จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. อัญญะมณี

    อัญญะมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2012
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +2,169
    เข้ามาลองภูมิหรือคะ
    จิตว่าง หรือ กายว่าง 5555
    ถ้าว่างแค่ช่วงนั่งสมาธิ แล้วช่วงไม่นั่งสมาธิว่างหรือเปล่าจ๊ะ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พี่ภูขอโมทนาสาธุการกับน้องแป้งกับน้องน้ำฝนซักล้านๆครั้ง
    ขอบใจครูวิทย์ที่มีส่วนช่วยยกจิตน้องทั้งสองนี้ด้วยนะ
    ส่วนน้องต๋อม(tom tana) รอก่อนนะ ครูวิทย์ช่วยดูสิว่าติดอะไร
    ติดเวน-กำ(เวรกรรม)หรือว่าฉันใด เมตตาน้องเขา
     
  3. A-colyte

    A-colyte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +630
    พระอรหันต์ไม่รับรู้อะไรจริงหรือ
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    หวนคิดขึ้นมาได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นสามเณร ๒ รูป เสร็จจากการศึกษาพระปริยัติธรรมแล้ว นั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้หน้ากุฏิ ถกเถียงกันอยู่ถึงคุณแห่งพระอรหันต์ที่ศึกษามาจากห้องเรียน
    สามเณรใหญ่ชี้แจงว่า "พระอรหันต์นั้นละกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น หมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิง"
    สามเณรน้อยเถียงทันที "พระอรหันต์ของหลวงพี่ช่างน่าเวทนานัก เหมือนเสาต้นหนึ่ง ก้อนหินก้อนหนึ่ง จะเกิดน้ำท่วมไฟไหม้ก็ไม่รู้อะไรเลย คงจะต้องตายเสียเปล่า และยังเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นเชิง"
    ขณะที่วิวาทะกำลังดำเนินไปอย่างผิดเป้าหมาย ก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นจากในกุฏิ สามเณรทั้ง ๒ จึงสามัคคีกันหลบหนีไป
    ครั้นข้อถกเถียงนี้ล่วงรู้ถึงหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า "แม้จะเป็นการถกเถียงเอาชนะกันแต่ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตที่น่าพินิจพิจารณา"
    แล้วหลวงปู่อธิบายว่า

    "จิตเป็นสภาพรู้อารมณ์ ตราบใดที่มีจิต การรับรู้อารมณ์ก็ย่อมมีเป็นธรรมดา โดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นบุคคลธรรมดารับรู้อารมณ์อย่างไร พระอรหันต์ก็ย่อมจะต้องรับรู้อารมณ์อย่างนั้น และการรับรู้อารมณ์ของท่านน่าจะเป็นไปด้วยดี ยิ่งเสียกว่าคนธรรมดาสามัญด้วยซ้ำ เพราะจิตของท่านไม่มีเมฆหมอกคือกิเลสปกคลุมอยู่ อันจะทำให้ความสามารถรับรู้อารมณ์ลดลง"
    ดังนี้ การกล่าวหาว่าพระอรหันต์ไม่รับรู้อะไร ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น จึงไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน
    ส่วนการที่ท่านหมดความยึดมั่นถือมั่นโดยสิ้นเชิงนั้น ย่อมหมายความว่าแม้กระทั่งความไม่ยึดมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ย่อมไม่มีแก่ท่าน
    กล่าวคือ ท่านหมดทั้งความยึดมั่นถือมั่น และความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีทั้งความพอใจในสิ่งใด ทั้งความรังเกียจในสิ่งใด ดังนี้จึงจะเรียกว่า "โดยสิ้นเชิง" ได้
    จิตของท่านจึงลอยเด่นเหนือความดึงดูดและผลักดันต่อสรรพสิ่งเป็นอิสระชั่วนิรันดร
    หลวงปู่ได้ชี้แนวทางพิจารณาว่า
    "อย่าพยายามทึกทักเอาเองตามความรู้สึกของตนว่า พระอริยบุคคลไม่ว่าในลำดับใด เป็นบุคคลที่มีอะไรผิดแปลกไปจากคนธรรมดาสามัญ ท่านก็มีอะไรทุกอย่างเหมือนๆ กับคนธรรมดาสามัญ ทั้งร่างกายและจิตใจ
    หรือถ้าจะว่าให้ถูก ท่านเสียอีกเป็นธรรมดาสามัญ ปุถุชนต่างหากที่มีอะไรผิดธรรมดาวิปริตไปด้วยการปรุงของกิเลสตัณหาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์
    พระอรหันต์ท่านเป็นปกติธรรมดา พ้นจากการปรุงแต่ง จึงอยู่อย่างไม่มีทุกข์
    พระอริยบุคคลที่รองๆ ลงมา ก็มีการดำรงอยู่อย่างมีทุกข์มากขึ้นตามลำดับ และกำลังดำเนินไปสู่การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์ต่อไป
    ก็แล การดำรงอยู่อย่างไม่มีทุกข์นี้ ย่อมเป็นยอดปรารถนาของสัตว์โลกทั้งมวล
    สรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าที่วิ่งเต้นดิ้นรนอยู่ด้วยประการต่างๆทุกวันเวลานี้ ก็ล้วนแต่เพื่อจุดประสงค์ที่จะระงับดับทุกข์ของตนๆ อย่างเดียวเท่านั้น มิได้เป็นไปเพื่อประการอื่นใดเลยแม้แต่น้อย เมื่อหิวก็เสาะแสวงหาอาหาร เมื่อเกิดโรคภัยก็วิ่งหายารักษาโรค เป็นต้น
     
  4. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและโมทนสาธุกับจิตบุญดวงที่ 53,54และ55 พร้อมครูผู้ชี้แนะและจิตบุญทุกท่านด้วยค่ะ.....สาธุ
     
