เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

เอาพื้นดวงก่อน (ก่อนเกิดเหตุ)

เจ้าชะตาเกิดวันศุกร์ มีราหูเป็นกาลกิณี ดาวอังคารเป็นศรี
ดวงนี้ ลัคนาอยู่ราศีกุมภ์ มีดาว๘ราหูเป็นเกษตรกุมลัคน์ ร่วมกับดาว๓อังคาร
ราหูมันตัวมัวเมา หลงผิดได้ง่าย
อังคารมันตัวกล้าหาญ
๓กับ๘ เป็นคู่ธาตุลม หรือคู่นักเลง ทำให้กล้าที่จะทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง
มีดาว๑ เป็นตนุเศษ ในภพสหัชชะ แปลแบบง่ายๆ ตนุเศษ หมายถึงจิตใจ ๑ ก็ถือตัว ในภพสหัชชะ ก็ติดเพื่อน
ได้คู่มิตรคือ ๕ แปลว่า “มาก”
เจ้าชะตาติดเพื่อน ถือตัว ใครเตือนได้ยาก
ดาว๓ เจ้าเรือนสหัชชะ มากุมลัคน์ เพื่อนไม่ต้องเรียก เดี๋ยวก็มาเอง
๕ เจ้าเรือนกดุมภะ(การเงิน) ไปอยู่กับเพื่อน
๒ มาจากเรือนอริ มาอยู่ภพกดุมภะ....ใจกว้างกับเพื่อน เสียเงินก็เพราะเพื่อน

เดี๋ยวมาต่อ......
(ผมไม่เก่งนะ แต่ดวงนี้ถือเป็นครู เอามาแบ่งกันศึกษาครับ)

 

สวัสดีครับคุณพ่อประดู่ พี่ไพรัช และทุกๆท่าน ผมอยากขอความอนุเคราะห์จากคุณพ่อประดู่ ว่าด้วยเรื่องไพรดำ(ตามที่พี่หนุ่มทิพย์พาดพิง จะได้ไม่ยิงผิดตัว) เท่าที่หาข้อมูลจากในเวปต่างๆ ยังไม่ปรากฏแน่ชัดนักถึงเรื่องสรรพคุณ ดังนั้นจึงจะขอความอนุเคราะห์ครับ เพราะทุกครั้งที่คุณพ่อประดู่เล่าเรื่องล้วนเเต่อิงความเป็นจริงจากอดีตทั้งสิ้น และหากว่าเป็นไปได้อยากจะขอให้เรื่อง ไพรดำ ได้ถูกบรรจุเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าของคุณพ่อประดู่ครับ

 

วันเกิดเหตุ อายุย่าง 25 ปี ดาว๗ เป็นอายุ ดาว๔ เป็นกาลกิณี
1.ดาว ๘ ย้ายมาที่ภพกัมมะ แปลว่าเจ้าชะตาได้ทำกรรมบางอย่าง
2.ดาวเจ้าเรือนภพกัมมะ(๓) โดดไปลงภพมรณะ ร่วมกันกับ ๗
3.๓ กับ ๗ เป็นคู่จองเวร คู่ทรหด หรือในงานนี้จะเรียกว่าคู่ฉุดคร่า (อีกเดี๋ยวจะเข้าใจ)
4.ดาว๔ เจ้าเรือนมรณะ ไปตกภพปุตตะ (เฉพาะอันนี้จะแปลว่า “ใหม่”) มีดาวเกตุกุม(๙)
ดาว๔ มีบ้านสองหลัง คือภพมรณะ กับภพปุตต แต่ดวงเดิมอยู่พันธุจึงต้องเอาความเป็นพันธุมาด้วย พันธุ ที่แปลว่า “บ้าน” กุมกับดาวเกตุ ที่มีหลายความหมาย
๙ เก่าโบราณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือจะแปลว่า “คุก” ก็ได้
1+2+3+4= เจ้าชะตา กระทำกรรม บางอย่าง เป็นผลให้ตนเอง มรณะ(ห่างหายจากจุดเดิม(บ้าน))
วันเกิดเหตุ เจ้าชะตาถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ...จับกุมที่ไหน?
จับกุมที่ภพมรณะ เจ้าเรือนภพมรณะคือ๔
และ๔ เดิม (รูปแรก) อยู่ที่ภพพันธุ ที่แปลว่าบ้าน
เจ้าชะตาถูกจับคาบ้านของตนเอง
จับไปไหน?
๔ ปัจจุบัน อยู่ในภพปุตตะ แปลว่าที่ใหม่
ที่ใหม่ที่เป็น๙ มีความเข้มงวด เข้มขลัง ต้องปฏิบัติตามพิธีกรรม หรือตามธรรมเนียมปฏิบัติ...

