ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

หลังเตารีดปี05 ให้ทุกท่านช่วยดูและวิจารณ์ได้เต็มที่ครับ

 

ขอเพิ่มอีกองค์ครับ

 

มาเล่าต่อค่ะ
เมื่อเราทำบุญใหญ่ มักจะมีมาขอส่วนบุญกุศลค่ะ

คณะทัวร์บุญของพี่ส่วนใหญ่จะนอนพักวัดค่ะ....
วันที่ 2 ธค.55วัดแรกพักที่เขาวังเมื่อถึงที่พัก แต่ละท่านก็จัดการหามุมของแต่ละคน
อาบน้ำและก็ล้มลงนอน บางท่านเหนื่อยก็ไม่ได้สวดมนต์ล้มลงนอน
วันที่ 4 ธค.55 นอนวัดร้องวัวแดง
วันที่ 5 ธค.55 ออกจากวัดร้องวัวแดง ก็เย็นแล้ว ขึ้นเหนือค่ะ ถึงวัดพระธาตุแม่เจดีย์
เกือบ 2 ทุ่มกว่าๆ และได้เข้าพักที่นี่ค่ะ

วัดแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนามาช้านาน เป็นพันปี มีอายุประมาณ 1,300 ปี เป็นวัดในสมัยอาณาจักรน่านเจ้า มีวัดบริเวณใกล้เคียงอีก 8 วัด มีหลวงปู่แสงมา อินทวีโร เป็นชนเผ่าลั้วะ เชื้อสายเจ้าปกครองเชียงแสน ได้ทำการบรรจุพระทองคำ เครื่องทรงเจ้าเมือง พร้อมพระเครื่องถิ่นน่านเจ้าอันเฝ้ารักษามาหยุดต่อเจ้าหญิงมุตะเทพี พระธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ร่วมสร้างสามโลก โลกบาดาล มีพญานาคอรหันต์ในยุคนั้น โลกสวรรค์มีเทวาธิราชเจ้า (พระอินทร์พร้อมเทพธรรมในสวรรค์ 16 ชั้น) ได้ผสมแร่ต่างๆ ในสามโลก เมฆภัทร อุทมพร เมฆสิทธิ์ มีพระเหล็กไหลทรงบัลลังค์ แก้วต่างๆ จากเมืองบาดาล สารพระผงต่างๆ นั้น มีพระฤาษี 120 ตน ผู้บำเพ็ญญาณแก่กล้า ได้ร่วมกันนำว่าน 1,108 อย่างผสมธาตุสามโลก นำมาเขตล้านนา สุวรรณภูมิ บุคคลใดได้รับขอให้มีความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นมงคล พ้นภัยภิบัติ อายุยืนสมบูรณ์ด้วยลาภนานาประการ เจ้าหญิงมุตะเทพี ธิเบตอินเดีย สุวรรณภูมิ ผู้บันทึกความเป็นมา

จากบันทึกนั้น ถอดความแล้ว พบว่ามีมงคลสารต่างๆ จัดสร้างพระเครื่องแล้วนำบรรจุลงไปในไหก่อนจะนำไปฝังดิน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนโบราณที่หาแหล่งสำหรับเก็บสมบัติ และเพื่อเป็นการแสดงถึงการจรรโลงพระพุทธศาสตร์ในรูปวัตถุ จึงกล่าวได้ว่าหลักฐานศิลาจารึกจากล้านนานี้ได้จารึกเรื่องราวส่วนหนึ่งว่าบริเวณนี้ต้องเป็นศูนย์รวมพระพุทธศาสนาทำให้มีวัดที่หลากหลาย และมีพระพุทธศาสนารุ่งเรือง เจ้าหญิงมุตะเทพี่ ธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชน่าจะมีบทบาทสำคัญในการอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ทำการเผยแพร่พระศาสนาเหมือนครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระโสณะและพระอุตตระนำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย ดังนั้นจึงเป็นอีกมุมมองหนึ่งของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีบทบาทสำคัญว่าสมัยโบราณมีการเผยแพร่ศาสนาเข้ามาในไทย ดังเช่น จังหวัดเชียงราย เพราะดินแดนติดต่อกับพม่าและอินเดีย จังหวัดนครปฐม จังหวัดเพชรบุรี (วัดพริบพลี) จังหวัดนครศรีธรรมราช จนถึง เชียงใหม่ สุโขทัย ซึ่งเป็นยุคแรกๆ ของการเจริญรุ่งเรือง เพระสัมพันธไมตรีด้านพุทธศาสนา ในลัทธิลังกาวงค์เป็นต้น

อ้างอิงจาก ...เอกสาร
วัดพระธาตุแม่เจดีย์หนังสืออวยพรปีใหม่ 2555

 

เหตุการณ์ที่เล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นกับคณะทัวร์บุญหลวงพ่อทวดค่ะ...

