ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ ..ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ

เมื่อไปฉายแสงออร่า ประมาณปี ๕๑ อาจารย์สถิตย์ธรรม ผู้วิเคราะห์แสงออร่าถามว่า "เธอปรารถนาพุทธภูมิหรือ พระปัจเจกฯ หรอ"

ครั้งนั้นก็บอกท่านไปว่า"ไม่ทราบค่ะ อาจารย์"

ท่านบอกว่า "แสงออร่าของเธอ เป็นแสงของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ หรือพระปัจเจกฯ นะ นาน ๆ อาจารย์จะเห็นสักที อาจารย์หาคนที่มีแสงอย่างนี้มานานแล้ว จะได้มาช่วยคนที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติ"

คราวนั้นไม่ได้ตอบตกลง เนื่องจากยังมีกิจกรรมอัญเชิญพระธาตุกับชมรมวัชรธาตุอยู่ อาจารย์บอกว่า..

"เธอมีสมเด็จองค์ปฐม พระกกุสันโธ สมเด็จพุทธาจารย์โต หลวงปู่ปาน ดูแลอยู่นะ"
และอาจารย์บอกว่า "มีพระฤาษีเป็นอาจารย์นานมาแล้ว เคยฝึกสมาบัติเพ่งพระอาทิตย์มาก่อน ความรู้และญาณหยั่งรู้ที่เธอมีตอนนี้ นำมาใช้เพียง ๓๕% ส่วนอีก ๖๕% ยังไม่นำออกมาใช้ให้ระลึกถึงพระฤาษีผู้เป็นอาจารย์ท่านจะได้ช่วยให้ทิพยจักขุญาณแจ่มใสจะช่วยคนได้เยอะ"

ครั้งนั้นออกจะขำอาจารย์ว่าเราไม่รู้จักพระฤาษีที่ไหนเลย ก็ไม่ได้สนใจ แต่มาวันนี้รู้สึกผิดที่ปรามาสท่านเข้า เพราะพระฤาษี ผู้เป็นอาจารย์เริ่มติดตามมาจนบัดนี้ จึงน้อมขออโหสิกรรมต่อท่านผู้นั้น สิ่งที่ท่านกล่าวเป็นจริงแทบทุกประการ

ท่านเป็นผู้จุดประกายการปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้าขึ้น จนพี่คิดลาพุทธภูมิมาปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้ได้พบกับพระมังคละปัจเจกพุทธเจ้า ดังที่ได้เคยเล่ามาแล้วค่ะ

(พระมังคลปัจเจกพุทธเจ้า ก็คือท่านผู้เป็นอดีตคู่บารมีอันดับ ๑ ในกาลก่อนนั่นเอง)

เมื่ออ่านพระคาถาแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจ

ขออนุโมทนาในธรรมทานของน้องด้วยค่ะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ..

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมบุญกับคุณน้ำฝนค่ะ หวังว่าจะมีโอกาสไปทำบุญร่วมกันในอนาคตนะคะ ช่วงนี้น้องน้ำตาลเก็บตัว เหลือแต่น้ำฝนกับน้ำใส อิอิ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนและน้องด้วยเช่นกันค่ะ

Numsai

 

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเช่นกันค่ะคุณน้ำใส เรื่องการร่วมบุญในอนาคต เราคงได้ร่วมกันไปอีกนานค่ะ...ช่วงนี้น้องน้ำตาลหายไปจากเมือง คุณน้ำใสคงต้องเข้าเมืองมาชดเชยเวลาแทนให้แล้วล่ะค่ะ ^_^

 

ประวัติจักร”เบญจรัตนฯ” ตอนที่ ๒๔ อธิษฐานเรียกดวงแก้ว”สหัสสวายุพักตร์”

​

กาลต่อมาเจ้าชายสุทธิราชได้ออกจากสมาบัติ เมื่อออกจากสมาบัติมาแล้ว จึงอธิษฐานเรียกดวงแก้วมณี เพื่อเสี่ยงทายการบำเพ็ญพระสัมมาสัมโพธิญาณของตนว่าจะสำเร็จในอนาคตหรือไม่

ขณะนั้นเกิดลมพายุใหญ่ใกล้บริเวณถ้ำ ปรากฏพญาครุฑผู้หนึ่ง นามว่า “สิริครุฑเสนา” พร้อมบริวารอีก ๑๐๐๐ บินผ่านมาพอดี พบเหตุอัศจรรย์นั้น จึงได้บินโฉบมาดู
เมื่อเห็นเจ้าชายสุทธิราชเข้าสมาบัติอธิษฐานเรียกดวงแก้วจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา คิดว่า...

