พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

น่าเสียดายจัง ที่คุณกุลจำข้อความนั้นไม่ได้

 

คืนนี้จาใส่ชุดฟินนาเร่รอเลยคร๊า....รีบมานะ เด๋วผู้ชายมาก่อนเค้าไปก่อนมาแร้วไม่เจอเน้อ เสร็จฉาน

 

เรามั่นจายน้า..าา แต่ไม่เป็นไร ถ้าเค้าไปถึงก่อนก็ไปกับเค้าได้เลย
ไม่ต้องหวงฉาน เพราะฉานมีที่ไปเยอะแยะ ตื่นมาลืมหมดทุกที 55++

 

5555555555555555

ช่วงนี้จะจำได้แค่สั้นๆนิดเดียวฝันมากกว่านั้น
แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก:'''(

 

ระวังยังไงก็โดนค่ะ คนจ้องกับคนระวัง มันคนละอารมณ์เลย
แต่โดนแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะเราหนังหนา ว้าว...ไม่ใช่ค่ะ
เราไม่ถือสา หนุกหนานกันปาย ถือว่าเป็นการทดสอบหลายๆ อย่าง
แต่ข้อสอบนี้...เราสอบผ่าน คริคริ

 

[FONT=&quot]คุรุ เทพอีกองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู เป็นเทพแห่งการช่างฝีมือ การประดิษฐ์รวมไปถึงวิชาวิศวกรรม สถาปัตยกรรม คนไทยเรารู้จักกันดีและนับถือพอๆ กันกับทางอินเดียค่ะ คือ พระวิศวกรรม ([/FONT][FONT=&quot]Vishvakarma) หรือที่คนไทยเราเรียกว่า พระวิษณุกรรม[/FONT]

[FONT=&quot]ที่ จริงแล้ว การเรียกว่าพระวิษณุกรรมนั้น เป็นการเรียกผิดมานานแล้วค่ะ เพราะไปสับสนกับคำว่า วิษณุ ซึ่งหมายถึงพระนารายณ์ จนมีบางตำราแต่งให้ท่านกลายเป็นภาคหนึ่งของพระนารายณ์ไปเลยก็มีค่ะ สับสนกันถึงขนาดมูลนิธิที่ดูแลศาลพระวิษณุเทพที่เสาชิงช้า ยังตั้งชื่อตัวเองว่ามูลนิธิพระวิษณุกรรมเลยค่ะ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ดังนั้น ถ้าจะกล่าวพระนามเทพองค์นี้ให้ถูกต้องจริงๆ ต้องเรียกว่า พระวิศวกรรมค่ะ

[/FONT][FONT=&quot]พระวิศวกรรมนั้น ในศาสนาพราหมณ์ไม่มีบทบาทสำคัญอะไร มาได้รับการนับถือกันมากเมื่อสมัยฮินดูแล้วค่ะ โดยปุราณะต่างๆ ก็กล่าวกันว่าท่านเป็นโอรสของเทพองค์หนึ่งในคณะ วสุเทพ ([/FONT][FONT=&quot]Vasu Deva) ซึ่งเป็นบริวารพระอินทร์ และท่านก็มีพระธิดาชื่อ พระนางสัญญา ซึ่งได้เป็นพระชายาของพระสุริยเทพ ท่านจึงสามารถไปขูดผิวพระสุริยเทพมาสร้างเป็นเทพอาวุธต่างๆ ได้ค่ะ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แต่คุรุเทพองค์นี้ก็ไม่มีเรื่องราวอะไรในเทพนิยายอินเดียมากนัก นอกจากคอยปราสาท วิมาน เทพอาวุธ ให้แก่เทวดาและวีรบุรุษต่างๆ รวมทั้งสร้างเมืองเช่นสร้างนครขีดขินหรือกีษกินธ์ให้พญาพาลีในเรื่องรามายณะ หรือรามเกียรติ์นั่นเองค่ะ[/FONT]

 

