ข้อความจากต่างมิติ - ข้อมูลเกี่ยวกับมิติต่างๆ และ โลกคู่ขนาน-มิติคู่ขนาน และอื่นๆ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 29 เมษายน 2013.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากชาว Arcturian
    เรื่อง: ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional Love)


    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 21/01/13

    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: ARCTURIAN TRANSMISSIONS--UNCONDITIONAL LOVE

    ตอนที่ 1

    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


    สวัสดีผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย

    พวกคุณบางคนอาจจะได้รับข้อความของพวกเราผ่านทางความฝัน, ในสมาธิ,
    หรือในขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ในกิจกรรมที่สร้างสรรค์บางอย่าง
    ส่วนพวกคุณบางคนก็จะได้รับข้อความของพวกเราอย่างมีสติสัมปชัญญะ

    แต่อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น พวกคุณทุกๆคนก็จะรับรู้ข้อความของพวกเราผ่านทางความรู้สึก
    ซึ่งความรู้สึกที่ว่านี้ มันก็จะเหมือนกับความรู้สึกตอนที่พวกคุณได้ยินเสียงกริ่งโทรศัพท์
    หรือเหมือนกับความรู้สึกตอนที่พวกคุณเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วพบว่ามันมีข้อความ
    ส่งมาถึงพวกคุณ รอคอยให้พวกคุณเปิดอ่านอยู่ อะไรแบบนั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม แทนที่พวกคุณจะรับโทรศัพท์ หรือ เปิด e-mail ขึ้นมาอ่าน
    พวกคุณก็จะเข้าถึงข้อความนี้โดย

    1). เก็บมันเอาไว้ในหัวใจชั้นสูงของพวกคุณ (your High Heart – ซึ่งก็คือจุดกึ่งกลางทรวงอก
    ระดับเดียวกับหัวใจ หรือจักระที่ 4 นั่นเอง – ผู้แปล)

    2). เข้าสมาธิ เพื่อขยายความตระหนักรู้ของตัวเองออกไป สู่ระดับคลื่นความถี่
    ที่พวกคุณจะสามารถแปลภาษาแห่งแสงสว่างของพวกเรา ให้ออกมาเป็นภาษาของโลก
    ในมิติที่ 3 ของพวกคุณเองได้ และ/หรือ ให้ออกมาเป็นการแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ต่างๆได้

    มันมีคำถามมากมาย ที่ถามพวกเรามาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งเพื่อที่จะตอบคำถามเหล่านี้
    พวกเราอยากจะแนะนำว่า ขอให้พวกคุณสบายใจได้ จงอย่าเครียด และจงอย่าวิตกกังวล
    เกี่ยวกับสิ่งที่ผู้อื่นจะทำเลย เพราะว่ามันยังคงมีมนุษย์โลกอยู่อีกมากมาย ที่ยังคงยึดติดอยู่
    กับชีวิตในมิติที่ 3 นี้มากจนเกินไป เกินกว่าที่จะมาร่วมเป็นผู้ริเริ่มสร้างโลกใหม่กับพวกคุณได้
    แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนเหล่านี้ ก็จะต้องเลือกทางใดทางหนึ่งว่า จะยอม “ตื่นขึ้น”
    หรือจะเข้าไปอยู่ในโลกแห่งมายาการโลกอื่นต่อไป

    พวกคุณ ผู้อันเป็นที่รักของพวกเรา คือผู้บุกเบิกโลกแห่งความเป็นจริงโลกใหม่
    ที่มีระดับคลื่นความถี่ของความตระหนักรู้/จิตสำนึกสูงกว่าเดิม

    และสิ่งจำเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่จะทำให้สามารถ
    เข้าไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงโลกใหม่นี้ได้ก็คือ
    การขยายความตระหนักรู้/จิตสำนึกของพวกคุณเอง
    ให้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับ
    ระดับคลื่นความถี่ที่สูงกว่าของมันให้ได้ เท่านั่นเอง

    มายาการแห่งความเป็นรูปธรรมชีวิต ที่ถูกสร้างขึ้นจากสสารที่มีความหนาแน่นทึบตัน
    ของโลกใบนี้ ของพวกคุณ กำลังจะมาถึงบทสรุปของมันแล้ว
    แต่ว่า..ก็มีเพียงชาวโลกที่สามารถขยายความตระหนักรู้ของตัวเอง ให้มีระดับคลื่นความสั่นสะเทือน
    ของมิติที่ 4 และ 5 ได้แล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถรับรู้ถึงความจริงข้อนี้ได้

    พวกคุณ เหล่าผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลายของพวกเรา
    รู้อยู่แล้วว่า พวกคุณไม่ใช่ร่างกายที่ทำจากเนื้อหนังอันนี้ และพวกคุณก็รู้อยู่แล้วว่า
    อันที่จริงแล้ว พวกคุณแค่กำลัง “สวมใส่” ร่างกายเนื้อนี้อยู่เท่านั้นเอง

    ยิ่งไปกว่านั้น พวกคุณก็ยังรู้อีกว่า “เปลือก” ที่พวกคุณกำลังอาศัยอยู่ข้างในนี้
    กำลังแน่นคับและมีข้อจำกัดมากขึ้น จนเกินจะทนแล้ว

    แต่โชคดีที่..พวกคุณก็เหมือนกับปูเสฉวน ที่กำลังพากันมองหาเปลือกอันใหม่
    ให้กับ “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้หลากมิติ” ของตัวเองอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม
    พวกคุณก็มีข้อแตกต่างจากปูเสฉวนตรงที่ว่า ปูเสฉวน มันจะไปขโมยบ้านใหม่ของมันมาจากผู้อื่น
    แต่ว่าพวกคุณ มีความสามารถในการสร้างสรรค์ร่างกายของตัวเองขึ้นมาใหม่ได้

    กระบวนการแห่งการสร้างสรรค์ร่างกายใหม่ที่ว่านี้
    จะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับกระบวนการสร้างสรรค์โลกใหม่


    แต่ว่า คำว่า “กระบวนการสร้างสรรค์โลกใหม่” หรือแม้แต่คำว่า “กระบวนการสร้างสรรค์ร่างกายใหม่”
    ของพวกคุณ ก็ยังไม่ใช่คำศัพท์ที่ถูกต้องนักซะทีเดียว เพราะว่า พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องไปสร้าง
    สิ่งที่มีอยู่แล้วขึ้นมาใหม่แต่อย่างใดเลย เพียงแต่ว่า พวกคุณจะต้องขยายการรับรู้ของพวกคุณออกไป
    ให้เข้าไปอยู่ในคลื่นความถี่ที่ร่างกายใหม่ของพวกคุณ และโลกใหม่ของพวกคุณ
    กำลังดำรงอยู่แล้วอย่างเป็นนิรันดร์ เท่านั้นเอง

    เพราะว่าพวกคุณก็คือรูปธรรมชีวิตหลากมิติเสมอมา
    และพวกคุณก็มีตัวตนอยู่ในหลากหลายโลกแห่งความเป็นจริงอยู่แล้ว
    นั่นคือ ในความเป็นจริงแล้ว พวกคุณคือรูปธรรมชีวิตหลากมิติ
    ที่กำลังดำรงชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลาย
    พร้อมๆกันหมด ในเวลาเดียวกัน
    ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงแต่ละโลกที่ว่านี้
    ก็จะมีตัวตนของพวกคุณเองอาศัยอยู่หลายตัวตนด้วย

    ในตอนแรกที่พวกคุณลงมาเกิดในร่างกายเนื้อ บนโลกมนุษย์ ในมิติที่ 3 นี้นั้น
    กระแสความคิดที่มีข้อจำกัด และคลื่นแห่งอารมณ์ความรู้สึกที่ตั้งอยู่บนความกลัว
    ได้ไปรบกวนและทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ของพวกคุณหายไป

    และเพราะว่า การปราศจากความทรงจำอันนี้เอง ซึ่งก็คือความทรงจำเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
    ที่เป็นรูปธรรมชีวิตหลากมิติ จึงทำให้ความตระหนักรู้/จิตสำนึกของพวกคุณถูกจำกัด
    ให้รับรู้อยู่แต่กับเปลือกห่อหุ้มทางกายภาพอันนี้ ที่ห่อหุ้มส่วนประกอบที่มีขนาดเล็กมากๆ
    ของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ที่ขยายตัวแล้ว ของพวกคุณเอาไว้อยู่

    และเพราะว่าโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพของพวกคุณบีบคั้นมากจนเกินไป
    ดังนั้น จึงทำให้ทางเดียวที่พวกคุณจะสามารถจินตนาการถึงตัวตนที่อยู่ในมิติที่สูงๆกว่าของตัวเองได้
    ก็คือผ่านทางเทพเจ้าที่อยู่ภายนอก และอยู่ในสถานที่อันไกลโพ้น ที่พวกคุณจะสามารถไปถึงได้
    ก็ต่อเมื่อพวกคุณตายแล้วเท่านั้น

    ยังมีมนุษย์โลกอีกมากมาย ที่ยังคงมีความเชื่อในเรื่องที่ว่านี้อยู่ และพวกเขาก็จะค่อนข้างโกรธ
    ถ้าพวกคุณพยายามที่จะไปรบกวนระบบความคิดอันนั้นของพวกเขา ดังนั้น พวกเราจึงขอแนะนำว่า
    จงปล่อยให้มนุษย์พวกนั้นตื่นรู้ขึ้นมาเอง ตามสเต็ปการก้าวย่างของพวกเขาเองเถิด
    เพราะว่ามันจะได้ไม่ทำให้พวกเขาเกิดความกลัวขึ้นมา

    และยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็อยากจะขอแนะนำอีกว่า จงเป็น “รูปธรรมชีวิตชั้นสูง”
    อย่างที่พวกคุณเป็นกันจริงๆอยู่แล้วเถิด และจงส่งกระแสความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ออกไปให้พวกเขาด้วย แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินชี้ถูกผิดพวกคุณอยู่ก็ตาม

    เพราะว่าถ้าพวกคุณไปตัดสินชี้ถูกผิดพวกเขากลับไปหละก็ ก็เท่ากับว่า
    พวกคุณกำลังลดระดับความสั่นสะเทือนของจิตสำนึกของตัวเองลงอย่างมากเลยทีเดียว

    ที่พวกเราต้องบอกกับพวกคุณเรื่องนี้ก็เพราะว่า การรับมือกับผู้ที่มาตัดสินชี้ถูกผิดความเชื่อของพวกคุณ
    เพียงเพราะว่าพวกเขากลัวการเปลี่ยนแปลงนั้น จะเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกคุณหละ
    ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับปัญหานี้ก็คือ การมองเข้าไปในออร่าของพวกเขาแต่ละคน
    เพื่อดูว่าพวกเขาพร้อมหรือยัง ที่จะยกระดับความตระหนักรู้ของตัวเองขึ้นมา สู่ระดับคลื่นความถี่ที่สูงขึ้น
    ก่อนที่พวกคุณจะไปสื่อสารอะไรกับพวกเขา เกี่ยวกับกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (ascension)

    ถ้าพวกคุณสัมผัสได้ว่า พวกเขายังไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระดับคลื่นความถี่
    ของการสั่นสะเทือนของพวกเขาเอง ก็จงเก็บข้อมูลข่าวสารของพวกคุณเอาไว้กับตัวเองซะก่อน

    แต่ในทางกลับกัน เพราะว่าตอนนี้ “แสงคอสมิก” (the Cosmic Light) กำลังกระตุ้น DNA
    ส่วนที่เป็น 97% ของมนุษย์ทุกคนอยู่ ดังนั้น จึงกำลังมีมนุษย์โลกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    ที่จะสงสัยอย่างมากว่า ทำไมพวกคุณถึงดูมีความสุขเหลือเกิน และอันที่จริงแล้ว
    พวกเขาจะสงสัยว่า ทำไมพวกคุณถึงดูแตกต่างจากพวกเขาเหลือเกิน
    พวกเขาอาจจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณ
    ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแต่ในขอบเขตของร่างกายเนื้อของพวกคุณอีกต่อไปแล้ว
    แต่พวกเขาก็จะมีสัมผัสภายใน รับรู้ได้ว่าพวกคุณมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ
    ที่อยากจะแบ่งปันให้พวกเขาได้รับรู้ด้วยอยู่

    ดังนั้น พวกคุณ เหล่าผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลายของพวกเรา
    จึงกำลังจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลายแล้ว ซึ่งในช่วงแรกๆนั้น
    พวกคุณอาจจะรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริงอันหลากหลายของมิติที่ 3 บนดาวเคราะห์โลกก่อน
    รวมถึงอาจจะรับรู้ถึง "การซ้อนทับอยู่" ของโลกใหม่อีกด้วย พวกคุณอาจจะรับรู้ถึงโลกแห่งความเป็นจริง
    ในเวอร์ชั่นที่ดาวเคราะห์โลกได้เลื่อนระดับขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยก็ได้
    และ/หรือ พวกคุณอาจจะรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมของตัวเอง ในโลกแห่งความเป็นจริง
    ที่พวกคุณกำลังอยู่บนยานอวกาศ หรืออยู่บนโลกที่เป็นบ้านเกิดของพวกคุณเองก็ได้

    พวกคุณหลายคนได้ไปเยือนบนยานอวกาศของพวกเราอยู่บ่อยๆ ในระหว่างที่พวกคุณนอนหลับ
    เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง สำหรับการขึ้นไปเยี่ยมเยือนบนยานอวกาศของพวกเรา
    ในขณะที่มีสติสัมปชัญญะตามปกติ ภายใต้คลื่นความสั่นสะเทือนที่กำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆของโลกใหม่

