จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    โมทนาสาธุกับคุณปุ๋มด้วยคร้าบบ..

    พอดีว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปทำธุระที่จังหวัดอุดรมาหลายวัน ก็เจอรุ่นพี่ที่ปฎิบัติธรรมเหมือนกัน
    แกชวนเราให้ลองทำ"ดีท๊อค"ดู เราก็ไหนๆก็พอมีเวลาก็ลองทำกับแกดู
    (เหมียนกัลลกับของคุณปุ๋มเลย..555 ช่างบังเอิญเจงๆ)
    อีอดอาหารน่ะไม่เท่าไร
    อีตอนกินนำ้ด่างก็สบายๆ
    อีตอนกินน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาวรวม300cc.นี่ ก็พะอืดพะอมหน่อยนึง
    อีตอนสวนด้วยกาแฟนี่ซิ อะจึ๋ย..555
    อีตอนถ่ายนี่ นั่งอยู่ในห้องน้ำเกือบชม.เลย นั่งเข้าฌาน4บนโถส้วมเลย สบายแฮ..555
    ก็ทำดีท๊อคอยู่2วัน มันก็ขับพวกสารพิษ(ของเรามันสีเขียวๆน่ะ)อะไรก็ไม่รู้ออกมาเยอะแยะจากตับจากลำไส้จากภายในออกมา จากนั้นก็รู้สึกโล่งๆเบาสบาย เพลียนิดหน่อย..
    พี่เขาบอกกับเราว่าอีก2-3อาทิตย์ค่อยกลับไปทำใหม่หรือจะทำเองที่บ้านก็ได้

    ช่วงที่ขับสารพิษออกไปแล้วและก็ไม่มีอาหารอะไรอยู่ในท้องเลย(กินแต่น้ำอย่างเดียว)
    เรารู้สึกได้ถึงว่า "สะอาดทั้งกายและจิต" แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย..
    ก็เห็นด้วยกับคุณปุ๋มครับ สำหรับพวก40++
    ถือเป็นการดูแลขันธ์5ตามอัตภาพ ราคาก็ไม่แพง(ภูมิปัญญาชาวบ้านระดับด๊อกเตอร์)
    เมื่อเทียบกับว่าไปทำที่โรงพยาบาลก็จะแพงมากๆ
     
  2. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ({)อ่านแล้ว อยากให้ครูลูกพลังกับ ครูวิทย์ จัดคอร์ส-หม่ำส้มตำ แล้วคอร์ส ดีท๊อกซ์ จังเลย
    คงจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกชาวจิตเกาะพระมิใช่น้อย..ร่างกาย(ขันธ์ 5)เราสมบุกสมบันมานานแสนนาน..ไม่ค่อยได้ดูแลรักษาเลยค่ะ..คุณปุ๋ม นี่เธอมีความรู้เรื่องนี้เยอะเหมือนกันนะคะ ช่วยเขียนเป็นวิทยาทานความรู้เรื่อย ๆ นะคะ ตอนนี้..บ่า ไหล่ เริ่มจะเอาไม่อยู่แล้วค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2012
  3. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีรอบดึกค่ะพี่ภู อิอิ ไม่มีไรแค่จะมาป่าวประกาศว่า จิตเกาะพระท่านใดประสงค์จะเลิกฝึก ช่วยเมลแจ้งครูฝึกของท่านและพี่เพ็ญด้วยนะคะ ให้ลาจากกันด้วยดี อย่าให้มีบาปอกุศลติดจิตติดตัวไป เผื่อท่านไปเริ่มฝึกทางสายใหม่ก็จะได้ไม่เป็นอุปสรรคในการเดินมรรค ครูเพ็ญก็ขออวยพรให้ทุกท่านจงประสบแต่โชคดีและสมปรารถนาในสิ่งอันเป็นมงคลทุกประการเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2012
  4. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    _@ตำราสุดยอดของครูเพ็ญ..

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ natthapatpun [​IMG]
    ฮ่า ๆ พี่เพ็ญกำลังเอาไม้เรียวไล่หวดก้นให้เข้าห้องเรียนอยู่ครูดัช

    ขอโต้ด พักนี้จิตมันแรง เห็นใครขาดความเพียรไม่ได้

    ต้องไล่ ต้องจี้ ต้องบี้กันให้ตายคามือ(กิเลสนะกิเลสไม่ใช่คน อิอิ)

    ขอโต้ดอีกที ขอเล่าเรื่องความเพียรของตัวเองหน่อย

    ตั้งแต่พี่เพ็ญเริ่มตัดสินใจปฏิบัติธรรมรวมระยะเวลา 3 ปีกว่า(เกือบสี่ปีแล้ว)

    พี่เพ็ญไม่เคยคิดว่าจะขาดความเพียรสวดมนตร์ทำสมาธิสักครั้งเดียว

    แต่เคยมีพิสูจน์อะไรบางอย่างลองหยุดทำสมาธิสัก 4-5 วัน(เหมือนคนอื่น)

