จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงตั้งจิต อธิษฐานมุ่งแสวงหาโมกขธรรม จึงได้ปลง

    ...พระเกศาด้วยพระองค์เอง...

    บุคคลที่ตั้งสัจจะนั้น จะต้องเป็นผู้จริงใจ และมุ่งมั่นอย่างแท้จริง และมีกำลังใจ

    เต็มเปี่ยม...เมื่อตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้ว ย่อมต้องทำให้สำเร็จจงได้...

    ...พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔ และกฏแห่งกรรมในการเวียนว่ายตาย

    เกิด พระพุทธศาสนา...จึงเป็นศาสนาแห่งความจริงของคน ความจริงที่ร่างกาย ความจริง

    ในจิตใจของคน...ความเป็นคน นิสัยใจคอ สันดานที่เป็นคน เป็นสัตว์ เทพ พรหม...

    ...เวียนว่ายตายเกิด...เพราะกิเลสในใจด้วยความยึดมั่นถือมั่น ในอารมณ์ความรู้สึกสุข

    และทุกข์ ในความโลภ ความโกรธ ความหลง...ความหลงตน เพราะไม่เห็นความจริง...

    ...เกิดตัณหา ด้วยยินดีพอใจในกายมนุษย์ กายสัตว์หลงเป็นตัวตน พอใจเป็นนั่นเป็นนี่

    และไม่ยอมรับความจริง...เมื่อความจริงเกิดขึ้น มนุษย์ สัตว์ เทพ พรหม จึงเวียนว่ายตาย

    เกิดไปตามอำนาจกรรมที่ตนยึดถืออยู่เพราะไม่รู้ทุกข์...รู้โทษ ของภพชาติ...

    ...เจ้าชายสิทธัตถะ...ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระองค์เอง...

    ทรงปล่อยวางตัวตน...และพิจารณากิเลสสันดานในจิตใจจนหลุดพ้นจากทุกข์ทางกาย...

    ...และทุกข์ทางใจ ด้วยทรงรู้ทุกข์ และรู้ว่าร่างกายทั้งหมดเป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นทุกข์

    แท้ พระองค์ทรงปล่อยวางร่างกาย...ไม่หลงเป็นตัวตนอีกเลย ด้วยจิตที่เข้มแข็ง และเห็น

    ...ความจริงในกาย...ในใจ ทั้งหมด ท่านทรงตรึกตรองเองว่า...

    "เมื่อมีสิ่งทำให้ต้องมาเกิด...ก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้ไม่ต้องมาเกิดได้อีกเช่นกัน"

    ...คัดจากหนังสือสโรชา พ. ศ. ๒๕๔๗.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2013
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ลมหายใจคลายทุกข์
    แผ่นที่ ๑-๒ พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=kkeRh0EVTjQ]ลมหายใจคลายทุกข์ แผ่นที่ ๑-๒ - YouTube[/ame]
    ลมหายใจคลายทุกข์ แผ่นที่ ๑-๒ พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ วัดไตรสิกขาทลามลตารามงานวันนัดพบผู้ใฝ่ธรรม ปี พ.ศ. ๒๕๔๐
    หลังจากท่านแสงธรรม ในงานนี้แล้ว ๑๐วัน ท่านพระอาจารย์ ก็ป่วย
    เส็นเลือดแตกรอบแรกในวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๐

    *************************************
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ที่มา fb
     
  4. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    ที่มา fb
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมะใกล้ตัว ธรรมะใกล้ใจ
    อย่าเพิ่งไปคิด อย่าเพิ่งเข้าใจ ว่า..ธรรมะนั้นไกลตัวหรือไกลใจ
    อย่าเพิ่งไปคิด ว่า..ธรรมะนั้นเข้าใจยาก ธรรมะเป็นสมบัติของวัด/พระ/ผู้ใฝ่ธรรม
    เพราะธรรมะก็มีตั้งแต่หยาบ กลาง ละเอียด คนฉลาดก็ต้องรู้ ก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับเรา
    เพราะธรรมะก็มีอยู่ทุกอณูขุมขนของทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะสนใจธรรมหรือไม่ก็ตาม

    ธรรมะเปรียบได้ดั่งเนื้อกับหนัง เอ็นกับกระดูกหรือเส้นเลือดฝอยที่ฝังอยู่ตามเนื้อหนังมังสาของคนเรา

    ธรรมะเป็นของจริงแท้ มิใช่มายา
    ที่แท้ธรรมะนั้น ก็คือชีวิตประจำวันของคนเรานั่นเอง
    ธรรมะแทรกตัวอยู่ทุกอารมณ์ใจของเรา โดยเฉพาะกิเลส(รัก/โลภ/โกรธ/หลง) ตัณหาและอุปาทาน
    งานยังมีแค่เวลางาน แต่ธรรมะมันจะเข้าไปอยู่ทั้งก่อน/ระหว่าง/หลังทำงานเลย
    ลองมองกันให้ดีนะว่า..แท้ที่จริงธรรมะนั้นก็เหมือนลมหายใจทุกขณะจิต
    ลองสังเกตให้ดีนะว่า..ผู้ที่รู้สึกเบาใจเพราะมีธรรมะ ส่วนคนที่หนักใจมักมองหาธรรมะไม่เจอ
    เพียงแต่ว่าเราไม่ได้สนใจธรรมะกันเท่านั้นเอง
    เหมือนคนหลับตาย่อมมองไม่เห็นสิ่งใด แต่พอลืมตาขึ้นมาเราก็เห็นพอดีนั่นแหล่ะ
    เพราะฉะนั้นธรรมะก็เช่นเดียวกัน มันอยู่ที่เราสนใจไหม หรือสนใจตอนไหนเท่านั้นเอง

    Up to you!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2013
  6. ziang

    ziang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +12
    :z16ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปนั้นเกิดมาจากการปรุงแต่งของจิต...
    ถ้าบ้านสร้างมาจากต้นไม้ ถนนสร้างมาจากหิน ปูน หรือ ยางมะตอย อนาคตก็สร้างมาจากจิตหรือความคิดของทุกชีวิตบนโลกเช่นเดียวกัน ความคิดวิตกกังวนของคนๆหนึ่งก็ส่งผลกับเขาและคนรอบข้าง ความคิดวิตกกังวลของคนในชาติบ้านเมืองชาติใดชาติหนึ่งก็ส่งผลกับคนในชาติ ความกลัววิตกกังวลของคนทั้งโลกก็ส่งผลให้เดือดร้อนกันไปทั้งโลก ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรที่มีตัวต้นอยู่จริงๆเลย แม้แต้ความรู้ทาง "วิทยาศาสตร์" ที่มนุษย์ใช้เป็นที่ผึงอยู่ในปัจจุบันก็ไม่ใช้ข้อยกเว้น นอกจากวิทยาศาสตร์จะไม่สามารถช่วยอะไรมนุษย์ได้แล้วมันยังจะนำทางมนุษย์ไปลงเหวในที่สุดอีกด้วย ความจริงที่มนุษย์ทุกคนควรรู้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก่อนจะสายเกินไปถูกนำมาเผยแพร่ผ่านหนังสือ "Virtual World เทคนิคการควบคุมความฝัน" โดยท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่>>ถึงเวลาที่ทุกความฝันจะกลายเป็นจริง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เ่ต่าโบราณ

