ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

พี่ก็ขออนุโมทนาบุญกับคุณธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊
ขอให้สมความปรารถนาทุกประการนะค่ะ

จันทรกาล

ปล.ไปชิมก๋วยเตี๋ยวลุงบ้างมาแล้วค่ะ (อา-หร่อย ค่ะ) อิอิ

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ...

ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์เช่นกันค่ะ ขอให้มีความคล่องตัวทุกเรื่องค่ะ

Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ...

ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนเช่นกันค่ะ Profile เป็นภาพพระเขี้ยวแก้วที่ถวายแด่ท่านพระครูภาวนาพิลาศ(หลวงตาวัชรชัย) เจ้าอาวาส วัดเขาวงค่ะ เป็นภาพที่ถ่ายไว้ในวันไหว้ครูค่ะ

นำมาเป็น Profile เพื่อระลึกถึงบุญที่ทำมาค่ะ เวลาเข้าเว็บก็ได้เห็น..เพื่อให้จิตใจแจ่มใสเบิกบานค่ะ

ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

Numsai

 

ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๖ พระเจ้าคิริกิณติ..

(ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)

​

เวลานั้นมีนักกวีนามว่า ..”ศุภหัสสะ” เป็นทั้งดนตรี และกวีแห่งแคว้นชัยกิณกะ ได้ยลโฉมนางปทุมมุตราแล้ว เวลาที่นางคอยชักชวนคนทำความดี หน้าตาของนางจะมีความแจ่มใสเบิกบาน ทำให้นางมีความงามยิ่งนัก จึงได้แต่งเป็นเพลง และร้องไประหว่างทาง

ทำให้ผู้คนอยากพบนางปทุมมุตรา เพื่อร่วมบุญกับนาง
ความทราบถึงพระกรรณของ พระเจ้าคิริกิณติ จอมราชาแห่งแควันชัยกิณกะ พระองค์ได้สดับเพลงแล้ว เกิดอยากยลโฉมของนางปทุมมุตรายิ่งนัก จึงหามหาดเล็กคนสนิทปลอมพระองค์เป็นสามัญชนธรรมดาไปยังเมืองมุทราช ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในแคว้นของพระองค์

ครั้นมาถึงก็เห็นนางปทุมมุตรา และเกิดความรักนางทันทีได้ ระหว่างนั้นนางปทุมมุตราได้บอกกล่าวการสร้างบุญด้วยเสียงอันไพเราะว่า..

“ท่านผู้ใจบุญทั้งหลาย พี่ชายของข้าพเจ้าปรารถนาจะสร้างโรงทาน ๔ แห่งในเมืองนี้ เพื่อให้ผู้ยากไร้ก็ดี นักเดินทางก็ดี หรือสมณนักบวชก็ดี ได้พักอาศัยชั่วคราว และได้รับอาหารและน้ำ ท่านใดมีจิตศรัทธาจะร่วมบุญกับพี่ชายของข้าพเจ้าได้โปรดนำทรัพย์มารวมกัน
เราจะเป็นเจ้าของโรงทานนี้ร่วมกัน เพื่อผลบุญอันอุดมในภายหน้า ขอท่านผู้ใจบุญสละทรัพย์ของท่านเพียงเล็กน้อย เพื่อรวมเป็นทรัพย์ก้อนใหญ่เถิด”

มีหญิงชราคนหนึ่งเข้ามาแล้วถามนางว่า..

“แม่ปทุมมุตรา ความจริงแล้ว แม่เป็นผู้เกิดมามีทรัพย์มาก เหตุใด แม่มาเที่ยวประกาศขอทรัพย์จากผู้อื่น เยี่ยงขอทานคนยากไร้เช่นนี้”

นางปทุมมุตราได้แย้มสรวลและตอบว่า ..

”แม่เฒ่าเจ้าขา ความจริงแล้วพี่ชายและตัวดิฉัน มีทรัพย์เพียงพอที่จะสร้างโรงทานทั้ง ๔ แต่พี่ชายและดิฉัน เห็นว่า การที่ตระกูลของเราเป็นเจ้าของ และให้บ่าวไพร่มาเป็นผู้ดูแลโรงทาน

อาจจะทำให้บ่าวไพร่นั้น ถือยศศักดิ์ว่า ของเหล่านี้เป็นของนายของเรา ย่อมเลือกปฏิบัติแก่ผู้ยากไร้ หรือนักเดินทางเหล่านั้น

