ชมรมศินารา กำลังเปิดรับสมัคร เปิดบารมีวิชชาสาม รุ่นที่ 7 วันที่ 14 ก.ค. 56 คลิกหน้าสุดท้ย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ภราดรภาพ, 29 มีนาคม 2013.

  1. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขออนุญาตเปิดกระทู้ให้สำหรับคนมีองค์ ร่างทรง และญาณแฝง
    ได้มีพื้นที่ร่วมแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนประสบการณ์

    สำหรับชมรมศินารา ยินดีที่จะให้คำปรึกษาและแนะนำตามประสบการณ์
    และศักยภาพเท่าที่จะทำให้ได้ก่อนนะครับ

    สำหรับผู้ที่มีภูมิธรรมสูง เรามีความยินดีที่ท่านได้เจริญในธรรม ก็ขอให้ธรรมนั้น
    ปกปักรักษาท่าน และขอให้ท่านได้พบแต่ความศิริมงคลชัยและได้ถึงฝั่งหมายกันทุกๆ ท่าน

    เพราะเรื่องราวนับจากนี้ไป คงเป็นสิ่งที่เหนือสามัญวิสัย อาจมองดูว่าไร้สาระ หรือไม่ใช่ทางตรง แต่อันนี้ ก็ไม่ว่ากัน

    สำหรับใครที่ค้นหาตัวตนยังไม่พบ หรือยังหลงทางอยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร บางครั้งก็สับสน อลม่าน ไม่รู้จะพึ่งใคร
    ก็ติดต่อถามในกระทู้นี้ได้นะครับ

    เราจะมีเคสนำเสนอที่แปลกๆ เล่าสู่กันฟังเพื่อเติมเต็มความรู้และประสบการณ์
    แม้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่อาจจะเกิดกับคนข้างเคียง หรือคนที่เรารู้จัก เราก็สามารถแนะนำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม นะครับ

    ก็ขอเริ่มเล่าเคสแรกเลยแล้วกันครับ
    สำหรับใครบางคน มีเรื่องเล่าแปลกกับหัวข้อประเด็นนี้ นำเสนอได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กรกฎาคม 2013
  2. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    แม่จ๋า หนูมาแล้ว


    เคสที่ 1: ตอนแม่จ๋า หนูมาแล้ว

    เรียน อาจารย์ภราดรภาพ

    ดิฉันคือผู้หญิงที่ได้ไปร่วมเปิดบารมีวิชชาสามเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2555
    แต่โดนลูกที่แท้งไปเมื่อ 5 ปีกว่า (25 ธันวาคม 2549) เข้าแทรกคะ
    ดิฉันอยากมีลูกมากดิฉันเคยท้องมา 3 ท้อง แต่แท้ง 2 ท้อง

    ท้องแรกเมื่อปี 2548 ได้ 2 เดือน หมอก็บอกว่ามีแต่ไข่ไม่มีตัว คล้าย ๆ ไข่ฝ่อ ต้องขูดมดลูก
    พอตอนปี 2549 ก็ตั้งท้องที่ 2 ได้ 4 เดือน ด้วยสภาพที่อายุมากแล้ว (35ย่าง36) และแท้งมาแล้ว
    แฟนจึงอยากให้เจาะน้ำคร่ำ เพราะเห็นคนที่รู้จัก เจาะแล้วเดินกลับบ้านไปทำงานปกติ
    ดิฉันจึงเจาะน้ำคร่ำโดยที่ไม่ได้ประมาณตัวเองว่าสุขภาพไม่ค่อยจะดี
    หลังจากนั้นดิฉันสัมผัสได้ว่าเขาไม่ค่อยดิ้น จึงไปให้หมอตรวจอีกที
    หมอก็บอกว่าหัวใจเด็กยังเต้นอยู่ ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่แล้วหลังจากเจาะน้ำคร่ำ 2 อาทิตย์เขาก็ไป
    กว่าจะเอาออกมันทรมานมากที่สุดในชิวิต โดนยาบีบมดลูกหลายครั้งกว่าจะยอมออก
    ดิฉันตั้งชื่อเขาตั้งแต่อยู่ในท้องว่า พลังกล้า

    1. ดิฉันอยากจะทราบว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างให้เขาอโหสิกรรมให้
    ดิฉันทำบุญสังฆทานถวายพระพุทธรูป และผ้าไตรจีวรอุทิศให้เขา เวลาทำบุญ หรือสวดมนต์
    ก็อุทิศให้เขา ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2555 ที่ผ่านมาก็ได้ไปทำสังฆทานถวายพระพุทธรูป
    และผ้าไตรจีวรอุทิศให้เขา แต่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาได้รับหรือไม่

    2. ดิฉันจะต้องให้เขาอโหสิกรรมก่อนใช้ไหมคะถึงจะสามารถมาเปิดบารมีวิชชาสามกับอาจารย์ได้

    3. ท้องที่สามครั้งนี้ได้ลูกชาย ตอนนี้อายุ 3 ขวบกว่า หลังผ่าท้องดิฉันเดินแทบไม่ได้หนักสะโพกมาก
    และค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายของดิฉันมีโรคประจำตัวต้องเข้าออกโรงพยาบาลตอนนี้ 3 เดือนต่อครั้ง
    ต้องทานยาสเตียรอยทุกวัน คนนี้ดิฉันต้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในบางครั้งเขาก็เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นด้วย
    เมื่อเคยชี้ไปที่หน้าต่างตอนกลางคืนแล้วเรียก “พี่” และบางครั้งก็พูดอยู่คนเดียว
    บางครั้งก็มองไปทางหน้าต่างแล้วก็ร้องเสียงเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
    นอนตอนกลางคืนบางครั้งก็ละเมอหัวเราะ บางครั้งก็ร้องไห้เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
    และจะต้องกลิ้งไปมาและร้องเหมือนนอนไม่ค่อยหลับหรือมีอะไรมากวน
    และมักจะตื่นตอนกลางคืนเสมอเกือบทุกคืน