    เ่ต่าโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2010
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +3,624
    ไปมาแล้ว เพิ่งมาอ่านค่ะ ขอโทษที...
    ได้ไหว้พระที่วัดท่าซุง ขอพร หยอดตู้บริจาค
    แล้วไปบ้านสบายใจ ร่วมทำบุญ ร่วมถวายสังฆทาน ฟังท่านจิตโตคุย ท่านให้พรหมู่ ตอนถวายปัจจัย ท่านให้ผ้ายันต์มา 2 ผืน
    อนุโมทนากันนะจ๊ะ
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ธรรมสำหรับการครองเรือน)

    ๑. สัจจะ- ความจริง. ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง...

    ๒.ทมะ-การฝึกฝน. การข่มใจ ฝึกนิสัย ปรับตัว รู้จักควบคุมจิตใจ...

    แก้ไขข้อบกพร่อง ปรัฐปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา...

    ๓. ขันติ -ความอดทน. ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยัน เข้มแข็ง...

    ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมาย ไม่ท้อถอย...

    ๔.จาคะ- ความเสียสละ. สละกิเลส สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้

    ...ใจกว้างพร้อมรับฟังความเห็น พร้อมช่วยเหลือ ไม่เห็นแก่ตัว...

    ฆราวาสธรรม ๔. สำหรับการครองเรือน คัดจากหนังสือยกระดับชีวิตด้วยธรรม...



    [/SIZE]
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขณะนี้เวลาที่อังกฤษ สองทุ่มสี่สิบ เวลาที่เมืองไทยก็ตีสามสี่สิบแล้ว

    ซึ่งเป็นเช้าของวันที่ ๒๖ พ.ค.๒๕๕๖ เช้านี้ทุกๆท่านกำลังเดินทางไปทำบุญ

    ที่วัดท่าซุง ผู้เขียนนึกถึงวันที่ได้ไปกราบองค์สมเด็จพระปฐม และได้ไปกราบ

    ท่านพ่อฤาษีลิงดำ วันนั้นเป็นวันที่๒๕ ก.พ.๒๕๕๖ ครั้งแรกที่ไปวัดท่าซุง แต่

    ผู้เขียนมีความประทับใจมาก ในวันนั้น เพราะเกิดความปิติมากที่ได้ไปกราบ

    ท่าน. ไปที่นั่นวันนั้นแล้วก็มานึกถึงภาพของ วันพรุ่งนี้ที่ สมาคมจิตเกาะพระจะ

    เดินไปทำบุญกัน ก็อธิฐานจิตและส่งใจไปร่วมทำบุญด้วย ขอบุญกุศลที่ทุก ๆ

    ท่านที่ไปทำบุญร่วมกันกับคุณนิวเวป แม้ท่านคิดและประสงค์สิ่งใด ขอให้ทุก

    ท่านสมความมุ่งมั่นดังใจปรารถนาทุกๆประการ ขอร่วมอนุโมทนากับทุกๆท่าน

    และขอส่งใจไปน้อมกราบสมเด็จองค์ปฐมและทุกๆพระองค์ที่ประทับอยู่ที่วัด

    ท่าซุง. น้อมกราบท่านพ่อฤาษีลิงดำด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ.

    ...กราบนมัสการพระสงฆ์ทุกๆรูปด้วยเจ้าค่ะสาธุ สาธุ สาธุ.....
     
  10. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    นี้เป็นส่วนหนึ่งจากการบ้านลูกศิษย์ เธออนุญาตให้ครูเกษนำลงกระทู้ได้ เพื่อเป็นธรรมทานให้ทุกท่านได้โมทนาบุญกับเธออีกครั้งหนึ่งค่ะ..สาธุๆๆ
    ใกล้แล้ว...ใกล้แล้ว...ใกล้ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วจ้า...ขอแว๊ปไปหาดอกบัวบานสวยๆ เตรียมไว้ก่อนดีก่า..คิๆๆ
    ...:cool::cool::cool:

    เทียบกับบารมี 10
    1.ทานบารมี (การให้โดยไม่หวังผล) มีจิตปรารถนาจะสละด้วยการให้ทานอยู่เสมอ ในหัวข้อนี้ตูนขอตอบแบบเต็มร้อยเลยนะคะว่า เมื่อก่อนนั้นเวลาตูนทำทาน ยังมีบ้างนะคะ วันหนึ่งเราคงจะสบายมากกว่านี้ (เช่น ขอให้มีบ้าน มีหน้าที่การงานที่ดี หรือให้ได้เจอเนื้อคู่ที่ดี) ซึ่งในปััจจุบัน ตั้งแต่เริ่มทำจิตกระพระนั้น ตูนมีความรู้สึกเหมือนกับว่าทุกๆ ครั้งที่เราทำทาน อะไรใครๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรวมงาน แฟน หรือลูกชายของตูน และเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ต่างๆนั้น ทุกครั้งที่ตูนทำทานไปนั้นตูนไม่เคยนึกถึงผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น มีแต่ยิ่งทำทานมากขึ้นเท่าไหร ทำให้น้องจิตของตูนมีความสุขมากๆๆๆๆขึ้นด้วยคะ และทุกวันนี้ ตูนตั้งใจไว้เสมอว่าถ้าเรามีโอกาสเมื่อไหรนั้นเราจะทำทานตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทานด้านใดก็แล้วแต่ตูนมุ่งหวังจะทำอย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นทานโดยการให้เงินทอง หรือทานการช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่าจะช่วยเหลือทางวัด ทางโรงเรียน หรือสัตว์ต่างๆ ทั้งทางกาย (ช่วยออกแรง) ซึ่งตรงนี้ตูนทำมาตลอดคะ ซึ่งสมัยที่ตูนอยู่ตัวคนเดียวตูนกับลูกจะช่วยทางโรงเรียน และที่รับเลี้ยงดูแลลูกตูนในเวลาที่ตูนไปทำงาน ตูนจะช่วยทำอาหารไทยไปขายซึ่งรายได้ทั้งหมดนั้นตูนยกให้เป็นทุนการศึกษาหรือซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ซึ่งลูกชายตูนเค้าชอบมากๆ นะคะและได้ช่วยตูนขายของด้วยคะ ส่วนทานด้านการพูดนั้นตูนไม่เคยคิดเลยว่าเราสามารถทำทานอย่างนี้ได้ หลังจากได้ศึกษาธรรมมากขึ้นนั้นเราสามารทำทานด้านการพูดได้ คือพูดจาในสิ่งที่ดี ให้กำลังใจคนที่ผิดหวังต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้เราก็ทำอยู่แล้ว แต่ยิ่งได้รู้ได้เห็นตูนยิ่งชอบมากขึ้น โดยฉะเพราะที่คุณครูทำกับตูนนั้นถือว่าเป็นธรรมทานอย่างหนึ่งซึ่งตูนระลึกเสมอว่าคุณครูเกษเป็นเสมือนแสงสว่างที่ส่องให้ตูนเห็นธรรมมากขึ้น และตูนรู้สึกได้ว่าตูนมีจิตที่จะทำแบบคุณครูเกษนะคะ สุขที่ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหนและไม่ต้องวิ่งเต้นอะไรเลย ตูนขอขอบพระคุณมากๆ นะคะ และสุดท้ายทานในความคิดดีี(คิดแต่ในสิ่งที่ดี) ตูนจะปฏิบัติอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะคะคุณครูเกษ

    2.ศีลบารมี(รักษาศีล 5 เป็นปกติ) มีความรักในศีลห้า มีความตั้งใจทรงศีลห้าให้บริสุทธิ์ครบถ้วนอยู่เสมอ ซึ่งในหัวข้อนี้ตูนตอบอย่างมั่นใจเต็มร้อยคะ ว่าตูนจะรักษาศีลห้าให้มั่นคง แลทำให้บริสุทธ์อย่างเสมอ เพราะตูนเห็นแจ้งด้วยตัวเองนะคะ ถ้าเรารักษาศีล ศีลก็กลับมารักษาเราเองคะ ซึ่งทุกๆ วันนี้ ตูนโดนทดสอบอยู่ตลอดเวลาคะ แต่ตูนจะไม่หวั่นไหวกับบททดสอบของชีวิตที่เกิดขึ้น จะพยายามทำ และแก้ไขมันโดยใช้สติ และศีลนี้ควบคู่กันไปนะคะคุณครูเกษ

    3.เนกขัมมะบารมี(การถือบวช) บวชด้วยใจ คือสำรวมกาย วาจา ใจ อยู่เสมอ ในหัวข้อนี้ตูนเชื่อมั่นด้วยใจ และจิตที่แน่วแน่คะคะ ว่าตูนผ่านคะ เพราะก่อนหน้านี้ ตูนเป็นคนที่เก็บความรู้สึกอะไรไม่อยู่ ทั้งด้านสำรวมกาย วาจา ใจ พอเกิดอะไรขึ้นในชีวิตประจำวันของตูน ตูนจะเป็นคนที่คิดมาก (เก็บความรู้สึกไว้ข้างใน โดยไม่ให้ใครเห็น แต่ข้างในจิตนั้นสาบแช่งหรือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปเลย และบางครั้งในใจนั้นคิดหรือคิดฟุ้งไปต่างๆ นาๆ ) ถึงขั้นทำให้ตัวนอนไม่หลับและบางครั้งกินไม่ได้ไปเลย นั่นก็คือทำลายตัวเองไปในตัว และจนบางครั้งถึงขั้นพาลไปลงที่ลูกชายซึ่งเค้าไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป จนบางครั้งถึงขั้นคิดอยากทำลายตัวเองและลูกตามๆ กันไปให้มันจบปัญหากันไป (ซึ่งเป็นความคิดที่ต่ำมากๆ) เพราะตอนนั้นมันทุกข์แสนสาหัส จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี และจากปีจนคิดว่าทุกข์นั้นมันไปมีวันจบเป็นแน่แล้ว ส่วนทางด้านวาจาและใจนั้นทุกๆ ครั้งที่โกรธใครก็แล้วแต่ ใจของตูนนั้นได้คิดสาปแช่งเค้าไปต่างๆ นาๆ พอใจของตูนได้สาปเขาไปแล้วที่นี้ก็มาออกทางวาจาของตูนด้วยนะคะคุณครูเกษ พอใจสาปแช่งหรือคิดไม่ดีไปนั้นปากของตูนก็เริ่มพูดจาเสียดสี หรือบางครั้งต่อว่าอย่างรุ่นแรง และบางครั้งได้เอาเขาไปนินทาด้วยซ้ำไปพร้อมทั้งสาปแช่งตามไปด้วย พอตูนเริ่มฝึกจิตเกาะพระนั้น ตูนเริ่มสวดมนต์ ไห้วพระและนั่งสมาธิ และรักษาศีล5 ตูนเริ่มเห็นได้จากความเย็นที่ตูนได้สวดมนต์ไห้วพระ นั่งสมาธิ และเกาะรูปพระไปพร้อมๆ กันนั้น ตูนเริมมีกายที่นิ่งสงบ และดวงจิตที่เริ่มที่วิปัสสนาถึง กฏของพระไตรลักษณ์ (ว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามกาลเวลา และยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป) และจิตดวงนี้เริ่มรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่าการที่มีกายนี้อยู่นั้นเป็นรังของทุกข์จริงๆ

