จริงหรือไม่ สุราเพียงหนึ่งจอก ทำให้จิตปราศนิวรณ์ได้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย aapinyah, 12 มีนาคม 2013.

  1. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    เมื่อปฏิบัติจนเริ่มเข้าใจความจริงบางส่วน ก็มักจะอุทานแบบนี้ออกมากันเกือบทุกคนเลยครับ

    มันคล้ายๆ เส้นผมบังภูเขา แต่พอปัดเส้นผมออก ก็เจอกับความจริงที่ โล่ง สบาย เหมือนวางของที่หนักลงไปเลย :)
     
  2. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    จริงอย่างท่านว่า ร่างกายเราตอนนี้เริ่มเจ็บปวดน้อยลง คงเคร่งเกินไปเหลือแต่ปวดแขนข้างซ้ายหน่อยนึงเท่านั้น สักวันคงหายขาด

    เรา รับรู้ความรู้สึกที่หูเราบ่อยๆ อย่างนี้ก็ดี เพราะว่าเราสามารถนอนตะแคงข้างขวาได้แล้ว เพราะ เมื่อสองปีที่แล้ว วันนึงเราขับรถอยู่เรากระหายน้ำมาก แต่หาน้ำ ดื่มไม่ได้ หาเซเว่นไม่เจอ คอแห้งมาก ซึ่งปกติเราเป็นคนดื่มน้ำมาก แต่ไม่เข้าใจว่า ผลจากตรงนี้ทำไมมีผลถึงหูข้างขวา เพราะหลังจากนั้นทำให้เรานอนตะแคงขวาไม่ได้ เพราะหูจะอื้อเหมือนมีลมอยู่ในหู เลยต้องฝึกเปลี่ยนท่านอนใหม่เป็นนอนหงายและตะแคงข้างซ้ายแทน

    แต่ตอนนี้ เราสามารถนอนตะแคงข้างขวาได้แล้วล่ะท่าน แต่ต้องขอลองใหม่อีกหลายๆ คืน

    เราสังเกตตัวเราว่า พักนี้ ประสาทสัมผัสเรารับรู้เรื่องรอบตัวดีขึ้น แต่คิดว่ายังไม่ปกติเหมือนคนอื่นเขา ยังมีหงุดหงิดอยู่พอสมควร เพราะเราไม่สามารถตอบสนองการรับรู้ทุกๆ ด้านในเวลาเดียวกันได้ เราเข้าใจอย่างนั้นน่ะ ร่างกายยังเรียบเรียงไม่ถูกว่า ควรจะตอบสนองสิ่งใดก่อน

    อีกอย่างเรื่องความทรงจำ
    เพื่อนเรา ท้าวความเรื่องราวเก่าๆ ให้ฟัง เราจำไม่ได้เลย ไม่ว่าสมัยเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือทำงาน เขาถามว่า เป็นเรื่องเกิดกับเราแท้ๆ ทำไมเราถึงจำไม่ได้

    นั่นสินะ ทำไมเราถึงจำไม่ได้ เราจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า แต่เรายังจำชื่อตัวเอง รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใคร จำชื่อเพื่อนได้เกือบทุกคน

    เราลองถอยหลัง ไปปีที่แล้ว สองปีที่แล้ว มีแค่ภาพไม่กี่ภาพ ที่โผล่ขึ้นมา จำไม่ได้แม้แต่ความรู้สึก ลองนึกถึงศัตรูคู่แค้น เรายังจำได้อยู่แต่เราอโหสิกรรมไปแล้ว กว่าจะหายไปจากใจก็เป็นปี
    แต่ เรื่องอื่น เรื่องดีๆ จำไม่ได้ ถึงว่าโดนลูกพี่ว่าประจำ ว่าประสาทไม่ไว เรางง
    เคยโดนถามว่า มีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ หลง บ้างหรือเปล่า
    เรา จำได้เราตอบว่า เราเป็นคน เรารู้ทุกอารมณ์