หากมีการชักชวนกันร่วมบุญ จะทำให้เห็นว่า ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ เพราะทุกคนได้ร่วมบุญกัน ทุกคนจึงเป็นเจ้าของโรงทานทั้ง ๔ จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันรักษาทรัพย์ของเราทั้งโลกนี้ และโลกหน้า”

เมื่อนางปทุมมุตรากล่าวจบ หญิงชรา และผู้คนที่ผ่านไป-มาต่างก็ได้โมทนาสาธุการถึง ๓ ครั้ง จากนั้นนางก็เดินและหายไป

แท้จริงหญิงชรานั้น คือ รุกขเทวาอันเป็นบริวารของนางมาก่อนนั่นเองการที่แปลงกายนั้น เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ถึงความมีปัญญาของนางปทุมมุตรา

พระเจ้าคิริกิณติ ทรงสดับดังนั้นก็ปรารถนานางปทุมมุตรามาเป็นพระมเหสีของพระองค์ จึงได้พามหาดเล็กกลับยังพระราชวัง

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๗ วิบากกรรมส่งผล..


พระเจ้าคิริกิณตินั้น แม้ยังไม่ได้อภิเษกหญิงใดให้เป็นพระมเหสี แต่ทรงมีพระสนมเอกอยู่แล้ว นามว่า “สิธามณี” พระสนมสิธามณีนั้น นางมีความงามกว่าหญิงใดในแคว้นนั้น และเป็นที่โปรดปราณของพระเจ้าคิริกิณติ ถึงกับแต่งตั้งเป็นพระสนมเอก แม้มีความงามดุจเทพธิดา แต่จิตใจของนางกลับตรงกันข้ามไร้คุณธรรม

เมื่อความนี้ได้รู้ถึงพระสนมสิธามณี นางจึงให้คนไปสืบข่าวว่า ในแต่ละวันนางปทุมมุตรานั้น ไปที่แห่งใดบ้าง และคิดหาทาง เพื่อกำจัดนางปทุมมุตรา
หลังจากนางปทุมมุตราได้บอกบุญได้ทรัพย์จำนวนมาก

อีกทั้งพระเจ้าคิริกิณติได้ปลอมเป็นมานพหนุ่มมาว่า “สิทธะ” และนำทรัพย์ส่วนพระองค์มามอบให้นาง และช่วยก่อสร้างโรงทานทั้ง ๔ จนสำเร็จใช้เวลาทั้งสิ้น ๓ เดือน จากนั้นสิทธะมานพก็ไปมาหาสู่นางปทุมมุตรา จนเป็นที่ไว้วางใจของท่านมิททเศรษฐี และภรรยา

วันหนึ่งพระสนมสิธามณีให้คนไปสืบจนทราบว่า ปกตินางปทุมมุตรานั้นจะต้องเดินไปอาบน้ำที่สระในอุทยาน(คนละด้านกับบริเวณอาศรมของพระเกษรีฤาษี) สถานที่นั้น มักมีแต่หญิงรับใช้คนสนิทของนางเพียงไม่กี่คน จึงจ้างโจรป่าให้ลอบเข้าไปทำร้ายคนรับใช้ และจับตัวนางปทุมมุตราไป

ส่วนนางจุตินาถ มารดาของนางปทุมมุตรารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีแก่บุตรสาว จึงให้คนรับใช้ในเรือนติดตามหา พบว่า นางถูกจับตัวไป ถึงกับเป็นลมล้มพับไป คนรับใช้จึงไปแจ้งแก่ท่านมิททเศรษฐี และมธุรสธมานพ จึงให้คนออกตามหานางปทุมมุตราทันที

(สำหรับวิชาความรู้ที่พระเกษรีฤาษีสอนมธุรสธมานพนั้น เป็นความรู้ทางโลก และวิชาการรบการทหารแบบมนุษย์ มิได้สอนเรื่องการใช้ฤทธิ์แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นช่วงที่มธุรสธมานพ (พญาพศตนาคราช) ต้องบำเพ็ญวิริยบารมี จึงมีความรู้ความสามารถไม่ต่างจากมนุษย์ในปัจจุบัน)

 

กำลังสนุกเลยค่ะ
ยังกะอ่านนิยายเลยเชียว ครั้งนี้มีตัวอิจฉาด้วย... ปกติไม่มี อิอิ
รอคอยด้วยใจจดจ่อนะคะท่านพี่น้ำใส ^^

 

