ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามอำนาจของบุญที่จัดสรรไว้ให้นะครับ
    เชื่อในผลบุญความดี เหมือนที่พระท่านสอนไว้
    "การสั่งสมบุญ ย่อมนำสุขมาให้"

    อีกอย่าง...อย่าประมาทในผลกรรม แม้นิดเดียวก็ย่อมให้ผล
    หากยังไม่ซึ่งพระนิพพาน ก็ยังต้องเสวยผลของกรรมดี และกรรมชั่วกันต่อไป
    ตามบุญ-บาปที่ส่งผล

    สุดท้ายยินดี และดีใจด้วยนะครับ ที่ได้ดวงแก้วไปครอบครองถึง 2 ดวงครับ:cool:
     
  2. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905


    เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งค่ะ และขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำฝนด้วยจ้า

    จันทรกาล
     
  3. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบขอบพระคุณค่ะน้องธรรมวิวัฒน์ _/|\_
     
  4. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    ]ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ Namfon ด้วยค่ะ
    ในที่สุดก็ได้อยู่คู่กัน ขอให้อนุภาพของการสร้างบุญในครั้งนี้ บัลดาล
    ให้คุณ Namfon มีดวงจิตที่แจ่มใส และสว่างไสวเหมือนดวงแก้วค่ะ


     
  5. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    ขอน้อมรับคำอวยพร และกราบขอบพระคุณคุณPhuya เป็นอย่างยิ่งค่ะ _/|\_
     
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุ..สาธุ..สาธุ.. ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่กรุณาเล่าเรื่องราวโดยละเอียด
    เนื่องจากวันที่คุณน้ำฝนติดต่อมาก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก แต่ก็ตอบไปตามจริงค่ะ และได้เรียนคุณน้ำฝนว่า ดวงแก้วแต่ละดวงนั้น มีเจ้าของอยู่ ช่วงนี้ดวงแก้วบรมจักรพรรดิ ขึ้นมาเพียง ๒ ดวงเท่านั้นค่ะ

    ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ คุณน้ำฝนไม่ได้เล่าให้ฟัง อ่านแล้วรู้สึกขนลุก

    ขออนุโมทนาสาธุการด้วยความจริงใจค่ะ

    Numsai
     
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วโรจนราชาบดี และดวงแก้วศศิบุญญรัตน์ ตอน ๑

    ย้อนหลังไปก่อนสมัยสมเด็จพระมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเมืองหนึ่งนามว่า รชตมุนีนคร นครนี้กำเนิดมาจากการอธิษฐานจิตของพระรชตมุนี สร้างเมืองขึ้นมาด้วยฤทธานุภาพมานานมาก จนถึงสมัยของพระโภชน์สุคต ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุขเรื่อยมา

    เหตุที่พระองค์มีพระนามว่า พระโภชน์สุคตนั้น เนื่องจากในวันประสูตินั้น พืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ ในเมืองนี้ เกิดมีผลผลิตที่มากกว่าเดิม ทำให้ชาวเมืองได้รับผลิตผลมากเกินคาด สามารถนำไปค้าขายในต่างเมืองได้ ชาวเมืองที่เคยยากจนก็มีกำไรจากการค้าขาย ด้วยบุญญาธิการของพระองค์

    กาลต่อมา เมื่อพระองค์เติบโตได้เรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ สำเร็จในเวลาอันสั้น ไม่ถึง ๓ ปี ก็สำเร็จวิชาต่าง ๆ ได้ เมื่อถึงวันอันควร พระบิดาให้อภิเษกสมรส กับ พระนางศศิรัตนประภา ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก มีกลิ่นกายที่หอมดุจดอกไม้นานาพันธุ์ ดัวยผลบุญในการก่อน เมื่อพระนางย่างกรายไปที่ใด ดอกไม้บริเวณนั้นจะส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

    ต่อมาทรงมีพระโอรส-ธิดา ๓ พระองค์ พระนามว่า “ศตวรรษ-มหัสนัย(มหา+หัสนัย) –ศิริจันทรา” พระโอรส-ธิดา ล้วนแต่เป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด พระโอรสทั้งสองจุติมาจากสวรรค์ชั้นดุสิต ส่วนพระธิดานั้นมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    คืนหนึ่งพระองค์ทรงสุบินว่า มีดวงแก้วปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ๒ ดวงส่องสว่างไสว พระองค์ปรารถนาที่จะคว้าดวงแก้วมณีนั้นไว้ ปรากฏว่า คว้ามาได้เพียงดวงเดียว ส่วนอีกดวงนั้นได้ลอยไป ณ.ห้องบรรทมของพระมเหสีและหยุดบนแท่นบรรทมของพระมเหสี