    ที่พวกเราใช้คำว่า “คลื่นความสั่นสะเทือน
    ที่กำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆของโลกใหม่”
    ก็เพราะว่า โลกใหม่ที่ว่านี้
    มันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงคู่ขนานโลกหนึ่ง
    (a Parallel Reality) ที่แตกแขนงออกมา
    จากโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ
    บนดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ

    ดังนั้น โลกใหม่ที่ว่านี้ มันจึงกำลังเป็นเหมือนลูกนกตัวเล็กๆที่อยู่ในรัง บนต้นไม้ที่สูงมากๆ
    ซึ่งพวกคุณ เหล่าผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นของพวกเราทั้งหลาย ก็ได้ป้อนอาหารให้กับมัน
    และได้ฟูมฟักเลี้ยงดูมัน มาซักระยะหนึ่งแล้ว ด้วยความคิดที่อยากจะสร้างสรรค์โลกใหม่
    ขึ้นมาสักโลกหนึ่งของพวกคุณ และด้วยพลังแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของพวกคุณ
    ที่กำลังขยายตัวมากขึ้นอยู่ตลอดเวลานี้

    ดังนั้นในตอนนี้ พวกคุณซึ่งเป็นเหมือนพ่อแม่ผู้ที่มีความภาคภูมิใจ จึงกำลังเฝ้าสังเกตการณ์
    ดูลูกนกตัวน้อยของพวกคุณอยู่ ที่มันกำลังยืนอยู่บนขอบรัง และกระพือปีกน้อยๆของมัน
    เพื่อเตรียมตัวที่จะโผบินขึ้นมาจากรังแล้ว

    และเมื่อใดที่นกฟินิกซ์ตัวน้อยนี้ สามารถกางปีกโผบินขึ้นมาได้แล้ว ยุคใหม่ก็จะอุบัติขึ้น
    และพวกคุณผู้เป็นที่รักของพวกเราทั้งหลาย ก็จะกลายเป็นผู้ดูแลวิถีชีวิตอันใหม่นี้
    ดังนั้น พวกคุณหลายคนจึงได้เข้ามาสู่โลกแห่งมิติที่ 3 อันเจ็บปวดนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่า
    เพื่อที่จะมา พยายามกุยทางเอาไว้ให้กับช่วงเวลาในขณะนี้ ซึ่งบางครั้งพวกคุณก็ทำได้สำเร็จในเวลาอันสั้น
    แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกคุณมักจะพบว่า ความพยายามที่จะช่วยเหลือไกอาของพวกคุณ
    ต้องประสบกับความล้มเหลวอย่างน่าหดหู่

    แต่ที่รักทั้งหลาย พวกเราอยากจะบอกพวกคุณว่า ถึงแม้ว่าความพยายามของพวกคุณ
    อาจจะไม่สามารถกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของไกอาได้ก็ตาม แต่ความตั้งใจอันดีงามของพวกคุณ
    ก็ได้ถูกเก็บเอาไว้ในสนามพลังออร่าที่อยู่ในมิติที่ 4 ของเธอเรียบร้อยแล้ว

    และด้วยเหตุนี้ ไกอาจึงสามารถรับเอาของขวัญอันยิ่งใหญ่จากการเสียสละด้วยความรักของพวกคุณได้
    เมื่อตอนที่ ในที่สุดแล้ว เธอก็สามารถขยายระดับความสั่นสะเทือนของตัวเธอเอง
    ให้เข้าไปสู่มิติที่สูงขึ้น ซึ่งก็คือสนามพลังออร่าที่อยู่ในมิติที่ 4 ของเธอเองได้

    เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกๆของขวัญแห่งความรักที่พวกคุณหลายคน ได้เสียสละชีวิตของตัวเอง
    เพื่อปลูกฝังเอาไว้ในสนามพลังงานออร่าของไกอานั้น ในตอนนี้มันได้ถูกเก็บรวบรวมเอาไว้แล้ว
    และก็กำลังมีส่วนช่วยเหลือในกระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของเธอเป็นอย่างมากด้วย

    ดังนั้น ผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นที่รักทั้งหลาย พวกเราจึงอยากจะขอร้องพวกคุณว่า
    จงชำระสะสางสนามพลังงานออร่าที่อยู่ในมิติที่ 4 ของพวกคุณเองเสีย
    ให้ปราศจากสิ่งที่พวกคุณเข้าใจว่า มันคือความล้มเหลวเสีย ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับ
    ความตระหนักรู้/จิตสำนึกของตัวคุณเอง ที่อยู่บนดาวเคราะห์โลกใบนี้ให้สูงขึ้น


    สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรพืช, อาณาจักรสัตว์ และอาณาจักรแร่ธาตุทั้งหมด
    ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ได้ถูกเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว เพื่อให้พวกมัน
    จดจ่อความตระหนักรู้หลักของพวกมัน ไปที่โลกใหม่ ที่กำลังค่อยๆอุบัติขึ้นอยู่นี้

    และนอกจากนี้ มันก็ยังมีมนุษย์โลกจำนวนมากมาย มากกว่าที่พวกคุณคิดเอาไว้ซะอีก
    ที่กำลังค้นหาโลกแห่งความเป็นจริงโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิมอยู่ และที่กำลังรู้สึกถึงการตื่นรู้
    ที่มีอยู่ในหัวใจของพวกเขาเองอยู่ในตอนนี้

    และถึงแม้ว่างานของไกอาจะทำมานานแล้ว และจะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม

    แต่ว่า..ยิ่งมีพวกคุณ ผู้ซึ่งกำลังเลื่อนระดับขึ้น จำนวนมากขึ้นเท่าไหร่
    ที่สามารถรักษาระดับความสั่นสะเทือนของตัวเอง
    ให้อยู่ในระดับของมิติที่ 5 ได้นานมากเท่าไหร่
    ก็จะยิ่งช่วยไกอา ให้สามารถจำลองตัวเธอเอง
    ให้เข้าไปอยู่ในตัวตนที่สูงส่งกว่าของเธอได้มากขึ้นเท่านั้นด้วย

    ................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความสื่อสารจากชาว Arcturian
    เรื่อง: ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional Love)


    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 21/01/13

    ที่มา:
    http://suzanneliephd.blogspot.com/2013/01/arcturian-transmissions-unconditional.html

    ตอนที่ 2


    การที่พวกคุณแต่ละคน ช่วยกันส่ง “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” เข้าไปในชีวิตประจำวันของตัวเอง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อส่งเข้าไปในชีวิตประจำวัน ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ในมิติที่ 3 นี้ของตัวเองด้วยแล้ว
    ก็จะสามารถช่วยเหลือไกอาได้เป็นอย่างมาก มากกว่าที่พวกคุณจะจินตนาการได้ซะอีก

    และด้วยการทำเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังให้ความช่วยเหลือ
    ผู้ที่ยังยึดติดอยู่กับอารมณ์ความรู้สึกที่มีพื้นฐานมาจากความกลัว
    และก็กำลังให้ความช่วยเหลือผู้ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ชีวิตของพวกเขาเองอยู่ด้วย ในเวลาเดียวกัน

    เพราะว่าเมื่อใดที่พวกคุณพยายามขยายจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณออกไป
    พวกเขาก็จะพบกับสนามพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่พวกคุณสร้างขึ้นมาอันนั้น

    ซึ่งอันที่จริงแล้ว ด้วยการสร้างสนามพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขขึ้นมา
    ในชีวิตประจำวันของพวกคุณเท่านั้น ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังสร้างโลกใหม่อยู่แล้วหละ


    “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” (Unconditional Love)
    คือแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงทุกๆโลก


    เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อใดก็ตามที่สนามพลังออร่าของพวกคุณ
    เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขแล้วหละก็
    แรงพลังแห่งความรักอันนี้ ก็จะแผ่ขยายตัวมันเองออกไปอีก
    จนออกนอกขอบเขตของสนามออร่าของพวกคุณ
    เพื่อไปสร้างพันธะกับสนามพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขสนามอื่นๆอีก

    สนามพลังงานเหล่านี้ จะเสาะแสวงหาการรวมตัวกัน
    เพื่อเป็นสนามพลังงานเดียวกัน อยู่ตลอดเวลา
    ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ยิ่งพวกคุณจำนวนมากเท่าไหร่
    ส่งของขวัญแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่ได้มาฟรีๆนี้
    ออกไปสู่สนามพลังออร่าของไกอายิ่งมากเท่าไหร่
    ก็เท่ากับว่าพวกคุณกำลังช่วยกันสร้างเปลือกหุ้ม
    ที่ทำจากพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขให้กับโลกใหม่อยู่
    ซึ่งมันก็จะไปห่อหุ้มโลกใหม่เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบต่อไป

    ซึ่งเปลือกหุ้มโลกใหม่ ที่สร้างขึ้นมาจากพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่ว่านี้
    ก็เปรียบเสมือนกับถุงน้ำคร่ำของโลกใหม่นั่นเอง และก็จะคล้ายๆกับที่ “ถุงน้ำคร่ำ”
    จะทำหน้าที่ปกป้อง และป้อนอาหาร ให้กับทารกที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์
    เปลือกหุ้มที่สร้างขึ้นจากพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนี้ก็เช่นเดียวกัน
    ก็จะทำหน้าที่ปกป้อง และป้อนอาหารให้กับโลกใหม่ที่ยังเป็นทารกอยู่นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

    ดังนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้น อันเป็นที่รักของพวกเราทั้งหลาย
    ถ้าสิ่งเดียวที่พวกคุณทำก็คือ การหายใจเอา “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” ออกมาสู่โลกของพวกคุณ
    พวกคุณก็สามารถที่จะช่วยนำพาให้เกิดโลกใหม่ขึ้นมาได้อย่างมากมายแล้วหละ

    แต่จงจำไว้ว่าความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ก็คือ ความรักแบบที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น


    ดังนั้น ไม่ว่าจะมีใคร, สถานที่ใด, หรือสถานการณ์ใดก็ตาม ที่ทำให้พวกคุณโกรธ หรือกลัว หรือเสียใจ
    ก็จงส่ง “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” ออกไปให้พวกเขาแบบฟรีๆเสมอ

    ซึ่งการมอบของขวัญชิ้นนี้ออกไป ไม่ใช่เพราะว่าพวกคุณยอมแพ้
    แต่เพราะว่า เมื่อใดที่พวกคุณส่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขออกไปแล้ว
    ก็เท่ากับว่าพวกคุณได้เพิ่มพลังให้กับตัวเองอย่างมากด้วย
    เพราะว่าพวกคุณจะไปเพิ่มพลังให้กับธรรมชาติส่วนที่อยู่ในมิติที่ 5 ของพวกคุณเอง


    อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความกลัวทั้งหลาย จะไปส่งสัญญาณให้ระบบร่างกายของพวกคุณ
    หลั่งอะดรีนาลีน (adrenalin) ออกมา และจะไหลเวียนไปทั่วระบบร่างกายของพวกคุณ
    ซึ่งจะส่งผลให้จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ ตกต่ำลงมาสู่ระดับของจิตสำนึกส่วนที่เป็น “สัตว์”
    ของร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง

    แต่ในทางกลับกัน เมื่อใดที่พวกคุณกำลังมีประสบการณ์กับความรักแบบไม่มีเงื่อนไขอยู่
    ต่อมไพเนียล (pineal grand) ของพวกคุณ ก็จะหลั่งสาร DMT ออกมาสู่ระบบร่างกายของพวกคุณ
    ซึ่งจะส่งผลให้พวกคุณเกิดความรู้สึก “ปิติสุข” และ “เคลิบเคลิ้มเป็นสุข”

    ในตอนแรก พวกคุณอาจจะไม่มีสติรับรู้ถึงความรู้สึกเป็นสุขแบบที่ว่านี้ก็ได้
    เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่อันหนึ่ง

    ร่างกายเนื้อของพวกคุณถูกโหมกระหน่ำด้วยความรู้สึก ทั้งจากภายในและภายนอก
    จำนวนนับล้านๆความรู้สึก อยู่ตลอดเวลา ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะไหลผ่านตัวกรองที่อยู่ในสมองของพวกคุณ
    ที่รู้จักกันในนามของสมองส่วน reticular formation ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่
    คัดเลือกและกลั่นกรองความรู้สึกต่างๆ ว่าความรู้สึกใดบ้างที่ควรจะถูกส่งเข้าไปให้กับ
    “จิตสำนึก” (conscious mind) ได้รับรู้ และความรู้สึกใดบ้างที่ควรจะถูกเก็บเอาไว้
    ในส่วนของ “จิตใต้สำนึก” (Sub-conscious mind)

    ความรู้สึกต่างๆที่กระตุ้นการหลั่งอะดรีนาลีน จะถูกส่งไปที่จิตสำนึกของพวกคุณอย่างรวดเร็ว
    เพราะว่าพวกมันเป็นอารมณ์ความรู้สึกเพื่อการเอาชีวิตรอด เพราะว่า พวกคุณสามารถที่จะเพิกเฉย
    ต่อความรู้สึก “ปิติสุข” ได้ โดยที่จะยังคงสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ตามปกติ
    แต่ว่า ถ้าพวกคุณเพิกเฉยต่อความรู้สึก “กลัว” แล้วหละก็ พวกคุณก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ
    หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้

    เพราะว่า “ระบบปฏิบัติการของมิติที่ 3” ของส่วนที่เป็น 3% ของ DNA ของพวกคุณ
    และของสมองส่วนที่เป็นราวๆ 5% ของพวกคุณนั้น จะปฏิบัติการอยู่บนพื้นฐานของ
    “การเอาชีวิตรอด” ไม่ใช่อยู่บนพื้นฐานของการมีความสุข หรือ การพัฒนาจิตใจ

    แต่โชคยังดีที่ ส่วนที่เป็น 97% ของ DNA ของพวกคุณ
    จะถูกกระตุ้นให้เกิดการทำงานได้ ก็ด้วย
    “แสงคอสมิก” (Cosmic Light) จากมิติที่สูงๆกว่าเท่านั้น

    ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณสามารถเปลี่ยนไปใช้ “ระบบปฏิบัติการแบบหลากมิติ” ของตัวเองได้แล้ว
    ก็จะส่งผลให้พวกคุณสามารถใช้สมองทั้งหมด ทุกๆส่วน ในการคิดได้ (whole brain thinking)
    ซึ่งการใช้สมองทุกๆส่วนในการคิดนี้ ก็คือความสามารถในการใช้งานสมอง “ชีวคอมพิวเตอร์”
    ของพวกคุณเอง ได้ทั้งหมด ทั้ง 100% เต็มนั่นเอง

    ส่วนที่เป็น 3% ของ DNA ของพวกคุณ จะเป็นส่วนของ “ระบบปฏิบัติการในมิติที่ 3”
    (Third Dimensional Operating System) ของพวกคุณ ซึ่งจะปฏิบัติการอยู่บนพื้นฐานของ
    “การมีชีวิตรอด” ของเผ่าพันธุ์ของพวกคุณ แต่ส่วนที่เป็น 97% ของ DNA ของพวกคุณนั้น
    จะเป็นส่วนของ “ระบบปฏิบัติการหลากมิติ” (Multidimensional Operating System) ของพวกคุณ
    ซึ่งจะปฏิบัติการอยู่บนพื้นฐานของ “การเลื่อนระดับขึ้น” (ascension) เพื่อกลับไปสู่
    ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งก็คือรูปธรรมชีวิตหลากมิตินั่นเอง


    เมื่อสมัยที่โลกของพวกคุณตกลงมาอยู่ในความมืดมิดนั้น พวกคุณถูกรุกรานโดยรูปธรรมชีวิต
    ที่เป็นพวก “ทำเพื่อตัวเอง” (Service-to-Self) กลุ่มหนึ่ง ผู้ที่ปรับแต่ง DNA ของพวกคุณ
    ให้เหลือจิตสำนึกอยู่แต่ในส่วนของการเอาชีวิตรอด ซึ่งก็คือส่วนที่เป็น 3% ของ DNA ของพวกคุณเท่านั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แต่เพียงแสงคอสมิกจากนอกโลกเท่านั้น
    ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของ DNA ส่วนที่เป็น 97% ของพวกคุณขึ้นมาใหม่ได้
    เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกคุณสามารถที่จะมีประสบการณ์กับอารมณ์
    “รักแบบไม่มีเงื่อนไข” ได้ ต่อมไพเนียลของพวกคุณ ก็จะหลั่งสาร DMT ออกมา
    สู่ระบบร่างกายของพวกคุณ และจะไปกระตุ้นการทำงานของส่วนที่เป็น 97%
    ของ DNA ของพวกคุณขึ้นมาได้ด้วยเหมือนกัน แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม


    และเพราะว่าความรักแบบไม่มีเงื่อนไข สามารถที่จะไปกระตุ้น
    กระบวนการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณได้นี่เอง
    ศาสนาส่วนใหญ่ และหลักสูตรการเรียนการสอนด้านอภิปรัชญาส่วนใหญ่
    จึงส่งเสริมให้มีการรักแบบไม่มีเงื่อนไขขึ้น

    (ปล. ตามความเข้าใจของผม ผมเข้าใจว่า คำว่า “เมตตา”
    ก็คือส่วนย่อยส่วนหนึ่งของคำว่า “รักแบบไม่มีเงื่อนไข” หนะนะครับ – ผู้แปล)

    แน่นอนว่าในช่วงเวลาที่โลกตกลงไปสู่ความมืดมิด นับตั้งแต่การล่มสลาย
    ของอาณาจักรแอตแลนติสเป็นต้นมานั้น แม้แต่พลังอำนาจของความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ก็ได้ถูกจำกัดหรือห้ามเอามาใช้ด้วย และบ่อยครั้งก็ได้นำไปสู่การจับกุม และแม้กระทั่ง
    การประหารชีวิต คน หรือกลุ่มคน ที่ไม่เชื่อฟังกฎข้อบังคับของผู้ปกครองฝ่ายมืด
    ที่ต้องการจะมีอำนาจเหนือผู้อื่นเหล่านั้น ซะด้วยซ้ำไป และในความเป็นจริงแล้ว
    แม้แต่ “เหล่าผู้นำของศาสนาต่างๆ” ก็ยังเคยถูกคุกคามมาแล้วด้วย
    ถ้าไปมีพลังอำนาจแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเข้า

    ดังนั้น มันจึงมีชาวโลกจำนวนมากมายที่กำลังอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ที่ “กลัว” ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    เพราะว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับพวกเขา และเพราะว่าอะไรก็ตามที่ไม่คุ้นเคย
    ก็มักจะก่อให้เกิดความกลัวขึ้นเสมอ

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็อยากจะขอให้พวกคุณ
    ส่งกระแสความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของพวกคุณออกไป
    โดยปราศจาก “เจตจำนง” แบบมิติที่ 3 ใดๆทั้งสิ้น

    ให้ส่งพลังอันยิ่งใหญ่นี้ออกไปแบบฟรีๆ
    ให้มันเป็นพลังงานที่แผ่ซึมออกมาตามธรรมชาติ
    จากจิตสำนึกที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ของพวกคุณเฉยๆแค่นั้น

    มันเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งของผู้ที่อยู่ในมิติที่ 3 อย่างพวกคุณ ที่มักจะมี “เจตจำนง”
    หรือ “ความตั้งใจ” อะไรบางอย่าง เจือปนไปกับสิ่งที่ดูเหมือนว่า เป็นการกระทำของ
    ตัวตนที่สูงส่งกว่า ของพวกคุณเองเสมอ

    ซึ่งแม้แต่การส่งพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขออกไป “เพื่อไปบำบัดรักษา” ผู้อื่นนั้น
    นั่นก็เป็น “เจตจำนง” อย่างหนึ่งด้วย เพราะว่าบางทีคนผู้นั้นอาจจะกำลังเรียนรู้บทเรียน
    ที่สำคัญอะไรบางอย่าง ที่มีความสำคัญยิ่งยวดต่อการเลื่อนระดับขึ้นของเขาหรือเธอเองอยู่ก็ได้

    (ปล.รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติหลายท่าน ได้พูดทำนองนี้มาหลายครั้งแล้วว่า
    บางกรณี ของการเจ็บป่วยของมนุษย์โลกบางคนนั้น ก็เป็นเพราะว่า
    พวกเขาเป็นผู้เลือกมาให้มันเป็นแบบนั้นเอง ตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดแล้ว
    เพื่อที่จะได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญอะไรบางอย่าง สำหรับตัวเขาเอง
    และ/หรือ เพื่อที่จะสอนบทเรียนอะไรบางอย่างให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย - ผู้แปล)


    ยิ่งไปกว่านั้น ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    มันจะค้นหาเป้าหมายสูงสุดของมันเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
    (ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นจะต้องไปกำหนดเป้าหมาย
    หรือ วัตถุประสงค์ใดๆให้กับมัน – ผู้แปล)

    อันที่จริงแล้ว ถ้าเพียงแต่พวกคุณสามารถหายใจเข้าลึกๆซัก 2 – 3 ครั้ง
    เพื่อสูดเอาพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเข้าไป
    โดยให้มันไหลผ่านเข้าไปทางประตูมิติ ที่อยู่ที่ต่อมไพเนียลของพวกคุณ
    แล้วจากนั้นก็สูดมันเข้าไปใน “หัวใจชั้นสูง” ของพวกคุณ (your High Heart –
    ซึ่งก็คือจุดกึ่งกลางทรวงอก ระดับเดียวกับหัวใจ หรือจักระที่ 4 นั่นเอง – ผู้แปล)
    แค่นั้น พวกคุณก็มั่นใจได้แล้วว่าเจตจำนงของพวกคุณจะสะอาดบริสุทธิ์

    นอกจากนี้ การดึงเอาพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเข้าไปทางต่อมไพเนียลนี้
    จะไปช่วยกระตุ้นให้ต่อมไพเนียลหลั่งสาร DMT ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการเลื่อนระดับขึ้น
    ของพวกคุณออกมาด้วย

    จากนั้น เมื่อพวกคุณนำเอาพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขอันนี้
    มาตรึงไว้ที่ High Heart ของพวกคุณ ก็จะทำให้พวกคุณสามารถ “รับ” และ “เข้าใจ”
    ข้อความต่างๆที่อยู่ในรูปของรหัสแห่งแสงสว่างที่มีคลื่นความถี่สูงสุด
    ซึ่งก็คือความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนั่นเอง ที่ถูกส่งลงมาจากมิติที่สูงกว่าได้อย่างเต็มที่

    และเมื่อใดที่พวกคุณได้รับการสื่อสารจากเบื้องบนและได้บันทึกมันเอาไว้แล้ว
    ก็จงปล่อยให้มันผสานรวมเข้ากับลมหายใจของพวกคุณ แล้วจากนั้น ก็หายใจออก
    ให้มันออกไปจาก High Heart ของพวกคุณ เพื่อแบ่งปันพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไขนี้
    ออกไปสู่โลกภายนอก

    ด้วยวิธีการนี้ ใครก็ตามที่มีความพร้อมแล้ว ที่จะสามารถรับข้อความจากมิติที่สูงกว่าอันนี้ได้
    ก็จะหยิบมันขึ้นมาจากเปลือกหุ้มที่สร้างจากพลังงานแห่งความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ที่ห่อหุ้มไกอาอยู่ในขณะนี้ได้จริงๆ

    ผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นที่รักทั้งหลาย จงจำไว้ว่า พวกคุณจะต้องเปิด “ประตูมิติแห่งเอกภพ”
    (Cosmic Portal) ของพวกคุณ ซึ่งก็คือต่อมไพเนียลของพวกคุณ เอาไว้ตลอดเวลา
    เพื่อคอยรับการสื่อสารจากพวกเราที่จะมีมามากขึ้นเรื่อยๆ

    พวกคุณจะได้รับการสื่อสารผ่านทางความรู้สึกถึงความรักแบบไม่มีเงื่อนไข,
    ความรู้สึกปิติสุข, ความรู้สึกมีความสุข, และ/หรือ ความรู้สึกสงบ และ เยือกใจ
    บางครั้ง โดยเฉพาะในขณะที่พวกคุณกำลังยุ่งอยู่กับชีวิตทางโลกของตัวเอง
    พวกคุณก็อาจจะได้รับข้อความเหล่านี้ ผ่านทางความรู้สึก “เหนื่อยล้า” ขึ้นมาอย่างมาก
    และอย่างทันทีทันใดก็ได้

    ที่ร่างกายเนื้อของพวกคุณจะรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าก็เพราะว่า ระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณ
    เพิ่งขยายตัวมากขึ้น อันเนื่องมาจากข้อความของพวกเราที่เพิ่งส่งมาถึงพวกคุณอันนั้น
    ดังนั้น การที่จะต้องรับมือกับทั้งพลังงานที่สูงกว่าของความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    และกับกิจกรรมที่พวกคุณกำลังกระทำอยู่ในมิติที่ 3 อันนั้น จึงทำให้ร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    ใช้ความพยายามมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการเหน็ดเหนื่อยขึ้น

    เพราะฉะนั้น ให้หายใจเข้า-ออกลึกๆยาวๆ และหลับตาลง แล้วปล่อยให้ความปิติสุข
    เข้าไปแทนที่ความเหนื่อยล้าเสีย และถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ขยายช่วงขณะนี้ออกไปให้ยาวนานที่สุด
    เท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการรับข้อความของพวกเราอย่างมีสติสัมปชัญญะ

    ข้อความของพวกเราจะถูกส่งเข้ามาในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    เหนือขอบเขตของช่องว่างและกาลเวลา ดังนั้น ทั้งหมดที่พวกคุณจะต้องทำก็คือ
    รับรู้ว่ามีข้อความจากพวกเรากำลังดาวน์โหลดลงมาให้ แล้วเก็บมันเอาไว้ใน High Heart
    ของพวกคุณเสีย จากนั้น ก็ให้หาเวลาพักผ่อนอยู่ใน High Heart ของพวกคุณ
    ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อดูดซับเอาข้อความสื่อสารจากพวกเรา

    ก่อนที่พวกคุณจะลงมาเกิดในร่างกายเนื้อนี้ พวกคุณทุกๆคนถูกสอนให้รู้เทคนิกนี้มาก่อนแล้ว
    เพื่อให้พวกคุณ ไม่รู้สึกว่าไม่ได้พรากจากครอบครัวที่แท้จริงของตัวเองไปไหนเลย

    ตอนนี้ เมื่อระดับความสั่นสะเทือนของพวกคุณเอง และของดาวเคราะห์โลก
    เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องได้แบบนี้แล้ว พวกคุณทุกๆคนจึงกำลังจะจดจำ
    สิ่งที่ม่านมายาได้ปิดกั้นเอาไว้ ไม่ให้จิตสำนึกของพวกคุณสามารถตระหนักรู้ได้แล้ว

    เพราะฉะนั้นแล้ว ที่รักทั้งหลาย จงยกม่านมายานี้ขึ้นเสีย
    จงเปิดประตูมิติที่อยู่ที่ต่อมไพเนียลของพวกคุณออกมา
    และจงเตรียม High Heart ของพวกคุณเอาไว้ให้พร้อม
    เพื่อรับรู้ และเข้าใจข้อความสื่อสารจากพวกเรา

    พวกเราอยู่กับพวกคุณเสมอ
    จงรับฟังเสียงร้องเรียกจากพวกเราด้วยหัวใจของพวกคุณ


    พวกเราคือชาว Arcturian และคือครอบครัวชาวกาแล็กซี่ของพวกคุณ

    ……………
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2013
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    พอดีเพิ่งโพสต์เสร็จ และเหลือบไปเห็นว่า
    พี่ phudit999 กำลังเข้ามาอ่านพอดี
    ก็เลยหวนนึกถึงเรื่องที่พี่เขาเคยบอกไว้
    ในกระทู้ต่างมิตนี้แหละ แต่เป็นอันไหนก็จำไม่ได้แล้ว

    ที่ตอนนั้นผมโพสต์เรื่อง "ทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยล้ากันนัก"
    พี่เขาก็บอกทำนองว่า ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ
    "เบื้องบนสื่อสารลงมา" ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่
    แต่พอมาอ่านและแปลข้อความชุดนี้เข้า
    ถึงได้พบว่า อ๋อ..ชาว Arcturian ก็พูดไว้แบบนี้เหมือนกัน

    ก็เลยยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า..บางที..ข้อความจากต่างมิติทั้งหลายนี่
    มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ใครเขาจะเขียนขึ้นมาอ่านเล่นๆ สนุกๆเฉยๆก็ได้นะ
    เพราะว่า อย่างน้อย มันก็มีคนไทยเราหลายคน
    ที่สัมผัสได้ และ/หรือ ที่ได้รับสัญญาณ หรือ ข้อความ
    มาแบบนี้เหมือนกัน..

