จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

โมทนา สาธุ ค่ะคุณคริส

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=j6A9LvVtdoo&feature=fvwrel]อสงไขย - หญิง ธิติกานต์ - YouTube[/ame]​

กรุณาอยู่ในระยะของความคิดถึง

เคยนับลมหายใจกันบ้างไหม
เคยนับสติเกิดสติเผลอกันบ้างไหม
เคยนับความโกรธกันบ้างไหม
เคยนับความโง่เขลาเบาปัญญากันบ้างไหม
เคยนับการเกิดการดับของจิตบ้างไหม
เคยนึกถึงความตายกันบ้างไหม

ไม่มีกาย ไม่มีขันธ์ จะมีความโกรธ จะมีอัตตา จะมีมานะกันไหม
ถ้าผู้ใดยังมีความโกรธ อัตตา มานะ นั่นก็แสดงว่า ยังละขันธ์ ๕ กันไม่ได้เด็ดขาด
แต่ถ้าละขันธ์ ๕ ตนเองยังไม่ได้ ก็ไปพระนิพพานไม่ได้
คราวนี้ก็ก็ตัวตัวใครตัวตัวตัวมันแล้ว
เมื่อพร่ำบอกไม่ฟัง ไม่เชื่อ ก็ตามใจ
โดยเฉพาะ พวกทำจิตหล่นจากฌาน

ของจริงๆ ของแก่นๆ ก็คือ จิตตนเอง ไม่ค่อยจะสนใจกัน
สนใจแต่ของมายา ของสมมุติ ของภายนอก สนใจกันดีนักเปลือกๆ
พอมารู้สึกตัวว่า ทำไมๆๆ มันร้อนนัก อ๊าว! ที่นี่มีท่านยมอยู่ ที่นี่ๆๆๆ มันที่ไหน
นรกๆๆ แล้วยังไงหล่ะ น้องเอ๊ย! มารู้ตัวเอาตอนหมดลม มันสายๆๆ ไปเสียแล้ว
ไหนๆๆ ก็หลงกันมาแล้วๆๆ ก็ลงกะทะทองแดงเล่นๆๆๆ สักเที่ยวนึง
เวลากลับขึ้นไปแล้ว ทำเป็นลืมท่านยม

ขอลาก่อนท่านยม!
พ่อมารับพวกเราแล้ว ให้รีบๆๆปฎิบัติ เดี๋ยวลมหายใจจะหมด
แทนที่จะไปพระนิพพานกับท่านพ่อ แต่กลับไปเยี่ยมบ้านท่านยมแทน!
พี่ภูมาเตือนกันแล้วนะะะะ​

 

เรื่องที่จะเล่านี่เป็นประโยชน์หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าจิตอยากเล่า
1.ที่บ้านขายต้นไม้ มีชาวอินเดีย นับถือฮินดูมาซื้อทุกปี ก็เลยอยากจะช่วยเค้ายกจิต
ปรากฎว่าท่านนั่งเป่าปี่ทองคำอยู่บนนิพพานเรียบร้อยแล้ว

2.ไปทำบุญที่วัดแถวบ้านแม่สุมาลี เวลาถวายสังฆทานแล้ว พระท่านชอบคุยธรรมะ และกล่าวแผ่เมตตายาวเหยียด นั่งคุยได้หลายชั่วโมงไม่มีถอย ท่านสำรวม เรียบร้อย แต่บางคำเชืิอดนิ่มๆ ปรากฎว่าจิตท่านอยู่บนนิพพานแล้ว

3.ไปทำบุญที่วัดแถวบ้าน ท่านเจ้าอาวาสพูดจาเกรี้ยวกราด ภาษาชาวบ้านเรียกว่าปากร้าย แต่หน้าท่านนิ่ง ท่านไม่เน้นพิธีรีตอง มีคำถวายสังฆทานปริ้นลงกระดาษ A4 เคลือบพลาสติกวางไว้ เราอ่านจบ ท่านรับของ จบ ครั้งแรกที่ไปยังคิดว่า "อ้าว เสร็จแล้วเหรอ" ปรากฎว่าจิตท่านอยู่บนนิพพานแล้ว ท่านนี้จิตคมกริ๊บ!

