ท่านผู้ปราถนา "พุทธภูมิ" ทุกท่านอธิษฐานเพื่อพระโพธิญาน ของท่านอย่างไร กันบ้างครับ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย shogun_law, 4 มกราคม 2007.

  1. shogun_law

    shogun_law เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,085
    มูลเหตุความปารรถนาพุทธภูมิ ของพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    [SIZE=+1]เมื่อ เริ่ม ต้นอสงไขยที่ 21 จากปัจจุบัน มีอยู่กัปหนึ่งบังเกิดมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก เมือโลกดับสลายไปแล้ว หลังจากนั้นเป็น สูญกัป คือไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ติดต่อกันเป็นประมาณ 2 แสนกัป พระอริยะต่างก็นิพพาน ไปเกือบหมดแล้ว ยังมีแต่บนพรหมโลกชั้นสุทาวาส อันเป็นพรหมโลกที่พระอนาคามี อาสัยอยู่เป็นภพสุดท้าย ก่อนที่จะเข้าสุ่พระนิพพาน เมื่อเวลาผ่านไปพระพรหมอนาคามี เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เพราะต่างก็นิพพานกันไปหมด และผู้ที่จะมาเกิดเป็นพรหมอนาคามี ก็หาได้มีอีกแล้ว เพราะพระอริยะเบื่องต่ำต่างก็บรรลุมาเกิดเป็นพรหมอนาคามีทั้งหมดแล้ว เห่ลาพระพรหมอนาคามีจึงประชุมร่วมกัน และดำริขึ้นว่า พระพรหมอนาคามีเหลือน้อยแล้ว เพราะไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น เป็นเวลาประมาณ 2 แสนกัปมาแล้ว และเมื่อเหล่าพระอนาคามี ใช้ อนาคตังคญาณ มองไปในอนาคตก็หาได้มี พระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นไม่ จึงดำริขึ้นมาว่า ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ ก็ทำให้เหล่าสรรพสัตว์ต่างก็ฉิบหาย จากพระนิพพานมากเสียเหลือเกิน เพราะผู้ที่เป็นเอกบุรุษท เพียรสร้างบารมีจนสำเร็จเป็น พระพุทธเจ้า นั้นมีน้อย จำเป็นต้องหาผู้ที่มีน้ำใจเด็ดเดี่ยวตั้งความปรารถนา เพื่อรื้อสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ ดังนั้นเหล่าพระอนาคามีต่างก็ใช้ พระญาณ ตรวจส่อง ทั้งเทวโลก และมนุษย์โลก เพื่อหาผู้ที่มีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอย่างนั้น[/SIZE]
    [SIZE=+1]มานพน้อยผู้เด็ดเดี่ยว[/SIZE]
    [SIZE=+1]ก็ได้เห็นมานพน้อยคนหนึ่ง กำลังแบกแม่ของตนเองว่ายน้ำอยู่กลางทะเลใหญ่ พยายามว่ายน้ำอยู่อย่างไม่ท้อแท้และท้อถอย ตั้งจิตเพื่อให้ถึงฝังให้จงได้ เมื่อใช้ญานย้อนดูไปในอดีตก่อนหน้านี้ ก็เห็นว่ามานพคนนี้ เป็นคนกตัญญูต่อมารดา เป็นคนดีมีศีลมีธรรม ไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนผู้อื่น จึงเผ้าดูน้ำใจก็มานพน้อยผู้นี้ ว่ายน้ำต่อไปจะมีใจท้อแท้หรือไม่ แต่เปล่าเลยถึงว่ายน้ำมาถึง วันที่ 7 แล้วก็ตาม และกำลังอ่อนล้าเต็มที่แต่ยังมีจิตใจมุ่งมั่นให้ถึงฝั่งจนได้ พระพรหมอนาคามี จึงดลจิตให้มีกำลังอึกเหิมขึ้น ให้มานพตั้งจิตว่า " เราจะว่ายน้ำให้ถึงฝั่งให้สำเร็จ พร้อมกับนำพาแม่ให้ถึงฝั่งด้วย และ เมื่อเราพ้นทุกข์เราต้องนำผู้อื่นให้พ้นทุกข์ด้วยให้จงได้" มานพน้อยก็เกิดกำลังใจขึ้นมา ว่ายน้ำต่อจนถึงฝั่งพร้อมกับหมดสติพอดี หลังจากนั้นก็มีคนมาพบ และช่วยให้พื้นคืนสติทั้งแม่และลูก ก็ได้ดำรงณ์ชีวิตโดยไม่ลำบากนัก ตามกรรมจน สิ้นอายุขัย หลังจากนั้นก็เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน[/SIZE]
    ที่มา:http://www.bodhisattva.name/Bodhiyana/p201.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2007
  2. shogun_law