ยังไม่จบ เดี๋ยวมาต่อ.....

 

1.๘ เจ้าชะตา ตกภพกัมมะ กระทำกรรมบางอย่างให้ตัวเอง
2.๓ (เจ้าเรือนกัมมะ) ไปตกภพ ศุภะ (ที่พึ่ง,อิสระ)
3.๖ (เจ้าเรือนศุภะ) ไปตกภพ อริ (อุปสรรค,ไม่ถูกต้อง)
4.๒ (เจ้าเรือนอริ) ไปตกภพ กดุมภะ กุมกันกับดาวมฤตยู 0(ลึกลับ,ไม่เปิดเผย)
1+2+3+4= เจ้าชะตาทำกรรมบางอย่างให้ตัวเองหลุดพ้น อย่างไม่ถูกต้อง

วันเกิดเหตุเจ้าชะตา ได้รับแรงยุให้หลบหนี

ยังไม่จบ จบตอนหน้า...อีกแป๊บ

 

ก่อนโดนจับกุม ผมเตือนตัวคนเป็นแม่ (แม่บ้าน) ให้ระวังลูกชายให้ดี
ดวงเค้านี้ถ้าบวชได้ก็บวชเถอะ ยังแกล้งขู่ไปด้วย ว่าสะเดาะห์เคราะห์ไม่ยาก
ให้เลือกเอา ระหว่าง วัด-วัง-คุก
และในเร็วๆนี้ จะเสียรถหนึ่งคัน

แม่บ้านถามว่าคันเล็กหรือคันใหญ่ (คันเล็กรถจักรยานยนต์) ผมตอบว่าคันใหญ่
คนเป็นแม่ ก็เชื่อถือผมอยู่ แต่ลูกชายเค้าไม่เชื่อใคร ถ้าแม่ให้ตังค์พอสมค่าตัวก็จะบวชให้ ขอผลัดไปอีกแป๊บ...

แม่บ้านมาเล่าความฝันให้ผมฟัง (ทำยังกะผมเป็นพวกจิตสัมผัส... จริงๆแล้วน่าจะเป็นจิตบำบัดมากกว่า) ว่าโดนคนตัวดำใหญ่ มาอุ้มแล้วโยนลงจากบ้าน
ผมไม่อยากให้เพ้อเจ้อ บอกให้ทำแต่ความดี ลูกเราแท้ๆ ยังสอนไม่ได้ ก็ช่วยทำให้เห็นเป็นตัวอย่างละกัน หมั่นสวดมนต์ทำใจไป แล้วอุทิศบุญกรวดน้ำบ่อยๆ

ถึงวันเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานเรื่องอาวุธเถื่อน (ตัวคนเป็นพ่ออยากได้ เลยซื้อมา ลูกชายก็เอามาตระเวนอวดเพื่อน) บุกค้นถึงในบ้าน แต่ไม่เจอ เลยจับไปตรวจปัสสวะ เป็นสีม่วง
แม่บ้านหน้าดำ เดินมาบอกผมว่า "เรียบร้อยแล้ว...ลูกชายติดคุกเรียบร้อยแล้ว..."
คนเป็นพ่อ ไม่เคยวิสาสะกับผม ก็ยังเร่งคนเป็นแม่ ให้รีบมาปรึกษาผม ว่าพอจะมีทางช่วยหรือไม่ เพราะเป็นทุกข์กันทั้งบ้าน

ผมช่วยอะไรไม่ได้ ผมไม่ใช่ทนาย ไม่ใช่อัยการ ไม่ใช่ผู้พิพากษา ...ผมเป็นหนุ่มทิพย์ จิตบำบัด

บอกให้ใจเย็นๆ ดวงมันแปลกๆอยู่ ให้อดทนแค่เดือนเดียว (จริงๆแล้ว ผมดูไม่ขาด)
เมื่อครบเดือน ลูกชายตัวดี ก็หนีออกมาได้ โดยการช่วยเหลือจากผู้คุม ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ย้ำว่า หนีเที่ยวนี้ ต้องอย่าให้มีคดีเพิ่ม(ครั้งก่อนยังรอลงอาญา ยังไม่รวมครั้งนี้)

