
จะได้รักษาให้ และก็ไม่มีใครเป็นอะไรด้วย ดีมะ

และเพราะว่า "แก่นแท้ของทุกสรรพสิ่ง ก็คือพลังงาน"
ดังนั้น มันก็เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่มนุษย์อย่างเรา
จะรอดพ้นจากอิทธิพลเหล่านี้ได้

อันนี้ก็แปลว่า ให้เรารีบยกระัดับพลังงานของตัวเองขึ้นโดยด่วน
เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ใช่มั้ง นะ
แบบนี้นอกกรอบใช้ได้มั้ยจ๊ะ พอไหวเนอะ

ที่ไม่จริงก็สงสัยว่าเราจะรอมันมานานแล้วล่ะครับ
ไอ้สองหมื่นหกพันปี โดนมาหลายรอบแล้ว เจ็บไม่เบาเลยล่ะ
ครั้งที่แล้วโดดหลบไปใต้พื้นโลก หล่นไปโดนลาวาเลยล่ะ ร้อนเป็นบ้าเลย
อันนี้สงสัยจะเป็นจิตวิญญานแห่งธรรมชาตินะ เป็นผู้สื่อสารผ่านมาให้

ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ตรงตัวหนังสือสีแดงนั่น ท่านพูดติดตลกไว้
แต่ข้อมูลจากต่างมิติที่ผมอ่านมาหนะ
ประมาณว่าอย่างนั้นเลยหละครับท่าน

แต่ไม่ใช่ว่าเราป่วยแทนโลกหรอกนะครับ
แต่จะประมาณว่า ในฐานะมนุษย์โลก
ที่มีสสารของร่างกาย เป็นสสารเดียวกับโลกนั้น
เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับโลก ก็จะกระทบเราด้วย
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมหนะครับ..

พูดแบบนี้ท่านอาจจะคิดว่าผมพูดแบบทั่วๆไป
แต่อันที่จริงแล้ว มันมีข้อความหนึ่งที่พูดไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ลองอ่านดูนะครับ...

....................................................
บางส่วนของข้อความจากชาว Arcturian

ที่มา:
http://www.multidimensions.com/Superconscious/super_intuition_home.html


...ในความเป็นจริงแล้ว พวกคุณก็คือดาวเคราะห์โลกนั่นเอง
เพราะว่าถ้าปราศจากมายาการแห่งความเป็นขั้วแล้ว
มันก็จะไม่มีการแบ่งแยกใดๆเหลืออยู่เลย
แม้แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงในมิติที่ 3 นี้ก็ตาม
พวกคุณก็ยังมีความเชื่อมต่อแบบที่มองไม่เห็น
อยู่กับสถานที่ๆพวกคุณอาศัยอยู่
และอยู่กับผู้คนที่พวกคุณอาศัยอยู่ร่วมด้วยเลย

และนอกจากนี้ แม้ในขณะนี้ และก็ตลอดเวลาอีกด้วย
พวกคุณก็ยังกำลังเชื่อมต่ออยู่กับตัวตนหลากมิติ
ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวคุณเองอยู่เลย

และเมื่อใดที่พวกคุณสามารถตระหนักรู้ถึงความเป็นจริงข้อนี้ได้หละก็
พวกคุณก็จะได้ประจักษ์ว่า “พวกคุณไม่มีวันตาย”
เพราะว่าพวกคุณเป็นหนึ่งเดียวกับความเป็นนิรันดร์

พวกคุณเพียงแค่เลือกที่จะ “log-on” เข้ามาในแมทริกซ์
ของประสบการณ์ 3 มิติ บนดาวเคราะห์ต่างๆ, ในกาแล็กซี่ต่างๆ,
และในมิติต่างๆเท่านั้น

รวมถึงในภพชาตินี้ของพวกคุณ
ที่พวกคุณกำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ในมิติที่ 3 บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าไกอานี้ด้วย

ดังนั้น มันจึงเป็นภาระกิจของพวกเรา และเป็นความมุ่งมั่นของพวกเรา
ที่จะต้องช่วยเหลือพวกคุณ เพื่อให้พวกคุณจดจำให้ได้ว่า
แท้ที่จริงแล้ว พวกคุณก็เหมือนกับพวกเราชาว Arcturian นี่แหละ
คือเป็น “จิตสำนึกหลากมิติอันบริสุทธิ์”
(pure Multidimensional Consciousness)

ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณสามารถประจักษ์ชัดถึงความเป็นจริงที่ว่านี้ได้แล้ว
แม้ว่าพวกคุณจะกำลังอยู่ท่ามกลางมายาการและบทละครชีวิต
ของโลกแห่งความเป็นจริงในมิติที่ 3 นี้อยู่ก็ตาม
พวกคุณก็จะสามารถกลับคืนไปสู่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้

เพราะว่าเมื่อใดที่มายาการทั้งหมดทุกปลดปล่อยไปแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด ก็จะเป็นเพียง “ความจริง” หรือ “สัจธรรม”
(the TRUTH) เท่านั้น...

.....................................................

 

เขาเหล่านั้น มีใจ เหมือนกัน

แต่ที่เขาเหล่านั้น แตกต่าง จากชาวชมพู คือ ไม่มีดวงจิต เหมือนกับชาวชมพู

เพราะเขา ไม่มีกายหยาบ (อันเป็นปกติของชาวชมพู)