    เมื่อทรงตื่นจากบรรทม มีจิตที่แจ่มใสมีความสุขมาก จึงได้เรียกโหราจารย์ให้มาทำนายพระสุบิน โหราจารย์ของเมืองนั้น มีอยู่ ๓ ท่าน คือ ท่านศุภเมศวร์ ท่านสุวัฒน์ และท่านสุขเกษม ต่างทำนายตรงกันว่า

    “พระองค์และพระมเหสีจะได้พบผู้มีบุญญาธิการในอนาคตกาลเบื้องหน้าถึง ๒ ท่าน เมื่อพบแล้วพระองค์และพระมเหสีจะพบแต่สิ่งที่เป็นมงคล และมีที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด
    ความหมายอีกประการของดวงแก้วมณี หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองจะบังเกิดแก่ชาติบ้านเมืองด้วยบุญญาธิการของพระองค์และพระมเหสี”


    พระโภชน์สุคต และพระมเหสีต่างก็มีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงได้สร้างโรงทานตรงประตูทางเข้า-ออกเมืองทั้ง ๔ แห่ง และหน้าพระราชวังอีก ๑ แห่ง ๑ ปีจะมีการสร้างมหาทานอันยิ่งใหญ่ โดยเปิดคลังสมบัติ ๑ วัน เพื่อแจกจ่ายสมบัติแก่ชาวเมืองคนละชิ้น

    นอกจากนั้นได้แจกจ่ายข้าวปลาอาหารแก่คนเดินทางทุกวัน เป็นที่น่าแปลกว่า ไม่ว่าจะแจกจ่ายไปเท่าใด ข้าวของในท้องพระคลังไม่หมด ยังคงปริมาณเดิมอยู่เสมอ ทำให้ชาวเมืองนี้อยู่ดีมีสุข มีฐานะมั่นคงมากขึ้น


    ยังมีต่อ...
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วโรจนราชาบดี และดวงแก้วศศิบุญญรัตน์ ตอน ๒ สละพระชายา

    เวลาผ่านไปหลายปี จนพระโอรส-ธิดาได้เติบโตเป็นหนุ่มสาว วันหนึ่งมีชายชราหนวดสีขาวยาว แต่งตัวคล้ายพราหมณ์มายังรชตมุนีนคร วันนั้นตรงกับวันที่พระโภชน์สุคตได้เปิดพระคลัง เพื่อบริจาคทรัพย์ และแก้วแหวนเงินทองประจำปี เมื่อไปถึงได้ร้องถามว่า..

    “พระราชาจะให้ในสิ่งทุกคนอยากได้ใช่หรือไม่” เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่แจกทรัพย์ด้งกล่าวได้ตอบว่า

    "ใช่แล้ว พ่อพราหมณ์ พ่อประสงค์สิ่งใดฤา”

    พราหมณ์เฒ่าได้กล่าวว่า "เราขอเข้าเฝ้าพระราชาของท่านได้หรือไม่"

    เจ้าหน้าที่จึงพาพราหมณ์ไปเข้าเฝ้าพระโภชน์สุคตทันที พระโภชน์สุคตนี้มีกำลังใจเต็มเปี่ยมที่จะสละทุกอย่างที่พระองค์มี แม้แต่เลือดเนื้อและชีวิต พระองค์ก็ปรารถนาที่จะสละได้

    เมื่อพราหมณ์เฒ่าไปถึงหน้าท้องพระโรง ได้ทำความเคารพ และกล่าวว่า

    “ทรัพย์สินต่าง ๆ ข้าพเจ้าหาได้ต้องการไม่ ข้าพเจ้านั้นอยู่ตัวผู้เดียว ขาดผู้ดูแลยามแก่ชรา ท่านประกาศว่า หากใครประสงค์สิ่งใด ก็จะยกให้โดยไม่มีข้อแม้ ท่านจะคืนคำหรือไม่ หากเราปรารถนาจะได้พระชายาของท่าน ท่านจะมอบให้แก่เราได้หรือไม่”

    ทันทีที่พราหมณ์เฒ่ากล่าวจบ ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง ต่างก็ตะลึงงัน พระโภชน์สุคตนั้น เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดกลางใจ แต่เมื่อพระองค์ตั้งใจจะสละทุกอย่าง จึงได้ตรัสว่า ..

