ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

สวัสดีทุกท่านนะครับ

 

นวะ หน้ากากเงินจ้าา .... ของฟรีป๊ะป๋าให้มา

 

และแล้ว .... ในที่สุดก้อเจอ ครูบาอาจารย์อีกท่าน ที่มีส่วนในการสร้างหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ 2497 หลวงปู่รูปนี้ ท่านไปสวดว่าน สวดดิน ที่ใช้สร้างหลวงพ่อทวด 2497 เกือบทุกวัน และที่สำคัญท่านยังทรงสังขารอยู่ครับ (k)(k)(k)(k)

 

สวยงามมากๆครับ

 

สาธุครับ

 

​

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านดำ พิมพ์จัมโบ

 

***งามมากๆครับ ท่านภัทร ชอบๆๆๆ***

 

กราบหลวงพ่อทวดค่ะ
พิธีช่วง-บ่ายที่วัดสีหยังค่ะ

 

เรื่องเล่า ของหลวงพ่อทวด
โดย...พระจตุรวิทย์ ต่อจากเมื่อวานค่ะ

จากนั้นพระท่านก็เดินทางไปอยู่ที่ภาคอีสาน 2 ปี
และได้กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ ได้ 2 คืน

ก็ฝันเห็นหลวงพ่อทวด (ท่านพูดภาษาใต้) ว่า มานอนอยู่น่าเอ็นดูจัง แล้วก็ลง นะ ทับที่บนหน้า ของพระจตุรวิทย์
นะ คือ ชนะแคล้วคลาดปลอดภัย จากเหตุที่จะเกิดขึ้น

มาอยู่ที่สำนักสงฆ์ได้ 3-4 วัน ก็กลับอีสานอีก (ที่จังหวัดสุรินทร์)
มีครั้งหนึ่งอาพาธ ได้ไปโรงพยาบาล และ กำลังเดินกลับวัด ระหว่างวัดกลาง-จะไปวัดจำปา ห่างประมาณ 1 กม. เดินมาถึงทางแยก มีเด็กวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซด์ผ่านมา 1 คัน
ก็ได้พูดถามว่า หลวงพี่นิมนต์ขึ้นรถ สงสารหลวงตา นิมนต์จะไปวัดไหน ท่านก็เลยบอกว่าไปวัดจำปา ท่านก็ถามเด็กต่อไปว่า หลวงตาที่ไหน เด็กก็บอกว่า ก็หลวงตาที่เดินกับหลวงพี่นั้นไง พระท่านทราบ (ก็เลยได้ซ้อนมอเตอร์ไซด์เด็กคนนั้นไปวัดจำปา)
แล้วพอถึงวัด เด็กก็ถามว่ากุฎิหลังไหน ท่านก็บอก เมื่อไปถึงกุฎิ ท่านลง กำลังจะขึ้นกุฎิ
เด็กวัยรุ่นคนนั้นก็ตะโกน บอกอีกว่า หลวงพี่ระวังหลวงตา จูงท่านขึ้นบันไดด้วย
ช่วงนั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มกว่า

 

สนทนาธรรมสักครู่ท่านก็ให้ชมพระในย่าม
พระท่านบอกว่าแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางรถหลายครั้ง ในช่วงปี 47-48-49
ซึ่งท่านนำติดย่ามตลอด
คือพระหลวงพ่อทวดรุ่น สก.

