ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ขาล

    ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466
    อนุโมทนา สาธุ กับท่าน widya ด้วยค่ะ กระทู้นี้มีคนใจดี มีเมตตา ปรารถนาดีต่อกัน แบบนี้ ขาลเลยไปไหนไม่รอด วนเวียนอยู่แถวนี้ เหมือนเหตุการณ์ต่างๆเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แต่กระทู้ 202 หน้าซะแล้ว เอ๊ะ .... หรือว่าเราเริ่มแก่ T^T ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ทุกคนเลยทั้งผู้ที่แวะผ่านมา และผู้ที่ประจำการในนี้ อิอิ แอบบ่น พอตั้งใจเดินไปข้างหน้าซึ่งสวนกระแสกับชาวโลกส่วนใหญ่นี่ แรงเสียดท่านเยอะจัง เหนื่อยแฮะ แต่ไม่ท้อแน่นอน
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,298
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้งนะครับ

    เกิดมา ตั้งอยู่ ดับไป ไปตามบุญบารมี และคำอธิษฐานที่ได้ทำกันมา

    ผมก็มีฝันนะครับ แต่ไม่รู้จะตามหาฝันเจอเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่าน widya มีเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ดวงแก้วนี้ เป็นดวงแก้วของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ และเสวยพระชาติเป็นพญานาค พระนามว่า วสุรัตน์นาคราช เจ้าค่ะ

    การประมูลครั้งนี้ เป็นการที่ท่านคัดสรรตามกำลังบุญ และผู้ผ่านการประมูลย่อมเป็นเจ้าของเจ้าค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งเจ้าค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาลด้วยค่ะ ในภพภูมิ ๓๒ ภูมิมนุษย์นั้น เป็นสุคติภูมิของเหล่าเทวดาทั้งหลาย เมื่อมาจุติ เพื่อนเทวดาที่อยู่บนสวรรค์ต่างก็อวยพรให้

    แต่ภูมิมนุษย์ก็เป็นภูมิเดียวที่ใช้วิบากกรรม และเสวยผลบุญไปพร้อมกัน ต่างจากนรก เปรต อสูรกาย และสัตว์เดรัจฉานนั้น เป็นภูมิที่เสวยผลของบาปอย่างเดียว ส่วนเทวโลกภูมินั้น ก็เสวยผลบุญเพียงอย่างเดียว

    วิบากกรรมเก่า เราไม่สามารถลบล้าง หรือล้างบาปได้ เพียงแต่เราทำกรรมดี เพื่อให้ได้เสวยผลบุญก่อนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเข้าพระนิพพาน


    ส่วนท่านใดที่กำลังประสบทุกข์อยู่นั้น อย่าได้ท้อแท้ ให้ตั้งใจปฏิบัติสิ่งเหล่านี้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน...

    ๑.การทำทาน เพื่อความคล่องตัวในทรัพย์ และไม่ลำบากในการหาทรัพย์

    ๒.รักษาศีล ๕ หรือ ๘ ให้บริสุทธิ์ รวมทั้งรักษากุศลกรรมบท ๑๐ -เพื่อให้ไม่สร้างกรรม(ชั่ว)ใหม่

    ๓.การเจริญพระกรรมฐาน -เพื่อให้รู้เท่าทันความจริงของชีวิต และตัดกิเลสได้ อีกทั้งหากสามารถเข้าสมาบัติได้ด้วยตนเอง เป็นการดึงดูดบุญเก่าในอดีตให้ส่งผลเร็วมากค่ะ


    เมื่อใดที่ประสบทุกข์ ให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และเจริญพระกรรมฐาน เมื่อจิตสงบเราจะเห็นหาทางแก้ไขปัญหานั้น ๆ และผลที่ปรากฏจะออกมาในทางที่ดี สามารถแก้ไขปัญหาได้ค่ะ


    ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาล และทุก ๆ ท่านค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  5. half wave

    half wave เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +4,260
    ขอถวายผลบุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาดีแล้วตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ
    ให้กับเทวาดาที่ดูแลดวงแก้ทั้ง ๗ และเหล่ากายสิทธิ์ทั้งหลายโดยมีท่านพระเวสภูโพธิสัตว์ เป็นต้น
    และท่านพญาอัสดรนาคราชพร้อมทั้งบริวารนาคทั้งหลาย
    ขอจงอนุโมทนาบุญร่วมกันและได้รับผลบุญเช่นเดียวกับข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๐ เสวยวิบากกรรม..