ข้าพเจ้าขอนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นธรรมทาน หากท่านใดต้องไปพักวัดหรือสถานที่ปฏิบัติธรรมพึงระมัดวาจาและสำรวมกาย..วาจาใจ....ควรสวดมนต์ไหว้พระบอกกล่าวเจ้าของสถานที่ที่เราและคณะไปขอพักแรม...เพราะท่านอาจจะเจอเหตุการณ์ที่จะเล่าดังนี้ค่ะ

คณะเราไปถึงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าค่ะ ก็จัดแจงสัมภาระ ขนลงจากรถและเข้าไปยังบริเวณเรือนพักซึ่งทางวัดเมตตาจัดเตรียมไว้ให้ เนื่องจากวันนี้มีคณะของรร.นาฎศิลป์ ได้เข้ามาพักด้วย คณะเราก็เลยได้พักเรือนข้างล่างเจดีย์ลงไป โดยส่วนตัว เมื่อเดินเข้าไปในเรือนพักนี้รู้สึกแน่นและหายใจไม่ค่อยสะดวก อาจเป็นเพราะจำนวนคนมากด้วย จะเป็นคนที่ไม่ขอนอนใกล้ประตูและใต้คานค่ะ....เมื่อได้มุมพักแล้วก็นั่งสนทนาธรรมกันในหมู่คณะ
ก็ไม่พ้นเรืองทั่วไป...คุยกันดังมาก...จนประมาณ 3 ทุ่มกว่าก็ชวนคุณป้าอีกท่านซึ่งท่านยังไม่ได้อาบน้ำลงไปอาบน้ำ (คนอื่นๆอาบกันเกือบหมดแล้ว) ช่วงที่ลงไป มีพี่ผู้ชายช่วยจุดเทียนนำทาง เป็นทางลงไปยังห้องน้ำข้างล่าง...

 

ห้องน้ำข้างล่างมีคุณป้าน้อย และตัวดิฉัน 2 คนที่อาบน้ำ....
แล้วป้าน้อยก็บอกว่ารอด้วยนะ.....น้ำเย็นมาก อาบฟักบัว...ขณะที่อาบก็ได้ยินเสียง
พี่อ้อย ในคณะเดินเข้ามาจะอาบน้ำ ได้ยินเสียงป้าน้อยกับพี่อ้อยคุยกันเรื่องความงาม
(น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเช็ดหน้า) ป้าน้อยคงอาบน้ำเสร็จแล้ว...ได้ยินเสียงป้าน้อยพูดว่า
ไปแล้วยัง แต่รู้สึกเสียงป้าแปลกๆยังไงไม่รุ้....เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมา แต่ยังคงมีพี่อ้อยอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำอีก...ก็เลยถามพี่อ้อยว่าให้คอยเป็นเพื่อนหรือเปล่าพี่อ้อยบอกอยู่ได้ก็เลยเดินกลับไปกลับป้าน้อย ป้าน้อยเดินนำหน้าแต่สังเกตเห็นป้าน้อย เดินแปลกๆไม่เหมือนเดิม...เมื่อมาถึงเรือนพัก ก็เห็นในคณะนั่งทานอาหาร ซึ่งซื้อเข้ามากันอย่างเอร็ดอร่อย....ในกลุ่มก็ล้อมวงทานข้าวและคุยกันเสียงดัง....และก็ชวนให้ทานข้าว บังเอิญว่าอิ่มมาจากในรถแล้วก็เลยไม่ได้ร่วมวงด้วย.....คืนนี้นอนใกล้กับป้ายา ซึ่งก่อนนอนก็นำเสื้อยันต์หลวงพ่อทวดมาเป็นที่รองหมอน เพราะหมอนที่นอนไม่มีปลอก และกราบบูชาพระและบอกกล่าวท่านเจ้าของสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณที่ แห่งนี้ขอคืนนี้ ลูกขอพักนอกหนึ่งคืน..
พอจะเข้านอนป้ายาซึ่งนอนข้างก็เล่าเรื่อง (ผี เรื่องภพก่อนให้ฟัง แต่ก็ฟังได้ไม่หมด ก็หลับไปทันที เพราะเพลียจากการเดินทางมาก ส่วนฝังตรงข้ามที่ประตูมีคุณป้า 3 ท่าน ป้าบูลย์และป้าอีก 2 ท่านจำชื่อท่านไม่ได้ นอนคุยกันเสียงดังมาก....และท่านก็นอนขวางประตูทั้ง 3ท่าน

