คำสารภาพของลูกชั่วเนรคุณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุทธาวาส, 26 พฤศจิกายน 2012.

  1. สุทธาวาส

    สุทธาวาส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    [​IMG]

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    ๏ อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจัชชามิ ฯ​

    ๏ สรวมชีพ ขอเดชะ อภิวาท นมัสการ ถวายบังคมแทบเบื้องพระบรมยุคลบาท พระบรมศาสดาสมเด็จพระพุทธปฐมบรมศรีสรรเพชญตาญาณ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระพุทธธรรม พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ พระโพธิสัตว์ บรรดาโสฬสพรหม ทวยเทพเทวา สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิเจ้า อริยชน นรชน ทั้งหลาย ข้าพระบาท ขอมอบกาย ถวายชีวิต แทบเบื้องพระบรมยุคลบาท พระพุทธเจ้าข้า ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ฯ

    ท่านสาธุชน ผู้บำเพ็ญธรรมทุกท่าน นี่คือคำสารภาพขอลูกชั่ว เนรคุณ ทรลักษณ์ คำสารภาพที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ คือ ผลของการปฏิบัติมโนมยิทธิ ที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม ผมขอยืนยันว่าเป็นความสัตย์จริงแท้ ทั้งหมด ทั้งมวล ทั้งสิ้น ทุกประการ และหากคำสารภาพที่ผมจะกล่าวนี้ได้สร้างความเสียหายหรือความมัวหมองประการใด ขอท่านผู้มีอำนาจลบออกจากสาระบบเสียผมขอรับผิดชอบและขอรับการลงโทษทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวโดยปราศจากเงื่อนไขทั้งสิ้น

    ผมจะขอกล่าวถึงช่วงอดีตชีวิต ในปัจจุบันชาตินี้ของผมว่า ก่อนผมจะเรี่มบำเพ็ญธรรม กระทำพระนิพพานให้แจ้งนั้น ช่วงอดีตชีวิตของผมนั้น เป็นคนชั่วช้าสันดานหยาบมาก วัดไม่เคยเข้า ศีลห้าข้อรักษาไม่เคยอยู่ มีศีลข้อเดียวที่ผมยังไม่เคยผิด แบบศีลขาดพินาศมลายสิ้น คือ ศีลข้อสาม กาเมสุมิจฉาจาร นอกนั้นรักษาไม่เคยได้เลย เรื่องการเจริญพระกรรมฐาน กระทำพระนิพพานให้แจ้งไม่เคยอยู่ในหัวแม้แต่น้อย พระนิพพานคืออะไร ไม่เคยรู้จัก บาปกรรม เวรกรรม ไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย ความชั่วทุกรูปแบบเคยทำมาเกือบหมดแล้ว ในชีวิตนี้ที่ยังไม่เคยทำ ก็คือ เที่ยวซ่องกับข่มขืน เรียกได้ว่า ถ้าชาตินี้ไม่ได้พบกับหลวงพ่อ วัดท่าซุง ผมก็คงได้เป็นสัตว์นรกแน่

    ในช่วงอดีตของชีวิตผม ผมศึกษาอวิชชา พวกไสยศาสตร์ และผมก็เรื่มเล่นคุณไสย เพราะมันเป็นวิธีการฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมายและปราศจากหลักฐานเอาผิดด้วย ผมจึงเรี่มด้วยการหาหนังสือมาอ่านและออกไปหาสำนักต่าง ๆ ที่เก่งและขลัง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่วิธีที่ทำให้แจ้งมรรคผลนิพพานได้เลย ผมนั่งอดตาหลับ ขับตานอน จะสำเร็จอวิชชาคุณไสยขั้นครูให้ได้ เพราะช่วงชีวิตผมตอนนั้นมัวเมาไปด้วย อกุศลกรรม อยากฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมาย แล้วก็คิดจะหากินด้วยวิธีการนี้ แล้วตั้งตัวเป็นครูเสียเอง แต่มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา มีแต่จะทำให้ชีวิตผมมืดบอดมัวเมามาก

    [​IMG] [​IMG]

    จนวันหนึ่งผมได้อ่านหนังสือท่านพ่อลี พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า (พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ ท่านพ่อลี ธัมมธโร อดีตเจ้าอาวาส วัดอโศการามและวัดป่าคลองกุ้ง) และหนังสือประวิตหลวงพ่อปาน โสนันโท (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค ที่หลวงพ่อ วัดท่าซุง ท่านแต่ง อ่านไปก็เรี่มรู้และเข้าใจอะไรมากขึ้น รู้จักบาปบุญคุณโทษ โดยเฉพาะตอนที่องค์ท่านนั้นผจญกับพวกไสยศาสตร์แล้วเอาชนะมันมาได้ ทำให้ผมเรี่มรู้สึกว่า อวิชชาพวกนี้มันยังไม่แน่จริงนี่หว่า

    [​IMG]

