พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ของเก่าเล่าใหม่ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=38
<TABLE class=tborder id=post264708 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">18-06-2006, 12:56 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #746 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_264708", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-07-2007 09:18 PM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,491 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 8,268 ครั้ง ใน 1,044 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1062


</TD><TD class=alt1 id=td_post_264708 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ขออนุญาตท่าน อ.ประถม อาจสาคร นำเรื่องราวประสบการณ์ของผู้ที่มีพระพิมพ์สมเด็จฯ ไว้บูชา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเป็นประโยชน์แก่ท่านที่เพิ่งจะรู้จักหรือยังไม่รู้จักพระพิมพ์สกุลนี้

หมายเหตุุ เรื่องราวต่อไปนี้คัดลอกมาจากหนังสือ "วิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯ และพระสมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่า" ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ อ.ประถม อาจสาคร และคำว่า "ผม" หมายถึงตัวท่าน อ.ประถม อาจสาคร


ประสบการณ์ของผู้ที่บูชาพระสมเด็จฯ

คนรุ่นก่อนมีคำพังเพยว่า "ผู้ใดมีวาสนาได้มีพระสมเด็จที่แท้ จะไม่มีตายโหงและตายห่า" (อหิวาตกโรค คนรุ่นเก่าเรียกว่าโรคห่ากิน) ครั้นมาบัดนี้ก็มีนักปราชญ์ของวงการพระเครื่องเปลี่ยนคำนิยามว่า "พระสมเด็จ มีเพียงด้านเมตตาและแคล้วคลาดเท่านั้น" ตอนหนุ่มผมแขวนสร้อยด้วยพระพิมพ์สมเด็จวัดไชโยวรวิหารคุณลุงมอบให้ ท่านรักผมแม้ลูกชาย ท่านยังไม่ให้นักเลงรุ่นเก่าเห็น เขาชมว่าพระชนิดนี้เหนียวใจขาด ขาดหรือไม่ขาดผมเองไม่ทราบ เพียงแต่ว่าพระสมเด็จองค์นี้ผ่านสงครามอินโดจีนมาแล้วอย่างโชกโชน โดนข้าศึกยิงหลายครั้ง ผิดบ้างถูกบ้างแต่ไม่ระคายผิว พระสมเด็จปัจจุบันไม่แคล้วคลาด เฮียแคล้ว ธนิกุล ยังไม่แคล้วเลยครับ และปราศจากผลทางเมตตาอีกด้วย เผลอเป็นถูกฆ่าชิงพระ ไม่เมตตาปราณีต่อกันซักรายเดียว ล้วนเป็นพระที่ได้จากมือเซียนพระทั้งสิ้น นี่หรือผงวิเศษ 5 ประการ มันชักยัง ๆ อยู่นะ ครั้นหาเหตุผลไม่ได้โดยที่ปราศจากพื้นฐาน ก็ไปเหมาโทษเวรโทษกรรมนั่นแหนะ ก็ทุกคนล้วนแต่มีกรรม กรรมโยนี กรรมพันธุ์ สิ้นกรรมมันก็ไม่มาเกิดนะซี ยิ่งพูดยิ่งแสดงความโง่ออกมา ยังดันซื้อกันด้วยราคาแพง คุ้มอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง ดีแต่เขาจะฆ่ากันตายแย่งชิงพระ ผมคงไม่พูดเกินความจริง

1. ป้องกันเขี้ยวงา

เหตุเกิดที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี โดยนายจตุพล อุชุวัฒน์ คุณพ่อให้พระพิมพ์สมเด็จท่านเจ้าคุณกรมท่าแขวนติดตัวองค์หนึ่ง เป็นระยะปิดภาคเรียน จตุพลก็กลับบ้านพนัสนิคม ตอนกลางวันส่วนใหญ่จะไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้านเชลล์ชวนชิม ของเขาอร่อยดีจริง พอเที่ยงวันโต๊ะแน่นขนัดไปด้วยขาประจำและขาจร จตุพลก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเป็ดมากินกับเขาบ้าง ขณะที่กินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น มีสุนัขตัวหนึ่งมาจากไหนก็ไม่ทราบ คนในร้านก็มากหน้าหลายตาเธอก็มันสนใจ ค่อย ๆ ย่องมางับขาจตุพล จตุพลแกเป็นเด็กเจ้าเนื้อ ผู้คนในร้านพากันร้องเอะอะ จตุพลก็นั่งทานก๋วยเตี๋ยวต่อไปไม่ได้สนใจ แกนุ่งกางเกงขาสั้น ปรากฏเพียงรอยเขี้ยวเป็นจ้ำเท่านั้น ใจเย็นไม่โกรธไม่ตกใจ ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น แกเชื่อมั่นของแก วันรุ่งขึ้นแกก็ได้ลาภ คือมีรถเก๋งคันหนึ่งขับมาจอดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด มีชายสองคนเดินเข้ามาหาจตุพลแล้วควักเงินให้ 2,000 บาท ขอพระจากคอจตุพล จตุพลก็ยินดีและไปขอพระจากคุณพ่อเพื่อชดเชยอีกองค์หนึ่ง คุณพ่อก็หัวเราะชอบใจ

รายที่สอง และรายที่สาม ไม่ใช่เรื่องเขี้ยวงา แต่ถูกลองของด้วยมีดและปืน ผู้เล่าเรื่องคือ คุณนพคุณ ทานอุทิศ บก.ข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมือง ท่านได้เล่าให้ผมฟังว่า พระพิมพ์สมเด็จวัดพระแก้วนี้ได้ประจักษ์ในคุณวิเศษแล้ว ดีในทางเมตตาและมหานิยม การดำเนินธุรกิจคล่องตัวดี แต่ที่ได้เห็นประจักษ์แจ้งก็คือ ท่านได้แจกพระพิมพ์สมเด็จสกุลนี้ไปมากพอสมควร มีอยู่รายหนึ่งไปโดนแทงด้วยมีดปลายแหลมเข้าเต็มรัก 2-3 ที ไม่ระคายผิว คนแทงต้องวิ่งหนีคนถูกแทง อีกรายหนึ่งถูกยิงด้วยปืนลูกซองยาวถึง 2 นัด ไม่ระคายผิวหนัง กระสุนปืนแล่นเข้าที่แขนและชายโครงขณะกำลังซ่อมบ้าน คนถูกยิงไม่ยอมแจ้งความจะขอสนองคุณตาต่อตาฟันต่อฟัน และแค้นนี้ต้องชำระ บก.นพคุณต้องปลอบประโลมด้วยหลักธรรมะจนเจ้าตัวหายโกรธและให้อภัยทาน ได้ถามถึงวิธีใช้พระพิมพ์ของคนทั้งสอง ปรากฏว่าใช้พระเปลือยเช่นเดียวกับจตุพล


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แวะมาสวัสดีทุกท่าน ไหนๆก็เล่าเรื่องของเราแล้ว
ประสบการณ์ครั้งนั้นจดจำไปจนวันตาย

มาตอบปัญหานะคุณหนุ่ม
รูปที่สองมีรังสีหลวงปู่อิเกสาโร แสดงให้ประจักษ์ทั้งภาพ

น้องกวง พี่อยากบูชาเหรียญนี้ทำไงดี

 

นำมาให้ชมกันครับ

พระพิมพ์เก๋งจีน ไตรโลกอุดร เนื้อปัญจสิริ

 

เอ่อ คุณแด๋นมาเฉลยแล้ว

แอบนินทาอยู่ เข้ามาพอดีเลยนะครับ

เรื่องรูปพระพิมพ์นั้น เป็นครั้งที่สองที่ผมได้พบประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ กล้องก็ตัวเดียว แสงก็เหมือนเดิม ระยะเวลาก็ห่างกันไม่ถึงนาที

ขอกราบนมัสการหลวงปู่อิเกสาโรครับ

[b-wai] [b-wai] [b-wai] [b-wai] [b-wai]

 