    โชคดีที่ได้ ธรรมะ จากท่านครู หลายข้อ ในการเตือนสติ ความทรงจำหายไปหมดทุกอย่างก็ดี

    ในเวลากลางวัน ในแต่ละ 10 กว่าชั่วโมง ที่ผ่านไป เราเข้าใจแล้วว่า ให้รับรู้ตามจริงน่ะ เป็นอย่างไร อย่างน้อยเราได้ข้อธรรมเตือนตัวเอง เมื่อเราต้องเผชิญหน้าแบบจะ ๆ ๆ กับสถานการณ์ที่เราไม่อยากพบเจอน่ะ ท่านครู

    แล้วท่านครู มีวิธีแก้เรื่องความทรงจำ ไหม ถ้าเราแก่ตัวลงไป เราจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2013
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:ผมอ่านหัวข้อ ท่านเจ้าของในกระทู้นี้ ดีครับดีมากๆเลย ศึกษาให้ดีๆ ท่านทั้งหลาย ผมไม่ใช่คนกินเล่า แต่รู้ว่า อะไรควรไม่ควร กินทุกวัน ยังได้เลยครับ นำมาทำกษัยยา รักษาโรค พระพุทธองค์ ก็ทรงอนุญาติให้ ภิกษุ ทั้ง หลาย นำมากิน รักษาโรค บรรเทาทุกขเวทนา ไม่เกิน ๑ องคุลี แต่พยายาม อย่าให้มีกลิ่น ควรแต่งกลิ่นก่อน ยิ่งพระได้อภิญญา อธิษฐานจิต ให้มัน เป็นยา หรือ ให้เป็นน้ำธรรมดา เรื่องเล็ก สำหรับท่าน แต่ที่กิน ทำลายพระศาสนา พวกนี้ไม่รวม อยู่ในหัวข้อที่ผมพูด ในสิ่งดีๆนะครับผม หลวงพ่อเครือบ วัดหนองกระดี่ ท่านชอบเหล้า ตอนมีชีวิตอยู่ ท่านมรณะไปนานแล้ว ผมไม่รู้ประวัติแน่ชัดพูด เดี๋ยวเข้าตัว ปาบเปล่าๆครับมันเกินกำลังของเราจะเข้าใจครับ

    แต่ที่แน่ๆปัจจุบัน ใครบนอะไร ต้องบนด้วยเหล้า กับมะขามเปียก ๑ กำมือ คนส่วนใหญ๋ จะสำฤทธิ์ผลได้ผล แล้วไปแก้บนที่วัด หนองกระดี่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานีครับ ที่เจ้าของกระทู้ว่ามา ในการปฏิบัติของท่าน ถือว่าสุดยอด เลยครับ จะมีสักกี่คน หรือ นักบวช บางคน จะทำได้เท่าท่านหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบที่คุณเจ้าของกระทู้ ว่ามา ใครพูด หรือพิม อะไรไป ควรขอขมานะครับ มันจะปิดกั้น ความดีของเรา ที่พิมนี้ ผมอ่านของคนอื่นนิดหน่อยเอง แต่ผมอ่านจบ ของต้นกระทู้ ก็พอรู้จริยาได้ครับ


    ผมว่าไม่ผิดศิลเลย ท่านกินเพื่อ ร่างกาย รักษาโรค พระพุทธองค์ ยังทรงอนุญาติ ให้ภิกษุฉันได้ ไม่ทราบพวกที่พิมมานี้ ว่าท่านน่ะ ศึกษามาหรือ ทำความเข้าใจ ให้ถูก ต้องหรือเปล่า แค่คำพูด ของท่านมันก็ได้ใจ กินใจผมแล้วครับ ไม่ใช่ พวก ถือสาก ปากถือศิล บอกรักษาศิล แล้วไม่เอาไปปฏิบัติ เลย ยิ่งกว่าควายกินหญ้า เสียอีกนะ ผมไม่รู้จัก ท่านเจ้าของกระทู้ หรือท่านผู้เฒ่าผู้นั้นเลย แต่เคารพ สิทธิ ซึ่งกันและกัน และเคารพ ในสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ และไม่ทำอะไร ให้ใครเดือดร้อน คนมีบารมีต้น อย่างดีให้ทานกับ รักษาศิลบ้างเป็นบางครั้ง บารมีกลาง ชอบสวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิกรรมฐานครับ แล้วคนที่ไม่เคยเจริญสมาธิกรรมฐานเลย จะอยู่ในชั้นไหนล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2013
  4. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    เราได้รู้ความจริง อีกอย่างที่ว่า

