พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/buddha/tana_sample.html

    วันนี้ตรงกับ วันพุธที่ ๑๗ ตุลาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๐
    <SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3; </SCRIPT><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD><TD class=cd16 width=620>บุคคลตัวอย่าง
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/buddha/tana_outside.html

    วันนี้ตรงกับ วันพุธที่ ๑๗ ตุลาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๐
    <SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3; </SCRIPT><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=57 rowSpan=2></TD><TD class=cd16 width=666>การให้ทานในเขตและนอกเขตพระพุทธศาสนา


    </TD><TD class=cd16 width=57 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=666>
    สมัยเมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมาร เสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก (เพื่อโปรดพระพุทธมารดา) องค์สมเด็จพระชินสีห์ประทับที่ บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เวลานั้นมีเทวา ๒ ท่าน มาเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถก่อนคนอื่นทั้งหมด เว้นไว้แต่พระอินทร์ พระอินทร์ท่านเป็นเจ้าภาพ ท่านรับอยู่ก่อน มีเทวดาองค์หนึ่งมา คือ ท่านอินทกเทพบุตร มานั่งอยู่ข้างๆ ขาเบื้องขวา ท่านอังกุรเทพบุตรต้องถวายหลังไปอยู่ท้ายบริษัท อยู่ริมนอก เพราะเป็นเทวดาที่มีบุญน้อยที่สุดในดาวดึงส์
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะเจ้าทรงถามท่านอังกุรเทพบุตร (ท่านบัลดาลให้เสียงท่านและเสียงเทวดาที่พูดกันได้ย้อนถึงคนคอยท่านอยู่ที่เมืองพาราณสี ที่เมืองมนุษย์ คนทุกคนฟังชัด) องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ถามว่า
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/buddha/tana_select.html

    วันนี้ตรงกับ วันพุธที่ ๑๗ ตุลาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๐
    <SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3; </SCRIPT><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD><TD class=cd16 width=620>การเลือกบุคคลให้ทาน