  5. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ watjojoj [​IMG]
    ครูครับ ผมขอถามหน้าบอร์ดหน่อยครับว่า หากสมมุติว่าผมต้องไปบวชแล้วทางวัดจะสอนกรรมฐานแนวอื่นๆนี่เราจะวางยังไงดีครับ เช่นท่องพุทโธ ประมาณนี้น่ะครับ จะงงตัวเองไหมครับ พอดีว่าจะศึกษาด้านสติเพิ่มเติมครับ (จากมือใหม่เพิ่งยกครับ )

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ครูดัชก็ยังฝึกสติทางกายด้วยการเจริญสติตามแบบฉบับของหลวงพ่อเทียน วัดแพร่แสงเทียน คือสมาธิเคลื่อนไหว นั่นคือในเวลาที่ท่านต้องการเจริญสติแบบนั้น แต่เวลาอื่นนอกเหนือจากเดินจงกรม นั่งสมาธิ นอนสมาธิ ยืนสมาธิ ท่านจะทำอะไรล่ะ ลองดูก็ได้นะ ท่านจะท่องพุทโธได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือเปล่า การฝึกสติจริง ๆ ในระดับจิตบุญคือต้องมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้ยามหลับสติก็ตื่นได้ตลอดเวลา นอกจากเวลาที่ท่านตั้งใจสั่งให้กาย สติ จิตมันหลับจริง ๆ ถ้าไม่สั่งให้มันก็ไม่หลับ อย่างนี้เรียกว่าจิตรู้ ตื่น เบิกบานตลอดเวลา การฝึกภาวนาด้วยพุทโธเป็นเพียงการผ่อนคลายอิริยาบถอย่างเบา ๆ สำหรับจิตบุญเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรต้องทำให้หนักอีกแล้ว แต่จิตที่ไวยิ่งกว่าแสงนี้เพียงแค่ท่านท่องพุทโธไปไม่กี่คำจิตมันก็ทิ้งคำภาวนาเข้าไปอยู่กับรู้อย่างเดียวแล้ว จิตมันทิ้งของหยาบแล้ว ไม่เชื่อลองทำดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  6. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    ขอแสดงความยินดีและโมทนากับจิตบุญดวงที่ 56 ,57 และครูผู้ชี้แนะ รวมถึงจิตบุญทุกท่านด้วยนะค่ะ โอ้โห! จิตบุญขึ้นเร็วมากเลย ดีใจค่ะ
     
  7. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    ถ้าว่างมันทั้งวัน ก็นั่งน้ำลายยืด แล้วล่ะ
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    รักนี้ต้องโปรโมท​

    การปฎิบัติธรรมจิตเกาะพระ โดยจิตบุญดวงที่ 19 (ลูกพลัง)
    (ครูละเอียด ๒)​

    สวัสดีครับ
    ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่าพื้นฐานการปฎิบัติของตนเองมาก่อนว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะมาฝึกปฎิบัติจิตเกาะพระนะครับ
    เราก็ปฎิบัติเองโดยอาศัยจากการอ่านตำราหนังสือธรรมะมา มีโอกาสก็สอบถามครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสงฆ์บ้าง
    แต่เรานี่ถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(ทางตำรา) อ่านตำราของหลวงพ่อมากที่สุดเลยครับ เข้าใจง่าย ปฎิบัติตามก็เห็นผลตามที่ท่านแนะนำเลยครับ..

    ตอนนั้นประมาณปี2540น่ะ อ่านตำราท่านเล่มแรกคือเรื่อง"หลวงพ่อปาน" เมื่อ15ปีที่แล้ว พออ่านจบก็บึ่งไปวัดท่าซุงเลยครับ ตั้งใจว่าจะไปกราบสรีระสังขารของหลวงพ่อฤาษีท่านที่วิหารแก้ว ก็ได้เข้าไปกราบ พอดีเขามีการฝึกมโนมยิทธิแบบครึ่งกำลัง ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร แต่มีพระพี่เลี้ยงมาบอกให้เรากับคนอื่นๆที่เราก็ไม่รู้จักซัก4-5คนนั่งล้อมวงกัน แล้วท่านก็นำพวกเราไปที่จุฬามณี เราก็เห็นตามที่เขาว่ามาน่ะ กลับมาบ้านยังงงๆสงสัยโดนพระสะกดจิต..555