4.ลูกไม่สบายเมื่อ 4 วันที่แล้ว พาไปหาหมอ แค่เห็นหน้าหมอจิตมันจับได้ว่าจิตหมอยกแล้ว

5.เมื่อวานตั้งศาลพระภูมิ เจ้าที่ที่บ้าน มีพี่คนนึงอาสามาตั้งให้ฟรี เมื่อมาถึงจิตจับได้ว่าท่านจิตยกแล้ว

เมื่อก่อนเคยคิดว่าพระอรหันต์มีแต่พระ และอยู่ในป่าลึก ส่วนพระดังๆ เราก็เข้าไม่ถึง แต่ที่จริงแล้วรอบๆ ตัวเรานี้มีคนปฏิบัติธรรมกันมาก และมีจิตอรหันต์ที่เป็นฆราวาสกันมาก แต่ท่านไม่เปิดเผยตัว เมื่อจิตบริสุทธิ์ก็ย่อมเกิดแรงดึงดูดให้มาพบกัน ทั้งพ่อ แม่ พี่ สามี ลูก แม่สามี และชาวจิตบุญทั้งหลาย

อยากจะขอเตือนจิตบุญ จิตบำเพ็ญ จิตเกาะพระ จิตเกาะขอบกระทู้ทุกท่านว่า การจะพูด จะคิดสิ่งใดนั้น ต้องมีสติ อย่าได้ทำไปโดยความเคยชินของร่างกาย และจิต จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านเห็น ท่านได้ยิน กับสิ่งที่ท่านคิดเป็นอย่างเดียวกัน บาปกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากตัวเราทั้งสิ้น พึงระวัังไว้ให้ดี

ส่วนเืรื่องความอยากก็ขอให้วางลงเสีย ยิ่งอยาก ยิ่งไม่ได้
ตอนที่ทำจิตเกาะพระอยู่นั้น มีความอยากขึ้นนิพพานมาก เพราะแม่ก็ขึ้นแล้ว(เล่าเรื่องไปเที่ยวนิพพานทุกวัน) โทรคุยกับพี่เพ็ญบ่อยมาก จนพี่ภูส่งเมล์มาหนึ่งฉบับ ท่านพ่อสื่อมา เป็นประโยคที่ไม่มีวันลืม "ถ้าเธอทิ้งฉัน ฉันก็จะทิ้งเธอ" ความอยากยิ่งพุ่งทะยาน อยากไปให้ถึงจุดหมายเพราะกลัวท่านพ่อทิ้ง ทำๆๆๆๆๆ แม่สุมาลีก็คอยเช็คให้ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว ทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที่ เลิก! ไม่เอาแล้วนิพพาน สติมันก็บอกว่าต้องกลับไปเวียนว่ายตายเกิดใหม่นะ จิตมันก็บอกว่าเกิดก็เกิดไม่เอาแล้ว เลิก! ฉันจะทิ้งพระแล้ว เสร็จกิจ ทิ้งปุ๊บถึงปั๊บ 5555

เมื่อก่อนอยากได้มโนมยิทธิเต็มกำลังมาก ทำเท่าไหร่ก็ไม่ได้ จนถอดใจคิดว่าไม่ได้ไม่เป็นไร ไม่เอาแล้ว วาง เมื่อวางแล้ว การกำหนดจิตดูเรื่องต่างๆ มันเร็ว มันชัด มันคมมากขึ้น เป็นไปโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างไปเจอหน้าหมอ จิตมันรู้ขึ้นมาเอง เจอพี่ที่ตั้งศาล จิตมันก็รู้ขึ้นมาเอง คุณน้อง(happy)ส่งการบ้านมา จิตมันก็รู้ขึ้นมาเองว่ายกแล้ว เหมือนแก้วน้ำที่ว่าง ท่านพ่อประทานอะไรมาก็รับได้หมด ถ้าน้ำเต็มแก้วแล้วจะรับได้อย่างไร ท่านพ่อก็ต้องรอให้แก้วมันพร่อง มันว่างก่อน