    </TD><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=620>
    สำหรับบารมีนี้มี ๑๐ อย่าง ท่านขึ้นต้นด้วยทานบารมีก่อน แต่การจะประพฤติทานได้จริงๆ บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ต้องเป็นคนมีปัญญา ถ้าคนที่ไร้ปัญญาให้ทานไม่ได้ คนที่มีทรัพย์สินสะสมไว้มากแสนมากแต่ไร้การให้ทานย่อมเป็นโทษกับตัวเอง มีทรัพย์กี่หมื่นล้านก็ตาม ถ้าหากเราไม่ให้ทาน เราก็เป็นคนโดดเดี่ยวอันตรายจะมีกับเราเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนทุกคนเขาไม่ชอบหน้าเรา เราเป็นคนตระนี่แน่นเหนี่ยวประการหนึ่ง
    และประการที่สอง ถ้าเราให้ทานไม่ได้ก็หมายถึงว่าเรามีความโลภ เพราะการให้ทานนี่เป็นปัจจัยตัดความโลภ คำว่าความโลภในที่นี้อย่างหยาบก็คือ อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นมาโดยไม่ชอบธรรม เช่น โกงเขาบ้าง แย่งชิงวิ่งราวบ้างแล้วก็ทำต่างๆ ที่จะพึงทำได้ ลักขโมยเขาบ้าง อย่างนี้เป็นต้น อาการอย่างนี้เป็นอาการแห่งการสร้างศัตรู
    ฉะนั้นสมเด็จพระบรมครูจึงทรงตรัสว่า ถ้าหวังความสุขจริงๆ ก็ต้องมีการให้ทาน
    สำหรับการให้ทานนี่ก็ต้องเลือกเหมือนกัน คือการให้ทานนะมันก็มีอยู่ว่า เหมือนกับเราจะหว่านพืช ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้รับทานนั้นถือว่าเป็นเนื้อนาบุญ อย่างพระสงฆ์ก็ดี สามเณรก็ดี ถือเป็นเนื้อนาบุญ หรือว่าเนื้อนาบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเจาะจงพระก่อน พระก็ดีเณรก็ดี ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันนี้เราก็ต้องดู ต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ว่าปัญญาบารมีไปอยู่ถึงข้อ ๔ แล้วเราไม่ใช้ ต้องใช้ ปัญญาบารมีนี่ถือว่าเป็นธงชัยนำหน้าเหมือนกัน ในมรรค ๘ ท่านขึ้น สัมมาทิฏฐิ ก่อน สัมมาทิฏฐินี่เป็นตัวปัญญา
    นี่เราก็มาพิจารณากันต่อไปว่าพระสงฆ์ประเภทไหนที่เราควรจะยอมรับนับถือแล้วก็ควรจะถวายทาน
    อันดับแรกที่สุด จะสังเกตุ พระสงฆ์ทั้งหมดจะต้องมีจิตมีกำลังเหนือนิวรณ์ ๕ นั่นก็หมายความว่าถ้าเป็นพระปุถุชนก็ดี เป็นพระที่ทรงฌานสมาบัติก็ดี ก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจของนิวรณ์ นิวรณ์ยังครอบงำจิตได้ สำหรับท่านที่ทรงฌานสมาบัติ บางครั้งจิตท่านพลาดจากฌาน ลืมคุมฌาน เวลานั้นก็หมายความว่านิวรณ์เข้าครอบงำจิตแน่
    สำหรับพระที่ไม่ได้ฌานสมาบัติที่มีศีลบริสุทธิ์ก็เช่นกัน บางครั้งนิวรณ์ก็ครอบงำจิตได้ แต่ว่าก็ยังเป็นเนื้อนาบุญที่ควรจะให้การสงเคราะห์ ควรจะมอบวัตถุทานให้ ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะยังมีความดีอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพระองค์ใดเป็นพระอริยะเจ้า สำหรับพระอริยะเจ้านี่เราสังเกตกันยาก เพราะว่าคนเราติดอุปทานเสียมาก มีนักปราชญ์ชุ่ยๆ ที่บอกว่า พระอรหันต์ต้องไม่หัวเราะ พระอรหันต์ต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่กินหมาก ความจริงความเข้าใจอย่างนี้ผิด แม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงหัวเราะ ที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงหัวเราะ นานๆ จะมีการแย้มพระโอษฐ์สักทีหนึ่ง การแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ น่ะมันเป็นเฉพาะเวลาพิเศษ นั่นก็คือสมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์เห็นความสำคัญเกิดขึ้น อยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดกับใคร แล้วก็ไม่ได้หันหน้าไปหาใคร ทรงแย้มพระโอษฐ์เฉยๆ นั่นหมายถึงความสำคัญจะเกิดขึ้น ถ้าพระอานนท์ถามว่า ทรงแย้มพระโอษฐ์เพราะอะไร ก็จะทรงตรัสถึงความสำคัญที่ทรงแย้มพระโอษฐ์
    นี่เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนคนธรรมดาๆ คำว่าเหมือนคนธรรมดาก็หมายความว่า ถ้าเราหัวเราะได้ท่านก็หัวเราะ เรายิ้มกันได้ท่านก็ยิ้ม
    ตัวอย่างในสมัยหนึ่ง เมื่อท่านโกมารภัจจ์มาที่เมืองทวาราวดี เวลานั้นเขายังไม่เรียกว่าประเทศไทย มันเป็นเมืองย่อมๆ เป็นเมืองย่อมๆ เป็นจุดๆ ท่านมาทวาราวดี ๒ ปี กลับไปเฝ้าองค์สมเด็จพระชินสีห์ ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวเมืองทวาราวดีนี่พูดเพราะมาก ใช้ภาษาโดด คือภาษาคำเดียว แล้วพูดไพเราะ ไม่ปรี๊ดปร๊าดๆ เหมือนแขก ตัวอย่างเช่นคำว่า "ไป" ไปนี่เราใช้คำว่า "ไป" เฉยๆ แต่ว่าภาษามคธหรือภาษาแขก เรียก "คมนา" บ้าง "คัจฉติ" บ้าง ของเขาหลายคำ อย่างคำว่า "กิน" เราเรียกว่า "กิน" แต่ของเขาเรียกวา "ภุญชติ" อย่างนี้เป็นต้น ก็รวมความว่าของเขาใช้คำกลั้ว เราใช้คำโดด เมื่อท่านโกมารภัจจ์กราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสถามว่า ชาวทวาราวดีเขาพูดอย่างไรลองพูดให้ฟังสักประโยคซิ ท่านโกมารภัจจ์ก็พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็ทรงพูดภาษาทวาราวดีคุยกันสนุกสนาน คำว่าสนุกสนานในที่นี้นะ ถ้าพระพุทธเจ้าทรงทำหน้าตูมๆ ล่ะมันไม่สนุกหรอกท่านก็ต้องมีการยิ้มแย้มแจ่มใส และอีกประการหนึ่ง เวลานั้นจะเห็นว่าคณาจารย์มาก พระพุทธศาสนาเกิดใหม่ ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าทำหน้า.. ขอประทานอภัยนะ เหมือนกับหน้าไม้ตีพริก เพราะว่าไม้ตีพริกนี่หน้ามันไม่เงย มันก้ม มันลงต่ำ ไม่แสดงถึงอาการรื่นเริง อย่างนี้การประกาศพระพุทธศาสนาไม่ได้แน่นอน แพ้เขา พระพุทธศาสนาก็ไม่มาถึงเรา ก็เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใส ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจำไว้ด้วย เพราะว่านักปราชญ์ท่านมีเยอะแล้ว
    ประการที่ ๒ การจะดูพระ การดูพระอริยะก็ดูยาก ก็ดูอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระที่เราควรจะให้ คือไม่ใช่พระอริยะ เป็นพระผู้ทรงศีลก็ดี อย่างนี้สังเกตดูท่านพูดว่าจาที่ท่านพูดก็ดี อาการทางกายที่ท่านทำก็ดี ท่านฝ่าผืนคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าไหม พระพุทธเจ้าบอกว่าตายแล้วเกิด ถ้าหากท่านผู้นั้นบอกว่าตายแล้วสูญ อย่างนี้แสดงว่าคัดค้าน เป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่ใช่พระที่พระพุทธเจ้าทรงยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันในพระไตรปิฎกนะ มีในวิมานวัตถุ ถ้าจะพูดถึงอย่างอื่นก็หายาก ในวิมานวัตถุพูดกันเฉพาะเรื่องเทวดาเรื่องพรหมโดยเฉพาะ มีเรื่องราวมาก เล่มเบ้อเริ่มเชียว มีเรื่องไม่รู้ว่าเท่าไหร่