    แต่สมัยนั้นตำราของหลวงพ่อหาไม่ง่ายเลย ไม่ค่อยจะมีขาย ก็เลยได้อ่านไม่กี่เล่มเอง แต่อาศัยอ่านการปฎิบัติสมาธิของผู้เขียนท่านอื่นๆเอา จนพอเข้าใจเรื่องกรรมฐาน40กองและต้องทำให้ได้ถึงฌาน4เป็นอย่างต่ำ จากนั้นก็ค่อยไปฝึกวิปัสสนาต่อเพื่อที่จะไปมุ่งสู่การหลุดพ้น(ก็แค่คิดว่าทำไปๆเดี๋ยวมันคงได้ที่ของมันเองแล้วก็คงหลุดพ้นเองแหล่ะ..555 เด็กเอ๋ยเด็กน้อยจริงๆเลยเรา..555 แต่ว่าวิธีคิดของเราน่ะ มันเป็นสัมมาทิฐิ!..) เราก็เลยฝึกมันทุกกองเลยเพื่อที่จะหาว่า"จริต"เราถูกกับกองไหนมากที่สุดก็จะเอากองนั้นล่ะ.. ฝึกไปฝึกมาค้นพบว่า
    - เจริญอสุภะกรรมฐาน10 (เราออกแบบเองควบรวมทีเดียว10กองเลย) ทำแล้วระงับนิวรณ์5 ได้เป็นอย่างดีเลย
    - กำหนด"ความว่าง" เป็นกุศโลบายกรรมฐาน ซึ่งเป็นกรรมฐานที่เราสามารถทำสมาธิได้ดีที่สุดคือ จิตดิ่งเร็วที่สุดในการเข้าฌาน4 ส่วนกรรมฐานอานาปานสติก็ทำได้ เข้าฌาน4ได้ (นั่งจนตัวหายไปหมดเลย..เหลือแต่วิญญาน(จิต+สติ)รวมเป็นหนึ่งเดียว) เพียงแต่ว่ามันจะช้ากว่าการกรรมฐานกำหนด"ความว่าง"
    (คงจะเนื่องจากวาสนาบารมี ในภพชาติปางก่อนเราคงจะเจริญอรูปฌานเอาไว้เยอะนั่นเอง..เพราะว่ามันเริ่มมาจากตั้งแต่ตอนเรายังเป็นเด็กๆเห็นในหนังจีนกำลังภายใน เขานั่งสมาธิกันเราก็ทำตามแต่ก็ไม่รู้ว่ามันมีกุศโลบายกรรมฐาน ไอ้เราก็หลับหูหลับตานั่งแต่ว่าเรากำหนดให้มันเป็นความว่างและสมาธิมันก็ทรงตัวได้ดี..จึงติดทำแบบนั้นมาตลอด อย่างเวลาถ้ามีเรื่องทุกข์ใจอะไรมากๆก็จะทำสมาธิกำหนดความว่าง เพื่อจะได้ไม่ทุกข์แค่นั้นเอง ก็ทำมันตั้งแต่เด็กจนโต แต่ไม่ได้ทำทุกวันนะครับ จะทำเฉพาะเวลาทุกข์ใจแล้วก็มาข่มมันเอาไว้ การปฎิบัติธรรมทางพุทธศาสนาไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะว่าที่บ้านเป็นคนจีน ส่วนใหญ่จะไปไหว้ตามศาลเจ้าไหว้ผีบรรพบุรุษ เน้นๆไปเรื่องทานบารมีซะมากกว่า ที่บ้านจะชอบทำบุญทำกุศลแบบจีนๆเยอะมาก เราก็ซึมซับเรื่องทานบารมีมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว..)

    เราจึงสรุปเอาว่า อสุภะกรรมฐาน10ขึ้นก่อนแล้วตามด้วยกรรมฐานกำหนดความว่าง ก็สามารถทำได้อย่างคล่องเลยล่ะ
    แต่พอมาพลิกในตำรากรรมฐานความว่าง มันไม่มีนี่หว่าในกรรมฐาน40 แต่มันไปมีอยู่ที่ฌาน7 (อรูปฌาน) เราก็เอ้า..ไม่เป็นไรตรูนั่งสมาธิฌาน4ของตรูได้ก็แล้วกัน.. จากนั้นก็ไม่สนใจว่าจะต้องเหมือนตำรา
    พอว่ามันทำฌาน4ได้อยู่บ่อยและทรงตัวในระดับนึงแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ(ทำอภิญญาไม่เป็น ไม่มีคนสอน) ตอนอยู่ในสมาธิฌาน4น่ะก็คิดว่างั้นเราก็วิปัสสนาซิว่ะ(ทำตามตำราเมื่อสำเร็จสมถะก็ต้องไปวิปัสสนา) แล้วมันจะวิปัสสนายังไงล่ะ?(พอดีว่ายังอ่านตำราวิปัสสนาน้อยอยู่เพราะมัวแต่หมกมุ่นกับสมถะอยู่) เอ้าคิดได้พระพุทธเจ้าเราตรัสรู้อะไร?(ได้มาจากตอนเด็กๆเรียนประถมมันมีวิชา"ศีลธรรม"สอนเกี่ยวกับพุทธศาสนา) เราจำได้ว่าคือ อริยสัจ4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เราก็เอาอริยสัจ4นี่ไปจับกับทุกๆเรื่องในชีวิตที่เรายกมันขึ้นมาคิด(พิจารณา สมัยนั้นมันไม่รู้จริงๆคือปฎิบัติไปลำ้หน้าปริยัติมากๆ ทำไปก็งงๆไป) แล้วรู้สึกได้ว่ามันปล่อยวาง วางลงได้ทุกๆเรื่อง พอทำไปได้หลายๆวันเข้า มันเกิดเหมือนคล้ายๆกับว่า"เราทรงฌาน(แต่ไม่ใช่ฌานสูงแบบฌาน4) มีสติรู้ตัวทั่วพร้อม เห็นอะไรก็ซักแต่ว่าเห็น รู้อะไรก็ซักแต่ว่ารู้ มีอะไรเข้ามันก็วางลง ใจเบาสบาย ไม่สุขไม่ทุกข์ ออกไปแนวเฉยๆ แต่ว่ารู้เรื่องทั้งหมด" เป็นอยู่อย่างนี้หลายวันเกือบอาทิตย์เลย เราก็งงๆว่าเราเป็อะไรหว่า? แต่ก็รู้สึกดี.. พึ่งจะมาทราบภายหลังเมื่อไปพลิกหาเทียบเคียงกับตำรา เขาเรียกว่า"โคตรภูญาณ" คืออาการของจิตเราอยู่ระหว่างกึ่งโลกียะและโลกุตระ คราวนี้มาดูสังโยชน์3 เราก็ละได้หมด(แบบสบายๆไม่ได้ลำบากยากเย็นเลย.. ความจริงแล้วเรารู้สึกว่ามันจะมากกว่า3ข้อด้วยซ้ำไป..) เราจึงพอที่จะเข้าใจแล้วว่า"ปัญญา" ที่มันรู้แจ้งแล้ววางลงมันเป็นอย่างไร? องค์ธรรมในขณะนั้นก็คงจะได้สัมผัสความเป็นอริยบุคคลเบื้องต้น "พระโสดาบัน ปฎิมรรค" คือพึ่งจะหลับหูหลับตาได้มาแบบไม่รู้เรื่อง(มาเข้าใจในภายหลังจากการที่ไปอ่านเทียบกับตำราทั้งนั้นเลย) นี่เมื่อ15ปีที่แล้ว..

