ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
     
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
     
  3. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
     
  4. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สวัสดีค่ะ พี่รุ่ง พี่ล้างใจ ท่านรอง.....น้องอั๋น ...
    เข้าเดือนตุลาคม ปีงบประมาณใหม่ งานก็ยังค้างเหมือนเดิม.....
    ไม่มีทีท่าลดลงเลย สะสมจากเดือนที่แล้ว.....:d
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    อ่านเจอมาค่ะ....
    เหตุที่ทำให้เกิดหลวงปู่ทวด รุ่น เหนือเมฆ


    [​IMG]
    (N)
    [​IMG]

    หลวงพ่อทวด มีความสำคัญกับ ศาลเจ้าพระเสื้อเมือง นครศรีธรรมราชอย่างไร

    วันนี้เราจะไขข้อข้องใจกับทุกคน

    ศาลพระเสื้อเมือง เดิมที เดียวสร้างเพื่อเป็นเสมือนหนึ่งเทพารักษ์ประจำเมืองนครศรีธรรมราชโดยศาลพระ เสื้อเมืองนครศรีธรรมราชตั้งอยู่ห่างจากศาลากลางประมาณ ๑๐๐ เมตร สันนิษฐานว่าคงจะเป็นบริเวณกลางเมืองในอดีตสันนิษฐานว่าสร้างสมัยอยุธยาศาล เดิมสร้างด้วยไม้ จึงไม่เหลือร่องรอยผุพังตามกาลเวลาหลังจากนั้นเข้าได้มีการสร้างขึ้นใหม่อีก หลายครั้ง ....

    .... เมื่อประมาณ ๑๐๐ ปีมาเเล้วเห็นเป็นศาลไม้ หลังคามุงกระเบื้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ภายในประดิษฐานเทพารักษ์ช่วงหลัง เป็นที่นับถือของชาวจีนเป็นจำนวนมากจึงนึกว่ากลายเป็นศาลเจ้าจีนไป นอกจากเทพารักษ์เเล้วในศาลพระเสื้อเมืองยังมีเทวรูปจีนที่เเกะจากไม้มงคล อายุนับร้อยปีเล่ากันต่อๆมาว่าเป็นรุปเหมือน ตาขุนลก หรือ พระขุนลก อันเป็นคหบดี หรือเจ้าสัว เมืองนครสมัยกรุงศรีอยุธยาเเละตามประวัติเเละตำนานมีความเชื่อว่า ตาขุนลกนี้เองท่านเป็นคนพาหลวงพ่อทวดไปบวชอุทกเสมาหรือบวชเเบบเเพน้ำ ที่ท่าเเพ เมืองนคร เเละเป็นเจ้าภาพในการบรรพชาอุปสมบทให้หลวงพ่อทวดหรือสมเด็จพระราชมุนี ในสมัยอยุธยาเเละที่เเน่นอนว่า ตาขุนลก มีสุสานจีนหรือฮวงซุ้ย อยู่ในเมืองนครศรีธรรมราช ป้ายหินสลักเเปลเป็นไทยได้ว่า ท่านสิ้นบุญในฤดูใบไม้ผลิสมัยพระเจ้าจักรรพรรดิ์จีน พระเจ้าคังซี ที่สอง ดังนั้นจึงบอกได้เลยว่า ตาขุนลกเป็นผู้ที่มีพระคุณของหลวงพ่อทวด หรือบอกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ไม่มีตาขุนลกอาจจะไม่มีหลวงพ่อทวดก็เป็นได้ ในเมื่อ ตาขขุนลกเป็นบุคคลที่มีคุณูปการกับสมเด็จพระราชมุนีหรือหลวงพ่อทวด เยี่ยงนี้เเล้วสมควรที่จะได้รับการบันทึกเป็นประวัติศาสตร์เมืองนครศรี ธรรมราชสืบไป ดังนั้นการสร้างศาลพระเสื้อเมืองใหม่ในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการปลุกประวัติ ศาสตร์เเท้จริงของหลวงพ่อทวดคืนมาว่า หลวงพ่อทวด บวช ในเมืองนครศรีธรรมราช เเละตาขุนลกก็อยู่ในศาลพระเสื้อเมือง ศาลเเห่งนี้ ##คนวังหน้า

    นี่คือเหตุที่ทำให้เกิดหลวงพ่อทวด รุ่น เหนือเมฆ

    ทาง คณะชมรมคนรักหลวงปู่ทวด นำโดย คนวังหน้า หรือที่รู้จักกันในนาม หมอฟอร์ด ได้ทำการหล่อพระบูชาหลวงพ่อทวด ขนาดเท่าคนจริง ประดิษฐานไว้เพื่อให้พี่น้องผู้มีจิตศรัทธาได้เข้ากราบไว้และขอขอบพระคุณ ทุกๆท่านที่มีส่วนในการสั่งจองวัตถุมงคลที่ระลึกแห่งการบูรณะสร้างศาลเจ้า พระเสื้อเมือง นครศรีธรรมราช ไว้ ณ.โอกาสนี้ด้วยคับผม

    อ้างอิงบทความ ของ คนวังหน้า ....