 

อุบัติเหตุครั้งใหญ่ ถึง 3 ครั้ง รถคว่ำ ไปชนต้นไม้ ฯลฯ

นั่งรถทัวร์จะไปสุรินทร์ ฝนตกหนัก ช่วงเข้าโคราช
มีรถทัวร์ 3 คันวิ่งตามกันมา ทุกคันก็มีพระภิกษุ นั่งในรถ คันละ 1 รูป
ถนนลื่น รถคันข้างหน้าแฉลบ ลงข้างทาง
รถคันที่ 2 ซึ่งพระคุณเจ้านั่ง ก็ลงข้างทางไปชนกับต้นไม้(ต้นสะเดา)ข้างทาง
คันที่ 3 ก็ลงมาชน

รถทัวร์ ทั้ง คันที่ 1 และคันที่ 3 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่คันที่พระคุณเจ้า คันที่ 2 ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

อีกครั้ง ปีต่อมา ท่านจะเดินทางไปภูสิงค์ ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ

รถทัวร์วิ่งมาจากสุรินทร์ มาตรงเลยวังน้อย มีรถเคน นำหน้าวิ่งส่ายไปส่ายมา
คนขับรถทัวร์ให้สัญญาณไฟ รถเคนก็เที่ยวขับปาดหน้ารถทัวร์ ที่อาตมานั่ง
อาตมานั่งข้างหน้า ครั้งนั้นรถเกิดอุบัติเหตุ เหล็กจากรถเคนพุ่งผ่านมาทางอาตมาแต่ไม่โดน รถทัวร์จอด แล้วรถเคนซึ่งจอดข้างหน้า รถมาจากรถ ลงมา 2 คน
แล้วมาทำร้ายคนขับรถทัวร์ ( รุมตบคนขับรถทัวร์) อาตมาเห็นเหตุการณ์ ก็เลยขอร้องขอ ว่า ทำไมโยมทำร้ายเขาอย่างนั้น อาตมาขอบิณฑบาต เห็นแก่พระเถอะ ชาย 2 คนถึงได้หยุดทำ...

 

นักเรียนที่...ถูกเฆี่ยน !!! เป็นประจำ “จ่าเพียร” คุณลืมเขาไปหรือยัง ...ช่วยแชร์อย่าให้จ่าต้องถูกลืม!!

ครูสมชายตั้งกติกาว่าถ้าใครมาสายจะถูกครูเฆี่ยน ปรากฏว่าสมเพียรมาสายทุกวัน แม้จะถูกครูเฆี่ยนทุกวัน ๆ ละสามที แต่สมเพียรก็ยังมาสายไม่หยุด ราวกับไม่รู้จักเข็ดหลาบ เขาทนถูกครูตีทุกวันจนเรียนจบ

๓๐ ปีต่อมา โรงเรียนต้องการทำป้ายโรงเรียนใหม่ให้สมศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการจึงขอให้ครูสมชาย โทรไปหาลูกศิษย์คนนี้ ซึ่งตอนนั้นเป็นตำรวจคุ้มครองเหมืองหินอ่อน ครูสมชายรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เพราะมั่นใจว่าลูกศิษย์คนนี้ไม่มีวันลืมรอยไม้เรียวของครู แต่เมื่อออกปากขอความช่วยเหลือ เขากลับตอบทันทีว่า “ได้เลยครับ ไม่มีอะไรขัดข้อง” ครูสมชายถึงกับอึ้งไปเลย จากนั้นก็บอกความในใจว่า “ครูขอโทษนะที่สมัยเรียน ครูตีเธอทุกวันเลย” แต่เขาไม่โกรธครูเลย

แล้วเขาก็เล่าความจริงให้ฟังว่า ตอนนั้นเขาเป็นเด็กวัด ต้องตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต หลวงพ่อท่านชรามากจึงเดินช้า กว่าเขาจะกลับถึงวัดและได้กินข้าวก้นบาตรก็ได้เวลาเรียนแล้ว แต่เขายังต้องเก็บข้าวไว้กินตอนเย็น ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรจะกิน เลยต้องมาสายทุกวัน

ครูสมชายเพิ่งถึงบางอ้อตอนนั้นเอง แล้วเขาก็พูดต่อว่า “ครูครับ ไม่ต้องเสียใจ ถ้าครูไม่เฆี่ยนผม ป่านนี้ผมเป็นโจรไปแล้ว ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจอย่างนี้”