    (ประวัติดวงแก้วพศตบุญฤทธิ์ -วาสิษฐีมณีรัตนะ ภาค ๒)

    พระนางปทุมมุตราเทวีนั้น ได้ถูกนำมาทิ้งไว้ในป่าเพียงลำพังนอกแคว้นชัยกิณกะ ตั้งแต่เด็กนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมจากบิดามารดา ซึ่งเป็นเศรษฐี และมีพี่ชายที่คอยปกป้องคุ้มครองภัยอันตราย

    เมื่อข่าวการเนรเทศพระมเหสีของแคว้นได้แพร่สะพัดออกไป ซ้ำไม่มีผู้ใดกล้าให้ความช่วยเหลือ ทำให้พระนางปทุมมุตราได้รับความลำบากยากเข็ญยิ่งนัก

    แต่ด้วยจิตที่เป็นพระมารดาทำให้พระนางอดทน เพื่อทารกในครรภ์ที่จะเกิดมา หาผลไม้ในป่าเสวยไปวัน ๆ ยามค่ำ ก็หาถ้ำที่อยู่บริเวณนั้นได้พอหลับนอน เดินทางกลับเมืองของตน เป็นเรื่องแปลกว่า เมื่อนางออกจากพระราชวังมาแล้ว อาการแพ้พระครรภ์อยากเสวยโลหิตไก่สาว ผสมน้ำผึ้งไม่มีอีกเลย

    พระนางจึงนึกได้ว่า หากนางยังคงกายผู้หญิงอย่างนี้ อาจจะมีภัยต่อตนเองได้ จึงใช้วิชาที่พระเกษรีฤาษีได้สอนไว้ แปลงกายเป็นมานพหนุ่ม แต่มีรูปร่างอวบ เพื่อปกปิดเพศที่แท้จริง และอธิษฐานขอให้เทวดาทั้งหลายปกปักษ์รักษาจนกว่าจะถึงบ้านเกิดของตน

    ต่อมาความทราบไปถึงท่านมิททเศรษฐี และภรรยาทั้งสอง นางจุตินาถ ผู้เป็นมารดาร้อนใจ นึกถึงคำที่พระฤาษีเคยกล่าวไว้ นางจึงได้ไปบนบานกับรุกขเทวดา ณ.ต้นไทรอีกครั้ง ขอให้บุตรสาวของนางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

    จากนั้น ท่านมิททเศรษฐีจึงให้มธุรสธมานพ ผู้เป็นพี่ชาย ได้พาคนออกติดตาม เนื่องจากทางไปแคว้นเมืองมุทราช ไปยังแควันชัยกิณกะ ห่างไกลกันพอสมควรใช้เวลาเดินทางเกวียนแรมเดือน
    ___________________________________________

    ขออนุญาตตัดตอน..๑๑ และ ๑๒ ออกไปนะคะ เพื่อความต่อเนื่องในเรื่องราวของพระนางปทุมมุตราเทวีค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ...

    Numsai


    ________________________________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  7. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,298
    อนุโมทนาบุญเช่นกันครับ คุณ half wave
    ขอให้สมปรารถนาทุกประการครับ สาธุ สาธุ
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๓ เทวานุภาพ..