    shogun_law เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,085
    เริ่มอธิษฐานในใจ
    [SIZE=+1] อรตีเทวราชราชา[/SIZE]
    [SIZE=+1] เมื่อพระนางสุมิตตาราชกุมารี สิ้นพระชนมายุ ก็ไปเกิดบนดุสิตเทวโลก เป็นเทพบุตร หลังจากนั้นก็เวียนเกิดเวียนตายอีกนานแสนนาน เป็นเวลา ถึงหนึ่งแสนกัป ในกัปที่ หนึ่งแสนนั้นเป็น สารกัป คือบังเกิดมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น หนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า พระพรหมเทวสัมมาสัมพุทธเจ้า และในขณะนั้นพระโพธิสัตว์ก็ได้เกิดเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร และมีอำมาตย์นามว่า สิริคุตมหาอำมาตย์ เป็นอาจารย์บอกอรรถธรรม[/SIZE]
    [SIZE=+1] ในกาลครั้งนั้น พระพรหมเทวพุทธเจ้า ทรงเสด็จมายังพระนครของพระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดชาวประชามากมาย พร้อมทั้งทรงฉัพพัณณรังษีหกประการซ่านออกจากพุทธสรีระ คลอบคลุมทั้งพระนาคร รัศมีรุ่งเรื่องสว่างไสวน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก[/SIZE]
    [SIZE=+1] ในขณะนั้น พระเจ้าอรดีเทวราชบพิตร กำลังประทับนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ บนมหาปราสาท มีสิริคุตมหาอำมาตย์หมอบเฝ้าอยู่ ครั้นพระเจ้าอรดี ทอดพระเนตรเห็นพุทธรังษีปรากฏอย่างอัศจรรย์ ทรงตกพระทัยหวดเสียวเป็นที่สุดมีอาการแทบจะทรุดลง ท่านสิริคุตมหาอำมาตย์ เมื่อเห็นพระเจ้าอรดีทรงสะดุ้งตกพระทัยดังนั้น จึงได้มองไปที่ช่องหน้าต่าง ก็แลเห็นพระบรมศาสดา ทรงประกอบด้วย มหาปริสลักษณ์ พร้อมฉัพพรรณรังษีสว่างไสวไปทั่ว ก็ทราบได้ทันที่ว่าเป็นพระสมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า เพราะท่านเป็นศึกษามามาก และท่านก็คือพระโพธิสัตว์ ที่จะได้ตรัสรู้ เป็นพระศรีอริยเมตไตรพุทธเจ้า ซึ่งสร้างสมบารมีมายาวนานกว่า พระเจ้าอรดีเทวราช และได้เคยประสบพระพุทธเจ้าในอดีดมาหลายร้อยชาติ เมื่อทราบด้วยใจชัดอย่างนั้น ก็มีความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง รีบลนลานกราบทูลพระเจ้าอรดีเทวราชว่า " ข้าแต่มหาราช มหาราชทรงอย่าได้หวาดพระทัย แสงพระรัศมีที่เห็นนั้นเป็นแสงแห่ง รัศมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นมหาบุรุษเอกของโลก ทรงอุบัติเพื่อเกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ รื้อสรรพสัตว์ทั้งหลายออกจากทุกข์ เป็นบรมศาสดาของหมู่เทพและมนุษย์ ทรงนำสรรพสัตว์ทั้งหลายบรรลุพระนิพพาน"[/SIZE]