    จิตเราก็ทรงตัวปฎิมรรคอยู่ได้ไม่นานซัก2-3เดือนมั้ง.. เพื่อนมาชวนไปทำงานกับบริษัทต่างชาติ(ได้เงินเดือนเยอะดี) เราก็ไปทำกับเขา.. งานมันก็เยอะมากๆ หน้าที่ต้องรับผิดชอบก็ไม่น้อย ที่แสบสุดคือมันต้องเดินทางบ่อยๆนี่ซิ มันทำให้การจัดระบบชีวิตประจำวันมันไม่ค่อยจะลงตัว + ขี้เกียจด้วยมั้ง + กิเลส"หลง" จึงทำให้การทำสมาธิลงน้อยถอยลง.. หนักๆเข้า..ศีล5 ก็รักษาไม่ได้(แค่บางข้อเท่านั้น) จิตหลงอยู่ในกิเลสกับตัณหา เรารู้วาระจิตตนเองเลยแหล่ะครับว่า
    - ล่วงหล่นลงมาแล้วจากโลกุตระ"ปฎิมรรค" กำลังใจที่เคยเข้มแข็งในการปฎิบัติ หายไปกับสายลมและแสงแดด..
    - แต่ในจิตตนเองก็คิดอยู่ลึกๆว่า"ไม่เป็นไร.. ถ้าเราตั้งใจจะทำใหม่ให้ได้เหมือนเดิมนั้น.. ไม่ยากไม่เกินความสามารถเพราะว่า ตรูเคยทำมาได้แล้วนี่!..ไว้วันหนึ่ง I will be back! or BADman return!.."
    แล้วหลังจากนั้นก็ด้วยภาระหน้าที่การงาน+หลงในกระแสโลก จึงหยุดหายไปหลายปีเลย(ไม่แม้แต่นั่งสมาธิเลย) กลับไปทำตัวเหมือนผู้ชายปกติที่เขาๆทำกันเลยแหล่ะ.. (กิเลสตัณหาพอกพูน ศีลกระจายไม่มีเหลือเลยซักข้อนึง) แล้วก็ทำมาหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างฐานะสร้างมันเข้าไปทุกสิ่งทุกอย่างจนกระทั่งเราบอกกับตนเองว่า"ตรูพอแล้วๆๆๆ! ตรูมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ปุถุชนคนธรรมดาพึงจะมีได้แล้ว.. ตรูก็มีครบหมดแล้ว..ดังนั้นตรูพอแล้วจริงๆ..(แต่ก็ยังทำไปตามสภาพที่มันยังเกี่ยวเนื่องและยังไม่หมดกรรมอยู่.. แต่ไม่ค่อยจะยึดติดแล้ว).." จนมาภายหลังเราก็ค่อยๆเริ่มเข้าใจในสรรพสิ่งต่างๆแบบทางโลกมากขึ้นๆเริ่มเบื่อหน่าย.. จึงบอกกับตนเองว่า เรารู้เป้าหมายปลายทางของชีวิตตนเองแล้วว่ามันคืออะไร.. เพียงแค่เราเหลือเศษกรรมในทางโลกอีกหน่อย.. แต่ว่าก็อีกไม่นาน อีกไม่นาน..

    จนเมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาจึงเริ่มหันกลับมาปฎิบัติใหม่อ่านใหม่เข้าใจมากขึ้น ปฎิบัติต่อเนื่องมาตลอดแบบเรื่อยๆไม่ซีเรียส แต่ไม่หยุด..โดยมีวิธีคิดว่า ปฎิบัติไปเหมือนหยอดเหรียญลงในกระปุกออมสิน(หยอดมันไปเรื่อยๆหยอดโร้ดดด..) รอคอยวาระกรรมให้มันหมดลงก่อน.. จากนั้นเราก็จะเข้าสู่โลกุตระธรรมแบบไม่หวนกลับมาอีกแล้ว.. "พอแล้ว" enough!..
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (ต่อ)​

