ครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน พระผู้เมตตาไม่มีประมาณ.........

5555 โดนเลย จัดไปซะ 3 อิอิอิ ครูบาอาจารย์เยอะ องค์ไหนก็ศรัทธา อิอิอิ

 

กราบแทบเท้าครูบาด้วยความเคารพ

สาธุ สาธุ มีแต่ทีเด็ดกันทั้งนั้นเลย คงมีโอกาสได้ครอบครองบ้างสักวันหนึ่ง

ยินดีกับทุกท่านด้วยครับ

 

กำลังหาอยู่พอดี(แถมมีจาร)แบ่งได้ไหมครับ...พี่แกงส้ม

 

โดนเต็มๆเช่นกันครับ...พี่แกงส้ม

 

ผมก็มีอยู่องค์เดียว แหละครับพี่วิโรจน์ เก็บไว้ให้ผมบูชาเถอะครับ อิอิอิ

 

หาไฟล์หนังสือไม่เจออะครับ ขอบคุณครับ

 

ไฟล์หนังสืออยู่ที่หน้า 9 ครับผม

 

ขอบคุณมากๆครับ

 

น้อมกราบครูบากฤษดา ครับ
พอดีมีโอกาส ได้ร่วมสวดมนต์ ทำวัตรเย็น ที่วัดป่ายาง สันพระเจ้าเเดง
สำหรับบทสวดมนต์ที่ท่านครูบาได้สวดนั้น ไพเราะมากครับ เป็นครั้งเเรกที่เคยฟังบทสวดมนต์ทางเหนือ ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยครับ เมื่อวันที่ 24/2/56 ครับ นำรูปมาให้ชมเล็กน้อยครับ ส่วนวันที่ 25 ติดภาระกิจ จึงไม่ได้ไปร่วมสรงน้ำพระธาตุ รู้สึกเสียดายมาก สาธุ

 

อยากได้แบบนี้บ้างครับ กิเสสวิ่งปรู๊ดเลย ^^
(ping)(ping)(ping)(ping)(ping)

 

แต่เหมือนจะเลี่ยมกลับหัวไปหน่อยครับ แหะๆๆๆ

 

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jirayarn
มีคำถามอยากรู้นะครับ ครูบากฤษดา ท่านอยู่ทางเหนือ หลวงปู่พิศดู อยู่ตะวันออก ท่านทั้งสองได้มาพบเจอ และมีบุญสัมพันธ์กันอย่างไร จึงมาลงเอย ที่พระกริ่งธัมมะจารี ได้ครับ ใครทราบ ช่วย บอกเล่าด้วยครับ ขอบคุณครับ



เรื่องนี้ถ้าให้เล่าเป็นเรื่องยาวมาก ฟังดูแล้วอาจจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับมีอิทธิญาณนิดๆ แต่เท่าที่เคยฟังจากลูกศิษย์ของท่านครูบาเอง พอจะคาดคะเนได้ว่า ครูบาท่านได้นิมิตรว่า ยังมีพระครูบาอาจารย์องค์สำคัญอีกองค์หนึ่ง พำนักอยู่ทางภาคพื้นบูรพา ครูบาอาจารย์ท่านนี้เป็นเพชรน้ำงามที่สุดของภาคตะวันออก ท่านอาศัยอยู่กุฏิริมลำธารสีฟ้า มีแมกไม้ปกคลุมอยู่โดยรอบ พระครูบาอาจารย์ท่านนี้เป็นลูกศิษย์สืบสายตรงของ องค์พระมหาอุปคุตเถระตั้งแต่ครั้งอดีตกาลนานมา แต่ ณ ปัจจุบันองค์ท่านได้หวนกลับมาจุติ และจะเป็นการจุติเป็นชาติภพสุดท้าย สมควรจักได้ไปสักการะ น้อมนำบูชาต่อองค์ท่านพระผู้บริสุทธิคุณ ตามสายที่สืบๆกันมา

เรื่องนี้ผมก็เคยถามท่านครูบากฤษดา แต่ท่านตอบว่า เป็นความลับ....