    [SIZE=+1] เมื่อพระอรดีเทวราช ได้ทรงฟังดังนั้น ทรงมีจิตใจปีติยินดีมากนัก ปีติซาบซ่านไปทั่วพระสรีระ เสด็จเพื่อจะทอดพระเนตร แต่เพราะปีติมีกำลังแรงกล้า ทำให้พระองค์มีพระพักต์มืดมนขณะหนึ่ง ล้มลงจากชานพระทวาร ลงมาเบื้องล่างน่ากลัวจะสิ้นพระชนม์ แต่ด้วยพระราชศรัทธาอันแรงกล้า จึงบังเกิดอัศจรรย์มีดอกบัวเท่ากงเกวียน ผุดขึ้นมารับประคับประคองพระองค์ไว้ ครั้นทรงได้สติทรงเลื่อนจากดอกบัว เสด็จไปด้วยพระบาทเปล่า เข้าไปหาเฉพาะพระพักตร์แห่งองค์สมเด็จพระพรหมเทวา สัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถวายนมัสการกระทำสักการะบูชาด้วยศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่ทรงนิ่งงัน อยู่เป็นเวลานาน[/SIZE]
    [SIZE=+1] ภายหลังพระเจ้าอรดีเทวราช ก็ทรงบำเพ็ญกุศลมากมาย ต่อพุทธองค์และพระสงฆ์สาวก แล้วบังเกิดความคิดปราถนาซึ่งพระพุทธภูมิ จึงทรงซบพระเศียรเกล้าลงกราบ ตั้งพระทัยปรารถนาพุทธภูมิว่า[/SIZE]
    [SIZE=+1] "ข้าแต่พระองค์ผู้สัพพัญญู พระองค์ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ล่วงพ้นจากภพได้พ้นจากทุกข์ได้ ขอให้ข้าพระองค์ได้ตรัสรู้ดั่งเช่นพระพุทธองค์และสามารถเปลื้องสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ล่วงจากภพจากทุกข์ได้ดังเช่นพระพุทธองค์"[/SIZE]
    [SIZE=+1] เป็นการอธิษฐานสร้างบารมีปารถนาในใจเป็นชาติแรกต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า[/SIZE]
    [SIZE=+1] หลังจากนั้นพระอรดีเทวราชทรงหมั่นสร้างบุญกุศล สร้างบารมีอย่างมากมาย จนสิ้นพระชนม์ชีพ เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน เมื่อได้ประสบพบพระพุทธเจ้า ก็ทรงตั้งความปารถนาพุทธภูมิในใจตลอด 7 อสงไขย ภายใน 7 อสงไขยพระโพธิสัตว์ได้เจอพระพุทธเจ้าดังนี้ (สรุปมาจาก หนังสือ สัมภารวิบาก ของท่าน นาคะปะทีป ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย)[/SIZE]
    [SIZE=+1] นันทะอสงไขย 1 พบ พระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] สุนันทะอสงไขย 2 พบพระพุทธเจ้า 9,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] ปัฐวีอสงไขย 3 พบพระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] มัณทะอสงไขย 4 พบพระพุทธเจ้า 11,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] ธรณีอสงไขย 5 พบพระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] สาคระอสงไขย 6 พบพระพุทธเจ้า 30,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] ปุณทริกะอสงไขย 7 พบพระพุทธเจ้า 40,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] รวมใน 7 อสงไขย ได้พบพระพุทธเจ้า 125,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1] วิเคราะห์ จะเห็นว่าอสงไขยก่อนหน้า 7 อสงไขยนี้ มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นน้อยมาก ตามเนื้อเรื่องจากข้างบน มีเพียง 1 พระองค์ คือพระปุราณทีปังกรพุทธเจ้า[/SIZE]
     