 

แล้วก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียง ฮื่อ อื่อ อื่อ นอนคราง พอตื่นขึ้นมาก็เห็นทั้งป้าทั้ง 3 ตื่นแล้ว และหลายคนตื่น เมื่อเสียงนั้นมาจากป้าน้อยที่ลงไปอาบน้ำข้างล่างด้วยกัน ป้าน้อยมีอาการแปลกๆ สั่นไปทั้งตัว ทราบจากพี่ที่นอนใกล้ป้าน้อยบอกว่าป้าน้อยลุกขึ้นมาสวดมนต์หลายบท แต่ก้ไม่ไหว บอกคนข้างๆว่าให้เอาหลวงพ่อทวดมาให้หน่อย...แต่พี่ที่นอนใกล้ เอาพระผงอื่นให้แต่ไม่ใช่หลวงพ่อทวด ป้าน้อยบอกว่าถ้าไม่ใช่หลวงพ่อทวดไม่เอา....ป้าน้อยไม่ได้แขวนหลวงพ่อทวดค่ะ แต่แขวนฤษี...(ซึ่งอาจจะเป็นเกี่ยวกับที่ป้าน้อยเป็นหมอบีบนวด) สักพักอาจารย์และคุณแม่ก็มาที่ป้าน้อย แล้วก็ถามป้าน้อย (ถามร่างข้างในว่า ต้องการอะไร หรือให้คณะทำอะไรให้ ร่างนั้นก็เอาแต่ร้องๆ เหมือนเสียใจหรืออะไรก็บอกไม่ถูก ไม่ยอมตอบเอาแต่เหมือนเสียอกเสียใจ คุณแม่ก็เลยจุดธูปบอกกล่าว และสอบถามร่างที่อยู่ในป้าน้อยว่าต้องการอะไรหรือ เดี่ยวจะอุทิศส่วนบุญก็ศลไปให้ สักพักอาจารย์ก็ลองถามร่างนั้นว่า ต้องการได้บุญ หรือสวดมนต์ให้ใช่ไหม ร่างนั้นก็พยักหน้าและก้มลงไหว้ ป้ายา ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บอกน้องนวลถ่ายภาพ เลยบอกป้ายาไปว่าไม่กล้าถ่ายหรอกป้ายา.....สักพักเมื่อมองไปที่ป้าน้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่นอนนัก เห็นท่านั่งของท่านเหมือนองค์ฤาษี ...แล้ว คุณแม่กับอาจารย์ก็ให้พวกเราสวดมนต์และอุทิศบุญให้เจ้าของร่างที่อยู่ที่ป้าน้อย แต่ในคณะของเรามีชาวมาเลเซียมาด้วย เลยบอกเจ้าของร่างนั้น ว่าขอคนที่สวดเฉพาะคนไทยที่สวดมนต์ให้ เจ้าของร่างนั้นก็พยักหน้า....สวดไปได้สักพัก....ได้ยินป้าน้อยพูดออกแล้ว......เมื่อสวดมนต์เสร็จ พวกเราก็กรวดน้ำแผ่เมตตาให้
หลักจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว....ป้าน้อยเล่าว่า พอจะหลับตาลง เห็นเป็นคนมีแต่หัวจำนวนเยอะมากทั้งหน้าตาสวยจมูกโด่งและหน้าเละ ลอยมาเต็มไปหมด.....ก็ยังนอนไม่หลับ