    นี่เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงยอมรับว่าเทวดามีพรหมมี สัตว์นรก เปรต อสุรกายมี นิพพานมี แต่ว่าท่านผู้ใดบอกสัตว์นรกไม่มี เปรต อสุรกายไม่มี นิพพานไม่มี สวรรค์ไม่มี่ พรหมไม่มี ท่านผู้นั้นก็หมายความว่าไม่ใช่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ถ้าเอาผ้าเหลืองเขามาครอง ก็แสดงว่าปลอมตัวเข้ามาทำลายพระพุทธศาสนา เหมือนกับสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วไม่นานนัก พวกพราหมณ์เข้ามาแทรกเข้ามาบวชในพุทธศาสนา แล้วเอาลัทธิของตัวเข้ามาแทรกแซงทั้งนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ในการทำลายพระพุทธศาสนาให้สิ้นไป
    ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าจะบำเพ็ญทานบารมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนา ก็ต้องดูให้ดี ท่านที่ฝ่าฝืนคัดค้านคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างท่าน กปิลภิกขุ ตัวของท่านเองก็ดี พาแม่และน้องสาวด้วย ลงอเวจีมหานรก ก็เพราะว่าคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่กล่าวมา พระพุทธเจ้าทรงตรัสอย่างนี้ท่านก็พูดอย่างโน้น แต่ว่าลีลาของท่านจริงๆ เหมือนกับเคารพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะเจ้า
    ฉะนั้นการที่จะถวายทานแก่พระสงฆ์จัดว่าเป็นจุดสำคัญคือเนื้อนาบุญ ก็ต้องดูเนื้อนาที่เราจะเห็นสมควรไหม อย่างพระสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ท่านผู้นี้ เราทำบุญมีผลไม่มากนัก แต่ก็มีผลสามารถให้เราไปสวรรค์ได้ ถ้าจิตใจเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจับเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจับใจ อารมณ์ใจจับถือองค์นั้นอยู่เสมอเป็นปกติ อย่างนี้ถือว่า เป็นฌานในสังฆานนุสสติกรรมฐาน ในเมื่อจิตเป็นฌานในสังฆานนุสสติกรรมฐาน ตายแล้วไปเป็นพรหม ถ้าบังเอิญอารมณ์เราเห็นว่าท่านไม่นิยมในสังขาร คือร่างกาย ไม่ติดในร่างกาย ไม่ติดในวัตถุ เราพลอยไม่ติดไปกับท่าน เราพลอยได้ไปนิพพานกับท่านเหมือนกัน
    ถ้าจะถามว่าเฉพาะทรงศีลเฉยๆ จะไปนิพพานได้รึ ถ้าอารมณ์ไม่ติดของท่านนั่นแหละมันจะตัดกิเลสไปทีละน้อยๆ ในที่สุดท่านก็หมดกิเลส ท่านก็ไปนิพพาน
    ถ้าญาติโยมพุทธบริษัทคบพระเช่นนั้น ถวายทานกับพระเช่นนั้น มีอานิสงส์เลิศถึง ก็สามารถถึงที่สุด ก็เลิศ อย่าลืมว่าน้ำฝนตกมาทีละหยดๆ มันก็สามารถจะทำภาชนะให้เต็มได้ การบำเพ็ญกุศลกับพระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีอานิสงส์ไม่เลิศก็สามารถทำบารมีของเราให้เต็มได้ คือ ทานบารมี
    การทำบุญ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างนี้ คือ
    • ทานกับคนที่ไม่มีศีลเลย ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับคนที่เคยมีศีลแต่ศีลขาดไปแล้ว ๑ ครั้ง หมายความว่ายังมีความดีอยู่บ้าง
    • ให้ทานแก่คนที่เคยมีศีลแล้วศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับทานที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ๑ ครั้ง
    • ให้ทานกับท่านที่มีศีลบริสุทธิ์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานผู้ทรงฌาน หรือท่านปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑ ครั้ง
      ผู้ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค หมายความว่า ท่านที่ปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่ถึงพระโสดาปัตติมรรค จะเป็นขั้นไหนก็ตามอย่างน้อยที่สุด จิตของท่านตัดนิวรณ์ มีความเคารพในพระรัตนตรัยจริงๆ ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็มีอานิสงส์มาก
    • ให้ทานกับท่านที่ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับพระโสดาปัตติผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระโสดาปัตติผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีมรรคผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตผล ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระอรหัตผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ ครั้ง
    • ถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระเป็นสังฆทาน ๑ ครั้ง
    • ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง
    ตามลำดับการบำเพ็ญทานเป็นอย่างนี้ ทีนี้ถ้าหากว่า เราจะรู้ได้อย่างไรองค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า อย่างนี้รู้ยาก เพราะว่าคนเราติดจริยามากกว่าอย่างอื่น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ไม่หัวเราะ ต้องทำหน้าที่เป็นหัวตอ หรือว่าทำปากเป็นสาก เฉยๆ หน้าบึ้งหน้าตูมอย่างนี้ก็เลยผิด
    ความจริงถ้าเราไม่รู้อะไรมากไม่แน่ใจ ก็ดูจริยาภายนอกท่านน่ารักไหม... แล้วจริยาภายนอกก็ต้องคิด เพราะเวลานี้คนที่สามารถทำบุพเพนิวาสานุสสติญาณให้เกิดขึ้นได้ก็ดี ได้อตีตังสญาณก็ดี อนาคตังสญาณก็ดี หรือว่าจุตูปปาตญาณก็ดี อนาคตังสญาณก็ดี หรือว่าจุตูปปาตญาณก็ดี ญาณต่างๆ เวลานี้ฆราวาสได้กันมาก นับแสน แต่อาจจะเกินกว่านั้นก็ได้ ท่านลงไปเจอะพระในนรกเยอะ บางท่านบอกว่ารู้จักดี สมัยเมื่อมีชีวิตอยู่มีจริยาเรียบร้อยมาก น่าเคารพน่าไหว้น่าบูชา แต่พอไปถามความจริงว่า เพราะอะไรจึงลงอเวจีมหานรกบ้าง เพราะอะไรจึงลงโลกันต์บ้าง ก็บอกว่า พลาดพระวินัย คือ ใช้เงินของสงฆ์ผิดพลาดบ้าง เอาของสงฆ์เข้าบ้านบ้าง และใช้ของสงฆ์เงินที่เขามาถวายใช้ผิดวิธีบ้าง
    ทีนี้ขอบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ก่อนที่จะให้ทาน ถ้าหวังผลเพื่อเป็นปัจจัยเพื่อนิพพาน ต้องเลือกบุคคลผู้ให้ ถ้าไม่สามารถจะให้ได้ยังไง ก็ต้องให้ใช้วิธีถวายสังฆทานที่ดีที่สุด


