ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ขอร่วมประมูล “ดวงแก้วอัสมาณสิการ” ที่ 14300 บาท

 

ขอบคุณมากจ๊ะหนูดี เหมือนกันเลย ยิ่งถ้ามีการทำบุญใหญ่และมีครูบาอาจารย์มาสงเคราะห์มาก อาการก่อนไปร่วมงานยิ่งมากสุด ๆ ทั้งปวดหัว ปวดท้อง แต่ก็ไม่เป็นไร ดั่งที่พี่น้ำใสบอก "มารไม่มี บารมีไม่เกิด" สู้ ๆ ต่อไป

เอ๋

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑

(หรือ ดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์-วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)

​

ดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์(คุณam12) -ดวงแก้ววาสิษฐีฯ (ท่าน widya เป็นเจ้าของ

_______________________​

ความเดิมภาค ๑ หลังจากพระนางสิริมาเทวีได้จุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว พญาพศตนาคราชนั้น ได้ตั้งจิตปรารถนาจะเป็นมนุษย์ พระองค์ได้นั่งสมาธิระลึกถึงความดีเป็นกุศลส่งผลให้พระองค์ไปจุติเป็นมนุษย์

โดยจุติในตระกูลนายช่างทอง นามว่า มิททะเศรษฐี มีทรัพย์ในระดับอนุเศรษฐี มิททะเศรษฐีมีภรรยา ๒ คน มีชื่อว่า นางมัลลิกา และนางจุตินาท

พญาพศตนาคราชได้จุติเป็นบุตรสร้างความปิติใจแก่นางมัลลิกาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนางปรารถนาจะมีบุตรให้แก่ท่านเศรษฐี เพื่อสืบสกุล เวลาผ่านไปถึง ๑๐ เดือน นางก็ได้กำเนิดบุตรชาย จึงให้ชื่อว่า..”มธุรสธกุมาร”(อ่านว่า มะ-ทุด-ระ-สด-กุ-มาน)

เนื่องจากผิวพรรณของทารกน้อยเป็นสีทองดุจน้ำผึ้ง ด้วยผลบุญที่เคยถวายน้ำผึ้งป่าแก่พระเกษรีฤาษีผู้เป็นอาจารย์ แล้วปรารถนาจะมีผิวพรรณสวยงามนั่นเอง

หลังจากทราบว่านางมัลลิกา กำเนิดบุตรชายให้แก่ท่านเศรษฐี นางจุตินาถ ภรรยาคนที่สอง รู้สึกร้อนใจที่ตนยังไม่มีบุตรให้ท่านเศรษฐีได้เชยชม ทำให้นางรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก นางจึงได้พานางมณฑา คนรับใช้คนสนิทไปบวงสรวงยังต้นไทรใกล้ป่าใหญ่ประจำหมู่บ้าน และบนบานกับรุกขเทวดาประจำต้นไทรว่า..

“หากดิฉันได้บุตรชายแก่ท่านเศรษฐี ดิฉันจะนำผลไม้ ๙ อย่าง ผ้า ๙ สี ดอกไม้หอม ๙ ชนิด มาถวาย เพื่อเป็นเครื่องสักกบูชาแก่ท่านทั้งหลาย”

จากนั้นนางก็ได้กลับเรือนพร้อมนางมณฑา ฝ่ายสุทัสสนเทวา ห้วหน้ารุกขเทวดาแห่งต้นไทรนั้น เกิดความร้อนใจ เหงื่อไหลออกจากกาย ทิพยสมบัติและวิมานเศร้าหมอง จึงทราบว่า อีกไม่นานตนจะต้องจุติเป็นแน่ จึงได้บอกแก่รุกขเทวาผู้เป็นบริวารทั้งหลายว่า..

“ท่านทั้งหลาย อีกไม่นานเราจะจุติ เราจะเข้าสมาบัตินับจากวันนี้ไป ขอให้ท่านอวยพรให้แก่เราได้จุติในสุคติภูมิด้วยเถิด”

เหล่ารุกขเทวาทั้งหลายทั้งที่อยู่ ณ. ต้นไทร และรุกขเทวาที่อยู่ในป่าใหญ่ต่างก็อวยพรแก่ห้วหน้ารุกขเทวาต้นไทรนั้น ความว่า..

