ความอดกลั้น ไม่ได้ตอบโต้ เป็นความชนะของบัณฑิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย tst, 8 ตุลาคม 2012.

  1. tst

    tst เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +508
    กลางชล


    สวัสดีค่ะวันก่อน

    ระหว่างกำลังนั่งขับรถกลับบ้านสบาย ๆ เกิดนึกครึ้มอยากหมุนวิทยุฟังคลื่นโน้นคลื่นนี้เล่น
    แต่ยังไม่ทันจะเคลื่อนนิ้วหมุนคลื่นไปไหนได้ไกลนักหรอกค่ะดีเจคลื่นประจำก็เล่นเพลงใหม่ล่าสุดของคุณแอม เสาวลักษณ์ มากระทบใจเข้าพอดี..."ไม่รู้อะไรเข้าสิง

    ไม่รู้จริง ๆ ตอนนั้น เมื่อไหร่ที่ทะเลาะก็มักเลือกใช้คำที่รุนแรง ทั้ง ๆ มีคำมากมาย กลับใช้ถ้อยคำที่มันทิ่มแทง ให้เธอปวดใจไม่รู้เป็นบ้าอะไร ไม่รู้ได้มาจากไหนขัดใจกันวันไหน ควบคุมอารมณ์กันไม่ค่อยอยู่ . . .ฟังไปจนจบ แล้วดีเจก็บอกชื่อเพลง ที่ตั้งไว้เสียเก๋ไก๋สะดุดหูว่า เพลง "ไม่รู้อะไรเข้าสิง" ฟังชื่อเพลงแล้วเห็นภาพดีนะคะ... : )

    เวลาที่ความโกรธเกิดพลุ่งพล่านขึ้นมา ลองนึกดูเถอะค่ะ...ทั้งอากัปกิริยา สีหน้า ท่าทาง มือไม้ แววตา โดยเฉพาะคำพูดต่าง ๆ ที่พรั่งพรูออกมา(ไม่รวมอาวุธประจำกายต่าง ๆ อย่างเช่น จานบิน แก้วบิน โทรศัพท์มือถือเหาะได้ ฯลฯ) : )อาจทำให้เรารู้สึกได้ง่าย ๆ ว่า นางฟ้าคนเมื่อครู่ กลายเป็นนางมารร้ายไปแล้วในบัดดลยิ่งถ้าหากตายขึ้นมาในขณะที่จิตกำลังอัดอั้นไปด้วยโทสะเช่นนั้นเป็นอันหวังได้เลยนะคะว่า คราวนี้ไม่ใช่แค่ "เหมือน" อะไรเข้าสิงเท่านั้นแล้วพระพุทธเจ้าท่านตรัสบอกไว้ใน วัตถูปมสูตร เลยค่ะว่า เมื่อจิตเศร้าหมอง (ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ) แล้ว ทุคติย่อมเป็นอันหวังได้นั่นคือ ตายแล้วมีอันได้ไปโผล่ในภูมิอย่างเช่น นรก ดิรัจฉาน หรือเปรต แน่นอนค่ะพูดถึงเรื่องนี้แล้ว อยากหยิบเรื่องราวจาก อสุรินทกสูตร มาฝากกันสักนิดค่ะครั้งหนึ่ง


    พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน เมืองราชคฤห์พราหมณ์ท่านหนึ่งชื่อ "สุรินทกะ" ได้ทราบว่า เพื่อนรักไปบวชในสำนักพระพุทธเจ้าแล้วก็เกิดรู้สึกแค้นเคืองพระองค์มาก ด้วยความโกรธ พราหมณ์สุรินทกะก็ไปเข้าเฝ้าถึงที่ประทับเมื่อพบพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ระดมกล่าวคำด่าบริภาษด้วยวาจาหยาบคายใส่พระองค์ไม่หยุดพระพุทธเจ้าท่านก็เพียงแต่ทรงนิ่ง ไม่ได้กล่าวตอบใด ๆจนพราหมณ์สุรินทกะพอใจแล้ว เห็นทรงนิ่งไป ก็คิดว่าพระพุทธเจ้าทรงยอมแพ้แล้วจึงได้กล่าวว่า