หนีมาบ้าน แม่ก็พาไปอยุธยา ไปหลบที่นั้นก่อน แล้วมาปรึกษาผม ครั้งนี้ตัวพ่อ คุมแม่มาดักรอผมเลิกงาน (จะหนีก็หนีไม่ได้)
ผมถามว่า "ทำไมไม่ไปมอบตัว"
แม่บ้านก็ส่ายหน้าหมดอาลัย คนมันปรกติก็ไม่ฟังพ่อฟังแม่อยู่แล้ว ยิ่งหนีคดีมาแบบนี้ ก็คงไม่ฟังใคร

ผมก็ดูในพื้นดวง ยังไม่พ้นเคราะห์ ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร ได้แต่บอกว่า "อย่ากลับบ้าน" เพราะเห็นดาว ๔ เจ้าเรือนพันธุ ตกภพมรณะ และ "อย่าทำเรื่องผิดศีลธรรม"
แม่บ้านก็เลยว่าจะพาลูกไปบวชที่โคราช
ผมก็ว่าดี

ผ่านไปไม่กี่วัน ผมก็สงสัยว่าลูกชายจะยังไม่ได้บวช เห็นหน้าผมๆไม่ทันทัก เธอก็ทักผมก่อน
เล่าว่า ทางวัดไม่ยอมบวชให้ ต้องขานนาคให้ได้เสียก่อน
ผมก็ว่าใช่ แต่ระหว่างนี้ ต้องระวังตัว อย่ากลับบ้าน

ผมมารู้เอาวันนี้ ว่าหลังผมทักไม่กี่วัน ลูกชายกลับมาบ้าน ขอยืมรถไปเที่ยวบางแสนเป็นครั้งสุดท้าย....
ขับไปคว่ำ เหลือแต่ซาก

เกิดวันศุกร์ อายุย่าง 25 ดาว๘จร เป็น เดช
รวมทั้งพื้นดวงเป็นเกษตร เลยไม่เป็นอะไร รอดตายมาได้

เดี๋ยวมาต่อ......

 

แม่บ้านเชิญผมมานั่งคุยปรึกษา บอกว่าจะพาลูกชายไปบวชที่วัดปอแดง แม่ชีที่วัดฯ ก็ขอเป็นเจ้าภาพผ้าไตร ที่เหลือที่จะเป็นค่าใช้จ่ายก็คงมีบ้าง
แม่ชียังทักเลยว่า มาบวชเสียไกล รู้จักเจ้าอาวาสไหม
แม่บ้านก็เลยคุย ว่ามีคนรู้จัก จะเขียนจดหมายฝากให้

ผมถามว่าค่าพระอุปัชฌาย์ เท่าไหร่?

เธอบอกว่าพันนึง ผมก็ควักกระเป๋าตังค์จ่ายให้ เธอตกใจแต่จะไม่รับก็คงไม่กล้าขัดผม
ผมบอกว่าจะเขียนจดหมายฝากไปให้.... เธอก็ดีใจเหลือ

ลูกชายบวชไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา...

หลวงพ่อสมบุญ วัดปอแดง ถวายบาตรพระ แล้วทักให้กำลังใจ
"ด้านหลังเธอนั้นมืดมนมาเลยนะ... ตั้งใจนะลูก เอาให้เบื้องหน้าใสเป็นน้ำเลยนะ...."

ตัวแม่กลับมาเจอผมที่ทำงาน หน้าตาสดใส ปลื้มปิติ ผมก็ยินดีด้วย......

 

อ.ธรรมนูญ สำนักบัวแปดกลีบ : มาลองของหรือเปล่า? ของที่ยกมาก็ดีอยู่แล้ว
21 ส.ค. 55 : หลวงพ่อลี วัดหัวตลุก : "ท่านท้าวสักกะเทวราชท่านมาเองเลยนะ...มาร่วมโมทนากับคุณด้วย"
27 ส.ค. 55 : ครูบาสายทอง วัดท่าไม้แดง : "ของที่อยู่ในลังนี้ มีรูปพระเจ้าตากสองพิมพ์ใช่ไหม ท่านมาเองเลยนะ..."
6 ก.ย. 55 : หลวงพ่อสมบุญ วัดปอแดง : "ของที่ยกมา ไม่ต้องเสกแล้วก็ได้นี่..."
6 ก.ย. 55 : หลวงปู่ผ่าน วัดป่าโพธิ์แก้ว : "หมูเขี้ยวตันนะ มีชีวิตแล้วนะ คุ้มตัวคนใช้ได้แล้ว"
21 ส.ค. 55 : พระอาจารย์สมคิด วัดเนินสาธารณ์ : "ผมมีเท่าไหร่ ผมทำให้คุณนิ่มหมดเลย..."
12 ก.ย. 55 : พระปลัดนิวัติ วัดคมบาง : "เสียลั่นเปรี้ยะๆ รอบพระอุโบสถตลอด ข้างบนเค้าร่วมโมทนาด้วยนะ..."
คลิกที่ภาพเพื่อขยาย
คลิกที่ภาพ เพื่อขยาย
**คุณ R-LEK เพิ่มหนุมานฯ+เสือฯ (600฿+600฿)<!-- google_ad_section_end -->