“ขอให้ท่านไปเกิดเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้อุปสมบทในบวรพระศาสนาแห่งพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้าในอนาคตกาลอันใกล้นั้นเถิด”

หลังจากอวยพรเสร็จแล้ว รุกขเทวาทั้งหลายต่างก็แยกย้ายกันกลับวิมานของตน ฝ่ายสุทัสนเทวานั้น ก็ได้เข้าสมาบัติระลึกถึงความดีที่ตนทำ จากนั้นก็ได้จุติไปยังครรภ์ของนางจุตินาถทันที

ยังมีต่อ...

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๒..

(ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)​

กล่าวถึงท่านมิททะเศรษฐีนั้น ด้วยอานิสงส์การถวายเครื่องสักกบูชาแก่ดวงแก้วมณีของพญาพศตนาคราชนั้น ทำให้ท่านเศรษฐี ถึงกับยกทรัพย์สมบัติ ๑ ใน ๓ ให้แก่มธุรสธกุมารด้วยความเต็มใจ

ฝ่ายนางมัลลิกานั้น ก็ได้เลี้ยงดูทะนุถนอมมธุรสธกุมารด้วยความรัก มีเรื่องแปลกว่า นอกจากนมมารดา และน้ำผึ้งแล้ว มธุรสธกุมารไม่สามารถทานอะไรที่เป็นเนื้อสัตว์ได้เลย เมื่อโตขึ้น นางมัลลิกาก็เลี้ยงด้วยผลไม้ และน้ำผึ้งเรื่อยมา

ส่วนนางจุตินาถนั้น หลังจากที่สุทัสสนเทวาได้จุติในครรภ์ของนางจุตินาถ นางก็ทานเพียงผลไม้ ไม่ทานเนื้อสัตว์ ทำให้ผิวพรรณสดใส งดงาม สร้างความปิติใจแก่ท่านมิททะเศรษฐีอย่างยิ่ง ดำริว่า

“หากบุตรในครรภ์นี้ เป็นชายจะยกสมบัติให้ ๑ ใน ๓ หากเป็นหญิงจะถวายแก่พระราชาแคว้นนั้น”

วันหนึ่งท่านมิททเศรษฐี หลังกลับจากเดินทางไปค้าขายต่างเมือง กลับมาพร้อมเกวียนสินค้าอื่น ๕๐ คัน โดยต้องผ่านป่าแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางท่านได้พบกับพระฤาษีตนหนึ่งกำลังนั่งบำเพ็ญตะบะอยู่ ท่านจึงสั่งให้ค้างคืน ณ.ที่แห่งนั้น เพื่อถวายอาหารแก่พระฤาษี

รุ่งเช้าท่านจึงได้รอจนพระฤาษีออกจากสมาบัติ ได้นำผลไม้ ข้าตอกอบน้ำผึ้ง และน้ำดื่ม น้ำใช้ ถวายแด่พระฤาษี ท่านรับอาหารและน้ำนั้น เมื่อฉันอาหารเสร็จแล้ว พระฤาษีจึงกล่าวว่า..
“ท่านผู้เจริญ ท่านปรารถนาสิ่งใดหรือ..”
ท่านมิททเศรษฐี จึงกล่าวว่า ..
“เกล้ากระผมมิปรารถนาสิ่งใดหรอกขอรับ เดิมทีกระผมเคยปรารถนาบุตรชาย มาบัดนี้กระผมสมความปรารถนานั้นแล้ว กระผมเพียงตั้งใจที่จะถวายทานแก่ท่าน เพื่อเป็นสิริมงคลตนเองและหมู่คณะขอรับ”พระฤาษี จึงกล่าวว่า..

“ท่านเศรษฐี ใน ๑๐ ปีข้างหน้า เราจะขอบุตรชายคนแรกของท่านเป็นศิษย์ได้หรือไม่”

ท่านมิททเศรษฐีนั้น รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง จึงกล่าวว่า.. “ได้ขอรับ กระผมยินดีอย่างยิ่งขอรับ”

จากนั้นพระฤาษีจึงแย้มสรวลเล็กน้อย และกล่าวว่า “ขอความปรารถนาของท่าน และคณะจงสำเร็จเถิด อีก ๑๐ ปีเราจะมาพบท่าน ณ.ที่แห่งนี้”

จากนั้นพระฤาษีตนนั้น จึงได้เหาะขึ้นกลางอากาศ และหายไปในที่สุด ท่านมิททเศรษฐีนั้น รู้สึกปิติใจอย่างยิ่ง ต่างก็เคลื่อนขบวนเดินทางกลับยังเมืองของตน เมื่อถึงเรือน ท่านก็ได้เล่าให้นางมัลลิกา ภรรยาคนแรกฟัง นางจึงกล่าวว่า..

