ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ชุ่มชื่นใจครับ รู้สึกมีความหวัง

 

ทารกเพศหญิงหรือชายครับ
ผมเดาว่าชาย ถูกไหมเอ่ย
เฉลยหน่อยครับ

 

ถูกแล้วครับพี่ เพศชายครับ
เด็กคนนี้น่ารักจริงๆเลยนะครับ

...............................

 

ขอบคุณ จขกท.ที่แบ่งปันความรู้สึกและภาพอันน่ารักมาให้เพื่อนสมช.ได้ชมกัน นี่แหละที่เราทุกคนอยากได้รับกัน อย่าลืมส่งมอบพลังความรักและเมตตาอันบริสุทธิ์ออกจากจิตประภัสสรกันให้มากๆนะคะ โลกนี้จะอยู่กันอย่างสันติสุขค่ะ

:z4;aa7;aa50

 

เข้ามาอ่าน สิ่งที่ดีดี คิดดี ก็สนับสนุนค่ะ ส่วนสิ่งที่ไกลเกินหนูยังไม่มีข้อสรุปค่ะ ทำดีต่อไปนะคะ

 

ตรงนี้ขอเล่าเสริมหน่อย ฟังจิตจักรวาลมาเมื่อวานนี้ข้อมูลที่ออกมาจากทางนี้ หลายเรื่องน่ะมันตรงกับทีมคุณชยุตแปล
โลกกำลังได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็น ค่อยไป ไม่ใช่แบบฉับพลันทันที
ดังที่บางกลุ่มคนว่า และ DNA ของผู้ที่ถูกเลือกก็กำลังถูกเปลี่ยนโดยรูปธรรมชั้นสูงจากต่างมิติหรือต่างกาแลกซี่
คือเมื่อก่อนไม่มีข้อเหล่านี้เปิดเผยออกมา ตอนนี้ค่อยๆ แย้มออกทีละนิด เหมือนเป็นรางวัลให้ผู้ฟังที่นำวิธียกจิตสำนึกไปปฎิบัติ...
...ถ้านึกอะไรออกค่อยมาเล่าต่อ

 

ค่อยๆเป็นค่อยๆไป .... มันเรื่องปรกติแท้ๆ มันก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ค่อยเป็นค่อยไป........

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2012
December 23-30 , 2012


วันที่โพสท์ 24/12/2012
ผู้แปล: อจิตตะ
ที่มา:HILARION 2012 - The Rainbow Scribe

ตอนที่ ๑

๑.และแล้วเราก็ได้เข้าสู่ยุค new golden age.
ขอต้อนรับคุณคุณด้วยความปิติยินดีอย่างสุดซื้ง

ความเข้มข้นของพลังงานที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังคงเคลื่อนที่ไปตามกิจกรรมที่เกิดขึ้น
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกต่างก็ขมักเขม้นที่จะปรับมิติให้มีความถี่ที่สูงยิ่งขี้น
และจะปรับไปเรื่อย ๆจนกว่าจิตแต่ละดวงจะ”รู้ตื่น”ในแสงแห่งมิติใหม่

๒.ภารกิจนี้เป็นทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม ใครก็ตามที่ตื่นรู้แล้ว ก็จะส่องแสงของเราเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อสรรพสิ่งรอบ ๆ ตัวตามที่เห็นและจะเป็นไปตามต้องการ
การเริ่มเปล่งประกายแสงของคุณในขณะนี้มันมีความสำคัญกว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นไหน ๆ เพราะเป็นการเผยตัวออกมาแสดงวิสัยทัศน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลของคุณต่อโลกใบนี้...

๓.การที่คุณได้มาสู่โลกก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้
เพราะโลกเป็นศูนย์รวมของร่างมนุษยที่คุณสมบัติที่เหนือกว่าของคุณสามารถปรับ
เปลี่ยนให้เข้ากันได้ ซึ่งเป็นความปรารถนาของคุณคุณ...