    4. หลังแท้งพลังกล้า กว่าจะทำใจได้ตั้งหลายเดือนนอนร้องไห้ และนั่งเหมออยู่คนเดียว
    เจ็บใจตัวเองที่ไปเจาะน้ำคร่ำเพราะเชื่อคนรอบข้าง ตอนนั้นดิฉันจิตตกมากคิดมากจนปวดไมเกรน
    (ดิฉันเป็นคนคิดมากอยู่แล้วและไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึกไว้คนเดียว) พอมาได้ลูกชายก็ทำให้จิตใจดีขึ้น
    คิดเสมอว่าจะต้องอยู่เพื่อลูก แต่ตอนนี้จิตตกและคิดมากอีกแล้ว เริ่มปวดหัวเหมือนเดิมอีกแล้วคะ

    5. ตอนที่พลังกล้า เข้ามาแทรก จะหยุดร้องตั้งแต่อาจารย์บอก ”พอแล้ว พอแล้ว”
    แต่ตัวดิฉันเองอยู่ ๆ ก็คิดอยากจะระบายและร้องออกมาดัง ๆ และดังกว่าเดิมด้วย เขาจึงจัดให้อีก

    6. ก่อนที่ดิฉันจะไปวัดผ่องพลอยเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2555 คืนก่อนหน้านั้นลูกชายก็มีไข้
    ต้องทานยาลดไข้และเช็ดตัวให้ถึงจะดีขึ้น และตามที่อาจารย์แนะนำว่าจะไปไหน กินอะไรก็เรียกเขา
    ดิฉันก็ทำตาม แต่พอจะเข้าห้องนอนพร้อมกับลูกชาย ดิฉันไม่กล้าเรียกเพราะกลัวจะเห็นพี่เขา
    ได้สักพักไฟฟ้าก็เกิดดับขึ้นมาทันที และในขณะที่พิมพ์อยู่นี้เอยู่ ๆ เครื่องก็เกิดเปิดเว็บไม่ได้อีก

    7. ชาตินี้ดิฉันมีกรรมหนัก อยากจะปฏิบัติธรรมที่วัด แต่มีภาระต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็กอยู่คะ
    จึงอยากจะเรียนวิชชาสามเพื่อไปต่อยอดที่บ้าน

    หมายเหตุ

    - ตามที่อาจารย์แนะนำให้เรียกลูกที่แท้งทั้ง 2 ท้อง เวลาทานข้าว ทานน้ำ หรือทำอะไรก็ให้เรียกเขา นั้น

    - ดิฉันได้ทำตาม แต่..เหมือนว่ายิ่งเรียกเขา ๆ ก็อยู่ใกล้มากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ ถ้าไม่ปวดขา
    ก็ปวดหลังไม่ปวดหลังก็ปวดบริเวณใต้สะดือลงไป เคยเห็นเขาหลังจากออกจากสมาธิ เมื่อหลับตานอนแค่แป๊บเดียว
    อยู่ ๆ ก็มาให้เห็นในความคิด เป็นเด็กชายรูปร่างผอมมาก ตาโหลมากประมาณถึงปลายจมูกเลย
    และเอามือขวาจับที่หูข้างซ้ายของตัวเอง สายตามองดิฉันเหมือนโกรธแกมน้อยใจ

    - ปกติดิฉันจะสวดมนต์ก่อนนอนและแผ่เมตตา ประมาณ 1 ชั่วโมง หลายคืนก่อนก็เพิ่มสวดปัตติทานะคาถา
    และกะระณียะเมตตะสุตตัง ให้เขา ประมาณสัก 2 คืนได้ หลังจากนั้นตอนประมาณทุ่มเศษ
    ดิฉันกำลังนอนกอดลูกชายอยู่ เพื่อจะเอาลูกชายนอน ก็เกิดไฟดับทั่วบ้าน ลูกชายร้องลั่นบ้านเลย
    พอคืนที่ 3 ตอนกลางคืนความรู้สึกก็บอกว่าเขาไม่ชอบ 2 บทนี้ ดิฉันไม่แน่ใจก็สวดต่ออีกคืน
    หลังจากนั้นลูกชายก็มีไข้ตัวร้อน ดิฉันจึงได้เลิกสวด 2 บทนี้คะ แต่เวลาจะทานข้าว น้ำ ก็ยังคงเรียกเขาอยู่คะ

    ตอบ
    โมทนา สาธุ

    ขอให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องนะครับ
    เขามารับรู้แล้ว บอกเขาตอนนั่งสมาธิให้มานั่งข้างแม่
    ตอนนี้ เขายังโกธรอยู่ ค่อยๆ ประโลมใจและพร่ำสอนเขาอย่าได้พยาบาท
    แม่สำนึกผิดและจะดูแลเขาเป็นอย่างดี
    เด็กผู้ชายจะอาฆาตพยาบาทมากกว่าเด็กผู้หญิง
    แรงบุญใดๆ ก็ไม่สู้เท่ากับบิดามารดาของตนเป็นผู้ให้ด้วยความเอื้ออาทร
    ตอนนี้ เขาบอกให้ทำอะไร ก็ทำตามที่เขาบอก

    น้ำหยดบนหิน สักวันหินนั้นย่อมกร่อนไปตามกาลเวลา
    ดุจดั่งใจลูกน้อย ความเมตตาที่ต่อเขา ย่อมมลายแรงอาฆาตในที่สุด

    ค่อยๆ บอกเขาว่า อย่ารังแกน้อง น้องเขาไม่รู้เรื่อง (อิจฉาน้อง)
    และอย่าให้เขาเยื้อยุคหรือเกาะแข้งเกาะขา หรือขี่คอแม่
    หากแม่ป่วยไป ใครจะมาช่วยดูแลพวกเจ้าละ
    มั่นพูดสอนเขาบ่อยๆ เขาก็จะคลายโกธรเองนะครับ

    ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นอุปสรรคโดยเร็วนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  3. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    พระอาจารย์จี้กง พาทัวร์นรก