“ท่านพี่ บุตรของเรานั้นคงจะเป็นผู้มีบุญมาเกิดโดยแท้ ยังมิเติบใหญ่ ก็มีครูบาอาจารย์ตามดูแล เป็นบุญของเราแล้วนะ”

เวลาผ่านไป จนครบเวลาตั้งครรภ์ นางจุตินาทได้กำเนิดบุตรสาวแก่ท่านเศรษฐี มีผิวพรรณขาวอมชมพู มีกลิ่นกายหอม ท่านเศรษฐีจึงได้ตั้งชื่อว่า "ปทุมมุตรา” (ด้วยเหตุแห่งกรรมผิดศีลกาเมฯ ทำให้ท่านสุทัสสนาเทวาจุติเป็นเพศหญิง)

นางจุตินาทนั้น รู้สึกผิดหว้งไม่น้อย ที่ได้บุตรสาว แต่นางก็ต้องทำใจ จึงไม่ได้นำเครื่องสักการะไปไหว้ต้นไทรแต่อย่างใด จนเวลาผ่านไปหลายปี

มธุรสธกุมารนั้นเมื่อเติบใหญ่ รักน้องสาวคนนี้มาก จะคอยปกป้องดูแลน้องสาวด้วยความรัก ส่วนปทุมมุตรานั้น ก็เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย อยู่ในโอวาทของพี่ชาย ทั้งสองผูกพันรักใคร่กันดี จนเวลาผ่านไป ๑๐ ปี

วันหนึ่งพระฤาษีก็มาปรากฏในสวนอุทยานของท่านเศรษฐี คนเฝ้าอุทยานนั้นได้แจ้งแก่ท่านเศรษฐีว่า ..

“ท่านมีพระฤาษีมานั่งสมาธิใต้ต้นไทร ขอท่านเศรษฐีไปดูเถิด”

ท่านมิททเศรษฐีได้ยินเช่นนั้นก็ปิติยินดี “กล่าวว่า เจ้าจงไปบอกโรงครัวให้เตรียมอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ และนำไปถวายท่านอาจารย์ยังอุทยานเถิด”

จากนั้นให้คนรับใช้ ไปบอกข่าวนี้แก่ภรรยาทั้งสอง และให้พาบุตรชาย และบุตรสาวไปยังอุทยานนั้นทันที

ยังมีต่อ...

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๓ ..

(ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)​

เมื่อไปถึงอุทยานแล้ว ท่านมิททเศรษฐี และภรรยาทั้งสอง ก็ได้พบกับพระฤาษี เป็นเรื่องแปลกว่า แม้ ๑๐ ปีผ่านไป วัยของพระฤาษีไม่เปลี่ยนแปลง ท่านดูคล้ายคนหนุ่ม แต่ผมยาว และขาวโพลน ท่านเศรษฐีมีความปิติใจ พาบุตรชาย และบุตรสาวเข้าไปกราบแทบเท้าของพระฤาษีนั้น

มธุรสธกุมารนั้น มีความรู้สึกคุ้นเคยกับพระฤาษีตนนี้อย่างยิ่ง ก็กล่าวแก่ท่านเศรษฐีว่า..

“ท่านพ่อขอรับ ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับพระอาจารย์ เหมือนว่า เคยพบกันที่ใดมาก่อน”

พระฤาษีมองด้วยกุมารน้อยความเมตตากล่าวว่า..

“ท่านผู้เป็นใหญ่แห่งเมืองบาดาล จำพระอาจารย์ไม่ได้หรือ หากอยากรู้ว่า เจ้าเป็นใครมาก่อน มาฝึกวิชากับอาจารย์ อาจารย์จะให้เจ้าได้รู้ว่า เจ้าเกิดมาทำไมในชาตินี้”

พระฤาษีหันไปกล่าวแก่ท่านเศรษฐีว่า..