***เพื่อนสมาชิกใหม่ ต้องแจ้งโอนหน้ากระทู้นะครับ ผมจะได้โกงยากหน่อย แจ้งทางพีเอ็ม ผมเปิดอ่านไม่ทันครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

หากพบเห็นตารางผิดพลาด รีบแจ้งด่วนครับ จะปรับปรุงให้ทันที<!-- google_ad_section_end -->





ได้โปรดอย่าเพิ่งโอนนะครับ....

แววๆ ว่าต้นทุนต่อห้องเรียน ตกอยู่ที่ 150,000 บาท ท่านใดใจบุญ พร้อมกับทุนทรัพย์ที่ไม่จำกัด จะรับเป็นเจ้าภาพ ก็ขอโมทนาด้วยครับ
ทุกท่านจะได้รับใบอนุโมทนาจากทางโรงเรียนนะครับ จะลดภาษีได้มากกว่า

 

เรื่อง : จำๆ เขาเอามาเล่าสู่กันฟัง

ตอน : ตอบคุณ เซฟาโร่

ผมเขียนตอบคุณ เซฟ่าโร่ ไม่ไช่เพราะผมรู้เรื่องเกี่ยวกับ"ไพรดำ หรือ ไพลดำ"ตามที่ถาม

มา แต่เป็นเพราะผมเคารพในตัวหนังสือทุกตัวที่คุณเขียน โดยเฉพาะความชัดเจนที่บอก

ว่าค้นจากเวปต่างๆ มาแล้ว ผมไม่เคยค้นเพราะผมไม่ชอบโดยเฉพาะอะไรก็ตามที่บอกกัน

ว่า"หายากนะ"ผมอ่านเร็วๆ ทีไร สระอา กับ ก ไก่ หายทุกที ผมเคยอยู่ใกล้ชิดกับคนที่หา

เหล็กไหล/เหล็กไหลไพรดำ/ไพลดำ มาแล้ว ตั้งแต่ลูกผมยังไม่เกิดจนเดี๋ยวนี้ ๔๐ กว่าปี

แล้ว เหลืออนุสรณ์คือต้นไพลดำที่เขาวางขายกันทั่วไป(คือพ่อของแม่บ้านผมเอง, ปัจจุบัน

เสียชีวิตไปแล้ว) ถ้าจะให้ดีและเชื่อมั่นได้ต้องไปถามคุณพนมเทียน หรือคุณฉัตรชัย ฯ

เพราะผมก็ได้เรื่องได้ราวมาก็จากข้อเขียนของท่านหรือลองหาอ่านเอาก็ได้ เพราะเคยมี

นายแพทย์ท่านหนึ่งได้เคยหมดเงินหมดทองไปมากกับเรื่องเหล่านี้ แล้วเอามาเล่าให้คุณพนม

เทียนฯเขียนลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์"เดลินิวส์" แต่ผมก็จะเล่าให้อ่านพอได้ เพราะผมเคยได้

ยินมาตอนเด็กๆ เหมือนกัน เรื่องตอนนั้นมันน่าฟังเพราะไม่มีธุระกิจมาเกี่ยวข้อง ผมเคยห่วง

ว่าจะมีการฆ่าคนท้องตัวอ้วนๆใหญ่ๆ เพราะอยากได้น้ำมันพรายตัวยิ่งใหญ่ยิ่งได้เยอะดี ตอน

นี้ผมก็เป็นห่วงอีกว่าจะมีการไปขอจดทะเบียนตั้งโรงงานถลุงเหล็กไหล ?ไม่ว่าจะมีอะไรหรือ