    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กล่าวยกย่องไว้ว่า ในบรรดาลูกศิษย์ของท่านทั้งหมด ท่านพ่อลี ธัมมธโร กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร เป็นเลิศด้านพลังจิต ตอนที่ผมอ่านหนังท่านพ่อลี ตอนหนึ่งที่ผมประทับใจก็คือ ตอนท่านพ่อลีเผาศาลเจ้าผีปู่ตา ผีปู่ตาเฮี้ยนมาก แต่ท่านพ่อลีกลับเผาศาลเจ้าผีปู่ตาอย่างไม่เกรงกลัวเลย ท่านพ่อลีมีพลังจิตแก่กล้าจริงๆ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก กล่าวยกย่องท่านพ่อลีไว้ว่า อดีตชาติของท่านพ่อลี คือพระเจ้าอโศกมหาราช อดีตพุทธภูมิ ตอนนี้ท่านพ่อลีได้ลาพุทธภูมิแล้ว และก็บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ทำให้ผมศรัทธาในองค์ท่านพ่อลีมากขึ้น

    [​IMG] [​IMG]

    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม และ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร

    จากหนัสือประวัติหลวงปู่ปาน ตั้งแต่ตอนต้นกล่าวถึงประวัติของหลวงปู่ปาน จนท่านไปศึกษาและอุปสมบถกับหลวงปู่สุ่น พระอุปัชฌาย์ของท่าน จนไปถึงตอนท่านไปเรียนพระกรรมฐานกับหลวงปู่เนียม ทำให้ผมได้ดวงตาเห็นธรรม รู้จักและเข้าใจในพระพุทธธรรมมากยี่งขึ้น แล้วตอนที่ผมประทับใจ ก็ตอนที่หลวงปู่ปานท่านปราบคุณไสยหมอผีลาว แล้วทำให้หมอผีลาวท่านนี้ละทิ้งอวิชชา แล้วให้ท่านหมอลาว อุปสมบถเป็นพระภิกษุ แล้วหลวงปู่ปานท่านก็สอนพระกรรมฐานให้กับพระหมอลาว และพระหมอลาวท่านก็ออกธุดงค์ แล้วก็หายไปจากวัดบางนมโค ไม่มีใครเห็นท่านอีกเลย แสดงว่าพระพุทธธรรมนี่กำหราบอวิชชาได้พินาศสิ้น หลวงปู่ปานท่านเก่งจริง ๆ

    จากนั้นผมก็เรี่มหันมาศึกษาทางธรรม และก็เรี่มห่างไกลจากพวกอวิชชามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในที่สุดก็มาแจ้งว่า เรานี้หมกไหม้อยู่ในอวิชชา เวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร ผมก็เลยหักดิบ ทิ้งพวกอวิชชาทั้งหลายเหล่านั้นทั้งหมด และก็เรี่มแสวงหาครูบาอาจารย์

    บ้านเดิมของผมอยู่ยโสธร บรรพบุรุษของผมก็เป็นชาวยโสธร ที่บ้านผมจึงเป็นลูกศิษย์ของพระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ ท่านพ่อลี ธัมมธโร อดีตเจ้าอาวาส วัดป่าคลองกุ้งและวัดอโศการาม ท่านพ่อลี ท่านเป็นชาวอำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้ไปมาหาสู่กับท่านพ่อลี เมื่อท่านพ่อลี ท่านมีดำริจะสร้างวัดอโศการาม และทำพิธีสมโภช ๒๕ พุทธศตวรรษ พ.ศ.๒๕๐๐ ที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ คุณทวดรวมตลอดทั้งครอบครัวของผมก็ได้ไปร่วมสร้าง และเจริญพระกรรมฐานที่วัดอโศการาม ตลอดจนจบพิธีสมโภช คุณทวดของผมเป็นหนึ่งในคณะโยมผู้ก่อตั้งวัดอโศการาม แต่กว่าผมจะเจริญรอยธรรมตามบรรพบุรุษ ก็เมื่อพ.ศ.๒๕๕๑ ที่ผมเรี่มปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และละทิ้งอวิชชาดังกล่าว แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้ปฏิบัติมโนมยิทธิแบบฉบับ หลวงพ่อ วัดท่าซุงเท่าใดนัก เพราะทางบ้านเป็นลูกศิษย์ท่านพ่อลี ทำให้ผมเรี่มปฏิบัติพระกรรมฐานแบบพระป่า สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต การปฏิบัติสายพระป่านั้น พระอาจารย์ท่านก็ไม่ได้บอกอะไรมาก แค่บอกให้ภาวนาเอาทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น แล้วท่านก็ไม่บอกวิธีการปฏิบัติหรือขั้นตอนอะไรเลย ให้ไปทำเอาเอง พอทำได้ขั้นนึงแล้ว ก็เข้ากราบนมัสการถาม แล้วท่านก็จะค่อยบอกขั้นตอนต่อไป แล้วก็ไปทำเอาเอง แล้วกว่าจะทำได้แต่ละขั้นช่างยากเย็นแสนเค็ญ ต้องถือศีลแปด นั่งสมาธิกันจนเช้า ห้ามนอน ทำก็ต้องทำให้ได้ ถ้ายังทำไม่ได้เข้าไปนมัสการถาม พระอาจารย์ท่านก็ไม่สอนขั้นตอนต่อไปให้ ต้องไปทำให้ได้ ผมก็นั่งทำอยู่นาน พอมาได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกตันๆ ไปไม่ค่อยจะถึงไหน ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่ ไม่รู้ ไม่เห็นอะไร เพราะตอนนั้นผมวางกำลังใจไม่ถูก ไม่รู้ขั้นตอนและวิธีการที่ครบถ้วน