เรื่องเก่าเล่าใหม่ครับ

http://palungjit.org/showthrea...=22445&page=42

<TABLE class=tborder id=post270291 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">27-06-2006, 10:34 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#824 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_270291", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-07-2007 09:18 PM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,491 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 8,268 ครั้ง ใน 1,044 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1062


</TD><TD class=alt1 id=td_post_270291 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เมื่อเดือนที่แล้วเมื่อครั้งที่เดินทางไปวัดบ่อเงินบ่อทอง เพื่อคุยกับหลวงพ่อแผนเรื่องการเตรียมงานผ้าป่า ครั้งนั้นไปกับพี่ ๆ อีก 2-3 คน คือ พี่หนุ่ม sithiphong, พี่ตุ่น Chayaporn และนายกวง guawn พอดีเราไปถึงตอนที่ท่านได้เวลาฉันเพล ฝนก็ตกหนักมาก ระหว่างที่พวกเรานั่งรอให้หลวงพ่อฉันเสร็จ พี่หนุ่มก็ถอดสร้อยคอที่แขวนพระอยู่ประมาณ 9 องค์มาให้ผมดู ผมไปสะดุดตาพระพิมพ์องค์หนึ่ง หน้าตาแปลกประหลาดมาก(ที่บอกว่าแปลกประหลาด เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต) รูปร่างก็เหมือนพระสมเด็จทั่วไป แต่ที่พิเศษก็คือ มีเม็ดพระธาตุลักษณะใสเหมือนแก้วเม็ดมน ๆ เกาะคลุมทั่วองค์พระไปหมดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จนผมพูดเปรยออกมาว่า "โห ยังกะคุกกี้โรยน้ำตาล" ตอนนั้นผมดูไปมือสั่นไป(สั่นเพราะความอยากได้ใจจะขาด) ก็เลยถามพี่หนุ่มว่ามีอีกรึเปล่า(แต่แกล้งวางฟอร์มถามแบบน้ำเสียงเรียบ ๆ - กลัวพี่หนุ่มรู้ว่าผมอยากได้) พี่หนุ่มตอบว่า "มีอยู่องค์เดียว อันนี้หายาก" ผมคิดในใจ "คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างเรา คงไม่มีวาสนาได้ครอบครองของดีอย่างนี้" หลังจากเสร็จธุระกับหลวงพ่อพวกเราก็ออกเดินทางต่อไปที่ จ.ชลบุรี ฝนก็โปรยปรายลงมาเป็นระยะ ผมคิดไปในใจไปตามทางว่าถ้ามีวาสนาขอให้ได้พระสมเด็จองค์นี้มาบูชาซักองค์เถิด วันนั้นหลังจากเสร็จธุระที่ชลบุรี ก็กลับกรุงเทพ กว่าจะถึงบ้านก็สองทุ่มเลยเข้านอนด้วยความอ่อนเพลียเพราะเดินทางไกลมาทั้งวัน และลืมเรื่องพระสนิท

หลังจากวันนั้นไม่กี่อาทิตย์ ในที่สุดหลวงปู่ก็เมตตาผม ผมได้พระสมเด็จองค์นี้มาครอบครองสมใจ (ได้มายังไงไม่ขอเล่านะครับ) ตอนนั้นคิดในใจว่า คงเป็นเพราะเราทุ่มเทช่วยเหลือวัดบ่อเงินบ่อทอง หลวงปู่ก็เลยเมตตา

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้นำไปให้ อ. ประถม ตรวจสอบแล้วได้ความว่า เป็นพระสมเด็จวังหน้า เสกโดยหลวงปู่อิเกสาโร(องค์ที่ 3 ในคณะหลวงปู่เทพโลกอุดร) อิทธิคุณครอบจักรวาล แล้วแต่จะอธิษฐานเอา มีองค์นี้องค์เดียวไม่ต้องไปหาอะไรอย่างอื่นอีกเลย

ด้านหน้า




ด้านหลัง
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>


ปัจจุบัน ผมไม่ได้มอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญแล้วครับ

.

 

เรื่องเก่าเล่าใหม่ครับ

<TABLE class=tborder id=post271618 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">29-06-2006, 10:11 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#845 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_271618", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-07-2007 09:18 PM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,491 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 8,268 ครั้ง ใน 1,044 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1062



</TD><TD class=alt1 id=td_post_271618 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ประสบการณ์ ตอนที่ 2 (ต่อ)


2. นะจังงัง

รายที่ 1 เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านตำบลไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ชื่อนายชุน แสงชัยโรจน์ เราไปพบกันที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันชื่อร้านโอสถสามัคคีเภสัช ผู้ใหญ่ชุนชอบและนิยมพระเครื่องตามพื้นเพของเมืองนักเลง ก็ถอดสร้อยพวงใหญ่ให้ผมชมพระเครื่องในคอ ผมถามว่าทำไมใช้พระมากเหลือเกิน เขาตอบว่าไม่ทราบจะเชื่อองค์ไหนเลยแขวนมาก ๆ จากนั้นผมก็รับพระมาตรวจ เป็นพระรุ่นใหม่บ้างสร้างเสริมบ้างเก๊บ้าง แล้วผมก็คืนพวงพระให้แก่เขา บอกว่าใช้คุ้มกันอะไรไม่ได้ หลักของผมใช้พระเพียงองค์เดียว และกำชับเขาว่า ให้ไปขอพระที่คุณหมอเพลิน บอกว่าขอพระพิมพ์สมเด็จวัดพระแก้วองค์หนึ่ง จะเป็นสีอะไรก็ได้ นอกนั้นให้เก็บขึ้นหิ้งพระให้หมด หนักคอเปล่า ๆ จนประมาณ 1 เดือนให้หลัง ผมได้แวะไปที่ร้านโอสถสามัคคีเภสัชอีก และได้พบผู้ใหญ่ชุนนั่งอยู่พอดี พอพบหน้าผมผู้ใหญ่ชุนยิ้มร่าดีใจบอกว่าได้ผล ถามว่าได้ผลอะไร เขาบอกว่าหลังจากที่ได้รับพระพิมพ์จากคุณหมอเพลินแล้ว มีกิจธุระต้องไปพบคุณประโยชน์ เนื่องจำนงค์ อดีต รมช อุตสาหกรรม ที่บ้านพักตำบลบ้านบึง ขณะนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน ปล่อยสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนเฝ้าบ้านเพียงตัวเดียว ไอ้ตัวนี้ดุชงัดกักคนมามาก แต่ไม่เอาถึงตาย มันกระโดดกัดสูงและมีคนมาช่วยทัน แต่วันของผู้ใหญ่ชุนกลับไม่มีคนอยู่บ้าน เจ้าโดเบอร์แมนพอเห็นอาคันตุกะไม่คุ้นตาคุ้นกลิ่น มาเยือนถึงถิ่นก็ต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี คือโดดเข้ากัดหวังเป้าที่คอหอย ผู่ใหญ่ชุนเล่าว่ามันเพียรพยายามกระโดดเข้างับอย่างสุดแรงถึง 7 ครั้ง แต่ถูกพลังลึกลับผลักกระเด็นหงายหลังอย่างไม่เป็นท่าทุกครั้ง พอครั้งที่ 7 มีเสียงเอะอะ คุณประโยชน์กลับมาถึงบ้านพอดี ก็ตกใจถามว่าถูกกัดลึกไหมไอ้ตัวนี้กัดใครไม่เคยพลาด ผู่ใหญ่ชุนตอบว่าไม่เป็นอะไร ทำให้คุณประโยชน์เกิดอาการงุนงงไปพักใหญ่ ผมขอชมพระพิมพ์องค์นั้นปรากฏว่าเป็นพระพิมพ์วรรณสีเหลืองหรดาร ตรงกับคำ "ซิ่ว" อายุยืนนาน