    4.ปัญญาบารมี(ความรู้) ทรงปัญญาพิจารณาอยู่เสมอ ยอมรับว่าโลกนี้ไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว ยอมรับทุกอย่างตามความเป็นจริง เช่นเดียวกันนะคะคุณครูเกษในหัวข้อนี้ตูนถือว่าตูนปฏิบัติผ่านนะคะคุณครูเกษ ซึ่งก่อนหน้านี้ตูนจะคิดเสมอว่า ทุกอย่างที่ตูนทำนั้นถูกต้อง โดยไม่ฟังความเห็นของผู้คนรอบข้าง เชื่อในความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ (พูดง่ายๆ ตามภาษาบ้านเราก็คือดื้อหัวชนฝานะคะ) และอีกนัยหนึ่งก็ ตัวกูของกู นั่นเอง หลังจากที่ตูนเริ่มฝึกจิตเกาะพระนั้น ความคิดต่างๆ เหล่านั้นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยนะคะ ยิ่งคำว่าดื้อหัวชนฝานั้นหายไปอย่างหมดสิ้น และตัวกูของกูนั่นก็เช่นกัน ทุกๆ ครั้งทีมีปัญหาตูนจะใช้สิตพิจารณาปัญหานั้นๆ และบางครั้งก็ปรึกษาเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างนะคะ แล้วนำมาพิจารณาว่าอันไหนสมครวที่จะรับฟังและอันไหนนั้นไม่เหมาะสมกับเรา หลังจากที่เก็บข้อมูลได้เยอะแล้วก็นำปัญหานั้นมาวิปัสสนา ตามกฏของพระไตรลักษณ์ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป) อย่างเช่น ที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือทุกข์ที่ตูนมีอยู่นั้นทุกข์หนัก (แสนสาหัส คือตูนมีเรื่องหย่าร้างขึ้นศาลมา7ปี เกือบจะไม่จบ แต่แล้วก็จบลงได้) ซึ่งตูนคิดว่าทนได้อยาก (เกิดขึ้น-คดีหย่าร้าง,ตั้งอยู่-ช่วงระยะเวลาที่สู้คดีกันในชั้นศาล,ดับไป-ผลของการตัดสิน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลการตัดสินนั้นออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ใครจะเป็นฝ่ายแพ้หรือฝ่ายชนะนั้น (ก่อนหน้านี้ที่ตูนยังไม่ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้่า ตูนอยากจะเป็นผู้ชนะและขอให้อีกฝ่ายพินาศล่มจมให้สมกับที่เค้าได้ทำกับเรา แต่ ณ ปัจจุบันนี้ตูนได้ฝึกจิตเกาะพระนั้น ตูนรู้ได้ด้วยจิตของตูนเองว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะนั้นมันไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดนั้น คือจิตของเราเองที่รู้แจ้งให้จริงว่า อะไรควรยึด และอะไรไม่ควรยึด (เพราะในทางโลกนั้นเราใช้ผลการตัดสินชั้นศาลเป็นการบอกถึงฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะ แต่หลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีฝ่ายแพ้และฝ่ายชนะใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะสอนให้เรายอมรับกับความเป็นจริงของสัจธรรมนั้นๆ ว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกาลเวลา ซึ่งไม่มีใครสามารถบังคับได้เลย ซึ่งจะเป็นอย่างนี้เสมอไป

    5.วิริยะบารมี(ความเพียร) มีความพากเพียร ไม่ย่อท้อ ต่อสู้อุปสรรคด้วยประการทั้งปวง ในข้อนี้ตูนขอตอบ ออกมาจิตของตูนเลยนะคะว่าข้อนี้ตูนผ่านนะคะ เพราะคุณครูเกษทราบไหมคะว่า ณ ตอนนี้ที่ตูนกำลังตอบการบ้านอยู่นั้น ตูนก็ยังคงมีทุกข์อยู่นะคะ (ทุกข์นี้มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป และแล้วทุกข์ใหม่ก็เข้ามาอีก และคงจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าขันธ์ของตูนนี้จะดับไป ตามกาลเวลาของมัน) แต่ตูนไม่ได้ไปยึดมันนะคะว่าเรากำลังมีทุกข์ ตูนยึดถืออย่างเดียวคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า คือเดินตามหลักที่ตูนกำลังทำอยู่นี้ (การปล่อยวาง) โดยมีคุณครูทั้งหลาย ที่ได้ช่วยเหลือ และให้คำแนะนำตูนอยู่ตลอดเวลา และยึดถือรูปพระ เสมือนท่านเป็นพ่อของเรา (ซึ่งท่านได้เฝ้ามองเราอยู่ตลอดเวลา ทุกๆอริยาบท) ฉะนั้นทุกข์ที่ตูนบอกว่ามันตามตูนอยู่นั้น มันหยุดพักน่ังทาน กาแฟ รอตูนอยู่ จนกว่าดวงจิต ดวงนี้ ไม่ได้ยึดหรือติดอยู่กับรูปพระ ทุกข์นั้นมันจะรียตรงดิ่งเขามาหาตูนอย่างเร็วเลยนะคะ ดูเอาแล้วกันนะคะคุณครูเกษ ถ้าตูนไม่มีความเพียรที่จะเกาะรูปพระนั้น มารมันก็เข้ามาหาตูนคอยจ้องจะทำร้ายตูนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเลยนะคะ ฉะนั้นตูนต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง เพราะไม่มีใครมาช่วยเหลือตูนได้ แต่ช่วยได้ก็คือคำแนะนำต่างๆ นั่นเอง (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน) และตูนมีความเพียรที่จะปล่อยวางทุกข์นั้นๆ ให้ค่อยๆ ดับไปนะคะคุณครูเกษ

    6.ขันติบารมี(ความอดทนอดกลั้น) มีความอดทนอดกลั้น ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ต่าง ๆ ในหัวข้อนี้ตูนขอตอบว่าผ่านนะคะ ทุกๆวันนี้ตูนต้องใช้สติและน้องจิตอย่างมากเลยคะ ที่จะเรียนรู้ถึงอารมณ์ที่เข้ามาสัมผัส หรือกระทบ พอมันเข้ามาตูนก็ตามรู้อารมณ์จิตนั้นที่กระทบและปล่อยมันสักพัก และเฝ้าดูมัน (รัก โลภ โกรธ หลง) หลังจากนั้นก็นำดวงจิตนั้นมาวิปัสสนาตามหลักกฏพระไตรลักณ์(เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) และวางมันลงซะ หลังจากนั้นก็ไปดูซิว่ามันวางได้จริงไหม เพราะทุกวันนี้ตูนตามรู้อารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น และดูมันจนถึงเวลาตูนก็วิปัสสนาลง ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนนั้นตูนจะปล่อยให้อารมณ์ของตูนมันฟุ้งไปเรื่อยๆ คิดไปเรื่อยๆจนไม่มีที่สิ้นสุด จนบางครั้งน้องจิตของตูนมับหลบเข้าไปจำศีลและไม่ขอออกมาด้วยซ้ำ (ติดอารมณ์ที่สุข) ก็สมอย่างที่คุณครูเกษเตือนนะคะ มีอาวุธอยู่ในมือแต่ไม่นำอาวุธนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ปล่อยให้โจรเหล่านั้นเข้ามาทำลายเราเอง แต่วันนี้เจ้าตูนน้อยนั้นไม่ขอเป็นอย่างนั้นแล้วนะคะ ค่อยๆ ออกมาจากถ้ำเพื่อมาเผชิญหน้ากับความจริงเหล่านั้น ถึงไม่ชนะขาดลอย แต่ก็ค่อยๆ สู้ด้วยกำลังเล็กๆ น้อยๆ วันหนึ่งมันต้องมีกำลังมากเองนะคะคุณครูเกษ