    หลังจากที่มธุสรสมานพได้อภิเษกกับเจ้าหญิงสิษฐีนารถแล้ว ก็ให้คนออกติดตาม แต่ก็ไม่พบ เนื่องจากพระนางปทุมมุตราเทวีนั้น ได้แปลงกายเป็นมานพหนุ่มนั่นเอง จึงไม่มีผู้ใดพบเห็นพระนาง นับแต่ออกจากแคว้นชัยกิณกะอีกเลย

    ช่วงนั้นพระนาง(ซึ่งแปลงกายเป็นมานพหนุ่ม) ได้อาศัยอยู่ภายในถ้ำของป่าใกล้เมืองจตุรมงคลนคร

    พระนางดำริว่า ตนและลูกน่าจะปลอดภัยจากผู้ติดตาม ครั้นได้ออกสำรวจพบว่า มีกระท่อมของตายายอยู่เขตนอกเมืองนั้นที่พอพึงพาอาศัยได้ พระนางปทุมมุตราจึงร่ายเวทย์มนต์ตามที่พระอาจารย์สอนไว้กลับคืนร่างเดิมทันที


    เมื่อกลับเป็นร่างของสตรีแล้ว ได้เดินไปยังกระท่อมของสองตายายทันที ตามีนามว่า “กุมมะ” ซึ่งกำลังผ่าฟืนอยู่นั้น ได้เห็นสตรีนางหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าที่แม้ดูเก่า แต่ก็รู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี อีกทั้งมีเครื่องประดับคิดว่า นางผู้นี้ต้องเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ หรือเป็นเทพธิดาแปลงกายมา อีกทั้งมีรูปร่างหน้าตางดงาม เพียงแต่ดูอวบอ้วนเท่านั้น จึงร้องถามไปว่า..

    “ท่านเป็นใคร เป็นมนุษย์หรือว่าเทพธิดาจำแลงกายมา”

    พระนางปทุมมุตราร้องตอบว่า...

    “ตาจ๋า เราเป็นมนุษย์ หาใช่เทพธิดาไม่ ได้โปรดดิฉันได้พักที่นี่เถิด ฉันจะช่วยทำงานบ้านเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนจ๊ะ”
    ตาได้ฟังดังนั้นนึกสงสาร จึงได้พาพระนางมายังแคร่ที่นั่งเล่นของตนและภรรยา ตาได้กล่าวว่า..

    “ท่านเป็นมนุษย์ แต่ดูไม่เหมือนพวกเราเลย ดูผิวพรรณงดงามคล้ายกษัตริย์ ตอนนี้ยายกำลังหาของป่าใกล้จะกลับแล้ว ท่านมาพักก่อนเถิด หากจะอาศัยที่นี่ พวกเราคงไม่ขัดข้อง แต่ว่าขอให้อยู่ตามมีตามเกิดนะ”

    พระนางปทุมมุตรายังไม่ได้ตอบอะไร เนื่องจากอ่อนเพลียจากการเดินทาง จึงเผลอหลับไป ตากุมมะได้ให้พระนางนั่งหลับอยู่ที่เดิม

    ยายวิสะผู้เป็นภรรยากลับจากหาของป่ามาพบว่า มีสตรีหน้าตางดงามนั่งหลับอยู่ จึงได้ร้องถามตา ซึ่งอยู่หลังกระท่อมว่า...

    “นี่ตา ใครกันมานอนหลับที่บ้านเรา”

    ตาตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันยายว่า เป็นใครมาจากไหน บอกว่าจะมาขออาศัยเราอยู่ ยายจะว่าอย่างไรล่ะ”

    ยายเห็นแล้วก็รู้สึกรักทันทีก็ตอบว่า..

    “ตาเอ๊ย เราเองไม่เคยมีลูก เห็นนังหนูคนนี้หน้าตาดี เสียว่าอวบไปหน่อย ฉันรู้สึกถูกชะตากับนางเสียแล้ว ฉันยินดีให้นางอาศัยอยู่กับเรา ไปเถอะตา ปล่อยให้นังหนูมันนอนไปก่อน ตาไปช่วยฉันตัดไม้ เพื่อสร้างกระท่อมให้นางหนูมันอยู่เถิด”

    เมื่อตายายได้คุยกันดังนั้น พสุธรรุกขเทวดา ซึ่งอยู่บริเวณนั้น เป็นอดีตสหายของสุทัสสนะรุกขเทวา ได้ยินดังนั้น ก็ตรวจดูว่า นางเป็นดวงจิตดวงกันกับตามที่รุกขเทวาบริวารได้แจ้งข่าวต่อกันมาหรือไม่ จึงทราบว่า พระนางปทุมมุตรานี้เป็นดวงจิตเดียวกันกับสุทัสสนะรุกขเทวา