    " พ่อพราหมณ์ เหตุใดพ่อกล่าวเช่นนั้น กษัตริย์เยี่ยงเรา ตรัสแล้วไม่คืนคำ แม้แต่ชีวิตของเรา หากพ่อปรารถนา เราก็จะมอบให้ ...”
    เมื่อตรัสเสร็จ ทรงย่างพระบาทไปหาพระมเหสี กล่าวด้วยถ้อยคำอันไพเราะว่า..

    “น้องหญิงอันเป็นที่รักของพี่ เราได้ร่วมทุกข์สุขกันมาช้านาน น้องหญิงเองไม่เคยทำสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องในการปรนนิบัติพัดวี สิ่งน้อยนิดที่ทำให้พี่ขุ่นข้องหมองใจไม่เคยมี
    มาบัดนี้ พี่ประสงค์จะสร้างบุญใหญ่ พี่ยอมสละแม้ชีวิตเลือดเนื้อของพี่ หากมีผู้ใดประสงค์จะเอาไป ขอน้องจงตั้งใจส่งเสริมในการสละของพี่ในครั้งนี้ด้วยเถิด”

    พระนางศศิรัตนประภา พระนางเองแม้มีความสะเทือนใจ ถึงกับน้ำตาไหลพรากที่ต้องจากพระสวามีและพระโอรส-ธิดา อันเป็นที่รักยิ่ง ด้วยความรักและเคารพในพระสวามี เมื่อพระโภชน์สุคตปรารถนาเช่นนั้น พระนางก็ยอมทำตามโดยไม่มีการโต้แย้ง พระนางได้ตรัสตอบว่า..

    ข้าฯแต่พระสวามีอันเป็นที่รักยิ่ง ท่านเปรียบเสมือนแก้วตา พระโอรส-ธิดา เปรียบเสมือนดวงใจ แม้หม่อมฉันจะมีความอาลัยรักต่อพระองค์ และพระโอรส-ธิดาเพียงใด หม่อมฉันมิอาจขัดพระบัญชาของพระองค์ได้ เมื่อพระองค์ประสงค์สิ่งใด หม่อมฉันเต็มใจที่จะยอมรับในสิ่งที่พระองค์มอบให้ ขอให้หม่อมฉันได้แสดงความรัก และความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายเถิด”

    เมื่อกล่าวจบพระนางได้เดินเวียนทักษิณาพระโภชน์สุคต ๓ รอบ เมื่อครบแล้ว ทรงสลายพระเกศา และเช็ดพระบาทของพระสวามี จากนั้นก็กราบพระบาทพระโภชน์สุคต และได้เดินไปหาพราหมณ์เฒ่า และกล่าวว่า..

    “พ่อพราหมณ์ บัดนี้ท่านได้ตัวของฉันไปแล้ว สุดแท้แต่พ่อพราหมณ์จะให้ฉันทำอะไร ก็ตามใจพ่อพราหมณ์เถิด”

    จากนั้นพระโภชน์สุคต ทรงหลั่งน้ำ ลงมือของพราหมณ์เฒ่า ถือว่าเป็นการมอบพระมเหสีแก่พราหมณ์นั้น พระโอรส-ธิดาต่างก็ร่ำไห้แทบจะขาดใจ เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างกลั้นน้ำตาไม่ไหว บางพวกก็ด่าว่าพราหมณ์เฒ่าที่ไม่รู้จักเจียมตัว บางพวกก็โมทนาสาธุการในการสร้างบารมีของพระราชาของตน

    แท้จริงแล้วพราหมณ์เฒ่าผู้นี้ คือ ท้าวสักกเทวราช แปลงตัวมา เมื่อพระองค์ได้รับพระนางศศิรัตนประภามาแล้ว ก็ได้แปลงร่างเป็นท้าวสักกเทวราชดังเดิม และประกาศดังลั่นท้องพระโรงว่า..

    “พระโภชน์สุคต เราขอโมทนาสาธุการในการบำเพ็ญบารมีของท่าน ครั้งนี้เป็นการทดสอบกำลังใจในการสละพระมเหสีของท่านเป็นครั้งแรก เราขอคืนพระมเหสีแก่ท่าน ขอท่านจงรับไว้เถิด
    ต่อไปในอนาคตกาล จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก ขอให้ท่านได้พบพระองค์ และได้สร้างมหาทานบารมีต่อไปเถิด บัดนี้เราหมดหน้าที่แล้ว เราขอลา..”