“ท่านผู้นี้มีบุญญาธิการพอที่จะครอบครองดวงแก้วมณีได้ ดีละ เราจะนำมามอบให้ท่านผู้นี้”

เมื่อคิดแล้วก็บินกลับไปยังวิมานของตน แล้วนำดวงแก้วมณีมาวางตรงหน้าของเจ้าชายเข้าสมาบัติ เจ้าชายสุทธิราชทราบว่า มีแสงสว่างจ้าตรงหน้า จึงลืมตาขึ้น ด้วยความปิติใจ พบว่า สิริครุฑเสนา และบริวาร ๑๐๐๐ ได้ยืนอยู่ จึงกล่าวว่า..
“ท่านผู้เจริญ..ท่านยืนอยู่ตรงนี้มานานหรือไม่ ดวงแก้วมณีนี้มาอย่างไร”

​

สิริครุฑเสนากล่าวว่า “ ดวงแก้วมณีนี้มาจากแดนครุฑ นามว่า “สหัสสวายุพักตร์” เรามีความเลื่อมใสในความพยายามของท่าน เราขอมอบให้ท่านแทนความเลื่อมใสนี้ ดวงแก้วมณีนี้เราเคยได้มาจากนาคพิภพ เราขอมอบแต่ท่าน เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีต่อไป”

เจ้าชายรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของพญาครุฑ จึงได้ก้มกราบสิริครุฑเสนา พญาครุฑนั้น กล่าวด้วยความเมตตาว่า " เราเองยังเป็นเดรัจฉานอยู่ ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย เราเห็นความตั้งใจของท่านจึงตั้งใจมอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจ”
เจ้าชายกล่าวว่า..

“ข้าฯแต่ท่านผู้เป็นใหญ่ในนภา ผลบุญใด ๆ ที่ข้าพเจ้าได้กระทำมานั้น ข้าพเจ้าขอน้อมถวายแด่ท่าน เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ ท่านเป็นผู้มีส่วนทำให้ข้าพเจ้าเกิดความมั่นคงในการบำเพ็ญพระสัมมาสัมโพธิญาณ บุญคุณนี้ ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืม”

พญาครุฑนั้นเกิดความปิติยินดี เนื่องจากมีกิจต้องไป จึงกล่าวแก่เจ้าชายว่า “หากท่านมีสิ่งใด ที่เราสามารถช่วยท่านได้ ขอให้ท่านจงนึกถึงเรา เราจะมาช่วยท่านทันที”

เจ้าชายได้ก้มกราบพญาครุฑอีกครั้ง จากนั้นพญาครุฑได้บินหายไปบนท้องฟ้า เมื่อได้ดวงแก้วมณีแล้ว เป็นเวลาที่เจ้าชายมิตตราชและสองทหารคนสนิทได้มาถึงพอดี

เมื่อเห็นดังนั้น ต่างโมทนาสาธุการ จากนั้นได้ให้เจ้าชายสุทธิราชดื่มน้ำ และทานผลไม้อ่อน ๆ จากนั้นต่างก็ได้เล่าเรื่องราวของตนให้กันฟัง ทั้งสองพระองค์ต่างปิติใจที่คำปรารถนาของตนจะสำเร็จในอนาคตกาล

______________________________
หมายเหตุ ดวงแก้วสหัสสวายุพักตร์นั้น เพิ่งขึ้นมาไม่นานนี้เอง โดยมีคุณ am12 เป็นเจ้าของค่ะ ขออนุโมทนาบุญมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

 

สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
หนูดีขอแสดงความยินดี และ ขออนุโมทนาสาธุการกับทุกท่านด้วยค่ะ ที่ได้ร่วมประมูลดวงแก้วและจักรแก้ว และท่านที่เป็นเจ้าของนะค่ะ