    จนวันหนึ่งผมได้อ่านเรื่องการฝึกมโนมยิทธิของวัดท่าซุง ก็เรื่มสนใจ อ่านไปแล้วก็คิดว่า ทำไมง่าย สบายอย่างนี้ หลวงพ่อ วัดท่าซุง ท่านสอนได้ละเอียด ชัดเจน และลึกซึ้งมาก บอกขั้นตอนให้เสร็จ ถือแค่ศีลห้าพอ นอนทำก็ได้ เมื่อยก็ขยับได้ เปลี่ยนอิริยาบถได้ ทำได้ทุกอิริยาบถ เทียบสายพระป่านี่ยากลำบากเหลือเกิน กว่าจะผ่านได้แต่ละขั้น ผมก็เลยเรื่มหาหนังสือของหลวงพ่อท่านมาอ่าน บ้านผมที่กรุงเทพนี้ อยู่แถวสี่แยกสะพานควาย ไม่ไกลจากวัดหลวงตาแสง บ้านสายลมนัก ผมก็เรื่มศึกษาและลองทำตามแบบของวัดท่าซุง ก็เรี่มดีขึ้น การปฏิบัติเรี่มก้าวหน้าขึ้น

    ผมก็ศึกษาและลองปฏิบัติตามแบบหลวงพ่อ วัดท่าซุง มาเรื่อยๆ จนวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ ผมตัดสินเข้าฝึกมโนมยิทธิที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม โดยมีพระอาจารย์บุญชู เป็นครูฝึกมโนมยิทธิองค์แรกของผมในปัจจุบันชาตินี้ หลังจากจบการบวงสรวงและคำแนะนำจากหลวงพ่อแล้ว พระอาจารย์บุญชูท่านก็ให้ภาวนาว่า นะ มะ พะ ธะ ผมก็ภาวนาไปเรื่อยๆ และกำหนดจิตนึกถึงภาพองค์พระวิสุทธิเทพ พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ หรือที่ออกพระนามพระองค์ท่านแบบสั้นว่า “สมเด็จองค์ปฐม” ผมก็น้อมจิตไปตามพระอาจารย์ไป พอขึ้นไปพระจุฬามณีแล้วต่อไปยังพระนิพพาน ผมก็ค่อยๆเห็นองค์พระพุทธเจ้าชัดขึ้นเรื่อยๆ และพยายามรักษาอารมณ์ไปเรื่อยๆ

    จนบังเกิดภาพ ภาพนึงขึ้นมา เป็นตัวผมยืนอยู่บนแท่น แล้วก็มีริ้วขบวนใหญ่ มีกำลังพลมากมายประมาณไม่ได้ จัดแถวยืนตรงเป็นระเบียบ ราวกับตั้งแถวสวนสนาม พร้อม ราชวัตร ฉัตร ธง อภิรุม ชุมสาย สังข์ แตร ปี่ กลอง และแต่ละท่านในริ้วขบวนก็ถืออาวุธ แล้วกำลังพลในริ้วขบวนหันมาจ้องผมที่ยืนบนแท่นรวมกันเป็นตาเดียว ความรู้สึกตอนนั้นผมฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็มีเสียงประโคมสังข์ แตร ปี่ กลอง แล้วกำลังพลทั้งหมดก็ตะโกนขึ้นว่า “เราชนะแล้ว” ตอนนั้นผมเรี่มน้ำตาไหล แต่พยายามข่มเอาไว้ แต่ยี่งผมข่มเอาไว้ ภาพก็ยี่งชัดขึ้น ทั้งเสียงประโคมและเสียงตะโกนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ บรรดากำลังพลทั้งหลายในริ้วขบวนก็ยี่งจ้องหน้า แต่ละท่านหน้าตาฮึกเหิม เหี้ยมหาญมาก พร้อมกับส่งยิ้มแบบห้าวหาญให้ผมที่ยืนอยู่บนแท่น (ผมก็อธิบายด้วยตัวอักษรให้เห็นเป็นภาพไม่เก่งนัก) แล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาราวกับเปิดก๊อก ทั้งๆที่สันดานของผมเป็นคนอันธพาล โหดเหี้ยม ชั่วช้า ถึงขนาดคิดหาวิธีฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมายอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น แต่ตอนนั้นน้ำตาไหลแบบเปียกไปทั้งหน้า แล้วผมก็เห็นภาพพร้อมเสียงนั้นไปตลอด จนจบการฝึก จนถึงตอนอุทิศส่วนกุศล และกราบพระ ภาพนั้นก็ค่อยๆหายไป แต่เสียงยังดังอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อยๆเงียบลง ผมเองก็ไม่สบตากับใครเลย พระอาจารย์บุญชู ท่านหักมาถามผมว่า “เป็นอย่างบ้าง ทำไมถึงร้องไห้เล่า” ผมก็ได้แต่ตอบท่านไปว่า “อธิบายไม่ถูกเลยครับ” แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไร น้ำตาก็ยังไหลอยู่ กลัวเขาจะหาว่าผมบ้า จนผู้ฝึกท่านอื่นค่อยๆออกจากห้องฝึก ผมจึงค่อยเล่าให้พระอาจารย์บุญชูท่านฟัง ท่านก็บอกว่า “ในอดีตเธอเคยนำทัพเขาไปรบ เขาเลยมาหา” ผมก็เลยเข้าใจและกราบลาพระอาจารย์ท่าน