    <HR width="50%" color=#800000></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    จากหนังสือ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.banfun.com/buddha/tana_compens.html

    วันนี้ตรงกับ วันพุธที่ ๑๗ ตุลาคม ปีพระพุทธศักราช ๒๕๕๐
    <SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_donate_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://tracker.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>sv=1.2;ss=screen.width+'*'+screen.height;sc=(bn=='MSIE')?screen.colorDepth:screen.pixelDepth;if(sc==udf){sc='na';}</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>sv=1.3; </SCRIPT><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780><TBODY><TR><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD><TD class=cd16 width=620>การให้ทานโดยไม่หวังผลตอบแทน


    </TD><TD class=cd16 width=80 rowSpan=2></TD></TR><TR><TD class=cd16 width=620>
    สำหรับการให้ทานนี้บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลายและบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน พยายามให้ทานตามนี้เพราะว่าการให้ทานครั้งแรกๆ ทานนี้ได้พูดไว้แล้วว่ามี พรหมวิหาร ๔ เป็นพื้นฐาน คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร แต่ทว่าในตอนต้นกำลังใจเราอาจจะหวั่นไหวอยู่มาก ถ้าไปคิดว่าจะไปให้ทานกับคนที่เราไม่ชอบใจ คือว่าทำให้เราไม่ชอบใจไว้ก่อน ใจอาจจะไม่สบาย เพราะการให้ทานจะมีผลดีต้องมีเจตนา ๓ ประการครบถ้วน นั่นคือ
    ๑. ก่อนจะให้ตั้งใจว่าจะให้
    ๒. ขณะให้อยู่ก็เต็มใจให้
    ๓. เมื่อให้แล้วก็มีความปลื้มใจ มีความอิ่มใจว่าเราทำการสงเคราะห์แล้ว คือให้ทานแล้ว นี่ชื่อว่า เจตนา ๓ ประการ ถ้ามีครบถ้วนมีอานิสงส์มาก แต่เรื่องของอานิสงส์นี่ก็ต้องดูบุคคลก่อน ถ้าบุคคลผู้รับไม่บริสุทธิ์ คือหมายถึงพระก็ดี ฆราวาสก็ดี เณรก็ดี ถ้าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ผลทานเราก็ลดไป ๑ ใน ๓ ถ้าเราเองไม่บริสุทธิ์ ผลทานเราก็ลดไม่บริสุทธิ์ด้วย เลยไม่มีผลกันเลย ฉะนั้น การให้เราต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ วัตถุทานก็ต้องบริสุทธิ์ ไม่ลักไม่ขโมย ไม่คดโกงใครมา ยื้อแย่งใครเขามา ผู้รับทานเป็นผู้บริสุทธิ์จึงจะมีอานิสงส์เลิศ
    แต่สำหรับทานบารมีนี่ เราต้องการตัดโลภะ ความโลภคือหวังทำลายกิเลสให้สิ้นไป เราหวังนิพพาน ฉะนั้นการให้ทาน เราอาจจะไม่เลือกบุคคลก็ได้ แต่ทว่าต้องดูกันก่อน ในตอนแรกๆ ก็ต้องเลือก ถ้าไม่เลือก ผลมันจะไม่มีความหมาย ทั้งนี้เพราะอะไรก็เพราะว่า ถ้าคนที่เราไม่ชอบใจ คิดว่าจะให้ทานเมื่อไร ใจมันก็ย่อมไม่เป็นสุข อารมณ์จะขุ่นมัว ทีนี้ในเมื่อเป็นอย่างนี้เราก็ต้องเว้นเสียก่อน เว้นคนที่เขาประกาศตนเป็นศัตรูกับเรา ให้เฉพาะบุคคลที่ไม่เป็นศัตรูกับเรา
    ต่อไปก็ความเมตตากรุณามีความสูงขึ้น อารมณ์ของอุเบกขาทรงตัว คือวางเฉย วางเฉยได้ในอาการของคนอื่น เราก็ให้ทั้งๆ ที่คนที่เราชอบเราไม่ชอบก็ให้ ความจริงการให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานนี่อย่าไปนึกว่ามีผลน้อย ถ้าเราให้บ่อยๆ มันก็เกิดผลมาก พยายามให้เพื่อทำให้จิตเป็นสุข นี่ลักษณะการให้ทานต้องค่อยๆ ทำ
    และอีกประการหนึ่ง การให้ทานคิดไว้เสมอว่า คนที่เราให้อย่าไปหวังการตอบแทนของเขา แต่ว่าบางคนให้แล้วกลับเป็นศัตรูกับเรา เป็นการให้กำลังกับโจร อันนี้ผมโดนมาเยอะแยะแล้ว ขณะที่พูดนี่ก็ยังมีอยู่ ผู้ที่รับผลจากผมเอง ถ้าคิดเป็นเงินเป็นจำนวนแสนๆ ไอ้คำว่ารับผลนี่หมายความว่า เขาเกาะเงา ของผมเอาไปหากิน แต่ว่าคนประเภทนี้ก็ยังคิดว่ามีอยู่เวลานี้ ที่พูดมานี้ไม่ได้พูดให้พวกท่านเจ็บใจ ให้จำไว้อย่างเดียวว่า การให้ทานอย่าหวังผลตอบแทนในชาติปัจจุบัน ก็ต้องคิดไว้ว่าเขาเป็นคนดี ถ้าเขาจะเลวก็เป็นเรื่องเลวของเขา ทำใจให้เป็นสุข คิดว่าเราให้ทานเพื่อเป็นความบริสุทธิ์ของจิต จิตจะได้ตัดโลภะความโลภ นี่เป็นลักษณะการให้ทาน
    และการให้ทานมีอีกแบบหนึ่ง ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสในเรื่องของ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ว่า บิดาของท่านสอนท่านในขณะที่แต่งงานว่า
    เขาให้เราจึงให้ เขาไม่ให้จงอย่าให้ และเขาให้หรือไม่ให้ก็ตาม เราก็ให้
    หมายความว่าเขาให้เราจึงให้ เขาไม่ให้เราจงอย่าให้ เขาให้หรือไม่ให้เราก็ให้ นั่นก็หมายความว่า อันดับแรกต้องดูก่อนว่า คนใดที่เราให้ไปแล้วกำลังใจเรายังอ่อน ยังมีอารมณ์หวั่นไหว เขาให้ความขอบใจ ให้ความยินดีในเรา เราจึงให้ ความสดชื่นจะได้มีกับจิต ถ้าเราให้เขาไปแล้ว แต่เขาไม่ให้ หมายความว่าให้ไปแล้วกลับประกาศตนเป็นศัตรู มีความอกตัญญูไม่รู้คุณคน คนประเภทนี้เราจงอย่าให้ จะทำให้ใจของเราหวั่นไหว