ส่วนป้าบูลย์กับป้าอีก 2 คนที่นอนฝังตรงข้ามมาเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนขณะที่คุยกันมีเสียงคนทำเสียง จุ จุ จุ ครั้งที่ หนึ่งป้าบูลย์ ได้ยินแล้วก็ยังคุยกันต่อ จนมีเสียง จุ จุ จุ ขึ้นมาอีกในครั้งที่ 2 ป้าก็ยังไม่หยุดเพราะคิดว่าเป็นเสียงของคนที่นอนฝั่งตรงข้ามในคณะทัวร์ ป้าป้าๆก็ยังคุยกันอีก จนครั้งที่ 3 ป้าบอกว่า เสียงจุ จุ จุ ดังมาก และรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้
จึงได้หยุดคุยกัน พอตอนเช้าลองถามๆ กันดูว่าใครทำเสียงจุ จุ จุ หรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีคนทำ

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนผ่านไป เวลาไปพักที่ต่อไป คณะเราทุกคน ร่วมใจกันสวดมนต์ก่อนเข้านอนค่ะ...:d

 

และช่วงเช้า คณะทัวร์บุญร่วมถวายปัจจัยทำบุญถวาย
ท่านเจ้าอาวาสพระครูไพบูลย์ พัฒนาภิรักษ์
และเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนให้ท่านเจ้าอาวาสฟัง....

ท่านให้ชมพระกรุโบราณ และมอบพระผงครูบาเจ้าศรีวิชัยกับคณะทุกคน
และเมตตาเลี้ยงอาหารเช้าด้วยค่ะ

 

โมทนา สาธุ ในบุญกุศล

 

ที่วัดพระธาตุแม่เจดีย์ได้อธิษฐานยกหม้อพระค่ะ
สำเร็จดังประสงค์ที่ตั้งใจไว้

 

สวัสดีค่ะ อาจารย์พี่ช้าง...

 

กราบหลวงปู่ทวดครับ

 

อนุโมทนาด้วยนะครับ พี่นวล หลวงปู่ทวด สวยครับ

 

วันนี้เดินทางไปกราบ หนึ่งในสถานที่พักพระศพ หลวงพ่อทวด เมื่อครั้งนำสังขารท่านเิดินทางจากไทรบุรี มายังวัดช้างให้ครับ ผมกลับ กทม. พรุ่งนี้ ค่อยโพสเรื่องราวให้ชม (k)

 

พอเสร็จพิธีทางวัดก็นำพระเนื้อว่านเล็กมอบแจกผู้ที่มาร่วมงาน...
พระสวยค่ะ ....พระหลวงพ่อทวดงดงามหมด...

 

มีคณะจากมาเลเซียมาทัวร์บุญครั้งนี้ด้วย พี่ลองคุยสอบถามเรื่องที่พักศพ ของหลวงพ่อทวดที่มาเลเซีย อาจจะได้ไปกราบที่พักพระศพหลวงพ่อทวดที่มาเลเซียค่ะ น้องภัทร...

ได้คุยกับพระอาจารย์สังกัจจายน์ ซึ่งท่านจำวัดอยู่ที่มาเลเซีย ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า
เมื่อครั้งที่ท่านไปอยู่ประเทศมาเลเซียใหม่ๆ ไปสอนพุทธศาสนาให้คนไทยที่มาเลเซีย
วัดของท่านอยู่ในภูเขา...แล้ววันหนึ่งท่านรู้สึกเหงาที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานๆ ก็ไปนั่งสมาธิที่หน้าถ้ำ ปรากฎว่าหน้าถ้ำตรงนั้น เห็นเป็นรูปผู้หญิงห้อยขา ถัดจากนั้นหนึ่งเดือน ท่านก็ไปนั่งใหม่ คราวนี้ท่านบอกว่า มองไปที่หน้าถ้ำนั้นนิมิตเป็นรูปหลวงพ่อทวด ท่านเชื่อว่าเส้นทางไปวัดท่าน อาจเป็นที่เคลื่อนพระศพของหลวงพ่อทวดค่ะ
ท่านเล่าว่า หากน้ำเหลือง ตกตรงไหน ก็จะมีจอมปลวกขึ้น....พี่มีโครงการจะตามรอยหลวงปู่ทวดที่ประเทศมาเลเซียค่ะน้องภัทร หากได้เข้าไป จะถ่ายภาพหน้าผ่าที่พระอาจารย์สังกัจจายน์บอกเล่าให้ฟัง มาให้ชมค่ะ....
ท่านเล่าว่าตอนหลังมีต่างชาติมาสัปทาน .เพราะถ้ำแถวนั้นมีแร่ วัดเลยโดนย้ายออกมา . แต่ในถ้ำจะมีหินเป็นมังกรอ้าปากเอาหัวลง ท่านจะนำน้ำที่ออกมาจากปากมังกรมาทำเป็นน้ำมนต์ ชาวมาเลเซีย
ศรัทธาองค์หลวงพ่อทวดมากแต่ยังไม่เคยเจอปฏิหารย์....ได้ร่วมพัฒนาวัดท่านตอนนี้มีเตาอบสมุนไพรภายในวัด...และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับวัดที่ท่านอยู่เป็นอย่างมาก