เป็นอะไร ถ้าคุณศรัทธาคุณมีความมั่นใจคุณใช้ได้เลย คุณคงเคยได้ยินมาแล้วว่าคว้าเอา

เขียดมาอมในปากเขียดดิ้นยังนึกว่าพระขึ้น แล้วยิงปะทะกับโจรยังไม่เป็นไร

ไพรดำของผมที่จะเล่าคงไม่เหมือนใคร เป็นไพรดำที่เป็นว่าน ...ผมได้ฟังคนแก่เล่า

สู่กันฟังเกี่ยวกับหลวงพ่อปั้นวัดสี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ ผมเกิดไม่ทัน ตอนนั้นคนเล่าก็อายุ

ไม่ต่ำกว่า ๖๕ ปีสักคนถ้าอยู่ถึงตอนนี้ก็เกิน ๑๑๕ ปีกันทุกคน หนึ่งในนั้นคือปู่ อีกสองคน

เคยเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปั้น ปู่เป็นคนปูพื้นเรื่องขึ้นก่อนว่า จริงหรือว่าหลวงพ่อปั้นย่นระยะ

ทางได้? ลุงคนหนึ่งบอกว่าจริงเพราะสมัยนั้นเคยมีการจดกันว่าหลวงพ่อไปจากวัดเมื่อไร

แล้วไปสอบถามคนกรุงเทพฯภายหลังยืนยันว่าจริง คือหลวงพ่อเดินทางไป-กลับกรุงเทพฯ

วันเดียว(เดินเท้า) อีกคนหนึ่งเล่าเรื่องชาวบ้านมาช่วยล้างจานตอนงานวัด ที่แพท่าหน้าวัด

หลวงพ่อเดินลงไปดูแล้วบอกว่าเมื่อไหร่จะเสร็จ แล้วหยิบยกเอาจานกระเบื้องทีละเป็นสิบๆใบ

โยนลงไปในตะกล้าใบใหญ่ ดังโครมๆ แล้วยกลงไปส่ายในแม่น้ำดังโครมๆ พอยกขึ้นมาก็

วางกระแทกดังกราวแล้วหลวงพ่อบอกว่าอย่างนี้ถึงจะเร็วดี ปรากฎว่าไม่มีจานแตกเลยแม้

แต่ใบเดียว ลุงอีกคนเล่าว่าตอนที่แกเป็นวัยรุ่นกับเพื่อนอีก ๔ คน เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นเดียว

กัน มีอยูวันหนึ่งแถวหมู่บ้านไม่ไกลจากวัดมากนักมีงานรื่นเริง มีหุ่นกระบอก มีลิเกการละเล่น

หลายอย่าง จึงชวนกันไปเที่ยวโดยหวังจะไปดูหน้าสาวๆ ที่ตัวเองหมายปองกันไว้ จึงพากันไป

ลาหลวงพ่อพร้อมกันทั้ง ๕ คน เมื่อเข้าไปลาหลวงพ่อ ๆ ได้เรียกเข้าไปในกุฏิทีละคน ๆ เมื่อเข้า

ไปในกุฏิแล้วหลวงพ่อมอบเงินให้คนละ ๑ พวงๆมีเหรียญสตางค์แดง ๒๕ อัน เท่ากับให้เงิน

คนละ ๑ สลึง นับว่าเป็นเงินที่มากสำหรับสมัยนั้น และหลวงพ่อได้เอาน้ำมันมาป้ายตาให้ทุกคน

โดยป้ายเพียงข้างเดียว แล้วก็อนุญาตให้ไปเที่ยวกันได้ลุงคนเล่าบอกว่าที่เล่ามานี่ยืนยันว่าเรื่อง

จริงเพราะได้มากับตัวเอง ลุงแกบอกว่าพอไปถึงงานเห็นคนที่มาเที่ยวเหมือนแก้ผ้ากันหมดคือ

เห็นข้างในเหมือนไม่มีใครนุ่งผ้า พอลิเกออกมาเล่นก็เห็นเหมือนแก้ผ้ากันหมดหมดอีกเช่นกัน

เลยพากันเที่ยวได้เดินดูกันไปทั่วงาน อยากเห็นของใครที่หมายปองไว้ก็ตามไปดูหมดทุกคน

จนงานเลิกก็เดินกลับวัด ฯ

พอรุ่งขึ้นขณะที่หลวงพ่อฉันเช้า ก็ถามทั้ง ๕ คนว่าเมื่อคืนงานสนุกไหม? ทุกคนหัวเราะ

แล้วตอบพร้อมๆ กันว่าสนุก หลวงพ่อถามต่ออีกว่า แล้วรวยกันมาหรือเปล่าล่ะ ทุกคนหัน

หน้ามามองตากันแล้วส่ายหัว(ผมฟังถึงตอนนี้ผมเองก็"งง"หมายถึงตอนนั้น)แล้วตอบหลวง

พ่อพร้อมๆกันว่า ไม่ได้ใช้เงินกันเลย "พวกมึงเที่ยวได้ดูของชาวบ้านเขาเพลินเลยซิ..ไม่ได้