เวลาผ่านไปนานถึง ๓๐ ปี ครูสมชายถึงเพิ่งรู้ว่าลูกศิษย์คนนี้ไม่ได้เกกมะเหรกเกเร หากเพียงแต่ครูถามเขาสักคำว่าทำไมเขามาสายเป็นประจำ ก็คงจะไม่ลงโทษเขามากมายขนาดนั้น

ทางด้านสมเพียร แม้ชีวิตจะดูเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ลำบากยากแค้นแล้วยังไม่วายถูกครูเฆี่ยนทุกวันราวกับเป็นเด็กเหลือขอ แต่เขาก็ไม่ได้ก่นด่าชะตากรรม แต่ยังขอบคุณครู ที่ตีเขาจนได้ดี

น่าเสียดายที่คนที่เห็นความดีของเขานั้นมิใช่ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง มิเช่นนั้นเขาคงมีชีวิตที่สุขสงบในบั้นปลาย


สมเพียร แซ่เจ่ง คนนี้ ต่อมาเปลี่ยนนามสกุลเป็น สมเพียร เอกสมญา คนเดียวกับ “จ่าเพียร” ของชาวบ้านที่บันนังสตา จ่าเพียรวีรบุรุษสู้โจรใต้ผู้เกษียณราชการด้วยชีวิต ซึ่งได้รับเลื่อนยศจาก พ.ต.อ. เป็น พล.ต.อ.หลังจากที่ชีวิตเขาหาไม่แล้ว

[ ศูนย์พุทธธรรมพรหมวชิรญาณ ]



.

 

ช่วงที่พระคุณเจ้าพาไปดูเสื่อ ที่เกิดเหตุการณ์วันเข้าพรรษา
ได้สอบถาม ตรงที่กำลังก่อสร้าง
ตรงนั้นจะสร้างวิหารหลวงพ่อทวด....
และจะมีต้นกล้วย ซึ่งพระท่านเล่าว่า ต้นกล้วยต้นนี้ ขึ้นอยู่ตรงนี้หลายปี มีลักษณะพิเศษ

พอมองเข้าไปที่ศาลาตรงข้าม (ที่องค์หลวงพ่อทวดที่หายไปนั้น)
ท่านได้เล่าว่า ท่านจำวัดอยู่คืนหนึ่ง ฝันเห็น เป็นเทวดา สวมชฎา มีสร้อยสังวาล 2 เส้น
ถามว่า...ท่าน ทำไมมาสร้างวัดอีก ท่านก็ลืมตา ว่าใครมายืนค้ำหัวพระ
เขาตอบ เราเป็นเทวดาที่อโยธยา ท่านมาสร้างวัดอีกทำไม
พระท่านก็นึก อโยธยา ไม่มี มีแต่อยุธยา ในฝันเหมือนกำลังจะเถียงกัน แล้ว
เทวดาก็ยังบอก อโยธยา ที่โน่น เราเฝ้าวัดวาที่อโยธยา ทำไมไม่ดูแลบ้าง
แล้วเทวดา ก็บอกว่า ไก่โห่แล้ว เราจะมาเล่าใหม่

เป็นอย่างนี้หลายคืน อีกครั้งมาบอกอีกว่า วัดกุดีดาว : กุฎีดาว

จนพระท่านตัดสินใจเดินทางไปอยุธยา และ สามารถหาวัดนี้เจอ
และมีจริงๆ พระท่านว่า อาจเป็นสมัยก่อนไม่รู้ยุคไหน...ที่ท่านเคยสร้าง

ถ่ายภาพที่เสา พระท่านฝันว่าเทวดา มาบอกเรื่อง เคยสร้างวัด

 

หลังกลับจากงานพิธีที่วัดสีหยัง ได้แวะที่บ้านหัวเขาค่ะ
คราวนี้ได้เข้าไปชมที่วิหารหลวงพ่อทวดพบคุณตาล้อม ท่านเมตตาเปิดวิหารหลวงปู่ทวดให้ชมและมีเรื่องราวเกี่ยวกับปฎิหารหลวงพ่อทวดให้ฟังด้วยค่ะ..