    จากนั้นท้าวสักกเทวราชก็หายตัวไป สร้างความยินดีแก่พระโอรส-ธิดา และเหล่าเสนาอำมาตย์ ข้าทาสบริพารเป็นอย่างยิ่ง สำหรับพระโภชน์สุคตนั้น ถึงแม้จะได้พระมเหสีคืนมา แต่พระองค์ตั้งใจสละพระมเหสีแล้ว จึงได้กล่าวแก่พระนางศศิรัตนประภาว่า..

    "น้องหญิง เรานั้นตั้งใจสละเจ้าแล้ว ถึงแม้จะได้น้องหญิงกลับมา ต่อไปขอให้เราทั้งสองต่างประพฤติพรหมจรรย์กันเถอะ"พระมเหสีก็ทรงเห็นด้วยก้มกราบพระสวามีอีกครั้ง

    พระโภชน์สุคตทรงประกาศมอบราชสมบัติแก่เจ้าชายศตวรรษให้ครองราชย์ต่อไป ส่วนเจ้าชายมหัสนัยนั้น ให้ดำรงตำแหน่งเป็นดุจขุนคลังแก้ว และเจ้าหญิงศิริจันทราให้ดูแลการเบิกจ่ายเบสบียงและโรงทาน

    ส่วนพระองค์ และพระมเหสีได้บำเพ็ญศีลเป็นพระดาบส –ดาบสินีในอุทยานหลวงนั่นเอง


    ยังมีต่อ
     
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วโรจนราชาบดี และดวงแก้วศศิบุญญรัตน์ ตอน ๓ ดวงแก้วมณีปรากฏ

    ในวันที่พระโภชน์สุคต และพระมเหสีได้ออกผนวชเกิดแผ่นดินสะเทือน ชาวเมืองเมื่อทราบเรื่องต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ และต่างรักและอาลัยอดีตพระราชาและพระมเหสี ในวันนั้น ปรากฏมีดวงแก้วมณี ผุดขึ้นมาจากสระบัวในอุทยานหลวง ๑ ดวง และผุดขึ้นในพระราชฐานของพระนางศศิรัตนประภา ๑ ดวง สร้างความตื่นเต้นแก่เหล่าเสนาอำมาตย์ และชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง

    โหราจารย์ทั้ง ๓ ต่างทำนายว่า ดวงแก้วทั้งสองนี้ เป็นดวงแก้วคู่บารมี คู่บ้านคู่เมืองจะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองในอนาคตกาลต่อไป สร้างความปิติยินดีแก่ชาวเมืองเป็นอย่างยิ่ง


    พระโภชน์สุคตดาบส และพระศศิรัตนดาบสินีได้สร้างวิหารใหม่ นำดวงแก้วมณีทั้งสอง ประดิษฐานในวิหารหน้าโรงทาน เพื่อให้ประชาชนทั้งหลายได้มากราบไหว้ ขอพระให้ความเป็นสิริมงคล ส่วนทั้งสองพระองค์ต่างก็ปลีกวิเวก แสวงหาโมกขธรรมในถ้ำ ในอุทยานหลวงต่อไป

    พระเจ้าศตวรรษ พระราชาองค์ใหม่ได้จัดให้มีผู้คอยดูแลดวงแก้วเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าของเมือง เรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปยังเมืองต่าง ๆ ทำให้กษัตริย์ และชาวเมืองอื่น ต่างปรารถนาที่จะมาเยี่ยมชม และสักการะดวงแก้วมณีคู่นี้ ทำให้เศรษฐกิจของเมืองรชตมุนีนครนั้น เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    นอกจากนี้ยังมีเมืองอื่น ๆ ที่ห่างไกลปรารกนาจะมาค้าขายกับเมืองรชตมุนีนคร เนื่องจากต่างทราบว่า ชาวเมืองนี้รักษาศีล ๕ บริสุทธิ์การค้าเป็นไปด้วยความโปร่งใส และไม่เอารัดเอาเปรียบกัน หลาย ๆ เมืองจึงอยากค้าขายด้วย ยิ่งทำให้เมืองรชตมุนีนครมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

    กาลต่อมา มีกษัตริย์อีกเมืองพระนามว่า "พระสิทธิมงคล" ได้เชื่อมสัมพันธไมตรี โดยการยกพระธิดานามว่า "เจ้าหญิงเสณณเทวี” เพื่ออภิเษกสมรสกับพระเจ้าศตวรรษ พระองค์เองมิได้ทรงปฏิเสธ เมื่อเห็นพระพักตร์ครั้งแรกก็ทรงหลงใหลในความงามของเจ้าหญิง จึงได้ตอบตกลงทันที