๔.เมื่อก้าวขึ้นสู่ปีใหม่
คุณคุณต่างก็จะก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้นไปตามชะตากรรมของแต่ละคนและก็จะเคลื่อน
ตัวไปรวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกมากยิ่งขึ้น
และการรวมตัวของกลุ่มพลังบนโลกครั้งนี้จะก่อให้เกิดความมหัศจรรย์อย่างเห็นได้ชัด...

๕.คุณคุณจะรู้สึกได้ถึงความหนักเบาของพลังงานแห่งมิติที่ต่ำกว่า(ฝ่ายมืด= ผู้แปล)ที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากตัวของคุณ ความปิติสุขที่ไม่ใช่ด้านโลกีย์วิสัยจะเกิดขึ้นแก่คุณ มันเป็นความรู้สึก คล้ายกับคุณฝึกสมาธิจิต
คุณจะเริ่มพบเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยคิดว่ามันมีอยู่ในโลกใบนี้

 

THE HILARION’S WEEKLY MESSAGE 2012
December 23-30 , 2012


วันที่โพสท์ 24/12/2012
ผู้แปล: อจิตตะ
ที่มา:HILARION 2012 - The Rainbow Scribe

ตอนที่ ๒

๖.ในบางคนอาจจะเห็นได้ชัดจากการสังเกตุว่ามีความรู้สึกสดชื่น สดใส ขึ้นอย่างกับว่าได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ๆ ในโลกใบนี้
แสงทองที่ส่องฟ้าก็ดูขาวสว่างสดใสให้ความรู้สึกว่าโลกและรอบ ๆ ตัวคุณที่คุณได้เห็นอยู่ทุกวันนั้นมันได้ปลุกให้คุณตื่นขึ้นมารับกับความรู้สึกแปลกใหม่ ที่คล้ายกับการออกจากสมาธิมาใหม่ ๆ

๗.เมื่อปีที่แล้ว คุณได้พยายามที่จะรวบรวมแสงเหล่านี้ เพื่อนำ
มาปกป้องดาวเคราะห์ดวงนี้ให้ปลอดภัยเพื่อที่จะก้าวกระโดดสู่วงจรของกาแลคซี่ใหม่ เปิดทางให้ตะวันได้ทอแสงมายังขอบฟ้าใหม่บนดาวเคราะห์ดวงนี้...
มันจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณยังคงต้องอยู่เป็นสายดินเพื่อรองรับพลังงานอันบริสุทธิ์ให้กับชั้นบรรยากาศของโลก
นี่เป็นวิธีที่ง่ายและเป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับวิถีชีวิตมนุษย์
เพราะมันจะทำให้คลื่นกระแสไฟฟ้าบนโลกลดลง
แล้วทุกชีวิตบนโลกใบนี้ก็จะเต็มไปด้วยความสวยงามและสะดวกสบาย

๘.ทัศนะคติเก่า ๆ จะเริ่มสลายตัวไป การทำธุรกิจในวิธีแบบดั้งเดิม ก็คงจะใช้ไม่ได้เสียแล้วกับโลกแห่งพลังงานใหม่นี้
ซึ่งในขณะนี้ เราสามารถบอกคุณได้ว่า...สัญญาณของความสามัคคี, สันติภาพและความร่วมมือจะเกิดขึ้นให้มวลมนุษยชาติบนโลกนี้ได้เห็น และยังจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความรู้สึกเอื้ออาทรซึ่งกันและกันจะเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก

๙.จงใช้ความรักของคุณนำคุณสู่ความผ่อนคลาย และมีความสุขกับพลังงานที่เพิ่มขึ้น ๆ
เบิกบานกับพลังงานที่เพิ่มขึ้น ๆ และนำความสุขความเบิกบาน ของคุณส่งต่อไปยังผู้ที่คุณรักเหมือนดั่งการเฉลิมฉลองให้กับชีวิต(ที่ยังลมหายใจอยู่=ผู้แปล)

จนกว่าจะพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า
I Am Hilarion

 

แล้วตกลงพวกคุณๆ ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5 สำเร็จแล้วหรือยัง_??