ดูที่กูตั้งใจให้ไปดูกันเลย" ทุกคนเงียบ...พวกมึงไม่เห็น"น้ำเต้า..ไฮโล...โปปั่น กันบ้างเลย

หรือไง" ทุกคนเพิ่งจะถึงบาง..อ้อ..ที่หลวงพ่อเอาน้ำมันบ้ายตาและแจกเงินให้นั้นเพราะต้อง

การให้ไปแทง"น้ำเต้า..ไฮโล..โปปั่น" ถึงได้ถามว่าแล้วรวยกันไหม..?ทุกคนเห็นแต่ไม่ได้

แทง ...เหมือนมีอะไรมาบัง ...???

ผมไม่รู้ว่าเป็นคำตอบที่ใช่ หรือขัดใจกันหรือเปล่า คุณพนมเทียนฯ เขียนในเรื่องเพชรพระอุมา

ก็ว่าไว้ทำนองนี้แหละ ว่างๆ ลองคิดแบบผมสัก ๑ อาทิตย์ "อย่าไปสงสัยใครอะไรของใครเขา...

สงสัยที่ตัวเราของเราเบาใจที่สุด"ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด ขอบคุณมากครับ

 

ได้รับพระแล้วครับวันนี้ พระสวยมากครับ ขอบคุณคุณทิพย์ครับ

 

ต้องขอขอบคุณ คุณพ่อประดู่มากเช่นกันครับ เพราะทุกคำ ทุกตัวหนังสือที่คุณพ่อประดู่เขียนมาให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านนั้น คุณพ่อประดู่ได้ บรรจงเขียนด้วยความมั่งคง คงเส้นคงวา ซึ่งล้วนเกิดจากสมาธิและจิตที่ฝึกมาดีแล้วทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าคำตอบที่คุณพ่อประดู่ได้ตอบมานั้นจะตรงหรือไม่ตรงประเด็น ไม่ใช่ข้อสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าคุณพ่อประดู่ได้ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ แฝงไว้ในข้อเขียนนั้นๆเสมอมา ผมเชื่อว่าหากคุณพ่อประดู่ยังไม่เลิกเขียนบทความ ก็จะไม่มีใครเลิกอ่านบทความที่คุณพ่อประดู่ได้เขียนขึ้นครับ โดยเฉพาะตัวผม....ขอบคุณครับ

 

ได้รับพระเรียบร้อยครับ

 

หลวงปู่สุภา
หลวงปู่คำบุ
หลวงปู่คำบ่อ
หลวงปู่หนูเพชร
หลวงปู่บุญหนา
หลวงพ่อทองพูน

รายละเอียดจะมาเติมภายหลัง (รอรูปก่อนครับ เดี๋ยวไม่มีหลักฐาน)

ปล.ใบอนุโมทนาบัตร ม้านั่งฟังสวดอภิธรรม น่าจะจัดส่งพร้อมกับลูกอมฯ และน้ำมันฯ นะครับ โปรดรอ...

 

วันนี้ผมได้รับพระปิดตาแล้ว ขอบคุณมากครับ

 

ผมได้รับพระแล้ววันนี้ ขอบคุณมากครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

----------------------------------------------------------------------
555 ทำไงได้ (ลูกสาวคนเดียว) เค้าเลี้ยงคู่แรกมาจะครบปีแล้ว หนังสือเรื่อง "มอม" ของหม่อมคึกฤทธิ์ ผมเคยอ่านจนลืมไปแล้วสมัยเรียนหนังสือ (ถามแทนลูกสาว) ลุงทิพย์มีให้หลานอ่านมั้ย จะได้ขอลืม เอ๊ยไม่ใช่ ยืม สวัสดีครับทุกๆท่าน

 

ขอจองตะกรุด 4มหาอำนาจ 1 ชุดครับ

 

เรื่อง : จำๆ เขาเอามาเล่าสู่กันฟัง

ตอน : ปริศนา...ใช้หาสมบัติ...ตามวัดในอดีต

เรื่องนี้ที่เขียนขึ้นก็เพราะว่ายังพอจำได้ แต่ไม่มีสาระอะไรมากนอกจากอยากจะบอกให้รู้ว่า