เทศกาลงานบุญใหญ่ผ่านไปด้วยความสุขใจ...งานบุญต่อไปเป็นบุญผ้าป่ากองน้อยๆของพวกเรา

อนุโมทนาบุญกับน้องตาล สวยอยู่แล้วขอให้สวยยิ่งๆ ขึ้นไป และเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรมนะจ๊ะ

 

​

อนุโมทนาบุญ...กับคุณNamfonBaanfa ที่ส่งเสื้อผ้าสวยๆ, สื่อธรรมะ, และของที่ระลึกอื่นๆ มาร่วมบุญในครั้งนี้
ขอให้ร่ำรวยความสุข สุขทั้งทางโลก สุขทั้งทางธรรม ยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ​

 

​

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๘ สิครินทร์นาคราชจุติ..

จักรรัตนศิริบพิตร-วาสิษฐีศุภมงคล

(คุณ prapart54 เป็นเจ้าของ)​

หลังจากนางปทุมมุตราได้ถูกจับตัวไป สิทธะมานพ หรือพระเจ้าคิริกิณติได้ทราบข่าวจากท่านมิททเศรษฐีได้สั่งคนให้ออกติดตามโจรป่าดังกล่าว และได้ติดตามชิงตัวนางปทุมมุตรากลับมาได้ โดยโจรป่าทั้ง ๕ คนถูกฆ่าตาย โดยไม่ทันได้สาวความผิดถึงตัวพระสนมสิธามณีแต่อย่างใด

เมื่อนำตัวนางปทุมมุตรากลับมาแล้ว พระเจ้าคิริกิณติจึงได้บอกความจริงแก่ท่านมิททเศรษฐีว่า แท้จริงแล้ว ตนคือพระราชาแห่งแคว้นนี้ได้ปลอมตัวมา สร้างความปิติใจแก่ท่านมิททเศรษฐีและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นจึงได้มีงานอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าคิริกิณติกับนางปทุมมุตราโดยแต่งตั้งให้นาง เป็นอัครมเหสี พระนามว่า “พระนางปทุมมุตราเทวี” มีงานฉลองถึง ๓ วัน ๓ คืน จึงเสร็จสิ้นงานมงคล

เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นแก่พระสนมสิธามณียิ่งนัก คิดว่านางเป็นผู้มาก่อน ควรจะได้รับการยกย่องเป็นพระมเหสี แต่เมื่อยังไม่สมหวัง นางจำเป็นต้องแสร้งทำต่อหน้าพระมเหสี แต่ลับหลังเฝ้าหาซ่องทางวางแผนกำจัดพระมเหสีอยู่เงียบ ๆ

แท้จริงหากนางวางใจยอมรับ แข่งอะไรก็แข่งกันได้ ส่วนบุญวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้ แต่นางกลับไม่คิดเช่นนั้น เพียงคิดว่า จะทำอย่างไรให้ตนกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม

ฝ่ายพระเจ้าคิริกิณตินั้น มิได้ล่วงรู้เรื่องใด คิดว่า นางทั้งสองรักใคร่กันดี จึงมุ่งแต่การปกครองบ้านเมืองให้อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

พระนางปทุมมุตราเทวีนั้น ปรารถนาที่จะมีพระโอรสหรือพระธิดาแก่พระเจ้าคิริกิณติ เพื่อสืบต่อพระราชบัลลังก์ จึงได้ขอพระเจ้าคิริกิณติถืออุโบสถศีล เป็นเวลา ๑๕ วัน และร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอผู้มีบุญลงมาเกิด

คืนนั้น พระนางปทุมมุตราได้นิมิตเห็นช้างแก้ว เหาะลงกลางอากาศแล้วตกลงในสระน้ำในอุทยาน จากนั้นขึ้นจากสระน้ำนั้น มาหาพระนาง พระนางจึงได้เล่านิมิตนี้แก่พระเจ้าคิริกิณติ โหราจารย์ทำนายว่า..