  3. shogun_law

    shogun_law เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2006
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +2,085
    [SIZE=+1]เรี่มออกวาจาปรารถนาพุทธภูมิต่อพระพักตร์พุทธเจ้า[/SIZE]
    [SIZE=+1]พระเจ้าสาครจักรพรรดิ[/SIZE]
    [SIZE=+1]หลังจากที่พระโพธิสัตว์เวียนเกิดตาย และสั่งสมสร้างบารมี กัปใหนที่เป็น สูญกัป (กัป ที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น) เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ก็ออกบวชเป็น ฤาษี บ้าง ดาบสบ้าง นักพรตบ้าง อยู่ในป่า ภาวนาจนสำเร็จปฐมฌาน หลังจากดับสังขารสิ้นอายุขัย ก็ไปอุบัติเป็นพระพรหม เสวยสุขอยู่เป็นเวลา 1 กัป แล้วจุติจากพรหมโลก เกิดเป็นโอรสของกษัตริย์ ณ ธัญญวดีมหานคร ได้พระนามว่า สาครราชกุมาร เมื่อเจรีญวัยขึ้นพระบิดาสวรรคต สาครราชกุมารก็ได้ สืบราชสัมบัติต่อ พระองค์ทรงมีทศพิธราชธรรม ทรงอุตสาหะ ปฏิบัติในจักรพรรดิวัตร ตามที่เหล่าราชปุโรหิตจารย์ และพระฤาษี กำหนดถวาย และในวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ ก็จะทรงอุโบสศีล(ศีล 8) พระองค์ปฏิบัติอย่างเสม่ำเสมอมิได้ขาด[/SIZE]
    [SIZE=+1]ด้วยเดชะบุญแห่งราชกุศล จึงบันดาลให้สัตตรัตนะอุบัติเกิดขึ้น คือ[/SIZE]
    [SIZE=+1]1. จักรแก้ว อันมีมหิทธิ สารารถไปใหนได้ดังใจประสงค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]2. ช้างแก้ว[/SIZE]
    [SIZE=+1]3. ม้าแก้ว[/SIZE]
    [SIZE=+1]4. แก้วมนี อันส่องสว่างโชติช่วง[/SIZE]
    [SIZE=+1]5. นางแก้ว ที่เป็นคู่ของจักรพรรดิ[/SIZE]
    [SIZE=+1]6. ขุนคลังแก้ว[/SIZE]
    [SIZE=+1]7. ขุนพลแก้ว[/SIZE]
    [SIZE=+1]พระองค์จึงทรงเป็นพระจักรพรรดิ์ ปกครองอาณาจักร์ทั้งหมดสุดขอบที่มหาสมุทรทั้ง 4 ทิศ ทรงมีพระนามว่า พระเจ้าสาครจักรพรรดิ[/SIZE]
    [SIZE=+1]กาลครั้งนั้น ปรากฏมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ทรงมีพระนามว่า พระปุราณศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า เมือพระองค์ตรัสรู้ แล้วทรงแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักปปวัตนสูตร ทำให้ทั่วโลกธาตุ เกิดหวั่นไหว เป็นอัศจรรย์ จึงทำให้จักรแก้ว ของ พระสาครจักรพรรดิ ตกลงจากที่ตั้ง ทำให้พระจักรพรรดิตกพระทัยเป็นอย่างมาก จึงตรัสถามพระโหราราชครู พระโหราราชครู กราบทูลว่า เหตุอันทำให้จักรแก้วเลื่อนตกลงไปนั้นมี 2 ประการ คือ[/SIZE]
    [SIZE=+1]1. เป็นนิมิตแห่งอันตรายต่อพระชนม์ ของพระจักรพรรดิ[/SIZE]
    [SIZE=+1]2. เป็นนิมิตแห่ง พระสมเด็จสัมมาพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก[/SIZE]
    [SIZE=+1]เมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้วเหตุที่จะเป็น อันตรายต่อพระชนม์นั้นหามีไม่ จึงเป็นเพียงกรณีเดียวคือ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก แล้วพระโหราราชครู ก็กล่าวถึงคุณของพระพุทธเจ้าอีกมาก พระจักรพรรดิ์พอได้สดับฟังดังนั้นมีพระทัยปีติยินดีอย่างยิ่ง จึงตรัสออกมาว่า[/SIZE]
    [SIZE=+1]" เราจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ในวันนี้ ให้ข้าราชบริภารเตรียมสิ่งของให้พร้อม "[/SIZE]
    [SIZE=+1]ขณะเดินทางอยู่ ก็คิดถึงคุณของพระพุทธเจ้า จึงมีปีติอย่างมากมาย และด้วยบารมีที่สังสมมา เมื่อได้เฝ้าพระพุทธองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]จึงเกิดดำริในพระทัยว่า " พระพทธเจ้าทรงคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นเอกในไตรโลก ยังสรรพสัตว์ให้ล่วงพ้นจากทุกข์ จากภพ ด้วยพระเมตตาและพระกรุณา ต่อสรรพสัตว์ เราก็มีความปรารถนาล่วงพ้นจากทุกข์ จากภพ แล้วก็จะนำสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นด้วย" เพิ่มความมุ่งมั่นในพุทธภูมิยิ่งขึ้น แทนที่จะท้อถอย แล้วก็เสด็จกลับสู่พระนคร[/SIZE]