    อยากรู้ผลว่าจะเป็นยังไง

    ขอโต้ดอีกสองที...ตรูทำม่ายล่าย

    หยุดทำสมาธิได้แค่ 3 วัน โอ้โฮ๋ จิตมันคิดถึงการบำเพ็ญใจจะขาด

    เหมือนคนเคยกินอาหารแล้วไม่ได้กินสัก 3 วันมันจะตายไหมอ่ะ

    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาแม้มีเวลาไม่มากก็ขอให้ได้ทำทุกวัน

    มากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่ใจมีความเพียรขอให้ได้ทำต่อเนื่องกันไปทุกวัน

    มีบางคนมาบอกว่าหยุดมั่งก็ได้เจ๊ ไปหาความบันเทิงบ้างเดี๋ยวมันจะเครียดเกินไปนะ

    เราก็ อืม ตามบายเต๊อะท่าน ถ้าเราจะไปหาความบันเทิง เราจะไปหาเอง ไม่ต้องมีใครมาชวนหรอก

    พอมาวัดกำลังใจตนเองดูระหว่างความบันเทิงกับการบำเพ็ญจิต

    จิตขอพากายไปสู่ความสงบดีกว่า

    แต่บางครั้งนะ ธรรมชาติของกายเขาก็ต้องไปอยู่กับของหยาบบ้าง

    มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของกาย ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติแต่อย่างใด

    เพียงแต่จิตอย่าไหลกับกับกิเลสก็แล้วกัน

    กายอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่จิตต้องอยู่เหนือกายกันนะ

    กลับมาดูเรื่องความเพียรของพี่เพ็ญ

    พี่เพ็ญก็ไม่ได้ทำอะไรให้เหน็ดเหนื่อยเกี่ยวกับการบำเพ็ญแม้แต่น้อย

    เพียงแต่เราตั้งมั่นอยู่ในใจว่าเราจะทำความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน

    แต่ขณะปฏิบัติเราต้องปฏิบัติด้วยใจและกายสบาย

    ไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป

    ความเพียรของพี่เพ็ญจึงเดินไปแบบสม่ำเสมอ

    ไม่เร่งและไม่ช้า ทำทุกอย่างไปด้วยจิตสบาย

    กระทบมีเข้ามาตลอดเวลา แต่สติพี่เพ็ญดีมาก

    พอกระทบปุ๊บดูจิต กระทบปุ๊บดูจิต กระทบปุ๊บดูจิต

    ดูทำไม?

    ก็ดูให้รู้ว่ามันเกิดอารมณ์หรืออาการขึ้นที่กายและจิตแล้ว

    พอรู้ว่ามันเกิดก็ดูมันจนดับไปเอง

    พอมันดับก็นึกขึ้นได้(มีสติรู้สึกตัว)ว่า อ้าว ไม่มีตัวตนหรอกเหรอ

    เออ มันก็แค่อารมณ์และอาการในขันธ์ห้า เป็นสิ่งไม่ควรยึด

    เพราะมันไม่มีตัวตนอะไรให้ยึด มันก็จบ

    เมื่อจบมันก็วาง เมื่อวางแล้วก็ต้องปล่อย

    ไม่ใช่วางแล้วยังจับอยู่ ต้องปล่อยด้วย(ทำใจปล่อยกิเลสลอยแพไป)