[FONT=&quot]ส่วน เรื่องของท่านในศาสนาพุทธนั้น เป็นการรับเอาคติของท่านมาจากศาสนาพราหมณ์ เพราะตอนนั้นศาสนาฮินดูยังไม่เกิดค่ะ ทางพุทธอธิบายว่าเดิมท่านเป็นนายช่างที่ร่วมกุศลใหญ่กับมฆมานพ เมื่อมฆมานพตายไปเกิดเป็นพระอินทร์ ท่านก็เลยได้ตามไปเกิดเป็นพระวิศวกรรม [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แล้ว ท่านก็มีบทบาทในทางพุทธมากกว่าทางพราหมณ์หรือฮินดูอีกค่ะ เช่นเป็นผู้เนรมิตอาศรมให้พระเวสสันดร ในตำนานพระพุทธรูปสำคัญของไทย เช่นพระพุทธชินราช พระแก้วมรกต ก็เล่าว่าพระวิศวกรรมมาช่วยสร้าง ในทางดนตรีก็นับถือว่าท่านเป็นผู้สร้างเครื่องดนตรีต่างๆ แต่ที่รู้จักกันมากที่สุดคือมักจะทรงเป็นผู้สร้างเมืองต่างๆ ในตำนานพื้นบ้านของไทย เขมร และลาวอยู่เสมอ[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]พระวิศวกรรมในคติไทย นอกจากมีชื่อว่าพระวิษณุกรรมแล้ว ยังนิยมเรียกว่า พระเวสสุกรรม[/FONT][FONT=&quot], พระเพชรฉลูกรรม พระนามหลังนี้นิยมกันมากในวิชาช่างไทยโบราณและในทางไสยศาสตร์ค่ะ [/FONT]

 

[FONT=&quot]ใน เนปาลทุกวันนี้ยังมีเทศกาลบูชาพระวิศวกรรม รวมอยู่ในเทศกาลบูชาพระทุรคาค่ะ ในเทศกาลดังกล่าวก็จะมีเครื่องมือช่างสารพัดชนิดไปเข้าพิธี ส่วนพิธีไหว้ครูช่างของไทย กำหนดให้ไหว้ท่านก่อนเข้าพรรษา เพราะกล่าวกันว่าเมื่อเข้าพรรษาแล้วท่านต้องไปรับใช้พระอินทร์ ไม่สะดวกมารับเครื่องสังเวย ก็เป็นการอธิบายในคติพุทธนั่นเองค่ะ[/FONT]

[FONT=&quot]พระ วิศวกรรมอินเดีย มีเทวลักษณะคือมักไว้พระมัสสุ (หนวดเครา) พระฉวีขาว ถือเครื่องมือช่าง คัมภีร์ และกาน้ำ แต่พอมาถึงไทย มักจะถือเครื่องมือช่าง คือ ผึ่ง ที่ช่างไทยโบราณเอาไว้สำหรับถากไม้ กับ ลูกดิ่ง เอาไว้สำหรับวัดระยะต่างๆ เรียกว่าเป็นครูช่างเต็มตัว [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]มีตัวอย่างอยู่ที่กรมศิลปากร โรงเรียนเพาะช่าง และสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลต่างๆ ค่ะ[/FONT]

 

[FONT=&quot]เอาหละค่ะ ทีนี้ก็มาถึงคุรุเทพแห่งสติปัญญา และศิลปวิทยาการในคติความเชื่อของไทย (สมัยใหม่) คือ พระพิฆเนศ [/FONT][FONT=&quot](Ganesh)[/FONT]

[FONT=&quot]ทำไมจึงกล่าวว่าพระพิฆเนศเป็นคุรุเทพเฉพาะในเมืองไทยล่ะ[/FONT][FONT=&quot]? [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ก็เพราะในอินเดีย มิได้นับถือพระองค์ท่านในฐานะของเทพแห่งศิลปวิทยาการอย่างของไทยเราเลยน่ะสิ คะ คนฮินดูทุกลัทธินิกายบูชาท่านในฐานะเทพแห่งอุปสรรค และความสำเร็จ ในกิจการทุกอย่าง ย้ำว่า ทุกอย่าง รวมทั้งการศึกษาเล่าเรียนด้วยค่ะ [/FONT]

