ใครมีปัญหาอะไรในการปฏิบัติลองเข้ามาถามดู

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พระ ธรรมะ, 9 มีนาคม 2013.

  1. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ผมหนักสามสิบห้าเอาขอรับ
    ทำไมปรมจารย์ท่านพกน้ำเต้า
    อะไรที่เสพย์เกินขนาดมีอาการ
    กระผมเดินมาถูกทางไหมขอรับ
     
  2. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ตรงนี้อยู่ตรงไหนของฌานหรือญาน
    หรือเป็นอุปทาน
    หรือเป็นสิ่งที่กายจะต้องพบ
    หรือเป็นภพ
    หรือตรงนี้เป็นรสหรือระสะ
    ขอยืมคำลุงหมานนะขอรับลุงสอนอะไรผมจำ

    ระสะไหน

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  3. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ดอกเตอร์ๆพลีสช่วยกระผมด้วยขอรับ
    กระผมอยากเอาชีวิตเข้าแลกกับการปฏิบัติ
    ขอท่านเมตตาขอรับ

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  4. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    ใจเย็นๆ มันไม่ได้หาย วันนี้ เดี๋ยวนี้หรอกนะ
     
  5. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    ทีนี้ จะเริ่มโดนแล้วนะ คิดดูดีๆ ทำสิ่ง ที่เรียกว่าเย็นแต่กลับร้อนน่ะ มันเป็นกิเลสมั้ย กิเลส มันอยู่ในธรรมมั้ย ธรรม หยิบจับได้มั้ย สิ่งที่กำลังเป็น เอาออกมาฉายให้คนอื่นดูเหมือนหนังดังละครได้มั้ย ถ้าทำไม่ได้ งั้น ก้ หลอกตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นอะไร ก้หาว่าตัวเองเป็น นั่นเป็นนี่ มีอะไรให้เป็น หรือ มันมีมากกว่าคนอื่น นักหรือ หรือไม่มีทั้งหมด ทุกคนนั่นหละ ไม่มีอะไรนั่นหล่ะ ถูกแล้ว แล้วจะหาเอาอะไร มันมีให้เจอเหรอ มันมีให้หยิบจับเหรอ มันมีให้ทดลองเหรอ มันมีให้เอาเหรอ มันปวดจริงๆเหรอ มันปวดตรงไหนเหรอ มันร้อนตรงไหนเหรอ รู้อะไรหรือ มากตรงไหนหรือ อยู่ส่วนไหนหรือ อยู่ตรงขาเหรอ ใครเป็นคนตั้งชื่อให้ขา หรือ ฟ้ามีจริงเหรอ สุดขอบฟ้าอยู่ตรงไหนเหรอ มันมีปัญญาเหรอ มันพูดตรงไหนเหรอ มันกิน อิ่มไหนหนอ มันเดินตรงไหนหนอ มั่นนั่งตรงไหนหนอ มันนอนตอนไหนหนอ มันตื่นได้ไงหนอ มันบ้าตรงไหนหนอ มันบ้าทุกคนไหมหนอ บ้าอยู่ฝั่งไหนหนอ ไม่บ้าอยู่ฝั่งไหนหนอ ส่วนมรรคมีองค์๘ น่ะ มันอยู่ตรงกลาง ไม่เคยเข้าข้างใคร!!!!!
     