    ทีนี้ข้อสุดท้าย เขาให้หรือไม่ให้เราก็ให้ นั่นก็หมายความว่า ถ้าคนเขาอดอยากจริงๆ มีความทุกข์ร้อนเราให้ เราให้โดยคิดว่าเขาจะขอบใจหรือไม่ขอบใจ เขาจะยินดีเราต่อไปในเบื้องหน้าหรือไม่เป็นเรื่องของเขา เราให้เพื่อเป็นการเปลื้องทุกข์เราให้ด้วยความเมตตาปราณี เราตั้งจิตไว้ว่าเราให้อย่างนี้ เพื่อเป็นการเปลื้องโลภะในจิตของเรา จิตเราจะได้สบาย
    อย่างตัวอย่างที่บรรดาพวกเราทั้งหลายและพวกท่านทั้งหลายและญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เราร่วมกิจกรรมอันหนึ่งกันมาหลายปี ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสขอให้ตั้ง ศูนย์สงเคราะห์ผู้อยากจนในถิ่นทุรกันดาร แล้วก็ทำมาสิ้นข้าวสารไปแล้วเกือบ ๑๐,๐๐๐ กระสอบ ความจริงถ้าคิดละเอียดก็เกิน ๑๐,๐๐๐ กระสอบแล้วก็มี ผ้าผ่อนท่อนสไบ มีของใช้ มีอาหาร มียารักษาโรค คิดจริงๆ แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มาถึงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๗ คิดแล้วเงินหมดไป ค่าของเงินเกินกว่า ๑๐ ล้านบาท การให้อย่างนี้เราไม่ได้หวังผลตอบแทน ทุกคนพร้อม ยินดี แล้วก็ยังให้กันอยู่การให้อย่างนี้ถือว่าเป็นการให้เพื่อตัดความโลภจริงๆ เป็นการสงเคราะห์
    ถ้าจะพูดถึงอานิสงส์ก็คล้ายกับท่านเมณฑกเศรษฐี ในชาติรองลงไป ก่อนจะขึ้นมาเป็นเมณฑกเศรษฐี
    ชาตินั้นมีวาระหนึ่งในระยะ ๓ ปี เกิดข้าวยากหมากแพงฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ท่านถามปุโรหิตก่อนที่จะไปเฝ้าพระราชา ท่านถามว่า "ปุโรหิต จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?" ท่านปุโรหิตบอกว่า "ผมมีหน้าที่ในการพยากรณ์ ผมก็ตรวจชะตาของประเทศตลอดเวลา หลังจากนี้ต่อไป ๓ ปี ข้าวจะยากหมากจะแพง ฝนจะแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล โรคคือความหิวที่ไม่มีอาหารจะบริโภคจะเกิดขึ้นกับประชาชน จะมีความยากลำบากมาก"
    ท่านกลับมาบ้านสั่งทำนาเป็นการใหญ่ ตั้งฉางไว้ถึง ๑๒๕ ฉาง (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ จำนวนนี้ไม่แน่ อาจจะ ๑ หรือ ๑,๑๒๕ ฉาง ผมจำไม่ได้) ทำข้าวแล้วก็เอาเงินไปซื้อของ ท่านเป็นเศรษฐี ซื้อข้าวใส่จนเต็ม เตรียมไว้กินในที่สุดข้าวทั้งหลายเหล่านั้นมันก็หมด หมดแล้วฝนยังไม่ตกเลย เกิดความลำบากมาก
    ต่อมาวันหนึ่งท่านไปเฝ้าพระราชากลับมา ข้าวสารที่บ้านมันเหลือทะนานเดียว และคนที่บ้านมีตั้ง ๕ คน ที่ว่า ๕ คนเพราะว่าอะไร ตอน อดๆ อยากๆ ท่านปล่อยให้คนรับใช้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ พวกทาสไม่ต้องกลับมาอีก เมื่อข้าวดีอาหารดีจะกลับมาก็ได้ ไม่กลับมาก็ได้ ปล่อยเป็นอิสระ
    วันนั้นท่านหิวจัด มาบ้านถามภรรยาว่า "ข้าวมีไหม"
    ภรรยาก็ตอบว่า "มี มีอยู่ ๑ ทะนาน"
    ท่านก็เลยบอกวา "ถ้าข้าวต้มเรากินได้ ๒ วัน ถ้าหุงกินได้วันเดียว"
    ภรรยาก็บอก "ยังไงๆ ก็หุง"
    เมื่อหุงข้าวขึ้น สุกกำลังจะกิน ก็พอดีมีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ท่านออกจากนิโรธสมาบัติ ท่านพิจารณาว่าวันนี้จะได้ใครเป็นผู้สงเคราะห์เราบ้าง ก็ทราบว่าคนยากจนกันมาก ร่างกายมันต้องการอาหาร เวลาที่เข้านิโรธสมาบัติมันไม่หิว เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติมันหัว ก็เมื่อร่างกายต้องการอาหารก็ต้องหาให้มัน ทราบด้วยทิพจักขุญาณว่าบ้านนั้นนั่นแหละ (คือบ้านเมณฑกเศรษฐีบ้านนั้น) ถ้าไปแล้วเขาก็จะถวายแม้ข้าวจะมีทะนานเดียวเขาก็ถวาย จึงได้เหาะไปจากภูเขาคัมธมนาทน์ไปยืนอยู่เพื่อรับบิณฑบาต
    ท่านเมณฑกเศรษฐีเห็นเข้าก็คิดว่าชาติก่อนเราทำทานไว้น้อยจึงต้องมาอดอยากอย่างนี้ เราจะกินข้าวทะนานเดียวจะมีประโยชน์แก่เราวันเดียวเท่านั้น ถ้าเราใส่บาตรจะได้บุญใหญ่ ต้องการบุญเพื่อชาติหน้าดีกว่าชาติดีกว่าชาตินี้ยอมอดตาย จึงเอาข้าวไปใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า
    พอใส่ไปได้ครึ่งหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงเอาฝาบาตรปิดบาตร บอกว่า "พอแล้วโยม"
    ท่านก็เลยบอกว่า "อย่าเพิ่งพอครับ ผมมันเลวมาก ชาติก่อนให้ทานไว้น้อย ชาตินี้ขอได้โปรดรับให้หมดไปเพื่อประโยชน์ของผม"
    พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ทรงรับ แล้วคนทั้งหมดก็ต่างคนต่างอธิษฐาน ต้องการความร่ำรวย ต้องการความเป็นสุขทั้ง ๕ คน ภรรยาของท่านอธิษฐานว่า
    "ขออำนาจบุญบารมีอันนี้ที่ใส่บาตรแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า เหมือนกับเหวี่ยงชีวิตลงไปในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้าเพราะว่าข้าวมีเท่านั้นไม่ได้กินก็ตายกันแน่ ขอผลบุญบารมีอันนี้ในกาลต่อไป นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าข้าวปลาอาหารที่จะแจกแก่บุคคลผู้ใด หุงเต็มหม้อแล้วตักไปแล้ว ให้มันแหว่งแค่ทัพพีเดียว จะตักเท่าไรก็ตามที ข้าวก็จะเต็มหม้ออยู่เสมอ แหว่งแค่ทัพพีต้น"