    เคสที่ 2 : ตอนพระอาจารย์จี้กง พาทัวร์นรก

    เรียน อ.ภราดรภาพ กรุณาชี้แนะด้วยค่ะ จากลูกศิษย์วิชาสาม

    นั่งสมาธิได้ไปทัวร์นรก
    นับเป็นการฝึกนั่งสมาธิแบบจริงจังครั้งแรกกับ อ.ภารดรภาพ
    คนที่ปริญนาพาไปด้วยได้เห็นภาพมหัศจรรย์มากมายจากการนั่งสมาธิ แต่เขาไม่แน่ใจว่าอุปทาน
    คิดฟุ้งซ่านไปเองหรือเปล่า จึงไม่กล้าเล่าให้ อ.ฟัง กลัวจะคิดว่าเขาบ้า เพอเจ้อ แต่เขามาเล่าดิฉันให้ฟังทีหลัง ดังนี้ค่ะ

    1. เขาบอกว่าพอจิตนิ่งก็เห็นเป็นแสงสีขาวสว่างจ้า แล้วปรากฎภาพผู้ญิงสวยมาก
    มาบอกให้เขาปฎิบัติตัวให้ดี ในจิตเขาก็ถามว่าท่านเป็นใคร
    ท่านบอกว่าเป็นเจ้าแม่... เป็นภาพขาวดำแต่ไม่ชัดเจนมากนัก เพราะมีหมอกขาวๆอยู่ด้วย

    2. หลังจากนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็นมีผู้ชายหน้าคล้ายยักษ์หรือสิงโต เหมือนจะมีเขาสั้นๆ ตัวใหญ่
    พาเขาไปที่แห่งหนึ่งซึ่งมืด ท้องฟ้าเป็นสีดำปนเทา บอกเขาว่า ให้ท่านยืนรอตรงนี้
    ตอนนั้นเขาสังเกตุตัวเองว่าเป็นพระ พอสักพักภาพก็เปลี่ยนมาอยู่ในถ้ำใหญ่
    มีชายหน้าคล้ายยักษ์หรือสิงโต มีเขา ตัวใหญ่กว่าคนแรก ตัวสีเทาๆ เขาต้องแหงนหน้ามองถึงจะเห็นหน้าท่าน
    แต่ตอนนี้เขาสังเกตุตัวเองว่าใส่ชุดขาว(ชุดที่ใส่นั่งสมาธิ) ท่านผู้นั้นบอกว่า ท่านเป็นพญายม
    แล้วบอกเขาว่า เธอก็ทำกรรมไว้แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องตกนรก ถ้าขึ้นไปแล้วให้ปฎิบัติตัวให้ดี

    3. หลังจากนั้นภาพก็เปลี่ยนเป็น ผู้ชายหน้าสิงโตคนแรกบอกว่าจะพากลับไป
    ก็ลอยขึ้นไปสังเกตุตัวเองกลับไปเป็นพระอีกครั้ง ระหว่างนั้นได้ยินเสียงร้องเรียกจากข้างล่าง
    เขาก็ก้มมองเห็นเป็นผู้คนมากมายดิ้นทุรนทุรายอยู่บนถ่านไฟแดงๆ และได้เห็นลุงของเขาซึ่งตายไปนานแล้ว
    (เห็นหน้าลุงค่อนข้างชัดเจน) บอกว่า..ให้ช่วยลุงด้วย...เขาเห็นว่ามีคนจับลุงเขาไว้แล้วกรอกอะไรสักอย่างใส่ในปาก..
    (ลุงเขาตอนมีชีวิตอยู่เจ้าชู้มีผู้หญิงเยอะ ชอบเล่นการพนัน ไม่มีลูกชายตอนเขาตายจึงไม่มีลูกบวชให้)
    พอสักพักจิตเขาก็รู้สึกว่าเขากลับมาอยู่ที่โบถส์ในวัดที่เคยบวช จ.นครปฐม
    เพราะเขาจำพระประธานในโบถส์นั้นได้อย่างชัดเจนมาก.. หลังจากนั้นก็ได้ยินอาจารย์บอกให้ออกจากสมาธิได้

    ***อ. ภราดรภาพ บอกว่าให้กลับไปฝึกเองต่อที่บ้านและให้สวดมนต์ และให้ลองมาสอบอารมณ์ อีกครั้ง
    เขาคิดว่าจะเล่าให้อาจารย์ฟังในวันนั้น แต่ดิฉันรอไม่ไหวค่ะ (เขาไม่รู้ว่าดิฉันมาสอบถามอาจารย์ทางE-mail)
    เพราะถ้าสิ่งที่เขาเห็น เกิดจากจิตที่มีสมาธิ ดิฉันกลัวว่า การฝึกเองที่บ้านหากจิตมันหลุดไปเจอในสิ่งที่ไม่ดีตามที่อาจารย์สอน
    เช่น เจอวิญญาณ เปรต อสูรกาย มันจะแย่..แล้วแก้ไม่ทัน

    อยากเรียนถาม อ.ว่า ภาพต่างๆที่เกิดขึ้นในสมาธิตามที่เล่ามา เกิดจากอุปทาน ฟุ้งซ่าน คิดไปเอง
    หรือเป็นนิมิต หรือเป็นอะไรกันแน่ค่ะ
    ช่วยชี้แนะด้วยนะค่ะ รออ่านอยู่ค่ะ

    ปล.ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะ เมื่อวานอยู่ที่วัดผ่องพลอยตั้งแต่เช้าจนมืด
    รู้สึกว่าเป็นวันที่เราใช้เวลาทางโลกได้อย่างมีคุณค่ามาก และเป็นประสบการณ์ทางธรรม ที่ทำให้อึ้ง..กิมกี่ไปเลยค่ะ

    ตอบ คุณปริญนา

    ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีครับ ที่ครูบาอาจารย์ได้นำพาคุณไปสู่ดินแดนขุมนรก
    ที่น้อยคนนักจะได้พบ หนูไม่ได้คิดไปเองหรอก ภาพที่เกิดจากจิตเหมือนภาพเคลื่อนไหวที่ไวมาก
    เป็นภาพเรื่องราวที่ปะติดปะต่อไปเป็นอย่างไรดีเหมือนอะนิเมชั่นเป็นช๊อตๆ

    เวลาเห็นท่านก็กราบๆๆ งามๆ ในจิต ขอให้พระบิดาโปรดเมตตา
    เด๊ยวท่านก็จะพาท่องในขุมนรกในแต่ละขุม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นที่อยู่ของคนบาป
    ส่วนใหญ่ผิดศีลทั้งนั้น โดยเฉพาะศีลห้า พวกคนบาปเหล่านี้ต้องชดใช้กรรมหนัก
    จนกว่ากรรมจะเบาบาง แล้วจะไปใช้เศษกรรมต่อตามวาระ

    หนูดีนะที่ได้เห็นญาติหรือลุงตนเองอยู่ในนรกที่กำลังชดใช้กรรม
    หนูเห็นแล้ว ก็จะพึงสังวรว่า ชีวิตหลังความตายนั่นมีแค่บุญกับบาปเท่านั้น
    ใครทำดี ก็ย่อมไปยังภพภูมิที่ดี คนทำชั่วย่อมตกนรกหมกไหม้

    อีกหน่อยจะเก่งมากนะครับ ขอให้กำลังใจต่อไป

    ภราดรภาพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  4. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ทั้งกูและเมียกูพูดภาษาอะไรวะ?