“ท่านเศรษฐี เราคือ เกษรีฤาษี แท้จริงบุตรชายของท่านนี้ เป็นเจ้าเมืองบาดาลมาเกิด เป็นผู้มีบุญวาสนาสูง เราเคยเป็นพระอาจารย์ของบุตรชายท่านแต่กาลก่อน
ชาตินี้จึงปรารถนาจะสอนวิชาต่าง ๆ ให้แก่เขา ขอท่านจงเลี้ยงบุตรคนนี้ให้ดี ต่อไปเขาจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ”

ท่านเศรษฐีรู้สึกยินดียิ่งนัก จึงกล่าวว่า .. "แล้วบุตรีของกระผมละขอรับ นางจะเป็นอย่างไรในอนาคต”

พระเกษรีฤาษี นั่งนิ่งสักพักและกล่าวว่า ..

“บุตรสาวของท่านเกิดมาชาตินี้ แม้มีบุญวาสนาสูงที่จะเป็นถึงพระมเหสี แต่นางก็ต้องพลัดพรากจากครอบครัวไป ตกระกำลำบากสักพักจึงจะได้ดี
วิบากกรรมนี้ยากจะเลี่ยงพ้น เราจะสอนวิชาบางอย่างให้อย่างน้อยก็พอใช้วิชาให้เอาตัวรอดได้ในบางครั้ง ขอท่านจงอย่าได้วิตกกังวล จงเลี้ยงดูนางให้ดีเช่นกัน ”

นางจุตินาถได้ยินดังนั้น ก็เกิดความไม่พอใจที่พระฤาษีกล่าวเช่นนี้ แต่นางก็เก็บอารมณ์ไว้ นึกในใจว่า ..

“บุตรสาวของเราเกิดมาผิวพรรณงดงาม หาหญิงใดเปรียบจะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะประสบทุกข์ ซะรอย เรื่องนี้อาจจะมีเบื้องหลัง”

พระเกษรีฤาษี แม้รู้วารจิตแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใด เนื่องจากทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรม ส่วนนางมัลลิกานั้น แม้ปทุมมุตรามิได้เป็นบุตรสาวของนาง นางก็วิตกกังวลแทน เนื่องจากนางก็รักปทุมมุตราธิดานี้ดุจบุตรของนาง จึงถามพระฤาษีไปว่า..

“ท่านอาจารย์เจ้าขา ท่านพอจะบอกได้หรือไม่ว่า พวกเราควรแก้ไขอย่างไร”

พระเกษรีฤาษี กล่าวว่า.. “เรื่องนี้มารดาของนางทราบดีว่า ก่อนที่จะได้บุตรสาวนี้มา นางไปบนบานสานกล่าวทีแห่งใด ให้นำเครื่องบวงสรวงนั้นไปตั้งถวาย เทวดาผู้ปกปกษ์รักษาที่แห่งนั้นจะเป็นผู้ช่วยแก้ไขเรื่องต่าง ๆ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้”

นางจุตินาถ เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจ คิดว่า เรื่องนี้มีตนและนางมณฑาเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้ จึงลนลานเข้าไปกราบพระฤาษีว่า..

“ท่านเจ้าขา ในเมื่อดิฉันมิได้บุตรชายตามต้องการเหตุใดดิฉันจะต้องไปบวงสรวงด้วยเจ้าค่ะ”

พระเกษรีฤาษีกล่าวว่า.. “การที่เราบวงสรวงที่ใดก็ตาม ผลออกมาแม้ไม่สำเร็จ ๑๐๐ % ก็ถือว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ตามกำลังบุญของเรา ก่อนหน้านี้ท่านก็ไม่มีบุตรเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี เหตุใดท่านไม่นึกถึง เวลานี้ท่านได้บุตรสาวมาเชยชม ซ้ำนางยังเป็นผู้งดงามทั้งกายใจ ควรจะต้องตั้งเครื่องสักการบูชา เพื่อเป็นการขอบคุณ จึงเป็นการสมควร”

ท่านเศรษฐีได้ฟังการโต้ตอบ จึงกล่าวว่า .. "จุตินาถ เธอไปขอพรที่แห่งใด ควรทำเช่นนั้นเถิด เราจะให้การสนับสนุนเต็มที่ เธอก็ทำให้ฉันสมความปรารถนาเช่นกัน เพราะทำให้ฉันได้บุตรทั้งชาย-หญิงแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรอีก”

นางจุตินาถนั้นก็ถึงกับร้องไห้ เนื่องจากนางเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า ท่านเศรษฐีต้องการเพียงบุตรชาย ถึงกับยกทรัพย์ให้มธุรสธกุมาร ๑ ใน ๓ ส่วนบุตรีของนางกลับไม่ได้อะไรเลย

ท่านเศรษฐีจึงกล่าวว่า..