    (ชั่วโมงนี้บอกได้เลยครับ รุ่นนี้มาเหนือเมฆ เกินความคาดหมายจริง สมดังชื่อรุ่นนี้ครับ)

    ...ได้พระสวย พิธีดี แถมได้บุญกันครับ...ขออนุโมทนาบุญมายังทุกๆท่านครับ...

    อ้างอิงจาก
    กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้
     
  7. Haarhus

    Haarhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +2,542
    สวยสุดยอดออกให้บูชารึยังครับ
     
  8. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
     
  9. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    พี่นวลมีที่จองใหมครับ:cool:
     
  10. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    <table id="post6796708" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">nuanpan
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: May 2010
    ข้อความ: 6,430
    Groans: 2
    Groaned at 6 Times in 6 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,448
    ได้รับอนุโมทนา 11,092 ครั้ง ใน 2,238 โพส
    พลังการให้คะแนน: 1264 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_6796708" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
     
  11. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พี่นวลไม่ได้จองค่ะ บังเอิญเปิดเจอลิงค์...เลยนำมาให้อ่าน
    เข้าไปในลิงค์รู้สึกมีรายละเอียดบอกไว้ค่ะ.....
     
  12. ksongrit

    ksongrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    841
    ค่าพลัง:
    +7,402

    รู้สึกว่าหมดไปนานแล้วครับ
    เปิดจองไม่นาน ก็หมดครับ
    ผมก็ไม่ทันเลย
     
  13. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ขอบคุณครับพี่นวล:cool:
     
  14. อั๋นวัดสาม

    อั๋นวัดสาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    4,259
    ค่าพลัง:
    +9,022
    ของสวยๆอย่างนี้มาไวหมดไวจริงๆ:cool:
     
  15. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ฉลอง 99 ชันษา “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานหลวงปู่ทวด 8.4 หมื่นองค์ ให้ทหารชายแดนใต้ และ ปชช.

    [​IMG]


    พระหลวงปู่ทวด งดงามค่ะ

    อ้างอิง
    Quality of Life - Manager Online - ฉลอง 99 ชันษา “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานหลวงปู่ทวด 8.4 หมื่นองค์ ให้ทหารชายแดนใต้ และ ปชช.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ตุลาคม 2012
  16. loongtow

    loongtow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    677
    ค่าพลัง:
    +1,266
    สวยมากๆครับ....:cool::cool:
     
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    บทความน่าอ่าน...