หนูดี

 

ประวัติจักร “เบญจรัตนฯ” ตอนที่ ๒๕ การอธิษฐานเรียกดวงแก้วและธาตุกายสิทธิ์

กริซสุทธิรัตนโชติ(องค์ใหญ่)​

ขอกล่าวถึงเหล่าพระฤาษี และดาบสินีทั้ง ๗ หลังจากกลับมายังโลกมนุษย์แล้ว พระโพธิราชฤาษีให้ดาบสินีทั้ง ๓ ไปยังถ้ำแก้วอีกถ้ำหนึ่ง ชื่อว่า ถ้ำเกล็ดแก้วมณี ซึ่งมีลำธารน้ำทิพย์ภายในถ้ำ เพื่อรักษาเป็นการพักฟื้น หลังจากเข้าสมาบัติเป็นเวลานาน

ถ้ำแห่งนี้ มีเถาวัลย์ที่เป็นตัวยารักษาโรคต่าง ๆ ปรับธาตุขันธ์ให้คงกระพันชาตรี ปราศจากโรคภัย และมีตัวยาที่ทำให้วัยหนุ่มสาวอยู่เสมอ ท่านให้ดาบสินีทั้ง ๓ อยู่ในถ้ำนี้เป็นเวลา ๓ เดือน ถ้ำนี้จะแยกกันระหว่างถ้ำชาย-ถ้ำหญิง ผู้ค้นพบเป็นพระอาจารย์ของพระโพธิราชฤาษี ซึ่งได้ละสังขารไปนานแล้ว

พระโพธิราชฤาษีนั้นต้องการสอนวิชาเพิ่มเติมแก่เจ้าชายทั้งสอง ก่อนจะกลับยังเมืองของตน หากที่เจ้าชายทั้งสองได้พบดาบสินีก่อน อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคในการเรียนวิชาได้ จึงได้แยกดาบสินีออกไป ก่อนจะออกจากถ้ำ พระโพธิราชฤาษี ได้สอนเรื่องวิปัสสนาญาณ เพื่อให้ดาบสินีทั้ง ๓ ได้พิจารณาธรรมระหว่างการรักษาตัว
พระโพธิราชฤาษีได้ให้โกลียะพราหมณ์ สอนวิชาแยกธาตุ เดินธาตุ หนุนธาตุแก่เจ้าชายทั้งสอง เป็นเวลา ๗ วันจึงสำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้ว ท่านได้กล่าวแก่ลูกศิษย์หลานศิษย์ว่า..

“อีกไม่นานเจ้าชายทั้งสองก็จะสำเร็จวิชาต่าง ๆ วันนี้อาจารย์จะสอนการเรียกธาตุกายสิทธิ์ในอดีตของตนขึ้นมา ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ อาจจะเป็นของเราที่เคยอธิษฐานไว้แต่กาลก่อน และอธิษฐานของครูบาอาจารย์ในอดีต

วันนี้อาจารย์จะเข้าสมาบัติ ๗ วัน เพื่ออธิษฐานเรียกอาวุธต่าง ๆ ซึ่งเป็นต้นธาตุกายสิทธิ์ มีจักรแก้ว และกริซ เป็นต้น ซึ่งเป็นของอาจารย์ต้นธาตุวิชานี้ ขอพวกเจ้าจงดูให้ดี จากนั้นอีก ๗ วันให้โชติญาณฤาษี โกลียะพราหมณ์ และสังขฤาษีได้อธิษฐานลำดับต่อไป

จากนั้นอีก ๗ วันให้เจ้าชายทั้งสองลองอธิษฐานเรียกธาตุกายสิทธิ์มา ส่วนจะได้เป็นอะไรนั้น แล้วแต่การอธิษฐานเรียกมา ขอให้ระหว่างนี้ต่างคนต่างสมาบัติ ถ้ายังไม่ถึงเวลาไม่ให้ออกจากสมาบัติ ต่างคนต่างทำไป”