    ก่อนมาเข้าฝึกจิตเกาะพระ เรามีพื้นฐาน:-
    - ศีลเราบริสุทธิ์ (รักษาศีล7 เว้นข้อวิกาลโภชนา-ด้วยหน้าที่การงาน+เรารู้ว่ายังไม่ถึงเวลา.. แต่ก็กินน้อย2มื้อ จนนน.ลด10กก. ภายใน5เดือน)
    - สวดมนต์และเจริญกรรมฐานต่างๆร่วม20กอง ออกไปแนวอนุสสติและวิปัสสนากรรมฐาน
    - ตอนเจริญกรรมฐานพุทธานุสสติ เราก็กำหนดภาพระเอาไว้ด้วยแล้วท่องคาถาพุทธะนิมิต (ดูซิ.. ช่างบังเอิญไหมล่ะ.. ว่าเราต้องมาเกี่ยวเนื่องกับจิตเกาะพระนี่)
    - ทำสมาธิด้วยการกำหนด"ความว่าง"ไว้ที่กึ่งกลางกายเพื่อความสงบ สลับไปมากับ"ดวงจิต"ของตนเองและ"ลูกพลัง"(เป็นวิชามโนธาตุแปรเปลี่ยนเป็นดินน้ำไฟลมได้ตามนึก-มันมาเองไม่มีใครสอน.. คล้ายกับเป็นความรู้เก่ามันผุดขึ้นมาสอนตนเอง) แล้วแต่ว่าเราจะทำอะไรกับมัน แต่โดยรวมแล้วมันก็เป็นหมวดอรูปฌาน ฌาน5, 6, 7
    - ก็สัมผัสถึงอภิญญาได้บ้างหลายๆอย่างเช่นมโมฯรุ่นเต็มกำลัง(แบบครึ่งกำลังทำไม่เป็นไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างไรเพราะว่าไม่ได้สนใจ), เจโต, อดีต, อนาคต แต่ว่าเรายังฝึกไม่ได้ถึงชนิดที่จะควบคุมมันให้ได้100%เพราะว่ารู้ตัวว่ากำลังฌานสมาบัติที่มีอยู่+ชีวิตทางโลก มันไม่มีเวลาจะไปเล่นกับมันได้ถึงขนาดนั้น..(ต้องเป็นกำลังฌาน4 แบบชนิด อยากเข้าก็เข้าได้ทันทีและจะต้องให้ทรงตัวได้นานตราบเท่าที่เราต้องการ"ไม่ล่วงหล่นลงมาเอง".. จะต้องใช้ความเพียร+เวลาอีกไม่น้อยเลย) แต่เราก็ไม่ค่อยจะอะไรกับมันมาก..ก็มีตื่นเต้นบ้างตอนแรกๆที่พึ่งจะทำได้.. ก็จะพยายามคิดอยู่เสมอๆว่ามันเป็นอุปทานนิมิต ไม่ใช่ของจริง.. แต่ความจริงแล้วถ้าเรามีสติที่ดีน่ะ.. เราจะรู้ได้ด้วยตนเองเลยว่าอันไหนอุปทานอันไหนของจริง.. (แต่ก็ไม่อยากให้ใครไป"หลง"ยึดติดกับมัน ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์ มีแต่จะเป็นหนทางเอาทุกข์ใส่ตัวเองมากขึ้นนะครับ..)
    - ทำสมาธิก่อนนอนและเช้า ถ้าวันหยุดก็เพิ่มช่วงบ่าย
    - เคยไปถือศีล8ฝึกสติปัฏฐาน4ที่วัดมาก่อนนานมากแล้ว
    - และกำลังเริ่มหัดทรงฌานระหว่างวันอยู่โดยกำหนดความว่างไว้ที่กลางกายแล้วก็ทำการทำงานไปเพราะรู้สึกเสียดายเวลาในระหว่างวันที่มันผ่านไปแต่เราไม่ได้เข้าฌาน เพื่อจะเพิ่มกำลังฌานสมาบัติให้กับตนเองแบบต่อเนื่องและเข้มแข็ง..
    - ส่วนกำลังใจเรานะ คือเราสามารถละสังโยชน์ได้3ข้ออยู่แล้ว แถมพวกกิเลสรักโลภโกรธหลงก็เบาบางลงมากๆแล้ว แต่ยังคงเหลือ"อนุสัยกิเลส" ตัวโทสะและกามราคะตัวนึงเล็กน้อย.. คือว่าถ้าปกติมันจะไม่มีเลย..(จนทำให้บางทีก็สงสัยตนเองว่า"อนาคามี"?..) แต่พอมาวันดีคืนดีมันโผล่ขึ้นมาเอง.. เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับมัน.. ก็ช่างหัวมันคิดไปคิดมาว่าทำไปๆ.. เดี๋ยวมันคงหายไปเองมั้ง..555 (ปรากฏว่าทราบภายหลังครับ.. ว่า"คิดผิดครับ" คือถ้าเราไม่เดินมรรคให้ถูกต้องมันก็จะยังอยู่แอบซ่อนอยู่ของมันอย่างนั้นน่ะ..)
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (ต่อ)
    (ต่อมาทำไง..วิ่งสิ!)​

    ก็มาบังเอิญได้เจอกระทู้จิตเกาะพระนี่.. ก็แอบเกาะขอบจออยู่เดือนนึงมั้ง.. รู้สึกว่าครูฝึกที่นี่"ใช่เลย" เขาสอนเรื่องการเดินมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา (เราเองมีอยู่แล้ว2ข้อ ขาดแต่เรื่องปัญญาวิมุติ) จึงขอสมัครเรียนและได้พี่ภูเมตตารับเข้ามา..แล้วก็ส่งไปให้ฝึกกับครูเพ็ญครูดัช.. ความจริงตอนนั้นที่สมัครก็เพราะว่า เราสนใจเรื่อง"สติ" + "ปัญญาวิมุติ" มุ่งสู่ความหลุดพ้น ส่วนการทรงฌานเราเป็นของเราอยู่ก่อนแล้ว แต่เราก็มาได้เรื่องการทรงฌานระหว่างวันที่กำลังฝึกเองอยู่และได้เรื่องความต่อเนื่องของกำลังสมาธิบาตรฐาน แล้วต่อยอดไปวิปัสสนา.. "สาธุตรูโชคดีจริงๆเลย..555" ที่บังเอิญได้โผล่มาเจอกระทู้นี้ มีคนเอาลิ้งค์ไปวางไว้ที่กระทู้ภัยพิบัติอะไรซักอย่างจำไม่ได้แล้ว เราจึงตามไปดู อ่านเจอพี่ภูเข้า.. ตอนที่เรามาดูใหม่ๆน่ะกระทู้พึ่งอยู่ที่หน้า2-3เอง.. เราก็อ่านหมดทุกหน้าเลย พออ่านไปๆ ไอ้หย๋า..ที่นี่มันสอนถึงขั้นนิพพานเลยหรือว่ะ!..555 มันโม้หรือเปล่าว่ะ.. (ก็แหม่..เราเรียนจบตั้งป.ตรีและป.โทวิศวะ..นะครับ จะให้ตรูเชื่อใครง่ายๆได้อย่างไร แถมเราก็พอจะอ่านมาเยอะและปฎิบัติมาไม่น้อย แถมเคยเข้าถึงโลกุตระธรรมมาแล้วครั้งนึงในอดีต ก็เรามันจำพวกปัญญาจริตอยู่แล้ว.. จึงตามอ่านและเข้ามาถามตอบ ขอทราบในสิ่งที่เราสงสัย ก็พอที่จะทำให้เราสรุปได้ว่า เออ..ของจริงว่ะ.. ส่วนจะอรหันต์จริงหรือไม่นั้นตรูไม่สนหรอก.. ขี้หมูขี้หมาตรูทำได้ถึงขั้นพระอนาคามี.. ตรูก็คุ้มค่าที่ได้ลองฝึกแล้ว..บวกกับคนที่เรารู้จักทั้งหมดรวมถึงพระด้วยก็ไม่มีใครอาจหาญกล้าสอนให้ถึงขั้นบรรลุ"นิพพาน"บนดินเลย.. เราจึง why not? let try..) ความจริงแล้วตัวเราเองรู้ว่าการเดินมรรคไปถึงขั้นสูงๆแล้วจำเป็นที่จะต้องมีผู้สอบอารมณ์ เพราะเราไม่ใช่พระสัพพัญญู(พระพุทธเจ้า)หรือพระอริยสงฆ์เจ้าผู้มากล้นซึ่งบารมีที่ท่านสามารถตรัสรู้บรรลุธรรมได้ด้วยตัวท่านเอง อ้ายเรามันก็แค่คนธรรมดาๆคนนึงจึงจำเป็นจะต้องอาศัย"ตัวช่วย" นั่นคือครูฝึกนั่นเอง..