[FONT=&quot]และถือว่าทรงเป็นเทพองค์แรกที่ควรบูชาเพื่อขจัดอุปสรรคและความขัดข้องในกิจการ งานทั้งหลาย ดังนั้นแม้แต่ในการศึกษาเล่าเรียน ก็เลยต้องมีการบูชาท่านก่อนเทพองค์อื่นด้วย ก็คือขอบารมีพระองค์นำข้ามพ้นความขัดข้องในการศึกษาเล่าเรียนไงคะ คนไทยเราเห็นเข้าเลยคิดว่าพระองค์เป็นเทพแห่งการศึกษา แต่เทพแห่งการศึกษาและศิลปวิทยาการในอินเดียองค์จริง คือ พระสรัสวดี ดังที่ได้กล่าวแล้ว[/FONT]

 

[FONT=&quot]นอกจากนี้ คนไทยเราที่นับถือว่าท่านเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการ ก็มักจะอ้างเรื่องที่ท่านเป็นผู้จารคัมภีร์มหาภารตะ ตามคำบอกเล่าของมหาฤาษีวยาสะ และยังเป็นผู้แต่งคัมภีร์ตันตระในไศวะนิกายด้วย[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพราะในทางไวษณพนิกาย (คัมภีร์มหาภารตะ) และไศวะนิกายนั้น ไม่มีเทพแห่งศิลปวิทยาการโดยตรง เพราะต่างก็แต่งนิยายข่มพระสรัสวดีจนไม่มีบทบาทสำคัญอะไรแล้วไงคะ ก็เลยต้องให้พระพิฆเนศเป็นผู้จารคัมภีร์ทั้งสอง ซึ่งก็สังเกตได้ค่ะว่าท่านไม่ได้แต่งเอง เพียงแต่บันทึกตามคำบอกเล่าของผู้อื่นเท่านั้น[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ประวัติของพระพิฆเนศ ตามที่นักเทววิทยาและนักมานุษยวิทยาเชื่อกันในปัจจุบันนี้ พระพิฆเนศ เดิมท่านอาจจะเป็นผู้นำ หรือผู้วิเศษ หรือหมอไสยเวทในชนเผ่าที่นับถือช้างค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ชนเผ่าต่างๆ ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั่วโลก มักจะนับถือสัตว์ชนิดต่างๆ เป็นอารักษ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูลของตน ([/FONT][FONT=&quot]Totem)[/FONT]

 

ม่ายช่ายยยยคร๊าาาา

หมายถึงว่าคุณนุ๊ย มีนิทานมาเหลาให้พี่ ๆ น้อง ๆ ฟังบ่จ้า

 

[FONT=&quot]ทีนี้เวลาผู้วิเศษ หรือหมอไสยเวทของชนเผ่าเหล่านี้ประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ ก็จะต้องมีการนำหัวกะโหลกของสัตว์ชนิดนั้น หรือหน้ากาก ที่ทำเลียนแบบหัวสัตว์ชนิดนั้นมาสวม แล้วก็ประทับทรง หรือแสดงอากัปกิริยาของสัตว์ชนิดนั้นๆ เพื่อรับพลังอำนาจและปราณของสัตว์ชนิดนั้นมาช่วยให้พิธีดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งก็อาจจะเป็นพิธีประเภทพิธีรักษาโรค หรือพิธีตัดไม้ข่มนามก่อนออกล่าสัตว์ ก่อนไปทำสงครามกับชนเผ่าอื่น จนถึงพิธีพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ ซึ่งทุกชนชาติที่นับถือสัตว์รู้กันว่า สัตว์ต่างๆ นั้นมีญาณหยั่งรู้ดินฟ้าอากาศและฤดูกาลดีกว่ามนุษย์ค่ะ[/FONT][FONT=&quot] ทีนี้ถ้าเป็นชนเผ่าที่นับถือช้าง ผู้นำชนเผ่า และผู้วิเศษประจำเผ่า (ซึ่งบางทีก็เป็นคนเดียวกัน) ก็คงประกอบพิธีด้วยการสวมหน้ากากรูปช้าง เพราะคงไม่มีใครเอาหัวกะโหลกช้างมาสวมได้[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ผู้นำเผ่า และผู้วิเศษนี้ คงจะเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี เป็นที่นับถือของคนในเผ่าและคนรุ่นต่อๆ มา หรือเป็นคนที่สร้างความเจริญให้เผ่าพันธุ์ไว้มาก เมื่อตายไป คนรุ่นลูกรุ่นหลานจึงได้บูชาในรูปลักษณ์ที่จดจำกันได้มากที่สุด คือตอนที่ท่านสวมหน้ากากรูปช้างในการทำพิธีกรรม ต่อมาเมื่อทำเป็นเทวรูป ก็เลยสร้างเป็นรูปกายแบบมนุษย์แต่มีเศียรเป็นช้าง[/FONT]