    บางคนดื่มสุราเพราะต้องการ เข้าหา สังคม
    บางคนดื่มสุราเพราะต้องการ หนีจาก สังคม

    เพราะฉะนััน ตรงกลางๆ คือ รับรู้ตามความเป็นจริง ไม่เข้าหา และไม่หนีออกมา
    เหมือนระบบประสาท ปล่อยให้การรับรู้ เป็นไปตามจริง ไม่คิดเพิ่ม ไม่ปรุง ไม่แต่งรสชาติตามที่ใจคิด ปล่อยให้ระบบประสาททำงานตามปกติ ตามหน้าที่ของมัน ตามวิบากกรรมของมัน ทำสิ่งใดไว้ ก็ควรจะได้รับสิ่งนั้นนั่นเอง (หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีกฏแห่งกรรมคงหนีไม่พ้นแน่)

    ร่างกายเรา ตอนนี้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น เราเริ่มรับรู้ตัวได้เกือบตลอดเวลา ตอนที่ร่างกายเกร็ง เรารู้วิธีการผ่อนคลายแล้ว

    อารมณ์ที่หงุดหงิดบ่อย เริ่มปรับตัวดีขึ้น เหมือนรถติดแยกไฟแดง แยกไหนติดก่อนแยกนั้นก็ได้รับการตอบสนองให้ได้ไฟเขียวก่อน บางแยกก็มี ให้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ก็ไม่ติดหรือติดไม่นาน เราว่าการตอบสนองของร่างกาย ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ

    เราพยายามทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่น่าเชื่อ ว่าสามารถช่วยอะไรได้หลายๆ เรื่อง

    เรายอมรับว่า สบายใจขึ้นเยอะ
    เห็นก็เห็นเท่าที่เห็น ได้ยินก็ได้ยินเท่าที่ได้ยิน ฯลฯ

    ใช่ไหมท่าน

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. aapinyah

    aapinyah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2012
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +160
    สาธุ.....................
     
  6. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    เราพยายามรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเราตลอดเวลา เริ่มเรียนรู้วิธีแก้ถ้าเริ่มดิ่ง โดยการกระพริบตาก็ช่วยกระตุ้นการดิ่งแช่่นิ่งกลับคืนมาได้ หรือบางทีถ้าฟุ้งซ่าน เราก็สมมติว่ากำลังมองตัวเองในกระจกก็ช่วยได้เหมือนกันนะ

    เราเป็นสุขกับใจตัวเอง โปร่ง โล่ง เบา กายก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น

    เราเริ่มกลับไปทำสมาธิตอนนอนอีกครั้ง ความฟุ้งซ่านตามมามากมายมหาศาล เราไม่รู้ตัว ตกหลุมกับดักความฟุ้งซ่าน แต่กว่าความรู้สึกจะกลับมาเองก็ใช้เวลาหลายสิบนาทีเหมือนกันน่ะ

    เราว่า (เพิ่งคิดออก) เราลืมคงภาวนา ในระหว่างดูลมหายใจขณะทำสมาธิน่ะ
     
  7. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    รู้แล้วกับคำว่าที่ว่า "อัตตา" คือ ตัวกู ของกู นี่เอง เราเข้าใจแล้วว่า โดยปกติฐานันดรของเรา ไม่ว่า เป็นพี่ หรือ เป็นน้อง หรือ มีสถานะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เพราะว่าคำว่าเราเป็นพี่ เพราะว่าเราเป็นน้อง หรือเพราะว่า เราเป็นอย่างโน้น อย่างนี้ เราควรจะได้สิ่งนั้น สิ่งนี้ สิ่งเหล่านี้สร้างความเป็น อัตตา ให้ใจวนเวียน ให้เกิดภพ เกิดชาติ ได้นี่เอง