    7.สัจจะบารมี(ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ) มีความจริงใจ ตั้งใจไว้อย่างไรจะทรงไว้อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ข้อนี้ตูนถือว่าตูนผ่านแน่นอนคะ เพราะว่าทุกๆ วันนี้สิ่งที่ตูนได้กระทำอยู่นี้ตูนถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตตูนก็ว่าได้นะคะคุณครูเกษ ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก่อนที่จะทำจิตเกาะพระ ตูนถือได้ว่าเป็นชาวพุทธคนหนึ่งที่นับถือศนาสนาพุทธ แต่ไม่เคยเข้าถึงธรรมเลย จนเริ่มเห็นทุกข์ ถึงเข้าถึงธรรม และเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง(แต่ไม่มีโอกาสเข้าวัด) จนในที่สุดเริ่มปฏิบัติจิตเกาะพระ ซึ่งตูนไม่ต้องไปวัดนั่งสมาธิ แต่เราก็ปฏิบัติธรรมได้โดยอยู่ที่บ้าน และเป็นวิธีที่สะดวกต่อตูนมาก คือ ไหว้พระสวดมนต์ และนั่งสมาธิอยู่ที่บ้าน และฝึกจิตให้เกาะพระอยู่ตลอดเวลา รักษาศลี5 ให้บริสุทธ์อยู่เสมอ และเชื่อฟังคำสั่งสอนของคุณครูทุกๆ ท่าน โดยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญที่สุด มีใจรักและศัทธาต่อพระรัตนตรัย ซึ่งตูนตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะขอปฏิบัติอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตนะคะคุณครูเกษ เพราะทางเดินนี้เป็นทางเดินที่สงบต่อจิตของตูนคะ

    8.อธิษฐานบารมี(ความตั้งใจมั่น ไม่เปลี่ยนแปลง) ตั้งกำลังใจไว้ว่า เราปฏิบัติความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน ในหัวข้อนี้ตูนขอตอบว่าผ่านคะคุณครูเกษ เพราะทุกๆ ครั้งที่ตูนได้อธิษฐานจิตต่อท่านพ่อ ตูนขอให้ท่านพ่อช่วยให้ลูกมีปัญญาเห็นแท้ในสัจธรรม เพื่อที่จะได้นำปัญญานั้นไปต่อสู้กับทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา และตูนนั้นมีใจมุ่งมั่นว่าจะไม่ขอเกิดอีกเป็นแน่แท้ พระตูนเริ่มรู้ว่า การที่เราเกิดมานี้มีแต่ทุกข์ และการมีร่างกายนี้ก็เป็นรังของทุกข์ คุณครูเกษคะตั้แต่ตูนได้ศึกษาธรรมะมากขึ้นนั้น ทุกวันนี้ทำให้ตูนกลัวที่จะทำอะไร กลัวที่จะคิด และกลัวที่จะพูดอะไร แล้วทำให้เป็นบาปต่อๆ ไปแล้วต้องกลับมารับกรรมอีก ซึ่งทุกๆ วันนี้ตูนได้อธิฐานต่อท่านพ่อเสมอว่าถ้าตูนเคยทำไม่ดี คิดไม่ดี หรือพูดไม่ดี ต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งในอดตีและปัจจุบันนั้นขอให้ท่่านทั้งหลายอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้าด้วยและข้าพเจ้าขอชดใช้เวรกรรมในหมดสิ้นในชาตินี้ด้วยเถิด เพราะข้าไม่ขอกลับมาเกิดอีกต่อไป สาธุ

    9.เมตตาบารมี(ความรักด้วยความปรานี) คิดว่าเรารักคนและสัตว์ทั้งหมด ไม่ถือว่าใครเป็นศัตรูกับเรา ขอนี้ตูนขอตอบอย่างมั่นใจคะว่าผ่าน 100 %คะคุณครูเกษ เพราะก่อนหน้านี้ตูนเวลาโกรธใครๆ นั้น ตูนจะมีจิตทีอาฆาตและแค้นไปตลอด หลังจากที่ตูนได้ฝึกจิตเกาะพระ ไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิและรักษาศีล5 ตูนรู้สึกได้ถึงจิตที่คงพรหมวิหาร4 นะคะคุณครูเกษ เพราะก่อนหน้านี้ตูนนั้นมีดวงจิตที่แค้นต่อสามีเก่าภรรยาใหม่ แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเหมือนกับว่าเค้าทั้งสองคนมีบุญคุณกับตูนอย่างใหญ่หลวงถ้าท่านทั้งสองคนไม่ได้ทำกับตูนอย่างนี้ ตูนคงจะไม่เห็นทุกข์ คงไม่รู้ว่าทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ทนได้ยาก และคงไม่ได้พบคุณครูแพทและคุณครูทุกๆ ท่านนะคะคุณครูเกษ เพราะตูนคนก่อนนั้นคงจะเป็นตูนน้อยที่หลงกับตัวกูของกู ร่างกายนี้เป็นของเรา ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะเวลานี้ตูนรู้ได้ด้วยจิตของตูนเองคะ ต่อไปนี้ตูนจะไม่ขอกลับไม่เป็นอย่างนั้นอีกเด็ดขาดนะคะคุณครูเกษ ส่วนปัจจุบันนี้ แฟน,ลูกชายตูนและเพื่อนรวมงานซึ่งรวมไปถึงลูกค้าทั้งหลายนั้นก็เป็นครูทั้งหมดของตูน. ซึ่งจะเข้ามาสอน และทดสอบตูน เพื่อให้ตูนน้อยได้ทดสอบ วิธีการเดินมรรคมีองค์ 8 สอนวิธีดูจิตของตัวเอง และนำดวงจิตนั้นไปวิปัสสนากฎพระไตรลักษ์ พิจารณาในขันธ์5 ซึ่งทุกๆ ท่านที่กล่าวมานี้ได้ช่วยตูนอย่างมากๆ นะคะคุณครูเกษ โดยเฉพาะคนที่ใกล้ตัวที่สุดและคนที่เรารักมากที่สุด เค้าเหล่านี้ทำให้ตูนได้เห็นตัวเองมากๆ ขึ้น แต่ตูนยังโชคดีกว่าพวกเค้าเหล่านั้นที่เริ่มมาฝึกจิตเกาะพระ ทำให้ตูนรู้สึกสงสารพวกเค้าเหล่านี้ที่ยังหลงทาง หลงในกิเลส หลงกับดักในโลกนี้ที่มัววิ่งตามมัน แต่กลับไม่หยุดดูมันเลยนะคะคุณครูเกษ ส่วนความรักความสงสารในสัตว์นั้น เพราะตูนยึดมั่นในศีล5นี้เอง ตูนจะไม่ขอเป็นผู้ที่กระทำผิดด่างในศีล5 อย่างเช่นตูนขับรถไปทำงานทุกๆ วันเส้นทางที่ตูนใช้นั้นจะมีสัตว์น้อยใหญ่วิ่งผ่านหน้ารถประจำ ตูนพยายามใช้สิตอย่างมากเพื่อที่ไม่อยากผิดศีลในข้อ2 แต่ถ้าสุดวิสัยจริงๆ ตูนข้อขับรถชนลงข้างทางดีกว่า ขืนรถจะพังหรือตูนจะต้องเจ็บ ตูนจะไม่ขอให้สัตว์ที่วิ่งผ่านหรือคนที่ขับรถตามมาได้รับอันตรายจากการกระทำของตูนเด็ดขาด ตูนขอเป็นผู้รับแต่เพียงผู้เดียว เพราะตูนทราบดีว่าทุกๆ ชีวิตนั้นมีค่าเหมือนๆ กันนะคะ