    ความเพียร...ที่ครูเน้นย้ำกันอยู่เสมอในการบ้าน

    ไม่ใช่บอกให้ผู้ปฏิบัติคร่ำเคร่งจนเกิดความเครียด

    ถ้าเป็นอย่างนั้นท่านวางกำลังใจผิดแล้ว

    ความเพียรที่ครูเน้นย้ำกับท่านหมายถึงให้ท่านวางใจเป็นกลาง

    และปฏิบัติจิตเกาะพรไปด้วยความสม่ำเสมอทั้งวันทั้งคืน

    เช่น บอกว่าให้ท่านนึกถึงภาพพระให้บ่อยให้ถี่

    เราบอกให้ท่านนึกเฉย ๆ ไม่ใช่ให้คิดจนหน้าดำหน้าแดง ตาถลกถลนเมื่อไร

    แค่นึกถึงภาพพระ ก็เหมือนเรานึกถึงภาพคุณพ่อ คุณแม่

    ลูก หลาน ญาติพี่น้อง ดารา นักร้อง ครูอาจารย์ที่ท่านชื่นชอบและศรัทธา

    แต่เป็นการนึกด้วยอารมณ์ใจสบาย

    เหมือนเวลาที่เราดูวิว ดูน้ำตก ดูธรรมชาติ ใจเราก็สบายใช่ไหม

    จิตเกาะพระก็ต้องวางอารมณ์ใจให้สบายเป็นธรรมชาติที่สุด

    อย่าไปบังคับจิต อย่าไปกดดันจิตว่าต้องดู ต้องดู ต้องดู

    อย่าไปทำอย่างนั้น เดี๋ยวจิตเขาจะเบื่อ

    เพราะธรรมชาติของจิตไม่ชอบการถูกบังคับ

    แต่ชอบทำอะไรสบาย ๆ ตามใจฉัน

    การฝึกจิตเกาะพระ ผู้ปฏิบัติสามารถนำคำสอนของครู

    ไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับจริตของตนเอง

    เช่น บางคนชอบฟังเพลง ก็ให้ฟังเพลงไปด้วยทำจิตเกาะพระไปด้วย

    บางคนชอบเล่นเกมก็ให้เล่นเกมไปด้วยทำจิตเกาะพระไปด้วย

    บางคนชอบเล่นกีฬาก็ให้เล่นกีฬาไปด้วยทำจิตเกาะพระไปด้วย

    บางคนชอบชอปปิ้ง(แนวคุณลินดา)ก็ให้ชอปปิ้งไปด้วยทำจิตเกาะพระไปด้วย

    บางคนชอบฟังเทศน์ฟังธรรม ชอบสวดมนตร์ ทำสมาธิ เดินจงกรม ก็ให้ทำไปตามถนัดของท่านแต่ให้นำจิตเกาะพระไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับจริตของท่าน

    กล่าวคือจริตของใครชอบอย่างไรเราก็ไม่ได้ไปบังคับให้ท่านเลิกทำจริตของท่านนะ

    เพียงแต่ท่านมีจริตอย่างไรก็ให้เอาจิตเกาะพระเสริมเข้าไปให้จิตมันแน่นสติมันเต็มก็แค่นั้นเอง

    แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ทำกันไปเรื่อยเปื่อยนะ

    ผู้ปฏิบัติต้องมีวินัยในตนเอง ต้องเพียรนึกภาพพระให้ได้ติดตาติดใจ

    เหมือนเวลาที่คนเรามีความรัก ต่อให้พ่อแม่ห้ามอย่างไร ใจมันก็ยังคิดถึงกันใช่ป่ะ

    จิตเกาะพระก็ทำอารมณ์คล้ายกันนั่นแหละ กิเลสเปรียบเหมือนพ่อแม่

    ยิ่งมันห้ามเราไม่ให้คิดถึงพระ แต่สติเราก็มีนิไม่ใช่ไม่มี เราจะคิดถึงพระซะอย่าง กิเลสจะทำไม(แนวจิตดื้อเหมือนใครหว๋า)

    สรุปว่าความเพียรหมายถึงทำให้สม่ำเสมอ ไม่เหนื่อยไม่หนักจนเกินไป หรือไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป

    บ่นจบแร๊ะ

    พี่เพ็ญ จบ.3

    ปล.มีใครบอกว่าจะไม่ส่งการบ้านอีกไหม ยกมือขึ้น คุณลินดาเตรียมสรรพกำลังด่วน ลูกศิษย์กำลังจะแตกแถวกลายเป็น ปู ในกระด้งของคุณแนทไปแว้ว วุ้ย ทำไมไปจบที่กระด้งของคุณแนทเนี่ย ฮา
    ..............................................
     
  5. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k) น้องหญิง ..เธอเงียบไปค่ะครูเพ็ญ..
     
  6. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    ประกาศอีกรอบ ครูเพ็ญและครูจิตบุญทุกท่านรับสอนจิตเกาะพระไปนิพพานไวที่สุดในชาตินี้ เฉพาะท่านที่มีความตั้งใจว่าจะไปนิพพานด่วนเท่านั้นค่ะ ใครยังไม่มีศรัทธา ใครยังไม่มั่นใจ ไม่ต้องลองค่ะ ขอให้เกาะกระทู้อ่านธรรมะบนกระทู้ไปเรื่อย ๆ เติมกำลังตนเองให้เต็มเหรือเกือบเต็มก่อนแล้วค่อยมาบอกครูว่าหนู/ฉัน/ผม จะขอฝึกจิตเกาะพระเพื่อไปนิพพานในชาตินี้ค่ะ/ครับ

    ย้ำ ย้ำ ย้ำ ครูเพ็ญรับเฉพาะคนที่เอาจริงปฏิบัติจริง และตั้งใจไปนิพพานจริงเท่านั้นค่ะ ย้ำอีกรอบ ครูเพ็ญทำงานทั้งทางโลกและทางธรรม ขันธ์ห้าเหนื่อยมั่ก ๆ ค่ะ ถ้าท่านอยากทำแค่ "ลอง" เชิญป้ายหน้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2012
  7. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k):cool:ให้กำลังใจครูวิทย์ และครูน้องหนูค่ะ..คอร์สนี้พี่พอใจไม่ได้ไปร่วมนะคะ..ลูกชาย และ ลูกสาว เธอก็ยังไม่พร้อม ร้อยเปอร์เซนต์ รอให้เธอสุกงอมทางโลกสักระยะนะคะ..
     