    พุทธปาฏิหาริย์ 3,500 อย่าง <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 align=center><TBODY><TR><TD>
    บรรพชา บุณยรัตพันธ
    เมื่อหลายวันก่อนผมได้มีโอกาสไปสนทนาธรรมกับคุณตาท่านหนึ่งอายุ 94 ปีที่ชาวบ้านยกย่องว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ทรงความรู้ทางพระพุทธศาสนาสูงมาก และก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ ท่านให้ความเมตตากับผม เชิญชวนขึ้นเรือนดื่มน้ำฝนที่เย็นแบบธรรมชาติ บ้านไม้ทรงไทยล้านนาที่ร่มรื่น ผมกับคุณตามานั่งคุยกันใต้ต้นฉำฉา ข้างบ่อปลาที่เงียบสงบ ผมถามปัญหาอะไรท่านก็ตอบได้หมด และเจาะลึกลงไปในรายละเอียดที่สำคัญต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ผมทึ่งในภูมิรู้ภูมิธรรมของท่านไปไม่ใช่น้อย และหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ท่านได้กรุณาเล่าให้ผมฟังก็คือเรื่องนี้ครับ “ พุทธปาฏิหาริย์ 3500 อย่าง ” ผมอดอุทานออกมาไม่ได้ว่า “ ตาครับ ปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ ที่ทรงแสดงปรากฏไว้มีมากมายขนาดนี้เชียวหรือครับ”
    ท่านตอบแบบผู้เฒ่าอารมณ์ดีตาใสเป็นประกายมีรอยยิ้มริมมุมปากว่า “ ไอ้หนู.... ความจริงแล้ว ปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์มีมากมายกว่านี้นักหนา ถ้าว่ากันในส่วนละเอียดของผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว แต่ถ้าอ้างอิงเอาตามตำราที่ปรากฏเป็นหลักฐานให้ค้นคว้าศึกษาได้ก็มีประมาณนี้”
    จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องราวให้ผมฟังพอจับประเด็นสำคัญได้ดังนี้ครับ “ พุทธานุภาพ . ธรรมานุภาพ . สังฆานุภาพ เป็นอานุภาพที่ไม่มีประมาณ เพราะเป็นอจิณไตย อยู่เหนือวิสัยของผู้ที่ใจยังไม่หยุดจะเข้าใจได้ ด้วยการนึกคิดด้นเดาเอาตามหลักตรรกวิทยา หรือศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะเป็นศาสตร์เฉพาะของผู้รู้แจ้งเท่านั้น ผู้ที่ทำจิตให้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย มักจะประสบกับอานุภาพของพระรัตนตรัยอยู่เสมอ เจอแต่เรื่องอัศจรรย์จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะสิ่งอัศจรรย์จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
    ถ้าหากใจเราหยุดนิ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระรัตนตรัย เราก็จะมีความบริสุทธิ์มีอานุภาพตามไปด้วยครับ เพราะไม่มีสิ่งใดจะยิ่งใหญ่หรือเทียบเท่าพระรัตนตรัยได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในรัตนสูตรว่า
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย.....สัตว์ทั้งหลายมีประมาณเท่าใด ไม่มีเท้าก็ดี 2 เท้าก็ดี4 เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่าเป็นยอดของสัตว์เหล่านั้น” พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าได้แผ่ขยายไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่เลือกที่รักผลักที่ชัง พระองค์ทรงสร้างบารมีมา 20 อสงไขยแสนมหากัป เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจาก วังวนแห่งทุกข์เข้าถึงความสุขในอายตนนิพพาน
    เมื่อตรัสรู้แล้วทรงโปรดสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าทั้งมนุษย์ เทวดา , พรหม , อรูปพรหม พระองค์ทรงสามารถสั่งสอนให้บรรลุธรรมได้หมด เพราะทรงเป็นสัพพัญญูผู้หยั่งรู้ในทุกสิ่ง สมัยแรก ๆ ในการนำประทีปแห่งธรรมไปจุดความสว่างในใจของเหล่าเวไนยสัตว์ พระองค์ทรงใช้วิธีการสอนอยู่ 3 อย่างที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ 3 เพื่อลดทิฏฐิมานะผู้เห็นผิดให้กลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องและยึดสัจธรรมที่เป็นสาระแก่นสาร ปาฏิหาริย์ 3 อย่างได้แก่
    1. อิทธิปาฏิหาริย์
    2. อาเทสนาปาฏิหาริย์
    3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์