    หลังจากผมเห็นภาพริ้วขบวนนี้เป็นครั้งแรกผมก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างเล็กๆ และก็พยายามสอนตัวเองเอาไว้ว่า ตัวเราเองเคยเอาชีวิตของคนมามากมายเหลือคณานับไม่ถ้วนจริงๆ กรรมปาณาติบาตของผมนั้นมากมายมหาศาลยี่งนัก แล้วผมก็ย้อนพิจารณาดูไปถึง ช่วงชีวิตของผมตอนเด็ก ผมเป็นหนักโรคมาตลอด เมื่อตอนผมอายุได้ ๓ ขวบ ผมเป็นโรคขาโก่ง ต้องผ่าตัดดัดขา ความเจ็บปวดตั้งแต่อายุเท่านั้น จนถึงบัดนี้ ผมก็ยังจำได้ เพราะมันทรมาณมาก หลังจากผ่าตัดแล้ว ก็ต้องดัดขากันเป็นปีๆ ปวดทรมาณมากตลอด ๒๔ ชั่วโมง นอนแทบไม่เคยหลับเลยแม้สักคืน กว่าจะดัดขาได้จบก็ผมอายุ ๕ ขวบ เพราะกรรมที่ผมออกรบ และลงทัณฑ์ทรมาณข้าศึกนั่นแหละ นี่เป็นแค่เศษเท่านั้น ยังไม่ทบต้น ทบดอก ทำให้ผมเข้าโรงเรียนช้ากว่าคนอื่นในช่วงอายุเดียวกัน พอผมเรี่มโตขึ้นมาหน่อย ผมก็มีโรคประจำตัวคือ อาหารเป็นพิษ มีอาการท้องเสียทุกปี ปีละสองครั้งเป็นอย่างน้อย กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ กินแล้วก็ต้องระวัง มีความระแวงในการกินมาตลอด ตั้งแต่อายุ ๖ ขวบ มาจนอายุ ๑๓ ปี ถึงค่อยจะเบาบางลงไป ก็เพราะเศษกรรมจากการวางยาพิษ แล้วก็เอายาพิษไปโปรยให้เขายอมจำนน ในการรบจากอดีตชาติอีกนั่นแหละ กรรมพวกนี้มาสนองผมทำให้ร่างกายผมต้องทรมาณ ผมก็เลยอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกวัน ทุกครั้งที่สวดมนต์และหลังการเจริญพระกรรมฐาน ตราบเท่าทุกวันนี้ ผมซาบซึ้งและเข้าใจในผลกรรมที่ผมได้สร้างไว้ และผมก็ปฏิญาณว่าจะบำเพ็ญความดีไปตลอดตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    ผมไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม ทุกเดือนตลอดมิได้ขาดมาตราบเท่าทุกวันนี้ เว้นแต่วันไหนที่สุขภาพไม่อำนวยจริงๆ แล้วขันธมารนี้มันก็มักจะมาตอนที่ผมจะไปฝึกเสมอ บางทีผมป่วยถึงขนาดลุกไม่ขึ้นเลย ก็ต้องนอนทำที่บ้านแทน

    ทุกครั้งที่ผมเจริญมโนมยิทธิทั้งที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม และที่บ้านของผมเอง ผมก็จะอาราธนาพระพุทธบารมี พระบรมศาสดาสมเด็จพระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ เสมอ เพราะตั้งแต่ผมได้อ่านจากเวปพลังจิตแห่งนี้ ตอนที่พระองค์เสด็จพระพุทธลีลาศ จากพระนิพพาน มาโปรดหลวงพ่อ วัดท่าซุง เป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธลีลาศ ทรงตั้งแถวเป็นสองแถว แล้วก็มีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง เสด็จพระพุทธลีลาศ ลงมาตรงกลาง ระหว่างสองแถวนั้น แล้วพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ทรงประนมพระหัตถ์ ก้มพระเศียร ถวายพุทธสักการะ พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพพชญ ในเมื่อพระพุทธเจ้า ก็ทรงเป็นยอดที่สุดแล้ว พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ ก็ยี่งทรงเป็นยอดอย่างที่สุด ไม่มีผู้ใดยี่งกว่าอีกแล้ว ผมก็เลยขอยึดพระองค์ท่านไว้ตลอดเวลาทุกลมหายใจ ถ้ายึดยอดที่สุดไว้ได้ อย่างอื่นก็ไม่ไปไหน

