ฝึกกสิณไฟ13ปีทำได้แค่นี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย กสิณเตโช, 30 มิถุนายน 2010.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ไม่เห็นข้อความเดิม ไม่เห็นวิดีโอเดิม ก็เอาความอวดดีของตัวเอง มาข่มคนอื่นเสียแล้ว...

    ไม่เฉลยนะ ว่าเจ้าของกระทู้ เขาทำอะไร แล้วอัดวิดีโออะไรมาให้ดู แต่บอกได้แต่ว่า จากปัจจุบันที่คุณได้ คุณต้องฝึกอีกเป็นปี กว่าจะทำได้แบบเขา
     
  2. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    เห็นว่าได้ณาน ญาน อภิญญาแล้ว งั้นรบกวนช่วยลงวิดีโอให้ดูหน่อยสิคับ เป็นธรรมทาน:cool:
     
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    มีหลายขั้นตอนนะท่านปู่ฤาษีตาไฟ มีนามว่า ปู่ฤาษีอัคนีเนตรนฤมิต เป็นปู่ผมเอง ท่านสอนผมว่า คร่าวๆต้องได้3ขั้นตอน คือต้องเริ่มจาก
    1อุคหนิมิต ทำให้ได้
    2ปฏิภาคนิมิต ทำให้ได้
    3อิทธินิมิต และ ฤทธินิมิต
    ท่านไปถึงข้อไหนแล้วครับ ข้อสองนี้ต้องทำให้ชำนาญ พอชำนาญแล้ว
    ไปข้อสามไม่ยาก ข้อสามคือการเล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ไฟสว่างได้ ก็ต้องทำให้ดับได้
    หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ท่านเป็นอาจารย์ สอนหลวงพ่อคง วัดบางกระพร้อม หลวงปู่ใจท่านจะรับลูกศิษย์ ถ่ายทอดวิชา ท่านบอกให้ทุกคนไปนั่งเพ่งเทียนที่จุดไว้แล้ว ใครเพ่งจนเทียนดับได้เอง ท่านจัรับสอนวิชาให้ครับ สมัยนั้นมีหลวงพ่อเก่งๆหลายท่าน นั่งเพ่ง ใช้เวลาไม่นาก็ดับเทียนได้ หลวงพ่อคงก็เช่นกัน บางท่านที่สมาธิยังไม่ลึกก็ใช้เวลานาน หากเกิน ชั่วโมง ท่านก็ไม่รับ บอกว่าให้ไปฝึกเพ่งเทียนให้ได้ก่อนครับ

    อีกอย่างเรื่องแบบนี้ให้ไปดูด้วยตนเองนะครับแล้วท่านจะเชื่อว่า ทุกอย่างหากฝึกจริงจัง อำนาจจิตย่อมทำได้จริง เพียงแต่ท่านยังไปไม่ถึงจึงไม่มั่นใจว่าทำได้จริงครับ
    ขอให้เชื่อมั่นและเพียรพยายามอดทนนะครับ ผมเคยฝึกเพ่งกสินไฟจนน้ำตาไหลตลอด และตาบวมแดงอยู่หลายวันต้องอดทนเพราะจะเจ็บแสบในตาแต่ถ้าเราทำจริงๆพยายามจริง ทำอะไรก็จะสำเร็จครับ สาธุ
     
  4. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถามหน่อยเถอะนะ... ที่แนะนำคนอื่นเขาไปทั่วเนี่ย แน่ใจได้ยังไงว่าคนที่คุณพยายามไปแนะนำ เขาไม่ได้เป็นพระอริยะไปเรียบร้อยแล้ว?
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    =====

    การฝึกปฏิบัติอะไร เราไม่ควรยึดติดในตัวบุคคล แต่เราควรทำความเข้าใจในวิธีการปฏิบัติหรือความรู้เหล่านั้นให้แจ้ง ธรรมะที่เทพเทวดา พระอินทร์ พระพรหม ยม ยักษ์ ปู่ฤาษีหรืออื่นๆ ส่วนมากก็เรียนมาจากพระพุทธเจ้าก็มีมาก เรียนรู้ด้วยตนเองก็มี สุดท้ายแล้วขอให้เราศึกษาและทำความเข้าใจให้ดี เพื่อให้เราจะได้เกิดปัญญาและสามารถเดินไปสู่เป้าหมายของเราได้ สำเร็จครับ
    มรรคาวิถี นั้นมีให้เฉพาะผู้ใผ่ดีได้ก้าวเดินครับ
     
  6. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    คุณtjsท่าน เข้าสู่อภิญญา6แล้วครับ เขาได้ปัญญาญาณไปเรียบร้อยแล้วครับ ลองขึ้นไปดูปราสาทของท่านที่โ่น่นสิครับ เขาเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงแล้ว เขาขึ้นไปบ่อย และไม่ได้ขึ้นไปแบบนักท่องเที่ยวด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2012
  7. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ผมไม่ขอพูดอะไรมากนะครับ ลองให้ใครขึ้นไปดูก้ได้ว่าผมพูดจริงไหม
    ข้างบนโน้นไม่ใช่ที่ว่างเปล่าอย่างที่คิดหรอกนะครับ
     
  8. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



    ..........อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์ วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตน

    แล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้ว

    แต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)

    ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวงดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น

    พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่ ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่

    ทีนี้ต่อมา หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อ สดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมาก

    รวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้

    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่มี ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์์.........
     
  9. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
     
  10. Tamjugg

    Tamjugg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2012
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,029

    ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรม ไม่ใช่ผู้จะกลับไปครองเรืองอีก ไม่สามารถจะหวนกลับไปครอบครองเรือนบริโภคกามคุณเหมือนแต่ก่อน หรือดูแลทรัพย์สมบัติ อันเป็นกิจของโลกียชนอีก ยสกุลบุตรจึงทูลขอบรรพชาอุปสมบทกับพระบรมศาสดา พุทธองค์ ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยพระวาจาว่า "เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เถิด"

    แต่บุคคลที่คุณ watjojoj บอกได้อภิญญา 6 กับทำงานออฟฟิสหาเงินเลี้ยงชีพอยู่ มีแฟนหรือไม่ผมไม่ต้องบอกนะ ศาสนาพุทธสอนให้อย่างมงาย และ หลงนะคับ

    ราตรีย่อมยาวนานแก่หมู่สัตว์ผู้ไม่รู้สัจธรรม และหลอกตนเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...