    เอาหล่ะ..เข้าเรื่องซักทีนึง..555
    พอคุณครูบอกให้ วางกรรมฐานเดิมก่อนให้ทำจิตเกาะพระ สำหรับเราแล้วไม่ยากเลย เพราะเราเป็นคนที่ทำมาหลายๆกรรมฐานอยู่แล้วและไม่ได้ยึดติดมากมายจนเกินไป.. พอให้เปลี่ยนเราก็แค่กำหนดพระไว้ที่กลางกายเราเท่านั้นเอง
    - วันแรกคุณครูบอกว่าให้วาง"อัตตา"ลงแล้วเชื่อฟังครูฝึก เราก็โอเคเลยครับทำตามครูทุกประการ "เป็นเด็กดีไม่ดื้อ"
    - เราเลือกรูปสมเด็จองค์ปฐมปางพระพุทธชินราช(สีทอง)มีซุ้มรังษีเป็นเพชร
    - ก็โหลดใส่ในมือถือ ในคอมพิวเตอร์ เพราะว่าดูทุกวัน ดูเป็นร้อยครั้งต่อวัน
    - พอฝึกไปๆ..ภาพพระก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆเหมือนคนอื่นๆนี่แหล่ะ ในตอนแรกๆนะครับ..
    - เราจะมีสติระลึกรู้นึกถึงพระอยู่ตลอด ในระหว่างวัน เราแค่ทำไปไม่กี่วันจิตมันก็ทำงานเป็นออโต้เองแล้ว(อาจจะเป็นเพราะว่าเราเคยฝึกการทรงฌานในระหว่างวันมาก่อนเป็นพื้นฐานการแยกกายแยกจิตอยู่ จึงทำให้สามารถทำได้รวดเร็ว)
    - แต่ต่อมา.. เรามีปัญหาว่าหาพระไม่เจอ แต่ว่าจิตมันทรงฌานอยู่(ฌานสูงด้วย) ถอยฌานลงมาก็หาไม่เจออีก คือว่าจะฌานสูงหรือฌานต่ำหาพระไม่เจอ จนงงกันไปหลายวันทั้งครูทั้งศิษย์..555 อยู่มาวันนึงเรากำลังเดินจงกรมอยู่ จิตมันก็ดิ่งๆๆของมันอยู่แบบนี้ทุกวันๆ แต่เราก็หาพระไม่เจอ แต่จิตมันก็ยังเกาะพระอยู่ จึงตั้งใจใช้สติไปความหาซิว่าเป็นอย่างไร สุดท้ายหาเจอค้นพบว่าพระเราเป็น"พระอรูป" ไม่มีรูปพรรณสันฐาน ต้องใช้สติอย่างมากจึงจะพอได้เห็นแว๊ปๆคล้ายๆปรอทใสโปร่งแสง ทดลองอยู่หลายทีจนสรุปว่าพระเราเป็น"พระอรูป" จิตของเรามันเลือกของมันแล้ว.. ดังนั้นมาก็เลยเลิกหาอีกต่อไป.. แต่ก็สามารถทรงณานได้ แต่เราจะเป็นผู้ที่รู้เองว่าฌานสูง-ต่ำแบบไหนอย่างไร เพราะว่าเราไม่มี"ผลของภาพพระให้กับครูฝึก"..
    - เราฝึกไปได้ประมาณ2อาทิตย์เราก็เกาะพระได้แนบแน่นทั้งวันทั้งคืนเลย จน"เมาฌาน" สัญญาตกกระป๋อง ขี้หลงขี้ลืม (แต่ก่อนไม่เคยหลงลืมขนาดนี้มาก่อน) จนมีวีรกรรมมากมายเรื่อง"สัญญาตกกระป๋องนี่"..
    - คุณครูก็ให้ฝึกสติ+วิปัสสนาและพิจารณาไตรลักษณ์ต่อ เราก็ทำตามข้อแนะนำตลอด
    - ด้วยความที่ทรงฌานเก่งไปหน่อยมั้ง?เราจึงไป"ติดเฉย"ซึ่งเป็นอุเบกขาฌาน มันก็คล้ายๆกับอุเบกขาญาณ แต่เราก็ไม่รู้ตัวกันนะ.. พอมันมีอะไรมากระทบ มันก็ไม่เข้าถึงจิตเราเลย ไม่สนใจอะไรเลยคือมันเฉยแบบพวกพรหมที่เข้าฌานกันน่ะ..แม้ฟ้าจะถล่มดินจะทะลายจิตเรามันก็เฉยไม่สนใจอะไรไม่แครอะไรเลย.. แถมไม่ต้องพิจารณาไตรลักษณ์ด้วย อยู่เป็นอาทิตย์เลย..จิตก็ไม่ยอมยกซักที ทั้งที่อินทรีย์ก็ใช้ได้แล้ว.. งงกันไปทั้งศิษย์ทั้งครู..555
    - จนท่านพี่ภูได้ไปขอกับท่านพ่อให้ช่วยยกช่วยดึงจิตของเราด้วย..แล้วบอกให้ตัวเราเองไปอธิษฐานจิตขอกับท่านพ่อเองด้วย เราก็ทำตาม..(อันนี้รู้แค่เรากับท่านพี่ภูเท่านั้น ครูเพ็ญกับครูดัชไม่ทราบ เพราะว่าเราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กันเลยท่านจึงไม่ทราบ)
    - เท่านั้นหล่ะ.. ครูดัชนี่..(ผิดปกติวิสัยการตอบการบ้านคือธรรมดาจะสายๆหน่อย) มาแต่เช้าเลย.. "ยูเรคา ยูเรคา" ค้นพบแล้วว่าเรา"ติดเฉย" นั่นเอง เราก็เออ..สงสัยถ้าจะจริง ก็ปล่อยจิตให้เบาๆสบายๆกลางๆว่างๆ ไม่ทำให้จิตทรงฌานแล้วคือปล่อยไปเลย.. แบบเบาๆสบายๆไปเลย.. พอสายๆหน่อยเราอยู่ดีๆฉุกคิดขึ้นมาได้เรื่อง"ขอขมาคุณแม่เราเอง(พ่อเสียไปนานแล้ว)ทางโทรศัพท์ก็ได้นี่.." เดิมตั้งใจว่าพอมีเวลาจะไปเยี่ยมท่านแล้วซื้อพวงมาลัยไปกราบขอขมาต่อหน้าต่อตาท่านแล้วให้ท่านบอก"อโหสิกรรม"ให้กับเรา.. มันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าแล้วทำไมเราไม่โทรศัพท์ก่อนก็ได้นี่ ว่าแล้วก็คว้าโทรศัพท์โทรไปหาท่าน แล้วอธิบายว่าเรากำลังปฎิบัติธรรมอยู่จึงอยากจะมาขอขมาท่าน แล้วท่านก็"อโหสิกรรมให้" แถมอวยชัยอวยพรให้เราสมปราถนาในสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วบอกว่าถ้ามีเวลาก็ค่อยซื้อพวงมาลัยมากราบภายหลังก็ได้..ไม่เป็นไร..(พอภายหลังจากจิตยกแล้ว เราก็ไปทำตามว่า)
    - พอตกเที่ยงๆเห็นเมลล์ครูเพ็ญบอกว่า"จิตยกแล้ว" ก็เป็นอันเสร็จกิจแบบงงๆอยู่..เอ้า..ยกก็ยกว้าาา..555
    - ภายหลังมาเราก็ยังคงวิปัสสนาอย่างต่อเนื่อง"ไม่มีเกียรถอย"ครับสำหรับรถคันนี้.. ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ตรวจสอบกำลังใจตนเองอยู่ตลอด (ตามสังโยชน์10, บารมี10) เพราะว่า "เราในอดีตเคยล่วงหล่นลงมาจากโลกุตระธรรมมาแล้ว" เราบัดนี้เข้าใจคำว่า "ปฎิมรรค" vs "ปฎิผล" ได้เป็นอย่างดีเลย.. จึงได้น้อมนำคำกล่าวขององค์พระศาสดาก่อนที่ท่านจะทรงดับขันธ์ปรินิพพานเอาไว้ว่า "จงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อม" มาใส่ในจิตตนเองอยู่เสมอๆ.. สาธุ.. ก็ขอเอวังด้วยประการละฉะนี้..