 

คุณ nouk เรื่องของ อี้จิง มีน้อยจังเลยอ่ะ

 

ช่ายๆ....วันก่อนบอกว่าจะเล่านิทาน 3 เวลาหลังอาหาร
แล้วก็ลืม จริงอย่างที่เค้าว่ามาน้า..าา ว่าคนงามลืมง่ายยย

 

อี้จิง คือใครคะ คุณhastin พระแม่หนี่วา ชิมิ

 

[FONT=&quot]ก็ นี่แหละค่ะ เหตุที่ท่านมีเศียรเป็นช้าง ซึ่งเป็นข้อสันนิษฐานที่มีหลักฐานทางคติชนวิทยาเปรียบเทียบได้จากวัฒนธรรม สมัยก่อนประวัติศาสตร์ทั่วโลก [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ไม่ใช่ว่าเป็นการยกช้างขึ้นเป็นเทพ แล้วดีไซน์ใหม่ให้ตัวเป็นคนหัวเป็นช้าง หรือการไปเอาหัวสัตว์มาสวมให้เทพหรอกค่ะ [/FONT][FONT=&quot]ส่วน เรื่องที่ว่าทำไมท่านถึงมีพระวรกายอ้วน ก็เพราะท่านอาจจะเป็นคนอ้วนมาแต่เดิมจริงๆ หรือไม่ก็เป็นวิธีการทางศิลปะ ที่ช่างผู้สร้างเทวรูปสมัยแรกๆ เห็นว่าถ้าเป็นคนผอมแล้วมีเศียรเป็นช้าง ก็จะดูขัดกัน ก็เป็นได้ค่ะ นอกจากนั้นความอ้วนยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ อยู่ดีกินดี ที่ทั้งคนแขกและคนจีนคิดเหมือนกันด้วย

[/FONT][FONT=&quot]คนสองชาตินี้เห็นเทวรูปที่พระวรกายอ้วน พุงพลุ้ยที่ไหน ก็ฟันธงได้ทันทีค่ะว่าต้องเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจริงๆ พระพิฆเนศก็เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยตำแหน่งหนึ่งค่ะ ถ้วยขนมโมทกะ ([/FONT][FONT=&quot]Modaka) ที่พระองค์ถืออยู่ก็เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง[/FONT]

 

[FONT=&quot]ได้กล่าวแล้วในเรื่องพระสรัสวดี ว่าพระพิฆเนศ มิได้เป็นคุรุเทพแห่งศิลปวิทยาการในคติไทย จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งเป็นยุคที่ศิลปะการดนตรีนาฏศิลป อักษรศาสตร์ และการละครของไทยเราเฟื่องฟูที่สุด แต่สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าก็ทรงยกย่องพระพิฆเนศเป็นคุรุเทพในด้านนี้แทนพระ สรัสวดี ดังที่ทรงสร้างเทวาลัยสำหรับท่านขึ้นใจกลางพระราชวังสนามจันทร์ ที่ จ.นครปฐม ถือเป็นเทวรูปพระพิฆเนศสำริดขนาดใหญ่องค์แรก ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ค่ะ[/FONT]