    10.อุเบกขาบารมี(ความวางเฉย) วางเฉยต่ออารมณ์ทุกอย่าง ข้อนี้ก็เช่นกันนะคะคุณครูเกษตูนขอตอบว่าผ่านนะคะ เพราะทุกวันนี้ตูนกำลังปฏิบัติจิตเกาะพระอยู่ ซึ่งตูนพยายามทำตามคำแนะนำของคุณครูทุกๆท่าน และด้วยใจที่ยึดในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือการวางเฉย ทุกๆอย่าง (ทางสายกลาง) โดยที่ตูนกำลังวางเฉยต่อกิเสลที่มีอยู่มาก ความยึดมั่นถือมั่น และอารมณ์ที่อยากได้ ซึ่งตูนไม่ขอรับรู้ ทุกข์ตูนก็ไม่เอา สุขตูนก็ไม่ขอเอา เพราะตูนรู้ดีว่าทุกๆ อย่างนั้นมันเป็นไปตามกฎของพระไตรลักณ์จริงๆ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ตูนทราบดีนะคะว่าทุกๆ วันนี้ ทุกข์หรือสุขที่ผ่านเข้ามาตูนรับทราบโดยอารมณ์(ตา หู จมูก ลิ้น) นั้นมันเข้ามากระทบ แต่ตูนจะไม่เอาเจ้าจิตน้อยนี้ไปกระทบต่อสู้กับมันหรือหลงไปกับมัน แต่ตูนรับรู้ได้ก็เท่านั้นเอง จิตตูนคงเกาะพระตลอดไป เพราะอารม์นั้นทำให้ตูนไม่มีเวลาไปปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น แต่กับทำให้ตูนคิดได้และยอมรับกฏของพระไตรลักณ์มากๆขึ้น ซึ่งทำให้ดูเกิดปัญญาที่ละเล็ก ที่ละน้อย แต่ไม่เป็นไหรคะคุณครูเกษ ตูนจะพยายามต่อไปเรื่อยๆนะคะ วันหนึ่งคงจะทำได้100%เองนะคะ แล้ววันนั้นตูนจะมาตอบการบ้านให้คุณครูเกษอีกนะคะ 55555 ถ้าสังขารยังไม่ดับชะก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤษภาคม 2013
  11. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    แดนหลุดพ้น คือ หลุดพ้นที่ใจ เพราะใจที่ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้วนั้นแหละ ที่จะทําให้เราเป็นผู้หลุดพ้นไปจากทุกข์ได้ เพราะทุกๆอย่างก็สําเร็จได้ด้วยใจเท่านั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นประจักษ์เอง พระพุทธเจ้าจึงชี้บอกมา อกาลิโก เห็นได้ด้วยตนเอง เพราะเห็นทางแห่งการพ้นทุกข์ และเห็นเหตุแห่งทุกข์ และเห็นเหตุแห่งการดับทุกข์ นั้นเอง เห็นไม่ใช่สักแต่เห็นรูป หูได้ยินเสียง สิ้นได้สัมผัสรส แต่เห็นด้วยการเห็น อริยสัจ๔ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นเอง และเห็นว่าทุกๆอย่างมันไม่เที่ยง เห็นด้วยปัญญา เห็นที่แตกต่างไปจากคนที่ยังไม่ได้มาปฏิบัติ ก็จะเห็นการเกิดมาก็ยินดี และยังมีความผูกพันธ์ ที่เป็นเหมือนโซ่ ที่รัดติดแนบเราเอาไว้ คือ รัก โลภ โกรธ หลง ติดตามมา เป็นห่วงโน้นเป็นห่วงนี่ กลัวจะไม่พอ อยู่พอกิน กลัวแบบวิตกจริต กลัวการเจ็บป่วย กลัวการพัดพรากจากของอันเป็นที่รัก กลัวไปทุกๆอย่างนั้น จิตที่ยังไม่มาปฏิบัติเรียนรู้ธรรมก็จะเป็นแบบนั้น แต่พอเราได้เรียนรู้ลงไปที่จิต คือ นามที่เป็นของละเอียดนั้นแหละเราจึงจะรู้เห็นความคิดปรุงสิ่งต่างๆเหล่านี้ ก็สักแต่ว่า เกิดขึ้น-ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เท่านั้นเอง...สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2013
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สติ-ศีล สำคัญไฉน!
    สติเปรียบเสมือนหางเสือ ที่ทำให้จิตเดินตรง มิให้เดินหลงหรือทางมิควรไป
    เช่น สมมุติหรือมายาต่างๆ หรือหลงกายหลงใจของตนเอง เป็นต้น
    การมีสติก็เปรียบเสมือนเรามีศีล เมื่อคนเรามีทั้งสติและศีล กิเลสก็ถูกระงับชั่วคราว
    แต่ถ้าเผลอสติเมื่อไหร่ กิเลสก็จะหวนกลับคืนมาใหม่และคำว่าศีลก็จะหายตามไปด้วย
    เพราะฉะนั้นจะเอาดีในทางธรรม หรือทำให้ศีลธรรมเจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ก็อย่าลืมเรื่องศีล
    สติก็เช่นกัน ถ้านักภาวนาเผลอสติบ่อย ภาวนาก็จะไม่มีทางก้าวหน้าไปได้แน่นอน
    เพราะฉะนั้น นักภาวนาก็อย่ามองข้ามเรื่องสติหรือศีลตนเอง อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
    เพราะทั้งพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันค์ต่างก็ให้ความสำคัญเรื่องสติหรือศีลมาก
    เพราะถือว่าเป็นก้าวแรกของผู้ประพฤติดี ปฎิบัติดี ก่อนจะไปถึงคำว่า มรรคผลนิพพาน
    สติหรือศีลถือเป็นบันไดขั้นแรกสุด ก่อนที่เราจะเดินต่อไปยังขั้นที่สอง นั่นก็คือ การภาวนา
    การภาวนา(สมถ+วิปัสสนา) ก็คือการเจริญสติภาวนาหรือกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนั่นเอง
    เพราะขั้นที่สองนี้ก็ถือว่าสำคัญมาก เพราะเราจะพบจิต/ดวงจิตเดิมแท้ก็ขั้นตอนที่สองนี้แหล่ะ
    แต่จู่ๆ เราจะพบเจอจิตตนเองเลยนั้นยังมิได้ แต่จะพบได้ก็ต้องอาศัยตัวสติของเรานี่แหล่ะ
    นั่นหมายถึงสมถกรรมฐานนั่นเอง เมื่อพบจิตแล้ว ต่อไปจะต้องทำให้จิตเป็นปัญญา
    นั่นจะหมายถึงการเข้าสู่่กรรมฐานขั้นสูงคือถัดจากสมถกรรมฐาน นั่นก็คือวิปัสสนากรรมฐาน