    หมายเหตุ: กรณีศึกษาของเรานี้ ไม่สมควรเอาเป็นแบบอย่างเพราะว่ามันไม่ค่อยจะหมือนกับคนปกติทั่วไป.. แต่ก็พอจะมีสิ่งที่พอจะเอาเยี่ยงได้ นั้นก็คือ เรื่องความเพียรและเป็นเด็กดีไม่ดื้อเชื่อฟังคำครูนะครับ..

    ขอบารมีแห่งพระรัตนตรัยช่วยดลบันดาลให้ กุศลผลบุญอันเนื่องจากธรรมทานนี้ จงถึงแก่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอัครสาวกทั้งสอง พระอริยสงฆ์เจ้า ท่านอริยบุคคล เทวดาพรหม พ่อแม่พี่น้อง ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ท่านจิตบุญ ท่านจิตบำเพ็ญ ท่านจิตเกาะพระ สรรพสัตว์ สรรพดวงจิต ทั้งหลายทั้งสามโลก จงมีแต่ความสุขความเจริญในจิตและมีปัญญาวิมุติด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี

    ลูกพลัง จบ.19

    Sent from my iPad
     
  11. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    พี่ภูครับ

    กำลังดำเนินการครับ อีกไม่กี่เพลา ....

    โปรดต่อไป ให้เค้านิ่ง
    โปรดต่อไป ให้เค้าวาง
    โปรดต่อไป ให้เค้าว่าง
    โปรดต่อไป ให้เค้าหยุด
    โปรด .... จนกระจ่างแจ้ง

    เรือลำนี้จะไม่จมครับทุกท่าน ...

