คนเราเกิดมาเพื่ออะไร

ก่อนจะตอบ ให้ชัดเจน อย่าเพิ่งตั้งคำถามไปไกล ให้ตั้งคำถามว่า พรุ่งนี้ทำไมเราต้องทำงาน พรุ่งนี้ทำไมเราต้องตื่น

พรุ่งนี้ทำไมเราต้องเดินทาง คำถามเหล่านี้ เช่นเดียวกับคำถามว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร แต่เราจะไม่ตั้งคำถามแบบนั้น แต่เราต้องตั้งคำถามใหม่ว่า ทำไมเราต้องเกิด เพราะเรื่องการเกิด เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่า ทำไปเพื่ออะไร ถ้าทำไปเพื่ออะไรนี้ เราควบคุมได้ นะ ถึงจะเลือกว่า ทำไปเพื่ออะไร แต่นี่เราคุมไม่ได้ มันมีปัจจัยที่ยังหลงเหลืออยู่ เนื่องจากการกระทำของเรา มันก็ต้องเกิด

ก็ย้อนกลับมาที่ พรุ่งนี้ทำไมเราต้องไปทำงาน พรุ่งนี้ทำไมเด็กต้องไปเรียนหนังสือ ก็ตอบว่ามันมีปัจจัยต่างๆ เกื้ออยู่ เช่นว่า เราต้องดำรงชีพ ต้องหาเงิน เราต้องเลี้ยงครอบครัว เราต้องผ่อนบ้าน เราต้องๆๆ ต่างๆ มากมาย
นี่แค่เรื่องของ วันพรุ่งนี้ เรายังต้องดำเนินการสานต่อ ถึงขนาดนี้ แล้วเรื่องภพเรื่องชาติ ที่มันโยงใย มาทั้งชีวิต มันไม่มากกว่าหรือ เราก็เลย เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่เกิด เหมือนกับเลี่ยงไม่ได้ ที่จะไม่ไปทำงานพรุ่งนี้

เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ได้เกิดมาเพื่ออะไร แต่เกิดมาเพราะอะไร เพราะว่า เราสร้างนั้นสร้างนี้เอาไว้ เราทำนั้นทำนี้เอาไว้ มันก็ต้องดำเนินตามกรรมที่ได้กระทำกันไปนั่นแหละ

คำถามอื่นขี้เกียจตอบ ไร้สาระ เอาง่ายที่สุดนะ
พรุ่งนี้ คุณจะไปอยู่ ณ ตรงจุดไหนบ้าง ในที่ทำงานของคุณ เราก็ตอบไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยของวันพรุ่งนี้ว่าเราจะเดินไปที่ไหน อย่างไร นั่นแหละคือคำตอบของ การที่ตายแล้วไปไหน
มันขึ้นอยู่กับปัจจัย แต่ถ้าเรามีสติ เราระลึกรู้เราก็เลือกเดินได้ ถูกไหม

จิตนี้ไม่ตาย มองให้เห็นตัวที่ไม่ตายนี้เถอะ มันอยู่ที่จิตนี้ มันจะไปตายอย่างไร

 

ท่านก็มาแนวปรมัติธรรมจังเลยนะครับ คุณขันธ์ ไม่ตอบง่ายๆ ไปเลยล่ะว่า เพราะเหตุและปัจจัย จะบอกว่าตอบคำถามนี้ก็ไม่เชิง จะบอกว่าไม่ได้ตอบก็ไม่เชิง

กระทู้ถามว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ซึ่งก็รวมไปถึง ทำไมต้องเกิด เกิดมาแล้วอยู่ไปเพื่ออะไร ตายแล้วไปไหนต่อ และจุดเริ่มต้นของการเกิดอยู่ตรงไหน เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดในชาติแรกคืออะไร

คุณขันธ์ก็ช่วยตอบให้ชัดและตรงหน่อยนะครับ

 

สงสัย วิมุด นี่ จะต้องมุดดินไปแล้วแหละ ตอบง่ายๆ ว่าเหตุและปัจจัย เท่านั้นนะหรือ เหตุและปัจจัยอะไรหละ
กระทู้ที่ถามว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร และทำไมต้องเกิด และอยู่ไปเพื่ออะไร และตายแล้วไปไหน ผมตอบรวมความในกระทู้ไปแล้ว ไปอ่านแล้วตีความให้ดีก่อนจะมาแย้ง
ความชัดและความตรง จะเอาอะไรมาวัดหละ มุดดิน

ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์กล่าวเอาไว้เรื่องขันธ์ 5 ชัดและตรงที่สุด คนกิเลสหนามันก็ไม่เข้าใจ
ก็ ต้องไปวิ่งหาตรงนั้นตรงนี้ ทีนี้ความชัดเจน มันขึ้นอยู่กับองค์ปัญญา และตัณหานะ
กิลเสหนามากมันก็ไม่ชัด กิเลสเบา มันก็ชัดหน่อย