    "พระสมณะ! เราชนะท่านแล้ว พระสมณะ! เราชนะท่านแล้ว"

    จากนั้น พระพุทธองค์จึงได้ตรัสตอบด้วยพระเมตตาว่า

    "คนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา ย่อมสำคัญว่าชนะท่าเดียว
    แต่ความอดกลั้น ไม่ได้ตอบโต้ เป็นความชนะของบัณฑิต
    ผู้ใดโกรธตอบคนที่โกรธแล้ว ผู้นั้นเป็นคนเลวกว่าผู้โกรธก่อน
    ผู้ไม่โกรธตอบคนที่โกรธแล้ว ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก
    ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้ ย่อมเกิดคุณทั้งสองฝ่าย"

    พราหมณ์สุรินทกะได้ฟังดังนั้น ก็เกิดแจ่มแจ้งและเลื่อมใสในธรรมของพระพุทธองค์ยิ่งนักจึงได้ทูลขอบวช ครั้นบวชไม่นาน ปลีกตนไปบำเพ็ญเพียร ที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์(เนื้อหาจาก พระไตรปิฎก ฉบับดับทุกข์ โดยท่าน ธรรมรักษา)คนเราส่วนใหญ่ก็เป็นกันอย่างนี้นะคะ คือใครด่าว่าเรามา เราก็มักจะต้องสวนกลับตอบ จึงจะถือว่าสาสมกันยิ่งเราโต้ตอบกลับไปจนอีกฝ่ายเงียบ หมดคำพูดไปเลย ยิ่งถือว่าเป็นชัยชนะเด็ดขาดหากแต่สำหรับชาวพุทธที่แท้แล้ว เมื่อใครด่าว่าเรา ถ้าเราเป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้ นั่นล่ะค่ะ ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพราะถือว่าชนะกิเลส คือความโกรธ ในจิตใจลงได้และการจะชนะกิเลสคือความโกรธได้ ในระดับที่เรียกว่าเด็ดขาดอย่างที่สุด พระพุทธองค์ก็มีแนวทางที่ทรงชี้แนะไว้ใน "มหาสติปัฏฐานสูตร" ด้วยแล้วนะคะ

    วิธีการนั้นก็คือเมื่อจิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ เมื่อจิตปราศจากโทสะก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะฟังดู (เหมือน) ง่าย ๆ แค่นี้เอง…โกรธ ก็รู้ว่าโกรธ >:-( พอไม่โกรธ ก็รู้ว่าไม่โกรธ :)เพียงแต่ต้องเป็นนักสังเกตอาการของจิตกันนิดหนึ่งค่ะ

    พูดรวบรัดแบบสั้น ๆ ก็คือพอความโกรธเกิดขึ้น แทนที่จะลืมเนื้อลืมตัว ปล่อยให้ผีเข้าสิง : ) ก็รีบ ๆ มีสติระลึกรู้เข้ามาที่จิตที่ใจของเราเสียให้ไว ๆ เราอาจสังเกตเห็นเป็นความอัดอั้นเหมือนจุกอก แสบคันในอกเป็นริ้ว ๆ หรือปั่นป่วนอยู่ภายใน หรืออะไรก็ตามแต่อย่าเพิ่งรีบไปข่มระงับมันเข้านะคะยังไม่ต้องใช้ความคิดช่วย ยังไม่ต้องใช้อุบายใด ๆ ทั้งสิ้นแค่มองดูอาการเหล่านั้นอยู่เฉย ๆ

    คุณดังตฤณเคยเปรียบว่า เหมือนกับดูน้ำร้อนเดือดน่ะค่ะจะไปเร่งให้มันเย็น ยังไงมันก็ไม่เย็นทันใจ สู้สังเกตมองมันไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นแหละค่ะแล้วเราก็จะเห็นสภาพของน้ำที่เย็นลงเองแล้วยังจะได้ปัญญาเห็นความจริงตามมาด้วยว่า ความโกรธนี่มันก็ไม่เที่ยง คือ มันเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ตั้งอยู่แป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวมันก็จะดับลงเอง
    เป็นธรรมดา