    จึงช่วยให้ตายายหาไม้ที่รุกขเทวาจุติไปแล้ว และใช้ฤทธิ์ช่วยให้การสร้างกระท่อม แม้ดูภายนอกจะเป็นกระท่อมธรรมดา แต่มีความแข็งแรง และมีความเย็นสบาย

    ตาและยายนั้น ขณะที่สร้างก็รับรู้ได้ว่า การสร้างนี้ต้องมาเทวดาช่วยแน่นอน เพียงแต่ไม่เห็นกายเทวดาเท่านั้น ปกติต้องใช้เวลาหาไม้ และสร้างกระท่อมอย่างน้อย ๑๕ วัน แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเรียบร้อยในวันเดียว จึงคิดว่านางผู้นี้ต้องเป็นผู้มีบุญมาเกิดแน่นอน

    สองตายายจึงยกมือท่วมหัว ประนมมือกล่าวว่า....

    ”เจ้าประคุณ เทวาอารักข์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าทั้งสองขอกราบขอบคุณท่านทั้งหลายที่ช่วยเหลือครั้งนี้ เราสัญญาว่า จะช่วยดูแลนางผู้นี้เป็นอย่างดี เท่าที่เราจะทำได้ตามกำลังที่มนุษย์พึงมี ขอให้พวกเราอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขด้วยเถิด”


    เมื่อกล่าวจบ สองตายายก็ก้มกราบพื้นดิน มีลมกระโชกแรง แสดงให้ทราบว่า เทวาอารักข์ทั้งหลายได้รับรู้ สองตายายต่างก็ปิติยินดียิ่ง จากนั้นจึงได้เตรียมอาหารน้ำดื่มให้แก่พระนางปทุมมุตราเทวี
     
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๔ ปรากฏดวงแก้วอัสมาณสิการ..

    เมื่อพระนางปทุมมุตราเทวีได้ตื่นขึ้นมา พบว่า มีข้าวปลา-อาหารเตรียมไว้รอ จึงได้เสวยภักษาหารที่เตรียมไว้ สองตายายให้จัดที่พักใหม่ให้แก่พระนาง เย็นวันนั้น พระนางจึงได้เล่าเรื่องราวให้สองตายายฟังอย่างไม่ปิดบัง

    กล่าวถึงท้าวสักกเทวราชนั้น เมื่อได้ส่งสุทธินครินทร์เทวบุตร หรือสิครินทร์นาคราชไปจุติ ทรงตรวจดูด้วยทิพยเนตร ทราบว่า การจุติครั้งนี้ ด้วยวิบากกรรมเก่าส่งผลให้พระมารดาลำบาก เมื่อตรวจดูบุพกรรมก็พบว่า วิบากนี้ลำบากเพียงชั่วคราว มิได้ถึงแก่ชีวิต จึงไปเข้านิมิตของพระนางปทุมมุตราเทวีในคืนนั้น

    โดยแนะนำให้พระนางปทุมมุตราเทวีได้นำสร้อยคอมรกต อันเป็นสมบัติเดิมของนางมัลลิกาผู้เป็นมารดา นำไปออกขาย ซึ่งมีมูลค่ามากมาย จนไม่มีผู้ซื้อได้ยกเว้น พระเจ้ามธุรสธ กษัตริย์ของเมืองนั่นเอง ในพระสุบินนั้น พระอินทร์มิได้บอกว่า พระเจ้ามธุรสเป็นพระเชษฐาของพระนาง

    ครั้นรุ่งเช้าพระนางได้ตื่นจากพระบรรทม พระนางเพียงคิดว่า การขายเครื่องประดับของนอกกายนี้จะช่วยให้ตายาย และพระนางมีความเป็นอยู่ดีขึ้น จึงยอมทำตามนิมิตทันที จึงกล่าวแก่ตายายว่า..