ตามความเชื่อของผู้ใกล้ชิดและผู้ที่ได้พบเห็นจริยาวัตรและการปฏิบัติของท่าน ท่านครูบากฤษดา ต่างกล่าวกันว่า ท่านครูบามีความศรัทธาในองค์พระมหาอุปคุตมาก เสมือนหนึ่งเป็นครูบาอาจารย์องค์ใหญ่ และการมานมัสการองค์หลวงปู่พิศดูนั้นก็เพื่อจะมาตามสายของท่าน ซึ่งมีเรื่องราวแปลกๆชวนให้พวกเราได้ขบคิดอยู่เรื่องหนึ่ง คือตอนที่ครูบากฤษดามากราบนมัสการหลวงปู่ครั้งแรกนั้น หลวงปู่พิศดูท่านก็นั่งรออยู่ในกุฏิ แล้วพอครูบากฤษดาพร้อมด้วยคณะมาถึง พอพักกายหายเหนื่อยและเตรียมตัวอยู่เพียงชั่วอึดใจเดียว หลวงปู่ก็ให้ลูกศิษย์เดินออกมานิมนต์ให้ท่านเข้าไปข้างใน ทันทีที่ท่านทั้งสองได้พบกัน ครูบาก็กราบนมัสการหลวงปู่ด้วยความเคารพ ส่วนหลวงปู่พอเห็นหน้าท่านครูบา หลวงปู่ท่านก็ทักขึ้นทันทีว่า มาครั้งที่สองแล้ว ท่านครูบาก็รับว่า ครับมาครั้งที่สองแล้ว.. ท่านครูบากล่าวถามกับหลวงปู่เป็นการลองเชิงว่า หลวงปู่จำลูกหลานได้เน้อ..? หลวงปู่ตอบว่าจำได้ จากนั้นก็ปฏิสันฐานกันอยู่ชั่วครู่ ราวกับว่าท่านทั้งสองได้พบสนิทสนมกันมาแต่ช้านาน

และต่อจากนั้นหากท่านครูบากฤษดามีโอกาส ท่านก็มาหาหลวงปู่เรื่อยๆ และแต่ละครั้งก็จะมีเรื่องราวที่น่าประทับใจ และเรื่องราวแปลกๆตามมาอีกหลายต่อหลายเรื่อง (แต่ยังจะไม่ขอเล่าในตอนนี้เกรงว่าจะเกินขอบเขตที่ตั้งใจเอาไว้) จนกระทั่งถึงวาระที่หลวงปู่ท่านต้องสร้างพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ธัมมะจารี หลวงปู่ท่านก็มอบหมายให้ท่านครูบากฤษดา เป็นผู้เทพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และแหวนมหามงคล แทนองค์หลวงปู่ โดยหลวงปู่ได้มอบไม้เท้าคู่บารมีที่ท่านใช้มาหลายสิบปีถวายให้แด่ครูบากฤษดา ดังมีรายละเอียดต่างๆต่อไปนี้

(ขออนุญาตนำข้อมูลจากเวปครูบากฤษดามาลงไว้เพื่อการศึกษาครับ)
ขออนุญาตุเพิ่มเติมข้อมูลอีกสักนิดครับ เพื่อความสมบูรณ์ยิ่งๆขึ้นไป..

# เรื่องการนิมนต์ครูบาอาจารย์มาทำพิธีเททองพระนี้ ทางคณะศิษย์ทางวัดเทพธารทอง ได้กราบเรียนปรึกษาองค์หลวงปู่ว่า จะนิมนต์ให้ผู้ใดมาทำพิธีเททองพระกริ่งของหลวงปู่ดีครับ หลวงปู่ท่านตอบว่า " ต้องนิมนต์ครูบากฤษดาผู้เดียว เพราะท่านสร้างมามาก และทำได้ดีด้วยนะ " และหลวงปู่ท่านได้มอบไม้เท้าประจำองค์หลวงปู่ท่าน ที่เคยใช้มาหลายสิบปี ถวายให้ท่านครูบากฤษดาเอาไว้ประจำองค์ สืบทอดแทนองค์หลวงปู่ท่านต่อไป

# ไม้เท้าที่ท่านครูบากฤษดาใช้ในการแตะเบ้าพระกริ่ง เป็นไม้เท้าประจำองค์หลวงปู่พิศดู หลวงปู่ท่านมอบถวายให้แด่ท่านครูบา เอาไว้ใช้เป็นไม้เท้าผ่านญาณ เวลาท่านครูบาจะทำการใดๆเสมือนหนึ่งว่า ได้จับมือกับองค์หลวงปู่ร่วมกันสร้าง และการเทพระกริ่ง-ชัยวัฒน์ และแหวนมงคล(ปลอกมีด) ท่านครูบาก็ได้ใช้ไม้เท้าผ่านญาณ(หลวงปู่)นี้แตะที่เบ้าพระกริ่งทุกๆเบ้า และวันนั้นท่านครูบาตั้งใจทำอย่างดีมาก และยังบอกอีกว่า " ชนวนโลหะที่เอามาหล่อพระนี้เป็นของดี ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะทุกคนที่ร่วม ทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ แค่หล่อเป็นองค์พระเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องเสก เพียงแค่ปรับกระแส(พลัง)นิดหน่อยก็ใช้ได้แล้วนะ "