ส่วนเรื่องภาษาทางโลก หนูจะมีปัญหาในเรื่องการสื่อสาร เพราะเป็นคนฟังมากกว่าพูดมาแต่ไหนแต่ไร บางครั้งใช้คำสื่อออกมาผิดพลาด ก็โดนว่า จิตมันเกิดอาการอึดอัดที่โดนว่า เพราะไม่ได้หมายความอย่างที่พูด จิตมันก็คิดๆๆๆๆๆ ค้นๆๆๆๆๆๆๆ ก็ได้คำตอบว่าจะมีใครรู้จิตเราดีไปกว่าตัวเราเอง และท่านพ่อ เมื่อคิดได้อย่างนั้นท่านพ่อก็สื่อลงมาว่า "พ่ออยู่กับเจ้า" ท่านพ่ออยู่กับเรา แล้วเราจะส่งจิตไปอยู่กับจิตคนอื่นทำไม จิตหนูก็ไม่ได้ดี 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะบางครั้งเราก็ยังเลวอยู่ แต่ก็ต้องสติตั้งให้ทัน กระทบมาได้ทุกรูปแบบ และทุกทาง วิปัสสนาลงให้ขาด ขยันขัด ล้างกันเข้าไว้ค่ะ อะไรที่มันรก รุงรังก็โยนคืนเค้าไปค่ะ จะได้ไม่หนัก

ขอแบ่งปัันประสบการณ์ชีวิตเพียงเท่านี้ค่ะ

 

โมทนา สาธุ แหม่ วันนี้น้องสาวของข้าเจ้าน่ารัก รู้จักส่งธรรมทานกับเขาด้วย ขอให้น่ารักอย่างนี้ทุกวันนะจ๊ะ พี่สาวเธอจะได้ขอลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ลาไปกินข้าวกินน้ำเป็นเวลากะเขาบ้าง ไวไวไวไว

 

จิตบุญ น้อง จบ ๑๐๘ รายงานตัวค่ะ

ลูกขอน้อมกราบขอบพระคุณอันหาที่สุดมิได้ของท่านพ่อด้วยเศียรเกล้าค่ะ
กราบขอบพระคุณ พี่ภู ที่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อทุกคน
กราบขอบพระคุณ ครูวิทย์ ครูเพ็ญ ครูน้องหนู ครูลูกหว้า ครูหนุ่ม ครูนิวเวป ครูวัฒน์โจโจ ครูจิตบุญทุกท่าน และจิตบุญรุ่นพี่ทุกท่าน
และสวัสดี ท่านสมาชิกจิตเกาะพระทุกท่านค่ะ

น้อง เป็นศิษย์ครูวิทย์ ครูเพ็ญ และครูน้องหนูค่ะ
เริ่มเมลสมัครเรียนกับครูเพ็ญจากคำแนะนำของครูลูกหว้าจากในเว็บชุมชนจิตเกาะพระเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ เริ่มปฏิบัติเมื่อ ๑ กย.และจบกิจวันที่ ๑๐ พย.รวมเวลาประมาณ ๗๐ วันค่ะ

ได้เข้าร่วมอบรมที่บ้านครูน้องหนู ๒ ครั้ง ในเดือน กย.และตค.ซึ่งแต่ละครั้งจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในธรรมและการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์ต่อการปฏิบัติจากครูทุกท่านเป็นอย่างมาก กราบขอบพระคุณครูอีกครั้งค่ะ

ขณะการปฏิบัติ จะมีปัญหาเรื่อง ความสงสัย ความกังวล การวางกำลังใจและความอยาก เป็นตัวหลัก ซึ่งครูวิทย์จะเมตตาให้คำแนะนำโดยตลอด จนวันสุดท้ายก่อนจิตยกก็ยังโทรปรึกษาครูเพราะว่ารู้สึกจิตแปลกๆ ไม่เห็นพระ แต่จิตเฉยๆ โล่งๆ ครูวิทย์ได้สอนให้มีสติทุกการเคลื่อนไหวค่ะ ก็โล่ง สบายใจปฏิบัติต่อ แต่จิตยกแบบไม่รู้ตัวค่ะ(สติตามไม่ทันค่ะ ๕๕๕)