    “ตาจ๋า ยายจ๋า ฉันอยากจะนำสมบัตินี้ไปขายในเมือง ตายายช่วยพาฉันไปเถิดนะจ๊ะ”

    ยายวิสะเห็นว่า เครื่องแต่งกายของพระนางนั้นเป็นที่ล่อตาล่อใจ จึงกล่าวว่า..

    “ข้าฯแต่มหาเทวี ท่านจะแต่งกายอย่างนี้มิได้ เพราะจะเป็นที่ต้องตาของชาวเมือง ท่านต้องเปลี่ยนชุดเป็นหญิงชาวบ้าน ไปพร้อมหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันจะพาพระองค์ไปเอง”

    จากนั้นทั้งสองได้เดินทางไปยังตลาดในเมือง เป็นเรื่องประจวบเหมาะที่วันนั้น พระเจ้ามธุรส และพระนางสิษฐินารถได้ออกเยี่ยมราษฏร ครั้นผ่านตลาด เทวดาทั้งหลายดลใจให้พระเจ้ามธุรสธ พาพระมเหสีผ่านไปทางพระนางปทุมมุตราเทวี ซึ่งนำสร้อยมรกตมาวางขาย ชาวเมืองต่างมุงดู และกล่าวต่าง ๆ นานา ว่า.


    “นางผู้นี้..ต้องขโมยของจากวังมาขาย หญิงชาวบ้านคนใด จะมีของที่มีค่าเช่นนี้ ซ้ำนำมาวางกะดินขายเช่นนี้ ควรแจ้งแก่ทางการ”


    พระเจ้ามธุรสธผ่านมาเห็นเช่นนั้น จึงได้เข้าไปทอดพระเนตรด้วยตนเอง เมื่อพบกับแม่ค้าก็ขายเครื่องประดับนั้น แม้จะแต่งกายอย่างไร พระองค์ก็จำพระกนิษฐาได้เสมอ จึงกล่าวด้วยความยินดีว่า...

    “น้องปทุมมุตรา ใช่น้องหรือไม่ น้องปทุมมุตราพี่จำเครื่องประดับของท่านแม่มัลลิกาได้ เป็นของท่านแม่ที่ให้น้องก่อนอภิเษกฯ”


    พระนางปทุมมุตราเทวีนั้น เมื่อพบพระเชษฐาก็ได้แต่ร่ำไห้จนสลบไป ชาวเมืองที่เห็นดังนั้น ต่างก็แตกต่าง พระเจ้ามธุรสธสั่งทหารนำราชรถรับพระนางปทุมมุตราเทวี และยายวิสะกลับพระราชวังทันที

    ครั้นถึงพระราชวังแล้ว พระองค์ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้แก่พระมเหสี ท้าวจตุรส และพระมเหสีทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นจึงให้ทหารไปตามตากุมมา และสั่งให้ยายวิสะ และนางกำนัลเป็นผู้ดูแลพระนางปทุมมุตราเทวีจนฟื้นขึ้นมา

    เมื่อพระนางปทุมมุตราเทวีฟื้นขึ้นมาแล้ว พระเจ้ามธุรสธรู้สึกแค้นเคืองพระทัยต่อพระเจ้าคิริกิณกะที่ไม่มีความยุติธรรม เชื่อโหรหลวง จึงตรัสว่า...

    “หากเจ้าประสูติพระโอรส เราจะเลี้ยงไว้เป็นพระโอรสของเราเอง จะไม่ให้เจ้าคิริกิณกะ มีผู้สืบบัลลังก์”


    พระนางสิษฐินารถนั้น มิได้มีความขัดข้องแต่ประการใด พระนางรู้สึกถูกชะตากับพระนางปทุมมุตราเทวีตั้งแต่แรกพบ จึงกล่าวแก่พระนางปทุมมุตราเทวีว่า..