รายที่ 2 ชายผู้หนึ่งเป็นญาติทางภรรยาคุณหมอเพลิน ได้ทราบข่าวว่า คุณหมอเพลินมีพระสมเด็จสกุลวังหน้า ก็อยากจะได้กับเขาบ้าง คุณหมอเพลินแกก็ให้ไป อาชีพของเธอเป็นชาวไร่อ้อยอยู่บ้านหนองสองห้อง อำเภอบ้านบึง และได้ชนิดวรรณสีแดง "จูซาอั้ง" ตรงกับคำฮก บารมีเกริกไกร ก็ใช้ติดตัวเป็นประจำหวังความสิริมงคลและคุ้มตรองป้องกัน เพราะสถานที่อยู่เป็นทำเลเปลี่ยว อยู่ต่อมาวันหนึ่งเป็นฤดูกาลที่นายฮ้อยค้าควายทางภาคอิสาน นำฝูงควายมาขายก่อนจะถึงฤดูทำนา มีผู้คนไปเที่ยวหาซื้อควายกันมากมาย และสนนราคาตามแต่จะตกลงกัน ชายคนที่กล่าวก็ประสงค์อยากได้ควายกับเขาบ้าง แต่มีควายงามตัวหนึ่งยังไม่ได้ตอนเรียกกันว่า ควายเปลี่ยว ถูกต้อนมาขายในฝูงด้วย มันกำลังอยู่ในวัยหนุ่มกะว่าใช้งานได้นานปี เสียแต่ว่ามันตื่นคนไม่ยอมให้ใครเข้าไกล้จนขายไม่ออก ทั้งตั้งราคาไว้ถึง 2,000 บาท จนผลสุดท้าย นายฮ้อยกระบือบาลประกาศว่า "ควายตัวนี้หากผู้ใดสามารถจูงออกจากฝูงได้ ยินดีขายให้ในราคาเพียง 1,000 บาทเท่านั้น" ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปไกล้เกรงโดนขวิดไส้ทะลัก พอได้ฟังดังนั้นชายคนที่กล่าวก็ทำการอาราธนาพระสมเด็จจูซาอั้งองค์เก่ง แล้วเดินเข้าไปในฝูงจูงควายเปลี่ยวออกมาในลักษณะเชื่องคน ซึ่งตัวนายฮ้อยเองยังไม่สู้ ผู้คนพากันฮือฮาด้วยความประหลาดใจ และผู้ที่ประหลาดใจมากกว่าเพื่อนคือนายฮ้อยผู้บังคับการฝูงกระบือ ถึงกับมีการซักถามและขอเพิ่มควายให้ฟรีอีก 1 ตัว เพื่อแลกกับพระพิมพ์ แต่เจ้าของพระไม่ยอมรีบจูงควายกลับสู่บ้าน

3. ปลิงเกาะไม่ติด

คุณหมอเพลิน อุชุวัฒน์ กับ อาจารย์เดชา กิตติยารักษ์ มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ท่านมีที่ดินมรดกอยู่ทางอำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทราแปลงหนึ่ง ตอนที่กำลังบูมเห็นว่าปล่อยทิ้งให้คนเช่าก็ได้รับประโยชน์น้อย ควรจัดการขายเอาเงินไปหมุนทางอื่นจะเป็นการดีกว่าที่เป็นอยู่ อาจารย์เดชาก็ขับรถยนต์ไปส่งถึงที่ ตอนนั้นประจวบกับเป็นฤดูฝนน้ำเจิ่งนองไม่มีการทำนา คุณหมอทราบดีว่าในพื้นนาอันไพศาลนั้นชุกชุมไปด้วยฝูงปลิงควายกระหายเลือด ครั้นจะบอกให้อาจารย์เดชาทราบก็จะไม่มีเพื่อนลงไปลุยที่นาซึ่งมีน้ำท่วมถึงหัวเข่า เข้าใจว่าคงจะลุยดูหลักเขต ถลกขากางเกงเสร็จก็ลงลุยกันเลย ฝ่ายว่าปลิงควายที่อดอยากปากแห้งมานานวัน ก็พากันดีใจเหมือนพระมาโปรด หรือคนมาโปรดทอดกฐิน ผ้าป่า พอเสียงน้ำจ๋อม ๆ ก็ตะโกนลั่นน้ำว่าพวกเราโว้ยจะรีรออยู่ไย รีบตั้งม็อบเป็นหน้ากระดาน ตรงเข้าประจัญบานโดยเร็วพลัน เทวดาโปรดพวกเราแล้ว มันก็แหวกว่ายเข้าต้อนรับเป็นฝูงใหญ่ ตรงเข้าทักทายคุณหมอเพลินก่อน เกาะเท่าไหร่ก็ลื่นหลุดหมด เบื่อหนักเข้าก็เบนเข็มเข้าใส่อาจารย์เดชา ยิ่งไปกันใหญ่ รีบเบนหนีจากอาจารย์เดชายังกับถูกไล่ คือว่ายหนีห่างเลย จากการสอบสวนของผมปรากฏว่า คุณหมอเพลินแขวนพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า อาจารย์เดชาแขวนพระบรมครูเทพโลกอุดร


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องเก่าเล่าใหม่ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=43

<TABLE class=tborder id=post271656 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">29-06-2006, 11:23 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#846 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_271656", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-07-2007 09:18 PM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,491 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 8,268 ครั้ง ใน 1,044 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1062



</TD><TD class=alt1 id=td_post_271656 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ประสบการณ์ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

ตอนนี้มีเรื่องที่น่าสนใจ คือเรื่องของโชคลาภ ขอให้ท่านอ่านแล้วพิจารณาดู จะได้ไม่ถูกเขาหลอกขายพระราคาแพง ๆ

3. ปลิงเกาะไม่ติด

คุณหมอเพลิน อุชุวัฒน์ กับ อาจารย์เดชา กิตติยารักษ์ มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ท่านมีที่ดินมรดกอยู่ทางอำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทราแปลงหนึ่ง ตอนที่กำลังบูมเห็นว่าปล่อยทิ้งให้คนเช่าก็ได้รับประโยชน์น้อย ควรจัดการขายเอาเงินไปหมุนทางอื่นจะเป็นการดีกว่าที่เป็นอยู่ อาจารย์เดชาก็ขับรถยนต์ไปส่งถึงที่ ตอนนั้นประจวบกับเป็นฤดูฝนน้ำเจิ่งนองไม่มีการทำนา คุณหมอทราบดีว่าในพื้นนาอันไพศาลนั้นชุกชุมไปด้วยฝูงปลิงควายกระหายเลือด ครั้นจะบอกให้อาจารย์เดชาทราบก็จะไม่มีเพื่อนลงไปลุยที่นาซึ่งมีน้ำท่วมถึงหัวเข่า เข้าใจว่าคงจะลุยดูหลักเขต ถลกขากางเกงเสร็จก็ลงลุยกันเลย ฝ่ายว่าปลิงควายที่อดอยากปากแห้งมานานวัน ก็พากันดีใจเหมือนพระมาโปรด หรือคนมาโปรดทอดกฐิน ผ้าป่า พอเสียงน้ำจ๋อม ๆ ก็ตะโกนลั่นน้ำว่าพวกเราโว้ยจะรีรออยู่ไย รีบตั้งม็อบเป็นหน้ากระดาน ตรงเข้าประจัญบานโดยเร็วพลัน เทวดาโปรดพวกเราแล้ว มันก็แหวกว่ายเข้าต้อนรับเป็นฝูงใหญ่ ตรงเข้าทักทายคุณหมอเพลินก่อน เกาะเท่าไหร่ก็ลื่นหลุดหมด เบื่อหนักเข้าก็เบนเข็มเข้าใส่อาจารย์เดชา ยิ่งไปกันใหญ่ รีบเบนหนีจากอาจารย์เดชายังกับถูกไล่ คือว่ายหนีห่างเลย จากการสอบสวนของผมปรากฏว่า คุณหมอเพลินแขวนพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า อาจารย์เดชาแขวนพระบรมครูเทพโลกอุดร

