จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

คนเราทุกวันนี้ ดิ้นรนไขว่คว้าหา

สิ่งที่ไม่มี และสุดท้าย

ทุกคน ก็จะได้ก็แต่สิ่งเดียวกัน

คือ ไม่ได้อะไรเลย. โดยพระพุทธทาสภิกขุ

 

รักษาจิตให้รู้จักอาย รักษากายให้รู้จักกลัว รักษาวาจาให้รู้จักชั่ว รู้ดีทําดี รู้ชั่ว ละชั่ว
เรียกว่า"คนดี" รู้ดีไม่ทําดี รู้ชั่วแต่ทําชั่วนี่เรียกว่า"คนเขลา" คนดีเลิกเมา คนเขลาต้องมัว
คนชั่วต้องเสพ และท่านกล่าวไว้ดังนี้
คนดี ไม่ประมาทในการทํา พูด คิด ต่อความดีที่ถูก
คนฉลาด ไม่เป็นทาสใน กาย กาม รูป หลับ ทิพย์
คนสามารถ ไม่พูดเท็จในหน้าที่ของมนุษย์ธรรมอันดี
คนเด็ดขาด ทําดี พูดเด่น คิดดับไม่งมงายอะไร
คนมีอํานาจ ใจหนัก ขณะเกิดนินทา สรรเสริญต่อหน้า
คนรักชาติ เสียสละ กล้าหาญ สามัคคี มีกตัญญู สู้เสมอ
คนรักศาสน์ ชํานาญ ทําตามสูตร พูดตามวินัย คิดไปตามธรรม
คนรักราชา ซื่อตรง เว้นอกุศลกรรมบถ ๑๐อย่าง
ที่มา หนังสือ ธรรมะสาระของชีวิต(หลวงปู่ทองใบ ปภัสฺสโร) วัดนาหลวง จ.อุดรธานี

 

“...อดทนไว้ก่อน ทุกข์ก็ทน สุขก็ทน
ทน ต่อบุพกรรม ทุกอย่าง
ให้เรารู้ว่า อยู่ตรงกลางของสุขทุกข์..”

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
ที่มา fb ธรรมโอสถ​

 

การยอมโง่ ในสายตาของผู้อื่น แต่เพื่อความสบายใจของเรา

และไม่กระทบกระเทือนกันนั้น เป็นกลอุบายที่ฉลาดของเรา

รู้หลบรู้หลีก รู้ผ่อนสั้น ผ่อนยาว

อย่างนี้เป็นทางของคนดี และนักปราชญ์ชมเชย


ธรรมะของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน. กราบหลวงตาด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ

 

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ อายุ 104 ปีละสังขารแล้ว เมื่อเวลาประมาณ9.09น.เช้าวันนี้ (19 มกราคม 2556 )

กำหนดการพระราชพิธีน้ำหลวงอาบศพหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม
ในพระราชานุเคราะห์
วันอาทิตย์ ที่ 20 มกราคม 2556 เวลา 14.30 น.
ณ ศาลาการเปรียญวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

ดูข้อมูลเพิ่มเติม เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
-:-

ขอน้อมกราบหลวงปู่จามด้วยเศียรเกล้า

 

ธรรมะวันนี้ ( สำหรับคนที่กำลังรัก )

พอดีวันนี้ได้มีโอกาสไป งานวัดแห่งหนึ่ง มีข้าวของขายกันมากมาย

แต่ก้อจะขาดเสียไม่ได้ คือ " ข้าวโพดคั่ว " ที่หน้าเตาข้าวโพดคั่วมีหญิงสาวผู้เป็นแม่ คนหนึ่ง อุ้มลูกน้อย วัยไม่กี่ขวบ มาเที่ยวงานวัด

ขณะที่พ่อค้ากำลังคั่วข้าวโพดอยู่นั้น ก้อมีเศษถ่านไฟแดงๆปลิวมาใส่ ตนและลูกน้อยจำนวนมาก...

ลูกน้อยร้องด้วยความตกใจ และร้อน เพราะ เนื้อเด็กยังอ่อนมาก ด้วยความตกใจ แม่จึงรีบเอามือปัดถ่านไฟแดงๆออกจากตัวลูก...