    เคสที่ 3 : ทั้งกูและเมียกูพูดภาษาอะไรวะ?

    เรียน อ.ภราดรภาพ

    ผมขอเรียนถามอาจารย์ในข้อสงสัยหลังจากเปิดบารมีแล้วครับ

    ผมไปฝึกพร้อมภรรยาในวันนั้น (ผมเป็นคู่ที่สอบอารมณ์เกือบรองสุดท้าย ที่ปรากฎว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาแสดงบารมีมากมายครับ
    และบอกให้ผมไปช่วยรักษาคน) และในวันนั้นเองผมก็ได้ทราบสิ่งที่ตัวเองลังเลสงสัยมานานและเป็นครั้งแรกที่ได้พูดภาษาเทพออกมา
    ส่วนภรรยาข้าพเจ้ายังนั้นยังไม่พบตัวตนของเขาเองแต่ท่านอาจารย์บอกว่ามีกระแสจากเบื้องบนมาแล้วแต่ร่างกายยังไม่พร้อม

    ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นผมกับภรรยาได้มาลองนั่งสมาธิพร้อมกัน และใช้เวลาไม่เพียงนานภรรยาผมก็หัวเราะและพูดภาษาแปลกออกมา
    โดยที่ผมก็นั่งกำกับเขาอยู่ พอเขาพูดออกมาผมก็ตกใจเหมือนกันจึงบอกให้เขาหยุดก่อน และมาลองใหม่อีก 3 ครั้ง
    ปรากฎว่าเขาก็ทั้งหัวเราะและพูดภาษาแปลกๆออกมาทั้งผมและภรรยา

    คำถาม คือ
    1.หลังจากเปิดบารมีแล้วเรากลับมาฝึกเองที่บ้าน เราจะทราบได้อย่างไรว่าขณะที่ฝึกนั้นจะไม่มีวิญญาณอื่นมาแทรก
    หรือเจ้ากรรมนายเวรมาแทรกขณะฝึกครับ

    2.การที่เราพูดภาษาแปลกๆออกมาขณะนั่งสมาธินั้น หมายถึงว่าเบื้องบนส่งกระแสมา
    หรือว่าสิ่งที่อยู่ในตัวของเราแสดงตัวตนออกมาครับ เราจะทราบได้อย่างไรครับ

    3.ผมสามารถคุมภรรยาผมในการปฎิบัติได้ใช่ไหมครับ


    ตอบ คุณ OHOH
    ข้อที่ 1. หลังจากเปิดบารมีวิชชาสามแล้ว หากครูบาอาจารย์มาคุ้มครองเราแล้ว
    หมู่มารหรือสัมภเวสีเข้าแทรกไม่ได้หรอกครับ

    ข้อที่ 2. ภาษาที่เราพูดออกมานั้น มีสองกรณี กรณีแรกคือ ครูบาอาจารย์เขาแฝงมาแล้วพูดออกมาผ่านเรา
    กรณีที่สองเป็นจิตแท้เดิมของเรา อาทิ หากเรามาจากชั้นพรหม เราก็สามารถพูดพรหมได้
    หากเรามาจากชั้นสวรรค์ เราก็พูดภาษาสวรรค์ได้ เป็นต้น บางคนพูดได้ทั้งจีน ภารตะ พุทธ ทิเบต เขมร
    อันนี้ก็แล้วแต่บุญบารมีแต่ละคนครับ

    ข้อที่ 3. ผมแนะนำคุณเพราะผมรู้ว่าคุณคุมได้ในระดับหนึ่ง หากถึงระดับหนึ่งแล้ว ค่อยมาปรึกษาอีกครั้งนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  5. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    แล้วถ้ามีคนบอกว่ารามีองค์แม่อุมา ปางทุระคา เราจะเชื่อได้อย่างไร
     
  6. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ความเชื่อความศรัทธา ต้องอาศัยปัญญาพิจารณา
    ผมเชื่อในความจริงใจของคุณที่กล้าบอกความนัย
    ว่าเรามีเหนือกล้าเหนือกระหม่อมของมหาทุระคาเทวี

    บุคลิกของครูบาอาจารย์ จะบ่งบอกลักษณะและนิสัยใจคอของร่างด้วยเช่นกัน
    กล่าวคือ หากคุณมีพระองค์ท่านปกปักรักษาจริง

    นิสัยของคุณ จะเป็นผู้นำเหนือชาย มุ่งมั่น กล้าได้กล้าเสีย ยอมหักไม่ยอมงอ
    จิตใจเมตตาสูง เสียทรัพย์และเสียรู้คนง่าย เพราะเป็นคนใจดี เมตตาสูง

    ดังนั้น ควรมั่นฝึกสมาธิให้จิตสงบ บอกพระองค์ท่านของอำนาจแห่งบุญฤทธิ์
    หรือมาในภาคประทานพร จะทำให้เราสงบนิ่งมากขึ้นนะครับ

    แต่หากจะรู้ความจริง คุณต้องมาเปิดบารมีวิชชาสาม เพื่อค้นหาคำตอบนั้้นนะครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  7. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    เคยมีอาการแปลกๆ เมื่อเข้าไปในวัดแขก สีลม


    เวลานั่งสมาธิก็จะมีเห้น เป็น องค์แม่ ในสมาธิ มีฝันเห็นบ้าง

    เวลา ไปที่ๆมีงานไหว้ครูเกี่ยวกับพวก เทพแขก จะมีอาการ ขนลุก ได้ยินเสียงเพลงแล้วอยากลุกขึ้น
    เต้นรำ บางครั้งมีอาการอยากร้องไห้หรือร้องเลย