    พระปัจเจพุทธเจ้าท่านให้พรว่า "เอวัง โหตุ" แปลว่า ปรารถนาสิ่งใด จงมีความปรารถนาสมหวังทุกประการ แล้วท่านก็ไป ท่านก็อธิษฐานจิตว่า เราควรจะทำความดีนี้ให้ปรากฏแก่เศรษฐีและบุคคลทุกคน ท่านเหาะไปภูเขาคันธมาทน์ ท่านบันดาลด้วยกำลังฤทธิ์ของท่าน ให้ทั้ง ๕ คนเห็นท่านไปตลอดเวลา พอไปถึงภูเขาคันธมาทน์แล้วก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้านับเป็นพัน มารับบาตรจากท่าน ท่านก็ใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกองค์จนหมด ข้าวในบาตรของท่านก็ไม่หมด ท่านก็ต่างคนต่างฉัน
    ทุกคนเห็นแบบนั้นก็ปลื้มใจว่า อำนาจของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมากมายนัก ต่อมาหันหน้าเข้ามาในบ้าน ท่านมหาเศรษฐีหิวแล้วก็หิวมากขึ้น ใจมันอิ่มแต่ว่าท้องมันหิว จึงถามภรรยาว่า
    "น้อง...ไอ้ข้าวตังก้นหม้อมันมีไหม"
    ภรรยาของท่านก็แสนดี คำว่าไม่มีไม่เคยตอบ บอก "มีเจ้าค่ะ" ท่านก็เลยบอก "ขอข้าวตังฉันเคี้ยวสักนิดเถอะฉันหิวแย่แล้ว"
    ภรรยาก็ไปเปิดหม้อข้าว ที่ไหนได้ แทนที่จะมีแต่ข้าวตังข้าวสุกเต็มหม้อปรี่ ด้วยอำนาจของพระปัจเจกพุทธเจ้าเลยบอก
    "นาย..โอ้โฮ ข้าวเต็มหม้ออัศจรรย์จริงๆ เมื่อกี้ฉันคดหมดแล้วนะ ความจริงข้าวตัวมันก็ไม่เหลือ ที่ท่านถามฉัน ฉันก็พูดแบบเอาใจ คิดว่าจะเอาน้ำล้างหม้อให้ท่านมาบริโภค แต่ที่ไหนได้ข้าวสวยแล้วก็มีกลิ่นหอมมาก นิ่มนวลเหลือเกิน ร้อนกรุ่นเหมือนกับสุกใหม่ๆ" (แต่ความจริงหม้อไม่ได้ตั้งเตา)
    ท่านเศรษฐีก็เรียกลูกชาย ลูกสะใภ้ ทาสคือนายบุญไม่ยอมไปไหน มากินด้วยกันหมด กินหมดเสร็จเรียบร้อยแล้วไอ้ข้าวมันก็ไม่ยอมยุบ หม้อทั้งหม้อมันเต็ม แล้วก็ร้อนอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องหุงใหม่ เพราะไม่มีข้าวสารจะหุง จึงได้แจกชาวบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงใครมาก็แจกๆ แจกกินกันจนอิ่มแล้วก็อิ่มอีก กี่เวลาก็ตาม คนมาเท่าไรก็ตามแจกกันดะ ในที่สุดคนทั้งบ้านเมืองต่างก็มาขอข้าวสุกจากท่าน ท่านจึงแจกทั้งวันทั้งคืน ข้าวไม่ยอมหมด แหว่งไปแค่ทัพพีเดียว
    ท่านบอกว่าอานิสงส์แจกไม่เลือกแบบนี้ ทำให้เมณฑกเศรษฐีหนึ่ง ภรรยาของท่านหนึ่ง ลูกชายของท่านหนึ่ง นางวิสาขามหาอุบาสิกา (สมัยนั้นเป็นลูกสะใภ้) หนึ่ง และนายบุญทาสีซึ่งเป็นทาสหนึ่ง มาเกิดร่วมกัน อยู่ในบ้านเดียวกันอีก พ่อก็มาเป็นลูกสะใภ้ นายบุญเคยอธิษฐานในสมัยนั้นว่าขอเป็นทาสเขาต่อไปเธอก็มาเป็นทาสรับใช้ แต่มีวาสนาบารมีเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก เธอไม่ยอมออกจากบ้าน
    พอท่านเมณฑกเศรษฐีเกิดขึ้นมาในครรภ์มารดา ปรากฏว่ามีแพะทองคำโตเท่าช้าง เท่าม้าบ้าง นับเป็นพันตัว ล้อมบ้านอยู่ และมีสายไหมในปาก อยากจะกินอะไรดึงปั๊บออกมาเป็นขนม นมเนย เป็นอาหารการบริโภค กินต้มกินแกงแบบไหนมีหมดตามความต้องการ ต้องการผ้าผ่อนท่อนสไบก็ได้ ต้องการเพชรนิลจินดาเงินทองเท่าไรก็ได้ เลยดึงกันใหญ่ แค่แพะก็รวยแล้ว แพะทองคำโตเท่าช้างบ้าง โตเท่าม้าบ้าง เป็นพันตัว ก็เหลือแหล่ แล้วกลับดึงเงินทองแก้วแหวนจินดาอีก มันก็รวยกันใหญ่รวยเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ที่มีเงินนับไม่ได้
    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและญาติโยมพุทธบริษัทการให้ทานในเบื้องต้นมันเป็นสุขอย่างนี้ นั่นหมายความว่าถ้าเรายังไม่เข้าถึงนิพพานเพียงใด เราก็จะเป็นคนที่ไม่มีความทุกข์ในเรื่องวัตถุที่จะพึงใช้พึงกิน จะมีความอุดมสมบูรณ์มาก
    ฉะนั้นการที่บรรดาท่านทั้งหลายมีความเคารพในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ตั้งใจบำเพ็ญทานบารมี การตั้งใจบำเพ็ญทานบารมีคิดไว้เสมออย่างนี้ พวกเรานี่คิดจริงๆ นะจะมีอะไร เกิดขึ้น สังฆทานอันนี้มีอานิสงส์เลิศ พระพุทธเจ้าบอกเกิดกี่ชาติๆ ความจนจะไม่พบ สาธารณทานเราก็ทำ ทำตั้งแต่เชียงราย ไปยังที่ไหน ตะวันออกก็สุด จันทบุรี ตะวันตกก็สุดที่ กาญจนบุรี ทิศใต้ก็สุด ยะลา นราธิวาส เราก็ทำกันทั้งหมดใครเขาอดที่ไหนเราไปกันที่นั่นตามกำลัง ทั้งๆ ที่หน่วยของเราศูนย์สงเคาะห์ฯ นี้มีทุนน้อย แต่ว่ากำลังใจคนดี เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาทีต่างคนต่างร่วมกัน อย่างนี้คิดว่า องค์สมเด็จพระทรงธรรมคงจะทรงตรัสว่า "ทานของพวกเราคล้ายคลึงทานของท่านเมณกเศรษฐี" ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใดเกิดกี่ชาติก็เข้าใจว่าเป็นอย่างเมณฑกเศรษฐี แล้วบุญบารมีของท่านเมณฑกเศรษฐีนั้นชาติอีกชาติเดียว ท่านเกิดมาเป็นเมณฑกเศรษฐีท่านก็เป็นพระอริยะเจ้า ฟังเทศน์จบเดียวเป็นพระโสดาบันทั้งหมด