เข้าทาง วัดสุวรรณคีรี เลี้ยวผิดไปทางขวา ผ่านหมู่บ้านมุสลิม ขับรถตัวเก็งค่ะเพราะทางแคบ
นักบิดประจำซอยไม่หลีกเลย เด็กๆ ชั้น ประถมทั้งนั้นที่ขับรถมอเตอร์ไซด์...ซ้อน 3 ซ้อน 4 ปาดหน้า

 

วิหารหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สร้างเมื่อปี 2536
ที่บ้านหัวเขา

 

ภายในวิหาร....

 

ว้าวๆๆ รุ่นนี้ พี่นวลมีของดีเยอะเลย ต้องหาบ้างแล้ว ผมยังไม่มี

 

พี่มีรุ่น สก.เนื้อว่านแดง 1 องค์ จำไม่ได้แล้วว่าได้มายังไง
ได้มาตั้งแต่อยู่ที่ยะลา...:d(y)


ที่วิหารบ้านหัวเขา เมื่อเข้าไปกราบหลวงพ่อทวดในวิหารเสร็จ ขออนุญาตคุณลุงน้อม ถ่ายภาพภายในวิหาร ผ้าม่าน เก้าอี้ ประตู ที่พี่สาว (ที่เจอที่ออกหน่วยพอ.สว.) ท่านเอ่ยกับหลวงปู่ทวดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะเปลี่ยนให้ คิดว่าจะร่วมบุญกับพี่สาวด้วยค่ะ

ก่อนลากลับ ฝากผ้ายันต์หลวงพ่อทวดให้คุณลุงไว้ ลุงเล่าว่าเมื่อก่อนสถานที่นี้ ก่อนจะมาเป็นวิหาร ลุงทำเป็นศาลเล็กๆ ซึ่งที่ต้องตั้งศาลไว้ เพราะหลวงพ่อทวดท่านมานิมิตฝันว่ามาปักกลดที่นี่ และท่านบอกว่า ที่เขาเล่าว่า ท่านได้หายไปจากวัดพะโคะนั้น จริงๆ แล้วท่านธุดงค์มาตั้งแต่ยังไม่สว่างค่ะ...และมาที่นี่ สมัยก่อนเมื่อ 15-16 ปี สถานที่แห่งนี้จะมีคนมาทั่วสารทิศ มีรถเข้าออก จำนวนมาก บ้านคุณลุงไม่เว้นว่างที่ต้อนรับคน เพราะองค์หลวงพ่อทวดมาประทับหลาน ได้ช่วยเหลือคน ที่เจ็บป่วยไม่สบาย หรือมีเรื่องทุกข์ใจ (วันที่มาที่วิหารนี้ได้พบกับลูกคุณลุง ชื่อน้องนิต ก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังหลายเรื่อง )
แต่ตอนนี้ร่างที่องค์หลวงพ่อทวดมาประทับทรง ได้เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อ 15 ปีที่แล้วเนื่องจากไม่ได้พักผ่อนเพราะต้องต้อนรับ ผู้ที่มาให้ช่วยเหลือ ลุงเล่าอีกว่า มีทูตจากมาเลเซีย ซึ่งสมัยนั้นเห็นร่างที่องค์หลวงพ่อทวดประทับทรง ยังขับขี่มอเตอร์ไซด์ มันอันตรายท่านทูตนั้นก็ถวายรถเบนซ์ แต่ก็ใช้ได้ 2 ปี ก็ต้องคืนเขาไป เพราะลุงไม่มีเงินที่จะเต็มน้ำมัน หรือซ่อมหากรถมีเสีย เมื่อก่อนที่นี่ มีวัตถุมงคลมาก แต่ก็ต้อง นำไปมอบให้ที่อื่น เพราะช่วงหลังไม่ค่อยมีใครมา และเหตุที่ต้องปิดประตู เพราะเคยมีเด็กติดยาขึ้นไปรื้อค้น และขโมยกล่องเงินที่คนมาทำบุญ วิหารหลวงพ่อทวดคุณลุงมอบให้อยู่ในความดูแลของทางเทศบาล แต่นานๆทางเทศบาลก็จะเข้ามา คุณลุงก็ยังรับผิดชอบดูแลอยู่ทุกวัน นอนเฝ้าวิหาร