“ผู้ที่จะมาจุติในพระครรภ์ของพระนางปทุมมุตรานี้ เป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด แต่จะประสบวิบากกรรมบางอย่างก่อนจะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง”

สร้างความปิติใจแก่พระเจ้าคิริกิณติ และพระนางปทุมมุตราเทวียิ่งนัก ส่วนพระสนมสิธามณีนั้น ซ่อนความเจ็บแค้นใจอยู่เงียบ ๆ

กาลนั้น บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท้าวสักกเทวราช ได้เรียกสุทธินครินทร์เทวบุตร หรือสิครินทร์นาคราช ให้มาจุติในครรภ์ของพระนางปทุมมุตราเทวี เพื่อช่วยพระนางให้พ้นภัย อันจะเกิดขึ้นในอนาคตเบื้องหน้า

เมื่อรับบัญชาแล้ว สุทธินครินทร์เทวบุตรลงสู่พระครรภ์พระนางปทุมมุตราเทวีทันที เมื่อลงสู่พระครรภ์แล้ว ด้วยวิบากกรรมในอดีตทำให้พระนางปทุมมุตราแพ้พระครรภ์แบบแปลก ๆ คือ ต้องเสวยโลหิตไก่สาว ผสมน้ำผึ้งอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง โดยพระนางไม่ให้ผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป

แต่ว่า มีผู้รับสินบนจากพระสนมสิธามณี นำข่าวนี้ไปบอกแก่นาง นางจึงหาทางกำจัดพระนางปทุมมุตราเทวี โดยนำข่าวนี้ไปบอกแก่พระเจ้าคิริกิณติ และติดสินบนแก่โหรหลวงให้ทำนายว่า..

“การแพ้พระครรภ์ผิดมนุษย์นี้ มาจากทารกในครรภ์เป็นกาลกินี ทำให้บ้านเมืองต้องฉิบหาย มีแต่ความทุกข์ร้อน จะต้องถูกเนรเทศให้ออกจากแคว้นนี้ไปทั้งแม่และลูก”

พระเจ้าคิริกิณติได้ฟังดังนั้น แม้จะมีความรักความเสน่หาในพระนางปทุมมุตราเทวีเพียงใด จำต้องตัดใจ สั่งให้เนรเทศออกไปนอกเมือง ทั้งๆ ที่ทรงพระครรภ์ทันที :''(

 

..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๙ เสวยวิบากกรรม..

พระนางปทุมมุตราเทวีนั้น ได้ถูกนำมาทิ้งไว้ในป่าเพียงลำพังนอกแคว้นชัยกิณกะ ตั้งแต่เด็กนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจากบิดามารดา ซึ่งเป็นเศรษฐี และมีพี่ชายที่คอยปกป้องคุ้มครองภัยอันตราย

เมื่อข่าวการเนรเทศพระมเหสีของแคว้นได้แพร่สะพัดออกไป ซ้ำไม่มีผู้ใดกล้าให้ความช่วยเหลือ ทำให้พระนางปทุมมุตราได้รับความลำบากยากเข็ญยิ่งนัก
แต่ด้วยจิตที่เป็นพระมารดาทำให้พระนางอดทน เพื่อทารกในครรภ์ที่จะเกิดมา

พระนางจึงหาผลไม้ในป่าเสวยไปวัน ๆ ยามค่ำ ก็หาถ้ำที่อยู่บริเวณนั้นได้พอหลับนอน เดินทางกลับเมืองของตน เป็นเรื่องแปลกว่า เมื่อนางออกจากพระราชวังมาแล้ว อาการแพ้พระครรภ์อยากเสวยโลหิตไก่สาว ผสมน้ำผึ้งไม่มีอีกเลย

พระนางจึงนึกได้ว่า หากนางยังคงกายผู้หญิงอย่างนี้ อาจจะมีภัยต่อตนเองได้ จึงใช้วิชาที่พระเกษรีฤาษีได้สอนไว้ แปลงกายเป็นมานพหนุ่ม แต่มีร่างกายอวบขึ้น เพื่อปกปิดเพศที่แท้จริง และอธิษฐานขอให้เทวดาทั้งหลายปกปักษ์รักษาจนกว่าจะถึงบ้านเกิดของตน

ต่อมาความทราบไปถึงท่านมิททเศรษฐี และภรรยาทั้งสอง นางจุตินาถ ผู้เป็นมารดาร้อนใจ นึกถึงคำที่พระฤาษีเคยกล่าวไว้ นางจึงได้ไปบนบานกับรุกขเทวดา ณ.ต้นไทรอีกครั้ง ขอให้บุตรสาวของนางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

จากนั้น ท่านมิททเศรษฐีจึงให้มธุรสธมานพ ผู้เป็นพี่ชาย ได้พาคนออกติดตาม เนื่องจากทางไปแคว้นเมืองมุทราช ไปยังแควันชัยกิณกะ ห่างไกลกันพอสมควรใช้เวลาเดินทางเกวียนแรมเดือน

 

ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๐ พระนางสุมนาเทวีจุติ

(ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)

ขอกล่าวถึงพระนางสุมนาเทวี ซึ่งเป็นพระมเหสีของพศตนาคราชในอดีต หลังจากนางได้ปรารถนาว่า...