4. คุ้มกันอุบัติเหตุ

รายนี้ห้อยพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าวรรณสีขาวติดตัวองค์เดียว ขับรถเครื่องมีเพื่อนซ้อนท้าย ขณะเกิดฝนตกหนักและไม่ยอมพักฝน ดันทุรังจะไปก็จ๊ะเอ๋กับรถบรรทุก 6 ล้อ เข้าเต็มรักเต็มแค้น พระสมเด็จที่แขวนในคอหักถึง 8 เสี่ยง คนขับไม่เป็นอะไรเลย คนซ้อนท้ายไปตายที่โรงพยาบาล เจ้าตัวคิดจะซ่อมพระจึงนำมาผึ่งแดดที่ริมถนนหน้าบ้าน สุนัขอดโซตัวหนึ่งเดินทางผ่านมาตรงเข้ากินพระด้วยความหิวจัด เจ้าของพระเกิดหน้ามืดคว้าปืนขนาด 9 มม ยิงสุนัขชนิดเผาขน 4 นัดซ้อน ปรากฏกระสุนปืนเด้ง ต้องพากันหัวเราะด้วยความขบขัน ลือกันว่าหมาหนังเหนียว

5. ทำมาค้าขึ้น

การทำมาค้าขึ้นจัดเป็นลาภชนิดหนึ่ง คือ ลาภจากการแสวงหาลาภมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด เช่น ลาภแบบพระสงฆ์บิณฑบาตร อยู่ดี ๆ มีคนนำเครื่องอุปโภคบริโภคมาให้ ลาภการพนันพวกนี้มักมีสมบัตินักเลงเล่นไปเถอะ ไม่ต้องกลัวจนหากินทางพนัน หากใครไม่มีบารมีทางนี้รับรองหายนะทุกคน แต่ลาภที่ควรได้คือ ลาภจากการแสวงหา การทำมาค้าขาย ลาภฟลุค ก็สืบเนื่องจากผลแห่งการกระทำหรืออาศัยบารมีเดิม ถ้าหากเราจะตั้งคำถามว่าอยากได้พระอะไร แทบทุกคนจะตอบว่า อยากได้ทางลาภ ก็จะต้องถามเขาว่า คุณนับถือศาสนาอะไร ถ้าเขาตอบว่านับถือพระพุทธศาสนา ก็จงถามว่าปรัชญาของพระพุทธศาสนามีอยู่อย่างไร ความจริงเขาไม่ได้ถือศาสนาอะไรทั้งสิ้น เพียงถือตามสำมะโนครัว คนเช่นนี้มีมากในแผ่นดิน ปรัชญาของพระศาสนาคือ เยธัมมาฯ ผลเกิดจากเหตุดับเหตุเสียได้ผลก็ไม่เกิด ทีนี้จะคิดเอาลูกเดียวความดีไม่เคยสร้าง บุญทานไม่เคยทำ แม้อดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ สมมุติว่าเราไม่เคยเปิดบัญชีเงินฝากแบบเอทีเอ็ม ถามว่าจะกดเอาเงินได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องสร้างเหตุก่อน ผลจึงจะตามมา มิใช่ว่ามีพระเครื่องแล้วจะมีแต่ลาภสักการะ มีกูไว้ ไม่จน รวยล้นเหลือ รวยอภิมหาเศรษฐี ปลดหนี้ รวยไม่หยุด(หมายถึง ชื่อของรุ่นพระ) ล้วนเป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น หากเป็นเรื่องของทางศาสนาก็พาให้ศาสนามัวหมอง แต่เรื่องเครื่องลางของขลังมันมิใช่เรื่องของศาสนา ก็ไม่เห็นมีใครว่ากระไร ทุกสิ่งย่อมเกิดจากการกระทำทั้งสิ้น ผมขอร้องให้คุณหมอเพลินแจกพระสมเด็จสกุลวังหน้าฟรี เพื่อหาข้อมูลในการวิเคราะห์ ก็ได้รับรายงานมากขึ้นตามลำดับ จนมากเกินที่จะเขียนบรรยาย เพราะเราต้องการทราบเพียงข้อเท็จจริงและมีตัวตนจริง และเอาเฉพาะคนที่เห็นว่าไปไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่นำไปให้คนรวยคนที่มีทุนรอนมาก ๆ ซึ่งมีบารมีอยุ่แล้วทำการทดลอง มันอาจรวยขึ้นเพราะไหวพริบจังหวะโอกาสการริเริ่มที่ดี เช่นนี้วิเคราะห์ผลไม่ได้ นำไปให้คนที่เห็นอยู่โต้ง ๆ ว่าไปไม่ไหวแน่ บ้อท่าแทบหมดอาลัยตายอยาก เพราะทำอะไรก็ขาดทุน เพียรพยายามทำทุกวิถีทางก็ปราศจากผล ทำนาฝนก็แล้ง ขายพืชราคาพืชก็ตกต่ำไม่มีกำไร ก็พอแปรเปลี่ยนฐานะได้บ้าง เช่น บางคนขอรับพระไปก็ขอบารมีให้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง หาค่าเลี่ยมทอง ก็ประสบผลมากราย น่าจะเป็นบุญเก่าที่เขาทำมา ไม่ถือเป็นทฤษฎีว่าจะต้องได้ทุกคนเสมอไป คือขอให้เข้าใจว่าทุกคนอย่างน้อยก็พอที่จะมีอะไรอยู่บ้าง มันยังเก็บตัวนิ่งอยู่ พระดีเปรียบเสมือนกุญแจไข มันก็จะได้เร็วขึ้น หากตู้นั้นไม่มีเงินก็ฟาล์วไป หรือใช้ทุนเก่าไปหมดแล้ว ไม่สร้างสมขึ้นมาใหม่ บางคนซื้อข้าวสารเลี้ยงครอบครัวครั้งละลิตร ได้พระไปจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด พักเดียวนำข้าวสารมาให้คุณหมอเพลินครั้งละหนึ่งกระสอบ ว่าไปได้งานอะไรดีก็ไม่ทราบ บางคนบ้านก็จะถูกยึดเงินก็ไม่มีจะผ่อน ก็ยังรอดตัวมาได้ คุณหมอก็ไปนำตัวมาให้ผมพบเห็น เรียกว่าดีกว่าเก่ามากแล้วกัน

อีกรายหนึ่งรับจ้างทำโต๊ะจีน ก็ที่อำเภอพนัสนิคมมีการหากินทางรับทำโต๊ะจีนกว่า 50 ราย มันก็แย่งกันถึงขนาดต้องแบ่งงานกันหรือประมูลทำไปเพียงได้เงินเลี้ยงลูกจ้าง ไม่เช่นนั้นลูกจ้างหนีหมด การงานจะเกิดอุปสรรค เมื่อได้พระไปแล้วมีคนมาสั่งทำโต๊ะจีนถึงบ้าน ไม่ต้องไปเที่ยวหาลูกค้า พลิกฐานะดีกว่าเดิมเป็นอันมาก และมีกฏอยู่ว่าพระทุกองค์จะต้องเลี่ยมเปิดหรือเจาะรู จนช่างเลี่ยมพระรู้ดีว่านี่เป็นพระของหมอเพลินให้มา หมอเพลินกำชับว่าหากไม่ทำเช่นนี้ตายสิ้นไม่มีเหลือ พระที่หมอเพลินแจกบางองค์ ไปถูกยิงด้วยปืนขนาด 11 มม กระสุนปืนเด้ง ใช้พระของหมอเพลินองค์เดียว ไหนใครว่าพระสมเด็จไม่มีคุณสมบัติทางคงกระพัน แล้วท่านหละจะเล่นพระชนิดไหน จะเลือกพระราคาถูกที่เลิศด้วยอิทธิคุณ หรือจะใช้พระราคาแพงที่มีพุทธคุณอย่างเขาแล้วพากันตาย หวังว่าแฟน ๆ คงได้รับความกระจ่างพอสมควรนะครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post270291 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">27-06-2006, 10:34 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#824 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักเดินทาง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_270291", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 29-07-2007 09:18 PM
วันที่สมัคร: Jul 2005
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,124 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,491 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 8,268 ครั้ง ใน 1,044 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1062




</TD><TD class=alt1 id=td_post_270291 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้นำไปให้ อ. ประถม ตรวจสอบแล้วได้ความว่า เป็นพระสมเด็จวังหน้า เสกโดยหลวงปู่อิเกสาโร(องค์ที่ 3 ในคณะหลวงปู่เทพโลกอุดร) อิทธิคุณครอบจักรวาล แล้วแต่จะอธิษฐานเอา มีองค์นี้องค์เดียวไม่ต้องไปหาอะไรอย่างอื่นอีกเลย