น้อง ๑๐๘

 

เรานำจิตมาเดินมรรคกันได้อย่างไร
ขอกล่าวถึงเรื่องจิต
โดยเฉพาะผู้มาใหม่ หรือ ผู้ปฎิบัติใหม่
ยังต้องตามหาจิตเดิมแท้ของตนเองกันต่อไป
และจะพบเจอจิตเดิมแท้ของตนเอง ก็ต่อเมื่อ จิตเริ่มนิ่ง หรือ จิตเริ่มจำ/เกาะภาพพระได้เอง
หรือ ภาพพระปรากฎขึ้นเองที่จิต โดยที่เรามิได้นึกถึงเลย
อันนี้ จิตเกาะพระ ถึงจะเริ่มนับหนึ่ง หรือเรียกว่า จิตถึงอุปจารสมาธิ(เฉียดฌาน)
ส่วนอานิสงส์ของผู้ปฎิบัติที่จะได้รับ ก็คือ จิตเกิดปิติ
และจิตจะเกิดปิติ+สุขมากหรือน้อย ก็ไปตามลำดับสมาธิของจิต
และถัดไปจิตถึงจะถึงอัปปนาสมาธิ(ฌาน) ไปจนถึงจิตทรงฌานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ(ฌาน๑๒๓๔)
จนฌานเสถียร หรือ จิตทรงฌานได้ทั้งวันทั้งคืน หรือ ทรงฌานอย่างต่อเนื่อง
แต่จิตสามารถทรงฌานได้ทั้งลืมตาหรือหลับตา แม้นกระทั่งกายหลับไปแล้ว
หรือ ทรงฌานกันได้ทุกอิริบถ เรียกได้ว่า สะดวกสบายและสามารถทำได้ทุกเวลา
แม้นกระทั่ง ก่อนลืมตา ทำกิจที่ห้องน้ำ ขับรถ ทำงาน ประชุม ทานอาหาร ก่อนหลับ
เป็นต้น
และตรงนี้นี่เอง คือจุดเด่นของจิตเกาะพระ
ต่อไปจิตจะวิปัสสนาโดยธรรมชาติของจิตเขาเอง หรือ จิตเข้าสู่โหมดวิปัสสนาอัตโนมัติ)
และช่วงนี้จิตของผู้ปฎิบัติกำลังไปเรียนรู้สภาวธรรมแห่งจิตตนเอง ในขณะจิตกำลังวิปัสสนาเอง
เราหรือสติเราไม่สามารถไปบังคับกับจิตได้เลย

วกกลับมาที่ ก่อนจิตของผู้ปฎิบัติจะนิ่งได้นั้น จะต้องสร้างสติให้มากๆโดยการระลึกหรือนึกถึงพระนี่เอง
สำหรับการนึกถึงพระนั้น ให้พวกเรานึกอย่างไร ขอกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า นึกถึงพระบ่อยๆ ถี่ๆ
แต่ไม่ใช่นาน ภายในทุกๆชั่วโมง

สำหรับผู้ปฎิบัติที่เคยทำมาหลายสาย ขอให้วางของเดิมหรือคำภาวนาไว้ก่อนชั่วคราว

ให้ทำไปๆๆ ทำลูกเดียว ให้ปฎิบัตินำความสงสัย เมื่อปฎิบัติไปสักพักนึง
ถามได้ แต่ขอให้คำถามหรือความสงสัยนั้นมาจากหลังปฎิบัติก่อน
ขอให้ผู้ปฎิบัติตามคำแนะนำครูตนเองอย่างเคร่งครัด

เดี๋ยวผู้ปฎิบัติก็จะได้ลองชิมรส คำว่า นิพพานบนดิน เหมือนจิตบุญ

 