    เวลานั่งสมาธิ บางครั้ง ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะทำท่าเหมือนงูเลื้อย


    บางเวลาจะได้กลิ่น หอมของกำยาน (ทั้งที่ไม่ได้จุด)


    มีอาการหนักบ่า ทั้งสองข้าง ขนลุกตั้งแต่ศรีษะไปจนถึงปลายเท้า


    จะมีคนทักว่ามีองค์ ตั้งแต่เด็กๆ บางครั้งก็พูดภาษาแปลกๆได้(ไม่บ่อย)


    ไม่เคยรับไปรับ ขันข์ แต่มีรูปเหมือน พระแม่มาบูชา โดยไม่ได้ไปเบิกเนตรที่ไหน จุดธูปบอก

    กล่าว 16 ดอกเอง บอกท่าน บอกฟ้าดิน บอกเจ้าที่ เอง ไม่มีใครมาทำพิธีให้



    ก็ไม่รู้ว่ามีองค์ อะไรมั้ย
     
  8. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    หากพิจารณาจากข้อมูลที่ให้
    คนมีองค์ หมายถึง คนที่มีเทพรักษา แต่ยังไม่สามารถสื่อสารได้ เพียงแค่จิตสัมผัสผิวเผินหรือมีซิกเซนล่วงหน้านะครับ

    คุณต้องฝึกจิตให้มั่นคง สงบ นิ่ง และว่าง
    ช่วงแรกๆ คุณอาจมีอาการแปลกๆ เช่น หนักไหล่หนักบ่า
    ออกอาการตามอัตลักษณ์ครูบาอาจารย์ ช่วงนี้เป็นการปรับกายธาตุ
    ให้เรามั่นนั่งเข้าฌานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับพลังของครูบาอาจารย์อย่างเต็มกำลังนะครับ

    ให้เลิกละความสงสัยไปก่อน หากจิตยังไม่รับการฝึกสมาธิเพื่อการนี้
    ก็ควรหาครูบาอาจารย์เพื่อฝึกฝนไปก่อนนะครับ

    อาการของคุณแสดงถึงครูบาอาจารย์หลายองค์ที่สัมพันธ์กัน
    แต่จะมีองค์ประธาน องค์หนึ่ง ให้สังเกตองค์แรกที่ผ่านมานะครับ
    อันนี้้ ก็แล้วแต่วาระ เปรียบเหมือนเราเรียนหนังสือกับครูในระดับต่างๆ เช่น มัธยม โท ตรี เอก นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  9. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
     
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
     
  11. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    "ขอบคุณ ค่ะ ที่ให้คำแนะนำ "


    ดิฉันจะตัดเรื่องความกังวล สงสัยออกไป และจะพยามปฏิบัติให้สม่ำสเมอ


    ที่บ้าน จะมี องค์พระพิฆเนศ พระแม่อุมาขี่เสือองค์ใหญ่ค่ะ พระแม่อุมาปางประทานพร(บูชามาจาก

    วัดแขกสีลม) พระแม่อุมานั่งบนดอกบัวถืออาวุธทั้งสี่กร(ไม่รู้เรียกว่าปางอะไร) แล้วก็มีน้องกุมาร 3

    องค์ค่ะ ถ้าวันไหนสวดมนต์ก็จะสวด คาถาพระพิฆเนศก่อน แล้วก็ คาถาพระ ศิวะ พระพรมห พระ

    นารายณ์ แล้วก็ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่ธรณี วันพระก็จะถวายนม ผลไม้,ขนม พวงมาลัย


    ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ ถูกต้องรึเป่ลาคะ
     
  12. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    โมทนา สาธุ
    ที่บ้านจะเป็นตำหนักอยู่แล้วนะครับ
    การสวดมนต์เป็นเพียงแค่ขณิกสมาธิ (สมาธิอย่างง่าย) ครับ

    มั่นปฏิบัติบูชาด้วยการเจริญพระกรรมฐาน เพราะ ณ ขณะหนึ่งจิตนี้
    สะอาดด้วยศีล สงบด้วยสมาธิ สว่างด้วยปัญญา
    เด๊ยว พ่อ กับ แม่ ก็จะมาอำนวยพรชัยเอง

    บุญกุศลมากกว่าการสร้างพระสร้างเจ้าเสียอีก ประหยัดเงินด้วยนะครับ
     
  13. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    เคสที่ 4: ภาษาเทพเทวัญ

    ภาษาเทพเทวัญ เป็นการสื่อสารที่เกิดจากจิต ถือว่าเป็นอภิญญาอย่างหนึ่ง ภาษานี้จะครอบคลุมถึง
    ภาษามนุษย์ ภาษาสวรรค์ ภาษาเทพพรหม ภาษาสัตว์ ภาษาภูติผี ภาษาบาดาล เป็นต้น

    ภาษาเหล่านี้ ได้รังสรรค์เพื่อมนุษย์โลกได้ติดต่อสื่อสารกันตามแต่เผ่าพันธ์ ประเพณี และวัฒนธรรม
    เช่น ภาษาเทพจีน ภาษาเทพภารตะ ภาษาเทพทิเบต ภาษาเทพอีอิปต์ ภาษาเทพไทย เป็นต้น

    สำหรับนักปฏิบัติธรรม เมื่อมีการปฏิบัติและเกิดสภาวะจิตที่มีความละเอียด กายทิพย์ก็ดี จิตทิพย์ก็ดี
    เมื่อมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือครูบาอาจารย์มาแฝง ท่านก็จะเปิดภาษาให้เราได้ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
    เป็นภาษาที่เกิดจากจิตเดิมก่อน เช่น หากท่านอุบัติมาจากชั้นสวรรค์ ภาษาสวรรค์ก็จะถูกเปิดมาก่อน
    หากท่านมาจากชั้นพรหม ภาษาพรหม ก็จะติดและถูกเปิดมาด้วย อันนี้ ก็แล้วบุญสะสมในอดีต

