การจัดแสงมาตราฐานในการพิจารณา"พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์นิยม"

แสดงภาพ (องค์ท่ี 9)

 

ขอบคุณท่านปฐมทัศน์นะขอรับที่ได้ลงภาพให้ชม สวยขอรับ
กระผมไม่วิจารณ์นะขอรับ แต่ถ้าสนใจอยากให้กระผมวิจารณ์ องค์ละ 10 บาท ขอรับ อิอิ

 

สมเด็จวัดระฆัง พิมทรงเจดีย์

 

ภาพด้านหลังปรากฏตรา ทั้ง 3 องค์ อีก 6 องค์เป็นแบบ"หลังเรียบ"ไม่ทราบแน่ชัด ว่าสร้างข้ึนในยุคสมัยใด สามารถใช้เป็น"กรณีศึกษา"ต่อไป ได้เป็นอย่างดี
ตรา"พระราชลัญจกร"

 

ข้าพเจ้าบังเอิญไปพบภาพ"พระสมเด็จฟ้าลั่น"(ยุคต้น)ก็ต้องขออนุญาตท่านเจ้าของภาพ นำมาเปรียบเทียบกับ"องค์ของข้าพเจ้า"ให้ท่านพิจารณาในความเหมือน ของ"พระเนื้อผง"ถึงจะมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นตามกาลเวลา จึงทำได้แค่คล้ายกัน จะไม่เหมือนกัน"เป๊ะ"สามารถนำมาเป็นบรรทัดฐาน ในการพิจารณา"พระสมเด็จวัดระฆัง"ท่ีมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน โดยเน้นไปท่ี"ทรง,ลักษณะลีลาทางพุทธศิลป์"เป็นสำคัญ วันนั้นถ้าข้าพเจ้าไม่นำภาพมาลง"พระสมเด็จฟ้าลั่น"(พิมพ์พระประธาน)จะไม่มีคนรู้จัก และถูกตี"เก๊"ต่อไปในอนาคตก็เป็นได้ ราคาเมื่อ 20 ปีท่ีแล้ว เล่นหากันท่ี 4,500-5,000 บาท(ของเก๊ มี ให้ดูท่ี"คราบน้ำว่าน+คราบน้ำปูน+ความเก่าได้อายุ)ประมาณ 60 ปี
"พระสมเด็จฟ้าล่ัน"พิมพ์พระประธาน ยุคต้น(วัดสะพานสูง)บางซ่ือ

 

เหมา"พระบ้าน"มามีสายวัดระฆังติดมาด้วย 1 องค์ เป็น"พระสมเด็จแหวกม่าน"หลวงปู่นาค วัดระฆัง สร้างประมาณปี 2495 นำมาให้เพ่ือนสมาชิกได้พิจารณากัน สภาพเดิมๆครับ.
"พระสมเด็จแหวกม่าน"หลวงปู่นาค วัดระฆัง ปี 2495

 

เหมา"พระบ้าน"มา มีติดสายบางขุนพรหม(พิมพ์ใหญ่)ปี 2539 มาด้วย ทุกครั้งก่อนเปิดเทอม จะมีโอกาสได้เหมา"พระบ้าน"ขึ้นอยู่ที่ดวง เหมือนกัน ช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยได้เจอ"พระหลัก"เท่าไหร่ จึงขอนำเฉพาะ"พระแท้"(ดูง่าย)มาโพสต์ ให้ได้ชมกัน ถึงจะใหม่ซักหน่อย แต่ก็ยังเป็นสายบางขุนพรหม,สายวัดระฆัง เป็นพระมีอนาคต รุ่นหลาน เหลน ก็มีโอกาสได้"พระแท้"โดยคนยุคเราต้องเป็นคนสะสมไว้ให้ครับ
"พระสมเด็จบางขุนพรหม"(ปี 2539)

 

ด้านหลัง"พระสมเด็จบางขุนพรหม"(ปี 2539)

 

ตามด้วย"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"(ปี 2546)

 

ภาพด้านหลัง"พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่"(ปี 2546)ให้ข้อคิดสำหรับผู้สะสม"พระสมเด็จวัดระฆัง"(รุ่น 100 ปี)ได้เป็นอย่างดี ขนาด"พระสมเด็จวัดระฆัง"(ปี 46)ซึ่งมีอายุประมาณ 10 ปี ตราหมึกที่ด้านหลังยังเลือนลางขนาดนี้ แล้ว"พระสมเด็จวัดระฆัง"(ปี 15 )ซึ่งมีอายุ 41 ปี ตราหมึกที่ด้านหลัง จะมีสภาพเป็นอย่างไร(ไม่ควรไปยึดติด)ต้องขออภัยที่ลงปีผิดพลาด จึงขอแก้ไข จากปี36 เป็นปี 46 ครับ.