    “น้องหญิง..จะขัดข้องหรือไม่ หากเราจะขอลูกของเจ้าเป็นลูกของเรา แต่
    มิได้ปิดบังเรื่องจริงแก่พระโอรสนี้ เรามั่นใจว่า ทารกในครรภ์นี้เป็นพระโอรส”


    พระนางปทุมมุตราเทวีนั้น เสมือนเกิดใหม่ พระนางทรงยินยอม เนื่องจากคิดว่า พระโอรสอยู่ตำแหน่งนี้ดีกว่าที่อยู่กับพระนาง ซึ่งถูกเนรเทศออกจากแคว้นนั้นแล้ว มิรู้ชะตากรรมจะเป็นอย่างใด จึงได้ตอบว่า..

    “น้องยินดีเพคะ เสด็จพระพี่นาง"

    พระเจ้ามธุรส ได้ให้ราชรถไปรับมิททเศรษฐี และภรรยาทั้งสองมายังเมืองของพระองค์ ส่วนเรือนเศรษฐีนั้น ให้มีผู้ดูแลต่อ ผลผลิตที่ได้ถูกส่งมายังเมืองของพระองค์ ทำให้เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ท้องพระคลังยิ่งมีทรัพย์มากมาย ชาวเมืองต่างอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข

    จากนั้นเมื่อครบเวลา พระนางปทุมมุตราเทวีได้ประสูติพระโอรสมาตามความคาดหมาย สร้างความปิติยินดีแก่พระเจ้ามธุรส และพระญาติอย่างยิ่ง ในวันนั้นเองก็มีเหตุแปลกประหลาดเกิดขึ้น

    มีดวงแก้วมณีผุดขึ้นจากสระน้ำในพระอุทยาน และมีเสียงดนตรีอันไพเราะดังไปทั่วเมือง พระเจ้ามธุรสธนั้น ทรงปิติใจอย่างยิ่ง ตั้งพระนามพระโอรสว่า.

    "เจ้าชายอัสมาณสิการ” หมายถึง ผู้มีความทะนงในชาติตระกูลของตน ​


    เมื่อดวงแก้วมณีนี้ปรากฏ มีทรัพย์ในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นโดยอัศจรรย์ สร้างความปิติและประหลาดใจแก่ผู้พบเห็น มีการเลี้ยงฉลองการประสูติของเจ้าชาย ๗ วัน ๗ คืน
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๕ พระนางปทุมมุตราออกผนวช..

    กล่าวถึงพระเจ้าคิริกิณกะแห่งเมืองชัยกิณกะนคร หลังจากที่มีรับสั่งให้เนรเทศพระนางปทุมมุตราออกจากพระราชวังไปแล้ว ประมาณ ๓ เดือน ได้ทราบจากนางกำนัลผู้ว่าจ้างโหราจารย์ให้กล่าวเท็จเพ็ดทูลเรื่องพระนางปทุมมุตรา โดยนางหลุดพูดให้แก่ทหารคนสนิทของพระเจ้าคิริกิณณะด้วยนางมีความเสน่หาในทหารหนุ่มนี้ จึงได้บอกความจริงเรื่องนี้แก่คนรักของนาง..

    ด้วยเรื่องโหราจารย์นั้นรับสินบนจากพระสนมสิธามณีกลั่นแกล้งพระนางปทุมมุตราเทวีด้วยความริษยา เมื่อพระองค์ทรงทราบ จึงกริ้วมาก รับสั่งให้ลงโทษโหราจารย์นั้นอย่างหนัก และสั่งเนรเทศออกจากแคว้นไป

    ส่วนพระสนมสิธามณีนั้น ถูกลดขั้นจากพระสนมเอก เหลือเพียงสนมธรรมดา และให้ทำงานรับใช้เชื้อพระวงศ์ เพื่อเป็นการลงโทษ ต่อมาพระเจ้าคิริกิณกะทรงรับสั่งให้คนออกตามหาพระนางปทุมมุตราเทวี เนื่องจากช่วงนั้นพระนางได้อยู่ในป่า และอยู่ในร่างมานพหนุ่ม จึงไม่มีผู้ใดทราบข่าวคราว