“ไม่ว่าพระสวามีจะไปเกิดในภูมิใด หม่อมฉันจะขอติดตามพระองค์ไปทุกภพชาติ และขอให้มีกำเนิดในชาติตระกูลที่ไม่ต่างกัน ขอให้สมความปรารถนาในความรัก และขอให้พระสวามีรักหม่อมฉันแต่เพียงผู้เดียว”

ด้วยกุศลแห่งการถวายดอกไม้แด่ดวงแก้วมณี ทำให้พระนางก็ไปจุติเป็นมนุษย์ เป็นพระธิดาของท้าวจตุรส และพระนางโสรยาเทวี แห่งเมืองจตุรมงคลนคร นามว่า เจ้าหญิงสิษฐินารถ เมื่อพระชนมายุได้ ๑๘ ชันษา ทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก

กาลนั้นอายุของนางสมควรที่จะอภิเษกสมรส ท้าวจตุรสหาเจ้าชายเมืองใกล้เคียงให้ดูตัว เนื่องจากมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว ท้าวจตุรสจำเป็นต้องหาคู่ให้แก่นาง เพื่อสืบทอดบัลลังก์ต่อไป แต่เจ้าหญิงสิษฐินารถกลับไม่สนพระทัย ทำให้ท้าวจตุรสกลุ้มพระทัยยิ่งนัก

พระองค์จึงเรียกเสนาอำมาตย์ มาเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ เสนาอำมาตย์ให้ความเห็นว่า ควรใช้วิธีเสี่ยงทายโดยราชรถ จะเป็นการที่เจ้าหญิงหาข้ออ้างปฎิเสธมิได้ อีกทั้งยังได้ผู้มีบุญญาธิการคู่ควรกับเจ้าหญิงอีกด้วย ท้าวจตุรสจึงตกลงส่งราชรถหาผู้มีบุญญาธิการมาเป็นคู่ครองของเจ้าหญิงในวันรุ่งขึ้น

เมืองจตุรมงคลนครนั้นเป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากแคว้นชัยกิณกะ ๘ โยชน์ เป็นทางผ่านที่มธุรสธมานพ และคณะได้ผ่านมาทางนี้พอดี ระหว่างทางมธุรสธ ได้พากันพักผ่อนให้หายเหนื่อย เพื่อเดินทางต่อไป

เมื่อท้าวจตุรสส่งราชรถมา ม้าเทียมราชรถได้วิ่งตรงมายังต้นไม้ใหญ่ที่มธุรสธมานพนอนหลับพักผ่อนอยู่พอดี ฝ่ายเสนาอำมาตย์ผู้ติดตามใช้ม้าควบมายังบริเวณที่ต้นไม้นั้น

มธุรสธมานพได้ยินเสียงอื้ออึงก็ตกใจตื่น แต่ยังคงสงวนท่าที ทำทีร้องถามว่า..

“พวกท่านเป็นใครกัน เหตุใดมารบกวนการนอนของเรา”

เสนาอำมาตย์นั้น ทำความเคารพและกล่าวว่า..

“ท่านผู้มีบุญญาธิการ ท่านมาจากที่ใด พวกเรานั้นได้เสี่ยงราชรถ เพื่อหาคู่ครองแก่เจ้าหญิงของเรา ราชรถนี้วิ่งมาหาท่าน เราหวังว่า ท่านจะติดตามเราไปเฝ้าพระราชาของเราด้วยเถิด”

เมื่อมธุรสธได้ฟังดังนั้น จึงคิดได้ว่า...