    ดังนั้นพระองค์จึงเป็นบรมครูของมนุษย์และเทวดาที่ไม่มีใครจะยิ่งกว่าหรือเสมอเหมือนได้เลย ในครั้งที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ธรรมใหม่ ๆ ทรงตั้งพระทัยว่าจะเสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสารที่แคว้นมคธ ระหว่างทางพระพุทธองค์เสด็จถึงตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์มากถึง 3,500 อย่าง เพื่อให้ชฎิลละความเห็นผิด ในวันแรกที่เสด็จไปถึง อุรุเวลกัสสปะให้พระองค์ไปพักในโรงไฟซึ่งมีพญานาคอยู่ พญานาคไม่พอใจจึงบังหวนควันใส่พระองค์ พระองค์บังหวนควันตอบ เมื่อพญานาคสู้ไม่ได้ก็พ่นไฟที่มีความร้อนแรงใส่ทันที แต่น่าอัศจรรย์ว่าไฟไม่อาจระคายพระวรกายของพระองค์แม้เพียงน้อยนิด
    พระพุทธองค์บันดาลไฟต้านทานไว้ ไฟได้พวยพุ่งลุกโพลงท่วมโรงบูชาไฟ รุ่งเช้าพวกชฎิลเห็นพระองค์จับพญานาคใส่บาตร ชลิฎเหล่านั้นเกิดความอัศจรรย์ใจ แต่ยังมีทิฏฐิว่าถึงจะเก่งอย่างไรก็ไม่ได้เป็นอรหันต์เช่นตน คืนต่อมาท้าวมหาราชทั้งสี่เสด็จจากสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามาเผ้าพระองค์
    จากนั้นพระอินทร์ก็เสด็จลงมาทำให้บริเวณที่พักของพวกชลิฎสว่างไสวเหมือนเวลากลางวัน พวก ชลิฎเกิดความอัศจรรย์ใจพากันมาไต่ถามพระพุทธองค์ว่า ผู้ที่มาเยี่ยมพระองค์เป็นใครทำไมจึงมีรัศมีกายสว่างไสวเหลือเกิน ครั้นรู้ความจริงแล้วก็ยังไม่ยอมละทิฏฐิอยู่ดี บางวันชฎิลมานิมนต์ให้พระพุทธองค์ไปฉันอาหาร พระองค์ทรงให้เหล่าชฎิลล่วงหน้าไปก่อนส่วนพระองค์จะตามไปทีหลัง เมื่อชฎิลไปแล้วพระองค์ได้เหาะไปเก็บผลหว้าซึ่งเป็นผลไม้ประจำชมพูทวีป จากนั้นเสด็จไปประทับนั่งรอก่อน
    บางครั้งพระองค์เสด็จเหาะไปเก็บดอกปาริฉัตรบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาให้เหล่าชฎิลดู ทำให้ชฎิลเกิดความอัศจรรย์ใจแต่ก็ยังมีทิฏฐิมานะว่าถึงอย่างไรสมณะนี้ก็ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์เช่นตน บางคราวเมื่อชฎิลจะบูชาไฟต้องช่วยกันหาฟืนมาผ่าให้เป็นกอง ๆ ถ้าฟืนท่อนใหญ่ผ่าไม่ได้ เมื่อไปขอความช่วยเหลือจากพระพุทธองค์ ก็ทรงผ่าเพียงครั้งเดียวเท่านั้นได้ฟืนถึง 500 ท่อน ครั้นถึงคราวจะก่อไฟไฟก็ไม่ติด แต่เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสบอกว่าให้จุดได้แล้ว ทันทีที่สิ้นพระสุรเสียงแห่งพระพุทธองค์ไฟก็ติดทั้ง 500 กองพร้อม ๆ กัน และเมื่อจะเลิกบูชาไฟ อยากจะดับก็ดับไม่ได้ต้องมาขอร้องให้พระพุทธองค์ช่วย พระองค์ก็ดับไฟทั้ง 500 กองนั้นพร้อมกันเป็นอัศจรรย์ แต่พวกชฎิลยังคงมีทิฏฐิมานะเช่นเดิม
    วันหนึ่งเกิดพายุใหญ่ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมฉับพลัน เหลือเพียงบริเวณรอบ ๆ ที่พระพุทธเจ้าประทับเท่านั้น พระองค์เสด็จจงกรมไปมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายชฎิลต่างคิดว่าสงสัยพระมหาสมณะคงถูกน้ำพัดไปแล้วจึงพากันเอาเรือพายเที่ยวตามหาพระองค์ เมื่อไปถึงบริเวณที่พักของพระองค์ต่างเกิดความอัศจรรย์ที่น้ำไม่ท่วมบริเวณนั้น พวกชฎิลได้ทูลเชิญให้พระองค์ทรงเสด็จขึ้นเรือ พระพุทธองค์เสด็จเหาะขึ้นไปประทับนั่งบนเรือ ชฎิลต่างสรรเสริญว่าพระมหาสมณะนี้เป็นผู้มีฤทธานุภาพมากจริงหนอ
    นอกจากนี้พระองค์ยังทรงแสดงปาฏิหาริย์อย่างอื่นอีกมาก เพื่อให้เหล่าชฎิลเริ่มคลายทิฏฐิมานะกลับมาเลื่อมใสพระองค์เพิ่มขึ้น เมื่อแสดงปาฏิหาริย์หลาย ๆ อย่างไปแล้วพระองค์ทรงดำริว่าโมฆบุรุษเหล่านี้ มัวคิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ยอมรับความจริงเลยจึงตรัสว่า “ ดูก่อน กัสสปะท่านไม่ใช่พระอรหันต์ทั้งยังไม่พบทางที่จะเป็นพระอรหันต์แม้ปฏิปทาของท่านที่จะไปสู่ความเป็นพระอรหันต์ก็ไม่มี ท่านอย่ามัวถือทิฏฐิมานะอยู่เลย ทิฏฐิมานะของพวกท่านจะทำให้ท่านและมหาชนไปสู่มหานรก ทนทุกข์ทรมานในอบายอีกนับภพนับชาติไม่ถ้วน” อุรุเวลกัสสปะได้ฟังดังนั้นเกิดความสังเวชสลดใจเพราะรู้ว่าตนเองยังเป็นผู้มากไปด้วยราคะ , โทสะ, โมหะอยู่ จึงซบศีรษะลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วทูลขอบวชเป็นสาวกของพระองค์