    จนกระทั่งมีพ่อค้าจากเมืองจตุรมงคลนครมาค้าขายยังแคว้นชัยกิณกะ ได้บอกแก่สหายที่เป็นพ่อค้าที่ทำการค้าด้วยกันได้ทรงเล่าถึง พระราชาองค์ใหม่ของตน เรื่องพระนางปทุมมุตราเทวี และพระโอรสที่เกิดจากพระนางปทุมมุตราเทวี รวมทั้งการปรากฏของดวงแก้วอัสมาณสิการ


    ข่าวนี้ทำให้รู้ถึงพระกรรณของพระเจ้าคิริกิณกะ เมื่อทราบว่าพระนางปทุมมุตราเทวีไปอยู่เมืองจตุรมงคลนคร ก็รู้สึกยินดียิ่งนัก แต่พอทราบว่า พระโอรสของพระองค์ ผู้มีบุญญาธิการ เกิดมาพร้อมกับดวงแก้วมณีได้ถูกพระเจ้ามธุรสธ ผู้เป็นพระปิตุลา(ลุง) ประกาศเป็นพระโอรสของพระองค์ ทรงถึงกับกระอักเลือด และสิ้นพระชนม์ทันที

    ด้วยบุญกุศลที่พระองค์ได้สร้างโรงทาน ๔ แห่งส่งผลให้พระองค์ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวิมานทองทันที


    ข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าคิริกิณกะทราบถึงพระนางปทุมมุตราเทวี ทรงสลดพระทัยแก่พระนางยิ่งนัก ทรงรู้สึกว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทำให้ทรงปรารถนาจะออกผนวช จึงได้ตรัสแก่พระเชษฐาว่า..


    “พระสวามีของหม่อมฉันสิ้นพระชนม์แล้ว เรื่องพระโอรสหม่อมฉันก็หมดห่วง เพราะเสด็จพี่ขอเป็นพระโอรส ท่านบิดา และท่านมารดานั้นทรงอยู่ที่นี่ก็มีความสุขแล้ว หม่อมฉันจึงขอประทานอนุญาตออกผนวชเป็นดาบสินี เพื่อบำเพ็ญธรรมในอุทยานที่บ้านเกิดของเรา ขอทรงประทานอนุญาตเถิดเพคะ”

    พระเจ้ามธุรสธได้ฟังดังนั้น ก็ทรงอนุญาต ส่วนท่านมิททเศรษฐี และภรรยาทั้งสอง ต้องการกลับบ้านเกิดเช่นกัน จากนั้นทั้งหมดจึงออกเดินทางไปยังเมืองมัทราชทันที

     
  11. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอน ๑๖ เข้าสมาบัติเรียกธาตุกายสิทธิ์

    IMAG0891.jpg

    เมื่อไปถึงเมืองมัทราชแล้ว จากนั้นพระนางปทุมมุตราเทวีได้ออกผนวชเป็นดาบสินีทันที พระนางได้ตั้งใจปฏิบัติสมณธรรมตามที่พระเกษรีฤาษีได้สอนไว้ ทำให้มีดวงตาเห็นสัจธรรมของชิวิต จากนั้นพระนางก็ระลึกชาติแต่อดีตย้อนไป ๑ ชาติว่า ทรงเคยเป็นหัวหน้ารุกขเทวา ซึ่งมีดวงจิตเป็นบุรุษ ท่านจึงได้เดินทางไปยังต้นไทรในป่าใหญ่ เพื่อทักทายเพื่อนรุกขเทวาด้วยกัน

    ผ่านไปเป็นเวลา ๕ ปี ปทุมมุตราดาบสินีได้นั่งบำเพ็ญสมณธรรมจนได้อภิญญาสมาบัติ ๘ และระลึกชาติได้หลายแสนกัปป์ ทราบว่าในอดีตชาติได้เคยอธิษฐานธาตุกายสิทธิ์ไว้ จึงปรารถนาจะเรียกธาตุกายสิทธิ์นั้น เพื่อประโยชน์ในการสร้างบารมี

    ท่านจึงได้บอกแก่บิดาและมารดาทั้งสอง ซึ่งได้เป็นอุปัฏฐากแก่พระดาบสินีว่า ท่านจะเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑๕ วัน เพื่อเรียกธาตุกายสิทธิ์ไว้เป็นเรื่องป้องกันภัยต่าง ๆ ในบ้าน