 

"พระสมเด็จเนื้อเกสร"ปี 16 วัดเจ้าอาม สร้างแจกทหารที่ไปรบในสงครามเวียดนาม โดยจอมพลประภาส จารุเสถียร ปลุกเสกโดยเกจิคณาจารย์ดังในยุคนั้น
1.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
2.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ สุพรรณฯ
3.หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
4.หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
5.หลวงพ่อหวล วัดพิกุล
6.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพระอง
ก็ขอยกตัวอย่าง เฉพาะองค์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในวงการ"พระเครื่อง"เป็น"พระดี"น่าสะสมอีกรุ่นหนึ่ง ทียังพอหาได้ไม่ยากนัก
"พระสมเด็จเนื้อเกสร"(วัดเจ้าอาม)ปี16

 

ด้านหลัง"พระสมเด็จเนื้อเกสร"(วัดเจ้าอาม)ปี16

 

พระสวยมากครับ​ ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม

 

รบกวน อ.Pathommatash พอได้ไหมครับ

 

ถามท่านผู้้รู้ครับ

สมเด็จยุคไหนครับ

 

องค์นี้ ส่วนตัวชอบครับ มีผงตะไบทอง ด้วย

 

รบกวนครับท่าน พิมพ์นี้ผมเรียกเองว่าเศียรโต ผมมีอยู่สิบกว่าองค์ครับ ถ้าท่านเจ้าของกระทู้สนใจพอจะแบ่งให้บูชาได้ครับ

 

ตัวอย่างที่กำลังล้างครับและองค์ที่ไม่ล้างและล้างแล้ว

 

ถึงคุณ choo04 พระกรุชุดนี้ผมก็ได้มาก้อนหนึ่งเหมือนกัน ผมเองยังไม่สะดวกในการถ่ายภาพมาลง แต่พระชุดนี้ผมเคยล้างดู ถ้าล้างโดยใช้สารเคมี เช่น
1.แอลกอฮอล์+น้ำยาล้างเล็บ+แอ๊คชั่น+น้ำมันรอนสัน(5555..สุดๆ) เห็นเนื้อในมวลสารเพียบ..ยอดมาก แต่ สภาพเนี้อขาดความขาวสวยงาม(ตัวอย่างที่ไม่ดี)
2.ล้างด้วยน้ำร้อนและล้างน้ำเย็น แค่ 2 น้ำ คราบรักคราบไคลไม่หมดดีแต่เนี้อดูสวยงามที่สุด ที่สำคัญการล้างแบบนี้จะได้ผลอยู่ 2 แบบ ทั้งที่มาจากกรุเดียวกันล้างพร้อมกันคือ
2.1 ได้ปรากฎการคราบแป้งโรยพิมพ์ขาวผุดขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องขึ้นที่ข้างองค์พระ แต่จะปรากฎขึ้นจุดใดจุดหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งจุด มากบ้างน้อยบ้าง
และ/หรือ 2.2 เนื้อวุ้นสีน้ำตาล ไม่แน่ใจที่วงการเซียนเรียกเนื้อหนึกนุ่มรึเปล่า ซึ่งจะแข็งขึ้นในเวลาต่อมา
3.ล้างด้วยน้ำเย็นอย่างเดียว(ผลยังไม่ได้)คาดว่าน่าจะได้เนี้อที่สะอาดขึ้นแต่คงไม่น่ามีผลให้เกิดเนื้อเพิ่มขึ้นได้ แต่เนื้อองค์ก็คงสะอาดเอี่ยมอ่องได้ยากส์
********ใครล้างพระชุดนี้ด้วยวิธีไหน ได้ผลยังยังช่วยแชร์ผลด้วยนะครับ********

 

ผมล้างมาหลายสูตรแล้วครับทั้งไฮเตอร์ น้ำมันรอนสัน สุดท้ายลงตัวที่สูตรM150ของอาจารย์นิด พระกรุนี้เสียดายที่ผิวจะกระเทาะออกคงเนื่องจากความร้อนภายในเจดีย์เป็นเวลานาน ตรงที่ผิวมีรักปกคลุมเมื่อลอกรักออกจะปรากฏผิวที่เรียบและมีรอยรานดังเช่นสมเด็จวัดระฆัง แต่คงหาองค์ที่มีรักปกคลุมทั้งองค์ไม่ได้แน่ ส่วนที่เป็นก้อนชุดละ9องค์12องค์ ครั้งแรกผมก็ไม่กล้าทำตามที่มีคนแนะนำแต่เนื่องจาแช่น้ำร้อนแล้วไม่ออกจึงลองทำครับโดยได้กราบขอขมาองค์ท่านก่อน สูตรนี้ให้ต้มในน้ำเดือด30นาทีขึันไป แล้วนำขึ้นมาแกะโดยใช้ใบเลื่อยเหล็กทำปลายให้เฉีบงและลับให้คมค่อยๆเขี่ยคราบเทียนไขปลาวาฬที่แข็งเป็นหินออกแล้วค่อยๆดันตรงรอยที่ทับซ้อนกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งหลุดออกจากกัน