    ...............................................
     
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขอแถมอีกนิดหนึ่งนะครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้แหละ
    คือถ้าใครติดตามอ่านข้อความจากต่างมิติมาตลอด
    ก็คงจะรู้แล้วหละ ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่แล้ว
    จะไปในทำนองเดียวกันหมดเลย
    พวกเขาจะพูดแทบจะตรงกันหมดทุกเรื่องเลย

    ครายออน ก็เคยพูดเรื่อง "คุณลักษณะของ Light worker"
    เอาไว้ทำนองนี้เหมือนกัน ซึ่งตรงกันกับชาว Arcturian เลย
    ที่บอกว่า อันที่จริงแล้ว เราไม่ต้องไปเป็นกังวลเรื่อง
    "ภาระหน้าที่ของเรา ที่ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์นี้" ให้มากมายเลย

    เพราะว่าแค่เรา พยายามยกระดับ และ รักษาระดับ
    คลื่นความสั่นสะเทือนของจิตสำนึกของตัวเราเอง
    ให้สูงเข้าไว้ ให้อยู่ในคลื่นความสั่นสะเทือน
    ของความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเข้าไว้
    ไม่ว่าเราจะกำลังอยู่ที่ไหน ไปที่ไหน
    หรือกำลังพบเจอกับสถานการณ์ไหน
    ในชีวิตของเราอยู่ก็ตาม..นั่นก็เท่ากับว่า
    เรากำลังทำภาระหน้าที่ของเราอยู่แล้วหละ

    เพราะว่าคลื่นความสั่นสะเทือนที่เปี่ยมไปด้วย
    ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขของเราอันนี้
    จะไปช่วยยกระดับพลังงานของโลกได้ด้วย
    เพราะว่าในฐานะที่เราเป็นมนุษย์แล้ว
    เราจะมีความเชื่อมโยงด้านพลังงาน
    อยู่กับโลกใบนี้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว

    ดังนั้น การที่เรายกระดับจิตสำนึกของตัวเองขึ้น
    ก็เท่ากับว่าเรากำลังยกระดับคลื่นความสั่นสะเทือน
    ของ "จิตสำนึกมวลรวม" ของคนทั้งโลกไปด้วยในขณะเดียวกัน
    เพราะว่าทุกๆกระแสพลังงาน จากความคิด จากอารมณ์
    และจากจิตสำนึกของพวกเราทุกคน
    จะไปผสานรวมกัน กลายเป็น "จิตสำนึกมวลรวม" เสมอ

    นี่แหละที่เป็นสาเหตุให้ โดยส่วนตัวผมเองแล้ว
    ผมเลิกที่จะไปจดจ่ออยู่กับแต่ข่าวร้ายๆทั้งหลายแล้ว
    ดังนั้น ผมเลยเลิกมานานแล้ว ที่จะไปเที่ยวเผยแพร่
    แต่ข่าวร้ายๆให้ชาวโลกแตกตื่นกัน
    หรือให้ชาวโลกเกิดอารมณ์ - ความคิด ในแง่ลบขึ้นมาหนะนะครับ

    เพราะว่าผมเชื่อว่า มันจะยิ่งไปเพิ่มกระแสพลังงานด้านลบ
    ให้กับพลังงานของ "จิตสำนึกมวลรวม" ของโลกที่ว่านี้
    ให้จมดิ่งหนักลงไปอีกด้วยซ้ำไป
    ซึ่งนั่น..ไม่ใช่การช่วยโลกแต่อย่างใดเลย

    ..............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤษภาคม 2013
  5. อจิตตะ

    อจิตตะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2012
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +1,840
    ที่ตอนนั้นผมโพสต์เรื่อง "ทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยล้ากันนัก"
    พี่เขาก็บอกทำนองว่า ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ
    "เบื้องบนสื่อสารลงมา"


    การสื่อสารไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม หากผู้ส่งกับผู้รับมีความต่างในพื้นฐานและความพร้อม(พลัง)ไม่มากนัก ก็ไม่เหนื่อยมากทั้งคู่ หรืออาจไม่เหนื่อยเลยก็เป็นไปได้...

    ในทางตรงกันข้าม หากผู้รับมีความพร้อมต่ำกว่าผู้ส่งมากเกินไปในบางขณะ...(เรื่องนี้สลับซับซ้อนมาก เพราะเป็นเรื่องของจิตที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกขณะรวมถึงวิบากกรรมของผู้รับด้วย) ...และใช้เวลาส่งนานเกินไป...โอกาสที่ผู้รับจะประสบกับอาการ แฮงค์ หรือสลบไปเลยก็มีให้เห็นอยู่...

    ดังนั้น... ผู้ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็นผู้รับ ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมไว้ทุกขณะจิตเป็นดีที่สุด...

    และการฝึกการเตรียมพร้อมก็ง่ายที่สุด คือ "ฝึกหายใจให้เป็น"...เท่านั้นเอง
     
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตอบคำถามโดย the Arcturians (Q&A with Arcturians)
    เรื่องเกี่ยวกับอาการเหนื่อยล้าของร่างกายมนุษย์


    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 2/4/13

    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: Transmission From Mothership--Q&A with Arcturians


    [​IMG]
    (ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

    (เลือกมาแปลเพียงบางส่วน)

    ตอนที่ 1

    คำถาม:

    ชาว Arcturian ที่รัก ฉันดีใจมากที่ได้สนทนากับคุณ ฉันถูกเลือกให้มาเป็นตัวแทนของพวกเราทุกคน
    เพื่อมาถามคำถามคุณ พวกเรามีหลายคำถามจะถาม โดยจะเริ่มจากคำถามที่ว่า
    พวกเราอยากรู้ว่าทำไมพวกเราถึงรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน พวกเรารู้ว่าอาการเหนื่อยล้าแบบนี้
    มันจะต้องเป็นอาการอีกอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบ (transmutation) แน่ๆเลย
    แต่ว่า..ถ้ามีข้อมูลมากกว่านี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากเลยทีเดียว”


    คำตอบ:

    พวกเราก็ยินดีด้วยเช่นกัน ที่ได้สนทนาโดยตรงกับหนึ่งในสมาชิกครอบครัว
    ของผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นของพวกเรา พวกเราเข้าใจดีถึงความยากลำบาก
    ในการจำกัดตัวตนที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของพวกคุณ เอาไว้แต่ในร่างกายเนื้อ
    ที่มีขนาดกระจ้อยร่อยนี้

    ความรู้สึกเหนื่อยล้าของพวกคุณ ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากการที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    กำลังปฏิบัติการด้วยอัตราเร็วที่สูงขึ้นอย่างมาก มากเกินกว่าอัตราเร็วของร่างกายเนื้อของพวกคุณ

    บ่อยครั้งที่ร่างกายเนื้อของพวกคุณ กำลังอยู่ในสภาวะที่ดูเหมือนว่า กำลังสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบอยู่
    แต่ในขณะเดียวกัน จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ กลับกำลังดำเนินการต่างๆ
    กับโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหลาย ซึ่งไม่อาจรับรู้ได้โดยอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อที่อยู่ในมิติที่ 3 นี้ของพวกคุณอยู่ ซึ่งในสภาวะนี้ มันก็จะเหมือนกับการที่
    พวกคุณใส่เกียร์ว่าง แล้วเหยียบคันเร่งรถยนต์ของพวกคุณนั่นแหละ ซึ่งในขณะนั้น
    รถยนต์พร้อมจะวิ่งแล้ว แต่ว่าคุณยังไม่ได้เข้าเกียร์ให้กับมันเลย

    ร่างกายเนื้อของพวกคุณ ก็เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่งนั่นแหละ ซึ่งรถยนต์คันนี้ มีร่างกาย
    และระบบปฏิบัติการอยู่ในมิติที่ 3 และกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการติดตั้งระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวใหม่
    เพิ่มเติมเข้าไปอยู่ แต่ว่ายานพาหนะในมิติที่ 3 คันนี้ของพวกคุณ ยังไม่สามารถที่จะอ่านข้อมูล
    ใน “ระบบปฏิบัติการใหม่” นี้ได้ ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะว่า ระบบคอมพิวเตอร์ชุดนี้
    มีไว้ใช้งานกับ "รถยนต์รุ่นที่ใหม่กว่า" นั่นเอง แต่ว่าเพราะความที่พวกคุณไม่อาจที่จะขายรถเก่าคันนี้
    เพื่อไปซื้อรถคันใหม่มาใช้แทนได้ พวกคุณก็เลยจำเป็นจะต้องหาวิถีทางเพื่อปรับปรุงรถเก่าคันนี้เสีย
    เพื่อให้มันสามารถตอบสนองต่อคำสั่งของระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ระบบใหม่ของพวกคุณได้

    ซึ่งการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการใหม่นี้แหละ คือสาเหตุแห่งความเหนื่อยล้าอย่างมาก
    ของร่างกายเนื้อของพวกคุณ เพราะว่าความจริงก็คือ ร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    มันมีข้อจำกัดอยู่มากมายมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ที่ไม่อาจมีความสามารถ ที่จะอ่านข้อมูลทั้งหมด
    ที่ตอนนี้จิตสำนึกของพวกคุณสามารถอ่านได้แล้วได้

    เพราะฉะนั้น สมองของพวกคุณจึงกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่ เพราะว่ามันพยายามที่จะทำความเข้าใจ
    กับข้อมูลทั้งหลาย ที่เข้ามาในจิตสำนึกของพวกคุณ ผ่านทางระบบปฏิบัติการใหม่ของพวกคุณ
    แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าการมีข้อบกพร่องมาตั้งแต่กำเนิดของร่างกายเนื้อของพวกคุณนี้เอง
    จึงทำให้ระบบฯนี้ ไม่สามารถที่จะเชื่อมต่อกับร่างกายที่พวกคุณกำลังสวมใส่อยู่นี้ได้
    ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่อยู่บนพื้นโลกอย่างพวกคุณ ที่จะผ่อนคลาย
    และอยู่ภายใต้การชี้นำทางของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ เพื่อให้ตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ
    สามารถที่จะพ่วงและลากยานพาหนะของพวกคุณให้ไปต่อได้

    ดังนั้น ทั้งหมดที่พวกคุณจะต้องทำก็คือ
    ใส่เกียร์ว่างให้กับยานพาหนะหรือรถของพวกคุณ
    และต้องมั่นใจว่าได้ปลดเบรกเอาไว้หมดแล้วด้วย

    “ความกลัว” ก็คือ “ระบบเบรก” (braking system) ของพวกคุณ
    เพราะว่าถ้าพวกคุณพยายามที่ทำตามคำแนะนำของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณอยู่
    แต่ว่า “จิตมนุษย์” หรือ ego ของพวกคุณกลับไปเหยียบเบรกเข้า
    เพราะว่ามันเกิดกลัวขึ้นมาหละก็ การขัดขืนหรือต่อต้านอันนั้น
    มันก็จะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าขึ้นอย่างมาก

    แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้กำลังบอกว่า ความเหนื่อยล้าทั้งหมดนั้น เกิดจากปัญหาอันนี้หรอกนะ
    เพราะว่ามันยังมีผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นอยู่อีกมากมาย ที่สามารถควบคุมความกลัวของตัวเองได้แล้ว
    แต่ว่ายานพาหนะทางโลกของพวกเขา ก็ยังไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่ไปได้เร็วเท่าที่ใจของพวกเขาต้องการอยู่

    จิตสำนึกของผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นเหล่านี้ มีความกระหายที่จะรับแสงคอสมิกจากเบื้องบนเป็นอย่างมาก
    และพวกเขาก็อยากที่จะเร่งความเร็วขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง
    ที่มีระดับคลื่นความถี่สูงกว่าและสูงกว่าเรื่อยๆอย่างมากด้วย แต่ว่าพวกเขาก็ยังถูกตรึงเอาไว้
    ให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพนี้อยู่ต่อไป ดังนั้น จิตใจของพวกเขา
    ที่ได้ยอมรับการชี้นำทางจากจิตสำนึกที่สูงส่งกว่าของตัวเองไปเรียบร้อยแล้วนั้น
    จึงกำลังพายเรือที่กำลังผูกติดอยู่กับอู่จอดเรืออยู่

    เพราะฉะนั้น ความเหนื่อยล้าก็เลยเกิดขึ้น จากการขัดขืนอยู่ตลอดเวลาของร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    เพราะว่ามันไม่สามารถที่จะยอมรับการเร่งเร้าของจิตสำนึกของพวกคุณได้