    การฝึกมโนมยิทธิ หลังจากวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓ พระอาจารย์บุญชู ท่านก็อนุญาตให้ผมลงมาฝึกญาณ ๘ ชั้น ๒ ได้ แต่ตอนนั้นผมยังไม่ได้ฝึกท่องเที่ยวกับพระอาจารย์อาจินต์ จนถึง พ.ศ. ๒๕๕๔ การฝึกญาณ ๘ ของผม ตอนแรกๆ ก็มีตอบผิดบ้าง ถูกบ้าง จนมาช่วงประมาณ กลางปี ๒๕๕๔ ผมเรื่มตอบไม่ค่อยถูก ผมก็คิดว่า จิตเราคงยังไม่มีสมาธิที่ดีพอ ฉะนั้น ก่อนหน้าผมจะไปฝึกมโนมยิทธิ ผมจะภาวานาตั้งแต่กลางคืนเลย ก่อนจะนอนผมจะสวดมนตร์ก่อนแล้วสมาทานพระกรรมฐาน โดยเปิดเทปบวงสรวงของหลวงพ่อ เสร็จแล้วผมก็อาราธนาพระพุทธบารมี แล้วภาวนา นะ มะ พะ ธะ ไปจนหลับ บางทีผมก็ฝันเห็นเป็นเรื่องราวของวันรุ่งขึ้นแบบชัดเจนเลย พอตื่นขึ้นมา ผมก็ภาวนาไปเรื่อย ตั้งแต่อาบน้ำ แต่งตัว จนไปถึงวัดหลวงตาแสง บ้านสายลม ผมก็จะกราบพระสวดมนตร์สั้นๆ แล้วก็ภาวนา ไปจนอาจารย์คณิตพร ครูฝึกญาณ ๘ เข้ามาผมก็จะหยุดฟังก่อน จนเปิดเทปบวงสรวง สมาทานพระกรรมฐาน และคำแนะนำจากหลวงพ่อ ผมก็จะภาวนาไปเรื่อยๆ จนครูฝึกท่านฝึก ผมก็ตอบได้แทบจะทั้งหมด เห็นชัดเจนแจ่มใสขึ้น แล้วผมก็ใช้วิธีนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้

    จนมาถึงวันที่ ๓ ธันวามคม พ.ศ.๒๕๕๔ ผมได้เข้าฝึกท่องเที่ยวกับพระอาจารย์อาจินต์เป็นครั้งแรก ผมก็ภาวนามาตั้งแต่บ้านแล้ว พอพระอาจารย์เข้ามาฝึก ผมก็ตอบได้หมดเลย บางทีท่านยังมิทันจะถาม คำตอบมันก็ขึ้นมาในหัวผมแล้ว แล้วผมก็รู้สึกและเห็นได้ชัดเจนแจ่มใสมากขึ้น แล้วผมก็ฝึกท่องเที่ยว จนพระอาจารย์อาจินต์ ท่านกลับไปเยอรมัน ผมก็จำการฝึกท่องเที่ยวทั้งหมด แล้วผมลงมาใช้กับการฝึกที่ห้องญาณ ๘ การฝึกญาณ ๘ ของผมก็ชัดเจนแจ่มใสมากกว่าแต่ก่อน ผมมีความสุขในธรรมอย่างที่สุด

    ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้ง ผมจะใช้วิธีแบบตอนที่ฝึกกับพระอาจารย์อาจินต์ ทั้งการอาราธนา การทรงอารมณ์ และวิธีการทั้งหลาย ตามที่พระอาจารย์อาจินต์ท่านสอน มาใช้ร่วมกับการฝึกญาณ ๘ ผมก็เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสและตอบได้แทบจะทั้งหมด อาจจะมีผิดบ้างก็เล็กน้อย

    จนกระทั่งมาถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ที่ห้องฝึกญาณ ๘ ผมก็เห็นแสง เหมือนใครเอาไฟมาส่องหน้า แล้วก็มีกลี่นเหมือนธูปมารมอยู่ตรงหน้า แล้วผมก็มีความรู้สึกเหมือนมีแรงดูดอันมหาศาล ตอนนั้นตัวผมก็เรี่มยืดขึ้นมาตั้งตรง แล้วตัวก็เอนไปเอนมา ทำท่าจะล้ม ผมก็เลยพยายามยื้อ เพราะกลัวจะล้มไปโดนผู้ฝึกท่านอื่น แต่ตอนนั้นผมเองยังไม่รู้ว่าองค์พระท่านมาสงเคาระห์ ให้ออกแบบเต็มกำลัง เพราะผมยังไม่เคยฝึกเต็มกำลังเลย ผมก็นั่งไป กระตุกไป จนจบการฝึก เสร็จแล้วผมก็ไปกราบเรียนถาม อ.คณิตพร ครูฝึก ท่านก็เมตตาตอบให้ว่า “ถ้าเกิดอาการแบบนี้ ให้ปล่อยเลย เป็นอาการของการออกเต็มกำลัง”

    และต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ผมก็ได้ออกเต็มกำลังสมใจที่ห้องญาณ ๘ นั้นเอง