มันเคยมีเรื่องแบบนี้ในสังคมไทยเมื่อสมัยก่อน เมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อนตอนไปญี่ปุ่นใหม่ๆ มี

คนที่เคยไปมาก่อนให้คำแนะนำว่า ถ้าไปพบหรือเจอะเจอซองใส่เงินวางไว้ตามห้องน้ำ

หรือตามสวนสาธารณะให้เก็บเอามาใช้ได้เลย ไม่ต้องเอาไปส่งตำรวจเพราะว่า เป็นเงินที่

คนเขาอยากบริจาคนำมาวางไว้ เหมือนกับเป็นการปล่อยให้เป็นไปตามดวงว่า ใครจะเป็น

คนมีโชคมาเก็บได้อะไรทำนองนั้น ภายหลังได้เคยสอบถามจากคนญี่ปุ่นก็ยืนยันว่าเป็น

เรื่องจริง ทำให้คิดถึงเรื่องที่คนเฒ่าคนแก่รุ่นปู่,ย่า,ตา,ยายเล่าให้ฟังถึงเรื่องลายแทงบ้าง,

เรื่องปริศนาตามวัดต่างๆ ว่า คนที่เขาคิดบริจาคเงินทองในสมัยก่อน เขาจะนำเงินทองไป

ซุกไว้หรือฝังไว้ตามวัดต่างๆ แล้วก็เขียนปริศนาทิ้งเอาไว้ ถ้าใครมีบุญหรือมีโชคคิดออกก็

จะได้รู้ที่เก็บสมบัติเงินทองเหล่านั้นแล้วก็ขุดเอาไป โดยไม่ต้องกลัวบาปเพราะถือว่าเจ้า

ของเขาให้ ไม่ใช่ของวัด...จะยกตัวอย่างที่จำได้ให้อ่านกัน.-

วัดโพธิ์เอน อ.วิเศษฯ เป็นวัดที่ผมได้เคยบวชเรียน น่าอายตรงที่ผมจำได้ไม่หมด ตอน

ผมเรียนชั้นประถมเคยไปช่วยเขาเก็บอิฐเก็บกระเบื้องเพราะเขารื้อโบสถ์เก่าเพื่อสร้างโบสถ์

ใหม่จะมีผู้ใหญ่พูดแบบล้อกันเล่นว่า ใครเจอบอกกันบ้าง...โดยเฉพาะแถวต้นจันทร์ ถาม

พ่อถามแม่ว่าเขาหาอะไรกัน ได้รับคำตอบว่าวัดนี้มีปริศนาให้คนคิดหาสมบัติเก่าที่มีคนเอา

มาฝังไว้ มีข้อความเท่าที่จำได้คือ"ม้าแม้แม่ลูกผูกไว้ที่โคนต้นจันทร์...(จำไม่ได้)..ถ้าคิด

ไม่ถูกให้เอาที่ลูกพระจันทร์" แต่จนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้ข่าวว่ามีใครได้สมบัติไป...

วัดมะกอก...เป็นวัดร้างน่าจะอยู่ในเขต อ.โพธิ์ทองฯ อยู่ใกล้กับวัดลังกา...ก็เป็นวัดร้าง

ปัจจุบันเป็นค่ายลูกเสือ มีปริศนาให้หาสมบัติคือ"วัดมะกอกอยู่นอกวัดลังกา ถอยหลัง

ออกมาคาอยู่หน่อย" คนเฒ่าคนแก่เล่ากันว่า คนก็ตีความกันไปต่างๆ นาๆ ขุดกันทั่วไป

ตามแต่จะคิดจนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนไปพบว่าตรงนอกธรณีประตูโบสถ์วัดมะกอกมีร่องรอย

เป็นเป็นรูปไหถูกยกเอาออกไป แสดงว่ามีคนตีปริศนาได้แล้วจึงมาขุดเอาสมบัติที่ใส่ไหฝัง

ไว้ตรงหน้าธรณีประตูโบสถ์ เป็นธรรมดาเหมือนหวยออกแล้วก็จะมีคนพูดว่านึกอยู่แล้ว

เชียว ว่ามันต้องเป็นตรงหน้าประตูโบสถ์ เพราะพอพระออกจากโบสถ์แล้วก็ต้องถอยหลัง

กลับไปปิดประตูใส่กุญแจ ยังไงๆ ก็ต้องยืนหันหลังคาอยู่หน่อย...