โดยที่แม่ ไม่ได้ห่วงตัวเองเลย ว่าถ่านแดงนั้นก้อกระเด็นมาใส่ที่ตนเหมือนกัน เพราะความรักที่มีต่อลูกมากกว่าตนนั่นเองแม่จึงทำไปเช้นนั้น...

เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ทันทีว่า ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อกับแม่ แล้วเราลองนำจิตของเราไปถามตัวเองดูซิว่า คนที่ว่ารักเรามากมายนั้น...

มันเป็นรักที่บริสุทธิ์เหมือนแม่จริงหรือไม่ มีวิธีทดสอบง่ายๆ ดังนี้...

" ลองเอาถ่านแดงๆ ไปไว้บนตักเค๊า กับตักเรา ดูซิว่าเค๊าจะปัดถ่าน ที่เราหรือที่เค๊าก่อน " เผลอๆ นอกจากเค๊าจะไม่ปัดที่ตักเรา แล้ว ยังปัด ถ่านจากตักเค๊า มาใส่เราอีกต่างหาก เอิ๊กๆ

มันเป็นสัจธรรม มนุษย์ ย่อมรักและหวงแหน ในขันธ์ 5 ที่ยึดไว้ ว่าเป็นของกู ตัวกู อย่าไปให้ความสะคัญกับสิ่งสมมติมากนัก

เพราะ คำว่า"สมมติ"ก้อแปลว่าไม่มีอยู่จริง แล้วเราจะเสียใจ หรือเศร้าโศกกับสิ่งสมมตินั้นทำไมเล่า ระหว่างที่ยังมีขันธ์ (ร่างกาย) อยู่ ก้อทำหน้าที่อันควรไป

ดูแลผู้มีพระคุณ อย่าไปคาดหวังกับสิ่งสมมติมาก คิดซ๊ะว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นก้อเพราะกรรม ย่อมพรัดพรากไปตามกรรมเช่นกัน

ผู้ที่เห็นความจริงเท่านั้น ถึงจะใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อย่างมีความสุข เพราะไม่รู้จะทุกข์อะไร ไม่มีอะไรให้ยึด ก้อไม่มีอะไรให้ทุกข์ ง่ายๆแค่นั้นเอง

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
​

 

สมัยเมื่อยังแก่ไม่เป็น ได้ยินน้าชายชอบพูดคำว่า...ไม่เป็นไร...
เรายังมีแก่ใจไปตำหนิท่านว่า เป็นคนไม่รู้จักแก้ปัญหา ละเลย
ต่อสิ่งต่างๆ หรือปัญหาที่เข้ามา หรือแม้แต่กับคำพูดของใครๆที่
คอยว่า คอยกระแนะกระแหนท่าน ทำไมท่านถึงเป็นคนแบบนี้
มาถึงวันนี้จึงต้องกราบขอบพระคุณท่านที่ทำให้เราเข้าใจกับคำว่า ไม่เป็นไร
หากเป็นคุณอิทธิ พลางกูร ก็จะเป็นคำว่า...ให้มันแล้วๆไป...
แต่จะให้มันไม่เป็นไร หรือ ให้มันแล้วๆไป อย่างไรมันก็ต้อง
ลงเอยกับคำว่า จบ อันนี้ถึงจะทำให้เห็นถึงความจริงแท้ ว่า
สิ่งนั้นๆที่มันเกิด มันเป็น มันอยู่ มันก็ต้องจบ ไปด้วยกันทั้งนั้น
แล้วมันจะเป็นไรไปล่ะ ที่จะพูดคำว่า ไม่เป็นไร บ่เป็นหยัง
ช่างมันเหอะ แล้วกันไป
มานุดเราทุกวันนี้ ไม่รู้จักคำว่า ไม่เป็นไร อย่างแท้จริง จึงทำให้
เกิดปัญหาต่างขึ้นมา จึงทำให้ไม่มีความสุข จึงทำให้ตกนรกกันทั้งเป็น
คงจะหาได้ไม่ยากให้หมู่เหล่าของผู้ปฎิบัติการฝึกจิตกัน
ที่มักใช้คำว่า ไม่เป็นไร ส่วนท่านใดที่ลืมคำนี้ไปบ้างก็คงต้องหันมา
ใช้กันให้มากขึ้น อัตตา จะได้ติดจรวดพุ่งออกไปให้ไกลจากจิตตน
โมทนาสาธุ