    เหตุการณ์ในวันนั้นผมยังจำได้ไม่ลืม และจะจำไปตลอด พอจบคำแนะนำของหลวงพ่อ แล้วท่านครูฝึก อ.คณิตพร ให้ตัดขันธ์ ๕ ผมก็รู้สึกร่างกายพองออก แล้วตัวก็เรี่มยืดขึ้นไปตั้งตรง หน้าเงย คอยืด ผมรู้สึกว่าตัวมันลอยขึ้นนิดๆด้วย แล้วก็มีแสงมาส่องตรงหน้า มีกลี่นธูป พร้อมกับเหมือนมีอะไรมาแตะที่กระหม่อม แต่ผมก็ยังจับลมหายใจอยู่กับภาวนา “นะ มะ พะ ธะ” แล้วก็จ้องไปที่แสงนั้น ไปตลอดไม่หยุด จนกระทั่งท่านครูฝึก ให้หยุดภาวนาแล้วกำหนดจิตขึ้นไปที่ "พระวิมาน สมเด็จองค์ปฐม" สิ้นเสียงของครูฝึก ตัวผมก็เรี่มเอนไปข้างหลัง (มารู้ทีหลังว่าตอนนั้นตัวผมล้มลงไปนอนแล้ว) แล้วก็มีแสงหลายสีที่สว่างเจิดจ้ามาก ส่องหน้าผม มีแรงดึงดูดอย่างมหาศาลเลย ดูดผม ผมก็ตัดสินใจ ตามแสงนั้นไป ก็ตอนนั้นเองที่ผมไปเต็มกำลังแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นมันเบาสบายมาก เหมือนกำลังลอยขึ้นไป
    แล้วในที่สุดผมก็ได้เห็น พระบรมศาสดาสมเด็จพระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ ที่ผมรอคอยมานานแสนนาน หลายกัป ประมาณไม่ได้ ณ เวลานั้นกายทิพย์ของผมอยู่ที่พระวิมาน พระพุทธปฐม พระพุทธวรกาย พระองค์ท่าน ใหญ่โตมโหฬารมาก ทรงเครื่องพระนิพพาน ระยิบ ระยับ ตอนนั้นผมรู้สึกเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ค่อย ๆ พิจารณาพระพุทธวรกาย ให้จำไว้ให้ชัดเจนในจิต แล้วผมก็มาอยู่ดอกบัวตรงเบื้องพระบรมยุคลบาท แล้วพระองค์ท่านก็ทรงออกพระพุทธดำรัสว่า “ลูกเอ๋ย ลูกรักของพ่อ พ่อรอลูกมานานแล้ว มาอยู่กับพ่อนะลูก” พอผมได้ยินแล้ว ผมก็น้ำตาไหล ทั้งที่กายทิพย์บนนั้นแล้วตัวข้างล่างนี่ด้วย แม้แต่ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่ตอนนี้ ผมก็น้ำตาไหล
    ผมชั่วช้าขนาดหนักพระองค์ท่านยังช่วยสงเคราะห์ให้พ้นจากวัฏสงสารเข้าสู่พระนิพพาน ผมก็ได้แต่ร้องไห้อยู่ตรงเบื้องพระบรมยุคลบาท แล้วผมก็ใช้จิตกำหนดเอาว่า “ข้าพระบาทขอพระพุทธประทาน อโหสิกรรม อดโทษ ทั้งหมด ทั้งมวล ทั้งสิ้น ทุกประการ ที่ข้าพระบาทได้ละเมิด ล่วง เกิน ประทุษร้าย ลงแล้ว ขอพระพุทธประทาน อโหสิกรรม อดโทษ แก่ข้าพระบาทด้วยเทอญ พระพุทธเจ้าข้า” พระองค์ท่านก็ทรงเอาพระหัตถ์แตะที่หัวของกายทิพย์ผม แล้วก็ทรงออกพระพุทธดำรัสว่า “ลูกรักของพ่อ” แล้วผมก็กราบไปที่เบื้องพระบรมยุคลบาท ผมบรรยายเป็นตัวอักษรไม่ถูกเลย เป็นความรู้สึกที่ผมรอมานานเหลือเกิน

    แล้วผมก็มาพิจารณากายทิพย์ ก็มีลักษณะเป็นแก้วใส ครบเครื่องทั้ง ศิราภรณ์ พัสตราภรณ์ ถนิมพิมพาภรณ์ มีสะไบแก้วตรงไหล่ซ้าย แบบชีพราหมณ์ สอดอยู่ใต้สังวาลย์ ตอนนั้นผมเห็นสวมรองเท้าปลายงอน เพราะผมคิดว่าไม่สมควรจะสวมรองเท้า บนดอกบัวรองพระบรมยุคลบาท ผมก็เลยกำหนดจิตเอารองเท้าออก รองเท้าก็หายไป แล้วผมก็กราบสามครั้ง

    แล้วผมที่อยู่ตรงนั้น ก็มองไปรอบ ๆ ก็เห็นกายทิพย์ท่านครูฝึก อ.คณิตพร ท่านนั่งอยู่ตรงหน้า พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ แล้วผมก็เห็นกายทิพย์ท่านผู้ฝึกท่านอื่น และก็ พระ องค์อื่น ๆ พรหม เทวดา องค์อื่น ๆ ประทับนั่งอยู่รอบ ๆ พระวิมาน ผมก็อยู่ตรงนั้นเวลาพอสมควร จนมารู้สึกตัวอีกที ผมก็นอนอยู่ที่ห้องญาณ ๘ แล้ว ผมก็ลุกขึ้นมากราบพระ ตอนนั้นในห้องญาณ ๘ ท่านครูฝึกกำลังอ่านชื่อผู้ตายกันอยู่ ผมก็นั่งเงียบ ๆ ไปจนจบการฝึก ผมก็ไปกราบเรียนท่านครูฝึก ท่านครูฝึกท่านก็เมตตาสอนว่า ดีแล้ว ให้จำอารมณ์นี้เอาไว้ให้ดี