  6. jomm

    jomm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +22
    ตอนนั่งสมาธิ รู้สึกว่าตัวเองจิตไม่นิ่ง
    ให้ภาวนาอะไรก็ไม่นิ่ง แต่รู้สึกว่าร้อนที่หน้า
    ข้างซ้ายบ้าง ขวาบ้าง เป็นทุกครั้งที่นั่งค่ะ
    จะทำอย่างไรให้จิตนิ่งค่ะ
     
  7. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    งั้น ก้เหลือแต่ ดูลมเข้า ออก ไม่ต้องสนใจอะไร เวลาดูก้ให้มันเป็น ปรกตินะ ช้าๆ เข้าให้ลึกที่สุด หายใจออกก้ให้หมด แล้วค่อยค่อยกลับหายใจเข้า ช้าๆจะได้ชัด ถ้ารู้สึกอึดอัด ตรงไหน ก้ให้ผ่อนลมตรงนั้นอีกครั้ง ทำไปเรื่อยๆ เอาสติรู้ ลมหายใจเข้า และ ออก ถ้ามีอาการอื่นๆ หรือ อะไร ก้ให้บอกว่ารู้แล้ว เห็นแล้ว ละความสนใจจากตรงนั้น แล้วกลับมาดูลม หายใจต่อไปเรื่อยๆ ถ้ารู้สึกหงุด หงิด ให้ ทำความดีใจ ความเต็มใจ ในกุศลที่เรากำลังทำอยู่ แล้วดูลมไปเรื่อยๆ เอาแค่นี้ก่อนนะ
     
  8. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    แล้ว คุณมะหน่อตั้งใจจะอยู่บนหลังคา แล้วให้อาตมาอยู่ข้างล่างมั้ยล่ะ ลงมาเถอะ คุณมะหน่อ มันร้อน มันหนาว ลงมาแล้ว มองดูบนหลังคาด้วยกัน เผื่อจะเห็นอะไรดีๆ ที่ได้มองหลังคา จากพื้น
     
  9. Nat2009

    Nat2009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +38
    กราบเรียน ท่านพระ ธรรมะ ผมขอเรียนเพิ่มเติมว่า เคยใช้พุทโธ ซึ่งทำให้จิตมีวิตก และวิจารณ์ ไม่สามารถทิ้งไปได้ง่ายๆ ต่อมาได้กำหนดจิตสบายๆ ไม่ผูกพันกับคำภาวนาใดๆ ไม่พูดในใจเพื่อให้จิตละวิจารณ์ จิตมีความสงัด ทรงอารมณ์ให้เป็นปัจจุบันขณะ ประคองจนกระทั่งจิตปลอดอารมณ์และความรู้สึก เหมือนสภาวะเคลิมแต่ยังไม่หลับ อาการลักษณะอย่างนี้ปฏิบัติมาถูกทางหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ถึงขั้นไหนแล้ว
     
  10. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    อุปจารสมาธิ(ฌาณ) ปรกติ ไม่อยากตอบอะไรเกี่ยวกับขั้นพวกนี้เลย ต่อไปก้ พยายามอย่าใส่ใจมันนะทำไปเรื่อยๆ ดัดนิสัยด้วย สังเกตดูว่า ถ้าสันดานสัตว์(โลภ,โกรธ,หลง)น้อยลง แม้นิดนึงก้ยังว่าถูก ทาง ส่วนพวกนี้น่ะ เอาอาการไปเทียบกับหนังสือ ก้ทำให้งง ซะมากกว่านะ พาลแต่จะเป็นเหยื่อของตัณหาที่แทรกเข้ามา!!
     
  11. NONGLLL

    NONGLLL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +427
    กราบเรีบยท่าน พระ ธรรมะ ครับผม เวลาผมจะนอนบางที่จะทำสมาธิโดยการดูลมหายใจ เข้าออกไปเลื่อยๆ พอทำไปสักผักเริ่มมีความรูสึกว่ารอบๆตัวเรามีแต่ความมือทั้งๆที่เราก็รู้แล้วว่ามันมืดแต่มันเหมือนข้างในมันก็รู้สึกมืดๆครับแล้วที่นี้ร่างกายก็จะเริ่มชาๆชาจนเหมือนว่าแขนขามันหายไปครับแล้วที่นี้ก็เหมือนกันว่าตัวเราอยู่ในร่างกายอีกทีแล้วเหมือนกับถูกดูดเข้ามาแล้วมันก็นอนนิ่งๆครับแล้วมันจะมีสภาวะแบบอยู่ดีๆก็เหนื่อย หัวใจมันเต้นแรงๆเหมือนหัวใจจะวายครับ เป็นแบบนี้เข้าๆออกๆ ครับ อยากให้ท่านช้วยชี้แนะสิ่งที่เป็นหรือการนอนสมาธิหน่อยครับผม
    อนุโมทนาบุญครับ
     