    <HR width="50%" color=#800000></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    จากหนังสือ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.artitjawangso.org/index.php?option=com_content&task=view&id=78&Itemid=33

    พรหมเทพเทวาเทวธิตาและผู้ปฏิบัติมาแนะนำตักเตือน

    พิจารณาธรรม วันพุธที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓

    เวลา ๐๕.๓๔ น.

    การเจ็บป่วยของสังขาร
    ๑. เจ็บครั้งแรก เป็นเพราะธาตุทั้งหลายไม่รวมกัน

    ๒. เจ็บที่ ๒ เรียกว่า เจ็บด้วยกรรมในอดีต กรรมส่งมา

    ๓. เจ็บที่ ๓ เจ็บด้วยโรคของวิญญาณพยาบาท ในภาวะแห่งวิญญาณพยาบาทนี้ นอกจากพระโพธิสัตว์ ผู้สำเร็จ แห่งพรหมโลก ที่เป็นผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย จึงสามารถแก้ไขในวิธีการนั้นๆ ได้


    ตายก่อนอายุขัยสืบเนื่องมาจากอดีตกรรม ๓ ประการ คือ

    ๑. วิญญาณ ในคราบมนุษย์ ไม่มีศีลธรรมประจำใจ เที่ยวไปทำร้ายมนุษย์ด้วยกัน

    ๒. วิญญาณที่อยู่ในระหว่าง อกุศลวิบากแห่งการเป็นมนุษย์ที่โหราศาสตร์ว่า ดวงมืด ดวงดับ

    ๓. เกิดจากอสูรฆ่า มนุษย์ผู้ใด ตกอยู่ในภาวะของอกุศลกรรม วิบากในทางที่ไม่ดี อสูรย่อมฆ่าผู้นั้นให้สิ้นไป

    วัฒนธรรมของพระพุทธเจ้า

    ๑. ผู้ต้องการ อายุยืน พึงเจริญอิทธิบาท ๔ (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)

    ๒. ผู้ต้องการ วรรณะ ผิวพรรณงาม พึงรักษาศีล

    ๓. ผู้ต้องการ ความสุข พึงเจริญฌาน

    ๔. ผู้ต้องการ โภคะสมบัติ พึงเจริญ พรหมวิหาร ๔

    ๕. ผู้ต้องการ พละกำลัง พึงทำให้สำเร็จ พระอรหันต์

    วัฒนธรรม เหตุให้เจริญอย่างยิ่ง มีอยู่ในจักรวัตติสูตร
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post759237 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 11:09 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#10855 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รายนามท่านผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ที่ผมยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์ให้ ผมรบกวนตรวจสอบให้ผมอีกครั้งนะครับ ตามรายละเอียดนี้ ผมเองพิมพ์ไว้หลายแผ่น ก็เลยสับสนว่าส่งให้แล้วหรือยัง รบกวนด้วยนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.คุณPichet-m <O:p</O:p

    1.1พระนาคปรก 2 องค์<O:p</O:p
    1.2ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4องค์ )<O:p</O:p
    1.3ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5องค์ )
    <O:p</O:p
    2.คุณdrmetta<O:p</O:p
    2.1ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )<O:p</O:p
    2.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 2 องค์<O:p</O:p
    2.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 4 องค์<O:p</O:p
    2.4พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 4 องค์<O:p</O:p
    2.5ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์)
    <O:p</O:p
    3.คุณtg22070<O:p</O:p
    3.1พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 1 องค์
    <O:p</O:p
    4.คุณเทพารักษ์<O:p</O:p
    4.1ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์ )<O:p</O:p
    4.2ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5 องค์)<O:p</O:p
    4.3ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
    4.4ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )
    <O:p</O:p
    5.คุณpunnarphut<O:p</O:p
    5.1พระจิตรลดา (เนื้อกรมท่า องค์ซ้าย) 1 องค์<O:p</O:p
    5.2พระสมเด็จเนื้อขาวลงชาด(สีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง 1 องค์<O:p</O:p
    5.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 1 องค์
    <O:p</O:p
    6.คุณVodka109<O:p</O:p
    6.1พระสมเด็จ เนื้อปัญจสิริ 1 องค์<O:p</O:p
    6.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
    <O:p</O:p
    7.คุณdragonlord<O:p</O:p
    7.1พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 1 องค์<O:p</O:p
    7.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
    <O:p</O:p
    8.คุณteerachaik <O:p</O:p
    8.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)
    <O:p</O:p
    9.คุณactive<O:p</O:p
    9.1ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
    9.2พระนาคปรก 2 องค์
    <O:p</O:p
    10.คุณพุทธันดร<O:p</O:p
    10.1พระนาคปรก 2 องค์
    <O:p</O:p
    11คุณThanyaka<O:p</O:p
    11.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)<O:p</O:p
    11.2พระนาคปรก 1 องค์
    <O:p</O:p
    12คุณตั้งจิต <O:p</O:p
    13.คุณaries2947<O:p</O:p
    14.คุณchaipat

    ส่วนถ้ามีท่านอื่นที่ผมตกหล่นแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ

    โมทนาสาธุครับ<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post758130 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">15-10-2007, 10:07 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#10842 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_758130", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต



    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 16,062 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 19,221 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 90,417 ครั้ง ใน 12,294 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 10677 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_758130 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ช่วงนี้ งานผมเองค่อนข้างเยอะมาก ทั้งงานหลวงและงานราษฎร์ ผมขอลาพักร้อน พักงานบุญไว้ก่อน

    หลังปีใหม่(2551)นี้ ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งว่า ผมจะมอบพระพิมพ์ไหนให้กับท่านที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งอีกนะครับ


    ขอขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านที่ให้กำลังใจนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +3,246
    ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
    ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
    ขอโมทนาบุญกุศลด้วยทุกประการครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ผมไปตั้งกระทู้ที่ http://www.budpage.com/forum/index.php

    " ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต พระเณร สนส.บ่อเงินบ่อทอง "
    http://www.budpage.com/forum/view.php?id=1776

    " ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร "
    http://www.budpage.com/forum/view.php?id=1775

    " เชิญรับฟรี DVD สารดีเรื่อง An Inconvenient Truth โลกร้อน ความจริงที่ไม่มีใครอยากฟัง "
    http://www.budpage.com/forum/view.php?id=1774

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แบบว่า ขำกลี้งๆๆๆๆเลยครับ ทำเป็นเล่นไป แซวมากเดี๋ยว ทั้งกระทู้ได้เข้าแดนศิวิไลซ์นะครับท่าน ปา-ทาน(b-wow)
    nongnooo...
     