ซึ่งองค์หลวงปู่พิศดูเองก็เคยบอกกับลูกศิษย์ของท่านว่า "ครูบากฤษดาท่านเป็นพระโพธิสัตว์ มีบารมีสูง"....."เรากับเขาเป็นสายเดียวกัน สายท่านพ่ออุปคุตเหมือนกัน"....."ต่อไปครูบากฤษดาจะดังมาก และมีความสำคัญคล้ายกับครูบาศรีวิชัย"
โดย...คุณทุเรียนทอด

 

สวัสดีค่ะ คุณทุเรียนทอด , ลูกศิษย์หลวงปู่พิศดู , และสมาชิกทุก ๆ ท่าน
เพียร ไม่ค่อยได้เข้ามา Post แต่ติดตามอ่าน อยู่ตลอดค่ะ
ไ้ด้อ่านเรื่องที่คุณทุเรียนทอด เล่าเรื่องการปลุกเสกพระเครื่อง ของครูบาอาจารย์ ว่าใช้วิธีการอธิษฐานจิต ว่ามีพลังมาก

พอดีเพียร ไปอ่านเจอในเว็บอื่น ก็เลยอยากนำมาลงไว้เผื่อสมาชิกท่าน ๆ ได้อ่านเป็นความรู้ในพุทธานุภาพ ในการอธิษฐานจิต ปลุกเสกพระเครื่อง ของพระอริยะเจ้า ครูบาท่าน อื่น ๆ ค่ะ

***การปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของหลวงปู่แหวน***

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าถึงการปลุกเสกพระ ที่ลูกศิษย์ลูกหาต่างถอดสร้อย และรวมพระเครื่องต่างๆ รอให้ ลป. ปลุกเสกให้ดังนี้ :-

"พอ ใครขนเอาเครื่องรางไปวางเสร็จ หลวงปู่แหวนก็ตั้งท่าสงบใจสงเคราะห์ อาตมาก็จับดูจิตของหลวงปุ่แหวน ดูอารมณ์จิตของท่านว่า จะทำยังไง ครั้นแล้ว ก็เห็นอารมณ์จิตของหลวงปู่แหวนผ่องใสเป็นดาวประกายพฤษ์เต็มดวง ลอยอยู่ในอกท่าน เวลานั้นกำลังจิตของหลวงปุ่แหวน ก็คิดว่า ขออารธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ให้มาโปรดช่วยทำของเหล่านี้ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญมงคล ของบรรดาท่านพุทธบริษัท ให้เข้าถึงพระธรรม
โดยความจริง หลวงปุ่แหวน ไม่คิดว่าเสกให้เอาไปตีกับชาวบ้าน เอาไปปล้นชาวบ้าน ท่านเสกให้คนเข้าถึงธรรม

ท่าน นึกในใจต่อไป หลวงปู่แหวนก็อาราธนาบารมีของพระอรหันต์ทั้งหมด บารมีของพรหม ของเทวดาทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ พอถึงพะอรหันต์ อาตมาก็เห็นหลวงปู่ตื้อ ปรี๊ดมาถึงข้างหลัง เอากำปั้นลงหลังอาตมาปั๊ปเข้าให้

แล้วถามว่า เฮ้ย ... *********มานั่งอยู่ทำไมวะ

อาตมาก็เลยบอกไปว่านี่ ... พระผี ไม่ต้องพูด

(ลป.ตื้อ) หลวงปู่แหวน เชิญพระผีนะ ไม่ได้เชิญพระมีเนื้อหนังมังสา มีหน้าที่อะไรก็ทำไป
แล้ว ก็ได้เห็นกระแสจิตหลวงปู่แหวน เป็นประกายพฤกษ์ พุ่งออมาจากอกสว่างเจิดจ้า ใหญ่เหลือเกิน คลุมเครื่องรางของขลังทั้งหมด แสงสว่างประกายพฤกษ์ของจิตพระอรหันต์เจ้า แทรกลงไปในเครื่องรางของขลัง อยู่ผิวด้านหน้ายันข้างล่างสุด เรียกว่าคลุมหมดอาบลงไปหมด เลย โพลงสว่างสุกปลั่งไปหมด คล้ายตกอยู่ในเบ้าหลอม เป็นกระแสสว่างของจิตที่เยือกเย็น เต็มไปด้วยอำนาจพุทธบารมี เห็นแล้วรู้สึกเยือกเย็นสบายอย่างประหลาด บอกไม่ถูก

นี่ เป็นการปลุกเสกพระเครื่องรางของขลังของหลวงปู่แหวน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง ๓ นาที แต่ทว่า อานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงความขลังศักดิ์สิทธิ์ เลิศล้ำน่ามหัศจรรย์