 

ศีล สมาธิ ปัญญา

ในความเป็นศีล สมาธิ และปัญญานี้ เมื่อเรากระทำให้สมบูรณ์แล้ว

ก็จะเกิดเป็นสัมมาญาณ คือความรู้ในทางชอบเกิดผุดขึ้นภายในใจ หลังจาก

สภาพจิตของบุคคลได้เปลี่ยนแปลง เมื่อจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิไม่หวั่นไหวแล้ว ไม่มี

กิเลส ปราศจากกิเลส เป็นจิตที่อ่อนโยนพร้อมที่จะน้อมไปเพื่อรู้ แล้วญาณก็เกิดขึ้น

ญาณ คือสัมมาญาณ ความรู้ในทางที่ชอบก็เกิดผุดขึ้นในใจ ทำให้รู้ถึงอริยสัจ ๔ ประการ

ตามความเป็นจริง ญาณจะเกิดขึ้นตามลำดับคือ

๑ สัจจญาณ รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในอริยสัจทั้ง ๔ ประการนั้น รู้ว่านี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์

นี้เป็นความดับทุกข์ นี้เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์

๒ กิจจญาณ รู้กิจหรือหน้าที่ที่ควรทำในอริยสัจ แต่ละข้อว่า

ทุกข์ เป็นสิ่งที่กำหนดรู้ สมุทัย ควรละ นิโรธ ควรทำให้แจ้ง มรรค ควรเจริญ

๓ กตญาณ รู้ว่าได้ทำแล้ว คือรู้ว่า ทุกข์ที่ควรกำหนดรู้ได้กำหนดรู้แล้ว สมุทัยที่ควรละได้ละแล้ว

นิโรธ ที่ควรทำให้แจ้งได้ทำให้แจ้งแล้ว มรรค ที่ควรเจริญ ตนได้เจริญแล้ว.

เมื่อญาณ ๓ เกิดขึ้นในอริยสัจ ๔ ครบเป็นอาการทั้ง ๑๒ ญาณจึงเหมือนกับ

แสงสว่างเกิดขึ้น อวิชชาซึ่งมีอยู่ภายในก็ดับไป แสงสว่างเกิดขึ้น ความมืดหายไป.


คัดจากหนังสือนิเทศธรรม โดญพระราชธรรมนิเทศ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพ

 

มาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกไว้ให้รู้ตัวเลย ล่ะกันครับ ว่า
เบื่อจริงๆ หน้าตากวนทีน "กวนทีนนะ แต่ไม่กวนอาวุโส"
ลงเรือแล้ว ไม่ได้ช่วยพาย ให้เป็นสิ่งระลึกใดๆเลย ในการสลดสังเวชเสื่อมไปแห่งรูปขันธ์

จะเอาเรื่องคลายเครียด ผ่อนคลาย อะไรนั้น นั่นเป็นเรื่องของโลก เอากิเลสทิฏฐิตนมาอ้าง
ธรรม ไม่ใช่เรื่องคลายเครียด แต่เป็นเรื่อง การคลายอุปาทานขันธ์ คลายสักกายะทิฏฐิ
คลายทุกข์ จึงจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่างแท้จริง รู้ในกิเลสตน ย่อมรู้ในกิเลสผู้อื่น

กิเลส อวิชชา ที่มันดิบๆ เถื่อนๆ ก็ต้องเจอกับธรรมที่ดิบเถื่อน
เถื่อนเพราะกิเลสทิฏฐิ ที่มันครอบงำในใจเราไง

พอใจในรูป ยึดติดในกายตน ก็ต้องใช้กายคตาสติ หรืออสุภะสัญญา
มีสติสมาธิเข้าไปพิจารณา เพื่อขจัดสิ่งที่ดิบเถื่อนนั้นๆ
ให้เห็นความไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไม่คงทน เมื่อแจ้งในกายตน ย่อมแจ้งในกายผู้อื่น