"เรื่องทรัพย์ที่ฉันยกให้มธุรสธนั้น เนื่องจากฉันเห็นว่า เขาเป็นบุตรชาย ย่อมต้องเลี้ยงดูผู้คน และภรรยาในอนาคต ส่วนบุตรสาวนั้น เมื่อเติบใหญ่นางก็จะมีผู้เลี้ยงดูต่อไป"

นางจุตินาถเพิ่งเข้าใจเจตนาของท่านเศรษฐี นางจึงรับปากจะทำตามที่พระฤาษีแนะนำ

ต่อมาท่านเศรษฐีได้สร้างอาศรมแก่พระฤาษี นิมนต์ให้ท่านอยู่ชั่วคราว เพื่อสอนวิชาแก่มธุรสธกุมาร และปทุมมุตรา โดยมีคนรับใช้ชาย-หญิงคอยอุปัฏฐากแก่พระเกษรีฤาษี

ยังมีต่อ..

 

ร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพลอยเพื่อเป็นอุณาโลมพระพุทธรูปหน้าตัก ๑๒ ศอก 75 บาท
ร่วมสร้างลวดลายไทยหน้าบรรณ ประตู และหน้าต่างโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี 75 บาท
เงินจะโอนเข้าบัญชีอัตโนมัติภายในวันที่ 1 มิ.ย.56 และขออนุโมทนากับผู้ร่วมบุญนี้ทุกท่านค่ะ

 

“ดวงแก้วอัสมาณสิการ” นามนี้ไพเราะจังเลย ขึ้นมาในวันพระใหญ่อีกต่างหากใครกันหนอที่เป็นเจ้าของ...อนุโมทนาบุญล่วงหน้านะคะ​

เช้าวันนี้ได้รับพัสดุกล่องใหญ่ ข้างในเป็นเสื้อผ้า พร้อมกับหนังสือธรรมะ ดูที่กล่อง มาจากหนองคาย เป็นของคนสวย ใจงามนี่เอง
...อนุโมทนาบุญกับน้องหญิงตาลนะจ๊ะ​

​

ขอให้สมหวังในมรรคผลนิพพาน...แต่ใครนะที่บอกว่าเราจะพบกันใต้ต้นกัลปพฤกษ์ก่อนเข้าพระนิพพาน อิ อิ​

;aa40​

 

ขอร่วมประมูลดวงแก้วที่ 15880 บาทครับ

 

ได้รับของแล้วหรือคะพี่หม่อน? เพิ่งส่งเมื่อวันจันทร์เอง
เร็วจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปรษณีย์ไทย ฮ่า ๆ ...


ขอโมทนาสาธุบุญกับคุณซัน2555และคุณแอม12 ค่ะ
ขอให้สมปรารถนานะคะ ใจจริงอยากประมูลด้วยจัง...
แต่เสียดายสตางค์ม่ายมีค่ะ อิอิ

 

ขอร่วมประมูลที่ 16,800 บาท ครับ
และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ

 

ร่วมประมูลกันสองท่านแล้วครับ ลุ้นกัน...

 

ขอร่วมประมูลที่17000บาทครับ

 

ขอโมทนาสาธุบุญกับคุณซัน2555 คุณแอม12 คุณprapart54 คุณmoom นะค่ะ
ขอให้สมปรารถนานะค่ะ

จันทรกาล

 

ขอประมูลทำบุญเพิ่มที่ 18,000 บาท ครับ

 

..ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ..

​

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555,คุณam12 ,คุณ prapart54 และคุณ mooom ที่ให้ร่วมประมูลดวงแก้วอัสมาณสิการครั้งนี้ด้วยค่ะ

และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ช่วยลุ้นช่วยเชียร์มาตลอด

ขอผลบุญในการธรรมทานของดิฉันตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน พึงบังเกิดแก่ทุก ๆ ท่าน ขอให้ท่านมีปัญญาที่สว่างไสว สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกเรื่อง ขอให้มีความคล่องตัวในทรัพย์ และมีดวงตาเห็นธรรมด้วยเถิด สาธุ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ phuya และน้องน้ำตาลด้วยค่ะ

Numsai

 

มาเชียร์ผู้เข้าร่วมประมูลดวงแก้วอัสมาณสิการทุกท่านค่ะ chearr

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๔ ..

ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒ ​

​

เวลาผ่านไป ๕ ปี มธุรสธกุมารก็เรียนสรรพวิชาได้สำเร็จ (เนื่องจากมธุรสธนั้น หรือพญาพศตนาคราชเกิดเป็นพญานาคราชมานานมาก เนื่องจากมีความพึงพอใจในอัตภาพแห่งความเป็นนาคราช

นอกจากสรรพวิชาต่าง ๆ แล้ว พระเกษรีฤาษียังได้หลักธรรมในการดำรงตนเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องของคุณธรรมต่าง ๆ เพื่อให้มธุรสธกุมารเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความรู้และคุณธรรม

ส่วนปทุมมุตรากุมารีนั้น เนื่องจากนางเป็นหญิง พระเกษรีได้สอนวิชาความรู้ต่าง ๆ แต่ต่างจากวิชาที่สอนแก่มธุรสธกุมาร มีเพิ่มเติมวิชาแปลงกาย และชุบชีวิตมนุษย์หรือสัตว์ ซึ่งวิชานี้จะทำให้ปทุมมตรากุมารีได้ใช้ในวันข้างหน้า

หลังจากบุตรทั้งสองได้สำเร็จวิชาต่าง ๆ แล้วมิททเศรษฐี ผู้เป็นบิดาก็ปลื้มปิติเป็นอย่างมาก อาราธนาพระฤาษีให้อยู่ต่อ แต่ท่านได้ปฏิเสธ เนื่องจากตัวท่านต้องการหาความรู้ให้แก่ตนเองเช่นกัน ก่อนที่ท่านจะจากไปก็ได้กล่าวแก่ มธุรสธกุมารว่า..

“มธุรสธเอ๋ย จำคำอาจารย์ไว้ วันข้างหน้าเจ้าจงใช้วิชาที่อาจารย์สอนให้เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อย่าเห็นแก่สินจ้างอามิสใด ๆ เรื่องคุณธรรมที่อาจารย์สอนจงจำไว้นะ แล้วเจ้าจะได้ดี”

มธุรสธกุมารได้รับคำพระเกษรีฤาษี จากนั้นท่านก็ได้จากไป

(ช่วงหลังจากนี้พระเกษรีฤาษีก็จะพบกับพระอัฐกัณฑฤาษี เพื่อเรียนวิชาต่าง ๆ อีกนานเป็นหลายสิบปี และก่อนที่จะได้พบกับศิลปัตรมานพตามลำดับที่เคยได้กล่าวมาแล้วค่ะ)

หมายเหตุ ขออธิบายเพิ่มนะคะ เกี่ยวกับอายุมนุษย์ในสมัยนั้น มนุษย์มีอายุประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี จากประวัตินี้เทียบกับอายุมนุษย์ในปัจจุบัน เพื่อให้เข้าใจง่าย

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ขอร่วมประมูลดวงแก้วที่18200บาทครับ

 

ก่อนจะนำเสนอเกี่ยวกับมธุรสธมานพและนางปทุมมุตรา ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเกษรีฤาษี จากประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ฯ

หลังจากพญาพศตนาคราช และพระมเหสีทั้งสองได้จุติแล้ว ทางเมืองบาดาลส่งราชทูตไปแจ้งข่าวแก่สิทธินาคราช แต่เนื่องจากสิทธินาคราชนั้นอยู่ในระหว่างการเข้าสมาบัติ จึงทำให้ไม่ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว

พระเกษรีฤาษีอาศัยในช่วงเจ้าชายสิทธินาคราชเข้าสมาบัติ ( ๖ เดือนของนาคพิภพ) ติดตามหาพญาพศตนาคราชว่าไปจุติยังที่ใด จนพบและรอจนรู้ความ จากนั้นก็อยู่สอนวิชา อีก ๕ ปี ในช่วงนี้เจ้าชายสิทธินาคราชยังไม่ออกจากสมาบัติแต่อย่างใด

จากนั้นท่านก็ได้พบพระอัฐกัณฑฤาษี และได้ร่ำเรียนวิชานพเก้าไตรกาล ดังที่เคยนำเสนอมาแล้วค่ะ สำหรับเรื่องของสิทธินาคราชจะไม่นำมากล่าวในประวัตินี้ เนื่องจากไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน จะขอนำเสนอในประวัติดวงแก้วจักราฤทธิไกรต่อไปค่ะ