คงไม่ใช่ว่ากำลังค่อยๆเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปนะครับนะ
เพราะมันคงไม่ใช่การ ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการ อย่างที่บอก

 

มันไม่ต้องก้าวกระโดดหรือต้องเป็นอย่างที่บอกก็ได้ครับมันก็เป็นแค่คำๆนึงที่ใช้เปรียบเทียบหรือหยิบขึ้นมาใช้เท่านั้นเองอาจจะเดินธรรมดาๆก็พอเนี้ยแหล่ะ ละคนที่ยกระดับได้แล้วคงไม่มาประกาศตัวเองว่า ''เย้ผมยกระดับแล้วนะครับ'' ให้คนด่าว่าเพี้ยนเหรอกครับ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจของใครของมันคงไม่ต้องมานั่งเป็นกงการกับใครหรือต้องรายงานใคร

 

UFO v Rusku (UFO In Russia) 23. December 2012 - YouTube


เป็นภาพที่สวยงามและน่าหัศจรรย์จริงๆ ( UFO 23 ธันวาคม 2012 /รัสเซีย)
รอดูของขวัญชิ้นต่อไปที่ค่อยๆเผยออกมากันนะครับ
มั่นใจว่าก้าวกระโดดนี้จะชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้สึกเหมือนเราได้เข้ามาอยู่ในช่วงเวลาของการเชื่อมต่อกับมิติอื่นๆที่สลับซับซ้อนขึ้น
ที่โลกเองก็ค่อยๆสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกใหม
รวมทั้งอนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครจินตนาการได้ถูกต้องทั้งหมด เพราะมันมีหลายทางเลือกครับ
ซึ่งแต่ละทางเลือกก็เต็มไปด้วยการตัดสินใจและการผจญภัยที่จะก้าวไปข้างหน้า
ยังไงก็เปิดหัวใจรับยุคใหม่กันอย่างมีความสุขนะครับ



Costa Rica Dec 23,2012​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=MrzdU0qHIQQ&feature=player_embedded"]UFO Sightings Huge Flying Metallic Saucer Shaped UFO Mass Eyewitness Costa Rica Dec 23,2012 - YouTube[/ame]

 

ขออนุญาตอธิบายหน่อยนะครับ เพราะว่าหลายท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้แนวนี้ของพวกเรา
ก็อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับข้อมูลแนวนี้สักเท่าไหร่ หรือไม่ก็อาจจะยังไม่ได้อ่านเนื้อหามากพอหนะนะครับ

คำว่า "ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ ไปสู่มิติที่ 5"
อันนี้ผมเลือกใช้คำพูดที่ตรงมากที่สุดแล้วหละครับ
เพราะว่า ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้วิวัฒนาการของมนุษย์เร่งเร็วขึ้นแล้ว
ท่านรู้ไหมครับว่า เราต้องใช้เวลายาวนานสักเท่าไหร่ กว่าที่จะวิวัฒน์มาได้ถึงขนาดนี้

ในประวัติศาตร์ที่ผ่านมา ถ้าอ้างอิงตามนักมานุษย์วิทยา ท่านก็จะพบว่า
กว่าจะวิวัฒน์ไปได้แต่ละขั้น เราต้องใช้เวลาถึงหลายแสน หรือหลายล้านปีเลยทีเดียว

ทีนี้เราลองกลับเข้ามาสู่เนื้อหาของกระทู้นี้กันนะครับ
คำว่าวิวัฒนาการในที่นี้ หมายถึงวิวัฒนาการทางจิตสำนึกเป็นหลัก
ซึ่งแน่นอนว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ดังนั้น มันจึงจะมีผลกระทบต่อร่างกายด้วย
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น โดยสรุปย่อๆ อย่างที่ผมได้เคยสรุปไปแล้ว
หลายสิบครั้งก่อนหน้านี้ ก็คือ