ก่อนกลับคุณลุงมอบพระหลวงพ่อทวดให้ 3 องค์ค่ะ
เป็นเนื้อว่าน และเหรียญ ซึ่งสร้างเมื่อตั้งวิหารปี36

ลุงบอกว่า หลวงพ่อทวดมาประทับทรงหลานชาย (ซึ่งสมัยก่อนคนแถวนั้นว่าหลานชายลุงเพี้ยน ไม่เชื่อ)
เหตุที่ได้สร้างพระเนื้อว่าน ก็ได้จากนิมิตหลวงพ่อทวด ท่านบอกเมื่อมาประทับหลานชายว่า ให้ไปเอาว่าน 108 ที่สร้างหลวงพ่อทวด 2497 ที่วัดช้างให้ ยังมีอีก 6 ปี๊ป ลุงก็ได้นำมาสร้าง และบอกว่าเก็บไว้ดีๆ นะลูกหาไม่ได้แล้ว....

(เคยอธิฐานขอพระจากหลวงพ่อทวดค่ะว่า ) ครั้งนี้ก็ได้พระที่หายากจริงๆ ทุกครั้งที่ได้มาเพราะอธิษฐานขอจากหลวงพ่อทวด



ได้รับความรู้จากคุณลุงว่า การทำพิธีพุทธาภิเษกพระในโบสถ์ที่มีประตูเดียว
เป็นมหาอุต วิหารนี้ก็มีประตูเดียว...

 

เหรียญพระสมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด




ในยุคนี้ ดูเหมือนจะไม่มีคนไทย คนใดเลยที่ไม่ได้ยินหรือได้ฟัง กิตติศัพท์เล่าลือเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของ สมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคลาดแคล้ว จากอุบัติเหตุหรือภัยพิบัตินานาปราการหรือทางด้านโชคลาภค้าขาย ก็ได้ผลอย่างดีที่สุด ดังประจักษ์แก่ผู้เลื่อมใสมาแล้ว
ด้วยความศรัทธาของคณะลูกศิษย์ ซึ่งศรัทธาและเลื่อมใสในบุญบารมี ของสมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด จึงขอเป็นเจ้าภาพ จัดสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้น เนื่องในวันที่ 2 สิงหาคม 2536 นี้ จะมีพิธีพุทธาภิเษกรูปหล่อ รูปเหมือนของ สมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ณ วิหารที่ปักกลดบ้านบ่อสวน ม.8 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา จึงตั้งจิตอธิฐานขอบารมีให้ สมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ตั้งชื่อเหรียญให้และก็ได้ชื่อตามความประสงค์ของ สมเด็จหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด คือ "รุ่งมั่งมีศรีสุขพ้นทุกข์ภัย" ซึ่งสร้างจำนวนจำกัด
เป็นเหรียญรูปดอกบัว
เหรียญกาไหล่เงิน กาไหล่ทอง จำนวน 9,999 เหรียญ
เหรียญเงินแท้ 199 เหรียญ
ท่านผู้ใดปราถนาเหรียญรุ่นมั่งมีศรีสุขพ้นทุกภัย เมื่อนำไปใช้ภาวนา นะโม 3 จบ
และคาถาประจำคือ นะโมโพธิสัตโต พระสมเด็จราชมุนี สามีราม อาคัจติมายะ อิติภะคะวา
อยู่เป็นนิตย์ความอุดมสมบูรณ์พูลสุขจะมีแก่ทุกท่าน

คณะศิษย์ปฏิบัติธรรม หาดใหญ่