  8. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    นั่นจิพี่พอใจ เห็นส่งการบ้าน มา ๆ หยุด ๆ เธออาจจะยังไม่พร้อมมังคะ ปล่อยไปก่อนละกัน ครูจะได้ตัวเบาขึ้นอีกหน่อย ปล่อยให้เธอไปตามหากำลังใจตัวเองให้ได้ก่อน และถ้าเธอจะฝึกต่อ เธอคงต้องหาศรัทธามาจ่ายค่าสมัครใหม่ด้วยค่ะ พี่พอใจไม่ต้องตามแล้วค่ะ รักษาจิตเราให้สบายไว้เป็นพอค่ะ เอาเวลามาปฏิบัติจิตเราให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และเปิดรับดูแลจิตดวงใหม่ที่เขามีความพร้อมและศรัทธาในพระนิพพานอย่างแท้จริงดีกว่าค่ะ ไหน ๆ ชาตินี้มันก็ชาติสุดท้ายสำหรับพวกเราแล้ว พวกเรายังจะต้องแบกอะไรให้มันเหนื่อยให้มันหนักอีกหรือ เจริญอิทธิบาทสี่เป็นครูสอนจิตเกาะพระพาคนไปส่งที่พระนิพพานก็จริงนะ แต่ขอให้ทำด้วยใจสบายกันทุกท่านค่ะ ขอให้เจริญสุขค่ะ
     
  9. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ขอบพระคุณค่ะ ครูเพ็ญ..เราจะรักษาจิต ปฏิบัติจิตให้สบาย เข้มแข็ง เพื่อให้สามารถดูแลจิตดวงใหม่ที่เขามีความพร้อมและศรัทธาในพระนิพพานนะคะ
     
  10. srirattana

    srirattana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,972
    อ่าวเหรอคะพี่พอใจ แต่ก่อนปุ๋มมีอาการไหล่ยกไม่ขึ้น ปวดร้าวไปทั้งแขนเลยค่ะ ปวดเหมือนอะไรมันเป็นก้อนแข็งๆที่สะบัก แล้วปวดมาก นวดก็ไม่หาย ถึงขนาดให้น้าสาวที่เป็นหมอนวด บินมานวดที่นี่ ก็ไม่หาย

    แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะเยค่ะพี่พอใจ หลังไมค์มา เอ้ะ หรือจะบอกที่นี่ดี

    ตำราแรก ปุ๋มเปิดเจอในเน็ต สูตรไข่ดองน้ำส้ม แรกๆก็แหวะ แอะ กินได้เหรอว๊าา แต่ทำไงได้ มันปวดนี่ เลยลองกิน เขาว่า สุตรนี้ มาแต่ สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว คนจีนแต่ก่อน ยากจนเจ็บป่วยไม่มีเงินไปหาหมอ เลยมีหมอเขาเอาวิธีนี้มาเผยแพร่ ต่อมาคนจีนอพยพมาอยู่ที่ไทย ได้นำเอาสูตรนี้มาเผยแพร่ แต่ ปุ๋มก็บอกหลายคน บางคนก็กิน บางคนก็ไม่กิน บางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ บางคนกินแล้วดี บางคนกินแล้วแค่บรรเทา กินไปสามเดือนก็หยุดกิน อะไรแบบนี้ แต่ปุ๋มว่า เวรกรรมก็มีส่วน คนที่จะเกาะติด

    กินกันไปจนหายกันไปข้าง ทั้งคน และไข่ ปุ๋มกิน มาได้ตอนนี้ก็เข้าปีที่สองค่ะ ปีแรกกินทุกวัน เลยสามเดือน กินเช้าเย็น (สังเกตุว่ากินแล้ว เราจะรู้การเดินของยาเลยค่ะ ตรงไหนปวดมันจะกัด ตุ้บๆๆ ปวดเพิ่มขึ้น แต่ต้องอดทน อิอิ อึดค่ะพี่พอใจ และเพื่อนๆ เอ้ะ ยาวไปไหม ขอเพิ่ม เดี๋ยวสูตรไข่ดองมาแปะก่อนนะคะ ใครกินแล้วเป็นไง มาเล่าสู่กันฟัง
    ยาอายุวัฒนะ : ไข่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก | :: ETCPOOL BLOG ::

    กินแล้ว หรือ ไม่เข้าใจขั้นตอนไหน มาถามปุ๋มได้ ยินดีตอบค่ะ ประสบการณ์ นี้ ได้มาเพียบเลย เพราะเจ็บปวดทรมาน เลยต้องหา สูตรมาประทัง แต่จะบอกว่า ก่อนกิน ล้างพิษก่อนสักสองครั้งก็ยังดีค่ะ

    น้ำส้มที่ใช้ ต้องเป็นน้ำส้มหมักเท่านั้น จะมีสีชา หรือ สีเหลืองอ่อน ตอนกลับไทยปุ๋มเจอ ของพีซีมั้ง ขวดละสามสิบกว่าบาท แต่ระหว่างนี้ ใครจะหมักน้ำส้มเองรอก็ได้ ช่วงรอน้ำส้มได้ที่ ก็ ไปซื้อมาทำก่อนค่ะ กินดิบๆนะ ไข่เนี่ย ถ้าน้ำส้มคุณภาพดีๆนี่ ใครที่ฝึกสติรู้สึกตัวดีๆ รับรอง จะจับอาการได้ค่ะ เ้า ยาวไปแล้ว สูตรนี้ สำหรับ คนป่วยระยะพักฟื้น ผู้สูงวัย ดีมากเลยค่ะ
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สำหรับผู้ที่มาใหม่หรือผู้ปฎิบัติใหม่
    จงตั้งใจอ่านตรงนี้ให้ดี จะได้มีความเข้าใจตรงกัน จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย

    นั่งนึกตั้งนาน..ว่าจะนำมาลงที่กระทู้นี้มั๊ย
    สรุปว่า...ต้องลง ต้องลง
    ต้องคัด..ต้องคัดแยก


    สวัสดีค่ะ

    เอาเป็นว่าเรามาคุยกันฉันเพื่อนก่อนเพื่อขอดูกำลังใจของคุณค่ะ ตอนนี้พี่เพ็ญยังไม่จัดครูให้คุณค่ะ จนกว่าคุณจะบอกเล่าวัตถุประสงค์ของการติดต่อเข้ามาฝึกจิตเกาะพระ

    1. ช่วยบอกเล่าเรื่องราวการปฏิบัติธรรมของคุณให้ทราบด้วยค่ะ ขออย่างละเอียด เพื่อดูพื้นฐานการปฏิบัติของคุณ
    2. ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคุณอยู่ตรงไหน
    3. คุณจะฝึกจิตเกาะพระไปเพื่ออะไร
    4. คุณรู้หรือไม่ว่าเราฝึกจิตเกาะพระกันอย่างไร อธิบายตามความเข้าใจของคุณ
    5. คุณสามารถละวางรูปแบบการปฏิบัติเดิมของคุณได้ไหม
    6. ทำไมใจคุณจึงมีแต่ความขุ่นเคือง น้อยใจ เสียใจ คุณโกรธใครอยู่ อธิบายต้นสายปลายเหตุ และการวางกำลังใจ ณ ปัจจุบัน
    7. คุณคิดว่าจิตเกาะพระจะช่วยคุณได้ในเรื่องใดและอย่างไร

    ขอให้คุณตอบคำตามตรงไปตรงมา ตามความเข้าใจของคุณ ไม่ต้องกังวลสิ่งใดทั้งสิ้น และต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ตั้งคำถามกับคุณ เนื่องจากว่าพี่เพ็ญจับกระแสบางอย่างได้ ซึ่งหากคุณไม่สามารถวางมันลงได้ คุณจะยกจิตขึ้นนิพพานได้ยากมาก

    คุณไม่ต้องเดาอะไรทั้งสิ้น ให้คุณดูจิตตัวเอง แล้วตอบคำถามเรามาก่อน ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราถามคุณไปเป็นการล่วงเกินจิตของคุณ คุณไม่ต้องตอบทิ้งมันไปซะ และพี่เพ็ญกับพี่ภูกราบขอขมาขออภัยหากทำให้คุณขุ่นเคืองเพิ่มขึ้นไปอีก

    และหากการเริ่มต้นนี้จะเป็นการช่วยเปิดจิตของคุณให้ได้พบกับแสงสว่างบนพระนิพพาน เรายินดีช่วยคุณเต็มที่ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับจิตของคุณว่าจะมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ และครูอาจารย์ที่จะสอนจิตของคุณมากน้อยเพียงใด

    ทุกคนมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาค่ะ แต่มีทุนของศรัทธามาไม่เท่ากัน เรื่องนี้คุณต้องตอบโจทย์ให้กับจิตของคุณเองค่ะว่าคุณมีความตั้งใจจะปฏิบัติจิตเกาะพระมากน้อยแค่ไหน พูดง่าย ๆ ก็คือ ใจสู้แค่ไหน หรือแค่จะมาลองทำเล่น ๆ ถ้าคิดว่าจะมาลองทำเล่ิน ๆ ขอให้หยุดไว้ที่นี้เลยค่ะ ไม่ต้องตอบอะไรมาแล้วค่ะ

    กราบขอบพระคุณค่ะ

    พี่เพ็ญ

    ปล.ขออนุญาตครูเพ็ญที่นำมาลงมิได้บอกกล่าวกัน เพื่อธรรมาทานกับผู้ที่มาใหม่ เพราะที่นี่ทำกันจริงๆ มิใช่ทำเพื่อกระแสสังคม จิตผู้ที่พร้อมจริงๆถึงจะปฎิบัติได้ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว จะทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ขอให้ผู้ที่อ่านได้โปรดพิจารณาถามใจตนเองให้ดีๆก่อน ศีลท่านครบมั๊ย? กำลังใจพร้อมเดินมรรคมั๊ย ที่นี่สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจจริง สำหรับผู้ที่อยากได้พระโสดาบัน หรือผู้ที่มีใจปรารถนาพระนิพพาน ขอเชิญทุกท่านเลย พวกเรายินดีต้อนรับทุกท่านครับ
    ขอขอบพระคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2012
  12. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    สาธุ ๆ ๆ โมทนาในความตั้งใจและความปรารถนาที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ชาวโลก เพื่อให้หลุดพ้นจากทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน จิตเกาะพระ..ที่ท่าน อ.ภู และครูเพ็ญ นำมาแนะนำให้ปฏิบัติมีประโยชน์มากมาย.. โดยเฉพาะผู้ที่มีเวลาน้อย ภาระกิจงานมาก..เราเป็นผู้หนึ่ง..ที่ได้เห็นผลจากการปฏิบัติจิตเกาะพระอย่างต่อเนื่อง..ทุกครั้งที่น้อมนำพระท่านมาไว้ยังจิต รู้สึกปลาบปลื้ม น้ำตาคลอ..พระท่านจะอยู่กับเราตลอดไป ท่านจะนำพาเราสู่พระนิพพาน...
     