    หลังจากนั้นพระเจ้าศตวรรษก็ได้อภิเษกสมรส กับพระนางเสณณเทวี ปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุข และเจริญรุ่งเรืองตลอดมา

    ต่อมาเจ้าชายมหัสนัย ทรงได้อภิเษกสมรสกับพระนางจินตสินี พระธิดาของพระเจ้าสุทโธราชะ แห่งเมืองวัตตสิทธิ์นคร

    เนื่องจากพระเจ้าสุทโธราชะนั้น มีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว จึงแต่งตั้งเจ้าชายมหัสนัยเป็นรัชทายาทแห่งเมืองนั้นสืบไป จากนั้นพระองค์ได้ย้ายไปอยู่เมืองวัตตสิทธิ์เป็นการถาวร

    ส่วนเจ้าหญิงสิริจันทรานั้น ยังไม่อภิเษกสมรส ทรงอุปัฏฐากพระบิดา และพระมารดาตลอดมา ผ่านไปได้ ๓ ปี


    ยังมีต่อ..
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วโรจนราชาบดี และดวงแก้วศศิบุญญรัตน์ ตอน ๔ ปลีกวิเวก ..

    กล่าวถึงพระโภชนสุคตดาบส หลังจากได้บำเพ็ญธรรมมาได้ ๓ ปี เห็นว่า การอยู่ใกล้ชิดกับอดีตพระมเหสี ทำให้การเจริญสมณธรรมไม่ก้าวหน้า ทรงตรัสแก่พระดาบสินีว่า ..

    “อันสมณะที่จะเจริญในธรรมนั้น ควรปลีกวิเวกอยู่เพียงผู้เดียวตามลำพัง มิควรอยู่เป็นหมู่คณะ น้องหญิง เราเห็นควรว่า เราทั้งสองควรแยกทางกันเถิด ต่างไปคนละทาง วันใดวันหนึ่ง หากพบครูบาอาจารย์ที่ดี เราจะบอกข่าวนี้แก่กัน และส่งเสริมกันให้เจริญธรรมได้ก้าวหน้า”

    พระศศิรัตนฯดาบสินีก็ทรงเห็นด้วยกับความคิดของพระดาบส จึงกล่าวว่า ..

    “ข้าฯแต่ท่านผู้เจริญ หม่อมฉันเห็นด้วยเพคะ หม่อมฉันขอลาท่าน เพื่อไปบำเพ็ญสมณธรรมโดยลำพัง หากเราไม่อยู่ที่นี้แล้ว เราควรจะแจ้งแก่พระราชา พระอนุชา และพระกนิษฐาให้ทรงทราบก่อนเถิด”

    จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้ออกจากพระอุทยานไปยังพระราชวัง เมื่อเสนาอำมาตย์ได้เห็น ก็รู้สึกปิติยินดีที่อดีตพระราชา และอดีตพระราชินีของตนกลับมา พระโภชน์สุคตทรงตรัสว่า

    “หนึ่งปีที่ผ่านมา เราเห็นว่า พระราชาองค์ปัจจุบันปกครองบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เราไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว เรา และพระศศิรัตนดาบสินี จะมาลาท่านทั้งหลาย เพื่อออกแสวงหาโมกขธรรม วันใดที่เราได้พบพระพุทธเจ้า หรือผู้ที่มีภูมิธรรมสูง เราจะนิมนต์ท่านนั้นมาให้แสงสว่างในการดำเนินชีวิตแก่ท่านทั้งหลาย”

    ประชาชนทั้งหลายก็ต่างโมทนาสาธุการ พระเจ้าศตวรรษมิได้ทรงห้าม เนื่องจากทรงพิจารณาว่า เป็นความประสงค์ของพระบิดา ทรงทำตามที่พระองค์ต้องการ

    จากนั้นพระโภชน์สุคต และพระศศิรัตนดาบสินีได้ทรงแยกกันเจริญสมณธรรม ต่างไปกันคนละทาง
    โดยพระดาบสออกเดินทางไปทางทิศตะวันออก ส่วนพระดาบสินี เดินทางไปทางทิศเหนือของเมือง ฝ่ายเจ้าหญิงสิริจันทรานั้น ไม่ปรารถนาจะครองคู่ ขอออกบวชเป็นดาบสินีติตตามพระมารดา คอยดูแลพระมารดาต่อไป....