ตั้งแต่เปิดสอนจิตเกาะพระมาตั้งแต่เดือน...(จำไม่ได้--') ยังไม่เห็นว่าจิตบุญท่านใดปฏิบัติกันข้ามปีสักคนเดียว แต่สงสัยจะมีที่หางดงเป็นแห่งแรกของ ปทท. ศิษย์ครูเพ็ญจิตดีมาก ไปเรื่อย ๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง เอ่อ ไม่เป็นไร ใครอยู่นานวิชาแน่น แต่ปัญญาไม่รู้นิ โอ่ย ไม่ต้องมาเลียนแบบคุณนายละเอียดเหมือนครูเพ็ญก็ด้าย ช่วยไปไวไวหน่อย ครูเพ็ญกำลังจะขึ้นอืดแล้ว หนูอยากไปกลิ้งเล่น ว๊าๆๆๆๆๆๆ

 

โมทนา สาธุค่ะคุณน้อง แล้วมาส่งธรรมทานอีกนะคะ จะคอยติดตามบนกระทู้ค่ะ สาธุ

ปล.อย่าลืมส่งข้อมูลส่วนตัวให้น้องลูกหว้าด้วยนะคะ จะนำขึ้นทำเนียบจิตบุญค่ะ

 

ไหงว่าใช้คำสื่อไม่เป็นออกมาเป็น a4 เลยนะ
ครูน้องหนู โมทนาสาธุกับธรรมาทาน รออ่านอีกจ๊ะ

 

ไม่มี สติ
ไม่มี ปัญญา
ไม่มี ความเพียร
ไม่มี วันสำเร็จ

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ​

 

"อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕"
คำสอน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

คำว่า ศีล ได้แก่สภาพเช่นไร ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร
ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีลที่เป็นสภาพปกติ
ศีลที่เกิดจากการรักษามีสภาพปกติ ไม่คะนองทางกาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทางกาย วาจา ใจ ของผู้มีศีลว่าเป็นศีล เป็นธรรม
เราควรรักษาศีล 5 เนื่องจาก...

1. สิ่งที่มีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียน ข่มเหง และทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป

2. สิ่งของของใคร ๆ ก็รักและสงวน ไม่ควรทำลาย ฉกลัก ปล้น จี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน

3. ลูก หลาน สามี ภรรยา ใคร ๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปรารถนาให้ใครมาอาจเอื้อม ล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปไม่มีประมาณ

4. มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานก็ไม่พอใจคำหลอกลวง จึงไม่ควรโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย

5. สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาและให้โทษ ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดี ๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าลงโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดีมีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายสุขภาพทางร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเอง และผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน


อานิสงส์ของการรักษาศีล 5

1. ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
2. ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย
3. ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอย ล่วงล้ำกล้ำกรายต่างครองกันอยู่ด้วยความเป็นสุข
4. พูดอะไร มีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ด้วยศีล
5. เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่เหมือนคนบ้าคนบอหาสติไม่ได้

ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลกให้มีแต่ความอบอุ่นไม่เป็นระแวงสงสัย
ผู้ไม่มีศีล เป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

ศีล นั้นอยู่ที่ไหน มีตัวตนเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้รักษาแล้วก็รู้ว่า ผู้นั้นเป็นตัวศีล ศีลก็อยู่ที่ตนนี้ เจตนาเป็นตัวศีล เจตนา คือ จิตใจ
คนเราถ้าจิตไม่มี ก็ไม่เรียกว่าตน มีแต่กายจะทำอะไรได้ ร่างกายกับจิตต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
เมื่อจิตไม่เป็นศีล กายก็ประพฤติไปต่าง ๆ ผู้มีศีลแล้วไม่มีโทษ จะเป็นปกติแนบเนียนไม่หวั่นไหว ไม่มีเรื่องหลงหาหลงขอ คนที่หา คนที่ขอ ต้องเป็นทุกข์ ขอเท่าไรยิ่งไม่มี ยิ่งอดอยาก ยากเข็ญยิ่งไม่มี