  12. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    อย่ากลัวอะไร ถ้ามันเป็นอีกปล่อยมันไปเรื่อยๆๆ ดูให้ดีๆ ว่ามันจะจบ ตรงไหน ถ้าวันนี้มันยังไม่ถึงที่สุด พรุ่งนี้ก้เอาใหม่นะ
     
  13. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..นมัสการ..รอบของสติปัฏฐาน4..คืออาการอย่างไรครับ
    การขึ้นรอบใหม่ ทำอย่างไรครับ
    ตัวท่านเอง ขณะนี้หรือประจำวันทรงสติปัฏฐาน4 รึไม่ อนุโทนาครับ:'(
     
  14. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    แค่เรียกมันว่ารอบเฉยๆ เพราะมันกลับมาที่เดิม อีก อาการคือเมื่อเราใช้ปัญญาพิจารณา เห็นแจ้ง ว่า กายเป็นอย่างนี้ อย่างเช่นครั้งแรกที่เรา เริ่มพิจารณา กาย จะรู้ตามปัญญา ของแต่ละบุคคล บางคนเห็นชัดว่า มีแต่ธาตุ ของเน่าเสีย หรือ กายในกายคือลม หรือ กายในกายคือ ลม ลึกกว่านั้นคือ จิต ลึกกว่าจิตชั้นนี้ คือจิตที่ ละเอียดยิ่งกว่า ลึกกว่าจิตที่ละเอียดยิ่งกว่า ก้คือไม่มี แต่ก้ยังเหลือ ลึกกว่ายังเหลือ ก้คือ ไม่มี หรืออนัตตา ที่สุดกายนี้ก้เป็นอนัตตา นี่ยกตัวอย่างเฉพาะกายในกายนะ พอมันกลับมาอีก มันจะดูใหม่ อ้าวเพราะกายนี้ เป็นที่ แห่งการตั้งมั่น เป็นที่แห่งความกลัว เป็นที่ตั้ง ของกิเลส ไม่มีกายนี้ เราก้ไม่ต้องกลัวอะไร ประมาณนี้ ถ้าถูกนะ การพิจารณาจะเป็นไปเพื่อ ความถอนถอด จริงๆเลยหละ ที่มันกลับมาพิจารณาอีก เพราะ เรายังแทงไม่ตลอด ยังไม่รู้แจ้งในกายทั้งหมด มันก้จะวนกลับมาเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้แจ้งในกายทั้งปวง +ไม่จำเป็นต้องขึ้นรอบ มันเป็นของมันเอง เมื่อเกิดปัญญา มีอะไรมาสะกิดนิดหน่อยมันก้พิจารณษได้แล้ว ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไม กลับมาอีกมันถึงชัดกว่าเดิม ก้เพราะปัญญาน่ะ ยิ่งฝนมันก้ยิ่งคม ที่สุดมันก้ อยู่ที่ปัญญาของบุคคลนั้น พอหลังๆ มันก้จะเป็นเรื่องของนาม ข้าพเจ้าก้ฝึกสิ่งนี้มา ตั้งแต่อาจารย์แนะนำ จนถึงทุกวันนี้
     