  13. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ พันวฤทธิ์ [​IMG]
    นับได้ขณะนี้มีคนขอมาแล้ว 9 องค์ หึๆ...ครูบาอาจารย์พี่ใหญ่นับถือและเกี่ยวพันกัน ลงมาทุกวันนับไม่ไหว พี่ใหญ่บอกท่านรู้ว่าทำอะไรเลยทยอยกันลงมา เออหนอ...9 องค์นี้ จะปิดทองด้านหลังให้ทุกองค์ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายในการขอบารมีในครั้งนี้เอาให้แหล่มไปเลย (จะให้เป็นสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าฯ ทุกองค์) ยังไม่รวมของ อ.ปุ๊ที่โทร.มาขอเพิ่มอีก 1 เป็น 10 สาธุ...
    ขอจองด้วยค่ะ
    ไม่ทราบว่าคุณพันวฤทธิ์ได้เจอคุณสิทธิพงศ์ที่บ้านอาจารย์ประถมหรือ
    ปล่าวคะ ถ้าคุณสิทธิพงศ์ยังไม่ได้ส่งพระให้ดิฉัน ถ้าคุณจะกรุณาฝากส่งมาด้วยไม่ทราบว่าจะได้ไม๊ค่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โห...ท่านตั้งใจมาแล้วรึเนี่ย มิน่าก.ท.ม.ที่ฝนตกมาตลอดวันนี้แดดจ้าเลย สุดยอด(b-wow) (b-wow) (b-wow)
    nongnooo...
     
  16. punnarphut

    punnarphut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +133
    คุณพันฤทธิ์ ผมขอบูชาด้วย 1 องค์นะครับ อนุโมทนา สาธุ

    คุณพันฤทธิ์ ผมขอบูชาด้วย 1 องค์นะครับ อนุโมทนา สาธุครับ ขอบคุณครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    จากสามกระทู้ เหลือ 2 กระทู้แล้วครับ

    http://www.budpage.com/forum/index.php?page=1

    <TABLE class=text-b borderColor=#ffffff cellSpacing=2 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=text><TD>ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต พระเณร สนส.บ่อเงินบ่อทอง [​IMG] </TD><TD align=middle>sithiphong[​IMG] </TD><TD align=middle>18 ต.ค. 50, 09:24 น.</TD><TD align=middle>1</TD><TD align=middle>42</TD></TR><TR class=text bgColor=#c5d8c5><TD> ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร [​IMG] </TD><TD align=middle>sithiphong[​IMG] </TD><TD align=middle>18 ต.ค. 50, 12:58 น.</TD><TD align=middle>2</TD><TD align=middle>51</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมขอให้ท่านที่สนใจจะไปเยี่ยมชมวัดบวรสถานสุทธาวาส (วังหน้า) ผมจะให้ลงชื่อกัน จะได้ให้คุณเพชร ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขอเข้าชมวัดบวรสถานสุทธาวาสกัน และจะได้เตรียมพานบายศรี ,ดอกไม้ พวงมาลัย หมากพลูไปด้วยครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post758130 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">15-10-2007, 10:07 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#10842 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_758130", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต



    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 16,062 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 19,221 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 90,417 ครั้ง ใน 12,294 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 10677 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_758130 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ช่วงนี้ งานผมเองค่อนข้างเยอะมาก ทั้งงานหลวงและงานราษฎร์ ผมขอลาพักร้อน พักงานบุญไว้ก่อน

    หลังปีใหม่(2551)นี้ ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งว่า ผมจะมอบพระพิมพ์ไหนให้กับท่านที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งอีกนะครับ


    ขอขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านที่ให้กำลังใจนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=post759237 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">เมื่อวานนี้, 11:09 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#10855 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รายนามท่านผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ที่ผมยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์ให้ ผมรบกวนตรวจสอบให้ผมอีกครั้งนะครับ ตามรายละเอียดนี้ ผมเองพิมพ์ไว้หลายแผ่น ก็เลยสับสนว่าส่งให้แล้วหรือยัง รบกวนด้วยนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1.คุณPichet-m <O:p</O:p
    1.1ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5องค์ )
    <O:p</O:p
    2.คุณdrmetta<O:p</O:p
    2.1ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )<O:p</O:p
    2.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 2 องค์<O:p</O:p
    2.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 4 องค์<O:p</O:p
    2.4พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 4 องค์<O:p</O:p
    2.5ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์)
    <O:p</O:p
    3.คุณtg22070<O:p</O:p
    3.1พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 1 องค์
    <O:p</O:p
    4.คุณเทพารักษ์<O:p</O:p
    4.1ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์ )<O:p</O:p
    4.2ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5 องค์)<O:p</O:p
    4.3ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
    4.4ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )
    4.5พระพุทธประวัติ เนื้อขาว 1 องค์
    4.6พระพุทธประวัติ เนื้อขาวแตกลายงา 1 องค์
    <O:p</O:p
    5.คุณpunnarphut<O:p</O:p
    5.1พระจิตรลดา (เนื้อกรมท่า องค์ซ้าย) 1 องค์<O:p</O:p
    5.2พระสมเด็จเนื้อขาวลงชาด(สีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง 1 องค์<O:p</O:p
    5.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 1 องค์
    <O:p</O:p
    6.คุณVodka109<O:p</O:p
    6.1พระสมเด็จ เนื้อปัญจสิริ 1 องค์<O:p</O:p
    6.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
    <O:p</O:p
    7.คุณdragonlord<O:p</O:p
    7.1พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 1 องค์<O:p</O:p
    7.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
    <O:p</O:p
    8.คุณteerachaik <O:p</O:p
    8.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)
    <O:p</O:p
    9.คุณactive<O:p</O:p
    9.1ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
    9.2พระนาคปรก 2 องค์
    <O:p</O:p
    10.คุณพุทธันดร<O:p</O:p
    10.1พระนาคปรก 2 องค์
    <O:p</O:p
    11คุณThanyaka<O:p</O:p
    11.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)<O:p</O:p
    11.2พระนาคปรก 1 องค์
    <O:p</O:p
    12คุณตั้งจิต <O:p</O:p
    13.คุณaries2947<O:p</O:p
    14.คุณchaipat

    ส่วนถ้ามีท่านอื่นที่ผมตกหล่นแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ

    โมทนาสาธุครับ<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446

แชร์หน้านี้

Loading...