พระโพธิราชฤาษีกล่าวจบ แล้ว ท่านได้บอกวิธีการเรียกธาตุต่าง ๆ ตามหลักวิชา จากนั้นท่านได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๗ วัน พระฤาษีทั้ง ๓ เข้าสมาบัติ ๑๔ วัน ส่วนเจ้าชายทั้งสองเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๒๑ วัน

เมื่อครบกำหนด พระโพธิราชฤาษีได้อธิษฐานกริซนามว่า “สุทธิรัตนโชติ” เป็นกริซต้นแบบ และจักรสีขาว นามว่า “วิสุทธิรัตนโมกข์” เป็นกริซที่พระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งเคยอธิษฐานไว้ ภายหลังลาพุทธภูมิ ไปปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่า “พระมังคละปัจเจกพุทธเจ้า” (ท่าน widya เป็นเจ้าของ)

ต่อมาอีก ๑๔ วัน ท่านโชติญาณฤาษีได้อธิษฐานเป็นดวงแก้วมณี ๑ ดวง นามว่า “สิริรัตนโรจน์ฤทธิ์”(ขึ้นมาแล้ว) และจักรแก้วนามว่า “โตชนฤทธิไกร” (ยังไม่ขึ้นมา)

ท่านโกลียะพราหมณ์อธิษฐานดวงแก้วมณีนามว่า “สิทธิจักรนาวาคมน์”และจักรแก้ว “รัตนสิทธิ” เป็นดวงแก้วทึ่เคยอธิษฐานไว้แต่อดีต

ส่วนพระสังขฤาษีได้อธิษฐานดวงแก้วขึ้นมา ๑ ดวงนามว่า “โชติรัตนชยางกูร” และจักรสีขาว นามว่า “โรจนสิทธิ” (ยังไม่ขึ้นมา)

ซึ่งท่านทั้งสามทั้งเคยเป็นพระสหายร่วมสร้างบารมีกันมาแต่อดีตมานับชาติไม่ถ้วน จึงทำให้ปรากฏดวงแก้วพร้อมจักรสีขาว เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีต่อไป

 

อนุโมทนาสาธุ บุญบารมีมากแท้ครับท่านวิดยา
สมดังที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ "การสั่งสมบุญนำสุขมาให้"
ผมต้องดูท่านวิดยา เป็นตัวอย่างแล้วครับ
จะได้มีดวงแก้ว จักรแก้ว เยอะๆอย่างท่านวิดยาบ้าง สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนาบุญบารมีทั้งหมดกับท่านวิดยาด้วยนะครับ สาธุ สาธุ

ธรรมวิวัฒน์

 

​

จักรทั้งหมดของท่าน widya จักรสีชมพูในภาพคือ "เบญจรัตนประทีป" ทราบภายหลังว่า ท่านมอบให้คุณ sereenon บูชาตามกำลังศรัทธา เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมี ส่วนปัจจัยท่านจะนำไปร่วมบุญอื่น ๆ ต่อไปค่ะ

เดิมทีท่าน widya จะมอบให้โดยไม่คิดมูลค่า แต่เนื่องจากเทพธิดาประจำจักรท่านประสงค์ให้คุณ sereenon สร้างมหาทานบารมี จึงให้บูชาค่ะ

สังเกตุวงเส้นวงรอบจักร เดิมทีท่าน widya เคยถามว่า ต่างกันอย่างไร รวมทั้งวงกลมที่เป็นขดก้นหอยรอบจักร มีความหมายอย่างไร มีจักรของท่าน widya และจักรของน้ำใสจะมีวงรอบที่ชิดขอบที่สุด

ท่านบอกว่า เป็นจักรของผู้ที่สำเร็จแล้ว(จักรที่ท่าน widya ได้นั้นเป็นของสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๒ ผู้เป็นต้นธาตุ กำเนิดจักรแก้ว กริซ และพระขรรค์ พระแก้วต่างๆ) หรือเป็นของผู้ที่มีบารมีเต็มแล้ว รอชาติสุดท้ายอย่างเดียว