​

ด้านหน้า​

​

ด้านหลัง​

</TD></TR></TBODY></TABLE>


พระองค์นี้เป็นพระดีมากๆๆๆ ครับ

ก่อนได้รับมา ก็นิมิตเห็น หลวงปู่ใส่ชุดขาว
มีหมวด เคราสีขาวยาว หน้าตาผ่องใส มาหา
หลวงปู่ เคยมาสงเคราะห์หลายครั้ง

ถ้าแขวน พระผงยาวาสนา ท่านก็จะมาทั้ง 5 องค์
เคยมาสงเคราะห์หลายครั้ง เช่นกัน (เฉพาะตน ส่วนตัว)



ขออนุโมทนาด้วยครับ

 

​

<!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack --><SCRIPT type=text/javascript><!--function post_groan_give_416476(){ fetch_object('post_groan_button_416476').style.display = 'none' fetch_object('post_thanks_button_416476').style.display = 'none' do_groan_add = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_add.onreadystatechange(groan_add_Done_416476) do_groan_add.send('showthread.php?do=post_groan_add_ajax&p=416476')}function groan_add_Done_416476(){ if (do_groan_add.handler.readyState == 4 && do_groan_add.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_416476').innerHTML = do_groan_add.handler.responseText }}function post_groan_remove_all_416476(){ do_groan_remove_all = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_all.onreadystatechange(groan_remove_all_Done_416476) do_groan_remove_all.send('showthread.php?do=post_groan_remove_all_ajax&p=416476') fetch_object('post_groan_button_416476').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_416476').style.display = '' }function groan_remove_all_Done_416476(){ if (do_groan_remove_all.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_all.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_416476').innerHTML = do_groan_remove_all.handler.responseText }}function post_groan_remove_user_416476(){ do_groan_remove_user = new vB_AJAX_Handler(true) do_groan_remove_user.onreadystatechange(groan_remove_user_Done_416476) do_groan_remove_user.send('showthread.php?do=post_groan_remove_user_ajax&p=416476') fetch_object('post_groan_button_416476').style.display = '' fetch_object('post_thanks_button_416476').style.display = '' }function groan_remove_user_Done_416476(){ if (do_groan_remove_user.handler.readyState == 4 && do_groan_remove_user.handler.status == 200) { fetch_object('post_groan_box_416476').innerHTML = do_groan_remove_user.handler.responseText }}//--></SCRIPT>

<!-- End Post Groan Hack --><!-- start adv-->




<!-- / close content container --><!-- / post #416476 --><!-- post #416520 --><!-- open content container -->

<!-- this is not the last post shown on the page --><TABLE class=tborder id=post416520 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> 15-12-2006, 10:03 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2623 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>nongnooo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_416520", true); </SCRIPT>

สมาชิก​

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:50 PM


วันที่สมัคร: Nov 2006


ข้อความ: 387 <!-- Start Post Thank You Hack -->


ได้ให้อนุโมทนา 6,221 ครั้ง


ได้รับอนุโมทนา 3,197 ครั้ง ใน 391 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->


พลังการให้คะแนน: 368 ​

​

</TD><TD class=alt1 id=td_post_416520 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เมื่อคุณขุนท้าวเล่าให้ทราบ ผมก็ขออนุญาต เล่าเรื่องความแปลกของผมให้ทราบบ้าง

เมื่อ 3อาทิตย์ก่อน ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนทำอะไรผมจะได้กลิ่นที่แปลกมากติดจมูกเลย วันละ2-3ครั้ง บอกไม่ได้ว่าเป็นกลิ่นไม่ใช่ ธูปก็ดอกไม้


จนกระทั่งได้เข้ามาที่webboard คุณsithiphong โดยบังเอิญเห็นมีpost เรื่องพระพิมพ์ต่างๆ เลยสอบถาม ซึ่งคุณsithiphong แจ้งว่าช่วงนี้ยังไม่เปิดให้บูชาได้ ผมก็คิดว่าสงสัยคงไม่มีโอกาสได้ พระพิมพ์ที่มีพุทธานุภาพอันทรงคุณค่าแล้ว ผมจึงไม่ได้แวะเข้า wbอีก จนหลังจากนั้นประมาณ3วันไม่ทราบเป็นอย่างไรผมแวะกลับมาดูใหม่ซึ่งทำให้ทราบว่านอกจากได้ร่วมทำบุญโดยโอนเข้าบัญชีของ รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง แล้วคุณsithiphong และคุณนักเดินทางยังร่วมโมทนามอบพระพิมพ์ ให้อีกด้วย ผมไม่ลังเลที่จะโอนเงินไปทำบุญทันที(ถ้าโอนเข้าบัญชีส่วนตัวผมคงไม่สนใจ)


หลังจากนั้นเมื่อวานนี้ที่ผมได้รับพระพิมพ์ และเปิดออกชม ผมก็ประหลาดใจอย่างมากว่า กลิ่นที่ผมได้กลิ่นมาตลอด 3 อาทิตย์(สอบถามแล้วคนอื่นไม่ได้กลิ่นอะไร) คือกลิ่นหอมจากพระพิมพ์ที่มีพระธาตุนี่เอง


โมทนาสาธุกับทั้ง2ท่านที่มอบให้ครับ


nongnooo.


<!-- / message -->​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

เป็นกระทู้เก่าตั้งแต่ วันที่15ธค.49 ซึ่งเป็นจุดเริ่มให้ผมได้เข้ามาทำบุญกับ คณะนี้ครับ ผมเชื่อว่าใครที่ได้รับพระพิมพ์นี้ไปย่อมมีประสบการณ์ที่หลากหลายครับ และผมทราบว่าหลังจากผมได้บูชาไปแล้ว เป็น2องค์สุดท้าย ก่อนที่คุณ sithiphong หยุดมอบ และที่เหลือเพื่อนำไปบรรจุตามพระเจดีย์ต่างๆครับ
โมทนาสาธุครับ
nongnooo...

 

สวัสดีค่ะคุณ Sithiphong
พอดีใกล้จะถึงวันเกิดแล้วก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำบุญที่ไหนดีก็พอดีคุณเพชรได้บอกบุญมา ก็จะขอร่วมทำบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง จำนวนเงิน 5,050 บาท (รายละอียดได้คุยกับคุณเพชรไว้แล้ว) ส่วนเงินคงต้องขอโอนอาทิตย์หน้า เพราะช่วงนี้กำลังเตรียมตัวไปอบรมและอีกอย่างที่ จ.ชัยภูมิ ฝนตกเกือบทุกวันและน้ำก็ท่วม อาจจะยังไม่สะดวกในการที่จะไปโอนเงินให้ หมายเลขบัญชีตามนี้ใช่ไหมคะ....เมื่อโอนเงินแล้วจะแจ้งให้ทราบ
ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

 

โมทนาบุญด้วยครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พรรณศิริ
สวัสดีค่ะคุณ Sithiphong
พอดีใกล้จะถึงวันเกิดแล้วก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำบุญที่ไหนดีก็พอดีคุณเพชรได้บอกบุญมา ก็จะขอร่วมทำบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง จำนวนเงิน 5,050 บาท (รายละอียดได้คุยกับคุณเพชรไว้แล้ว) ส่วนเงินคงต้องขอโอนอาทิตย์หน้า เพราะช่วงนี้กำลังเตรียมตัวไปอบรมและอีกอย่างที่ จ.ชัยภูมิ ฝนตกเกือบทุกวันและน้ำก็ท่วม อาจจะยังไม่สะดวกในการที่จะไปโอนเงินให้ หมายเลขบัญชีตามนี้ใช่ไหมคะ....เมื่อโอนเงินแล้วจะแจ้งให้ทราบ
ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตามบัญชี(ที่ลายเซ็น)นั้นถูกต้องแล้วครับ

โมทนาสาธุครับ

.