มนุษย์เราในยุคนี้ จะใช้เวลาแค่ราวๆ 1000 ปีเท่านั้นเอง
ที่จะวิวัฒน์จากการเป็นมนุษย์อย่างที่เราๆท่านๆเป็นกันอยู่นี่แหละ
ไปสู่มนุษย์ยุคใหม่ ที่มีระดับจิตสำนึกไม่ต่ำกว่าระดับจิตสำนึก
ของพระอริยะเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง แม้แต่พระอรหันต์ด้วยซ้ำไป

เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะครับ พูดชัดๆไปเลยว่า มนุษย์ทั้งโลก
จะมีระดับจิตเป็นพระอริยะเจ้ากันหมด ภายในระยะเวลา ราวๆ 1000 ปี

อย่างนี้เรียกว่าเร็วไหมหละครับ ถ้าเทียบกับวิวัฒนาการไปตามธรรมดาๆ
ซึ่งไม่รู้จะใช้เวลาอีกซักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะต้องเวียนว่ายตายเกิด
และสั่งสมบุญบารมีไปอีกกี่ภพชาติ ถึงจะบรรลุธรรมได้ขั้นใดขั้นหนึ่ง ทั้งโลกแบบที่ว่านี้

วิวัฒนาการแบบที่ว่า จะทำให้ระดับจิตสำนึกของมนุษย์สูงขึ้น
ทำให้ DNA ของมนุษย์สามารถใช้งานได้มากขึ้น ดังนั้น
ทั้งร่างกาย และ สมองของมนุษย์ ก็จะมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้มากขึ้นด้วย
ดังนั้นร่างกายของมนุษย์ ก็จะสามารถดูแลรักษา และซ่อมแซมตัวมันเองได้มากขึ้น
โรคภัยไข้เจ็บ ก็จะไม่มีในที่สุด อายุก็จะยืนยาวขึ้น สุขภาพดี-สมบูรณ์เป็นปกติ
สติปัญญาก็จะสูงขึ้น

และความสามารถพิเศษทั้งหลาย ที่มันเป็นสิ่งที่มนุษย์ควรจะทำได้อยู่แล้ว
เช่น การล่องหน หายตัว การอ่านใจผู้อื่นได้ การโทรจิตได้ ฯลฯ ก็จะกลับคืนมา
พวกเขาใช้คำว่า "กลับคืนมา" หนะนะครับ เพราะว่าแต่เดิมนั้น มนุษย์เราก็ทำได้
และถูกออกแบบมาให้ทำแบบนั้นได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อเรามาอยู่ในโลก
ที่มีความหยาบ มีความหนาแน่นทึบตันแบบมิติที่ 3 นี้แล้ว
จึงทำให้ความสามารถของเรา ถูกบดบังเอาไว้ และเราก็ไม่ได้ใช้งานมันอีกเลย

พลังงานของโลก และของทั้งระบบสุริยะด้วยซ้ำไป กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทุกวันๆ
เพราะการที่ระบบสุริยะของเรา กำลังมาอยู่ในจุดที่ได้รับพลังงาน
จากดวงอาทิตย์ใจกลางแกแล็กซี่แบบเต็มๆอยู่ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ
ราวๆ 26,000 ปี ประกอบกับ ทุกๆครั้งที่ดาวเคราะหืโลกของเรา
เข้ามาสู่จังหวะ หรือวัฏจักรแบบนี้ จักรวาล ก็จะมี "แผนการอันศักดิ์สิทธิ์"
คอยช่วยเหลือให้ชาวโลก สามารถเลื่อนระดับจิตสำนึกขึ้นให้ได้มากที่สุดด้วย
ซึ่งพวกเขา เช่น "ท่านมิคาเอล" และรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่ 6 ที่ชื่อ "รา" เป็นต้น
เรียกว่า "เทศกาลเก็บเกี่ยว" (Harvesting time) ดูตัวอย่างข้อความของท่านมิคาเอล
ได้จากลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ ส่วนข้อความของ "รา" ดูได้จากหนังสือชุด
The Law of One

DMC - Archangel Michael: The Universal Cosmic Web * The Harvesting

"The Universal Cosmic Web * The Harvesting"
Archangel Michael through Ronna Herman

รายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้
พวกเราได้แปลและโพสต์เอาไว้มากมายก่ายกองแล้ว น่าจะหลายร้อยโพสต์แล้วมั๊ง
ถ้าไม่ใช่มากกว่านั้นอีก

แต่ว่า..บางทีคำว่า 1000 ปีนี่มันก็อาจจะเหมือนยกตัวเลขเยอะๆที่เราไม่สามารถพิสูจน์ได้
มาให้เรามีความหวังเล่นๆหนะนะครับ ดังนั้น ผมจึงอยากจะยกเอาตัวเลขใหม่มาให้ท่านดูแทน

อ้างอิงตามข้อมูลของครายออน (Kryon) ที่สื่อสารมาในตอนที่ชื่อว่าอะไร
ผมก็จำไม่ได้ซะแล้วสิครับ แต่ครายออนบอกว่า ให้จับตาดุทวีปแอฟริกาไว้ให้ดี
เพราะว่าที่เราเห็นแต่ความอดอยาก ยากแค้น และกดขี่ข่มเหงอยู่ในตอนนี้นั้น
มันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว ภายในระยะเวลา 18 ปีนี้

และรวมถึงให้จับตาดูแนวโน้มของผู้นำแต่ละประเทศในโลกให้ดี
ทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน แม้แต่ประเทศเกาหลีเหนือเอง
แม้แต่ USA เอง และแม้แต่อิหร่านเองก็ด้วย ประมาณว่า ภายใน18 ปีนี้ก็จะได้เห็นกันหละ

และก็ที่บอกว่า ตอนนี้ DNA ของมนุษย์กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอยู่นั้น
เราก็จะได้เห็นกันอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ในอีก 3 generation ข้างหน้า
ซึ่งก็แปลว่า รุ่นหลานของพวกเรานั่นเอง เพราะว่า อย่างที่บอกไปแล้วว่า
ระดับพลังงานของโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นทุกๆวัน และก็กำลังส่งผลกระทบ
ต่อ DNA ของมนุษย์อยู่ ดังนั้น ลูกของเรา ก็จะมี DNA พัฒนาไปมากกว่าเรา
และหลานของเรา ก็จะมี DNA ที่พัฒนาไปมากกว่าลูกของเราซะอีก

ซึ่งผลพวงของการมี DNA ที่พัฒนาไปมากกว่าเรานี้ ก็จะทำให้หลายๆอย่างในตัวพวกเขา
แตกต่างจากพวกเราไป ทั้งทางด้านกายภาพ และ ทางด้านจิตสำนึกด้วย
เช่น พวกเขาอาจจะมีสัมผัสพิเศษกันทุกๆคน อย่างเป็นธรรมชาติ อะไรแบบนั้นก็ได้
ในขณะที่คนรุ่นเรา ต้องฝึกสมาธิกันแทบเป็นแทบตาย
กว่าจะสามารถมีสัมผัสพิเศษ หรือมี "อภิญญา" เล็กๆน้อยๆได้

แต่พวกเขาจะไม่ต้อง เพราะว่าพวกเขาจะสามารถใช้งานมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เพราะว่าพวกเขาจะมีความสามารถเหล่านั้น มาตั้งแต่กำเนิดแล้ว นั่นเอง

บางท่านอาจจะนึกไม่ออกว่า การที่ DNA เปลี่ยนไปในทางที่พัฒนาขึ้น
มันจะเกี่ยวข้องอะไรกับการบรรลุธรรม หรือจะเกี่ยวข้องยังไง
กับการมีความสามารถพิเศษต่างๆ

ถ้าท่านใดมีคำถามแบบนี้อยู่ ก็แสดงว่าท่านไม่รู้ว่า ที่พวกเราฝึกสมาธิกัน
หรือฝึกจิต หรือ ปฏิบัติธรรมกันอยู่นี่ มันจะไปทำให้เกิดอะไรขึ้นกับระบบ DNA
และกับระบบสมอง และกับทุกๆเซลในร่างกายของพวกเรานั่นเองครับ