    พยายามนะครับทุกท่าน ผมดูทุกคนอยู่นะ

    ธรรมชาติสวัสดี

    วิทย์ จบ.11
     
  12. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ผมอ่านประวัติครูลูกพลัง+โทรคุยแล้วก็ต้องบอกว่าพอเข้าใจแล้วว่าครูถึงได้มาสอนผม ประวัติคล้ายๆกันเลยครับ ผมก็เริ่มมาจากหนังสือหลวงปู่ปานแล้วบึ่งไปเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยเรียนกรรมฐานอะไร เลยฐานจะค่อนข้างอ่อนอยู่ครับ แถมครูยังเรียนจบที่เดียวกันอีก นับว่าผูกพันกันมาแต่เก่าแล้วนั่นเอง

    ขอขอบคุณคุณภูกับครูเพ็ญครับ คือว่าผมพอเข้าใจในระดับหนึ่งแล้วครับ แต่ยังไงตอนนี้ผมก็เกาะพระไป+วิปัสสนา ต่อไปครับ
     
  13. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ขออนุญาตประกาศจิตบุญดวงที่ ๕๘ ณ วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕

    ขอท่านทั้งหลายจงโมทนา
    กับจิตบุญดวงที่ ๕๘

    ของกลุ่มจิตบุญเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    ขอลาพักร้อนนะคร้าบบบบบบบบบบบบบ

    โมทนาสาธุ .....

    ขอพักนิดนะครับท่านพ่อ ... เดี๋ยวเรือลำนี้จะกลับมาใหม่

    ขอให้เจริญในธรรม เกาะพระให้แนบแน่นนะครับ

    ธรรมชาติสวัสดี

    วิทย์ จบ.11
     
  15. Wittayapon

    Wittayapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +19,233
    โมทนาสาธุด้วยครับ ..... เสร็จกิจแล้ว
    มาช่วยกันเผยแผ่ธรรมะนะครับ

    มาช่วยกันนำพาดวงจิตที่ยังหลงกลับบ้านกันนะครับ

    วิทย์ จบ.11
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  16. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    คุณต๋อม tom tana (ถ้าเขียนผิดขออภัย) จิตบุญ 58

    คุณต๋อมส่งการบ้านฉบับสุดท้ายรายงานบนกระทู้ให้พ่อครูกับครูวิทย์ทราบด้วยค่ะ
    สติอย่ามัวแต่งงนะ สติตามดูจิตให้ทัน อะไรเกิดก็รู้ อะไรดับก็รู้
    สติเอาเกาะจิตเข้าไป เชื่อมั่นในตนเอง
    ศรัทธาในคุณความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ศรัทธาในพระนิพพาน ที่อาศัยของจิตนิรันดร์กาล

    พี่เพ็ญขอโมทนาบุญกับท่านไม่มีประมาณค่ะ
    ขอท่านจงสุขเกษมสำราญยิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ


    จิตบุญใหม่ขอให้อ่านคำแนะนำของพี่ภูด้านบนด้วยนะคะ ตามลิงค์



    ขอความร่วมมือจิตบุญใหม่ช่วยส่งข้อมูลทำเนียบจิตบุญให้น้องลูกหว้าด้วยค่ะ
    จะส่งทางอีเมลของน้องลูกหว้า(ถ้ามี) หรือส่งที่ครูของท่านก็ได้ค่ะ
    1. ชื่อ-สกุลจริง , ชื่อเล่น , นามแฝงบนเว็บพลังจิต
    2. ที่อยู่อีเมล
    3. ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือที่อยู่ที่ติดต่อได้
    4. วัน/เดือน/ปีเกิด และอายุ ณ วันที่จิตยก^^
    5. ระยะเวลาการฝึกจิตเกาะพระ เริ่ม....ถึง.....=.....วัน (ถ้าจำได้)
    6. หมายเลขโทรศัพท์
    7. อาชีพ
    8. รูปถ่าย
    9. อื่น ๆ (ลูกหว้าช่วยเสริมด้วยค่ะ)


    เอ้า คุณดาวเร่งความเพียรเข้า จ้ำบึ้ด จ้ำบึ้ด สติเอาเกาะจิตให้แน่น ๆ จิตเอาเกาะพระให้แนบแน่น ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ นึกถึงพระให้บ่อยกว่านึกถึงหนังหุ้มกระดูกของคนอื่นนะ แล้วเดี๋ยวจะได้ดีตามจิตบุญรุ่นพี่ สาธุ ขอให้ท่านถึงฝั่งพระนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ


    พี่เพ็ญ จบ.3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2012
  17. suwipha satraphai

    suwipha satraphai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +461
    โมทนาสาธุ ด้วยค่ะ กลับบ้านด้วยกันนะคะ
     
  18. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998

    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  19. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  20. urairatvi

    urairatvi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,401
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณแป้งจิตบุญที่ 56,คุณนำ้ฝนจิตบุญที่ 57,คุณต้อมจิตบุญที่ 58ด้วยคะ.
    ขออนุโมทนาบุญอย่างแรงกล้ากับครูวิทย์ด้วยคะ ครูวิทย์นี่สุดยอดเลยคะ
    ขออนุโมทนาบุญกับครูจิตบุญทุกท่านคะ
    ขอเป็นกำลังใจกับจิตเกาะพระ จิตบำเพ็ญ ทุกท่านสำเร็จกลับบ้านสมใจนะคะ สู้ สู้ สู้
    อาทิตย์นี้ช่างเป็นอาทิตย์มหาอภิมงคลเลยคะ จะรอต้อนรับจิตบุญดวงต่อๆไปคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...