 

จากนั้นก็ไปวัดร่องขุ่น..และร่วมทำบุญที่วัดมิ่งเมือง เชียงราย

 

โครงการณ์ตามรอยหลวงพ่อทวด วัดห้วยเงาะ ก้อรู้สึกจะมีครับ

 

กราบ"สมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์"หลวงพ่อทวด..
สวัสดียามเย็นค่ะ...ญาติธรรมทุกท่าน

อ่านเจอมาค่ะ....
นำมาให้อ่านอีกครั้ง
ตำนานหลวงปู่ทวด

ตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด: ตำนานแห่งอารมณ์ ศรัทธาและอิทธิปาฏิหาริย์

ชีวประวัติของหลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นวรรณกรรมประเภทชีวประวัตินักบุญแบบไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้และบอกเล่ากันมาด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ส่งผลให้ตำนานอภินิหารต่างๆ ของหลวงปู่ทวด ดำรงอยู่ในฐานะ “เรื่องจริง” ในความรู้สึกนึกคิดของผู้ศรัทธา ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งก็เนื่องด้วยความสอดคล้องกันของตำนานกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และบุคคลที่มีตัวตนจริง ส่วนในทางกลับกันความรู้สึกนึกคิดที่ว่าตำนานเป็นเรื่องจริงก็ยิ่งช่วยเสริมสร้างศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด

ตำนานหลวงปู่ทวดในความรับรู้ของไทย

หลวงปู่ทวด ในความหมายของชาวไทยท้องถิ่นภาคใต้แถบพื้นที่จังหวัด สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส หมายถึง “พระภิกษุที่มรณภาพไปแล้ว แต่เชื่อกันว่าดวงวิญญาณยังคงศักดิ์สิทธิ์หรือมีบุญญาธิการสูงคล้ายๆกับเทพหรือเทวดา...หลวงพ่อทวดชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เคารพนับถือ”

ตำนานเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั้น มีทั้งตำนานชีวประวัติและตำนานเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ ตำนานชีวประวัติของหลวงปู่ทวดปรากฏทั้งในเอกสารลายลักษณ์ที่เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ เช่น ยอเจ้าตำราหมื่นตราพระธรรมวิลาสเอาไปวิหารเป็นหัวเมือง และ สำเนาหนังสือครั้งกรุงเก่าว่าด้วยการพระราชทานที่กัลปนา

ตำนานชีวประวัติหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแต่ละสำนวนมักเล่าตรงกันว่า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมีนามเดิมว่า “ปู”เป็นบุตรของนายหูกับนางจัน ชาวเมืองสทิงพระ หรือจังหวัดสงขลาในปัจจุบัน มีผู้สันนิษฐานว่าสมัยที่ท่านเกิดน่าจะตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง เล่ากันว่าตอนที่ท่านยังเป็นทารกอยู่นั้น วันหนึ่งมีงูบองหลา หรืองูจงอางมาขดพันรอบเปลของท่านและนำเอาดวงแก้วมาใส่ไว้ในเปลโดยไม่ทำอันตราย ดวงแก้วดังกล่าวนี้ปัจจุบันอยู่ที่หมด เป็นเหตุให้หลวงปู่ทวดแสดงอภินิหารเหยียบน้ำทะเลวัดพะโคะ จังหวัดสงขลา


เมื่อเจริญวัยขึ้นท่านได้อุปสมบทในสำนักพระมหาเถรปิยทัสสี มีสมญา “สามิราม” ต่อมาท่านได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมที่กรุงศรีอยุธยา