ผมขอแนะนำให้ท่านอ่านข้อมูลในกระทู้อื่นๆประกอบด้วยนะครับ โดยเฉพาะ
กระทู้ที่เป็นข้อความของครายออน และของท่านเมตาตรอน ของท่านมิคาเอลก็ด้วยครับ
เพราะว่าถ้าจะให้ผมอธิบาย มันก็คงจะยาวหนะนะครับ

ปล.ผมก็ไม่ได้บอกนะครับ ว่าให้เราอยู่เฉยๆ แล้ว "พลังงาน" จะทำให้เราบรรลุธรรมเอง
นั่นมันไม่ใช่เลย เพราะว่ามันไม่อาจจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะว่าพวกเราต้องลงมือกระทำด้วย
คือต้องชำระสะสางตัวเองให้หมดจดจากพลังงานด้านมืดและด้านลบทั้งหลาย
ที่เราสั่งสมมานับภพชาติไม่ถ้วนให้หมดไปด้วย สรุปว่าเราก็ต้องปฏิบัติธรรมด้วยนั่นเอง
แต่เป็นการปฏิบัติในแบบที่สอดคล้องกับสัจธรรมระดับจักรวาล ไม่ใช่สัจธรรมระดับศาสนา
หรือระดับความเชื่อของลัทธิใดลัทธิหนึ่งเท่านั้น

แต่การปฏิบัติจิต - ปฏิบัติธรรม ที่ว่านี้ มันจะง่ายดายขึ้น และรวดเร็วขึ้น
เพราะว่าตอนนี้ระดับพลังงานที่สูงขึ้นของโลกเรา มันจะเอื้ออำนวยได้มากทีเดียว
มากกว่าในยุคใดๆที่ผ่านมาทั้งหมด ตลอดระยะเวลา 26,000 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว

แต่ผมขอละไว้ ไม่กล่าวถึงในรายละเอียดนะครับ เพราะว่ามันมีอยู่แล้ว
ในกระทู้ และในข้อความที่มากมายก่ายกองของพวกเราครับ

......................................................

 

ขอเสริมคุณชยุตครับ คงจะคล้ายๆกับที่พระปฎิบัติธรรมสูงๆ แล้วเถ้ากระดูกกลายเป็นพระธาตุหรือแก้วไปนะครับ

 

มนุษย์เราในยุคนี้ จะใช้เวลาแค่ราวๆ 1000 ปีเท่านั้นเอง
ที่จะวิวัฒน์จากการเป็นมนุษย์อย่างที่เราๆท่านๆเป็นกันอยู่นี่แหละ
ไปสู่มนุษย์ยุคใหม่ ที่มีระดับจิตสำนึกไม่ต่ำกว่าระดับจิตสำนึก
ของพระอริยะเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง แม้แต่พระอรหันต์ด้วยซ้ำไป

เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะครับ พูดชัดๆไปเลยว่า มนุษย์ทั้งโลก
จะมีระดับจิตเป็นพระอริยะเจ้ากันหมด ภายในระยะเวลา ราวๆ 1000 ปี
-----------------------------------------------------------------

เรากำลังจะเข้าสู่ยุคของพระศรีอารย์สัมมาสัมพุทธเจ้าใช่้ไหม่คะ?

 

อ่านแล้วดูเหมือนกับว่า การที่มีเทพหรืมาบอกอะไรล่วงหน้าหรือไม่ก็เห็นสำคัญเลยเพราะยังไงเสีย ทุกอย่างก็เป็นเป็นของมันไปอย่างนัี้นอยู่แล้ว เช่นนั้นเอง........