 

กราบ กราบ กราบ[b-wai] [b-wai] [b-wai]

 

โมทนากับ น้องรัก...ด้วยครับ ถือเป็นบุญวาสนาแล้วครับ ที่ได้รับ จากท่าน ปา-ทาน ผมได้แต่วางไว้บูชาบนหี้งพระ สภาพตอนได้รับห่อใส่กล่องมาอย่างไร ตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภาพเดิม เพราะเวลาหยิบมาชมทีไร มึนศรีษะ ทุกครั้งครับ น้องมั่นใจห้อยคอไว้ถือว่าสุดยอดครับ
nongnooo...

 

http://www.samyaek.com/board2/index...a9fab88acbb2d3dbf62483&topic=19.msg105#msg105

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=topbg_l2 align=left width=170 height=38></TD><TD class=topbg vAlign=center align=left colSpan=2> </TD><TD class=topbg_r vAlign=top align=right width=37> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=area_l width=15></TD><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=headerarea style="PADDING-RIGHT: 8px; PADDING-LEFT: 8px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px; POSITION: relative" align=middle width="100%"><TABLE style="POSITION: relative" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR id=upshrinkHeader><TD vAlign=top><TABLE class=headerbodies3 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headertext vAlign=top align=left width="70%" height=65>
</TD><TD class=headertext_r vAlign=top noWrap align=left width="30%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
กระดานสนทนาธรรมลานวัด | ประกาศวัด, ห้องสมุด, สื่อธรรม | ธรรมะทาร์ซาน | หัวข้อ: ตอบปัญหาชาวลานธรรม 28 พ.ค. 48

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top width="16%" rowSpan=2>ผู้ดูแลระบบ ครรชิต ยธิกุล
ผู้ดูแลระบบ

ออนไลน์

กระทู้: 234



</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>Re: ตอบปัญหาชาวลานธรรม 28 พ.ค. 48
« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 07 มกราคม , 2007 เวลา 09:53:44 AM »
</TD></TR></TBODY></TABLE>
โยม หลวงปู่ครับ พวกพรหมหรือเทพที่มันเป็นมิจฉาทิฐิเนี่ย มันทำกุศลอะไร ถึงไปเป็นพรหมแล้ว ทำไม………………..

หลวงปู่ ทำบุญด้วย ทำบาปด้วย ไปเสวยนรกหมด ก็ไปเสวยบุญ ในขณะที่ยังเสวยบุญอยู่ หรือถ้าหากว่า เขาไม่ได้ไปนรก เขาคิดถึงบุญของเขา ทำความสงบได้ เขาก็ไปสวรรค์ ก็ไปพรหมก่อน ตอนที่เขาไปอยู่นั่น การเข้าใจผิดจะเกิดขึ้น เขาจะไม่อัศจรรย์กับอะไร เขาจะยึดว่า ตนเองนี่ยอดเยี่ยม เขาจะยึดว่าตนเองนี่แน่นอน สง่า และเขาจะยึดว่าตนเองตั้งใจจะกินอะไร อันนั้นก็ลอยมา เขาจะไม่ยอมจำนนตัวว่า เขามีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นพวกพรหมทั้งหลายจึงเข้าสู่ภาวะ ที่มิจฉาทิฐินี้ ได้อย่างมั่นคงกว่าผู้อื่น

โยม พวกที่ แต่งเพลงธรรมะร้อง(ภาพหายไปชั่วขณะ) พวกแต่งธรรมะเป็นนิยายธรรมะ

หลวงปู่ ก็เป็นบาปอยู่แล้ว เพราะเอาธรรมะที่พระพุทธเจ้าแสดงมาอย่างวิเศษ ไปทำเป็นเรื่องเล่น มีอยู่แล้วบาป ปนอยู่แน่นอน รับรอง ว่าเป็นบาปแน่นอน ใครจะยืนยันว่า มันจะช่วยสงเคราะห์คนว่า มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นบุญอย่างนั้น ๆ แล้วทำไมไม่ตีพิมพ์ตรง ๆ แล้วแจกไปให้สงเคราะห์ล่ะ ไปตีพิมพ์เพื่อขายเอาเงินทำไม

โยม ก็เขาบอกว่า เป็นสัมมาอาชีพ

หลวงปู่ ถ้าเป็นสัมมาอาชีพ มันปนบาปอยู่ในนั้น ขายเหล้ามันสัมมาอาชีพ มันถูกกฎหมาย ฆ่าสัตว์ขายก็สัมมาอาชีพ มันถูกกฎหมายน่ะ ขายล็อตเตอรี่ก็สัมมาอาชีพ มันถูกกฎหมาย เปิดที่อึ๊บให้คนก็ถูกกฎหมาย สัมมาอาชีพ อีก คนมันจะเอาสัมมาอาชีพไปหมดนั่นแหละทั้ง ๆ ที่ในจุดหนึ่ง ๆ เนี่ยมีผิดปนอยู่ แต่ช่างเขา เขาเข้าใจอย่างนั้นก็ปล่อยเขาทำไป นรกมีไว้ใส่น่า ไม่ต้องห่วง

โยม หลวงพ่อคะ พระอุปคุตยังมีอยู่ไม๊คะ

หลวงปู่ พระอุปคุตได้ยินก็ตั้งแต่ข่าว ไม่เคยได้ไปเห็นกัน ซักทีลงไปเขาก็บอกว่า ท่านอยู่ตรงนั้นแม้ไปก็ไม่ได้เห็นหรอก ประตูยังปิดล็อค ท่านไม่ให้เปิด เขาบอกอย่างนั้น พวกนาคก็พาไปว่า อยู่ตรงนี้ แต่ถ้าเปิดเข้าไป ตัวอาตมาก็ไม่ใช่คนอยากจะดู ในเรื่องอย่างนั้น ไปดูก็ไปดูพื้นเพ และความเป็นอยู่ ของบ้านของเมือง แม้แต่หลวงตาบ้านตาดว่าวิเศษอย่างนั้น อาตมาก็ไม่ได้อยากไปดูท่านนะ ก็อยู่อย่างเนี้ย ก็ดูอย่างเนี้ย เขาพาไปธุระเขาก็บอกว่า นั่นน่ะ ปราสาทพระอุปคุต สถิตย์เข้าฌานอยู่ในนั้น นั่งเข้าฌานอยู่ในนั้น เข้าฌานเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ปีจึงออก มารอบหนึ่ง เขาบอกว่าท่านยังไม่ตาย แต่ถ้าออกมาเนี่ย ท่านก็เหน็ดเหนื่อย คงออกมาแล้วก็คงไปไหนไม่ไหว ต้องกลับเข้าสู่ภาวะเดิม เพราะท่านจะต้องอยู่จนสิ้น 5000 ปีเขาพูดอย่างนี้ ไม่รู้จริงรึเปล่า บอกว่านาคอย่าโกหกเรานะ ถ้านาคโกหกเรา จะโดนโกหก สืบไปในวันข้างหน้า เป็นร้อย เป็นล้าน เป็นพันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน “ไม่ได้โกหก ไม่ได้โกหก ขอสาบานต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระอุปคุตเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ” เขาพูดอย่างนี้ ไม่รู้จะเชื่อมันได้ไหม เชื่อไม่เชื่อก็พิจารณาเอาตามคำพูดของพวกนาค

โยม แล้วศพพระมหากัสปะยังอยู่ไหมครับ

หลวงปู่ ศพพระมหากัสปะเราก็ได้ยินว่า ร่อนเร่ตอนนี้อยู่ในเมืองไทย อีกหน่อยก็จะร่อนเร่อยู่ไปตามสัญญาณของคนพุทธที่อยู่ที่แห่งใด เจริญแห่งใด ก็จะร่อนเร่ ไปตามนั้น เราก็ได้ยินพูดอย่างนี้ แต่เราไม่เคยเห็นสักที แต่เรารู้ว่ามี ไม่เห็นก็รู้ว่ามีนะ ไม่เห็นก็รู้ คือรับรู้ว่ามี อย่าถามนะว่า ทำไมรับรู้ว่ามี ก็เหมือนกับรถคันเมื่อกี้ ก็รู้อยู่แล้วว่ารถจอดตรงนั้น ไม่เห็นนะนี่ มองไม่เห็น