  15. Nat2009

    Nat2009 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +38
    ขอบคุณที่ท่านพระ ธรรมะได้ชี้แนะ เมื่อก่อนได้ศึกษาและปฏิบัติตามหนังสือที่เขียนโดยอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน มีความรู้สึกว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม มีความเป็นปัจจัตตัง ประสบการณที่เกิดขึ้นมีทั้งที่ตรงและไม่ตรงกับที่อาจารย์บอก จิตรับรู้สภาวะความเป็นตถาคตาของธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ซึ่งอารมณ์แบบนี้ยังไม่คงตัว เข้าใจว่าตัวสติยังไม่เข้มแข็ง เพียงแต่ปล่อยจิตสบายๆ ไม่เครียด ใช้สติตามดูอารมณ์แล้วปล่อยวางไปเรื่อยๆ
     
  16. ได้คับ

    ได้คับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +106
    ผมฝึกมาอย่างนี้ครับ อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนใคร
    แต่ผมมีความเข้าใจเช่นนี้ จึงกราบเรียนพระอาจารย์ดังนี้ครับ
    ผมรู้ลมโดยความเป็นลม ลมโดยตัวมัน ไม่มีความคิดปรุงแต่ง
    จิตที่รู้ลมก็เพียงแค่รู้เฉยๆ รู้ว่ามีการไหลเข้าไหลออกของลม
    มีสติรู้ตลอดกองลม แต่ช่วงแรกที่ผมเริ่มฝึก ไม่ได้เข้าใจเช่นนี้ครับ
    ผมรู้ลมหายแล้วเกิดรู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ผมจึงมาเอ๊ะใจว่า
    ไมทำนะ ลมมันอึดอัดหรือเราอึดอัด หรือ เราคิดว่าลมที่อยู่ภายนอกเป็นเรา
    เราถึงได้เกิดความอึดอัดใจ แต่ลมมันอึดอัดได้ด้วยหรือ
    ในเมื่อลมไม่มีความคิดนี้นา จิตแปลว่ารู้ก็ไม่มีความคิด
    แล้วความอึดอัดมาได้ยังไง หรือว่าเราไม่ได้มีสติตามรู้ลม
    หรือว่าเรากำลังหลงไปรู้สิ่งที่ปรุงแต่งเข้าแล้ว
    ผมจึงเริ่มระลึกรู้ลมหายใจเข้าออกใหม่ ไม่ไปดูความอึดอัด
    รู้ลมหายใจที่ไหลเข้าไหลออก มีสติรู้ตลอดกองลม
    จึงทำให้เข้าใจว่า เมื่อกี้ที่เรารู้ลม และเกิดความปรุงแต่งขึ้น
    จิตเกิดไหลไปรู้ ค่าของลมเป็นความหมาย ต่างๆนานา เช่น
    ลมร้อน ลมเย็น ลมปราณีต ละเอียด หยาบ ต่างๆล้วนเป็นความหมายให้ค่า
    เป็นสิ่งปรุงแต่ง นั้นไม่ใช่ลม เหมือนตากระทบรู้ เกิดเห็นว่ารูปน่ารักบ้าง
    น่าเกลียดบ้าง แล้วเกิดความชอบใจบ้าง อึดอัดใจบ้าง นี้คือความหมายปรุ่งแต่ง
    เราไม่ได้มีสติสัมปชัญญะจริงๆ แต่เราหลงเข้าไปในความหมาย อันเกิดจาก
    รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ มันจึงมีดีมีเลว
    มีชอบไม่ชอบ มีรัก มีหลง มีโกรธ เกลียด แต่ถ้าเรามีสติรู้
    โดยไม่ถูกความหมายปรุ่งแต่งให้ค่ามาบดบังความจริง
    เราก็จะพ้นจากความปรุงแต่งเหล่านั้น มันจึงไม่มีดีและเลว
    มันคือความเสมอกันหมด ต่อเมื่อเราหลงเข้าไปในความหมาย
    มันก็มีขึ้นมาอีก เพราะเราแทบไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ามันมากจากไหน
    เพราะมันต้องเผลอก่อนถึงจะรู้ได้ การฝึกสติที่ผมเข้าใจครับ
    เราต้องเห็นความคิดปรุงแต่งเหล่านี้ เราถึงพ้นจากสิ่งเหล่านี้
    โดยอาศัย ลมหายใจ หรือ กาย เพราะ2สิ่งนี้ไม่มีความปรุงแต่ง