    แต่ภาษาพรหมส่วนใหญ่เป็นภาษาราชการ ใช้ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าสัญชาติใดก็แล้วแต่
    เคยไปคุยกับชาวพม่าท่านหนึ่งที่ชายแดนเชียงราย-พม่า

    ถามว่าเหตุใดจึงมาเป็นหมอดูฝั่งไทย (พูดไทยไม่ค่อยได้) ต้องให้เพื่อนอีกคนช่วยแปลเป็นไทยให้
    เขาก้บอกว่าเขาต้องมาที่นี้ ทุกๆ วัน เขาต้องก้มกราบศรีษะกระทบ (โขกศรีษะ) กับขั้นกระไดทุกๆ ขั้น เป็นเวลา 3 ปี

    แล้วเหตุใดต้องกระทำเยี่ยงนี้ ก็ปรากฎว่า ชาติที่แล้ว เขาทำลายวัดพระพุทธศาสนาในเมืองไทย เหตุเกิดที่เชียงราย
    จึงต้องกลับมาเพื่อไถ่โทษที่นี้ ในระหว่างสนทนากันไปนั้น ก็พูดเป็นภาษาเทพไปด้วย ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น

    ภาษาเทพเทวัญ หากยังไม่ควรแก่เวลา หากเปิดไป อาจส่งผลเสียได้ด้วยเช่นกัน มีหลายท่านที่พยายามเปิดด้วยวิธีการต่างๆ
    เช่น เปิดโอษฐ์ด้วยมนตรา ด้วยการระเบิดจิต ด้วยการสวดมนต์เร็วๆ เป็นต้น โดยเฉพาะคนที่เปิดทางโทรศัพท์
    และอยู่ในสถานที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เจ้ากรรมนายเวรแทรกหรือหมู่มารเข้ามาได้

    ผมมักจะแนะนำให้คนที่วาระถึงแล้วเท่านั้นให้เปิดได้ หากจะเปิด ควรเปิดในที่อันควร ควรเป็นสถานที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
    ก่อนเปิดควรนั่งสมาธิและปฏิบัติจิตให้สะอาดพร้อม เพื่อความเป็นศิริมงคล ไม่งั้นเปิดไปก้ไม่สมบูรณ์ ต้องมาเปิดใหม่อีกครั้ง

    แต่สำหรับใครบางคน อาจเปิดไม่ได้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรเขาจ้องหรือเล่นงานอยู่ เปิดไปแทนที่จะเป็นครูบาอาจารย์
    กลับกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวร คราวนี้ก็ฟ้องแหลก เช่น ไปทำแท้งมาก ไปฆ่าสัตว์ใหญ่มา เป็นติดสินบนมา ฯลฯ
    แล้วแต่วาระกรรม ที่นี้หากเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาต หรือหมู่มารที่คอยจ้อง ในระหว่างเปิด กับครูบาอาจารย์
    (เจ้าพิธี) ที่ไม่มีบารมีมากพอ ก็ซวยไป แทนที่จะได้สิ่งดีๆ กลับได้ผีได้หมู่มารไปแทน เห็นมาเยอะครับเรื่องแบบนี้

    สำหรับภาษาเหล่านี้ แรกๆ เราจะแปลไม่ออกหรอกครับ ต้องใช้เวลาฝึกจิตอีกนาน โดยเฉพาะต้องได้เจโตฯ หรือหมั่นพูดบ่อยๆ
    แต่ระวัง เด๊ยวใครจะหาว่าบ้า แรกๆ ก้เหมือนเด็กอนุบาล ค่อยๆ ผูกคำ ผูกประโยคนะครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
    อ.ภราดรภาพ
     
  14. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    เคสที่ 5 : ปู่ทวดมาโปรด

    ผมก็ขอร่วมแชร์ประสบการณ์บ้างครับ..ก่อนอื่นกราบขอบพระคุณ อ.ภราดรภาพ มากๆครับ เพื่อนสมาชิกครับ
    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามเวปนี้มาประมาณ 1 ปีครับ ด้วยความสงสัย และด้วยแรงบรรดาลใจจากเบื้องบนหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ
    ครั้งแรกของการได้รู้จัก ก็เข้ารวมทัวร์บุญตัดกรรมกับทีมงาน H+ ทำให้ได้รู้จัก อ.ภราดรภาพครับ ทั้งยังมีการรวมคุยซักถาม
    จนอาจารย์ทักเรื่องสิ่งศักสิทธิ์ในตัวผม ซึ่งกลับเหมือนๆกับที่ อ.ท่านอื่น เคยทัก ทำให้ผมตัดสินใจเข้ารวมเรียนเปิดบารมีวิชชาสามครับ...

    จนในวันที่ 13 มกราคม 2556 มี่ผ่านมาสดๆร้อนๆครับ นั้นคือครั้งแรกในชีวิตจริงๆ ก่อนอื่นครับต้องบอกว่าก่อนการเปิดนั้น
    ผมได้ปฎิบัติธรรมนั่งสมาธิถือศีลมาเป็นเวลาปีกว่าแล้วเกือบจะเรียกว่าสม่ำเสมอเลยที่เดียว
    นี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเปิดได้ในครั้งแรกหรือเปล่าไม่รู้นะครับ ...

    ในวันทำพิธีเปิดบารมีวิชชาสามวันนั้นผมเป็นคิวคนที่ 19 ครับ ก่อนถึงคิวผมนั่งสังเกตุและดูอาการของผู้เข้าร่วมพิธีหลายคน
    ด้วยความตื่นเต้น และสงสัยมากมาย และนึกไว้เสมอว่าเมื่อถึงคิวเรา เราคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    แต่ผิดความคาดเดาครับ เมื่อผมเข้าพิธี เป็นคนแรกของคิวหลังจากการเบรกพักทานอาหารเที่ยงของท่านอาจารย์ที่ทำพิธี...