ซึ่งจักรของท่านพ่อโภคนาคราชนั้น ท่านปรารถนาเป็นอุบาสกผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งหมดจากวาระ ๕๐๐๐ ปีในศาสนาพระพุทธสมณโคดมนี้ ท่านจะรอที่ดุสิตไม่ต้องลงมาเกิดอีก จนกว่าจะถึงชาติสุดท้ายค่ะ

ส่วนจำนวนวงรอบ ๆ นั้นแสดงว่า ผู้อธิษฐานจิตนั้น (ซึ่งไม่ได้หมายถึงเจ้าของปัจจุบัน) ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ามาแล้วกี่พระองค์ นับไปก่อนชาติที่จะอธิษฐานจักรนั้น ๆ

​

จักรด้านล่างที่เพิ่มสีขาว (เล็กที่สุด) และสีเหลืองทองนั้น เป็นของน้ำใส และบุตรสาวค่ะ นำมาให้ชมกัน จักรสีขาว อธิษฐานจิตโดยท่านโภคเทวบุตร สมัยที่เป็นพญานาค เป็นเหตุให้ท่าน widya คุณ mooom และฐารปัตรเทพบุตร ซึ่งที่เป็นเทพบุตรในชาตินั้น เกิดความศรัทธาจะอธิษฐานจักรบ้าง จึงจุติมาเป็นพญานาคในชาติต่อไป

ซึ่งจะนำเสนอประวัติต่อจากประวัติจักร "เบญจรัตนประทีป" ต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ และทุก ๆท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอขอบพระคุณท่านวิทยาในความกรุณาครั้งนี้ค่ะ ขอให้สมความปรารถนาทุก ๆ ประการที่ท่านได้ตั้งใจไว้ดีแล้วนะคะ

 

เอาบุญมาให้อนุโมทนานะครับ ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
พอดีผ่านไปเจอมานะครับ

หากยังจำกันได้ที่มีการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมประดับเพชร
และได้อาราธนาไป ประเทศเยอรมนี
จังหวัด Schwan dors
เมือง trublit เนื้อที่ 3500 ตารางเมตร

ตอนนี้สมเด็จองค์ปฐม ถึงประเทศเยอรมันแล้วนะครับ
ได้มีการทำบุญฉลองไปเมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมา
ขอให้ทุกท่านอนุโมทนาบุญแล้วก็ได้รับผลบุญความดีเช่นเดียวกันครับ
อีกทั้งขอให้สมหวังดังคำอธิษฐานทุกประการครับ สาธุ สาธุ

ขอบคุณที่มา จากมูลนิธิหลวงพ่อปาน-พระมหาวีระ ถาวโร

 

วันเสาร์ ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณ ๑๗.๔๔ น.

ได้โอนปัจจัยที่คุณsereenon บูชาจักรแก้วสีชมพู "เบญจรัตนประทีป" จำนวน ๕,๙๗๐ บาท

ไปร่วมบุญดังนี้...๕๐๐+๕๐๐+๕๐๐+๕๐๐+๓,๙๗๐ = ๕,๙๗๐ บาท
และมีกัลยาณมิตรร่วมสมทบในแต่ละรายการดังนี้.....๓๐.๑๖+๓๐.๑๖+๓๐.๑๖+๓๐.๑๖+๑,๐๓๐.๑๖ บาท


๑. ทำบุญถวายแก้วอัคคีรัตนบวร วัดเขาวง จ.สระบุรี ๕๓๐.๑๖ บาท

๒. ทำบุญสร้างฐานพระและศาลาปฏิบัติธรรม
วัดพระพุทธบาทหริภุญชัย จ.ลำพูน ๕๓๐.๑๖ บาท

๓. ทำบุญกองทุนสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
(แก้วบรมจักรพรรดิ) ๕๓๐.๑๖ บาท

๔. ทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๒๑ ศอก
และทำบุญทุกอย่าง วัดท่านขนุน ๕๓๐.๑๖ บาท

๕. ทำบุญเป็นเจ้าภาพสร้างหน้าบรรณลวดลาย และลายไทยประตูโบสถ์
วัดโพธิญาณรังสี อ.เมือง จ.สุรินทร์ ๕,๐๐๐ บาท