    สรุปแล้ว นักภาวนาทุกท่านจะต้องนำจิตมาเดินอริยมรรคหรือมรรคมีองค์๘(ศีล-สมาธิ-ปัญญา)
    นี่คือหนทางหลุดพ้นที่แท้จริง คือ ๑.ออกจากทุกข์ของตนเอง ๒.ออกจากสังสารวัฎ
    เพราะฉะนั้นนักภาวนาที่ปรารถนานิพพาน ประการแรกจะต้องออกจากทุกข์ของตนให้ได้เสียก่อน
    ทำจิตปุถุชนให้เป็นพระโสดาบันก่อน เพราะพระโสดาบันถือเป็นบันไดขั้นแรกของนิพพาน
    ผู้ที่จะไปพระนิพพานจริงๆ เราต้องพบนิพพานบนดินก่อน เป็นผู้ที่มีกำลังใจสูงและเด็ดเดี่ยวมากทีเดียว
    แต่ถ้าเอาแต่พูดว่าเบื่อกายหยาบหรืออยากไปนิพพานแล้ว แต่กำลังใจยังไม่ถึง เพราะปฎิบัติยังไม่พ้น
    โดยเฉพาะกิเลสละเอียดของตนก็ยังสอบไม่ผ่านนั่นก็คือธรรมารมณ์ แสดงว่าเราปฎิบัติไม่จริงจัง
    ผลที่ตามมาก็คือวิปัสสนาไม่ขาดหรือเจริญปัญญาไม่ต่อเนื่อง เพราะจิตจะปล่อยวางด้วยปัญญา
    ธรรมชาติแห่งจิตนั้น มีความอยากรู้ อยากเห็น แต่ถ้าจิตรู้หรือเห็นแล้วก็จะปล่อยวางโดยธรรมชาติเอง

    จึงขอกล่าวย่อๆ อยากให้พวกเราเข้าถึงพระธรรมของพระพุทธองค์กันง่ายๆ
    ธรรมะ มิใช่เข้าใจยาก ตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
    อย่าลืม พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ตรัสรู้ในขณะที่จิตละเอียด(ฌาน)
    เพราะฉะนั้นพระธรรมหรือธรรมะจึงเป็นของละเอียด เป็นของศักดิ์สิทธิ์มาก
    ตราบใดจิตยังหยาบอยู่ก็เข้าใจธรรมยาก ดูเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ ยกเว้นจิตละเอียด

    คำว่า"จิตหยาบ"ในภาษาธรรมะ หมายถึง จิตไม่นิ่งคือผู้ที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนจิต
    การปฎิบัติธรรม การเข้าใจธรรมนั้นไม่ยาก แต่ยากตรงที่ทำจิตของตนนิ่งเป็นสมาธิกันนี่แหล่ะ
    กว่าจะหากรรมฐานกองไหนที่ถูกจริตหรือเหมาะสมกับตนเอง
    แต่ถ้าผู้ใดทำจิตนิ่งเป็นสมาธิหรืออุปจารสมาธิ หรืออัปปนาสมาธิ(ฌาน)ก็ยิ่งดีใหญ่
    เพราะจิตละเอียดมากก็จะเข้าใจธรรมะได้ลึกซึ้ง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สอบผ่านวิปัสสนาญาณ ๙ ก็ไม่ต้องกล่าวถึงกันแล้ว

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
    ขอให้ทุกท่านจงมีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นสรณะหรือเป็นที่พึ่งสูงสุดทางใจ
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย
    การปฎิบัติธรรมยากเฉพาะผู้ไม่เอาจริงจัง มีศรัทธาและความเพียรน้อย
    พระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้นเข้าใจไม่ยาก
    ทุกท่านมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าชายหรือหญิง เพราะมีร่างกายและจิตใจเหมือนกัน
    มีสติปัญญาเริ่มต้นเหมือนกัน ก็สามารถเข้าใจหรือเข้าถึงธรรมกันได้หมด
    นุ่งขาวห่มเหลืองนั่นเป็นแค่สัญญลักษณ์หรือแค่สิ่งภายนอกเท่านั้น
    เพราะการที่จะเข้าใจธรรมหรือเข้าถึงธรรมนั้นนั่นก็คือ จิตใจ มิใช่ชุดหรือเครื่องแต่งกาย
    บวชกาย แต่มิได้บวชจิตก็อาจหมดสิทธิืพบเจอธรรมได้เช่นกัน
    เพราะฉะนั้นขอให้นักภาวนามุ่งเน้นไปที่ตัวสติกับจิตของตนเองก่อน
    ประการแรกนักภาวนาจะต้องตามหาจิตของตนให้พบก่อนโดยเจริญสติภาวนา
    นั่นแหล่ะ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้จิตตนเองนิ่งหรือเป็นสมาธิได้
    พอจิตของเราเริ่มนิ่ง เราก็เริ่มจะเห็นมองจิตของตนบ้างแล้ว
    ต่อไปจิตเกิดปัญญา เดี๋ยวเราก็พบธรรมภายในจิตของตนเอง