    ผิดถูกอย่างไรให้พระอาจารณ์แนะนำด้วยครับ สาธุครับ
     
  17. พระ ธรรมะ

    พระ ธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2013
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +416
    อย่างที่ท่านรู้ ความรู้เกิดจากการดู แล้วแก้ด้วยสติปัญญา มันต้องมีสติ ตามดูอย่างนั้น มันจะเข้าใจระหว่างการเกิด การตั้งอยู่ การดับไป ที่มันอึดอันเพราะมันหาที่ลง ไม่ได้ ไม่รู้เหตุ จะจบเป็นไม่ได้ ทำไมต้องรู้ ก้เพราะว่า รู้นี่แหละจะพาเราฆ่า อวิชชา ไปเรื่อยๆ ทีละน้อย ยกตัวอย่าง อายะตนะ นอกและในนี่ อย่างละ6 มันก้เตรียมรับกันอย่างเแนบเนียน การ ปฏิบัติ ก้ต้องปิด ข้างนอกก่อน ด้วยความมี สติ สำรวม การกระตุ้นภายในก้ จะพยายาม ปรุงทุกอย่างที่จะทำให้เราหา อารให้มันปรุงต่อ เช่นมัน พยายามกล่าวถึงความงามความอิ่เอิบที่ได้ชม พอเผลอ เอาตาไปดู มันก้ปรุงอีก มันเนียนอย่างนี้ พอเห็นอย่างนี้ ก้ไล่มันเลย ปรุงจากไหนวะ ไล่ไปจนจบ อ้าวมันก้เป็นของมันอย่างนั้น เรายึดมันเองนี่หว่า ประมาณนี้ บังคับมันเราก้ทุกข์อีก เอ้า เดี๋ยวมันก้หาช่องลงจนได้ เราอยู่นิ่งๆ ดูมันดีกว่า นี่มันลงแล้ว พอเราว่าง เราก้เพิ่ม สมาธิ ด้วยการนั่งสงบไปเรื่อยๆ อย่าทิ้ง ฌาณ เพราะ ฌาณ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของ วิปัสสนา เราจะใส่ รองเท้าส้นสูงข้างเดียวแล้วอยากให้มันสมดุล มันก้เป็นไปไม่ได้ คุณทำดีแล้ว คุณเริ่มต้นดีแล้ว ด้วยอานา ซึ่งตอนนี้คือ กาย- เวทนา จิต ธรรม คืองานต่อไปของจิตคุณ สติปัฏฐาน๔ ไง เห็นมันคล้องจองกันมั้ย ทุกอย่าง อยู่ ในตัวของใคร ของมัน แต่ ระวัง วิปัสสนูปกิเลส ให้ดีนะ มันคือ อาการหลอก ว่าเราเป็น นั่นเป็นนี่ ศึกษาดูมันมี ๑๐ อย่าง เห็นมาเยอะแล้ว ยังไม่ทันไร จะเป็น พระอรหันต์กันแล้ว!! เพราะ ไอ้นี่แหละ ขอให้ สำเร็จดังหวัง ทุกประการ นะ เจริญพร "จากข้างนอก สู่ ข้างใน"
     
  18. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........ลองดู "พื้นที่ชีวิต ตอน "เซน" ดิ่(น่าจะประมาณ 2-3อาทิตย์ที่แล้ว)ในยูตูบ...น่าจะ มีความเข้าใจ เรื่อง" รูป-นาม มากขึ้น:cool:
     
