ทำไมพระโพธิืื์สัตย์แต่ละองค์ที่มาจุติจึงยาวนานไม่เหมือนกัน

ท่านใดมีความรู้ในเรื่อง การจุติของโพธิ์สัตย์กับระยะเวลาความยาวนานที่แตกต่างกันในการมาจุติแต่ละครั้ง
มาร่วมแสดงความคิดเห็นกันหน่อยน่ะครับ .......
(เทพสำราญ อินทรปัญญาสกุล)
​

 

ระยะเวลาความยาวนาน หมายถึงระยะเวลาอะไรเหรอครับ ขอละเอียดนิดหนึ่งครับ

 

พระโพธิสัตว์สะสมบารมี เมื่อกลับสู่สวรรค์ชั้นดุสิต จักสามารถรู้ถึงการบำเพ็ญบารมีสิบทัศว่า ทำได้มากน้อยเท่าไหร่ บารมีใดยังขาดอยู่ ยังไม่สมบูรณ์ดี
บางแหล่งบอกว่า ดูจากดอกบัวสิบดอกบนสวรรค์ของตน ว่าเป็นอย่างไร

ถ้าทำบารมีน้อยอยู่ ก็ต้องขยันเกิดหน่อย เลือกได้บ้าง ว่า ดินแดนใด ช่วงเวลาใด
เช่น เวลาที่มีพระพุทธศาสนา

บารมีช่วงกลาง เลือกเกิดให้ได้ออกบวช คนแวดล้อมลงมาเกิดด้วยกันเป็นหมู่
บารมีช่วงท้าย หรือ เต็มแล้ว ลงมาเกิดเพื่อช่วยยุคเข็ญ เป็นผู้นำเหล่าชน
หรือไม่ก็ออกบวช

ทั้งนี้ไม่สามารถบอกได้ เพราะมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน และมีจุดประสงค์การเกิดไม่เหมือนกัน ขนาดเราเอง เรายังไม่รู้เลยใช่ไหม

เช่น ครูบาศรีวิชัย ศึกษาประวัติท่าน ท่านเป็นผู้นำเหล่าชน ออกบวช บูรณะวัด เจดีย์มากมาย ท่านก็ถูกกล่าวหา เรื่องอธิกรณ์ ซึ่งทำให้ท่านได้ทำขันติบารมีอย่างยิ่ง
(พระโพธิสัตว์ไม่กลัวความยากลำบาก ความทุกข์)

ถ้าบารมียังอ่อน ก็ยังเสี่ยง ๆ ต่ออกุศลกรรมเข้าครอบงำ พัฒนาจิตได้น้อย หรือติดลบ
ต่อเมื่อภาวนามากๆ แล้วสิงต่าง ๆ จักพัฒนาไปได้

 

โมทนา ขอรับ ถ้าเ็็ป็นไปได้ โพธิสัตย์ น่าจะรับช่วงมาจุติต่อกันเรื่อยๆ น่าจะดีนะขอรับ
เช่นถ้าหมดวาระของพระพูทธเจ้าแล้วพระศรีอาริย์..ก็น่าจะจุติต่อลงมาเลยน่ะขอรับ..​

 

ขึ้นอยู่กับบารมีของแต่ละองค์

 

ขึ้นอยู่กับเจตนาของแต่ละคนด้วยว่าจะลงมาทำหน้าที่อะไร (สร้าง,ปราบ,เรียน) แต่เมื่อลงมาแล้วจะจำได้หรือไม่กะเจตนาที่จะทำบางทีอาจยาวนาน บางทีถ้าจำได้ก้อแปบเดียว แล้วก้อยังมีประเภทแบ่งภาคอีก หลากหลายครับ

 

พระโพธิสัตว์หากบรรลุธรรมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาจุติเป็นมนุษย์ก็สามารถสร้างบารมีอยู่เบืองบนได้ เช่น พระโพธิสัตว์สมันตภัทร หรือพระโพธิสัตว์ ไต่ซี่จี่

แต่หากมาจุติใหม่หรือแบ่งภาค ก็มาเพื่อทำหน้าที่ของตนตามประสงค์ของฟ้า จะไม่ลงมาโดยไม่มีเหตุจำเป็น

 

ตามความเข้าใจของกระผม พระนิตยโพธิ์สัตว์จะไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลได้เลย จนกว่าท่านจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วตรัสเผยแพร่พระธรรมคำสอนครับ

 

เห็นด้วยกับที่กล่าวมาค่ะ

ส่วนอันนี้ไม่เห็นด้วยค่ะ

พระโพธิสัตว์หากบรรลุธรรมแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาจุติเป็นมนุษย์ก็สามารถสร้างบารมีอยู่เบืองบนได้ เช่น พระโพธิสัตว์สมันตภัทร หรือพระโพธิสัตว์ ไต่ซี่จี่

แต่หากมาจุติใหม่หรือแบ่งภาค ก็มาเพื่อทำหน้าที่ของตนตามประสงค์ของฟ้า จะไม่ลงมาโดยไม่มีเหตุจำเป็น

นี่เป็นเรื่องของพระโพธิสัตว์ที่ฝ่ายมหายานแต่งเติมขึ้นมาเอง ถ้าอ่านพระไตรปิฎกตัวต้นจริงๆจะรู้ว่าการบำเพ็ญบารมีจริงๆไม่ใช่แบบนี้ ก็ลองคิดดูเอาแล้วกันนะเวลาบำเพ็ญทศชาติจะเป็นยังไงถ้าคุณแบ่งภาคลงมา แล้วทศชาติไม่ใช่ของง่ายที่เอะอะจะแบ่งภาคมาแล้วทำได้นะ ต้องพร้อมทั้งกำลังกายและใจ และที่สำคัญที่สุดคือบารมีต้องเต็ม

ไม่พูดต่อนะคะเดี๋ยวจะยาว

 

พระโพธิสัตย์ มีการสั่งสมอบรมโพธิสมภารมาแตกต่างกัน
มีพระพุทธเจ้าปัญญา กับพระพุทธเจ้าศรัทธา และพระพุทธเจ้าวิริยะ
ระยะเวลาก็จะต่างกันไป แต่มีแต่วิญญาณทองของพระโพธิสัตว์
เท่านั้นท่านจะอธิษฐานลงมาเกิดก่อนก็ได้ เมื่อระลึกถึงความเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ท่านจะไม่ประมาท จะรีบลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีให้เต็ม
ส่วนพระโพธิสัตย์ที่ยังไม่เที่ยงแท้ต่อการจะได้ตรัสรู้ขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าในโลก
ท่านก็จะแข่งบารมีกันเอง เพราะยังไม่แน่ไม่นอนต้องรอไปเข้าข่ายพระญาณในสำนักของพนะพุทธเจ้าทั้งหลาย จึงจะเลื่อนลำดับไปเป็นพระมหาโพธิสัตย์
เพราะได้รับพุทธพยากรณ์แล้วนั่นเองครับ

 

การบำเพ็ญพระโพธิญาณถ้าไม่มีวิปัสสนาญาณก็ยังห่างไกลจากพุทธภูมิอีกเยอะ การบำเพ็ญโพธิญาณจะไม่มีการแข่งขันกัน ใครเต็มก่อนถึงวาระก่อนก็จะได้ตรัสรู้ก่อนโอ่งน้ำมี 3 โอ่ง โอ่งไหนเต็มก่อนก็ตรัสรู้ก่อน

 

แบ่งภาคเป็นอย่างไร?

เคยได้ยินแต่ถอดจิต ส่งจิต และเนรมิตใหมีหลายกาย