    หลังจากที่พระศศิรัตนดาบสินี และพระธิดาได้ออกเดินทางมาหลายวัน ก็ได้มาถึงป่าแห่งหนึ่ง เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก เป็นเรื่องแปลกว่า สัตว์ต่าง ๆ ในป่านั้น มีความเอื้อเฟื้อต่อกัน สัตว์ที่กินเนื้อจะไม่กินเนื้อสัตว์ในป่านั้น ตรงกันข้ามกลับดูแลคุ้มครองกัน ทำให้เกิดความเจริญตาแก่พระดาสบสินีทั้งสอง สิริจันทราดาบสินีได้กล่าวแก่พระมารดาว่า..

    “ข้าฯแต่พระมารดา ป่านี้เป็นที่รื่นรมย์นัก ขอพระมารดาพักผ่อนกายให้หายเหนื่อยก่อน หม่อมฉันจะหาผลไม้ และน้ำมาถวายเพคะ”

    พระศศิรัตนฯดาบสินีทรงเห็นด้วย สิริจันทราดาบสินีก็ได้นำผ้ามาปูพื้นให้พระมารดานั่ง และได้ออกหาผลไม้ในป่า ทรงเห็นกระต่ายป่าตัวหนึ่งมีความนอบน้อมต่อนาง กระต่ายป่านั้นทำท่าทางเหมือนให้ตามไป นางจึงตามกระต่ายตัวนั้น พบว่า มีลำธารใสสะอาด คล้ายกระจกแก้ว นางเห็นว่า สัตว์บาดเจ็บดื่มน้ำในลำธารนั้น แผลก็หายทันที

    นางจึงกล่าวกับกระต่ายตัวนั้นว่า “เจ้ากระต่ายน้อย เจ้ามีคุณแก่เรานัก ขอบใจมากนะที่ขี้แนะทางให้เรา”

    กระต่ายนั้นทำที่เหมือนเข้าใจในสิ่งที่นางพูด จากนั้น นางจึงได้ตั้งจิตอธิษฐาน ต่อเทพารักษ์ และผู้รักษาแหล่งน้ำนั้น ขออนุญาตดื่มน้ำ เพื่อบรรเทาความกระหาย เมื่อนางดื่มน้ำในลำธารเข้าไปก็รู้สึกว่า มีเรี่ยวแรงขึ้นมา นางจึงได้นำใบไม้ใหญ่บริเวณลำธาร เย็บเป็นกระทง นำน้ำนั้นไปถวายแด่พระมารดา ส่วนเจ้ากระต่ายน้อย ก็คอยติดตามพระธิดามาด้วย

    เมื่อพระศศิรัตนฯดาบสินีได้ดื่มน้ำ ก็รู้สึกว่า มีเรี่ยวแรง และผิวพรรณแต่งตึงขึ้นมา คล้ายมีอายุไม่ห่างจากพระธิดานัก สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ทั้งสองพระองค์มาก พระนางกล่าวว่า ..

    “ลูกรัก นี้คงเป็นลำธารทิพย์ในตำนานที่เล่าขานสืบกันมาแน่ อันแม่นั้นไม่มีพระบิดามารดา แม่เกิดจากดงดอกไม้ มีพระฤาษีได้ชุบเลี้ยงแม่มา ไม่เคยออกจากป่าไปไหน นอกจากคอยอุปัฏฐากพระฤาษี ผู้เป็นอาจารย์เรื่อยมา
    เมื่อเติบใหญ่พระฤาษีได้ให้พรานสา อันเป็นลูกศิษย์ของพระฤาษีนั้น นำตัวแม่ไปถวายต่อพระบิดาของเจ้า โดยระหว่างทางนั้น พรานสาได้นำผ้าผูกตาไว้ แม่จึงไม่ทราบว่า หนทางเป็นอย่างไร ระหว่างทางพรานสาได้เล่าเรื่องต่าง ๆ มากมาย เกี่ยวกับป่านี้ แม่ว่า เราตามหาพระอาจารย์ของแม่กันเถอะ”


    พระธิดาจึงกล่าวแก่กระต่ายน้อยว่า “ท่านผู้มีคุณของข้าฯ ท่านทราบหรือไม่ว่า มีผู้ทรงศีลอยู่แถบนี้หรือไม่”