    แต่โชคยังดีที่ ร่างกายเนื้อของพวกคุณเอง ก็กำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการแปรสภาพอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
    เพียงแต่ว่า ความเป็นวัตถุธาตุทางกายภาพของมัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่า
    จิตสำนึกของพวกคุณที่สามารถยืดหยุ่นได้เท่านั้นเอง

    และปัญหานี้ก็จะยิ่งยากลำบากมากขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย
    ที่กำลังสวมใส่ร่างกายเนื้อเวอร์ชั่นเก่าอยู่ แต่โชคก็ยังดีที่ว่า การที่อยู่บนโลกนี้มานานหลายปีแล้ว
    ได้ทำให้พวกเขาตื่นรู้ขึ้นมา และมีภูมิปัญญามากพอ ที่จะไม่ไปตัดสินชี้ถูกผิด
    ให้กับร่างกายเนื้อของตัวเองแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงยินยอมให้มันได้พักผ่อนอย่างเพียงพอเท่าที่มันต้องการ

    บรรดาผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นทั้งหลาย ที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างกายเนื้อของตัวเอง
    เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคอยู่อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ
    พวกเขาจำเป็นจะต้องเก็บรักษา “ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง” เอาไว้เป็นความลับ
    อยู่นานหลายต่อหลายปีทีเดียว ซึ่งผลสืบเนื่องจากการทนฝืน ไม่ได้แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริง
    ของตัวเองออกมาเป็นระยะเวลายาวนานเช่นนี้ จึงก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้น
    แก่ร่างกายเนื้อของพวกเขา ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่บีบบังคับให้ยานพาหนะเวอร์ชั่นเก่าของพวกเขา
    เคลื่อนที่ได้ช้าลงกว่าเดิมอีก

    แต่โชคยังดีที่ว่า ประสบการณ์ที่ได้จากการอยู่บนโลกนี้มานานหลายสิบปีแล้ว
    ได้ทำให้พวกเขามีความอดทนมากขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การชี้นำทางจากตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกเขา
    ยังได้ช่วยให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ “มายาการ” ของมิติที่ 3 นี้
    มีผลกระทบต่อพวกเขาน้อยมากๆด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงยังคงสามารถทำหน้าที่
    เป็น “พี่เลี้ยง” ซึ่งเป็นสถานะที่ได้มาด้วยความพยายามของพวกเขา ได้เป็นอย่างดีอยู่

    นอกจากนี้ ภูมิปัญญาของการเป็น “พี่เลี้ยง” นี้ ยังได้สอนให้พวกเขามีความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    ให้กับตัวเองอีกด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถรักผู้อื่นแบบไม่มีเงื่อนไขได้อย่างง่ายดาย และอย่างหมดใจ
    และอิสระภาพจากการไม่ตัดสินชี้ถูกผิดให้กับอายุของยานพาหนะของตัวพวกเขาเองนี้เอง
    ที่ทำให้พวกเขาสามารถดูแลและบำรุงรักษา “รถรุ่นโบราณ” ของพวกเขาเองได้อย่างเหมาะสม

    ส่วนอีกด้านหนึ่ง ตอนนี้ก็กำลังมีสมาชิกครอบครัวชาวกาแล็กซี่ของพวกเรา
    ที่กำลังพากันเข้าไปอยู่ในร่างกายเนื้อที่อ่อนเยาว์กว่าอยู่ ซึ่งเด็กทารก, เด็กเล็ก และเด็กวัยรุ่นเหล่านี้
    ก็จะมีสัญชาตญาณหยั่งรู้ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงความสามารถแบบหลากมิติ
    และข้อมูลข่าวสารหลากมิติ ที่มีมาแต่กำเนิดของตัวเองได้ ซึ่งผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นวัยเยาว์เหล่านี้
    ก็มักจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ไม่สามารถที่จะเข้าใจพวกเขาได้ และก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้
    ซะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าสังคมของพวกคุณกำลังค่อยๆตื่นรู้ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆอยู่
    จึงทำให้สิ่งสนับสนุนสำหรับผู้ที่กำลังเลื่อนระดับขึ้นเหล่านี้ ค่อยๆมีมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย
    และเด็กๆเหล่านี้ ก็จะกลายไปเป็นผู้นำในโลกแห่งความเป็นจริงใบใหม่ของพวกคุณต่อไป

    พวกคุณมีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกไหม๊?

    .......................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ตอบคำถามโดย the Arcturians (Q&A with Arcturians)
    เรื่องเกี่ยวกับอาการเหนื่อยล้าของร่างกายมนุษย์

    ผ่านทาง ดร. Suzanne Lie
    วันที่ 2/4/13

    ที่มา:
    Awakening with Suzanne Lie: Transmission From Mothership--Q&A with Arcturians

    ตอนที่ 2


    คำถาม:

    ขอบคุณมากนะคะชาว Arcturian ใช่แล้ว พวกเรายังมีคำถามที่อยากจะถามคุณอยู่อีกคำถามหนึ่ง
    เกี่ยวกับอาการเวียนศีรษะที่พวกเราหลายคนเป็นกันอยู่ อาการเวียนศีรษะที่ว่านี้
    เป็นอาการหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบหรือไม่คะ?



    คำตอบ:

    ใช่แล้ว อาการเวียนศีรษะ เป็นอีกอาการหนึ่งของการเปลี่ยนรูปแบบ แต่ว่ามันมีเหตุผลที่แตกต่างไปเล็กน้อย
    เพราะว่าอาการเวียนศีรษะที่พวกคุณกำลังเป็นกันอยู่นี้ เกิดจากการที่พวกคุณ
    เริ่มที่จะสามารถมีประสบการณ์กับโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า 1 โลกได้ในเวลาเดียวกันแล้ว

    อันที่จริงแล้ว “กาลเวลา” ได้เปลี่ยนจากการเป็นสิ่งที่มีความเที่ยงแท้แน่นอน
    และเป็นโครงสร้างหลักให้กับชีวิตของพวกคุณ ไปสู่การเป็นสิ่งที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้ว
    ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้เกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก พวกคุณกำลังรู้สึกสับสนเกี่ยวกับการผิดเพี้ยนของกาลเวลาอยู่
    และก็กำลังรู้สึกสับสนเกี่ยวกับกระแสความคิด, อารมณ์ความรู้สึก, ภาพ และ/หรือ ความทรงจำต่างๆ
    จำนวนมากมาย ที่กำลังแว๊บเข้ามา และแว๊บออกไปจากจิตใจของพวกคุณอยู่

    พวกคุณคนใด ที่ได้สร้างความเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่น เอาไว้ระหว่างร่างกายเนื้อในปัจจุบันนี้ของตัวเอง
    กับเทพผู้นำทาง หรือ ตัวตนหลากมิติที่มีระดับคลื่นความถี่สูงกว่าของตัวเองแล้ว
    ก็มักจะมีอาการสับสนน้อยกว่า แต่ว่า..ก็จะมีอาการเวียนศีรษะมากกว่า

    ในกรณีนี้ อาการเวียนศีรษะ จะเกิดจากความจริงที่ว่า
    พวกคุณกำลัง Run “ระบบปฏิบัติการ” 2 ระบบ
    ที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ในเวลาเดียวกัน
    ซึ่งระบบแรกก็คือ “ระบบปฏิบัติการในมิติที่ 3”
    (Third Dimensional Operating System) ของพวกคุณ
    ก็จะบอกกับพวกคุณว่า พวกคุณคือร่างกายเนื้อนี้เท่านั้น
    และบอกพวกคุณว่า มันมีโลกแห่งความเป็นจริง
    เพียงโลกนี้โลกเดียวเท่านั้น

    และในความเป็นจริงแล้ว ระบบปฏิบัติการในมิติที่ 3 ของพวกคุณ จะบอกกับพวกคุณว่า
    ถ้าพวกคุณกำลังมีประสบการณ์อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงโลกอื่นหละก็
    นั่นแสดงว่าพวกคุณกำลัง เกิดอาการ “ประสาทหลอน” แล้วหละ
    ระบบปฏิบัติการเก่านี้ จะบอกให้พวกคุณเพิกเฉยต่อสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นเสียให้หมด
    เพราะว่ามันไม่ใช่ความจริง มีเพียงสิ่งที่พวกคุณสามารถรับรู้และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อนี้เท่านั้น ที่เป็นของจริง นอกจากนี้แล้ว ล้วนเป็น “จินตนาการ” ของพวกคุณเองทั้งสิ้น

    แต่ในขณะเดียวกัน “ระบบปฏิบัติการหลากมิติ”
    (Multidimensional Operating System) ของพวกคุณ
    ก็จะบอกพวกคุณว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่
    พวกคุณสามารถรับรู้และสัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
    ของร่างกายเนื้อของพวกคุณนี้
    ล้วนเป็น “มายาการ” ด้วยกันทั้งสิ้น
    มีเพียง “จินตนาการ” ของพวกคุณเองเท่านั้น ที่เป็นของจริง


    ซึ่งในขณะนั้น วงจรในสมองของร่างกายเนื้อของพวกคุณ จะถูกดาวน์โหลดข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
    ลงมามากมาย จนเกินพิกัดที่มันจะรับได้ แถมยังมีสัญญาณกระตุ้นเข้ามามากมาย
    จนเกินกว่าที่มันจะสามารถประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย สมองของพวกคุณ
    ซึ่งก็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ที่ถ้าพวกคุณเปิดหน้าต่างโปรแกรมต่างๆเอาไว้มากจนเกินไป
    ก็จะทำให้ระบบทั้งระบบเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาเฉยๆ และเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกคุณ
    ก็จะหยุดการทำงานไปเฉยๆ ดังนั้น สมองของพวกคุณจึงทำให้พวกคุณรู้สึกเวียนศีรษะขึ้นมาได้

    สมองของพวกคุณจะสับสนว่า

    - โลกภายนอกเป็นของจริง หรือว่าโลกภายในเป็นของจริงกันแน่?”
    - ความทรงจำหรือภาพนิมิตรที่ผ่านเข้ามาทางหางตาของพวกคุณเป็นของจริง
    หรือว่าภาพที่เห็นจะๆอยู่ตรงหน้านี้เป็นของจริงกันแน่?
    - อะไรกันแน่ที่เป็นของจริง?
    - อะไรหละที่พวกคุณสามารถที่จะยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ได้?

    คำถามเหล่านี้จะทำให้สมองที่อยู่ในมิติที่ 3 ของพวกคุณ เกิดความสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ
    ดังนั้น สมองที่โอเวอร์โหลดข้อมูลของพวกคุณ จึงพยายามที่จะแยกแยะและจัดเรียงลำดับไฟล์ของ
    “ความรู้สึกแบบหลากมิติ” ทั้งหลาย ที่ไม่อาจแยกแยะและจัดเรียงลำดับได้ อย่างสุดความสามารถของมัน

    ดังนั้น จิตใจของพวกคุณจึงเริ่มปั่นป่วน และเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
    ซึ่งวิธีการแก้ปัญหานี้ก็คือ การดาวน์โหลดเอา
    และการผนวกรวมเข้ากับระบบปฏิบัติการหลากมิติของพวกคุณ
    ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเสีย

    แต่ว่า การที่จะทำเช่นนั้นได้ พวกคุณก็จะต้อง
    upgrade ชีวคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นของพวกคุณเสียก่อน
    โดยการทำให้ส่วนที่เป็น 97%
    ของ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณ
    ออนไลน์ให้ได้อย่างเต็มสมรรถภาพเสียก่อน
    ซึ่งก็มีพวกคุณหลายคนแล้ว ที่สามารถทำการ
    upgrade ได้สำเร็จแล้ว

    แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นนี้ สามารถทำงาน
    ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของมันแล้ว พวกคุณก็จะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าตามมาอีก
    ซึ่งก็คือการเชื่อมต่อส่วนที่เป็น 97% ของ DNA แห่งการเลื่อนระดับขึ้นของพวกคุณ
    ให้เข้ากับส่วนที่เป็น 3% ของ DNA ของร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    ซึ่งกระบวนการนี้ ก็จะทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะมากขึ้นกว่าเดิมอีก
    เพราะว่าพวกคุณจะต้องเชื่อมต่อระบบปฏิบัติการที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงเข้าด้วยกันให้ได้

    เพราะว่า สมองมนุษย์ของพวกคุณจะบอกพวกคุณว่า:

    - สิ่งชีวิตทั้งหมด อยู่ภายนอกร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    - ทุกสิ่งทุกอย่าง แยกขาดจากกันและกันอย่างสิ้นเชิง
    - จินตนาการของพวกคุณ ไม่ใช่เรื่องจริง
    - พวกคุณจะต้องทำงานอย่างหนัก และยาวนาน เพื่อให้ได้อะไรซักอย่างมา
    - ถ้าพวกคุณไม่ดีกว่าคนอื่น ก็แย่กว่าคนอื่น
    - โลกของพวกคุณ เป็นไปตามกฎของกาลเวลา
    - พวกคุณไม่สามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสง
    - และอื่นๆอีกมากมาย

    แต่ในทางกลับกัน ระบบปฏิบัติการหลากมิติของพวกคุณ
    จะบอกกับพวกคุณว่า:


    - สิ่งชีวิตมีอยู่ทุกแห่งทุกหน และมีอยู่อย่างมากมายเหลือคณานับ
    - พวกคุณทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
    - จงปล่อยให้สิ่งที่พวกคุณปราถนาที่จะสร้างเกิดขึ้นมาเอง
    - จินตนาการของพวกคุณ คือความคิดจากมิติที่ 5
    - พวกคุณทุกๆคนล้วนมีความเสมอภาคกัน ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตหลากมิติเหมือนๆกัน
    - ช่องว่างและกาลเวลา คือมายาการอย่างหนึ่งของโลกแห่งวัตถุธาตุทางกายภาพนี้เท่านั้น
    - และอื่นๆอีกมากมาย