 

อย่าประมาท

เกิดมาเพื่อตายตายแล้วเกิดอีกก็ตายไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่รวยหรือจนชายหรือหญิงก็ตาย อย่าประมาทเลย ประมาทนะที่นี่คือเมื่อรู้ว่าเราจะต้องตายก็ให้มั่นธรรมบุญไว้เยอะๆ อย่าคิดว่าไปทำตอนแก่หรือเดี๋ยวทำก็ได้ ตอนนี้ให้สนุกก่อนคุณมัวแต่สนุกแต่คุณตายแล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง จงเตือนตนว่าตัวเองจะตายทุกเมื่อทุกเวลาทุกวินาทีพรุ่งนี้เราจะมีลมหายใจต่อไปไหม หรือเราอยู่เฉยก็ตายไปเฉยก็ได้ อย่าประมาทเลย ทำความดีไว้เยอะๆนะ

 

เอารูปบ้า อะไรมาลง เนี่ย ดูแล้วจะอ๊วก กินข้าวไม่ลง
อสุภ นี้ ต้องดูเพื่อปลง ไม่ใช่ดูแล้วหลอน เอาภาพศพตายโหงมาให้คนอื่นดูมัน หลอนนะ
สมัยพุทธกาล เขาให้ไปเจิรญอสุภ คือ ไปดูสภาพความเป็นจริง ที่มันจะค่อยๆ แปรสภาพ เพื่อให้ถอนความยึดมั่น ไม่ใช่มาดูภาพคนตายโหงนี่ มันไม่จรรโลง ไม่ใช่อสุภ
คนพุทธ หัดเข้าใจใหม่ ภาพ ทะลึ่งพวกนี่มันเป็นภาพที่รุนแรง ไม่ใช่ความเป็นไปของธรรมชาติ

ทีนี้ คนไม่เข้าใจก็ไปดูแต่ภาพแบบนี้ จิตมันก็เตลิด นอกจากปลงไม่ได้แล้วยังผวา และกลัว
ก็ ให้เข้าใจกันหน่อย ไม่ใช่สักแต่ว่า เอาภาพศพมาดูกัน

 

เอาเตือนสติคน

 

มาเตือนสติคนที่ขาดสติไม่ให้ประมาท

 

แล้วสมัยนี้มีคนตายแบบธรรมชาติให้คุณปรงบ้างไหมละคับ

 

เอาเถอะ ตามสบายครับ แต่ผมไม่เอาด้วยคน เห็นแล้ว หน้ามืดจะเป็นลม เวียนหัว
ผมคงยังปลงไม่ได้ แหละ

 

เห็นคำถามแล้วขอเป็นลมก่อนได้เป่า??
-*-

 

มีข้อคิดให้อย่างหนึ่ง
มีกิเลสร้อยแปดให้ จัดการ ทำไมไม่เลือกจัดการ
ราคะ เป็นสังโยชน์ชั้นสูง คิดจะไปประหารด้วย อำนาจอสุภะ แต่สังโยชน์เบื้องต่ำยังละไม่ได้
กิเลสตัวง่ายๆ คือ การกำจัด ความกำกวม ความคลุมเครือ ความกลัว ความขี้ขลาด นิสัยหยาบๆ เช่นขี้เกียจ โลภมาก เห็นแก่ตัว ผูกโกรธ พยาบาท สิ่งเหล่านี้เราควร กำจัดออกจากสันดาน เสียก่อน ค่อยๆ ฝืน เรียกว่า ฝืนกิเลส ยังไม่ต้อง ไปดูภาพศพ ไป เพ่งกสิณ ตราบใด กิเลสพวกนี้ยังดองอยู่เรายังชนะไม่ได้ เราจะไปชนะสิ่งที่มันแยบยลกว่านี้ได้อย่างไร

ก็เวลา ปฏิบัติธรรม แบบไม่รู้ว่า เราควรทำอะไรก่อนหลัง หรือ ควรไม่ควร เหล่านี้แหละที่เรียกว่า สีลพตรปรามาส เขาว่าดีก็ดี ไม่พิจารณาก่อนว่า อะไรก่อนอะไรหลัง มันก็ไม่สำเร็จ

 

(b-deejai)

 

แต่อย่างน้อยก็ทำให้ประเด็นเบี่ยงได้ ^^

 