    เมื่อน้องชายทั้งสองที่มีบริวารอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำรู้ว่าพี่ชายบวชแล้ว จึงพากันออกบวชตามด้วย จากนั้น พระบรมศาสดาได้ตรัสอาทิตตปริยายสูตรแก่ภิกษุทั้ง 1,000 รูปว่าเบญจกามคุณ 5 คือ รูป , เสียง , กลิ่น , รส , สัมผัส ธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ และไฟคือโมหะ ความเกิดแก่ เจ็บตาย ความเศร้าโศก การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก หรืออยู่ร่วมกับผู้ไม่เป็นที่รักก็เป็นของร้อน จึงควรละความยึดมั่นถือมั่นในสังขารร่างกายนี้และยกใจขึ้นสู่นิพพาน ภิกษุทั้ง 1,000 รูปได้ปล่อยใจไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ดำเนินจิตเข้าไปในหนทางสายกลางได้รู้เห็นความเป็นจริงของสังขารร่างกายว่าเป็นของร้อน ร้อนเพราะกิเลสราคะ โทสะ โมหะแผดเผาอยู่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย เมื่อเบื่อหน่ายก็คลายความกำหนัด ความยึดมั่นถือมั่น เมื่อคลายความถือมั่นจิตก็ หลุดพ้นทันทีที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบ ทุกท่านต่างบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์กันทั้งหมดครับ
    จากเรื่องนี้คุณผู้อ่านจะเห็นได้นะครับว่า กว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงสั่งสอนใครคนใดคนหนึ่ง ให้เกิดความเลื่อมใส และตั้งใจลงมือปฏิบัติธรรมนั้น ต้องใช้กุศโลบายต่าง ๆอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ให้เห็นถึง ฤทธานุภาพอันไม่มีประมาณ หรืออาเทสนาปาฏิหาริย์ดักใจผู้ฟังแสดงธรรมอย่างพอเหมาะพอดีแก่จริตอัธยาศัยของผู้ฟัง ทำให้มีผู้บรรลุธรรมตามพระองค์ไปนับไม่ถ้วน
    นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นยอดนักเสียสละหากรู้ว่าใครมีบารมีที่พร้อมจะเข้าถึงธรรม พระองค์จะเสด็จไปโปรดโดยไม่เห็นแก่ความยากลำบากแต่อย่างใด ฉะนั้นการที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนามีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเห็นคุณค่าและความสำคัญของการยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ นับว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐแล้วครับ แต่ชาวโลกอีกหลายพันล้านคนยังไม่รู้ว่าอะไรคือที่พึ่งที่แท้จริงของชีวิต ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกิดมาทำไม....ตายแล้วจะไปไหน เขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่น่าสงสารมากครับ ดังนั้นมีอะไรที่พอจะแนะนำกันได้ก็แนะนำกันไป ให้เขามาสู่เส้นทางธรรมให้มาสร้างบารมีเช่นเดียวกับเรา เขาจะได้มีชีวิตที่ปลอดภัยไปทุกภพทุกชาติครับ
    ผมฟังคุณตาเล่าไป...ก็จดเนื้อหาตามไปด้วย จากนั้นท่านก็มอบหนังสือธรรมะให้กับผมอีกหลายเล่ม และเล่าเรื่องที่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของท่านอีกเล็กน้อย และนำผมไปนั่งทำภาวนาในห้องพระ นั่งรวดเดียว 3 ชั่วโมง ผมอดที่จะเอ่ยกับท่านไม่ได้ว่า “ ตาครับปกติแล้วตานั่งสมาธิวันละกี่ชั่วโมงครับ” ท่านตอบผมมาว่า “ ไม่รู้สิ ไม่เคยนับสักที เข็มของนาฬิกามันก็เดินของมันไป...ทำหน้าที่ของมันไป เราก็เดินวิชาของเรา...ทำหน้าที่ของเรา...อย่าเอามาปนกัน
    การทำภาวนามันไม่ได้เจาะจงอยู่แค่การนั่งหลับตาเท่านั้น เราสามารถทำได้ทุกอิริยาบถ และที่สำคัญต้องถูกหลักวิชา...อย่าให้เพี้ยน” ท่านกล่าวแค่นี้ผมเข้าใจดีทุกอย่าง ผมอยู่บ้านท่านจนเย็น ใจไม่อยากกลับเลย แต่ให้รู้สึกเกรงใจที่รบกวนเวลาของท่านมาทั้งวัน และแล้วผมก็ยกมือวันทากราบลาคุณตาปุ่น อยู่คง ที่ท่านจะคงอยู่ในใจผมไปตลอดกาล ผมขับรถกลับบ้านด้วยความเบิกบานใจ และให้สัญญาว่าจะกลับมากราบสวัสดีท่านอีกในโอกาสหน้า ในฐานะมิตรในธรรมคนใหม่ของผมครับ นี่คือเรื่องที่ตั้งใจอยากเขียนเล่าถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านได้รับรู้กันครับ จบเรื่องพุทธปาฏิหาริย์ 3,500 อย่างลงไปแล้ว ผมก็มีโอวาทพระอริยสงฆ์มาฝากเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตพวกเรากันครับ ลองอ่านดูแล้วเอาใจสัมผัสรับรู้ในสิ่งที่ท่านสอนกันให้ได้นะครับ