  13. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    ({)ขอบคุณคุณปุ๋มมาก ๆ เลยนะคะ แต่อ่านสูตรแล้ว อึ๋ยยยย นิด ๆ ตอนนี้อาการปวดหน่อย ๆ ใช้กอเอี๊ยะญี่ปุ่นขาว ๆ แปะห้วไหล่ คอไว้ ค่ะ แต่ถ้ามีอาการปวดมาก ๆ จะลองสูตรคุณปุ๋มดูนะคะ ส่งมาเรื่อย ๆ นะคะ สูตรน้ำมันมะกอกใส่มะนาวก็น่าสนใจ แก้ภูมิแพ้ใช่ไหมคะ..ขออนุญาต อ.ภู ครูเพ็ญ ลงสลับกับธรรมะ นะคะ วันนี้ จิตพี่พอใจตื่น..สงสัยจะนอนไม่ได้..ค่ะ
     
  14. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    หลวงปู่เทพโลกอุดร สอนว่า "จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูละคร"

    การปฎิบัติธรรมทางด้านจิต

    จงเป็นผู้มีสติปัญญารู้เท่าทันความเคลื่อนไหวของจิตทุกลมหายใจเข้าออกและทุกอิริยบท

    เว้นเสียแต่หลับ เมื่อรู้ทันจิตแล้ว ต้องรู้จักรักษาจิต คุ้มครองจิต

    จงดูจิตเคลื่อนไหวเหมือนเราดูลิเกหรือละคร เราอย่าเข้าไปเล่นลิเกหรือละคร

    ด้วย เราเป็นเพียงผู้นั่งดู อย่าหวั่นไหวไปตามจิต

    จงดูจิตพฤติการณ์ของจิตเฉย ๆ ด้วยอุเบกขา จิตไม่มีตัวตน

    แต่สามารถกลิ้งกลอกล้อหรือยั่วเย้าให้เราหวั่นไหวดีใจและเสียใจได้

    ฉะนั้นต้องนึกเสมอว่าจิตไม่มีตัวตน อย่ากลัวจิต อย่ากลัวอารมณ์

    เราหรือสติสัมปชัญญะต้องเก่งกว่าจิต

    ความนึกคิดอารมณ์ต่าง ๆ เป็นอาการของจิต ไม่ใช่ตัวจิต

    แต่เราเข้าใจว่าเป็นตัวจิตธรรมชาติคือผู้รู้อารมณ์

    คิดปรุงแต่งแยกแยะไปตามเรื่องของมัน แต่แล้วมันต้องดับไปเข้าหลักเกิดขึ้น

    ตั้งอยู่ ดับไป คือไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืนทนได้ยากเป็นทุกข์

    และสลายไปไม่ใช่ตัวตน มันจะเกิดดับ ๆ อยู่ตามธรรมชาติ

    เมื่อเรารู้ความจริงของจิตเช่นนี้ เราก็จะสงบไม่วุ่นวาย

    เราในที่นี้หมายถึงสติปัญญา สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรม (สิ่งทั้งปวง )
    เป็นอนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน

    ***โมทนาในธรรมทาน ค่ะ ครูนก (ญ)***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2012
  15. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ช่วงนี้ยังไง เป็นกันหลายห้องเลยนะ
    เอาเป็นว่า คงต้องปล่อยวางไปบ้างแล้วค่ะ
    พี่พอใจ
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  16. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สติต่างกับสัมปชัญญะอย่างไร?

    สติคือ อาการของจิตที่เรียกว่า สติเจตสิก
    สัมปชัญญะคือ อาการของจิตที่เรียกว่า ปัญญาเจตสิก 
    แต่เป็นอาการแรกเริ่มของปัญญา เมื่อมาทำงานเด่นชัดร่วมกันในการเพ่งหรือจับอารมณ์ ก็เรียกรวมว่า สติสัมปชัญญะ
    ในปัจจุบันนิยมใช้คำว่า สติ หมายถึง การรู้ของจิตและเจตสิก (เจตสิกหมายถึง อาการแสดงของจิต) และใช้คลุมความหมายของสัมปชัญญะไปด้วย ทำให้เกิดความสับสนของความหมายที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย


    พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ 2 เจตสิกสังคหวิภาค​

    สติเจตสิก คือความระลึกรู้อารมณ์และยับยั้งมิให้จิตตกไปในอกุศล ความระลึกอารมณ์ที่เป็นกุศล ความระลึกได้ที่รู้ทันอารมณ์
    สติเป็นธรรมที่มีอุปการะมากต้องใช้สติต่อเนื่องกันตลอดเวลา ในทางเจริญวิปัสสนาหรือเจริญสมาธิ มุ่งทางปฏิบัติซึ่งเป็นทางสายเดียวที่จะหลุดพ้นจากกิเลสไปได้ โดยเจริญสติปัฏฐานทาง กาย เวทนา จิต ธรรม มีสติระลึกรู้อยู่เนืองๆว่า กายมีปฏิกูล ฯลฯ สติมีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้
    อปิลาปนลกฺขณา         มีความระลึกได้ในอารมณ์เนืองๆคือมีความไม่ประมาท เป็นลักษณะ
    อสมฺโมหรสา            มีการไม่หลงลืม เป็นกิจ
    อารกฺขปจฺจุปฏฺฐานา      มีการรักษาอารมณ์ เป็นผล
    ถิรสญฺญาปทฏฺฐานา      มีการจำได้แม่นยำ เป็นเหตุใกล้

    สติเป็นเครื่องชักนำใจให้ยึดถือกุศลธรรมเป็นอุดมคติ ถ้าหากว่าขาดสติเป็นประธานเสียแล้ว สมาธิก็ไม่สามารถจะมีได้เลย และเมื่อไม่มีสมาธิแล้ว ปัญญาก็เกิดไม่ได้

    เหตุให้เกิดสติ โดยปกติมี ๑๗ ประการ คือ
             (๑) ความรู้ยิ่ง เช่น สติของบุคคลที่ระลึกชาติได้พระพุทธองค์ระลึกชาติได้ไม่จำกัดชาติจะระลึกได้ทุกชาติที่พระองค์ปรารถนา สติของพระอานนท์จำพระสูตรที่พระพุทธจ้าตรัสไว้ได้หมด
             (๒) ทรัพย์ เป็นเหตุให้เจ้าของทรัพย์มีสติ คือเมื่อมีทรัพย์มักจะเก็บรักษาไว้อย่างดี และจะระมัดระวังจดจำไว้ว่าตนเก็บทรัพย์ไว้ที่ใด
              (๓) สติเกิดขึ้นเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เช่น พระโสดาบันจะจำได้โดยแม่นยำถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน หรือบุคคลที่ได้รับยศยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิต
              (๔) สติเกิดขึ้น โดยระลึกถึงเหตุการณ์ที่ตนได้รับความสุขที่ประทับใจ เมื่อนึกถึงก็จะจำเรื่องต่าง ๆ ได้
              (๕) สติเกิดขึ้น เนื่องจากความทุกข์ที่ได้รับเมื่อระลึกถึงก็จะจดจำได้
              (๖) สติเกิดขึ้น เพราะเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ตนเคยประสบ
              (๗) สติเกิดขึ้น เพราะเห็นเหตุการณ์ที่ตรงกันข้ามกับที่เคยประสบ
              (๘) สติเกิดขึ้น เพราะคำพูดของคนอื่น เช่น มีคนเตือนให้เก็บทรัพย์ที่ลืมไว้
              (๙) สติเกิดขึ้น เพราะเห็นเครื่องหมายที่ตนทำไว้ เช่น เห็นหนังสือที่เขียนชื่อไว้ถูกลืมไว้
              (๑๐) สติเกิดขึ้น เพราะเห็นเรื่องราวต่าง ๆ หรือผลงาน เช่น เห็นพุทธประวัติก็ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น
              (๑๑) สติเกิดขึ้น เพราะความจำได้ เช่น มีการนัดหมายไว้ เมื่อมองไปที่กระดานก็จำได้ว่าต้องไปตามที่ได้นัดไว้
              (๑๒) สติเกิดขึ้น เพราะการนับ เช่น การเจริญสติระลึกถึงพระพุทธคุณ ก็ใช้นับลูกประคำ เพื่อมิให้ลืม
              (๑๓) สติเกิดขึ้น เพราะการทรงจำเรื่องราวต่าง ๆ ที่ศึกษาค้นคว้า แล้วจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้
              (๑๔) สติเกิดขึ้น เพราะการระลึกชาติได้ ๑ ชาติบ้าง ๒ ชาติบ้าง (บุคคลที่มิใช่พระพุทธเจ้า)
              (๑๕) สติเกิดขึ้น เพราะการบันทึกไว้ เมื่อดูบันทึกก็จำได้
              (๑๖) สติเกิดขึ้น เพราะทรัพย์ที่เก็บได้เช่นเห็นทรัพย์ก็นึกขึ้นได้ว่าได้เก็บทรัพย์ไว้
              (๑๗) สติเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เคยพบเคยเห็นมาแล้ว เมื่อเห็นอีกครั้งก็ระลึกได้

    ====================================

    ปัญญาเจตสิก

             ปัญญาเจตสิก มีแต่ดวงเดียวไม่มีพวก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปัญญินทรียเจตสิก
             ปัญญาเจตสิก คือความรู้ในเหตุผลแห่งความจริงของสภาวธรรมและทำลายความเห็นผิด หรือเป็นเจตสิกที่มีความรู้เป็นใหญ่ ปกครองซึ่งสหชาตธรรมทั้งปวง มีลักขณาทิจตุกะ ดังนี้