[FONT=&quot]นอกจากนั้น ในการก่อตั้งวรรณคดีสโมสรขึ้นในรัชกาลเดียวกัน ก็ทรงพระราชทานเทวรูปพระพิฆเนศเป็นตราประจำสโมสรดังกล่าว ตอนหลังพอตั้งกรมศิลปากรก็รับเอาตรานั้นมาเป็นตราประจำกรมศิลปากรด้วย พระพิฆเนศจึงกลายเป็นเทพแห่งศิลปะวิทยาการทุกสาขาในเมืองไทยค่ะ[/FONT]

 

ไม่รุ้เหมือนกัน แต่เคยอ่าน คัมภีร์ อี้จิง ศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง อะไรนี่เห

ละ เมื่อก่อนจะชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน อ่านไปเรื่อยเปื่อย

 

อี้จิง เป็นศาสตร์ฮวงจุ้ย ใช่มั้ยคะ วิชาดาวแปดดวง ใช่ป่ะ
ไม่ยักกะรู้ว่าคุณhastin สนใจศาสตร์พวกนี้ด้วย

 

วินาทีบรรลุ"ธรรมะปาฏิหาริย์"เอกอัครมหารัตนอุบาสิกาแห่งสยามประเทศ
ณ วัดสัมพันธวงศารามกรุงเทพมหานคร
เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงจากปากโดยการบอกเล่าของคุณแม่บุญเรือนโตงบุญเติมโดยตรง
<O
โดยคุณแม่บุญเรือนได้เล่าให้นายสุวรรณ ทองนาค ชาวอ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี (ต่อมาบวชเป็นพระที่วัดอาวุธฯ ในชื่อหลวงตาสุวรรณ) ที่เคยตั้งปณิธานอันสูงสุดไว้ว่า<O</O<O
"ในชีวิตนี้ขอให้พบกับพระอรหันต์หรือผู้วิเศษที่แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้"<O></O>
<O</Oจนกระทั่งได้ยินข่าวคุณแม่บุญเรือนจากนายชอบ สีดี ชาวบางปลาม้า สุพรรณบุรีที่ต่อมาได้บวชเป็นพระชื่อหลวงตาชอบ ผู้สร้างแม่พิมพ์พระพุทโธน้อย,พระมงคลมหาลาภอันลือเลื่องในยุคนี้ (เป็นเหตุให้คุณแม่บุญเรือนเรียกนายชอบหรือหลวงตาชอบในเวลาต่อมาว่า“คนสร้างพระ”)<O</Oโดยสรุปความอย่างละเอียดว่า
เดิมตอนที่จะได้บรรลุธรรมนั้น นั้นแรกเริ่มเกิดจากตอนที่ตั้งใจจะปฏิบัติให้บรรลุธรรมที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์เป็นเวลา 90 วันโดยได้โกนหัวบวชเป็นชีถือศีล 8 ไหว้พระสวดมนต์ภาวนาตามแนวทางของพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ในยุคนั้น
จนล่วงเข้าวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จหรือบรรลุธรรมะอะไรทั้งนั้นเลยคิดท้อใจกลับไปบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน
ตกกลางคืน ประมาณ 3 ทุ่มเห็นจะได้ คุณแม่บุญเรือนเห็นโยมแม่และหลานๆนอนหลับกันหมดแล้ว โดยโยมแม่ของคุณแม่บุญเรือนมีอาการกรน ส่วนหลานๆก็มีอาการละเมอบ่นพึมพัม ทำให้นึกปลงสังเวชว่า ถึงแม้ร่างกายสังขารจะหลับใหลไปแล้ว ก็ยังมีเวทนาซ้อนขึ้นมาอีก
จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็นั่งวิปัสสนาในห้องพระที่บ้านพักข้าราชการตำรวจปทุมวัน กทม.<O></O>

จนกระทั่งเวลาประมาณ ตี 2 ก็เกิดมีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงได้ตั้งสติว่าถ้าจะตายก็ขอให้ตายตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรมธรรมะอะไรๆก็ยังไม่ได้บรรลุเลย<O></O>