    เพราะความพยายามที่จะบรรจุข้อมูล และหลักการ และเวอร์ชั่นของโลกแห่งความเป็นจริง
    ที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงเหล่านี้ เข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้พวกคุณสูญเสียการจดจ่ออยู่กับ
    โลกภายนอกของพวกคุณไป

    พวกคุณจดจำสมัยที่พวกคุณเป็นเด็กได้ไหม ที่พวกคุณมักจะหมุนรอบๆตัวเองไปเรื่อยๆ
    จนกว่าจะรู้สึกเวียนหัวแล้วล้มลงหนะ? ที่พวกคุณรู้สึกเวียนหัวก็เพราะว่าจุดยึดเหนี่ยวภายนอก
    ของพวกคุณหายไป พวกคุณเลยเป็นเหมือนนักเต้นรำ ที่หมุนตัวโดยไม่รักษาจุดของตัวเองไว้

    จากนั้น ก็จะเหมือนกับการที่รถยนต์วิ่งไปแบบกึกๆกักๆ แล้วในที่สุดก็หยุดวิ่งลง
    สมองชีวภาพของพวกคุณก็จะหมุน และ shut down ลงเช่นเดียวกัน
    และเพื่อที่จะรับมือกับปัญหานี้ ร่างกายเนื้อของพวกคุณจึง “ป่วย” เพื่อทำให้มีเหตุผลที่ดี
    สำหรับการเวียนศีรษะ แล้วพวกคุณก็จะขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วก็หลับไป
    ซึ่งก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีมาก

    ในขณะที่พวกคุณกำลังติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกคุณเองอยู่นั้น
    พวกคุณไม่สามารถที่จะเปิดโปรแกรมใดๆได้ และไม่สามารถที่จะทำอะไร
    กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้ด้วย พวกคุณจำเป็นจะต้องรอให้การดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการใหม่นั้น
    เสร็จสิ้นลงเสียก่อน จากนั้น เมื่อพวกคุณ restart เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่แล้ว
    มันก็จะดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย แต่ว่าอันที่จริงแล้ว มันมีความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นมากมาย
    ที่พวกคุณไม่อาจรับรู้ได้ จนกว่าพวกคุณจะลองใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นดูก่อน
    สมองของพวกคุณก็คือชีวคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ซึ่งก็จะทำงานในลักษณะที่คล้ายๆกันนี้เอง

    พวกคุณหลายคน กำลังพยายามที่จะดาวน์โหลด “ระบบปฏิบัติการแบบควอนตัม”
    (Quantum Operating System) ระบบใหม่ เข้ามาใช้ในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าของตัวเองอยู่
    ซึ่งการดาวน์โหลดที่ว่านี้ พวกคุณจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ
    อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณ ก็คือหนังสือคู่มือสำหรับพวกคุณ
    พวกเขาจะช่วยให้พวกคุณเข้าใจถึงตัวตนเวอร์ชั่นใหม่ของพวกคุณเองได้
    เช่นเดียวกับที่พวกเราจะช่วยนั่นแหละ

    …………………………..
     
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    มีข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข
    จากพี่ท่านเดิมมาแบ่งปันให้ทุกๆท่านได้อ่านด้วยอีกแล้วครับ
    ซึ่งเป็นข้อมูลที่อาจจะช่วยให้พวกเราหลายคน
    เข้าใจอะไรได้กระจ่างแจ้งขึ้นก็ได้นะครับ..

    ...ข้างล่างนี้นะครับ...


    "Unconditional love คือ ความรักของจักรวาล...
    ผู้ที่จะมอบความรักนี้ได้ ต้องมี พรหมวิหารสี่
    (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
    และการมอบ unconditional love นี้แก่สิ่งใด
    อาจใช้ แค่ข้อเดียว สองข้อ สามข้อ หรือ ทั้งหมด
    หรือสลับจับคู่กันไปมา ก็ยังอยู่ในเงื่อนไขของ
    unconditional love ได้เช่นกัน

    ดังนั้น...unconditional love นี้ จึงมี Level กะเขาเหมือนกัน...

    และ level (อานิสงฆ์) สูงสุดของความรักชนิดนี้
    ซึ่งเป็นพลังที่แผ่ไปได้ทั่วรอบขอบจักรวาล
    มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ความรักของทั้งผู้ให้และผู้รับ
    ต้อง "unconditioned" แบบ pureๆ ทั้งคู่เท่านั้น..

    ส่วนการสัมผัส ก็ส่งกันได้ทางอายตนะเดียว
    จึงจะรู้แจ้งประจักษ์จริงใน unconditional love นี้ได้

    คือ" จิตสู่จิต"...ถ้าหากเกิดจากอายตนะ ๕ ด้วยสัมผัส ๕ ...
    ก็ยังอาจมีสิทธิ์ถูกลวงทั้งตัวเองและผู้อื่นได้...

    ตัวอย่าง พระพุทธเจ้า...หากในพระไตรปิฏก
    และ วินัยสงฆ์ คือเรื่องจริงที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้...
    ก็ต้องแสดงว่า พระพุทธเจ้าไม่กอดใคร ไม่จับตัวใคร
    (เห็นเดี๋ยวนี้ ฮิตอบรมการกอดให้กำลังใจกันจัง)
    แต่ท่านใช้จิตและลมหายใจ (คำสอน) ส่งความรักชนิดนี้ออกมา
    ให้แก่สรรพสิ่งทั้งหลายตลอดเวลา และหากท่านจะทำ
    ก็คงส่งเพิ่มอีกช่องทาง คือ "ดวงตา" เท่านั้น...

    ส่วนผู้ที่ได้รับความรักชนิดนี้จากท่าน
    หากเป็นอรหันต์ หรือที่มีระดับกันแล้ว
    ก็ไม่ต้องสงสัย...อานิสงฆ์สมบูรณ์แน่นอน

    แต่หากท่านส่งให้ผู้รับในระดับต่ำ หรือยังมิได้ติดระดับไหนกัน...
    เกิดผู้รับมีความลังเล หรือไม่ศรัทธาในความรักที่พระพุทธเจ้าส่งให้
    แม้นิดเดียว หรือ กระพริบตาเดียว...อานิสงฆ์นั้นพร่องทันที

    นี่คือสาเหตุที่ ศาสนาคริสต์ อิสลาม เน้นย้ำนัก
    ในเรื่องให้ผู้คนศรัทธาในพระเจ้า เพื่อให้เกิดปาฏิหารขึ้น
    ทั้งที่ความเป็นจริง มันเกิดจาก พลังบริสุทธ์ของทั้งสองฝ่าย
    ที่เหมาะเจาะ ได้ผสานกันเท่านั้นเอง (เห็นด้วยกับเรื่องคู่แท้ที่คุณแปลไว้)

    และในกรณีผู้รับข้อความต่างมิตินี่ก็เช่นกัน
    หากผู้รับไม่ศรัทธาในผู้ส่ง... ข้อความ (ซึ่งผู้ส่งได้ส่งความรักชนิดนี้มา)
    ก็จะผ่านเข้ามาสู่จิตเขามิได้...

    ที่เราได้ข้อความต่อๆ กันมาแปลหลายภาษา
    เพื่อกระจายความรักไปทั่วโลกอยู่ทุกวันนี้
    ก็เพราะ "ความศรัทธา" ของผู้รับนั่นเอง...(อนุโมทนา )

    และนี่เข้าถึงตัวคุณละ...

    หากคุณแปลด้วยความรักอันบริสุทธิ์โดยปราศจากเงื่อนไข...
    และผู้อ่านรับด้วยความรักอันบริสุทธิ์โดยปราศจากเงื่อนไข...

    Boom……

    คุณลองถือแท่งคริสตัลหรือแก้วที่เจียรนัยแล้ว (มีเหลี่ยม)
    หรือเพชรไว้ที่หน้าอก แล้วไปส่องกระจกดูซิ...

    จบซะที ตีสามแล้วนะ...

    .................................

    ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนา
    กับคุณพี่ท่านนี้ด้วยนะครับ...

    สาธุ สาธุ สาธุ

    .......................................
     
  9. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433

    จริง ๆ จะว่าไปทั้งศาสนาพุทธหรือศาสนาอื่น ๆ กับ พวกข้อความต่างมิติทั้งหลายนี้
    คล้ายกันมากนะครับ อ่านไปนาน ๆ จะมีจุดหลักเหมือน ๆ กัน

    (rose)

    อย่างพุทธนี่ส่วนใหญ่จะบอกให้ละวางอัตตา ละวางตัวตน ผมว่ามันก็เหมือนกับ
    ข้อความต่างมิติที่กล่าวว่า มิติที่ 3 เป็นมิติแห่งความเป็นปัจเจก แบ่งแยก
    แต่ถ้าขึ้นไปถึง มิติที่ 5 ไปความเป็นปัจเจกจะหายไปกลายเป็นหนึ่งเดียว
    เนื้อความมันก็คล้าย ๆ กับ คำสอนของพุทธนะผมว่าแล้วก็อีกอย่างตำราต่าง ๆ
    ทางศาสนามันเกิดมานานแล้วย่อมผิดเพี้ยนไปไม่มากก็น้อยหรือมีกลุ่มที่ทำให้
    มัยผิดเพี้ยนไปตามยุคสมัยอาจเพื่อการปกครองหรือควบคุมอะไรก็แล้วแต่
    มันจึงไม่ค่อยสมบูรณ์นัก

    :cool:

    แต่ข้อความต่างมิติที่ถ่ายทอดมาจะเป็นปัจจุบันกว่า
    ถึงแม้มันจะมีผิดเพี้ยนบ้างแต่คงน้อย และสามารถถามกลับสิ่งที่สงสัยได้
    ถ้าเราไม่่เคลียร์ แต่จะให้ไปถามศากยมุนีหรือเยซูคงยากกว่าเยอะ

    (^)

    อ่าน Q&A ของ Kryon ยังบอกเลยว่า Budda กับ Chirst สอนสิ่งเดียวกัน
    เพียงการอ่านคัมภีร์ หรือ พระสูตร ต่าง ๆ ต้องรู้ว่าอะไร ที่เป็น Man Made
    ซึ่งมันจะต่างกับ God Made เพราะคำสอนที่จริง ๆ มาจาก God หรือ Budda

    (})

    แต่ก็ไม่ต้องไปสนใจ ติดยึดกับศัพท์มาก พอใจเรียกอะไรก็เรียกไปตามใจชอบ
    เพราะจริง ๆ สิ่งเดียวกันมีชื่อเรียกต่างกันมากมาย แต่ก็คือสิ่งเดียวกัน

    เคยมีนิทานเล่ามีอาจารย์ชื่อดังคนหนึ่งในอินเดียมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    แต่มีศิษย์เอกติดตามตัวอยู่คนหนึ่งตลอดเวลา วันหนึ่งมีศิษย์มาหาอาจารย์
    3 คน ช่วง เช้า บ่าย เย็น ทุกคนมากถามคำถามอาจารย์เป็นคำถามเดียว
    เหมือนกันหมด และคำตอบที่อาจารย์ตอบแก่แต่ละคนไม่เหมือนกันสักคน
    ตกค่ำศิษย์ที่ติดตามอดสงสัยไม่ได้จึงถามอาจารย์ทำไมคำถามเดียวกัน
    แต่คำตอบไม่เหมือนกันเลย อาจารย์ยิ้มแล้วกล่าวว่าขึ้นอยู่กับระดับของศิษย์ผู้นั้น
    ดังนั้น 1 คำถาม อาจมีมากมายหลายคำตอบขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ถาม

    ({)

    คงเหมือนกับที่เค้าบอกว่ามี 84000 ธรรมวิถีโปรดสัตว์ละมั้งครับ
    โลกนี้คงไม่สูตรสำเร็จรูปมีสูตรเดียว ศาสนาเดียว หรือ สิ่งเดียวที่ครอบจักรวาลแน่ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคนที่ชอบอ่านเรื่องแนว ๆ ครับ ผิดถูก ยังไงก็ต้องเรียนรู้ต่อไป ^-^
     
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    (Parts of the message from the Arcturian)
    บางส่วนของข้อความจากชาว Arcturian


    ที่มา:http://www.multidimensions.com/Superconscious/super_intuition_home.html


    ...With our Essence within yours, you are aware that Gaia
    is approaching Her “time of ascension.” You also know that
    we Arcturians are to be Her protectors during
    Her vulnerable time of re-birth.

    We have been chosen by the Galactic Federation
    to be Gaia’s “re-birthing coach,” as we are best suited
    to assist Gaia in fulfilling Her Divine Plan of becoming
    a “Planet of Love.”

    The Pleiades, Sirius, Andromeda and Antares
    are also very active in assisting Gaia and Her inhabitants.


    ...ด้วยแก่นแท้แห่งตัวตนของพวกเราที่อยู่ในตัวของพวกคุณ
    จะทำให้พวกคุณรู้ว่า “วันเวลาแห่งการเลื่อนระดับขึ้น” ของไกอา ใกล้จะมาถึงแล้ว
    และพวกคุณก็ยังจะรู้อีกว่า พวกเราชาว Arcturian คือผู้พิทักษ์ของไกอา
    ในช่วงที่เธอกำลัง “เกิดใหม่” อยู่นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดของเธอด้วย

    พวกเราชาว Arcturian ได้รับการคัดเลือกจาก “สหพันธ์แห่งกาแล็กซี่”
    หรือ “The Galactic Federation” ให้มาทำหน้าที่โค๊ชให้กับไกอา
    ในช่วงแห่งการเกิดใหม่ของเธอนี้ เพราะว่าพวกเราคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด
    ที่จะสามารถช่วยเหลือไกอา ให้บรรลุเป้าหมายอันศักดิ์สิทธิ์ของเธอได้
    ซึ่งเป้าหมายที่ว่านี้ก็คือ การกลายไปเป็น “ดาวเคราะห์แห่งความรัก”
    (Planet of Love)

    ส่วนชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (the Pleiades), ชาวกลุ่มดาว Sirius,
    ชาวกลุ่มดาว Andromeda และชาวกลุ่มดาว Antares
    ก็กำลังให้ความช่วยเหลือไกอา และ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนไกอา
    อย่างขมักเขม้นอยู่เช่นเดียวกัน


    All of us are here now to remind you to remember that
    the key to your success is to download, ground, integrate
    and project the higher dimensional, “unconditional emotions”
    —Unconditional Love, Unconditional Acceptance, and
    Unconditional Forgiveness.