(หมายเหตุ รายการบุญที่ ๕ จะมอบให้คุณน้ำใส วันที่ ๓ มีนาคม ๕๖

...ขออุทิศผลบุญที่กระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจนี้ทั้งหมดให้แก่ท่านเทพธิดาที่รักษาจักรแก้วสีชมพูพร้อมด้วยเหล่าบริวารตลอดทั้งบิดามารดา ญาติสนิทมิตรสหาย ปู่ย่าตายาย ครูอาจารย์และผู้มีอุปการคุณทุกท่านของท่านเทพธิดาที่รักษาจักรแก้วสีชมพูนี้ทั้งหมด

...ขอผลบุญทั้งหมดนี้ จงมีผลอันไพบูลย์คือมีอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ ตลอดทั้งสำเร็จเป็นแก้วสารพัดนึกอย่างฉับพลันแก่ท่านเทพธิดาที่รักษาจักรแก้วสีชมพูพร้อมทั้งทุกท่านที่กล่าวมาแล้วในเบื้องต้นทั้งหมดนั้น เสมือนท่านได้กระทำด้วยตนเองนั้นเถิด

...ด้วยผลบุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตและปัจจุบันทั้งหมดและด้วยผลบุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าจักได้กระทำบำเพ็ญในอนาคตนับกัปไม่ถ้วนทั้งหมดนั้น ข้าพเจ้าจะพึงได้รับประโยชน์สุขเช่นใด ขอท่านเทพธิดาที่รักษาจักรแก้วสีชมพูพร้อมทั้งทุกท่านที่กล่าวมาแล้วในเบื้องต้นทั้งหมดนั้น พึงได้รับประโยชน์คือความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าเสมือนท่านได้กระทำด้วยตนเองนั้นเถิด.


วันอาทิตย์ ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖
ครบรอบ ๒ ปี
กองทุนสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
(แก้วบรมจักรพรรดิ)

ขอเชิญทุกท่านร่วมสมทบบุญได้นะครับ ตามกำลังศรัทธา

http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมกองบุญแก้วบรมจักรพรรดิค่ะ.283863/page-104

 

ขออนุโมทนาบุญกับท่านWidya และ ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของแก้วบรมจักรพรรดิ์ ด้วยครับ...

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

ต้องกราบขออภัยทุก ๆ ท่านเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากวันเสาร์ที่ผ่านมาได้อุปัฏฐากหลวงพ่อสมภพ ปัญญาธโร จากวัดโพธิญาณรังสี ครึ่งวัน

จากนั้นได้เดินทางไปงานฌาปนกิจศพคุณพ่อ พระอาจารย์ขันธ์ สิริจฺนโท พร้อมคุณ phuya &ครอบครัว และคุณจันทรกาล ณ. วัดเนินสวอง อ.ลำนารายณ์
จ.ลพบุรี

กลับมาอาหารเป็นพิษ หมดแรงไปหลายวัน ความจริงครูบาอาจารย์ท่านสั่งไม่ให้เดินทางไกลในช่วงนี้ค่ะ ครั้งนี้สุดวิสัย จำเป็นต้องเดินทาง เป็นเหตุให้เจ็บป่วยค่ะ วันนี้อาการต่าง ๆ ค่อยดีขึ้น จึงได้เข้ากระทู้อีกครั้งค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอกราบขออภัยท่าน widya อย่างเป็นทางการอีกครั้ง เนื่องจากในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ ไม่สามารถเดินทางไปพบท่านได้ เนื่องจากฝนตก และอาการเจ็บป่วยดังกล่าว

ในวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓.๓๐ น. จะนำดวงแก้ว “สิริรัตนโรจน์ฤทธิ์” อธิษฐานจิตโดยท่านโชติญาณฤาษี พร้อมจักรสีชมพู และจักรสีขาวไปถวายแด่ท่าน widya ณ.วัดบุรณศิริมาตยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

หากท่านใดสนใจ ขอเชิญไปพร้อมกันที่วัดตามวันเวลาดังกล่าวค่ะ ในวันนั้นจะมีการจับฉลากโดยท่าน widya เพื่อมอบแด่ท่านที่เคยร่วมบุญในกองบุญนี้มาตั้งแต่ต้น ของรางวัลเป็นพระเครื่อง หรือธาตุกายสิทธิ์ ตั้งใจมอบให้ ๑๐ ท่านค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

..ประวัติจักร “เบญจรัตนฯ” ตอนจบ บุพเพสันนิวาส..