    แล้วผมก็กลับบ้าน ก็เกิดเหตุการณ์เหลือเชื่อขึ้น พอผมเปิดประตูบ้านเข้ามาเท่านั้น ก็มีกลี่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบ้านเลย กลี่นหอมเหมือนพระเครื่องที่เพี่งออกจากแม่พิมพ์ใหม่ ๆ ผมก็ถาม คนในบ้านว่า มีใครจุดธูป จุดกำยาน หรือเปล่า ก็ได้คำตอบว่า “ไม่มีใครจุดอะไร” แล้วผมก็เปิดประตูออกมาข้างนอกบ้าน เพื่อจะดูว่ามีใครแถวนี้ทำอะไรหรือเปล่า พอเปิดประตูเสร็จผมชะโงกหน้า ตัวยังไม่ทันจะพ้นออกจากบ้าน กลี่นหอมนั้นก็หายไปเลย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอผมหันกลับเข้าบ้าน ประตูก็ยังไม่ทันจะปิดด้วยซ้ำ กลี่นหอมนี้ก็ยังคงตลบอบอวลอยู่เหมือนเดิม ผมก็แปลกใจ ผมก็เลยลองอีกที คราวนี้หันไปเปิดประตูอีกรอบ พอหน้าผมพ้นขอบประตูไป โดยขาก็ยังไม่ทันจะก้าวออก กลี่นหอมนั้นก็หายไป คราวนี้ผมไม่หันกลับ ใช้วิธีก้าวขาถอยเอา โดยที่ตัวผมยังหันหน้าออกไปทางนอกบ้านอยู่ พอหน้าผมผ่านขอบประตูเข้ามา กลี่นหอมนั้นก็ตลบอบอวลขึ้นมาเหมือนเดิม ก็เลยรู้ว่ามีองค์พระท่านมาโปรด แล้วก็มีพรหม เทวดา มาอนุโมทนา ผมก็เลยรีบขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็สวดมนตร์ เจริญพระกรรมฐานอีกรอบนึง พร้อมกับอุทิศส่วนกุศล แล้วกลี่นหอมดังกล่าวนี้กว่าจะหายไปก็ตอนสายของวันรุ่งขึ้น

    แล้วกลี่นหอมดังกล่าวนี้ ก็มักจะเกิดขึ้นในวันสำคัญ ที่บ้านของผมเสมอ และก็เกิดขึ้นมาตลอดจนถึงบัดนี้

    ในที่สุดก็มาถึงช่วงอวสานของคำสารภาพของลูกชั่ว เนรคุณ ทรลักษณ์ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ (วันเกิดของผมคือวันที่ ๑๓ กันยายน ก่อนหน้าวันเกิดของผมเพียงไม่กี่วัน) ผมได้เข้าฝึกมโนมยิทธิที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม ในห้องญาณ ๘ ผมก็ได้ไปนั่งตรงด้านหน้าท่านครูฝึก อ.คณิตกร ผมก็ใช้วิธีการเดียวกันกับที่เคยฝึกมา แต่คราวนี้ผมออกแค่ครึ่งกำลัง แต่ก็เห็นค่อนข้างชัดพอสมควร โดยในตอนนั้นผมจดจ่ออยู่กับ เสียงของท่านครูฝึกอยู่ เลยลืมฟังเสียงอันสำคัญไป ระหว่างการฝึกนั้นผมก็ได้รู้ว่าตัวผมเองก่อนจะลงมาเกิด เป็นพรหมมาก่อน และตอนที่ฝึกอยู่นั้นก็มีเสียงสวดมนตร์ดังอยู่ข้าง ๆ หูด้วย พอสิ้นสุดการฝึก ก็มีผู้ฝึกท่านหนึ่งอายุพอสมควรราว ๆ ๕๐ กว่าได้ ตอนนั้นผมก็กำลังอึ้งอยู่เลยไม่ได้ถามชื่อท่านไว้ ท่านบอกผมว่า “หนูจ๋า สมเด็จองค์ปฐม ท่านฝากให้ป้ามาบอกกันหนูว่า หนูเคยเป็นลูกสมเด็จองค์ปฐมนะ เวลาเจริญพระกรรมฐาน ให้ขอพระบารมี สมเด็จองค์ปฐม แล้วท่านจะสงเคาระห์ให้” ผมอึ้งไปเลย ชาไปทั้งตัว เลยกราบขอบพระคุณ ท่านผู้ฝึกท่านนั้น ผมตอนนั้นตื้นตันอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้คิดกำเริบเสิบสานอันใด ว่าเราเคยเป็นลูกพระองค์ท่าน ผมก็ดีใจและภูมิใจอยู่นิด ๆ แต่ไม่อยากจะให้มันฟุ้งมากเกินไป ประเดี๋ยวจะกลายเป็นมานะทิฐิสังโยชน์ไปเสีย