    แล้ว อนัตตา นี่ก็คือ การไม่สนใจ ไม่คิดอะไร กับสิ่งเหล่านี้ แม้กระทั่ง ร่างกายเราเอง
    เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม และหมั่นเพียรสร้างแต่ความดี เพื่อตัวเอง และต่ออายุของพระพุทธศาสนา

    การรับรู้สิ่งต่างๆ ได้ และเป็นอย่างไร ก็เป็นวิบากกรรมของมันนั่นล่ะ

    เข้าใจแล้ว

    สาธุ สาธุ สาธุ

    การภาวนาสักคำ ขณะนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ ระงับความฟุ้งซ่านได้ดีเลยล่ะ ท่านครู
    เราเริ่มไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรกับร่างกายเรา จะร้อน จะขนลุก ก็ปล่อยไป อะไรมันจะเกิดก็เกิด ถ้าเจ้ากรรมนายเวรมาทวงอะไรของเขาคืน ก็ให้เขาคืนไป ตราบใดที่ยังไม่สิ้นอายุขัย ทำยังไงก็ไม่ตาย ใช่ไหม
     
  8. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ครับ การตายของมนุษย์ ไม่มีคำว่าบังเอิญ เป็นสิ่งที่เขากำหนดมาแล้วทั้งนั้น ยกเว้นพวกที่มีกรรมเข้ามาตัดรอน อาจจะตายก่อนอายุขัย แต่ก็เป็นเหตุเพราะกรรมหนักนั้น ไม่ใช่เพราะความบังเอิญ

    การปล่อย ก็ต้องรู้ก่อนปล่อยด้วยนะครับ หากจิตนิ่งว่าง ปล่อยทุกอย่างโดยไม่สนใจ ไม่รับรู้ อันนั้น ก็คือ จิตมันเผลอลงไป

    แท้ที่สุดแล้ว ก็คือ อยู่กับ รู้ รู้ทุกอย่าง แต่ไม่ติดข้องในอะไรสักอย่าง
    เกิดอะไรขึ้น รู้ทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดไม่รู้ แต่รู้แล้วไม่ทุกข์ร้อน ไม่วิ่งตามไปกับมัน

    จะเดินทางไปถึงขั้นอยู่กับรู้ ไม่ต้องใช้ความพยายามเพียร ให้มันเคร่งเครียด แต่อาศัย ฝึกรู้ตัว ไปเรื่อยๆ แล้วมันจะพัฒนาของมันไปเองครับ

    ปฏิบัติได้ถูกทาง จะพบว่า ความทุกข์นั้นน้อยลงเรื่อยๆ และ เรามีสติ รับรู้ทุกอย่าง ชัดเจนขึ้น เรามีสติอยู่กับตัวเราได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่หลงไปกับอารมณ์ใดๆ สิ่งใดมากระทบ แทนที่เราจะหลงคิดไปต่างๆ นาๆ เหมือนเมื่อก่อน แล้วก็เกิดความ ชอบ ไม่ชอบ ขึ้นมา ปัจจุบัน เราจะเปลี่ยนไปเป็น รับรู้ ว่ามีสิ่งใดมากระทบเรา แต่รู้แล้ว จิตมันจะเฉยๆ ไม่วิ่งตามมันไป ไม่แกว่งไปตามทุกข์ และ สุข ที่มันปรุงขึ้นมา เราจะไม่เฉื่อยชาต่อโลก แต่เราก็ไม่ติดในโลก ครับ
     
  9. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155

    พอเราเห็นประโยคนี้ของท่านครูนะ "หากจิตนิ่งว่าง ปล่อยทุกอย่างโดยไม่สนใจ ไม่รับรู้ อันนั้น ก็คือ จิตมันเผลอลงไป"
    เรารู้เลยว่า เราสอบตก
    ใช่น่ะ ในความคิดเรา คือ ไม่สนใจ = ไม่รับรู้
    แต่จริง ๆ แล้ว มันไม่เท่ากันเลย

    การรับรู้ คือ การไม่ติดข้องในอะไร ที่มากระทบเรา ไม่วิ่งตามมัน (ความหมายใกล้เคียงกับ การไม่รับรู้ มากเลย ต้องคิดดีๆ เนอะ-- สมองเราช้าไปหน่อย คิดไม่ค่อยได้น่ะ)