​

ขอกล่าวถึงอดีตเจ้าชายโชติอินทร์ เมื่อละโลกแล้วมาไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภายหลังเลื่อนไปอยู่ชั้นยามา ชอบเข้าสมาบัติ จึงไม่ทราบเรื่องการอธิษฐานจักรชมพูแต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อทราบเรื่องจากเหล่านางฟ้าบริวารได้ขอไปเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างบุญบารมี โดยมีดาบสินีทั้ง ๓ เป็นแบบอย่าง

ครั้นเมื่อใช้ทิพยเนตรตรวจดู ทราบว่า พุทธาราดาบสินีนั้น ขณะนี้จุติในพรหมโลก จึงรู้สึกสลดใจ คิดว่า บุญไม่เสมอกัน จึงได้ไปกราบเท้าสักกเทวราช ขอลงไปเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างบารมีต่อไป

เมื่อครบเวลาหลังพักฟื้นร่างกายตามกำหนด ๓ เดือน กาลนั้นดาบสินีทั้งสามไม่ทราบเรื่องราวของเจ้าชายทั้งสองพระองค์ เนื่องจากพระฤาษีผู้เป็นพระอาจารย์มิได้แจ้งให้ทราบ เบญจรัตน์ดาบสินีและพิมพมาลีดาบสินีได้ออกจากสมาบัติก่อนพุทธาราดาบสินี ตั้งใจจะออกไปตักน้ำดื่มน้ำใช้ สำหรับพระอาจารย์ทั้ง ๔ ระหว่างทางได้พบกับเจ้าชายมิตตราช เจ้าชายสุทธิราช และทหารคนสนิททั้ง ๒ กำลังจะไปตักน้ำเช่นกัน

ด้วยบุพเพสันนิวาสแต่เดิมมา ทำให้เบญจรัตน์ดาบสินีถึงกับเป็นลมล้มพับลง ทหารคนสนิทได้พาเจ้าชายสุทธิราช และเบญจรัตน์ดาบสินีกลับไปยังอาศรมของพระฤาษีทั้ง ๔

พระโพธิราชฤาษีทราบความจึงให้นำสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมแก้เป็นลมให้ทั้งสอง ทำให้ฟื้นสติจากเดิม และทราบว่าทั้งสองเคยเป็นคู่บารมีมาแต่อดีต จึงได้ให้เบญจรัตน์ดาบสินีออกจากการบำเพ็ญพรต

ส่วนพิมพมาลีดาบสนีนั้น เมื่อภารกิจการอธิษฐานจักรชมพูเสร็จสิ้นแล้ว พระโพธิราชฤาษีเห็นว่า เป็นสตรีการอยู่ในป่าเป็นเรื่องลำบาก ควรใช้ชีวิตตามปกติ จึงได้ฝากให้เจ้าชายทั้งสองดูแลในฐานะน้องสาวต่อไป

ฝ่ายเจ้าชายมิตตราชนั้น เห็นเพียงสองดาบสินีออกจากถ้ำ ไม่พบพุทธาราดาบสินีจึงได้สอบถามทั้งสองว่า เหตุใดพุทธาราดาบสินีนั้นยังไม่ออกจากสมาบัติ พระโพธิราชฤาษีได้ใช้ญาณทัสสนะตรวจดูจึงทราบว่า

พุทธาราดาบสินีนั้น ได้ถอดจิตออกจากร่าง หลังจากออกจากสมาบัติไม่นาน เมื่อทบทวนการสร้างบารมีของตนเอง และตรวจดูด้วยอนาคตตังคญาณ ทราบว่าจะต้องครองคู่ในอนาคต ด้วยต้องการประพฤติพรหมจรรย์ จึงได้ถอดจิตออกจากร่าง ไปเกิดยังพรหมโลกชั้น ๖ ทันที

เจ้าชายมิตตราชนั้น รู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า...