    It is through these unlimited emotions that you
    can return to Detached Compassion, which is
    the perspective of your Soul/SELF.

    ที่พวกเราทั้งหมดมาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อที่จะเตือนให้พวกคุณจดจำให้ได้ว่า
    กุญแจสู่ความสำเร็จของพวกคุณ ก็คือการดาวน์โหลด,
    การนำไปตรึงไว้กับพื้นโลก (ground), การผสานรวม (integrate),
    และการแผ่กระจายออกมา ซึ่ง อารมณ์ความรู้สึกแบบไม่มีเงื่อนไข,
    ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข, การยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข
    และการให้อภัยแบบไม่มีเงื่อนไข
    ซึ่งเป็นคุณสมบัติส่วนที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าของพวกคุณ

    ซึ่งโดยอาศัยอารมณ์ความรู้สึกแบบไร้ข้อจำกัดนี้เอง ที่จะทำให้พวกคุณ
    สามารถกลับไปสู่การมี “ความเมตากรุณาแบบวางอุเบกขา”
    (Detached Compassion) ได้ ซึ่งเป็นทัศนคติ
    ของตัวตนที่สูงส่งกว่าของพวกคุณนั่นเอง...


    ...When you choose to calibrate your consciousness
    to Beta Brainwaves your primary experience is
    the third dimension and below. This reality appears to be
    “outside” of you, and you experience it through your
    Individual Consciousness.

    ...เมื่อใดที่พวกคุณเลือกที่จะปรับระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตนเอง
    ให้อยู่ในคลื่นสมองระดับเบต้า (Beta Brainwaves)
    ประสบการณ์ส่วนใหญ่ของพวกคุณ ก็จะอยู่ในมิติที่ 3 หรือต่ำกว่า
    ซึ่งโลกแห่งความเป็นจริงอันนี้ ก็จะดูเหมือนว่า “อยู่นอกตัว” พวกคุณ
    และพวกคุณก็จะมีประสบการณ์กับมัน ผ่านทางจิตสำนึก/ความตระหนักรู้
    ส่วนตัวของใครของมัน

    On the other hand, when you calibrate your consciousness
    to Alpha Waves, you perceive both the “outside” and
    “inside” worlds simultaneously.
    While in Alpha, you are able to experience
    Collective Consciousness, as you are using “whole brain consciousness.”

    ในทางกลับกัน ถ้าเมื่อใดที่พวกคุณปรับระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเอง
    ให้อยู่ในคลื่นสมองระดับแอลฟ่า (Alpha waves) แล้ว
    พวกคุณก็จะรับรู้ได้ทั้ง “โลกภายใน” และ “โลกภายนอก” ในเวลาเดียวกัน
    และในระหว่างที่อยู่ในคลื่นสมองระดับแอลฟ่านี้ พวกคุณก็จะสามารถ
    มีประสบการณ์กับ “จิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลก
    (the Collective Consciousness) ได้ เพราะว่าพวกคุณกำลังใช้
    “ความตระหนักรู้ของสมองทั้งหมด” อยู่นั่นเอง

    In Theta Waves, you experience only your “inside” world
    but have a constant awareness of your physical vessel.
    With practice, you are able to connect to the
    Planetary Consciousness and KNOW the Heart of Gaia,
    as well as the messages of all Her inhabitants.

    ในคลื่นสมองระดับธีต้า (Theta waves) พวกคุณก็จะมีประสบการณ์
    อยู่เฉพาะกับ “โลกภายใน” ของตัวเองเท่านั้น แต่ก็ยังมีสติรับรู้
    ถึงร่างกายเนื้อของตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่ด้วย
    และด้วยการฝึกฝน พวกคุณก็จะสามารถเชื่อมต่อกับ
    “จิตสำนึกมวลรวมของโลกทั้งโลก
    (the Planetary Consciousness) ได้
    และพวกคุณก็จะสามารถรับรู้ถึง “หัวใจของไกอา” ได้ด้วย
    และรวมถึงพวกคุณก็จะสามารถรับรู้ข้อความต่างๆจากสิ่งมีชีวิตทุกๆชนิด
    ที่อาศัยอยู่บนโลกได้ด้วย

    Finally, when you choose to calibrate your consciousness
    to Delta Waves, you experience only your inside world
    and have very little conscious connection to
    your 3D earth vessel. You are then able to experience
    Galactic Consciousness and are primarily attached to
    your higher dimensional bodies as you travel the Universe
    in your Essence.

    และสุดท้าย เมื่อใดที่พวกคุณเลือกที่จะปรับระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของตัวเอง
    ให้อยู่ในคลื่นสมองระดับเดลต้า (Delta waves) พวกคุณก็จะมีประสบการณ์
    อยู่แต่กับ “โลกภายใน” ของตัวเองเท่านั้น และแทบจะไม่มีสติรับรู้
    ถึงความเป็นไปของร่างกายเนื้อในมิติที่ 3 ของตัวเองเลย
    ดังนั้น พวกคุณจึงสามารถมีประสบการณ์กับ “จิตสำนึกมวลรวมระดับกาแล็กซี่”
    (the Galactic Consciousness) ได้
    และพวกคุณก็จะสามารถเชื่อมต่อกับกายต่างๆที่อยู่ในมิติที่สูงๆกว่าขึ้นไป
    ของตัวเองได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าพวกคุณกำลังท่องจักรวาล
    ที่อยู่ใน “แก่นแท้แห่งความเป็นตัวตนของตัวเอง” อยู่...


    ...The original “3D Matrix” of separation and limitation
    is created and maintained by THOUGHTS of a polarized world,”
    then fleshed out by the
    collective EMOTIONS of separation and limitation,
    and subsequently activated by
    the collective INTENTION for “extreme individuality.”

    A “5D Matrix” is created and maintained by
    THOUGHTS of Unity and ONENESS,
    EMOTIONS of Unconditional Love,
    Unconditional Acceptance,
    and Unconditional Forgiveness,
    and the INTENTION of Planetary Ascension.

    ...ต้นกำเนิดของ “แมทริกซ์ หรือ แม่พิมพ์ของโลกในมิติที่ 3” ใดๆ
    ซึ่งเป็นโลกแห่งการแบ่งแยก และการมีข้อจำกัดนั้น
    จะถูกสร้างขึ้นมา และจะถูกบำรุงรักษาเอาไว้ โดย
    “กระแสความคิด” (Thoughts) ของโลกแห่งความมีขั้ว โลกนั้นๆ
    แล้วจากนั้น กระแสความคิดเหล่านั้น ก็จะถูกทำให้กลายเป็นสิ่งต่างๆขึ้นมา
    โดยอาศัย “อารมณ์ความรู้สึก” (Emotions) แห่งการแบ่งแยก
    และแห่งการมีข้อจำกัดทั้งหลาย แล้วจากนั้น มันก็จะถูกกระตุ้นต่อไป
    โดย “เจตจำนงร่วมกันของคนทั้งโลก” (the Collective Intention)
    ที่อยากจะมีความเป็นตัวใครตัวมันแบบสุดขั้ว

    ส่วน “แมทริกซ์ หรือ แม่พิมพ์ของโลกในมิติที่ 5”
    จะถูกสร้างขึ้นมา และจะถูกบำรุงรักษาเอาไว้
    โดย “กระแสความคิด” (Thoughts) แห่งความเป็นเอกภาพ
    และแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของสิ่งมีชีวิตทั้งโลก
    และรวมถึงจะถูกสร้างขึ้นมา และจะถูกบำรุงรักษาเอาไว้
    โดย อารมณ์ความรู้สึกแบบไม่มีเงื่อนไข, ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข,
    การยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไข, การให้อภัยแบบไม่มีเงื่อนไข
    และเจตจำนงร่วมกันที่จะเลื่อนระดับขึ้นของสิ่งมีชีวิตทั้งโลก...


    ...When your consciousness expands beyond the confines of
    the third dimension, the vessel in which that consciousness
    resides must also expand. This process is much like
    the hermit crab who outgrows its shell and must search for
    a larger one.

    In Earth’s “past,” when humans achieved the state
    of consciousness that many of you are now experiencing,
    they would individually ascend. That is, the physical vehicle
    would “die,” because the vibratory rate
    of their consciousness was too high for that body
    to accommodate.

    ...เมื่อใดที่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ ขยายขอบเขตออกไป
    จนเกินเลยข้อจำกัดของมิติที่ 3 แล้ว
    ภาชนะที่ห่อหุ้มจิตสำนึก/ความตระหนักรู้อันนั้นอยู่
    ก็จะต้องขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งกระบวนการนี้ ก็จะเหมือนกับการที่ปูเสฉวน
    จะต้องหาเปลือกใหม่อยู่ เมื่อมันตัวโตขึ้นนั่นเอง

    ในยุคอดีตกาลของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ เมื่อใดที่มนุษย์คนใดคนหนึ่ง
    สามารถบรรลุถึงขั้น มีระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ ที่พวกคุณหลายคน
    กำลังมีประสบการณ์อยู่ในขณะนี้ได้แล้ว พวกเขาก็จะต้องเลื่อนระดับขึ้นไป
    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า “ร่างกายเนื้อของพวกเขาจะต้องตายลงไป” นั่นเอง
    เพราะว่าระดับความสั่นสะเทือนของจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกเขา
    สูงเกินกว่าที่ร่างกายเนื้อของพวกเขาจะทานทนอยู่ได้นั่นเอง

    Fortunately, Gaia, as well as a great many other humans,
    cetaceans, animals and plants, is also
    expanding Her consciousness. Even the mineral kingdom
    is raising its consciousness.

    Due to this vibrational shift of the planet,
    you all have the opportunity to “ascend”
    into the higher dimensions without “dying.”

    แต่โชคดีที่..ตอนนี้ ไกอา และมนุษย์โลกจำนวนมากมาย
    รวมถึงปลาวาฬและปลาโลมา, สัตว์ทั้งหลาย และพืชทั้งหลายด้วย
    กำลังมีระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอยู่
    และแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรแร่ธาตุก็ด้วย
    ก็กำลังมีระดับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

    และเพราะระดับความสั่นสะเทือน
    ที่เพิ่มขึ้นของดาวเคราะห์โลกนี้เอง
    จึงทำให้พวกคุณทุกๆคน มีโอกาสที่จะได้
    “เลื่อนระดับขึ้น” ไปสู่มิติที่สูงขึ้น โดยไม่ต้อง ”ตาย”...

    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2013
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความจากชาว Arcturian
    เรื่อง: กายที่อยู่ในมิติต่างๆ (DIMENSIONAL BODIES)


    ที่มา: http://www.multidimensions.com/Superconscious/super_intuition_home.html


    การเปลี่ยนจากมิติที่ 3 ไปสู่มิติที่ 4 นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก
    เพราะว่าพวกคุณก็เปลี่ยนกันอยู่เป็นประจำทุกคืนอยู่แล้ว
    ในระหว่างที่พวกคุณนอนหลับ แล้วเข้าไปอยู่ใน “กายฝัน” (night body)
    ของตัวเอง

    แต่ว่าการเปลี่ยนจากมิติที่ 4 ซึ่งเป็นมิติที่ยังมี “ความเป็นขั้ว” อยู่นั้น
    ไปสู่มิติที่ 5 ซึ่งเป็นมิติที่ปราศจากความเป็นขั้วแล้วนั้น
    เป็นสิ่งที่ต้องใช้การปรับตัวอย่างมาก สำหรับจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณ
    และเป็นสิ่งที่จะต้องใช้การปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายเนื้อของพวกคุณ
    ให้กลายไปเป็น “กายแห่งแสงสว่าง” (Lightbody) อย่างสิ้นเชิงอีกด้วย

    ซึ่งเมื่อใดที่พวกคุณสามารถเข้าไปอยู่ในมิติที่ 5 ได้แล้ว
    การเปลี่ยนไปอยู่ในมิติที่สูงๆกว่านั้นขึ้นไปอีก ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว
    เพราะว่ามันจะไม่มี “ความเป็นขั้วแห่งการแบ่งแยกและการมีข้อจำกัด”
    (the polarities of “separation” and “limitation”) ใดๆเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว


    ในจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของมิติที่ 6 พวกคุณจะมีความตระหนักรู้อยู่อย่างลึกซึ้ง
    ถึงกายของ ”ความเป็นเด็กอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง” (your Divine Child)
    ซึ่งเป็นกายที่สามารถทำให้ “จินตนาการ” (imagination) กลายมาเป็น
    “สิ่งสร้างสรรค์” (creation) ได้อย่างง่ายดาย

    ในมิติที่ 6 นี้ ด้วยการร่วมมือกับ Divine Child ของตัวเอง พวกคุณก็จะ
    สามารถเขียนหรือตั้งโปรแกรมใหม่ ให้กับโฮโลแกรมใดๆ หรือแม้แต่
    ให้กับโฮโลแกรมทุกๆโฮโลแกรมของตัวเอง ที่อยู่ในมิติที่ 5 ลงมาจนถึงมิติที่ 3 ได้

    ด้วยความรู้ความเข้าใจของมิติที่ 6 นี้ พวกคุณก็จะรู้ว่า การยอมตามและไหลไปตาม
    กระแสของ “ความเป็นหนึ่งเดียว” (the ONE) คือวิธีที่จะทำให้พวกคุณ
    สามารถกลายเป็น “ผู้สร้างอย่างมีสติสัมปชัญญะ” ของ “กาย” ใดๆ
    หรือ ของโลกแห่งความเป็นจริงใดๆ ที่พวกคุณปราถนาที่จะมีประสบการณ์ได้