ส่วนเหตุการณ์สำคัญในตำนานชีวประวัติหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ตำนานเล่ากันเป็น 2 สำนวนหลัก สำนวนแรกเล่าว่า ครั้งที่ท่านโดยสารเรือสำเภาเดินทางไปศึกษาพระธรรมที่กรุงศรีอยุธยานั้น เมื่อไปถึงกลางทะเลปรากฏว่าเรือแล่นต่อไปไม่ได้ เจ้าของเรือคิดว่าท่านเป็นกาลกินี ท่านจึงแสดงอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืด ทำให้เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนบนเรือ


สำนวนที่สองเล่าว่าท่านถูกโจรสลัด บางก็ว่าเป็นโจรสลัดเชื้อสายจีน บ้างก็ว่าเป็นโจรสลัดเชื้อสาแขก จับขึ้นเรือเพื่อไปลองดี แต่เมื่อเรือแล่นออกจากฝั่งกลับไม่สามารถแล่นต่อไปได้ พวกโจรก็ได้ใช้น้ำจืดในเรือจนจืด พวกโจรเห็นดังนั้นจึงขอขมาท่านด้วยความเคารพ และนำท่านมาส่งยังฝั่งดังเดิม


เหตุการณ์ที่สอง ได้แก่ เหตุการณ์ที่ท่านสามารถเอาชรนะการแข่งขันไขปริศนาธรรมกับทูตต่างเมือง ตำนานเล่าว่าขณะที่พระภิกษุสามิรามศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยา เมืองลังกา (บางตำนานกล่าวว่าเมืองมอญ) ส่งทูตมาท้าไขปริศนาธรรม ถ้าผู้ท้าเป็นฝ่ายแพ้จะยกสิ่งของในเรือสำเภาให้แก่กรุงศรีอยุธยาทั้งหมด แต้ถ้าฝ่ายของกรุงศรีอยุธยาแพ้จะต้องยอมเป็นเมืองขึ้น การแก้ปัญหาธรรมในครั้งนี้ไม่มีนักปราชญ์ชาวกรุงศรีอยุธยาผู้ใดแก้ได้ จนในที่สุดพระภิกษุสามิรามก็ได้รับนิมนต์ให้เป็นผู้แก้ปริศนาธรรม และสามารถเอาชนะฝ่ายผู้มาท้าแข่งขันได้


เหตุการณ์ที่สาม ได้แก่ เหตุการณ์ที่ท่านสามารถหยุดยั้ง “โรคห่า” ที่แพร่ระบาดในกรุงศรีอยุธยาได้โดยการปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์จากลูกแก้ววิเศษที่ท่านได้จากงูจงอางเมื่อยังเป็นทารก

ส่วนตำนานเกี่ยวกับการมรณภาพของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ปรากฎว่ามี 3 สำนวนหลัก สำนวนแรกซึ่งเป็นที่รับรู้และเชื่อถือมากที่สุดเล่าว่า ในวาระสุดท้ายของท่าน หลวงปู่ทวดได้ “โละ” หรือกลายเป็นดวงไฟลอยไปปรากฏเหนือยอดต้นเลียบอันเป็นที่ฝังสายรกของท่าน แล้วลอยหายไปที่วัดพระโคะ สำนวนที่สองเล่าว่า หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมรณภาพที่เมืองไทรบุรี และท่านสั่งไว้ว่าในระหว่างการอัญเชิญศพท่านกลับมายังวัดพระโคะ ถ้าพักศพไว้ที่ใด หรือแม้กระทั่งน้ำเหลืองหยดที่ใดให้ปักหมาย เรียกว่า “สถูปท่านลังกา” ส่วนสำนวนที่สามเล่าว่า ท่านมาบูรณะวัดช้างให้และมรณภาพที่นั้น

นอกจากตำนานชีวประวัติของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแล้ว ยังมีตำนานเกี่ยวกับอภินิหารของดวงวิญญาณของท่านและของวัตถุมงคลที่เกี่ยวข้องกับท่านมากมายหลายเรื่อง หากประมวลดูแล้ว ตำนานส่วนมากมักเล่าว่ารูปเคารพและเครื่องลางของขลังที่เกี่ยวกับหลวงปู่ทวด ตลอดจนอำนาจบารมีของท่านช่วยคุ้มครองให้ผู้ที่เคารพบูชาแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุ หรือจากอาวุธของผู้ประสงค์ร้าย จนกระทั่งมีคำร่ำลือกันในหมู่ที่เคารพศรัทธาว่า “แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง” รวมถึงมีตำนานเล่าถึงผู้เจ็บไข้ได้ป่วยที่อธิษฐานจิตถึงหลวงปู่ทวดแล้วหายจากโรคร้ายด้วยเช่นกัน

อารมณ์ “สมจริง” ในตำนานอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืด

ตำนานอภินิหารของหลวงปู่ทวดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ได้แก่ ตำนานอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืด การที่ตำนานดังกล่าวนี้แพร่หลายนั้น ในแง่หนึ่งน่าจะมาจากเป็นเรื่องราวอภินิหารที่แปลกและน่าดึงดูดใจ แตกต่างจากตำนาอภินิหารของพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ อีกทั้งอภินิหารการ “เปลี่ยน” น้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดได้ ยังแสดงถึงการที่หลวงปู่ทวดเป็นผู้มีบุญญฤทธิ์แก่กล้า จนกระทั่งสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงสภาวะของน้ำ หรือหากจะตีความในระดับลึกลงไป คือ การมีอำนาจเหนือ “ธรรมชาติ” อันเป็นธรรมดาของโลก อันแสดงถึงภาวะ “ผู้มีอำนาจเหนือธรรมดาโลก” ของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ส่งผลให้ท่านเป็นพระเกจิที่น่าเลื่อมใสศรัทธามากที่สุดองค์หนึ่งในพุทธศาสนิกชน

ความเชื่อเรื่องผู้มีบุญสามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดได้นี้ เป็นเหตุใหอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดของหลวงปู่ทวด “สมจริง” ในความรู้สึกของผู้ศรัทธามากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่าเป็นอิทธิฤทธิ์อันเป็น “ปกติวิสัย” ของผู้มีบุญบารมีสูงส่ง

นอกจากนี้การที่ตำนานชีวประวัติของหลวงปู่ทวด อันรวมถึงอำนาจอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดของท่านผูกพันอยู่กับ “กรอบเวลา” ทางประวัติศาสตร์ ก็ยิ่งทำให้ตำนานดังกล่าวนี้ “สมจริง” มากยิ่งขึ้น

จากตำนานสำนวนดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่าการแสดงอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ คือ การใช้อิทธิปาฏิหาริย์กำราบภัยคุกคาม (โจรสลัด) การเกิดขึ้นและการดำรงอยู่ของตำนานอภินิหารเรื่องนี้จึงมีนัยยะว่า บุญญาบารมีและอิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงปู่ทวดสามารถทำในสิ่งที่เป็นภัยอันตรายทั้งปวง “สยบยอม” ได้อย่างราบคาบ ตำนานอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดของหลวงปู่ทวดจึงมีบทบาทช่วยเสริมสร้างความศรัทธาเลื่องใส ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางใจให้แก่ผู้ศรัทธา

แม้ว่าตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจะเต็มไปด้วยเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์เหนือวิสัยมนุษย์ธรรมดา โดยเฉพาะตำนานอภินิหารเหยียบน้ำทะเลจืดซึ่งเป็นที่รับรู้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด แต่ตำนานดังกล่าวนี้กลับเป็น ”เรื่องจริง”ตามความเชื่อของผู้เคารพศรัทธาท่าน เมื่อพิจารณาดูจะเห็นว่า นอกจากความเป็นพระเกจิของหลวงปู่ทวดจะทำให้เป็นที่เชื่อกันว่าท่านมีอิทธิปาฏิหาริย์แล้ว การที่ตำนานของท่านผูกพันอยู่กับกรอบเวลาทางประวัติศาสตร์ ประกอบกับความสัมพันธ์ระหว่างตำนานกับปริบททางสังคมวัฒนธรรมไทย ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ “ขับเน้น” ให้ตำนานเรื่องนี้ดำรงอยู่อย่าง “สมจริง” ซึ่งส่งผลต่อความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

โดย เคียงตะวัน

ที่มา
ตำนานหลวงปู่ทวด จากบล็อก โอเคเนชั่น oknation.net