    ผมเข้าไปนั่งพนมมือตามคำสั่งการของอาจารย์ด้วยสมาธิที่ตั้งมั่น จนจบการกล่าวคำบูชาถวายผ้าไตร
    ก็เป็นการท้องคำว่านะโม..ต่อเนื่อง สิ่งมหัศจรรย์ ก็เกิดขึ้นกับผมเป็นครั้งแรก นั้นคือผมมีอาการหูชา
    มือเกรงตัวแกรง เสี่ยงที่ท่องคำนะโมเริ่มเปลี่ยนเป็นจำที่จับใจความไม่ได้ สิ่งที่ผมรู้สึกได้คือผมไม่ไช่ตัวผม
    แต่มีอีกร่างหนึ่งมาสถิตอยู่ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ครับแต่มีบางอย่างควบคุมผมอยู่ หูที่อื้อ รู้ทุกสิ่งที่เกิด
    แต่รางกายเหมือนถูกควบคุมตัวด้วยคนแก่คนหนึ่ง ผมรู้ว่ามีการพูดคุยกับอาจารย์
    แต่ผมไม่รู้สิ่งทีผมได้พูดไปเพราะด้วยร่างกายที่ตึงชา และหูที่อื้อก้องอยู่ข้างใน

    หลังจากเสร็จพิธีผมก็มีสติกลับมาอีกครั้ง และพูดคุยกับท่านอาจารย์ภราดรภาพ ด้วยความตกใจและตื่นเต้น
    (มีน้ำตาไหลนิดหน่อยครับ 555) อาจารย์บอกว่า องค์หลวงปู่ทวดมาอยู่ในร่างผมครับ
    ด้วยเหตุผลก็สายสัมพันธ์ทางสายเลือดครับ..และสิ่งนี้เองครับที่ทำให้ผมตั้งจิตอธิฐานกับตนเองว่า

    ข้างหน้าต่อไปผมจะต้องสร้างบุญบารมีให้มากขึ้นครับ ให้สมกับที่องค์หลวงปูทวดได้เลือกผมเป็นส่วนหนึ่ง
    ในการเผยแผ่พุทธศาสนา ในทางโลกครับ...ของผมถือว่าเป็นสายพระต้องเดินสายกลางครับ
    หลังจากวันนั้นผมกลับมาบ้านและได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้กับแม่ฟัง

    ทุกคนไม่คิดสงสัยครับเพราะที่บ้านจะเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และแม่ได้เล่าต่อให้ผมฟังว่า ในสมัยเด็กๆ
    ผมถูกยายเป็นผู้เลี้ยงครับที่จังหวัดพัทลุง โดยผมจะเป็นเด็กค้อนข้างขี้โรค ป่วยบ่อย ยายผมจึงนำไปถวายตัว
    ให้เป็นลูกของพระซึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่วัดในอำเภอแถวบ้านครับ และรู้มาว่าท่านก็เป็นศิษย์ขององค์หลวงปู่ทวดเช่นกันครับ
    ก็เลยเป็นที่มาแห่งความมหัศจรรย์ครั้งนี้หมั้งครับ จริงๆยังมีหลายๆสิ่งจากเหตุการณ์นี่ที่ผมอย่างแช่ร์ครับ ..

    แต่เอาแค่นี้ถือว่าเอาเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่อยากเบิดบารมี วิชชาสามแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ...สวัสดีครับผม ปล.จากหนุุ่มภูเก็ต..


    โมทนา สาธุ
    นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติ ภควา
    ขอนอบน้อมนมัสการหลวงปู่ทวดที่มาโปรดเมตตา
    ขอให้ร่างเจริญศิริมงคลชัยด้วยพระบารมีของปู่ทวดเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013
  15. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    เคศที่ 6 : พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงมาโปรด

    เรียน อ.ภราดรภาพ

    ผมได้มีโอกาสไปเปิดบารมีกับอาจารย์ภราดรภาพที่วัดถ้ำดงเข เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้
    ก่อนเปิดใจก็ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ และมือจะสั่นๆตั้งแต่ก่อนจะทำพิธี ใจคิดว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น

    พออาจารย์ให้ท่องบทสวดที่ว่านอบน้อมสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ถวายผ้าไตร จากนั้นก็ท่องนะโมๆ
    ใจก็ยังติดความลังเลสงสัยอยู่มากพร้อมกับคอยจ้องดูอาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา
    ท่องนะโมไปเรื่อยๆรู้สึกเสียงจะขึ้นสูงและแหลม ก็เลยพยายามกดให้ทุ้มๆต่ำ ระหว่างนั้น

    พยายามฝืนกับพลังต่างๆที่เหมือนจะเข้ามาอยู่ตลอด และไม่อยากแสดงอาการต่างๆต่อหน้าคนเยอะๆ
    จากนั้นอ ภราดรก็แยกมือที่พนมอยู่ออก เนื่องจากผมพนมมือไว้แน่นมากๆ พอคลายมือออก
    ก็รู้สึกถึงกระแสพลังที่กดให้นิ้วกลางงอลงบนฝ่ามือ และบิดหมุนคล้ายท่าร่ายรำบริเวณข้างลำตัว
    ก่อนจะจบลงด้วยท่าที่มือนึงแบหงาย โดยมีอีกมือจีบอย่างสวยงามอยู่ด้านบน

    ระหว่างนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าทำอะไรบ้าง และพยายามที่จะบังคับไม่ให้อาการที่เกิดนั้นมากเกินไป
    ใจข้างในยื้อกันอยู่สองฝ่าย โดยผมจะพูดกับตัวเองตลอดว่า อย่าเพิ่งๆ ยังไม่พร้อม
    ระหว่างช่วงที่ก่อนจะเริ่มร่ายรำ ภาพที่เห็นชัดเจนมากคือภาพพระท่านนึงซึ่งในจิตบอกว่าเป็นพระอริยเจ้า
    ท่านมาทำหน้าดุๆใส่ จากนั้นพอเริ่มมีการจีบมือแล้วก็ออกท่าทางก็เห็นมีภาพผู้หญิงใส่ชุดขาวสวยงาม
    ใบหน้าผ่องใส ลอยลงมาโดยยืนบนดอกบัว และใจเราก็มีคำพูดขึ้นมาคือ พระแม่กวนอิมท่านมา