    ในมิติที่ 7 พวกคุณจะได้กลับไปสู่ “จิตวิญญาณต้นธาตุ” (Oversoul) ของตัวเอง
    และจะกลายไปเป็น “ร่าง” (the Body) ของครอบครัวชาวจิตวิญญาณของตัวเอง
    และในฐานะของการเป็นจิตวิญญาณต้นธาตุนั้น พวกคุณจะทำหน้าที่เป็น “ผู้ลำเลียง”
    (transporter) ซึ่งจะลำเลียงเอาคลื่นความถี่จากมิติที่สูงๆกว่า
    ลงไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่อยู่ในมิติที่ต่ำกว่าทั้งหลาย
    และพวกคุณก็จะทำหน้าที่เป็นผู้นำทางและเป็นผู้กำกับดูแล กายทุกกาย
    ที่ครอบครัวชาวจิตวิญญาณของพวกคุณ เลือกที่จะสวมใส่อยู่ทั้งหมดด้วย


    มิติที่ 8 เป็นมิติแห่ง “พลังงานแม่แบบ” (Archetypal Energy)
    ซึ่งในมิตินี้ ”กาย” ของพวกคุณ จะไม่อยู่ในรูปของกายเดี่ยวๆอีกต่อไปแล้ว
    แต่จะอยู่ในรูปของ “แม่พิมพ์” หรือแม่แบบ ของกายต้นฉบับทุกๆกาย
    ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงทุกๆโลก
    ที่สมาชิกในครอบครัวชาวจิตวิญญาณของพวกคุณทั้งหมด
    เลือกที่จะไปทำการทดลองอยู่ ในโลกที่อยู่ในมิติที่ต่ำๆกว่าทั้งหมด ทุกๆโลก


    ในมิติที่ 9 มันจะไม่มีความเป็นเอกเทศเหลืออยู่เลย
    และตามปกติแล้ว พวกคุณก็จะดำรงอยู่
    แบบมีแต่จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ล้วนๆ


    แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเมื่อใดที่ “จิตสำนึกแบบกลุ่ม” (Group Consciousness)
    ที่ขยายตัวอย่างมากมายแล้วนี้ของพวกคุณ
    เกิดอยากที่จะมีประสบการณ์ในกายเนื้อขึ้นมาบ้างหละก็
    สิ่งใดก็ตาม ที่มีขนาดเล็กไปกว่าดาวเคราะห์ทั้งดวง
    ก็จะไม่สามารถที่จะมาทำหน้าที่เป็น “กาย” เพื่อรองรับจิตสำนึกของพวกคุณได้


    ในมิติที่ 10 จิตสำนึกแบบกลุ่มของพวกคุณ ก็จะมีการขยายตัวมากขึ้นไปอีก
    ดังนั้น จึงมีแต่ระบบสุริยะทั้งระบบเท่านั้น ที่จะสามารถมาทำหน้าที่
    เป็น “กาย” เพื่อรองรับจิตสำนึกของพวกคุณได้


    ในมิติที่ 11 จิตสำนึกแบบกลุ่มของพวกคุณ ก็จะมีการขยายตัวมากขึ้นไปอีก
    ดังนั้น จะมีก็แต่กาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่เท่านั้น ที่จะสามารถทำหน้าที่
    เป็น “กาย” เพื่อรองรับจิตสำนึกของพวกคุณได้


    ในมิติที่ 12 พวกคุณก็จะได้กลับไปสู่ “แหล่งกำเนิด” (the Source)
    และจะได้กลับไปดำรงอยู่ในรูปแบบของ “จิตสำนึกอันเป็นเอกภาพ”
    (Unity Consciousness) กับรูปแบบที่เป็นวัตถุธาตุทางกายภาพ
    ของจักรวาลทั้งจักรวาล ในท้องถิ่นของพวกคุณเอง


    นอกจากนี้ มันก็ยังมี “รูปธรรมชีวิตหลากมิติ” อยู่อีกมากมาย
    ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของวัตถุธาตุทางกายภาพใดๆทั้งสิ้น
    เช่น พวกเทวะ (Devas), อีโลฮิม (Elohim), เทพ (Angel),
    และมหาเทพ (Archangel) ทั้งหลาย ผู้ที่ปกติแล้ว
    จะดำรงอยู่ในรูปแบบของ “จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ล้วนๆ”
    (pure consciousness) และพวกเขาก็สามารถ
    เดินทางข้ามมิติต่างๆไปได้อย่างง่ายดาย เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่น


    รูปธรรมชีวิตเหล่านี้ สามารถที่จะสร้าง “กาย” ขึ้นมาแบบใดก็ได้
    และในมิติใดก็ได้ด้วย แล้วจากนั้น ก็สามารถที่จะกลับคืนไปอยู่ในรูปแบบของ
    จิตสำนึก/ความตระหนักรู้ล้วนๆ ใหม่อีกครั้งหนึ่งได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

    พวกเขาอาจจะเลือกที่จะสวมใส่ “กายมนุษย์” ก็ได้ด้วยซ้ำไป ถ้าพวกเขารู้สึกว่า
    นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ภาระกิจของพวกเขาสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

    แต่อย่างไรก็ตาม ปกติแล้ว พวกเขาก็มักจะเลือกที่จะสื่อสาร
    คลื่นความสั่นสะเทือนของพวกเขาลงมา
    ผ่านทางผู้ที่กำลังอยู่ในรูปกายทางกายภาพอยู่แล้วซะมากกว่า
    อย่างที่พวกเรากำลังจะขอให้พวกคุณทำอยู่นี่แหละ....


    ปล. ข้อความที่เกี่ยวกับธรรมชาติของทวยเทพ
    มีอยู่ในอีกกระทู้หนึ่ง ที่คุณ kindred แปลไว้นะครับ

    ในลิงค์ข้างล่างนี้ครับ..


    "ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron"

    http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron.282385/
    ...............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2014
  12. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    จบหรือยังครับ
     
  13. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433

    ถ้าเป็น 3-4 ปีก่อนก็ "มันจบแล้วครับนาย"


    (smile)

    [​IMG]

    แซวเล่นขำ ๆ นะครับ อย่าซีเรียสกันล่ะ

    (deejai)
     
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมเพิ่งอ่านไปได้ไม่เท่าไหร่เองหนะครับ
    ดังนั้น ผมก็เลยยังตอบไม่ได้ว่าจบหรือยัง
    เพราะว่าถ้าผมอ่านไปเจออะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
    ผมก็อาจจะเอามาลงรวมกันไว้ในกระทู้นี้

    ...แต่ถ้าไม่เจอก็แล้วไปนะครับ...

    ..........................................
     
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    บางส่วนของข้อความจากท่านมิคาเอล (Archangel Michael)

    ที่มา:
    Going Higher and Higher > Carolyn Ann O'Riley


    ...Ah! but you still think that the Earth Mother
    is this molten ball of rock, water and air
    which is how human perceptions view her.


    โอ..แต่ว่าพวกคุณยังคงคิดอยู่ว่า ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
    ก็คือลูกกลมๆที่เกิดจากหินที่หลอมละลาย, น้ำ และอากาศ ใช่ไหม๊
    ซึ่งเป็นแบบที่มนุษย์มองเธอ ตามความเข้าใจของมนุษย์เอง


    My Beloveds your Earth Mother
    is a collective body made up of
    the highest Angelics that there are.

    They volunteered for this assignment
    but the intention was never
    to have the human population
    descend into such a negative level
    within mass consciousness...


    แต่ว่า..ที่รักทั้งหลาย..ดาวเคราะห์แม่โลกของพวกคุณ
    ก็คือร่างกายหนึ่ง ที่เกิดจากการรวมตัวกันขึ้น
    ของเหล่าทวยเทพทั้งหลายที่อยู่ในมิติที่สูงที่สุดที่มีอยู่

    พวกเขารับอาสามาเพื่อมาทำหน้าที่นี้
    แต่ว่าความตั้งใจดั้งเดิมของพวกเขานั้น
    ไม่เคยเลยที่จะอยากให้จิตสำนึกมวลรวมของมนุษย์โลก
    ต้องตกต่ำลงมาสู่ระดับที่เป็นลบมากถึงเพียงนี้


    All is not what it appears to be
    My Divine Beings of Grace.
    You are not these human forms
    having a Spiritual experience,
    you are Spiritual Beings of Light
    having a physical experience.


    ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่มันปรากฎให้เห็นเสมอไป
    รูปธรรมชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์และงดงามของเราทั้งหลาย
    เพราะว่าพวกคุณไม่ใช่มนุษย์
    ที่กำลังมีประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณอยู่
    แต่ว่าพวกคุณคือรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างที่เป็นจิตวิญญาณ
    ที่กำลังมีประสบการณ์อยู่ในร่างมนุษย์ต่างหากหละ


    There are a number of other lesson schools
    My Beloveds but Planet Earth is the toughest around.


    มันยังมี "โรงเรียนเพื่อการเรียนรู้" แห่งอื่นๆอยู่อีกจำนวนหนึ่ง
    แต่ว่าที่รักทั้งหลาย "ดาวเคราะหืโลก" เป็นโรงเรียนที่โหดที่สุด
    ในบรรดาโรงเรียนทั้งหลาย


    You have incarnated here for a very specific reason,
    you desired to experience duality and polarity first hand.
    The lessons and experiences here
    during these times within the Earth Plane
    are escalating your higher evolutionary process
    and putting you on the fast track for upward mobility
    within the Etheric Celestial Realms.


    พวกคุณได้พากันลงมาเกิดที่นี่ก็ด้วยเหตุุผลที่พิเศษมากๆ
    เพราะว่าพวกคุณต้องการที่จะมีประสบการณ์กับ
    ความเป็นขั้วและความเป็นทวิภาวะเป็นอันดับแรก
    บทเรียนและประสบการณ์ทั้งหลายที่ได้จากที่นี่
    ในช่วงเวลานี้ บนระนาบแห่งโลกใบนี้นั้น
    กำลังช่วยเพิ่มพูนกระบวนการทางวิวัฒนาการของพวกคุณให้สูงขึ้นอยู่
    และกำลังช่วยให้พวกคุณขึ้นไปอยู่บนเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับขึ้น
    เพื่อเข้าไปอยู่ในอาณาเขตแห่งโลกทิพย์ที่สูงขึ้น อย่างรวดเร็วอยู่...

    ...................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2013
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ปล. ข้อความที่เกี่ยวกับธรรมชาติของทวยเทพ
    มีอยู่ในอีกกระทู้หนึ่ง ที่คุณ kindred แปลไว้นะครับ

    ในลิงค์ข้างล่างนี้ครับ..


    "ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron"

    http://palungjit.org/threads/ข้อความจากต่างมิติ-ธรรมชาติของเทพ-จาก-มหาเทพ-metatron.282385/

    ................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2014
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    โพสต์ที่ 37 ผมมีแปลและโพสต์เพิ่มเติมอีกนิดหน่อยนะครับ

    ..................................................................
     
  18. Issara

    Issara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +433

    เนื้อความนี้ข้อความจากต่างมิติหลายแหล่งกล่าวได้ตรงกันมาก

    แต่จริง ๆ นะ บางทีมันทำให้ผมเครียด เพราะมันเหมือนกับว่า เราเป็นสิ่งสูงส่งอยู่แล้ว เจิดจรัสอยู่แล้ว รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อมาเรียนรู้สิ่งที่รู้แล้วอีก ไม่เข้าใจ ๆ ๆ ๆ จริง ๆ

    (cry)

    ยิ่งอ่านบางครั้งยิ่งเครียดไปใหญ่ เมื่อเจอข้อความประมาณว่า เรา(เทพ พุทธ เทวดา angle สรรพสิ่งทั้งปวง All That Is)กับ เธอ(คนที่อ่านหรือฟังอยู่เนี่ย) เป็นสิ่งเดียวกัน โอ๊ยยยย บางทีอยากร้องดัง ๆ เป็นสิ่งเดียวกัน แล้วทำไมเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยฟ่ะ ทุกข์จังเลย อึดอัดจังเลย เครียดจังเลย แต่รู้สึกเหมือนฝั่งที่ส่งสาร ข้อความ มาสื่อให้เราฟัง (แมร่ง)รู้ทุกเรื่องเลยอ่ะ เรากำลังโดนหลอกอยู่รึเปล่าเนี่ย เรากำลังเดินทางผิดรึเปล่าเนี่ย เราหมดหนทางแล้วใช่ไหมเนี่ย เครียดเหลือเกิน

    :':)':)'(

    อันนี้เป็นความรู้สึกช่วงก่อนนะครับที่รู้สึกอย่างนี้จริง ๆ เพราะผมเคยบอกแล้วว่าถ้าอ่านเอาเรื่องกับข้อความเหล่านี้ บางทีมันจะเครียดมาก นี่ก็มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง แต่ช่วงหลังก็ความเครียดน้อยลง รู้สึกเบา ๆ ไม่หนักอะไรเวลาอ่าน ความรู้สึกลึก ๆ มันเหมือนบอกว่ามีอะไรอยู่อีก อะไรสักอย่างรออยู่ เป็นอะไรที่มีค่ามากด้วย ก็เลยเลือกเชื่อความรู้สึก ศึกษามันต่อไป

    (kiss)
     
  19. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ;41 ........ (^^)\\
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความตอนต่อไปราวๆ 1 หรือ 2 โพสต์ถัดไปนี้
    น่าจะช่วยให้เข้าใจอะไรๆได้กระจ่างมากขึ้น
    คาดว่าอย่างนั้นหนะนะครับ..
    แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วยนะครับ

    ...........................................
     

แชร์หน้านี้

Loading...