    แต่ถ้าเราเกิดความรู้สึกบางอย่างกับร่างกายเรา ขณะทำสมาธิหรือสวดมนต์ เราควรสนใจด้วยหรือเปล่า เช่น ร้อน หนาว หรือแค่รับรู้ แล้วก็ปล่อยไป หรือว่าไม่ต้องสนใจเลย

    ภาพบางภาพ โผล่ขึ้นมาตอนทำสมาธิ เราเรียกว่า นิมิต หรือเปล่า หรือ เป็นแค่เรานึกเอาเอง แล้วรับรู้เอาไว้ หรือ ปล่อยไปเลย
     
  10. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    ขออีกคำถาม

    "โยนิโสมนสิการ" คือ การกระทำไว้ในใจ อย่างแยบคาย
    อย่างแยบคาย ความหมายคืออะไร หนอ
     
  11. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เราก็เข้ารับการสัมภาษณ์อีก คราวนี้เราควบคุมการรับรู้ได้บ้างแล้ว
    ไม่รู้สึกตึ่นเต้น หรือประหม่า อีกแล้ว ประสาททุกอย่างรับรู้ได้หมด

    หลังจากเข้ารับการสัมภาษณ์ เราสามารถเล่าให้คนฟังได้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เรากลับลืมได้หมดทุกอย่าง จำคำถามไม่ได้เลย แม้กระทั่งหน้าคนสัมภาษณ์ก็จำไม่ได้ (ปกติเราก็จำหน้าคนไม่ได้อยู่แล้วน่ะ)
     
  12. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกตัวได้เร็วขึ้น และพยายามจะควบคุมตัวเองให้ได้ เรารู้ว่าหากเรานั่งอยู่นิ่งๆ เราจะเริ่มเพลินและดิ่งอีก เราก็จะแก้โดยการกระพริบตาถี่ๆ ถ้าเรารู้สึกตัว แต่ถ้าเราไม่รู้สึกตัวก็ต้องรอกลับมาเอง

    ในขณะขับรถปกติเราไม่ชอบฟังวิทยุหรือเพลง หรือคุยกับใครในรถ เพราะเราไม่ชอบและหงุดหงิด แต่ตอนนี้ประสาทหูเราเริ่มรับ ฟังคนอื่นคุยในรถได้บ้างแล้วแต่ยังไม่ชอบคุยหรือฟังอะไร ยอบรับว่าดิ่งบ้าง เพราะรู้ตัวอีกทีฝ่าไฟแดงไปแล้ว แต่โชคดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    เราต้องพยายามมากกว่านี้

    เราเบื่อตัวเองมาก และเครียดด้วยในบางครั้ง
    แต่บางทีก็สนุกกับการเดิน เพราะรับรู้การเคลื่อนไหวของขา เหมือนกับการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ (ก็หุ่นยนต์เลียนเรานี่)
     
  13. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    เราได้เข้าสัมมนา เรารู้สึกตัวว่า หูได้ยินเสียงต่างๆ ในระยะแรก แต่พอสักพักประสาทหูเริ่มปิดการรับรู้ แต่ยังได้ยินเสียงอยู่เหมือนเป็นเสียงที่น่ารำคาญ ฟังเริ่มไม่ได้ศัพท์แล้ว และเราก็รู้สึกตัวว่ากำลังแช่นิ่งและดิ่ง เราเลยกระพริบตาแล้วสลัดหัว เริ่มฟังใหม่คราวนี้ได้ยินเสียงทุกเสียง การรับรู้เริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง

    เรายังหงุดหงิดในวงสนทนาอยู่ เราเริ่มรู้สึกตัวและพยายามไม่ให้หงุดหงิดเพราะการรำคาญของตัวเอง

    ประสาทการรับรู้ต่อสังคมเริ่มดีขึ้น แต่ถ้าเรานั่งนิ่งๆ รู้สึกว่าเริ่มแช่นิ่งและดิ่งอีกทีเพราะบางสถานการณ์เราไม่สามารถเดินไปโน่น ไปนี่ได้ หรือ พูดคุยได้ ทำให้เราดิ่งเรื่อยๆ ...