 

จะว่าอย่างงั้นก็ได้ครับ ไม่ผิดหรอก เพราะว่าทางเลือกมันเป็นของเราอยู่แล้ว

เพราะว่าถ้าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว เป็นคนที่ดี มีศีลธรรม และอุทิศตน
เพื่อคุณงามความดีมาตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะรู้เรื่องการเลื่อนระดับขึ้นนี้หรือไม่ก็ตาม
เราก็จะเลื่อนระดับขึ้นทางจิตสำนึกไปเองตามวิถีของเราอยู่แล้วหละครับ
แต่แค่มันจะง่ายกว่ายุคก่อน และเร็วกว่ายุคก่อนๆมากเท่านั้นเอง
แต่เราก็จะไม่รู้หรอกว่ามันง่ายกว่า และเร็วกว่า เพราะว่าเราไม่มีตัวเปรียบเทียบ
และเราก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นในระดับจักรวาลนี้อยู่

เพราะฉะนั้น รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลาย พวกเขาก็พูดอยู่แบบนี้เสมอๆเหมือนกัน
ว่าจริงๆแล้ว มีแค่คนไม่กี่ % บนโลกนี้เท่านั้นเอง ที่รู้เรื่องนี้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญนักหรอก
ว่าใครจะรู้หรือไม่ เพราะที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ "พลังงานบวก" ที่แต่ละคน ควรจะพัฒนาขึ้น
ทั้งในระดับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองต่างหากหละครับ

และอันที่จริงแล้ว ข้อความจากต่างมิติทั้งหลายพวกนี้ แรกเริ่มเดิมทีแล้ว
เขาก็จะรับ - และส่งสาส์นกัน ในแวดวงของพวก Starseed หรือ Lightworker
ที่อาสาลงมารับใช้โลกในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้หนะนะครับ
ดังนั้น ความเข้าใจของคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีอยู่แค่ 5% ของคนทั้งโลก หรือแค่
350 ล้านคนเท่านั้นเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะว่าคนพวกนี้
เขาจะต้องมาทำหน้าที่เฉพาะตัวของเขาบางอย่าง พวกเขาจึงจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้

และเพราะว่าพวกเขามีรหัสบางอย่างที่ถูกใส่ไว้ใน DNA ของพวกเขา
ดังนั้น พอถึงวันที่พวกเขา "ตื่น" ขึ้นมา พวกเขาจึงจะสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
และข้อความจากต่างมิติเหล่านี้ คือส่วนหนึ่งที่จะทำให้พวกเขาตื่นขึ้นมานั่นเองครับ

ปล. Starseed คือพวกที่มาจากภพภูมิอื่น/ดาวดวงอื่น/มิติอื่นที่สูงกว่า เพื่ออาสา
มารับใช้โลกครับ พวกเขาอาจจะมาในยุคสมัยที่แตกต่างกันไป มากน้อยต่างกันไป
แล้วแต่ความเหมาะสมครับ พวกนี้ก็รวมถึงศาสดาของหลายๆศาสนาด้วย เช่น พระเยซูเป็นต้น
รวมถึงครูบาอาจารย์ในสายงานต่างๆด้วย ทั้งทางโลกและทางธรรม
ไม่ยกเว้นแม้แต่ในแวดวงการเมือง วิทยาศาสตร์ และ ฯลฯ ครับ

...........................................................

 

เนื่องในวาระปีใหม่ที่ไกล้จะถึงนี้..
ลุงขออวยพรให้พวกท่านข้ามมิติกันได้สำเร็จสมปราถนาในปี2013นี้นะครับนะ
อย่างช้าก็ขออย่าให้เกินชาตินี้เลยนะครับ
สวัสดีปีใหม่เอย(^)

 

ขอบคุณครับ แต่ว่าอันที่จริงแล้ว ก็ไม่มีใครบอกได้หรอกนะครับ
ว่าคนไหนจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ถึงจะบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งได้
ในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นนี้ก็เช่นเดียวกัน เพราะว่ามันก็คือ
การเลื่อนระดับขึ้นของจิตสำนึก หรือการบรรลุธรรมเช่นเดียวกัน
ไม่มีใครบอกได้หรอก ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่