    ใจผม ณ ขณะนั้นไม่มีความสงสัยใดๆ และแน่ใจว่าเป็นท่านแน่ๆ
    หลังจากลืมตา อ.ก็ให้กราบพระ และมานั่งคุยกัน อ.บอกเหมือนกับอาจารย์ขาวและ อ.จี๊ด
    ว่า เป็น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หลังจากนั้นอาจารย์ทั้งสามก็พูดเป็นภาษาเทพกัน
    ซึ่งก็น่าแปลกที่เราเหมือนจะฟังเข้าใจ โดยในใจก็มีภาษาคล้ายๆกับของที่อาจารย์พูดกันผุดขึ้นมาด้วย
    ตอนที่อาจารย์หันมาพูดเป็นภาษาเทพกับผม ผมก็พูดโต้ตอบได้อย่างคล่องแคล่ว

    ในใจ แต่ก็ไม่อยากที่จะพูดไปเพราะกลัวเป็นอุปาทานไปเอง อ.ยังบอกอีกว่ามีพระแม่ทั้งสามลงมาด้วย
    ในใจนั้นคิดว่าเป็น แม่ศรีทั้ง 3 ท่านของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ผมเคารพนับถืออยู่

    อ.ทั้งสามบอกว่าจริงๆ น่าจะมีอาการที่แรงกว่านี้มาก แต่ผมกดไว้ และด้วยความกลัวและความสงสัยท่านเลยมาได้ไม่เต็มที่

    อ.ขาวได้เมตตาบอกอีกว่าตาที่สามและตัวรู้ได้เปิดแล้ว แต่ด้วยความลังเลสงสัยต่างๆถึงทำให้รับสัมผัสได้ไม่เต็มที่
    และยังบอกให้ผมออกกำลังกายให้มากเพราะร่างกายจะรับพลังไม่ไหวและอาจป่วยได้
    หลังจากเปิดบารมีแล้วตัวก็เบาหวิวไปหมด อยากนอน อยากพักผ่อนมากเหมือนกับว่าตัวเองใช้พลังงานไปเยอะ แล้วก็เหนือย

    ตอนนี้มีคำถามคือว่าผมควรจะปฏิบัติอย่างไรต่อไป ต้องท่องคาถาอะไรเป็นพิเศษไหม
    ก่อนนั่งสมาธิที่อาจารย์แนะนำกับท่านอื่นๆว่าให้ท่องมนตรานั่นคืออะไร เพราะอันที่จริงผมก็ยังไม่เข้าใจนัก
    กับการเปิดบารมีวิชชาสาม เพียงแต่ในตอนนั้นอยากลองดูเฉยๆว่าตัวเองจะมีครูบาอาจารย์บ้างไหม ซึ่งก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ขอคำชี้แนะเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ


    โมทนา สาธุ
    ขอนอบน้อมนัสการพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
    ขอถวายพวงมาลัยพวงน้อยนี้เพื่อถักทอสายใยแห่งบุญ
    ขอทรงอำนวยพรชัยให้แก่ร่างได้เดินทางสายกลาง
    ตามสติปัญญาญาณที่พระองค์ฯ จะทรงประทานด้วยเทอญฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013
  16. Thai-si-paak

    Thai-si-paak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +52
    สวัสดีค่ะ อ.ภราดรภาพ
    ขอคำอธิบายหน่อยค่ะ คำว่าญาณแฝงนั้น หมายถึงอย่างไรค่ะ ขอบคุณค่ะ
    ขออภัยค่ะเขียนชื่อ อ.ภราดรภาพผิดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013
  17. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาบทความทุกตัวอักษรที่เผยแพร่ธรรมอันประเสริฐนี้ด้วยครับ สาาาธุ สาาธุ สาธุ
     
  18. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ขอโมทนา สาธุการ
    ธรรมใดอันประเสริฐ ขอจงปรากฎสว่างขึ้นดั่งแสงจันทร์ที่ส่องหล้าไปทั่วนภากาศ
    ขอธรรมนั้นเป็นประหนึ่งสายธาราประโลมใจให้แก่คุณ talkjoss เช่นเดียวกันครับ
     
  19. talkjoss

    talkjoss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +2,252
    สาาาาธุ ขอบคุณครับ
     
  20. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    สวัสดีครับ คุณ Thai-si-paak
    ก่อนอื่นเรามาตีความนัยสำคัญ

    คนมีองค์?
    คนที่มีวาระผูกพันธ์กับจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะนำไปสู่มรรควิถีที่
    เหมาะสม

    ร่างทรง?
    คนที่มีวาระผูกพันธ์กับจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในรูปแบบการเป็น
    สื่อกลางหรือผู้รับสนองพระเดชพระคุณเพื่อการสร้างบารมี

    ญาณแฝง?
    จิตวิญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีวาระผูกพันธ์กับสังขารกายหยาบ เพื่อปกปัก
    รักษา ดลจิตดลใจให้ใฝ่คุณธรรม โดยไม่ฝืนกฏแห่งกรรม

    หรือสรุปโดยง่ายก็คือ
    คนมีองค์ รู้สึกได้ แต่สื่อสารไม่ได้
    คนที่เป็นร่างทรง รู้สึกได้ สื่อสารได้ แต่สติควบคุมไม่ได้ (อายตะนะถูกปิดเกือบหมด)
    คนที่เป็นญาณแฝง รู้สึกได้ สื่อสารได้ มีสติคุม (ขึ้นอยู่กับแฝงมากแฝงน้อยครับ)

    ส่วนใหญ่ จากคนมีองค์ ไปเป็นร่างทรง จากร่างทรงไปเป็นญาณแฝงครับ
    พัฒนาการนี้ สามารถใช้วิชชาสามเข้าไปช่วยให้ไปเป็นญาณแฝงได้ครับ
    โดยไม่ต้องเป็นร่างทรง ขึ้นอยู่กับว่าจะแฝงระดับไหน
    บ้างก็แฝง 60% 70% 80%
    บ้างก็เป็นเนื้อเดียวกันก็มีครับ เราเรียกว่า อนุศาสนียปาฏิหาริย์
    หรือเป็นหนึ่งเดียวกับครูบาอาจารย์ ทางเทคนิคเราเรียกว่า ปรมาตมัน
    คือการรวมจิตเป็นหนึ่งเดียวกับครูบาอาจารย์ครับ

    กล่าวคือ โดยที่การกระทำบางอย่างไม่ใช่ตัวเรา เช่น การบรรยายธรรมได้อย่างน้ำไหล ไม่ติดไม่ขัด ด้วยคุณวิเศษ เป็นต้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...