กายกับจิต เราได้มาแล้ว มีอยู่แล้ว ได้จากบิดามารดาพร้อมบริบูรณ์แล้ว จะทำให้เป็นศีลก็รีบทำ
ศีลมีอยู่ที่เรานี้แล้ว รักษาได้ไม่มีกาล ได้ผลไม่มีกาล ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญ ผู้มีศีล ย่อมมีความสุข ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์ สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์ จิตดวงเดียว เป็นศีลเป็นสมาธิ เป็นปัญญา ผู้มีศีลแท้ เป็นผู้หมดเวรหมดภัย

ที่มา : คติธรรม คำสอน ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
(คัดจากตอนหนึ่งในหนังสือ รักษาศีลห้าแล้วได้อะไร)

 

อ่ะ คุณtjs จากเราไปนาน(หรือมาแอบอ่านประจำ) กลับมามีอะไรดีๆแสดงมั่งไหมครับ

 

ฟังเพลงนี้แล้ว น้ำตาไหลค่ะ อยากกลับบ้านไปหาองค์สมเด็จพ่อมากๆเลยค่ะ การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่เที่ยงเลย กลับบ้านไปหาองค์สมเด็จพ่อกันเถอะค่ะ :'( :'(

 

คุณครูขา ประโยคสุดท้ายนี้เหมือนตุ๊กเลยค่ะ เป็นผู้ฟัง สื่อภาษาไม่เป็นค่ะ " เสียงในจิต จะบอกว่า อดทนนะลูก " บางครั้งก็คิดถอยเหมือนกันค่ะ พอได้ยินคำนี้ " อดทนนะลูก" ก็ให้อึดสู้ต่อค่ะ

 

ใครมีภาพนี้ไฟล์ใหญ่ ๆ บ้างคะ ช่วยส่งให้ครูวิทย์ด้วยค่ะ
fuji_fuji@hotmail.com

 

พี่ตุ๊กค่ะ สู้ต่อไปนะค่ะ อีกไม่นานแล้วนี่ค่ะ ทนอีกนิดเดียวนะค่ะ อดทนนะค่ะ อดทน สู้ให้ชนะในชาตินี้นะค่ะพี่ตุ๊ก ดาวเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ขอให้พี่ตุ๊กสำเร็จในเร็ววันด้วยเทอญ สาธุค่ะ

 

ต้องมีแอดจิตบุญคนไหนเข้าห้องอีกไหมคะ บอกเมิลมานะเดี๋ยวทำให้

 

คุณตุ๊ก สู้ๆ
ผมให้เป็นแสน เป็นล้านกำลังใจ เอาไปเลยครับ
อีกนิดเดียวนะ อย่าหยุดนะ หยุดตายแต่ ท่องไว้
ถอยหลังไม่ได้แล้ว ตกเหวแน่ เดินหน้ายังมีทางรอด มีแต่คนยืนให้กำลังใจ
ยื่นมือไปให้ท่านพ่อนะ ท่านพ่อรอลูกอยู่ อดทนนะ คิดถึงพ่อบ่อยๆสิลูก
พูดไม่เก่งไม่เป็นไร พูดมาก แต่ไม่รู้จักช่วยคนอื่น อันนี้ใช่ไม่ได้

มารไม่มี บารมีไม่เกิด หรือ ความสำเร็จ มักอยู่หลังอุปสรรคเสมอ

 

ท่านพี่ก้อง (kongkiatm) ฝากบอกทุกท่านว่าไม่ได้หายไปไหนนะครับ แค่เน็ตมีปัญหา เข้าไม่ได้มาสองอาทิตย์แล้ว และจะมาร่วมงานวันที่ ๑๗ พ.ย. นี้ แต่ไม่ทราบรายละเอียด และหว้าได้ส่งข้อมูล และบอกท่านพี่ก้องไปแล้วค่ะ

ปล. ท่านพี่ภูนี่เพิ่งตื่น หรือยังไม่ได้เข้านอนคะ?
น่าตีจัง!!!

 

ขอขอบพระคุณ คุณดาวค่ะ ที่เป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ สู้ๆๆๆๆค่ะ