แต่ต่างมิติก็บอกไว้อยู่หลายครั้งเหมือนกันครับว่า ชาตินี้หนะ
คือภพชาติสุดท้ายของหลายๆคนแล้วหละ เพราะว่าได้เตรียมตัวมาอย่างดี
ตั้งแต่หลายภพชาติแล้ว อะไรแบบนั้นหนะนะครับ

และการที่ผมบอกว่า ปี 2013 นี้จะเป็นปีแห่งปาฏิหาริย์สำหรับหลายๆคน
รวมถึงหวังว่าจะสำหรับตัวเองด้วย ก็หมายความว่า
อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในจิตสำนึกของตัวเองหนะนะครับ
เช่น สำเร็จวิชาพลังกุณฑาลิณี หรือบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง
หรืออะไรก็ตามแต่ ที่แต่ละคนปราถนาเอาไว้ ซึ่งเป็นไปในทางบวก
และเป็นไปเพื่อคุณงามความดีสูงสุดของทั้งตัวเองและผู้อื่น

และพวกเราหวังว่า ปี 2013 นี้ อาจจะมีอะไรที่จะมาทำให้
จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก ถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ จนยกระดับขึ้น
หรือจนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี อย่างมากมายก็ได้นะครับ
นี่แหละคือสิ่งที่บรรดา Starseed & Lightworker ทั้งหลาย
ปราถนาหละครับ เพราะว่าความเป็นไปทุกอย่างในโลกใบนี้
จะดีหรือร้ายอย่างไร ขึ้นอยู่กับ "ใจคน" ครับ

การเลื่อนระดับไปอยู่ในมิติอื่นนั้นหนะ ต้องใช้เวลาครับ
เพราะว่ากระบวนการมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง
และแม้ว่าใครจะรู้เรื่องนี้หรือไม่ หรือจะยากเลื่อนระดับ/มิติหรือไม่ก็ตาม
แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วนั่นแหละครับว่า ถ้าท่านเป็นคนดีมีคุณธรรมอยู่แล้ว
ท่านก็เข้าข่ายโดยอัตโนมัติ และท่านก็จะเลื่อนระดับ/มิติขึ้นโดยอัตโนมัติด้วย
เพราะว่ากระบวนการนี้ มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในระดับจักรวาล
และก็ดาวเคราะห์โลกใบนี้ก็ได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว

และดังนั้น ตราบใดที่ท่านเข้าข่าย และยังอยู่บนโลกใบนี้อยู่
ท่านก็ไม่อาจที่จะไม่เลื่อนระดับ/มิติขึ้นไปได้หรอกนะครับ
เพราะว่ามันเป็นเรื่องของระดับจิตสำนึก/ระดับความสั่นสะเทือนของจิตท่านเอง
ที่ระดับเดียวกันก็จะต้องไปด้วยกัน แต่ระดับที่ต่างกันก็จะไปด้วยกันไม่ได้


ปล.วันนี้มีใครลองนั่งสมาธิดูหรือยังครับ โอโฮ..เมื่อตอนเที่ยงนี้
ผมลองนั่งสมาธิดูแล้วในที่ทำงาน รู้สึกพลังบวกดีมากๆเลยหละครับ
เพราะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ วันนี้เป็นวันที่คนทั่วโลกเบิกบาน
มีความสุข สนุกสนาน และแบ่งปันน้ำใจให้กันและกัน
นี่แหละคือที่มาของพลังบวกหละครับ..

มันก็เลยทำให้ใครก็ตามที่นั่งสมาธิในวันนี้ จะสามารถสงบได้เร็ว ลึก
และนานกว่าปกติหนะนะครับ..ลองพิสูจน์กันดูนะครับ


........................................................

 

หนูว่ามันก็ดีนะคะ เอาแบบไม่ต้องคิดเยอะมากมาย มันก็คือการที่ทำให้เราคิดดี ทำดี พูดดี สิ่งนี้มันเป็นพลังงานบวกต่อตัวเราเองและผู้อื่นอยู่แล้ว อันนี้คิดแบบพื้นฐานในแง่มุมของหนูนะ