    โอวาทพระอริยสงฆ์

    หลวงปู่ทวด ( 2125 – 2224 ) วัดช้างให้ อ. โคกโพธิ์ จ. ปัตตานี
    “แม่น้ำทะเลและมหาสมุทร ไม่มีที่สิ้นสุดฉันใด กิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ย่อมไม่มีที่สิ้นสุดฉันนั้น”

    อ้างอิงจาก
    http://www.puttawet.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C--3500-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87.html
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี ( 2331- 2415 ) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพ ฯ
    “จงจำไว้นะเมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจรดดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่”
    หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ( 2353 – 2462 ) วัดบางคลาน อ.โพทะเล จ. พิจิตร
    “คนที่ตายไปแล้ว หากคนที่มีชีวิตอยู่ เขาสามารถจดจำได ้หรือคิดถึงอยู่ผู้นั้นได้ชื่อว่าไม่ตาย แต่คนที่มีชีวิตอยู่กลับไม่มีใครกล่าวถึง หรือคิดถึงเลยนั่นคือผู้ตายไปแล้ว”
    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ( 2413 – 2492 ) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
    “ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคติในโลกสวรรค์ไม่ตกต่ำ เพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงสมควรอย่างยิ่ง ที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้ว ควรจะจำให้ดีปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน”
    หลวงพ่อปาน โสนันโท ( 2418 – 2481 ) วัดบางนมโค อ.เสนา จ. พระนครศรีอยุธยา
    “เมื่อมีสภาพเป็นพระแล้วอย่าหวังรวยถ้ารวยแล้วไม่ใช่พระ พระจะต้องรวยด้วยศีลธรรมรวยด้วยบุญบารมี เงินทองที่ได้มาให้สาธารณประโยชน์ให้หมดอย่าให้เหลือ จะเหลือกินเหลือใช้บ้างก็ตามความจำเป็นเท่านั้น”
    พระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด จันทสโร ( 2427 – 2502 ) วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
    “ถ้าเมื่อมาเจอกายมนุษย์แล้วมาสุขกับกายมนุษย์มัวงมอยู่แต่รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสนั้นแหละ มันก็ได้เท่านั้นจนแก่ตายเอาดีไม่ได้เลยสุขแค่นั้นเอง นี่มันสุขน้อยอย่างนี้เพียงนิดเดียว เพราะอะไรเพราะรู้เท่าไม่ทันตัวเอง ไม่รู้เท่าทันตัวเอง ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ได้ฝึกฝนใจในทางพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของสัตบุรุษ ความเห็นจึงพิรุธไปเช่นนั้น”
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ( 2430 – 2528 ) วัดดอยแม่ปั๋ง อ. พร้าว จ. เชียงใหม่
    “เอากาย เอาวาจา เอาใจนี้เป็นมรรคเป็นผู้รักษา กายนี้เป็นมรรค , วาจานี้ก็เป็นมรรค , ใจนี้ก็เป็นมรรค ให้มันรู้กายรู้ใจนี้แหละ รู้อันนี้แล้วเป็นศีลสมาธิปัญญาที่เกิดจากมรรคนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นมรรค อริยมรรค อริยผลนำความผิดนำโทษนำความพอใจ ไม่พอใจออกจากตนนี้แหละเป็นมรรค”
    หลวงปู่ดุล อตุโล ( 2431 – 2526 ) วัดบูรพาราม อ. เมือง จ. สุรินทร์
    “หลักธรรมที่แท้จริงคือจิต จิตของเราทุกคนนั่นแหละคือหลักธรรมสูงสุด ที่อยู่ในจิตใจของเรา”
    หลวงปู่ขาว อนาลโย ( 2431 – 2526 ) วัดถ้ำกลองเพล อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู
    “ผู้อื่นไม่ได้ทำจิตของเราเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมองผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น ผู้ปรารถนาความเจริญความสุขต้องหมั่นฝึกฝนอบรมตนเอง ทำเอง รู้เอง ได้เอง ใครทำใครได้”
    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ( 2432- 2504 ) วัดป่าสาลวัน อ. เมือง จ. นครราชสีมา
    “กายนี้คือก้อนทุกข์ กายนี้เป็นที่หมายให้พ้นเสียจากทุกข์ ฝึกสติปัญญาให้ดีแล้วมาพิจารณากายนี้ให้แจ้งก็จะพ้นทุกข์ได้”
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร (2437- 2537 ) วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ. บางระจัน จ. สิงห์บุรี
    “เกิดมาทำไมต้องวนเวียน ? หนีสิหนีเกิดไม่ต้องมาเกิด เกิดก็เป็นทุกข์ แก่ก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ อย่าได้ประมาทนิ่งนอนใจ อย่าได้ทิ้งเด็ดขาด อย่ามัวแบกทุกข์อวิชชากันอยู่เลย ให้เคารพศรัทธามั่นในโลกุตรธรรมนะ”
    เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ( ธรรมวิตกโก ภิกขุ ) ( 2440 – 2514 ) วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ
    “ร่างกายเป็นรังของโรค ต้องป่วยเจ็บอยู่เสมอเป็นธรรมดา อย่าเศร้าหมองตามการเจ็บป่วยนั้น ทำใจให้ปลอดโปร่งและให้นึกเสมอว่า การเจ็บการตายจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าประมาท อย่ารั้งรอต่อการทำความดี จะได้ไม่ต้องเสียใจแม้ความตายจะมาถึงในวินาทีใดก็ตาม”
    ครูบาพรหมมา พรหมจักโก ( 2441 – 2527 ) วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ. ป่าซาง จ.ลำพูน
    “ชีวิตมนุษย์เหมือนหยาดน้ำค้างธรรมดา หยาดน้ำค้างที่ใบหญ้า เมื่อพระอาทิตย์อุทัยต้องไอร้อนก็พลันที่จะหายไป ไม่ตั้งอยู่นานฉันใด ชีวิตของมนุษย์ก็ฉันนั้น เมื่อชาติมีแล้วก็มีชรา , พยาธิ , มรณะ คอยรุมเผาไม่ให้เป็นไปนาน พลันดับสูญไปไม่ทันไร เกิดแล้วก็แก่เฒ่าเจ็บตาย ยังไม่ทันถึงร้อยปี”
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ( 2442 – 2520 ) วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    “ทุกวันนี้คนไม่รู้ศาสนาจึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงตนแล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน เพราะต้องการความสุขความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน คนทุกวันนี้เข้าใจว่าศาสนาอยู่กับวัด อยู่ในตู้ในหีบในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้าประเทศอินเดียโน่น จึงไม่สนใจ บ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย ”
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ( 2445 – 2537 ) วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    “โลกเป็นทางหมุนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด โลกเป็นบ่อเกิดของเรื่องเดือดร้อน โลกเป็นทางนำมาซึ่งทางฉิบหายไม่มีทางที่สิ้นที่สุด มนุษย์ชาวโลกทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาในโลก จิตติดอยู่กับโลก หมุนเวียนอยู่กับโลก เสื่อมสูญอยู่กับโลกอย่างนี้ตลอดกัปตลอดกัลป์ แต่ไหนแต่ไรมา หากเราไม่รู้สึกนึกถึงตัวเสียเลย และไม่รู้จักโทษของมันเสียเลย เราก็จะพากันจมอยู่ในเรื่องเครื่องหมุนเหล่านั้น หรือกองทุกข์ทั้งหลายเหล่านั้น”