    แล้วผมก็ได้ไปเจริญพระกรรมฐานที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม อีกครั้งในตอนเย็นวันนั้น ระหว่างการเจริญพระกรรมฐาน ผมก็พิจารณาไปว่า นับแต่พระบรมศาสดาสมเด็จพระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ ทรงอุบัติขึ้นมา แล้วต่อเนื่องมาจนถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ หลายกัปนานแสนนาน นับพระองค์ไม่ถ้วน แล้วเราละเคยเป็นลูกพระองค์ท่าน มัวทำอะไรอยู่วนไปเวียนมา เวียนว่ายตายเกินมานานแสนนาน ทำไมไม่ตามพระองค์ท่านเข้าพระนิพพานเสียที เรามันชาติชั่วสิ้นดี ชาตินี้เกิดมาก็ทำชั่วไว้มาก แล้วผมก็กำหนดจิตขอดูอดีตว่าตัวผมเคยลงนรกไหม ก็ได้คำตอบว่า “เคยลงอเวจีมาแล้ว หลายครั้งด้วย” ถ้าชาตินี้ไม่ได้พบท่านพ่อลี ไม่ได้พบหลวงพ่อ วัดท่าซุง ไม่ได้มาที่วัดหลวงตาแสง บ้านสายลม จะเป็นอย่างไร ก็คงไม่แคล้วลงอเวจีอีกรอบ คราวนี้ก็อีกกี่กัปละ กว่าจะหลุด กว่าจะเข้าพระนิพพาน ตอนนั้นผมก็ร้องไห้ เรานี้มันชั่วช้าเหลือเกิน ไม่สมควรกับการเป็นลูกพระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญเอาเสียเลย เรามันลูกชั่ว ลูกเนรคุณ ถ่อยทรลักษณ์ที่สุด ขนาดเราชาติชั่วขนาดหนัก พระองค์ท่าน ยังทรงพระเมตตากรุณา ยังทรงเรียกเราว่า “ลูก” ทรงเปี่ยมล้นด้วย พระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้ เราลูกชั่ว เนรคุณ ถ่อยทรลักษณ์ ขอชาตินี้เป็นปัจฉิม ขอตามพระองค์ท่านเข้าสู่พระนิพพานแล้ว

    ตอนนั้นผมก็เลย ขอพระพุทธบารมี พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ พอจับภาพได้ชัดเจนดีแล้ว ผมก็กราบบังคมทูลว่า “ข้าพระบาท ลูกชั่ว เนรคุณ ถ่อยทรลักษณ์นี้ ขอถวายน้ำตาจากดวงตาทั้งสองของข้าพระบาทนี้ ล้างพระบรมยุคลบาทพระพุทธเจ้าข้า” แล้วผมก็ร้องไห้แบบท่อแตกเลย เปียกไปทั้งเสื้อ ฝ่ายองค์พระพุทธปฐม บรมศรีสรรเพชญ ก็ทรงออกพระพุทธดำรัสว่า “พ่อรอลูกมานานแล้ว ลูกรักของพ่อ มาอยู่ที่นี่กับพ่อนะลูก” ผมก็ได้แต่ร้องไห้ แล้วกำหนดจิตให้กายทิพย์ของผม อยู่ในท่าอภิวาท แทบเบื้องพระบรมยุคลบาท ไปจนจบการเจริญพระกรรมฐาน ผมขอตั้งสัตย์ปฏิญาณ จะบำเพ็ญ บุญกุศลบารมี เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ขอให้การเกิดมาในชาตินี้ จงเป็นปัจฉิมชาติ หมดสิ้น จบสิ้น ในวัฏสงสารเสียที

    คำสารภาพของผมจบลงเพียงเท่านี้ ขอพระบารมีแห่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์ และพระโพธิสัตว์ ทั้งหมด ทั้งมวล ทั้งสิ้น ทุกพระองค์ อำนวยพระพรแด่ท่านผู้ปฏิบัติทุกท่าน ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน โดยทั่วกันเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2013
  2. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    คุณแน่มาก

    นับถือ ๆ
     
  3. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    อนิจจา มดน้อยก็ยังรักชีวิต
    เมตตาเย็น โกรธเป็นไฟ
    ถ้าคนชั่วมักโกรธ ทำร้าย ฆ่าเป็นนิจ
    โกรธก็ไม่ไหม้เพราะอยู่ในไฟนรกอยู่แล้ว โกรธแล้วมันส์ ฆ่าแล้วสนุกดี ศีลทะลุดิ่งลงนรก
    แต่ถ้าคนดีโกรธ จิตใจก็จะมอดไหม้แทบวายปราณ เหมือนพวกเทวดาสิ้นบุญอะ ถึงเดี้ยง
    สังเกตุจากอารมณ์โกรธเป็นพัฒนาการของจิตก็ได้ครับ
    ขับรถในเมือง ยิ่งรถติดเต็มเมืองเหมือนตอนนี้ ฝึกจิตกันเลยทีเดียว

    วิธีฝึกก็ระงับอกุศลไว้ให้ได้เนืองๆ เห็นรูปนาม เห็นความโกรธที่เกิด มันเที่ยง มันแปรปรวนไหม :cool:
     
  4. สุทธาวาส

    สุทธาวาส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    นี่คือคำสารภาพของลูกชั่ว เนรคุณ ทรลักษณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...