    กระต่ายทำที่พยักหน้า และให้ตามไป พระศศิรัตนฯดาบสินี และพระธิดาจึงติดตามไปจนกระทั่งพบอาศรมของผู้ทรงศีลท่านหนึ่ง ท่านนั่งหลับตาเข้าสมาบัติ พระศศิรัตนฯ ดาบสีนีนั้น ทราบว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่ ตนเคยอยู่ตั้งแต่เด็ก แต่พระฤาษีนั้น มิใช่พระฤาษีที่ชุบเลี้ยงตนมาแต่อย่างใด แต่เป็นพรานสา ที่เคยนำตนไปถวายแด่พระโภชนสุคตนั้น บัดนี้หน้าตาท่านเปลี่ยนไป เหลือแต่ความเมตตา
    เมื่อนางไปถึง พระฤาษีได้ลืมตาขึ้นมา กล่าวว่า..

    “พระมหาเทวี ข้าฯรอท่านมานานแล้ว พระอาจารย์ของเราได้ดับขันธ์ไปเมื่อหลายปีก่อน ข้าฯเองก็ได้ออกบวชบำเพ็ญพรตมา หลังจากที่นำพระนางไปถวายแก่พระราชาแล้ว พระอาจารย์ได้สั่งเสียว่า ในอนาคตพระนางจะกลับมา และให้ข้าฯ และศิษย์ผู้พี่ ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้พระนาง และพระธิดา

    บัดนี้ เป็นความจริงแล้ว ขอพระนางอยู่ที่นี่ บำเพ็ญพรตต่อไปเถิด ในที่นี้ นอกจากข้าฯแล้ว ก็มีศิษย์ผู้พี่อยู่ด้วย ท่านได้ไปโปรดลูกศิษย์ ไม่กี่วันก็จะได้กลับมา"


    พระศศิรัตนฯดาบสินี มีความปลื้มปิติใจกล่าวว่า...

    “ข้าฯแต่ศิษย์พี่ ท่านเป็นผู้มีคุณแก่ข้าฯยิ่งนัก ตั้งแต่ข้าฯเกิดมา นอกจากพระอาจารย์แล้ว ท่านเปรียบเสมือนเป็นพี่ชาย คอยดูแล ให้ข้าฯได้เสวยสุข
    บัดนี้ยังเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาแก่ข้าฯ อีก บุญคุณนี้ชาตินี้คงตอบแทนไม่หมด ข้าฯ และธิดาจะอุปัฏฐาก จนสิ้นอายุขัย”
    จากนั้นพระนาง และพระธิดาได้กราบท่านสาฤาษีด้วยความเคารพนอบน้อม


    ยังมีต่อ...


    หมายเหตุ ท่านสาฤาษี ปัจจุบันอยู่พรหมโลก

    พระศศิรัตนฯดาบสีนี = คุณน้ำฝน ,กระต่ายน้อย = น้องหนูดี ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  11. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ว้าว พี่หนูดีเป็นกระต่ายตัวน้อย ๆ ด้วย
    ท่าทางจะน่ารักนะคะ รออ่านประวัติต่อค่ะ
     
  12. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    อ่านแล้วชวนให้ติดตามเรื่องราวเป็นยิ่งนัก รออ่านประวัติต่อค่ะเหมือนกันจ้า น้องต่านต้าน

    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานขอพี่น้ำใสด้วยค่ะ

    จันทรกาล
     
  13. prapaanpong

    prapaanpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +7,992
    มารอชมต่อครับ :cool:
     
  14. winaiwon

    winaiwon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +6,577
    มาติดตามกันต่อ...
     
  15. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    มารออ่านตอนต่อไปครับ....
     
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ต้องกราบขออภัยทุกท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ ความจริงเมื่อวานจะดูต่อให้จบ ปรากฏว่า มีแขกมาบ้านแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า ๒ คณะ ติดต่อกันค่ะ กว่าจะกลับประมาณ ๔ ทุ่มกว่าค่ะ วันนี้จะตั้งใจจะเสนอให้จบค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  17. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ไม่รบกวนพี่น้ำใสขนาดนั้น หรอกครับ
    ก็แซวเล่นตามประสาคนคุ้นเคยนะครับ
     
  18. half wave

    half wave เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +4,260
    มารอติดตามเช่นกันครับ...:cool:
     
  19. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    ตั้งตารอเหมือนกันค่ะ กำลังสนุก ว่าแต่เจ้าหญิงสิริจันทรา คือใครในชาตินี้คะ
    ใครอยากทราบขอเสียงสนับสนุนด้วยค่ะ เนื่องจากในชาตินั้นมีความสำคัญไม่น้อยเลย
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ความแตกต่างระหว่างพระดาบสกับพระฤาษี..