“ข้าพเจ้าไม่ขอปรารถนาหญิงใดมาเป็นคู่ครอง ขอให้ได้ครองคู่กับนางผู้นี้ทุกภพชาติไป หากชาติใดเกิดมาสร้างเนกขัมมบารมี ขอให้นางเป็นผู้อุปัฏฐากข้าพเจ้าในทุกชาติที่เกิดมา จนกว่าจะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ”

เมื่อสิ้นคำอธิษฐานของเจ้าชาย มีฟ้าผ่าถึง ๓ ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าชายมิตตราชได้ขออนุญาตพระอนุชาออกผนวชเป็นพระฤาษี เพื่ออุทิศบุญแก่พุทธาราดาบสินีต่อไป

ส่วนเจ้าชายสุทธิราชได้กลับเมืองอภิเษกสมรสกับเบญจรัตน์ เพื่อครองเมืองต่อไป สำหรับเจ้าชายวายุราช พระโอรสองค์เล็กนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นมหาอุปราช ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสินิทธา แห่งเมืองจักรนคร ภายหลังได้ปกครองเมืองของ

ส่วนพิมพมาลีนั้น ในฐานะพระกนิษฐาบุญธรรมของเจ้าชายสุทธิราช ได้แต่งงานกับเสนาบดีฝ่ายขวา นามว่า “สหัสเทพ” เจ้าชายสุทธิราชได้แบ่งเมือง ๑ ใน ๓ ให้ปกครองเมืองนั้นด้วยความสงบสุขตลอดไป ทั้งสองเมืองต่างสร้างโรงทานประจำประตูเมืองทั้ง ๔ ทิศ ต่างสร้างทานบารมีตลอดอายุขัย เมื่อสิ้นอายุขัยต่างไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ส่วนพระฤาษีทั้ง ๕ นั้น เมื่อละโลกแล้วต่างไปเกิดบนพรหมโลกชั้น ๑๑

______________________________________________


ขอจบประวัติจักรชมพู "เบญจรัตนประทีป"แต่เพียงเท่านี้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

จ๊ะเอ๋ !!!!
ในที่สุดที่จบแล้วนะคะ...
สาธุ ขอโมทนากับธรรมทานของพี่น้ำใสคร่า...

ขอให้ได้ ขอให้โดนข้าพเจ้าด้วยเถิด เพี้ยง !!! อิอิ
ขอกราบโมทนาสาธุกับท่านวิทยาเจ้าค่ะ ท่านใจดีอีกแล้ว ^^

 

สาธุๆ ขอโมทนากับธรรมทานของพี่น้ำใสด้วยค่ะ
และก็ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุกๆท่านเลยค่ะ


น้องตาลมาแย้ว ดีใจจังเลย ต่อไปกระทู้คงไม่ค่อยเหงาแย้ว

พี่ขอด้วยคนนะน้องตาล ขอให้ได้ ขอให้โดนข้าพเจ้าด้วยเถิด เพี้ยง !!! อิอิ

จันทรกาล

 

หนูไม่ได้ไปไหนซะหน่อยนะคะคุณพี่
มาตามกระทู้ออกจะบ่อย แต่แค่โพสไม่ได้แค่นั้นเองคร่า...



แล้วก็ไม่ได้ไปฝึกวิชานะคะ แก้ข่าว ๆ แหะ ๆ
ดินฟ้าอากาศแปลก ๆ ค่ะช่วงนี้
เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เลยล่อหวัด นอนซมไปเป็นเดือนเลยค่ะ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะชาวเมืองทุกท่าน

 

อธิษฐานบารมีเต็มเปี่ยมขนาดนี้ มิน่า...ถึงไม่รอด อิอิ...
เอาใจช่วยค่า ^^

ปล.มาปั่นกระทู้ให้สมอยากค่ะ อิอิ

 

แก้ข่าว...ของรางวัลเป็นพระเครื่อง หรือธาตุกายสิทธิ์ ตั้งใจมอบให้ ๑๐ ท่านนั้น

ท่านผู้ใจดีคือคุณน้ำใส ส่วนข้าพเจ้าเป็นผู้จับฉลาก ฮิฮิ