    ที่กล่าวมานั้นพอจะเข้าใจว่าพูดง่ายแต่ทำยาก ก็จริงอยู่
    แต่เราก็ต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็ต้องทุกข์อยู่ร่ำไป เลือกเอา
    แต่ปัจจัยอื่นๆก็มีมากอย่างเช่น ติดวาระกรรมหรือเดินบันไดบุญยังไม่ครบ

    สรุปแล้ว นักภาวนาจะต้องช่วยตนเองให้มากที่สุด
    ท่านจะก้มหน้าทนทุกข์ หรือ ก้มหน้าปฎิบัติเพื่อหลุดพ้น เลือกเอา
    เลือกเจ็บอยู่กับที่ หรือ เลือกเจ็บแล้วหนีไปให้ไกลๆ
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หลงตามหากันไป
    อย่าไปตามหาความจริงจากที่อื่น
    อย่าไปตามหาความสุขจากที่อื่น
    อย่าไปตามหาปลีกวิเวกหรือสัปปายะจากที่อื่น
    อย่าไปตามหาตัวเองจากที่อื่น
    อย่าไปตามหานรก สวรรค์ พรหมหรือนิพพานจากที่อื่น

    เพราะที่คุณกำลังตามหาทั้งหมดมันก็มีอยู่ภายในกาย ภายใจของตนนั่นแหล่ะ
    ตามกันไปก็ตามกันมา คุณไปวัดมันก็ไปด้วย ไปปฎิบัติธรรมที่ไหนๆ
    ในป่าในดงมันก็ตามคุณไปด้วย เหมือนเงาตามตัว เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น
    เพราะเหมือนเราอยู่ที่มืดย่อมมองไม่เห็นความจริงแห่งชีวิต
    ที่นักภาวนาตามหากัน ค้นหาความจริงจากที่อื่น ที่แท้ความจริงทั้งหมด
    ความลับของโลกหรือจักรวาล มันก็อยู่ภายในตนเองทั้งนั้น
    แม้นกระทั่งผู้ที่มีความลังเล ความสงสัยมากมาย ถามใครก็แล้ว
    ถามนักปราชญ์ก็ได้คำตอบไม่น่าพึงพอใจเหมือนตนรู้เองหรือตอบเอง
    ก็เลยพากันสงสัยไปต่างๆนานา ตามหาพระอรหันต์เพื่อคลายความสงสัย
    หารู้ไม่พระอรหันต์เดี๋ยวท่านก็จากเราไป
    แล้วต่อไปเราจะไปหาคำตอบจากที่ใดอีกเล่า จะมัวหลงไปตามหาทำไม
    เพราะสิ่งทั้งปวงก็มีอยู่จริงที่กายหยาบหรือจิตละเอียดของคุณนั่นไง

    ว่าแต่ว่า..จะตามหาความจริงของตนเอง เมื่อไหร่
    ขอเอาช่วยผู้ที่กำลังตามหาจิตของตนอยู่หรือหาจิตของตนได้แล้ว แต่ยังเอาจิตไม่อยู่
    คือจิตยังวิ่งตามกิเลส หรือตามทันจิตบ้าง ไม่ทันบ้าง โดยเฉพาะธรรมารมณ์เป็นกิเลสละเอียด
    คือตามดูอารมณ์จิตของตนเองไม่ทัน ก็ไม่เป็นไร สู้ๆ ขอให้ตามดูจิตของตนเองบ่อยๆ
    อย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวก็เก่ง เดี๋ยวก็มีดวงตาเห็นธรรมเข้าสักวัน อย่าถ้อนะ..คนดี สู้ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤษภาคม 2013
  15. urairatvi

    urairatvi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,401
    วันนี้ได้ไปถวายสังฆทาน 9 ชุดและถวายปัจจัยจำนวนเงิน 18,700บาท เพื่อบุญทุกประการภายในวัด ท่าซุง จ.อุทัยธานี ในนามสมาคมจิตเกาะพระ ขอให้ท่านร่วมอนุโมทนาบุญในกองบุญกองกุศลนี้ด้วยเถิด ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่มากกว่า การบำรุงพระพุทธศาสนา เดินทางตามคำสอนของพระพุทธองค์ท่าน เพื่อจุดหมายปลายทางคือพระนิพพาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2013
  16. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ขออนุโมทนาในกุศลผลบุญ ที่ท่านและ คณะ ได้กระทำแล้วในวันนี้ ขออานิสงฆ์ผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ทุกท่านได้เข้าถึงซี่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ สาธุ​
     
  17. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนาบุญ กับทุกๆท่านที่ได้ไปร่วมทําบุญถวายสังฆทานในวันนี้ค่ะ เป็นนิมิตหมายที่ดี ของ"สมาคมจิตเกาะพระ" ที่ชาวจิตบุญได้ไปกราบนมัสการถวายสังฆทานต่อท่านพ่อองค์ปฐม และกราบนมัสการหลวงพ่อฤาษี และครูบาอาจารย์ทุกๆท่านในครั้งนี้ด้วยความเคารพต่อครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทพรให้พวกเราชาวจิตเกาะพระจงได้น้อมนํามาปฏิบัติบูชาต่อไป เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ จนถึงพระนิพพานทุกๆท่านด้วยเทอญค่ะ
     
  18. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2556 เวลา 9 โมงหน่อย ๆ เราก็มาจอดรถบริเวณหน้าโบถส์วิหารค่ะ​
     
  19. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    กำลังนำรถยนต์ขึ้นแพยนต์ เพื่อข้ามฟากไปวัดท่าซุง อุทัยธานี ค่าแพ 30 บาทค่ะ พี่พอใจโทร.หาครูปรเมศ บอกว่า กำลังตามมาติด ๆ รอคิวข้ามฟาก พี่พอใจมารถยนต์ส่วนตัว แต่ครูปรเมศ น้องลูกหว้า ครูปลื้ม น้องก้องเกียรติ มารถตู้ค่ะ​
     
  20. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    [​IMG]

    หน้าประตุทางเข้าวิหารค่ะ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...