“ลำพังเราเป็นคนต่างถิ่นการตามหาพระมเหสีได้ยาก หากเราเป็นมิตรกับคนเมืองนี้ไว้ คงไม่เสียหลาย เรื่องการอภิเษกสมรสคงต้องเจรจาไปก่อน แล้วค่อยหาทางปฏิเสธภายหลัง”

จากนั้นมธุรสธได้ขึ้นราชรถ และให้บ่าวไพร่ติดตามเสนาอำมาตย์ไป ฝ่ายเจ้าหญิงสิษฐินารถนั้น ได้ข่าวว่า ได้พบผู้มีบุญญาธิการแล้ว ทำให้นางใคร่ปรารถนาบุรุษผู้นั้นอย่างมาก จึงแอบมองตามช่องพระแกล(หน้าต่าง) ด้วยบุพเพสันนิวาส แม้เพียงเห็นด้านข้างของมธุรสธมานพ ทำให้เจ้าหญิงตกหลุมรักชายหนุ่มทันที

ท้าวจตุรสนั้น มีความปิติยินดีคิดว่า ชายหนุ่มผู้นี้คงเป็นคู่ของธิดาของตนเป็นแน่แท้ จึงได้สอบถามความเป็นมาของมธุรสธมานพ มธุรสมานพนั้น มิได้บอกความจริงเรื่องมาตามหาพระนางปทุมมุตราเทวี เนื่องจากเกรงว่า หากเจ้าเมืองนี้มีสัมพันธ์อันดีกับแคว้นชัยกิณกะ น้องสาวของตนอาจจะมีภัยอันตราย จึงบอกเพียงว่า ตนกำลังจะเดินทางไปค้าขายยังแคว้นชัยกิณกะเท่านั้น

เมื่อท้าวจตุรสได้ทราบก็ยินดียิ่งนัก เนื่องจากชาติตระกูลของชายหนุ่มเป็นถึงเศรษฐี จึงตรัสว่า..

“เราเองมีธิดาเพียงองค์เดียว เราปรารถนาจะมีราชบุตรเขย การเสี่ยงทายนี้เทพยดาฟ้าดินเป็นใจให้เราพบท่าน หากเราขอให้ท่านอภิเษกกับธิดาของเราจะว่าอย่างไร”

มธุรสธมานพนั้น จึงกล่าวว่า ..

“ข้าฯแต่สมมุติเทพ ผู้ยิ่งใหญ่ กระหม่อมเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา มิอาจเอื้อมที่จะปฏิเสธแก่ท่าน แต่ว่าหากเจ้าหญิงมิประสงค์จะอภิเษกกับกระหม่อมละพะยะค่ะ พระองค์จะทรงทำอย่างไรพะยะค่ะ”

ท้าวจตุรสตรัสว่า...

“เราได้ตกลงแก่ธิดาของเราแล้วว่า คราวนี้นางปฏิเสธมิได้ เนื่องจากพิธีเสี่ยงทายนี้ ถือเอาบุญญาธิการเป็นสำคัญ หากท่านไม่สบายใจ เราจะให้คนเรียกธิดาของเรามาดีกว่านะ”

จากนั้นทรงให้นางกำนัลไปตามเจ้าหญิงสิษฐีนารถมาพบ เมื่อมธุรสธมานพได้พบเจ้าหญิงสิษฐินารถ จึงได้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ จึงได้ตอบตกลงจะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงทันที

 

ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๑ ปรากฏดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ..

ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒​

เมื่อตกลงเรียบร้อยแล้ว มุธุรสธมานพได้บอกความจริงแก่ท้าวจตุรสว่า ตนได้ออกติดตามหาพระนางปทุมมุตรา ท้าวจตุรสจึงสั่งให้คนตามหาพระนางปทุมมุตราทันที และส่งข่าวไปยังท่านมิททเศรษฐี และภรรยา ทำให้มิททเศรษฐีนั้นยิ่งมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระเกษรีฤาษียิ่งนัก สิ่งที่ท่านพูดเป็นจริงทุกประการ

ท้าวจตุรสนั้นให้มธุรสธหมั้นหมายกับเจ้าหญิงไปก่อน จากนั้น ๑ เดือนต่อมา ได้มีงานอภิเษกสมรสของมธุรสธมานพ และเจ้าหญิงสิษฐินารถ มธุรสธจึงได้ฐานันดรเป็น “เจ้าชายมธุรสธ"

ในวันรุ่งขึ้นของการอภิเษกนั้นเอง ปรากฏดวงแก้วมณีขึ้นกลางสระน้ำหน้าพระราชว้งของเจ้าชายมธุรสธ และเจ้าหญิงสิษฐินารถ เสียงดังสนั่น เนื่องจากเทวานุภาพผู้ส่งดวงแก้วมณีมาให้ด้วยแรงอธิษฐานของเจ้าชายมธุรสธนั่นเอง ดวงแก้วนี้มีนามว่า...

“ดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ”​

ซึ่งมีความหมายมาจากตระกูลของพระองค์ทั้งสองตระกูล คือ ตระกูลเศรษฐี และตระกูลกษัตริย์นั่นเอง สร้างความปิติยินดีแก่เจ้าชายมธุรสธอย่างยิ่ง ทรงให้นำดวงแก้วมณี ประดิษฐานในมณฑปที่สวยงาม เปิดให้มีการสักการบูชา

ปรากฏว่า เมื่อได้ดวงแก้วมณีมาแล้ว ทรัพย์ในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นโดยอัศจรรย์
เรือกสวนไร่นาของชาวเมือง ประกอบผลดีมาก การทำมาค้าขายกับต่างเมืองก็ได้กำไรงาม

ท้าวจตุรสเห็นดังนั้น จึงคิดว่า ควรมอบราชสมบัติแก่ราชบุตรเขย จึงประกาศสละราชสมบัติในกาลต่อมา

เจ้าชายมธุรสจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระเจ้ามธุรสธ และเจ้าหญิงสิษฐินารถ ขึ้นเป็นพระนางสิษฐินารถ ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข และเจริญรุ่งเรืองตลอดมา

พระองค์ทรงให้คนติดตามหาพระนางปทุมมุตร แต่ว่าก็ไม่มีวี่แวว เนื่องจากพระนางแปลงกายเป็นมานพหนุ่ม นับวันพระครรภ์เริ่มใหญ่ขึ้น จนเวลาผ่านไป ๕ เดือน พระนางจึงคิดว่า ควรกลับเป็นร่างเดิม

 

ผมได้โอนเงินร่วมบุญดังนี้
- เข้าบัญชี 0802505840 ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพถวายพลอยเพื่อเป็นอุณาโลมพระพุทธรูปหน้าตัก ๑๒ ศอก จำนวน 500 บาท และร่วมสร้างลวดลายไทยหน้าบรรณ ประตู หน้าต่างโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี จำนวน 500 บาท
- เข้าบัญชี 0802550227 กองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร จำนวน 500 บาท

และขอส่งการบ้านคุณครู Phuya จากสมบัติที่มีอยู่ครับ

​

เปิดดูไฟล์ 2703912

 

ประมูลจักรขาว “จักษุชินวงศ์” และจักรชมพู“ศุภมาศมณีศรี” ขึ้นมาในวันวิสาขบูชาค่ะ

ขอเชิญร่วมประมูลจักรสีขาว “จักษุชินวงศ์ และจักรชมพู “ศุภมาศมณีศรี” อัญเชิญจากถ้ำในเทือกเขาภูพานค่ะ ขึ้นมาในวันวิสาขบูชา

ราคาเริ่มประมูล

๑. จักรสีขาว ๓,๒๙๙ บาทค่ะ


​

๒. จักรสีชมพู ๓,๕๙๙ บาทค่ะ

​

กติกาในการประมูล

๑. เริ่มวันที่ ๕-๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ภายใน ๑๘.๔๕ น. ตามราชาฤกษ์ ตรงกับแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง

๒. หากที่มีผู้ประมูลราคาสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต โดยไม่เกินวันเวลาที่กำหนดไว้

๓. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว หลังจากโอนปัจจัยแล้วจะทำการส่งมอบให้แก่ผู้เป็นเจ้าของต่อไปค่ะ

กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์

ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย ส่วนหนึ่งนำไปร่วมบุญดังนี้..

๑. ปัจจัย ๒๐% ร่วมบุญสร้างลวดลายหน้าบรรณโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี จ.สุรินทร์

๒. ๑๐ % เข้ากองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตรค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ
Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ..

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

Numsai

 

จักรสีขาว 3400 จักรสีชมพู 3600

 

ร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพลอยเพื่อเป็นอุณาโลมพระพุทธรูปหน้าตัก ๑๒ ศอก

วันพุธ ที่ ๕ มิ.ย.๕๖ เวลา ๑๘.๔๕ น.

ได้โอนปัจจัยเข้า ธ.ไทยพาณิชย์ ๐๘๐-๒๕๐-๕๘๔๐

จำนวน ๕๑๖.๑๖ บาท​

 

ขอร่วมประมูลจักรชมพู "ศุภมาศมณีศรี" ๔,๔๔๔ บาท ค่ะ

 

ขอร่วมประมูลจักรขาว 3,700 บาทค่ะ