    [SIZE=+1]เมื่อกลับถึงพระนคร ทรงรับสังให้สร้างปราสาทกุฎิอันเป็นที่อยู่ของสงฆ์ ด้วยไม่แก่นจันทร์มากมายหลายหลัง ก็คือเป็นการสร้างวัดขึ้นมา แล้วสร้างที่พระทับของพระพุทธองค์ ทุกอย่างทำด้วยไม้แก่นจัทร์ ครั้นมหาวิหารสำเร็จ พระสาครโพธิสัตว์ ก็เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ทรงถวายวิหาร(วัด) แก่พระพุทธองค์ และรับเสด็จมายังมหาวิหาร ถวายปัตตาหารแด่องค์พระสมเด็จสัมมาพุทธเจ้า และเหล่าภิกษุสงฆ์[/SIZE]
    [SIZE=+1]เมื่อพระพุทธองค์และเหล่าพระภิกษุสงฆ์ ทรงอนุโมทนาแล้ว บัดนั้น พระสาครจักรพรรดิมีใจผ่องแผ้วยินดีพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงกล่าววาจา ปราถนาพุทธภูมิ ต่อพระพักตร์ของพระพุทธองค์ว่า " ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลนี้ ขอจงป็นปัจจัยให้ข้าพระองค์ ได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศากยมุนีโคดม เสมอด้วยพระนามของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ"[/SIZE]
    [SIZE=+1]แล้วกล่าววาจาต่อไปอีกว่า " พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ แล้วยังสรรพสัตว์ใหรู้ตาม พระพุทธองค์ทรงพ้นจากบ่วงแห่งทุกข์ แล้วยังสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ด้วย ข้าพระองค์ก็ขอให้เป็นดั่งพระพุทธองค์นั้นเถิด"[/SIZE]
    [SIZE=+1]พระปุราณศรีศากยมุนีพุทธเจ้า จึงตรัสว่า[/SIZE]
    [SIZE=+1]"ดูกรมหาบพิตร การที่จะปรารถนาซึ่งพระพุทธภูมินั้น ย่อมเป็นการยากยิ่งนักที่บุคคลจะทำสำเร็จได้ ต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจเข็มแข็ง เพียรพยายาม สร้างสมความดี สร้างสมบารมี แม้ชีวิตจะหาไม่แทบทุกชาติ มหาบพิตรยังคงประสงค์หรือ"[/SIZE]
    [SIZE=+1]มหาจักรพรรดิ์ เมื่อได้สดับดังนั้นด้วยกำลังปีติแก่กล้า จงออกพระวาจาว่า " ข้าพระองค์ ขอเพียรพยายามสร้างบารมี แม้ชีวิตจะหาไม่ ก็หาท้อถอย"[/SIZE]
    [SIZE=+1]พระพุทธองค์ทรงตรวจสอบด้วยสัพพัญญูตาญาณ จึงทราบว่า ปณิธานของพระจักรพรรดิ์โพธิสัตว์นี้ อีกนานแสนนาน ถึง 12 อสงไขย กับเศษแสนมหากัปจึงจะสำเร็จได้ ดังนั้นพระองค์ทรงให้โอวาทว่า[/SIZE]
    [SIZE=+1]"ดูกรมหาบพิตร ถ้าพระองค์ประสงค์ปรารถนาโพธิญาณแล้ว จงบำเพ็ญเพียร บารมี 30 ให้ครบบริบูรณ์เถิด" พระพุทธองคทรงแนะนำ แต่หาได้ตรัสพุทธพยากรณ์ไม่[/SIZE]
    [SIZE=+1]พระสาครจักรพรรดิโพธิสัตว์ เมื่อได้รับพุทธโอวาทดังนั้น ก็มีจิตใจยินดีเป็นอย่างยิ่งนักหนา หลังจากนั้นทรงมั่นเพียรสร้างบารมี ในที่สุดก็ทรงออกบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ชำนาญในพระไตรปีฏก และทรงบำเพ็ญเพียรในสมถกรรมฐาน จนถึงฝั่งอภิญญา ครันเมื่อสิ้นประชนมายุ ก็ขึ้นไปอุบัติบนพรหมโลก[/SIZE]
    [SIZE=+1]หลังจากนั้นพระอนิยตโพธิสัตว์ ก็เวียนเกิดตายอีกนานแสนนาน เมือได้พบพระพุทธเจ้า ก็ได้ออกวาจาปารถนาต่อพระพักตร์ทุกครั้งไป ในระยะเวลา 9 อสงไขยที่อนิยตโพธิสัตว์ได้พบพระพุทธเจ้า สรุปจากหนังสือ สัมภารวิบาก ดังนี้[/SIZE]
    [SIZE=+1]เริ่มต้น พระปุราณศรีศากยมุนีชินสีห์พุทธเจ้า(พระเจ้าสาครจักรพรรดิ์)[/SIZE]
    [SIZE=+1]สัพพถัททะอสงไขย 8 พบ พระพุทธเจ้า 50,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]สัพพผุลละอสงไขย 9 พบพระพุทธเจ้า 60,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]สัพพรตนะอสงไขย 10 พบพระพุทธเจ้า 70,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]อสุภขันธะอสงไขย 11 พบพระพุทธเจ้า 80,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]มานีภัททะอสงไขย 12 พบพระพุทธเจ้า 90,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]ปทุมะอสงไขย 13 พบพระพุทธเจ้า 20,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]อุสภะอสงไขย 14 พบพระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]ขันธคมะอสงไขย 15 พบพระพุทธเจ้า 5,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]สัพพผาละอสงไขย 16 พบพระพุทธเจ้า 2,000 พระองค์[/SIZE]
    [SIZE=+1]รวมได้พบพระพุทธเจ้าใน 9 อสงไขย 387,000 พระองค์[/SIZE]