    แล้วอย่าลืมสังเกตด้วยนะคะว่า จิตที่มีโทสะ กับจิตที่ปราศจากโทสะนั้น แตกต่างกันอย่างไรสังเกตไปเรื่อย ๆ ก่อนค่ะ ครั้งแรก ๆ อาจจะยังไม่ได้เห็นผลอะไรมากนัก(แต่อย่างน้อย ก็น่าจะพอช่วยยับยั้งจานบิน และถ้วยบินได้ไวกว่าเดิมแล้ว) : )แต่พอครั้งต่อ ๆ ไป รู้ทันมันได้บ่อย ๆ แล้ว ก็จะเริ่มไวขึ้นเองค่ะความโกรธเต็มขั้นยังไม่ทันก่อตัว พอไประลึกรู้ทันมันเข้า มันก็ดับวับหายไปเองแล้ว เห็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วจิตมันก็จะเริ่มฉลาดขึ้นคือไม่เอาเอง โดยไม่ต้องไปพยายามกดข่มมันไว้แต่อย่างใดเลยค่ะโลกเราทุกวันนี้ก็ร้อนขึ้นทุกวันอยู่แล้วนะคะ...มาหาทางลดอุณหภูมิในใจกันดีกว่า อย่างน้อยแม้โลกจะร้อน ใจเราก็จะไม่ต้องร้อนไปตามโลกเลยค่ะ

    ...

    </PRE>


    </PRE>

    http://dungtrin.com/mag/?8.editor
    </PRE>


    </PRE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  2. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    เพลงส่วนใหญ่มีธรรมะนะ โดยเฉพาะเพลงรักจะชัดเจนมาก
     
  3. tintin9888

    tintin9888 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +56
  4. Followdream

    Followdream เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +12,448
    ความโกรธเมื่อเราโกรธก็เหมือนเราจุดไฟเผาตัวเองแล้ว
    ถ้าเราไม่อยากร้อนจากไฟโกรธที่ตัวเราจุดขึ้นหรือมีอะไรมาเป็นฉนวนให้เกิดไฟโกรธปะทุขึ้น เราก็ควรต้องรู้สติควบคุมจิตให้อยู่กับตัว คือรู้ตัวรู้สติ ให้จิตใจเย็นลงก่อนถึงค่อยไปพูดไปทำอะไร สิ่งที่ทำย่อมเป็นผลดีมากกว่าผลร้าย

    เมื่อคนเรายามโกรธขาดสติ ขาดการยั้งคิด มักทำอะไรก็ได้เพื่อสนองความโกรธออกมา มักจะแสดงอะไรที่หยาบคายรุนแรง ไม่สนใจว่าบุคคลอื่นจะเดือดเดือดร้อนเสียหายจนลืมไปว่าอารมณ์โกรธของตนนั่นแหล่ะ ตัวเขาเองนั่นแหล่ะที่กำลังแสดงตัวตนและความน่ารังเกียจออกมา คนที่จะเสียหายที่สุดก็คือตัวของเขาเอง...ความโกรธไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย

    ความโกรธ...เมื่อรู้ว่าโกรธ...ก็ควรดับความโกรธอย่างมีสติที่ตัวเราเองก่อนดีที่สุดค่ะ

    "คนพาลกล่าวคำหยาบด้วยวาจา...ย่อมสำคัญว่าชนะท่าเดียว
    แต่ความอดกลั้น.....ไม่ได้ตอบโต้ เป็นความชนะของบัณฑิต

    ผู้ใดโกรธตอบคนที่โกรธแล้ว....ผู้นั้นเป็นคนเลวกว่าผู้โกรธก่อน
    ผู้ไม่โกรธตอบคนที่โกรธแล้ว....ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก
    ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธแล้ว เป็นผู้มีสติสงบอยู่ได้....ย่อมเกิดคุณทั้งสองฝ่าย"

    ขออนุโมทนาสาธุแก่ท่านเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...