เอาอีกวัดก็แล้วกัน เพราะมันแปลกดี ต้องขออภัยล่วงหน้าเกี่ยวกับถ้อยคำที่ถ่ายทอด

เพราะซึ่งอาจจะดูไม่ไพเราะสำหรับบางท่าน แต่ได้ฟังมาอย่างไรก็จะว่าไปตามนั้น วัด

ที่ว่านี้มีชื่อแต่ผมจำไม่ได้ วัดนี้ก็เป็นวัดร้างไม่ใช้คำปริศนาแต่ว่าเป็นรูปปูนปั้นอยู่ในวิหาร

ชาวบ้านทั่วไปก็ไม่มีใครคิดว่ารูปปั้นนั้นเป็นการบอกที่เก็บสมบัติ คือมีรูปปูนปั้นเป็นพระนั่ง

๕ รูป เป็นชี ๑ รูป นั่งอยู่ท้ายสุดต่อจากพระ นั่งเรียงแถวกันโดยพระองค์แรกทำมือชี้ไปที่

องค์ที่ ๒ องค์ที่ ๒ ชี้ไปที่องค์ที่ ๓ องค์ที่ ๓ ชี้ไปที่องค์ที่ ๔ องค์ที่ ๔ ชี้ไปที่องค์

ที่ ๕ องค์ที่ ๕ ชี้ไปที่แม่ชี แม่ชีเอามือปิดหน้าทั้งสองมือ ซึ่งก็ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน

ว่าจะเป็นปริศนา ? ถึงเวลาก็ไหว้พระแล้วก็ไป จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งมีคนเมามาจากไหน

ไม่มีใครรู้ มายืนดูรูปปั้นอยู่สักพักก็ไปหยิบไม้มาท่อนหนึ่ง แล้วเดินกลับมายืนท้าวเอวชี้

หน้ารูปปั้นแม่ชีและกล่าวว่า "อีชี...มึงน่ะแหละตัวดี...อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น...พระท่าน

ไม่เก็บเงินเก็บทองหรอก...มึงนั่นแหละเป็นคนเก็บ..ต้องอยู่ที่มึงนั่นแหละ" ว่าพลางก็เดิน

เข้าไปเอาไม้ท่อนที่ถือมาตีไปที่รูปปั้นตรงคอแม่ชี คอแม่ชีที่เป็นรูปปั้นหักลง คนเมาก็เอา

มือล้วงเข้าไปตรงลำคอที่มีช่องอยู่แล้วได้เอาทองที่อยู่ในนั้นไป...

ไม่มีอะไร...เขียนไปเหมือนเป็นสิ่งเสพติด ถ้าจะคิดถึงสาระก็ไม่ใช่เรื่องของความรู้ เพียงแต่

อยากให้รู้หรือไม่อยากให้ลืม หรืออยากให้เด็กรุ่นใหม่ๆที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง จะได้รับรู้ว่า

เรื่องอย่างนี้เคยมีในสังคมไทย....ขอบคุณครับ

 

อ่านแล้วสนุกดีครับ เป็นเหมือนเกร็ดความรู้ เป็นเหมือนภูมิปัญญา และการเขียนเรื่องชนิดที่สอดเเทรกชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนให้รู้ให้เห็นภาพ ถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึง หรืออาจถือได้ว่าเป็น Knowledge sharing ครับ ^ ^

 

"ของดีไม่กินก็เน่า ของเก่าไม่เล่าก็ลืม..."
หลวงปู่สมวัดโพธิ์ทอง

........

ใครรักใครศรัทธาหลวงปู่สุภา กันตสีโล ผู้มีอายุกาลปันุบัน108ปี
ใครรักใครศรัทธาเสด็จกรมหลวงชุมพร
ใครรักใครศรัทธาหลวงปู่ศุข

เก็บเหรียญกรมหลวงฯชุดนี้ไว้ให้ดี...ดึกๆจะเล่าให้ฟัง...

 

ใครบวชวัดโพธิ์เอนอีกบ้างครับ มาช่วยผูกให้จบหน่อย...

"ม้าแม้แม่ลูก ผูกไว้ที่โคนต้นจันทร์......หญิงพรหมจารีย์ มีลูกไม่มีผัว......ถ้าคิดไม่ถูก ให้เอาลูกที่พระจันทร์......"

เจ้าอาวาสองค์ก่อน เคยเล่าให้ผมฟัง ว่าดึกๆเคยเห็นม้าขาวขึ้นมาแสดงตัวบนศาลา...