    เราจะพยายาม สิ่งที่เรากังวลตอนนี้คือ การขับรถ เราเลยต้องหาอุบายหลอกตัวเองโดยการภาวนาบทแผ่เมตตาแทน โดยให้ปากขยับ แล้วรับรู้ที่ปากแทน ดีไหมนี่
     
  14. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กลับมาแล้วครับ ขอจัดการเรื่องกิจธุระทั่วไปก่อน แล้วจะทยอยตอบครับ
     
  15. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่เป็นไรท่านครู ตามสบายนะ ว่างๆ ค่อยเข้ามาตอบก็ได้อ่ะ :d

    เราจะพยายามรายงานน่ะ เราอยากมีความก้าวหน้าและซาบซึ้งในรสพระธรรมให้มากก่ว่านี้ ก่อนที่จะหมดลมหายใจ เรามีความรู้สึกว่าอายุเราไม่ยืนหรอก

    ช่วงนี้นะ เราเบื่อตัวเราเองมากๆ เพราะอยากโน่น นี่ไปหมด ถ้าตอบสนองแล้ว ก็ไม่ได้ว่ามีความสุขมากขึ้นสักเท่าไหร่ ก็ถามตัวเองว่า แล้วไงต่อ ก็ไม่ได้รับคำตอบ บางทีก็แกล้งตัวเองไม่ตอบสนองงั้นๆ แหละ ใจก็รน แล้วก็หยุดเอง แล้วก็ถามตัวเองเหมือนเดิม แล้วไงต่อ ก็ไม่ได้รับคำตอบ ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ

    เราว่าเราเริ่มรู้สึกตัวดีขึ้น ไม่ฝ่าไฟแดงอีกแล้ว แต่ยังติดเรื่องเบรค ช้าไปนิด แต่ยังหยุดสนิททัน เปลี่ยนงานกลับไปเข้าออฟฟิตตามเดิม ดีไหม ก็คงเหมือนเดิม คงจะกลับไปสู่สภาวะเดิมๆ ประสาทสัมผัสคงปิดการรับรู้ ทำไมไม่เห็นมีอะไรจรรโลงใจเลย

    อยากฝึกโน่น ฝึกนี่ ก็แค่อยาก ไม่ได้ต้องการจริงๆ
    ตัวเราเอง เราก็ยังไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร นอกจากความสุขใจ ก็ยังไม่พบมีแค่ความสงบแต่ก็ยังน่าเบื่ออยู่ดี

    ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้หนอ นี่หนอ
     
  16. Nagar

    Nagar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +155
    เรารู้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
    เรากำลังเห็น วงเวียนของตัวเอง ที่กำลังจะเข้าไปอีก เราไม่สามารถจะหลุดไปได้

    ใจเรากำลังพยายามและดิ้นรนที่จะหนีจากสังคมที่วุ่นวาย เพื่อเข้าป่า ซึ่งวามจริงยังทำไม่ได้

    เรากำลังเรียนรู้ กับคำปริศนาของท่าน ที่ว่า
    "รับรู้ แล้วปล่อย แล้ววาง " เป็นคำที่ง่ายมากกกก แต่เราทำไม่ได้ ไม่เคยได้เลย

    ในความคิดของเรา การไม่สนใจ คือ การไม่รับรู้ เมื่อไม่รับรู้ ก็ไม่มีการยึดติดใดๆ
    แต่สัจจธรรมคือ เราต้องรู้ตามจริง เพื่อท้าทายจิตใจตัวเองว่า ปล่อย และ วาง ได้หรือไม่

    เราทำไม่ได้ เราตกหลุมดักของมาร เราสอบตก ครั้งแล้วครั้งเล่า
    เราไม่รู้เลย ว่าการรับรู้ มีขอบเขตแค่ไหน
    แล้วปล่อย วาง กับการรับรู้ที่เกิดขึ้น มันไม่ง่ายเลยยยยยย

    ดูว่า เราจะทำได้แค่ไหน
     

แชร์หน้านี้

Loading...