ธรรมะคลายเครียด นั่นเป็นเรื่องวุฒิภาวะของทีน ในกรอบรั้วการศึกษาทางโลก
ของผู้กำลังเฟี้ยว กำลังไฟ้ว์ ก็จะเอิ๊กอ๊ากๆ ประพฤติไปตามครรลอง คลองทีน

แล้วมันจะใช่หรือ ดูโลกเขาซิ เรามีโอกาสดีกว่าคนทั่วไป เพราะพบธรรมคำสอน
แล้วย้อนมาถามตัวเองดูสิ จุดหมายเราเพื่ออะไร
เพื่อดัดกิเลสตัวละเอียด ที่แฝงไว้ในความขี้เล่นดุ๊กดิ๊ก หรือเพื่อจะดัดฟัน ดัดกาย เพียงเท่านั้น

ดังนั้น TEEN ช่วยเอาหน้า ไปไว้ในที่อันเหมาะสม ตรงนี้ให้หน่อย เบาๆ
http://board.postjung.com/data/522/522420-topic-ix-0.jpg

เพราะจะช่วยเป็นสิ่งระลึก ชำระล้าง การยึดมั่นในกายตน
กับใบหน้าอย่างกะ Chinese bun ที่หมั่นไม่ไร้ไส้

เราจะบอกว่า นี่ไม่ใช่เรื่องตลกคลายเครียด แต่เป็นความจริง ที่ควรนำไปพิจารณา แล้วจะคราย...

 

<iframe width="360" height="215" src="http://www.youtube.com/embed/DRPRziTNgSI" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="360" height="215" src="http://www.youtube.com/embed/r8V6HdsSQgk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="360" height="215" src="http://www.youtube.com/embed/pvOzy3gycok" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

 

ฟังดนตรี..เพื่อพัฒนาจิตใจ..มองบวก ๆ ๆ เพื่อเพิ่มสัญญานะคะ พี่ ๆ น้อง ๆ



[MUSIC]http://palungjit.org/attachment.php?attachmentid=46192[/MUSIC]


ไฟล์เพลง​

 

อรุณสวัสดิ์ ยามเช้าครับ

เราเห็นท่านเข้ามาช่วยเติมเต็มธรรมะดีๆให้กับชาวจิตเกาะพระ ได้เข้ามาให้สาระดีๆ เราขออนุโมทนาอย่างสูงน่ะครับ

อืม ท่าน ◎ สนใจในการปฏิบัติจิตเกาะพระไหม?? เผื่อทางจิตเกาะพระจะได้ช่วยเหลือท่านได้บาง (ไม่ว่าท่านปราถนาสิ่งใดก็ตาม เราก็เห็นว่าเป็นทางเดินทางเดียวกัน)

ด้วยความเคารพน่ะครับ

 

เอางี้..ท่านช่วยบรรยายสรรพคุณ ของจิตเกาะพระ ให้ฟังหน่อย
ทั้งในการสร้างเหตุ และผลที่เกิดขึ้น
ในสภาวะ ทั้งในเรื่องฌานสมาธิ และปัญญา ที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น

ก็ต้องขอขอบคุณเช่นกันครับ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=6WRK8AtctoA]บ่เป็นหยังดอก- กานต์, สมัย อ่อนวงศ์ - YouTube[/ame]

ผึ้งเอาเพลงมาให้ฟังค่ะ อิอิ สบายๆจ้า เหมาะสมกับเนื้อหาป่าวคะ ^^

 

โมโหรึเปล่าคะ ^^ จิตที่ละแล้วย่อมวางได้ทุกสิ่งแม้แต่อารมณ์ของตนนะคะ ถึงจะเป็นกุศลแท้จริง ที่ท่านกล่าวมาผึ้งน้อมรับทั้งหมดค่ะ เพราะทุกวันนี้ เลือกที่จะกินแก่นค่ะ เปลือกนั้นก้อปอกมันทิ้งเสีย ทุกอย่างมันก้อเย็นสงบได้ เหมือนเณรที่เทศสอนหลวงตานักธรรมว่า " พัดลมพัดคนอื่นให้เย็นได้ฉันใด แต่ก้อไม่สามารถพัดก้นของตนได้ก้อฉันนั้น" ^^

 