โยม ศพนี้คือยังไงครับ

หลวงปู่ เป็นร่างกายของท่าน

โยม เป็นร่าง ไม่ใช่เป็นพระธาตุ

หลวงปู่ เอ้าก็ร่างกายไง แม้จะเป็นพระธาตุอะไร ก็ตาม จะต้องก่อเป็นรูปร่าง เพราะจะต้องไปทำงานแก้ไขกันกันกับพระศรีอาริยะโน่น จะไปเผากันตรงนั้นเลย ผู้เผากันเคยเผา มันเป็นอย่างนั้น แต่ไม่มีจิตไปเกี่ยวข้องและผูกพัน มันไม่มีอาการ แต่ผู้ที่มีจิตผูกพันและเกี่ยวข้องกันนะเสียหาย แม้จะอยู่ในแดนสวรรค์ด้วยกันก็ตาม ยังมีสัญญาณที่เสียคน เพราะพรหมจรรย์เท่านั้นเป็นอย่างนี้ เป็นคู่นี่ สองจิตแล้ว แม้แต่คู่สะอาดและมีบุญมาก ก็ยังเป็นคู่ที่ยังผิด เป็น งั้น เข้าใจไม๊ หมดแล้วยัง เกาหัวถามไปถามา

*************************************************

นำมาลงให้ดูกันอีกรอบ
ยังไม่จบครับ
อุเบกขา อุเบกขา อุเบกขา

.

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">โยม หลวงปู่เทพโลกอุดร ที่เคยได้ยินได้ฟัง

หลวงปู่ ก็เคยได้ยินมา แล้วก็ไปถามทางนั้นก็ไม่มี ถามทางนี้ก็ไม่มี ถามทางโน้นก็ไม่มี เขาจะฆ่ากันตายอยู่ตรง ไอ้พวกกรรมฐานก็ยกทัพไป พวกพระวัดบ้านในเมืองก็ยกทัพไป จะไปฆ่ากันอยู่ตรงทำเนียบรัฐบาล พระเทพโลกอุดรก็ไม่จ้าลงมาตรงนั้นน่ะมันอยู่ โคตรพ่อ โคตรแม่มันที่ไหนล่ะ ไอ้สันดานหมา ก็ด่าไปทั่วเลยล่ะ บางคนก็บอกว่า ถ้าเผื่อท่านเป็นพระอรหันต์จริง ๆ ล่ะ อรหันต์ก็ช่างโคตรมัน มันเก่งขนาดนั้น มันไม่มาช่วย ชาวบ้าน มันจะอรหันต์โคตรพ่อมึงอยู่ทำไม ทำไมไม่มาช่วยชาวบ้าน ก็ว่าอย่างนี้ ชาวบ้านเขาจะตายแล้วนั่น ถ้าว่าเป็นเรื่องของกรรม ก็ทำไมไม่นิพพานไปแล้ว แล้วมายุ่งอยู่ทำไม ใช่ไม๊ล่ะ ก็ว่างั้น ก็เลยด่าไอ้เทพโลกอุดร สันดานหมา อยู่ที่ไหนตอนนี้ว่ะ ก็ด่ามันจนป่านนี้ ตอนนี้ไม่เห็นโผล่เลยนะ จริง ๆ ไม่เคยเห็น แน่จริงก็โผล่มาซิ ชาวบ้านเดือดร้อนจะตายนะ ปวงเทพ เทวา ทั้งหลายโผล่กันมา แต่ถ้าว่าพระอริยะในสวรรค์นั่นน่ะ มีอยู่ ที่เป็นพวกเทพ พระโสดา สกทาคา อนาคา ในพรหม น่ะมี มีแน่นอน แต่พระอรหันต์ที่หายตัวไป แล้วหายตัวมา ปรากฏตรงนั้นตรงนี้อย่างว่านี้ แหม โคตรพ่อมึงอยู่ที่ไหนว่ะ ว่างั้นเลย นี่ก็ยังอธิษฐาน ไม่ใช่อธิษฐานหานะ ด่าหาอยู่เรื่อย ๆ ไปตายอยู่ที่ไหน ชาวบ้านเดือดร้อนกันจะตายแล้ว ศาสนาพุทธ ไหนว่าเกิดมาทำนุบำรุงศาสนาพุทธ แล้วปล่อยให้ศาสนา พุทธเป็นอย่างนี้ทำไม ปล่อยให้คนเข้าใจผิดต่อศาสนาอยู่อย่างงี้ทำไม เข้าใจว่าศาสนาไม่วิเศษ เข้าใจว่าศาสนาไม่ดี ส่วนมากเข้าใจว่าอย่างนั้น ว่าศาสนาพุทธเสื่อม ความจริงศาสนาพุทธไม่ได้เสื่อม จิต ของเขานั่นเสื่อม ใจของเขานั่นเสื่อม จากความดี จาการที่จะประพฤติเอาศีลเอาธรรมนี้เข้าไป ว่ามันเข้าไปยาก เขาว่าอย่างนั้น มันเป็นอยู่ที่นี่ ทุกอย่างมันล้วนแล้วแต่สิ่งเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ถ้าหากดำรงฌานอยู่ก็ วันไหนมีเรื่องยุ่ง อย่างงั้นก็โผล่มาบ้างซินะ ไอ้คนพูด พูดอยู่จนจะล้ม จะตายนะ ไอ้คนคุยว่าตนเองวิเศษแล้วไม่เห็นโผล่มาโคตร พ่อมึงอยู่ที่ไหนว่ะ ไอ้สันดานหมา ไปนั่นเลย จนป่านนี้ยังไม่เห็น อยู่นี่ ด่ามาอย่างนี้ 9 ปี 10 ปีแล้ว 11 ปีแล้วด้วย ด่าอย่างนี้ เทวดาไหนรู้จักพระเทพอุดรหมาองค์นั้นก็ไปบอก ให้มันมาซิ โอ๋ย พรหมไหนรู้ก็ไปบอกมันมาซิ จะได้มาช่วยกันทะนุบำรุงศาสนาพุทธ ไหนล่ะอยู่ทะนุบำรุงศาสนาพุทธ แล้วไม่โผล่มา โคตรพ่อ ไม่เห็นมาช่วยข้าโว้ย นั่น เห็นไม๊ล่ะเอาอีกแล้ว (22:25)​

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext id=modified_105 vAlign=bottom></TD><TD class=smalltext vAlign=bottom align=right>แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล บันทึกการเข้า </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>ปัญหาการใช้งานเวป ติดต่อผู้ดูแลระบบ 081-550-1119

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

หลวงปู่ หมายถึง พระเกษม อาจิณณสีโล

*************************************************


อุเบกขา อุเบกขา อุเบกขา

.

 

ว่าเป็นเรื่องของพระสงฆ์องค์เจ้าเราจะไม่ไปยุ่งแล้วแต่เห็นที่คุณหนุ่มโพสมา อ่านแล้วไม่สบายใจจะขอเล่าเรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้ให้ฟ้ง จะเชื่อหรือไม่ก็ลองเก็บไว้พิจารณาเพราะเรื่องนี้ ผมก็ไม่ได้ยินมากับหูแต่เคยอ่านเจอในกระทู้เวบ ลานธรรม และกระทู้นี้ก็หายไปแล้วจึงไม่มีหลักฐานมาให้ชม ในกระทู้นั้นกล่าวว่ามีท่านหนึ่งไปถามพระอาจารย์คูณ (ไม่ใช่หลวงพ่อคูณนะครับ )ว่ารู้จักหลวงพ่อเกษมวัดป่าน้ำหนาวไหม ท่านซักถามจนรู้ว่าเป็นองค์ไหน แล้วก็บอกกับพระที่นั่งข้างๆท่านว่าเทศน์เรื่องเทวดาเป็นเรื่องพื้นๆไม่มีสาระอะไรกับมรรคผลนิพาน ส่วนอีกกระแสหนึ่งกล่าวว่าหลวงพ่อเกษมเคยขอเข้าพบหลวงตามหาบัวแต่ท่านหลวงตาไม่ให้พบเพราะบอกว่าพระวิปลาส เคยถามพี่ใหญ่ในกลุ่มเราก็บอกว่าท่านได้ฌาณแต่เป็นเช่นเดียวกับหลวงตามหาบัวบอกมาถูกต้องแล้ว