  19. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    พระองค์ตรัสว่าปุถุชนที่ไม่ฉลาดในธรรมของอริยเจ้า ไม่ได้รับการเเนะนำในธรรมของอริยเจ้า ย่อมรู้สึกซึ่งลม โดยความเป็นลม ย่อมสำคัญมั่นหมายในลมฯฯ ย่อมเพลินในลม ย่อมสำคัญมั่นหมายว่าลมของเรา ข้อนั่นเพราะเหตุใด? ข้อนั้นเรา(ตถาคต)กล่าวว่า เพราะลมนั้นเป็นสิ่งที่ปุถุชนมิได้รู้โดยรอบเเล้ว
    ทีนี้จะไล่เรียงปัญหาทีละประเดน ก่อนอื่นต้องพูดว่าทำถูกต้องที่ละความเพลินกับมารู้ลมเข้าออกเหมือนเดิม เเต่ถ้ายังมิได้รอบรู้เเล้ว มันก็รู้ที่ลม โดยความเป็นเรารู้ที่ลม จนมันกลายเป็นว่า เราเป็นผู้รู้ลม เราเป็นลม ก่อนอื่นอธิบายตรงนี้ก่อนว่า มูลฐาน ลากฐานเเห่งการบัญญัติ รูปขันธ์. คือมหาภูมิ. ตรงนี้ก็ต้องรู้ นั้นหมายถึง ลม ก็คือรูป เเต่ความเป็นรูปมันจะมีได้ต้องมีเหตุเกิดของมัน คือ ธาตุรู้ ฉนั่นเเล้วถ้าไม่กำหนดรู้ว่าที่มันมีลมได้ก็เพราะธรรมชาติที่อาศัยกันเกิดขึ้นถึงปรากฏ เราจะเห็นเเต่ลม เราจะไปเเยกสิ่งที่มันอาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้นคือ รูปกับวิญญาณ กลายเป็น รูปกับเราคือผู้รู้ มองไม่เห็นความจริงว่าลม. มันคืออะไร เเต่รู้เพียง สิ่งนั่น ว่า มันคืออย่างนั้น ไม่ได้เห็นว่า มันคืออะไรกันเเน่ มันปรากฏมาได้อย่างไร เมื่อเป็นอย่างนี้ ปัญหาเเท้จริงก็ปรากฏขึ้น เมื่อยึดว่าลมเป็นเราอยู่ พอมันเปลี่ยนไปรู้อย่างอื่น คือ ความรู้สึก รู้ลมร้อน รู้ลมเย็น (ตรงนี้สังขาร เป็นส่วนนามธรรม ซึ่งเกิดต่อจากผัสสะ. ส่วนรูปมันก็ดับไป). ปัญญามันไม่เห็นว่า ผู้รู้ลมมะกี่มันดับไปรู้สังขารเเล้วนะ. ไม่เห็นการเกิดดับ เพราะไปสำคัญว่าลมเเล้วเพ่ง
     
  20. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ถ้าตนเข้าไม่ถึงธรรม สิ่งที่ไปสอนคนอื่น คือ เอากิเลสไปสอน
    เอาความโลภ ความหลง ความอยากไปสอน ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เรียนจะไม่ได้อะไรเลย

    ถ้าสังเกตุให้ดีนั้น เมื่อไม่สามารถอธิบายได้ ก็ตอบได้แต่เพียงว่า ปฏิบัติไปแล้วก็ไปก็รู้เอง บ้างก็บอกว่าจะรู้ด้วยตนเอง สาระสำคัญ คือ ผู้สอนตอบไม่ได้ เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับ สัทธรรมปฏิรูป (พระสัทธรรมเทียม)

    สัตว์โลกสอนการปฏิบัติธรรม ไม่สามารถสอนสัตว์โลกเพื่อให้เข้าถึงธรรมได้
    เพราะธรรมของสัตว์โลก คือ สัทธรรมปฏิรูป (พระสัทธรรมเทียม)
     

แชร์หน้านี้

Loading...