    แล้ว ท่านทั้งหลาย อธิษฐานเพื่อพระโพธิญาน ของท่านอย่างไรบ้างครับ แบ่งปันความรู้กันบ้างนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2007
  4. found_evidence

    found_evidence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +639
    สิ่งดีงามที่ท่านได้เผยแพร่ให้เราและท่านๆ ทั้งหลาย ขอให้ท่านจงเป็นผู้มีชัยชนะตลอดกาล ในทุกสถานที่ จงสำเร็จในสิ่งที่ประสงค์ทุกประการ ขอให้เมล็ดพันธุ์นั้นจงเจริญงอกงามอย่างหาที่เปรียบเปรยมิได้ ขอพระรัตนตรัยทรงโปรดจงรักษาท่าน สาธุ
     
  5. NatAndaman

    NatAndaman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +605
    ตอนเด็กอ่านหนังสือเยอะน่ะครับ อ่านพระพุทธประวัติ สมโพธิกถา ก็อยากๆเป็นมั่งรู้สึกว่ากลัวจัง เราอาจเอื้อมไปหรือเปล่า ทีนี้ไปอ่านหนังสือในห้องสมุด ทราบว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้มีพระองค์เดียว ก็หนักใจอีกเพราะเป็นไล่ไปกี่ชาติ ก็เป็นพระโพธิสัตว์ ไม่เป็นมีชาติไหนที่เป็นคนธรรมดาเลย ตอนเช้าก็เลยใส่บาต ขออธิษฐานขอเป็นพระโพธิสัตว์กะเค้ามั่ง ในวันนั้น ก็เข้าไปอ่านหนังสืออีก พบบทความว่า ใครก็ตามพอปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าก็ เรียกว่าพระโพธิสัตว์ และถ้าได้รับคำพยากรณ์แล้วก็เรียกว่า นิยตโพธิสัตว์ ผมก็เลยอธิษฐานมาตลอด
     