             ธมฺมสภาวปฏิเวธลกฺขณา            มีความรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรม เป็นลักษณะ
             โมหนฺธการวิทฺธํสนรสา              มีการกำจัดมืด เป็นกิจ
             อสมฺโมหปจฺจุปฏฺฐานา               มีความไม่หลงผิด หรือไม่เห็นผิด เป็นผล
             สมาธิปทฏฺฐานา                    มีสมาธิ เป็นเหตุใกล้

    ปัญญานี้ มีอรรถาธิบายอย่างกว้างขวาง และแจกแจงได้หลายนัย หลายกระบวน เป็นจำนวนมากมาย แต่ในที่นี้จะกล่าวย่อๆ พอให้รู้เค้า จึงขอแจกแจงว่าปัญญามีเพียง ๓ นัยเท่านั้นคือ
    ก. กัมมสกตาปัญญา ปัญญาที่รู้ว่า กรรมเป็นสมบัติของตน
    ข. วิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่รู้ขันธ์ ๕ รูปนาม เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ค. โลกุตตรปัญญา ปัญญาที่รู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจจ ๔

    ปัญญาที่รู้เห็นความที่สัตว์มีกรรมเป็นสมบัติของตน อันเรียกว่า กัมมสกตาปัญญา นี้ มี ๑๐ ประการ คือ
             (๑) อตฺถิทินนํ ปัญญารู้เห็นว่า ทานที่บุคคลให้แล้ว ย่อมมีผล
             (๒) อตฺยิฏฐํ ปัญญารู้เห็นว่า การบูชาย่อมมีผล
             (๓) อตฺถิหุตํ ปัญญารู้เห็นว่า การบวงสรวงเทวดา ย่อมมีผล
             (๔) อตฺถิกมฺมานํ ผลํวิปาโก ปัญญารู้เห็นว่า ผลวิบากของกรรมดีและชั่วมีอยู่ (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทั้งทางตรงและทางอ้อม)
             (๕) อตฺถิอยํโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกนี้มีอยู่ (ผู้จะมาเกิดนั้นมี)
             (๖) อตฺถิปโรโลโก ปัญญารู้เห็นว่า โลกหน้ามีอยู่ (ผู้จะไปเกิดนั้นมี)
             (๗) อตฺถิมาตา ปัญญารู้เห็นว่า มารดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อมารดาย่อมจะได้รับผล)
             (๘) อตฺถิปิตา ปัญญารู้เห็นว่า บิดามีอยู่ (การทำดี ทำชั่วต่อบิดาย่อมจะได้รับผล)
             (๙) อตฺถิ สตฺตโอปปาติกา ปัญญารู้เห็นว่าโอปปาติกสัตว์นั้นมีอยู่ (สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหมนั้นมี)
             (๑๐) อตฺถิ โลเกสมณพฺรหฺมณา สมฺมาปฏิปนฺนา ปัญญารู้เห็นว่าสมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ประกอบด้วยความรู้ยิ่ง เห็นจริง


    ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี
     
  17. tom tana

    tom tana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +833
    ขอบคุณค่ะครูเพ็ญ. เดี๋ยวจะดูแลเบื้องต้นไปก่อนค่ะ. ถ้ายังไงก้อค่อยปรึกษาครูอีกทีค่ะ คือของตัวเองก้อมีปัญหาตอนฝึกเยอะคือ ห่วงคล้องขาน่ะค่ะ. เขายังไม่ให้ปฏิบัติธรรมตอนนี้ก้อต้องแอบฝึกกัน. รูปภาพพระใส่หน้าจอคอมยังไม่ได้เลย. ใหม่ๆต้องปริ๊นรูปแล้วแอบไว้ในหนังสือแล้วคอยแอบเอามาดู. เคยเซฟธรรมะไว้ในคอม. เขามาเจอยังถูกเทศน์เป็นชั่วโมงว่าไม่ดูแลกิจการ. ถ้าว่างมากจะเพิ่มงานให้. เราก้อต้องนั่งฟังเฉยๆๆ. ไม่เถียงซักคำ
    เมื่อไม่กี่วันนี้ก้อเพิ่งโดนว่า. โสดาบันมีที่ไหน. หลอกลวงทั้งเพ. เรานั่งเงียบกริบเลยเดี๋ยวถ้าตอบไปเดี๋ยวเขาจะปรามาสพระมากกว่านี้
    นี่แหละค่ะอุปสรรค. จะแนะนำใครก้อลำบาก. แต่ก้อสู้ๆๆค่ะ
     
  18. tom tana

    tom tana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +833
    ครูลูกพลังคะ. ขอสถานที่ที่ทำดีทอกด้วยค่ะ. คือพ่อกับแม่อยากไปล้างพิษตับอะค่ะ
     
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    (k) อุเบกขา ค่ะครูดัช..
     
  20. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    ชีวิตเปรียบเหมือนหยาดน้ำค้าง
    ที่ วันหนึ่งต้องถึงคราวเหือดแห้ง
    วันคืนผ่านไปไม่หวนกลับ
    เช่น ชีวิตและร่างกายของฉัน
    ที่ค่อยๆทรุด โทรมผุพัง
    รอ เวลาเปื่อยเป็นธุลีดิน



    ...........................................................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...