ปล. ถ้าเรานึกภาพตาม ตามประสาคนตาถั่ว ( ไม่ใช่ตาทิพย์ ) อย่างเรา ก็ต้องกราบขอบคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลาย รวมทั้งหลวงปู่พิศดู ที่ได้อธิษฐานจิต พระเครื่อง มาให้พวกเราได้นำมาบูชา นำมาติดตัวคุ้มครองป้องกันภัย นำมาใช้ในการภาวนา และ ฯลฯ ซึ่งการอธิษฐานจิต พระเครื่องของพระอรหันต์ นี่ ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เลยค่ะ ...
โดย...คุณเพียรมีสติ

 

ขออนุญาต...พี่แกงส้มครับ(อ่านแล้ว...สอดคล้องกับข้อความโดยคุณทุเรียนทอดและโดยคุณเพียรมีสติ)ผมเล่าตามที่ผมถามและได้ยินมาเองกับหูนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ

เมื่อกลางปีที่แล้วผมได้ไปกราบพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ลพบุรี ก็เลยให้ท่านช่วยดูพระกริ่งธรรมราชา ของครูบากฤษดา ที่ผมแขวนอยู่ ท่านก็ถามว่าพระใหม่รึเปล่า ผมก็บอกว่าครับพระใหม่ครับ แล้วท่านก็เอาขึ้นเหนือหัวแล้วก็กำไว้ในมือซักพักท่านก็บอกว่า บารมีสูง สูงมาก เป็นพระโพธิสัตว์นี่ สั่งสมบารมีมานาน หลวงปู่ท่านอายุเท่าไร ผมก็บอกว่าเป็นพระหนุ่มครับ อายุ 36 ปี ท่านก็ทำท่าตกใจ 36 เองเหรอ อืม...แล้วท่านก็กำไว้ในมือแล้วหลับตาอีกครั้ง แล้วก็บอกว่า อืมมม...เป็นพระโพธิสัตว์ ท่านไม่ได้เสก ท่านอธิษฐานจิต อธิษฐานจิตจะสูงกว่าเสก..... __________________

 

มีของติดตัวและบูชา นิดหน่อยมาโชว์

 

ใบไม้ที่มีรอยจารคือใบอะไรครับ...... พึ่งเคยเห็นแต่ยันต์ที่จารใบไมเนี่เอกลักษณ์ของท่านครูบาเลยครับ.....

 

มีเกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับ พระโพธิสัตว์นาคา ครับ ท่านใดมีรายละเอียดเพิ่มช่วยลงให้ด้วยนะครับ

เมื่อเดือน มกราคมที่ผ่นมา ผมได้กราบเรียนท่านว่า ผมได้ฝากน้องที่สนิทกันร่วมบุญผ่านทางคุณณัฐ บูชา

พระโพธิสัตว์นาคามา 1 องค์ ทำไมถึงต้องมีงูด้วยครับ ท่านจึงเมตตาเล่าว่า

พระโพธิสัตว์นาคานี้ ท่านได้เห็นพระโพธิสัตว์ที่พม่าองค์หนึ่ง เป็นพระศักดิสิทธิมาก และมีงูใหญ่พันอยู่รอบ

องค์คอยรักษาอยู่ ท่านจึงนำแบบมาหล่อพระและตั้งชื่อว่า พระโพธิสัตว์นาคา พระโพธิสัตว์นาคานี้ดีนะนำมา

คล้องคอบูชาไว้ ช่วย ฉกโชคฉกลาภ ดี

ต่อมาในงานผ้าป่าเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่นมา ผมได้นำพระที่ได้รับมาจากคุณณัฐไปอวดท่านและกราบเรียนท่าน

ว่าได้มาแล้วครับสวยจังเลยแต่น้ำหนักเยอะ ท่านเห็นพระและรับไปพร้อมบอกว่า พระโพธิสัตว์นาคานี่ดีนะ

ช่วยฉกโชคฉกลาภให้ รักษาให้ดี

ท่านพูดเหมือนกันทั้ง 2 ครั้ง ผมมั่นใจว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ครับ พระโพธิสัตว์นาคานี้

น้ำหนักเยอะหน่อยก็ยอมครับ

 

ไว้ว่างๆจะถ่ายรูปมาอวดครับ

 

คราวนี้(วันที่01/03/2556) พี่bayonet เลยได้โชคได้ลาภเลยใช่ไหมครับ เข้ามาแซว อิจฉาคน มีบุญ ได้โชค ได้ลาภ ครับ 555

 

เสียดายเมื่อวานไม่หยุดที่หน้านี้ ไม่อย่างนั้นได้ทรัพย์กับเค้าบ้าง อิอิอิอิ 37