  6. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    ผู้ที่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้าต้องมีความกล้าหาญอย่างยิ่ดยวดเลยนะครับ

    สาธุ อนุโมทนา
     
  7. NikuSeed

    NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    ผมเกิดความปรารถนาในพุทธภูมิมาไม่นานนี้เองน่ะครับ
    แต่ก็จำไม่ได้เลยว่าเริ่มปรารถนาขึ้นมาตอนไหน เพราะอะไรกันแน่

    มารู้สึกตัวอีกที ความปรารถนาในพุทธภูมิก็มาอยู่เหนือความปรารถนาในกามสุขต่างๆไปมาก
    พอผมมารู้ถึงเวลาในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ครั้งแรก ก็ใจหายเลย แปลกใจจริงๆว่าท่านทนความน่าสังเวชของวัฏสงสารมากขนาดนี้ได้ยังไง
    แต่พอผมเห็นผู้หนึ่งกล่าวว่า "ผู้ที่ปรารถนาในพระสัมมาสัมโพธิญาณนั้น คือผู้ที่ไม่ต้องการไปนิพพานเพียงผู้เดียว แต่ต้องการโปรดสัตว์ก่อน"
    คำกล่าวนี้ล่ะ ที่ปลุกกำลังใจให้ผมได้มากเลยทีเดียว


    สุดท้ายนี้ ขอให้ผู้ปรารถนาในพุทธภูมิก็ดี ปรารถนาในปัจเจกภูมิก็ดี ปรารถนาในสาวกภูมิก็ดี จงอย่าได้ลังเลในความปรารถนานั้นเลย
    เพราะความคิดของทุกท่านนั้น ดีแล้ว
     
  8. ธรณัส

    ธรณัส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอให้ทุกท่านสำเร็จในสิ่งดีงามอันพึงปรารถนาทุกประการด้วยเทอญ.. สาธุ
     
  9. ธรณัส

    ธรณัส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาจงสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตกาลข้างหน้าเทอญ.
     
  10. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500
    ด้วยผลบุญ กุศล ที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วนี้
    จงเป็นปัจจัยให้ท่านทั้งหลาย ได้สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาทุก ๆ ประการเทอญ...
    ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆท่าน ที่ปรารถนาพุทธภูมิครับ สาธุ...
     
  11. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    ขอให้มีความสามารถและสติปัญญา สร้างกุศลอันวิจิตรพิศดาร และยิ่งใหญ่ได้ อย่างง่ายดาย และสมบูรณ์เต็มพร้อม เมื่อยามใดต้องพบอกุศล ทางกาย วาจา หรือใจ ขอให้สามารถก้าวข้ามได้อย่างง่ายดายและเป็นมหากุศล แทน
     
  12. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    "ข้าแต่พระองค์ผู้สัพพัญญู พระองค์ยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ล่วงพ้นจากภพได้พ้นจากทุกข์ได้ ขอให้ข้าพระองค์ได้ตรัสรู้ดั่งเช่นพระพุทธองค์และสามารถเปลื้องสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ล่วงจากภพจากทุกข์ได้ดังเช่นพระพุทธองค์"
     