จะโมโหทำไม ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องโมโห ^^

ว่าแต่จิตที่ละแล้ว มีความหมายว่าอย่างไร

งั้นของถามหน่อย จิต ความคิด สติ วิญญาณขันธ์ คือสิ่งเดียวกันหรือป่าวขอรับ

หรือมีความแตกต่างกันอย่างไร เอาแบบแก่นๆ อยากโดนพัดลม ^^

 

ขอเป็นโพสสุดท้านนะคะ ไม่อยากให้ท่านคิดว่ามากวนแต่อย่างได้ แค่ไม่อยากให้เครียด ธรรมะ ไม่จำเป็นต้องพูดกันให้มันตึงเกินไป แต่ควรให้เป็นธรรมชาติ จิตที่ละในที่นี้ ก็คือ จิตดับกิเลสจึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความสุข ทุกข์ สงบ สงัด อันบริสุทธิ์ยิ่ง แม้แต่คำที่สละสลวย หรือภาษาที่สวยงามก้อไม่ยึด ไม่มีเหตุใดต้องยึด ถูกก้อไม่ยึด ผิดก้อไม่ยึด เพราะไม่มีถูก หรือ ผิด มีแต่จิตที่เข้าสภาวะแห่งธรรม สงบแบบอนันตา หรือ ดับสนิท เท่านั้นแล ^^

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ...สาธุ

 

โย่ว..เช่นกันจ้า ขี่ม้าหนีซะแล้ว แต่อย่าลืม

ย้อนกลับไปฟังคลิปธรรมะ

และอ่านโพสข้อความ เผื่อจะยึด ในภาษากวนทีน

โพสในหน้ากระทู้ที่แล้ว เมื่อเช้านี้ล่ะ สู้ต่อไป จ้า

เชื่อได้ว่า หนทางข้างหน้า ของผึ้งน้อยผู้หน้าฮัก ยังต้องพยายามโดดข้าม อีกเยอะ

ไม่ยึด..แต่ทำไมวันนี้ ไม่กดไลค์ ให้น๊าาา...ติ๊กต๊อกๆ หรือกุมสนิทชิดเชื้อปฏิฆะ ไว้ หรือป่าวเอ่ย ^^

<embed src="http://www.youtube.com/v/OFDywNyWcTo?hl=th_TH&amp;version=3&" type="application/x-shockwave-flash" width="260" height="25" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed>

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.2461928/' width=150>

 

บ้านหลังนี้เป็นสมมติที่ถูกเปิดขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์แห่งการแบ่งปัญธรรมะที่ถูกต้องถูกกาล แต่มิได้หวังเพื่อสร้างอัตตามานะให้พอกพูนขึ้นอีก แต่หากว่าถึงมันจะเป็นไปอย่างไร มันก็ต้องเป็นไปตามกฎของธรรมชาติอยู่ดี ...เพียงว่าในขณะที่ต้องดำรงความเป็นมนุษย์อยู่นี้ เราทุกคนทุกท่านก็ควรที่จะมีสามัญสำนึกในด้านการให้เกียติกันบ้าง หากเราอยู่ในที่สมมติที่เป็นบ้านของเราเอง เราจะทำ จะพูด จะคิด สอนใครก็ได้ ไม่ต้องแคร์อะไรมากมาย ...ในทางตรงข้ามกัน หากเรามายืนอยู่นะจุดอื่นที่เป็นสิ่งสมมติของคนอื่น การสำรวมระวังย่อมมีในปุถุชนคนนั้นด้วย (ต้องถามจิตตนว่ามาเพื่ออวดเบ่งความรู้ความสามารถ เพื่อติ เตือน คนอื่นอย่างเดียว ควรหรือ? แต่ถ้าหากมาเพื่อเพิ่มเสริมธรรมะแบบ พี่น้อง ผองพี่ (กันเอง) เพื่อเห็นแก่ว่าเราก็เป็นเพื่อนมนุษย์ ที่หาทางหลุดพ้นร่วมกัน เราก็ขอโมทนาสาธุด้วย.....ขอขมาท่านทั้งหลายที่อ่านข้อความนี้แล้วอาจส่งผลไปกระทบจิตของท่านทางอ้อมด้วยค่ะ ...สาธุ​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=cbVNLrEh7PE]เพลง นะโม - YouTube[/ame]​