เป็นคำถามที่ดี

คนเราเกิดมาทำไม?
คำถามที่แต่ละผู้ แต่ละนามตอบออกมาจากคำถามเดียวกันนี้จะเป็นบรรทัดฐานสำคัญของชีวิต และหลักในการใช้ชีวิตของแต่ละคน ว่าจะคุ้มค่าขนาดใหนที่ได้ถือเกิดมาเป็นคน
ในความเห็นของข้าพเจ้า คนเราเกิดมาเพื่อปฏิบัติกิจสองอย่าง คือ
1. หน้าที่โดยสมมุติ ที่ติดมาพร้อมๆกับการกำเนิดเกิดก่อ ของชีวิตที่เรียกว่าคน
เช่น เป็น ลูก เป็น น้อง เป็นพี่ เป็นพ่อ เป็น แม่ เป็น อีกหลายบทบาทในสังคม ที่เค้าสมมุติ ทุกบทบาททุกหน้าที่ ที่เราประจำอยู่ พึงปฏิบัติให้ครบถ้วนตามกำลังความสามารถเท่าที่จะทำได้
2. หน้าที่โดยแท้จริง คือ การอบรบ จิต ให้ก่อเกิดปัญญา เห็นสรรพสิ่งได้ตามสภาพความเป็นจริง จะได้ไม่หลงโลก หลงธรรม อันจะทำให้เกิดข้อกังขา วุ่นวาย เวียนตาย เวียนเกิด รับบทบาทสมมุติไปจนไม่รู้จักจบสิ้น

วิชา ขององค์จอมไตร เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติจึงจะเห็นผลตามได้ และมีไว้เพื่อการปฏิบัติโดยแท้ มิใช่มีไว้เพียงเพื่อขบคิด คาดคะเน แล้วก็โอ้อวด กับสิ่งที่ คิดที่คาดคะเน เอาเองถ่ายเดียว

 

โจทย์นี้มีคนเคยตั้งถามพระมาแล้วนะคะ ทางรายการวิทยุ
แต่พระท่านบอกว่า ควรสนใจเรื่องอื่นจะดีกว่า มาคิดเรื่องพวกนี้
คิดเรื่อง ปัจุบัน แล้ว อนาคตดีกว่า

 

เกิดมาเพื่อให้รู้การเกิดนี่มันเป็นทุกข์ เมื่อรู้ว่ามีทุกข์แล้ว ก็ดำเนินการดับทุกข์ที่ทางที่พระพุทธองค์ท่านได้สอนไว้ ถ้ายังไม่รู้ว่าการเกิดเป็นทุกข์ก็จะมีการเกิดอยู่ตลอดไป เป็นวัฏฏจักร์ที่ไม่จบไม่สิ้น

ฉะนั้นต้องค้นหาทุกข์ของตัวเอง และดับทุกข์ของตัวเองให้ได้

 

เกิดมาเพื่อใช้กรรมและสร้างกรรมกันต่อไป ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ถ้าถามว่าทำอย่างไรถึงจะไม่เกิดอีก คงตอบง่ายกว่านี้เยอะเลยครับ

 

คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ???

ขจัดนิสัยต่างๆ ให้หมดไปจากจิตใจ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

คนเราเกิดมาทำไม

สมมุติ ว่าชาติก่อน ผมตกนรกไปได้รับความทรมานมากมาย ระหว่างนั้นเลยได้อฐิษฐานว่าหากได้เกิดชาติใหม่ขอให้ได้ปฏิบัติธรรม เพื่อสร้างกุศลต่อไปจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจะได้เป็นเทวดาได้รับความสุขบ้าง
สมมุติ ว่าชาติก่อนคุณเป็นเทวดา และได้เวลาจะมาจุติ คุณก็ต้องขอว่าจะขอเกิดมาเป็นมนุษเพื่อปฏิบัติธรรมสร้างกุศลจะได้ไปอยู่แดนนิพพาน จะได้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก

ใครก็ได้ลองคิดดูสิคนเราเกิดมาทำไม ?

ดั้งนั้นหน้าที่ของคุณ ก็คือเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่า ไช่หรือไม่ และถ้าไปหลงเพลินกับสิ่งมอมเมาในอบายมุขต่าง ๆ ก็เป็นการสร้างกรรมไช่หรือไม่ ?

ข้อต่อมา คนเราต้องสืบทอดเผ่านพันธุ์ หากไม่มีการสืบพันธุ์ คุณจะได้เกิดมาเพื่อไปอยู่แดนนิพพานได้เหรอ
ผมจะได้มีโอกาสเห็นสวรรค์บ้างไหม ?

ข้อต่อมา ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเวบบอร์ดนี้ พึงได้ทราบว่า คุณได้พึงลั่นวาจาไว้แล้วในอดีตชาติ ว่าจะสร้างกุศล สร้างความดีงาม อย่าลืมคำสัญญาที่ให้ไว้นะครับ

นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า

คนเราเกิดมา มีหน้าที่ใช้กรรม สร้างกรรม

มีหน้าที่สืบทอดเผ่าพันธุ์

และมีหน้าที่อบรมจิตใจ

หากไม่เห็นด้วย ช่วยกล่าวว่าไม่เห็นด้วยครับ จะได้ไม่นำไปโพสน์ที่อื่นหากมีผู้ไม่เห็นด้วยเยอะ

 

ศีล 5 กรรมบท 10 ทำให้ได้นะครับ พัฒนาจิต คิดพัฒนาจิตใจ รักษาศีลให้ครบ สุขกาย สบายใจกว่าครับ