    พระพุทธเจ้า.jpg


    ก่อนที่จะกล่าวในเรื่องต่อไป หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า พระดาบส และพระฤาษีต่างกันอย่างไร จากการที่ได้กราบเรียนถามเทวดาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านอธิบายว่า...

    “พระดาบสนั้น จะเจริญภาวนาเน้นความสงบ ระงับกิเลส และแสวงหาทางดับทุกข์ ไม่เน้นการเล่นฤทธิ์ หรือเรียนวิชาที่มีความโลดโผน หากเทียบกับสมัยปัจจุบัน คล้ายท่านผู้ฝึกตามแนวสุกวิปัสโก บางท่านฝึกจนสำเร็จอภิญญาสมาบัติ หากไม่จำเป็นท่านจะไม่ใช้ จะเน้นการฝึกฝนตนเองมากกว่า

    ส่วนพระฤาษีนั้น มีอัธยาศัยชอบฝึกวิชา มีความเชี่ยวชาญหลายแขนงเช่น...

    - พระฤาษีประเภทนี้จะสำเร็จธาตุ ๔ มีความเชี่ยวชาญวิชาเล่นแร่แปรธาตุ สุดสายอยู่ที่การเนรมิตแก้วจักรพรรดิ ตั้งแต่ดวงเล็ก ๆ ขนาดเล็กกว่ากำมือ จนถึงดวงใหญ่เท่าโอ่งน้ำ สุดแท้ว่ามีบารมีมากน้อยเท่าใด

    - พระฤาษีที่มีความเชื่ยวชาญในการรักษาโรค ท่านจะมีความรู้เรื่องสมุนไพร ๆ ตลอดจนถึงการผสมยาต่าง ๆ สร้างบารมีในทางรักษาโรค อย่าง ท่านชีวก ในอดีตชาติก็เคยเป็นพระฤาษีมา

    - พระฤาษีที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเมตตา ประเภทนี้จะมีวิชาที่สามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวิชาอื่น ๆ ที่เป็นอวิชชาจะไม่ขอนำมากล่าวที่นี้

    รวมความว่า พระดาบสนั้น ชอบการสงบ ระงับนิวรณ์ และตัดกิเลส ส่วนพระฤาษีนั้น มักเกี่ยวเนื่องกับการเล่นฤทธิ์ต่าง ๆ


    และมีสถานที่ที่เป็นแหล่งรวมของพระฤาษีทั้งหลาย มักจะมาแลกเปลี่ยนวิชาที่ทราบในปัจจุบัน เช่น ภูเขาควาย

    ภูเขาควายนั้นอยู่ในประเทศลาว เป็นสถานที่เชื่อมต่อไปอีกมิติ ผู้ที่จะไปดินแดนนั้นได้ต้องเป็นชายเท่านั้น และต้องไม่มีกลิ่นสาบสัตว์

    เคยมีครูบาอาจารย์เล่าขานกันมาว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่งเคยพาท่านเข้าไปสถานที่นั้น แต่ให้ท่านนอนบนใบตอง เมื่อท่านนอนลงจะมีน้ำเหม็นไหลออกจากตัวท่าน จนหมด เมื่อเรียบร้อยแล้ว พระภิกษุรูปนั้นกล่าวว่า...

    “ต้องเอากลิ่นสาบสัตว์ออกก่อน ไม่อย่างนั้นเข้าดินแดนไม่ได้”

    จากนั้นพระภิกษุรูปนั้นก็หายไป ท่านได้เข้าไปพบพระฤาษี และพระผู้สำเร็จมากมาย ต่างคนต่างนั่งภาวนา ถึงเวลาก็จะสนทนาธรรมกันตามวาระ พระฤาษีบางตน ชอบวิชาให้

    รวมความว่า พระดาบสนั้น ชอบการสงบ ระงับนิวรณ์ และพากเพียรในการตัดกิเลส ส่วนพระฤาษีนั้น เกี่ยวเนื่องกับการเล่นฤทธิ์ต่าง ๆ จนสำเร็จฤทธิ์สูง

    นี้เป็นความรู้ที่ได้เทวดาชั้นสูงองค์หนึ่ง ต้องขอโมทนาสาธุการ มา ณ.ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...