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ( 2464 – 2542 ) วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    “ในสังคมมนุษย์คนดีประเภทหนึ่งเขาถือความมั่งมี , ความร่ำรวย , ถือยศถาบรรดาศักดิ์เป็นความดี คนดีอีกประเภทหนึ่งเขาถือความดีที่เขากระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นความดีที่ตนสร้าง คนประเภทนี้ถึงแม้ว่าใครจะให้ดีก็ตามไม่ให้ดีก็ตาม แต่เขาก็ภูมิใจในการที่เขาได้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่บริสุทธิ์สะอาดแล้ว”
    หลวงพ่อแพ เขมังกโร ( 2448 – 2542 ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
    “พระสุปฏิปันโนท่านได้ปฏิบัติดีฏิบัติควรปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย ยังกาย วาจา ใจ ของท่านให้บริสุทธิ์แล้ว เราทั้งหลายก็ควรปฏิบัติตามให้สมควรแก่วาสนาบารมีของตนเถิด ”
    พระธรรมโกศาจารย์ หรือท่านพุทธทาสภิกขุ ( 2449 – 2536 ) วัดสวดโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี
    “โลกปัจจุบันนี้ไม่มีศีลข้อที่สองคือ อทินนาทานาเวรมณี......เห็นแก่ตัวจัด เห็นแก่ตัวจัดก็รักษาศีลข้อนี้ไว้ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ปล้นกันซึ่งหน้าอย่าว่าแต่ขโมยลับหลังเลย ปล้นกันซึ่งหน้าคือสงคราม ยกกองทัพปล้นกันซึ่งหน้านี่ก็เพราะไม่มีศีลข้อนี้ ลับหลังก็ปล้นซึ่งหน้าก็ปล้น แล้วก็เตรียมปล้นกันขนาดหนักต่อไปอีก ใช้นโยบายทางการเมืองล้วงเอาประโยชน์ของผู้อื่นมาเป็นของตัวก็มี”
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ( 2455 – 2539 ) สุสานไตรลักษณ์ อ.เมือง จ.ลำปาง
    “การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดเป็นก็เย็นสบาย ตายเป็นเหม็นเน่าเราเขาเหมืนกัน”
    พระสุธรรมยานเถระ ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ) ( 2460 – 2535 ) วัดจันทาราม ( ท่าซุง ) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    “ก่อนจะตายถ้าเราเป็นคนเราก็ขอเป็นคนดีถือว่าเราเป็นคนดีแล้ว ถ้าตายเป็นผีเราก็เป็นผีดี ผีดีเขาอยู่กันที่ไหนบ้าง เขาก็อยู่ในเขตของเทวดาบ้างอยู่ในเขตของพรหมบ้างที่เรียกกันว่าเทวดา , นางฟ้าหรือพรหม ถ้าดีที่สุดก็ไปนิพพาน”
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ( 2452 - 2535 ) วัดถ้ำผาปล่อง อ. พร้าว จ. เชียงใหม่
    “การภาวนาเป็นเหมือนเครื่องค้นคว้าหาแก้วอันประเสริฐ คนเรานี้มีแก้วอันประเสริฐอยู่ในตัว แต่เมื่อไม่อาศัยการภาวนาก็ไม่สามารถค้นพบแก้วนั้นได้ พระพุทธศาสนามีคุณค่าสูงก็ด้วยการสอนวิธีภาวนา ทำจิตใจที่มีกิเลสอาสวะเศร้าหมองอยู่ให้หมดจดต่อสิ่งเศร้าหมองจนผ่องใสยิ่ง”
    และขอลาคุณผู้อ่านไปด้วยสุภาษิตปิดท้ายของปราชญ์แห่งเต๋าบทนี้เลยก็แล้วกันนะครับ
    “ต้นไม้ที่ลำต้นใหญ่กว่าอ้อมแขนของคุณ เติบโตมาจากเมล็ดพันธุ์เล็กๆเพียงหนึ่งเมล็ด อาคารสูงเก้าชั้นเริ่มมาจากดินเพียงหยิบมือ การเดินทางหลายพันไมล์ เริ่มจากการก้าวเท้าก้าวแรก”
     
  19. naruephan

    naruephan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +42
    กราบหลวงปูทวดครับ และสวัสดีครับพี่ๆ พี่ครับผมสงสัยว่าหลวงปูทวด ปี2508พิมพ์ทะเลซุง มีประวัติการสร้างยังไงหลวงปูทิมปลุกเสกหรือป่าวครับ ช่วยชี้แนะด้วยครับขอบพระคุณครับ
     
  20. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
     

แชร์หน้านี้

Loading...