  13. สุวสวัตตี

    สุวสวัตตี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +115
    ตอนที่ผมบวชพระอยู่กับท่านหลวงพ่อที่จังหวัดร้อยเอ็ด ปี พ.ศ.๒๕๔๓ วันหนึ่งในพรรษาท่านเดินมาหาผมแล้วบอกว่า ให้ไปปรารถนาพุทธภูมิที่หน้ากุฏิของท่านแล้วท่านให้อาราธนาพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมามีหลวงปูู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นที่สุด พรหมและเทวดาทั้งหมดขอจงช่วยมาเป็นสักขีพยานในการปรารถนาพระพุทธภูมิของข้าพเจ้า และขอจงได้โปรดช่วยข้าพเจ้าในการบำเพ็ญบารมีสามสิบทัศด้วยเถิด " ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าขอปรารถนาพระโพธิญาณ เพื่อจะได้รื้อขนสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพานในอนาคต " ที่โต๊ะพระของผม มีหมูออมสินอยู่สามตัว ตัวที่๑ใส่บาตรวิระทะโย ตัวที่๒ สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานทำบุญทุกอย่างกับวัดท่าซุง ตัวที่๓ทำบุญกฐินในพระพุทธศาสนา ตอนเช้าตื่นขึ้นมาสวดมนต์แล้วหยอดหมูตัวละ ๑ บาท ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็หยอดหมูอีกตัวละ ๑ บาทสามเดือนก็เอาไปหยอดตู้ที่บ้านซอยสายลมทีนึง ใครจะทำแบบผมก็ได้ครับ ทำวันละนิดหลายวันเข้าเดี๋ยวก็มากเองแหละครับ จะทำแบบท่านพระเวสสันดรมหาสัตว์คงไม่ได้ ทุกครั้งที่ทำบุญเช้าเย็น ผมอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลว่าอย่างนี้ครับ
    อิทํ ปุญฺญผลํ ด้วยผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ญาติสนิทมิตรสหาย และบริวารทั้งหลายของข้าพเจ้า ตั้งแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านี้ ขอจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ตั้งแต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงได้ให้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เถิด
    และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ ท่านเทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า
    และท่านเทพเจ้าที่ปกปักรักษา ณ ที่แห่งนี้ และท่านเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ
    และท่านพระยายมราช ขอท่านเทพเจ้าทั้งหลายและท่านพระยายมราชจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
    และข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เป็นญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ และจงได้รับประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแล้วตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน และจักบำเพ็ญต่อๆไปจนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน ขอผลบุญทั้งหลายเหล่านี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้บรรลุพระอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสเป็นพระมหามุนีธัมมะสามีวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้า รื้อสัตว์ขนสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าด้วยเถิด
    ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังเป็นผู้มีบารมียังอ่อน ยังจักต้องเร่ร่อนไปในชาติภพใดๆ ขอความอดอยากยากจน ความทุกข์ยากลำบากเข็ญใจ คำว่าไม่มี และคำว่าความปรารถนาไม่สมหวัง ความท้อแท้เหนื่อยหน่ายคลายความเพียรในการสร้างบารมีสามสิบทัศ ความท้อแท้เหนื่อยหน่ายคลายความเพียรในการสร้างพระโพธิญาณ และการลาพุทธภูมิ จงอย่าพึงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าเลย นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเถิด.

    อีกอย่างหนึ่งอธิษฐานว่า
    ปุญญะกัมเมนะ วิริยาธิกะสัมมาสัมพุทโธ โหมิ อนาคะเต กาเล
    สังสาระโมจะนัตถายะ สัพเพสัตเต อะเสสะโต
    ด้วยผลแห่งบุญนี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระวิริยาธิกะสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต
    เพื่อปลดเปลื้องสัตว์ทั้งหลายจากสงสารขึ้นสู่แดนเอกันตบรมสุขคือพระนิพพาน.

    ใครจะเอาวิธีนี้ไปใช้อธิษฐานบ้างก็ตามสบายเลยครับ สาธุ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  14. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    ยิ้ม...ผมอธิฐานสั้นมาก

    " ขอพาตัวเองพ้นทุกข์และัพาผู้อื่นพ้นทุกข์ตามในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ... "
     
  15. WEKIN

    WEKIN Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +39
    ผมอธิษฐานทุกครั้งที่ทำบุญ(หลังจากที่รู้ตัวว่าเคยปรารถนาพุทธภูมิมาแต่ปางก่อน)โดยกล่าวว่า อิทังปุญญะผลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้
    ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้สำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตกาลด้วยเทอญ
     
  16. santosos

    santosos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +3,212
    ปัจจุบัน ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น

    ปัจจุบัน ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น
    บุญทำในสาย หลวงพ่อฤาษี สาย หลวงปู่มั่น
    สาย พระอภิญญา
     

แชร์หน้านี้

Loading...