เรื่องทั้งหมดผมก็อ่านมาหลายปีแล้วถ้ามีเนื้อหาส่วนใดผิดพลาดจากความเดิมขอขมาพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว พระอาจารย์คูณ และท่านทั้งหมดไว้ที่นี้ด้วยครับ

 

- กรรมที่กระทำกับพระอรหันต์ มีผลเช่นไร

- ต้องไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปหา ไปเยี่ยม

- นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวผมครับ

 

เห็นแล้วรีบนำมาฝากกัน ผมเองก็ชอบ ชอบจริงๆ ตอนนี้คงไม่ไปรับทานแล้วละครับ เห็นแล้วสยอง

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=714341#post714341


<TABLE class=tborder id=post714341 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead id=currentPost style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 02:57 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Oldone<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_714341", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:23 PM
วันที่สมัคร: Oct 2006
ข้อความ: 25 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 4,610 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 181 ครั้ง ใน 20 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_714341 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สิ่งที่มากับ…ปลาดิบ.....
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การกินปลาดิบต้องระวัง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
คอลัมน์สายตรงสุขภาพกับศิริราช โดย:พญ.พัชรพร เตชะสินธุ์ธนา อาจารย์ประจำภาควิชาปรสิตวิทยา

ปัจจุบันคนไทยนิยมรับประทานปลาดิบกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ได้รับอิทธิพลของอาหารญี่ปุ่น ด้วยรสชาติและหน้าตาของอาหารที่ดูสะดุดตาชวนให้น่ารับประทาน ทำให้แทบจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ไม่เคยลิ้มลองอาหารจำพวกข้าวปั้น ซูชิ ซาซิมิที่มีปลาดิบเป็นส่วนประกอบ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในปลาดิบนี้มีพยาธิ... พิษภัยที่หลายคนคาดไม่ถึง



ปลาดิบ

ปลาดิบที่เรานำมาบริโภคนั้น มี 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ปลาดิบน้ำจืด และ ปลาดิบน้ำเค็ม (ปลาดิบทะเล) ซึ่งปลาดิบทั้ง 2 ชนิด มีเชื้อโรคที่แอบแฝงมาแตกต่างกัน ปลาดิบน้ำจืดจะพบพยาธิบางชนิด เช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ พยาธิใบไม้ลำไส้ ฯลฯ สำหรับปลาดิบน้ำเค็มนั้น คนส่วนมากมักคิดว่าไม่มีพยาธิ แต่ความจริงแล้ว ปลาน้ำเค็มอาจพบตัวอ่อนของพยาธิอะนิซาคิส ซิมเพลก(Anisakis simplex) ซึ่งปลาดิบน้ำเค็มที่เรานำมาประกอบอาหารนั้นอาจมีการปนเปื้อนของพยาธิชนิดนี้

รู้จักพยาธิอะนิซาคิส ซิมเพลก

พยาธิอะนิซาคิส ซิมเพลก (Anisakis simplex) เป็นพยาธิที่พบในปลาทะเลเขตอบอุ่นและเขตร้อน ในประเทศไทยตรวจพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ในปลามากกว่า 20 ชนิด เช่น ปลาดาบเงิน ปลาตาหวาน ปลาสีกุน ปลาทูแขก ปลากุเลากล้วย ปลาลัง เป็นต้น ส่วนในต่างประเทศจะพบในปลาจำพวก ปลาคอด ปลาแซลมอน ปลาเฮอริ่ง ระยะตัวอ่อนที่ติดต่อสู่คนจะอยู่ในอวัยวะภายในช่องท้องของปลาทะเล มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ขนาดยาวประมาณ 1-2 ซม. กว้างประมาณ 0.3 - 0.5 มม. สีขาวใสมีลายตามขวาง บริเวณส่วนปากจะมีหนามขนาดเล็ก บริเวณปลายหางจะมีส่วนแหลมยื่นออกมา พยาธิชนิดนี้จะใช้ปากที่เป็นหนามขนาดเล็กบริเวณหัวในการไชผ่านเนื้อเยื่อต่างๆ ทั้งสามารถคงทนต่อน้ำ เกลือ และแอลกอฮอล์ได้เป็นอย่างดี


อาการผิดปกติ

เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ขณะเป็นตัวอ่อนระยะติดต่อสู่คน บริเวณปากของพยาธิจะมีหนามขนาดเล็ก ขณะเคลื่อนที่จะไชในกระเพาะอาหารและลำไส้ของคน ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กและอาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ส่งผลให้ผู้ที่มีพยาธิชนิดนี้ในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด อาการมักไม่เฉพาะเจาะจงคล้ายกับอาการของโรคกระเพาะอาหาร บางรายอาจท้องเสีย หรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือดถ้ามีแผลในกระเพาะขนาดใหญ่ อาการมักจะเริ่มเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารที่มีพยาธิชนิดนี้เป็นชั่วโมงหรืออาจเป็นวันก็ได้ และถ้าหากพยาธิชนิดนี้ฝังตัวอยู่ในทางเดินอาหาร นาน ๆ จะทำให้เกิดลักษณะของก้อนทูมขึ้นในทางเดินอาหารได้ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อพยาธิ

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัยโรคอาศัยประวัติการรับประทานปลาดิบทะเลร่วมกับอาการผิดปกติที่กล่าวข้างต้น และยืนยันการวินิจฉัยและรักษาโดยการส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร หากพบตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้ แพทย์จะใช้กล้องส่องทางเดินอาหารคีบตัวพยาธิออก เนื่องจากพยาธิชนิดนี้ไม่สามารถตรวจพบได้ในอุจจาระ มันจะเกาะติดแน่นกับกระเพาะอาหารและลำไส้ และระยะที่พบในทางเดินอาหารนั้นเป็นระยะตัวอ่อน ซึ่งไม่ออกไข่ปนออกมากับอุจจาระ

ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาพยาธิชนิดนี้ แต่จากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น โดยหัวหน้าทีมวิจัย โตชิโอะ ลิยาม่า พบว่า วาซาบิ มีฤทธิ์ในการฆ่าพยาธิชนิดนี้ได้ แต่รายละเอียด ขนาด และปริมาณการใช้ฆ่าพยาธิยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษา
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>รับประทานปลาดิบอย่างไรไม่เป็นพยาธิ

ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่า ปลาดิบที่นำมาทำอาหารนั้นเป็นปลาทะเล เพราะบางครั้งผู้ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์นำปลาน้ำจืดหลายชนิดมาทำอาหาร ทำให้เกิดโรคพยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ในตับ หรือ พยาธิใบไม้ลำไส้ ซึ่งมีความรุนแรงเช่นเดียวกับการติดโรคพยาธิอะนิซาคิส ซิมเพลก

การแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่า -35 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 15 ชั่วโมง หรือ ต่ำกว่า -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 7 วัน หรือ ผ่านความร้อนมากกว่า 60 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 5 นาที ก่อนการประกอบอาหารจะทำให้พยาธิชนิดนี้ตายได้

นอกจากพยาธิบางชนิดที่พบในปลาดิบแล้ว ยังพบแบคทีเรียบางชนิด และเชื้อไวรัสตับอักเสบเอในอาหารดิบด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขอนามัยและความสะอาดของขั้นตอนการเตรียมอาหาร ดังนั้นถ้าคิดจะรับประทานปลาดิบ ควรดูให้แน่ใจก่อนว่าขั้นตอนการประกอบอาหาร สะอาด ถูกหลักอนามัยหรือไม่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจและเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อหลายชนิดจากปลาดิบ
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=340 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=340> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แพทย์ใช้กล่องส่องทางเดินอาหารคีบพยาธิออก</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ที่มาผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กันยายน 2550 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>