    นางจุตินาถ ผู้เป็นมารดานั้น รู้สึกปลื้มปิติใจเป็นพิเศษ เนื่องจากนางเป็นผู้ให้กำเนิดพระดาบสินี ถึงแม้พระนางจะไม่ได้เป็นพระมเหสีของกษัตริย์ แต่การที่ได้ผนวช และปฏิบัติได้ดุจเดียวกับพระอาจารย์ ทำให้นางรู้สึกปิติใจอย่างมาก จนจิตเป็นสมาธิเข้าถึงฌาน ๒ จุติบนพรหมโลกทันที


    สร้างความตื่นตระหนกแก่ท่านมิททเศรษฐี และนางมัลลิกาอย่างมาก พระปทุมมุตราดาบสินีนั้น ได้ตรวจดูด้วยญาณทัสสนะทราบว่า มารดาของท่านจุติบนพรหมโลก จึงรู้สึกปิติใจ ได้กล่าวแก่บิดา และมารดาเลี้ยงว่า..

    “ข้าฯแต่ท่านบิดา และท่านมารดา ท่านทั้งสองมิต้องเป็นห่วงมารดาของเราหรอก เพราะมารดาของเรานั้น จุติบนพรหมโลกชั้น ๕ มีความสุขด้วยปิตินั้น มีอายุยืนยาวอย่าได้กังวลใจ ท่านทั้งสองต่างหากที่พึงต้องระวังใจตนไม่ให้สู่กิเลส เมื่อจิตสบายจะได้ไปดี”

    ท่านมิททเศรษฐี และนางมัลลิกาได้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกปิติใจ จากนั้นได้ให้จัดงานอวมงคลสลายร่างนางจุตินาถใน ๑๐๐ วันต่อมา และได้แจ้งข่าวแก่พระเจ้ามธุรสธ และพระมเหสี ซึ่งขณะนั้นพระบิดา-พระมารดาของพระนางสิษฐินารถได้สวรรคตไปแล้ว

    พระเจ้ามธุรสธได้มอบหมายงานให้แก่สิทธาเสนาบดีให้รักษาการณ์ดูแลเมืองในช่วงที่พระองค์ไม่อยู่ จากนั้นได้พาพระมเหสี และพระโอรส ซึ่งพระชนมายุได้ ๕ ชันษา เสด็จเดินทางมายังเมืองมัทราช เพื่อมางานสลายร่างของนางจุตินาถในวันต่อมา

    ครั้นจัดการเรื่องงานอวมงคลแล้ว พระปทุมมุตราเทวีดาบสินีได้แจ้งแก่พระเจ้ามธุรสธว่า จะเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๑๕ วัน เพื่ออธิษฐานธาตุกายสิทธิ์ พระเจ้ามธุรสธรู้สึกปิติใจอย่างมากที่พระกนิษฐาได้ออกผนวช และสำเร็จวิชาจนได้อภิญญาสมาบัติ และสามารถอธิษฐานเรียกธาตุกายสิทธิ์ด้วย พระองค์จึงตั้งจิตปรารถนาที่จะได้ธาตุกายสิทธิ์อันเป็นของคู่บารมีเช่นกัน

    เนื่องจากพระเจ้ามธุรสธนี้ มีบุญญาธิการทำให้เทวดาทั้งหลายได้นำข่าวไปแจ้งแก่พระเกษรีฤาษีผู้เป็นอาจารย์ ท่านจึงได้เหาะมากลางอากาศ สร้างความปิติใจแก่พระเจ้ามธุรสธอย่างมาก ท่านได้กล่าวว่า..


    “มหาบพิตร การอธิษฐานเรียกธาตุกายสิทธิ์มานั้น ผู้อธิษฐานเรียกมาจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ และมีฤทธานุภาพ เอาอย่างนี้อาจารย์จะเรียกธาตุกายสิทธิ์ของพระองค์แต่อดีตมาให้เอง ขอให้พระองค์ทรงวางพระทัย ในระหว่างนี้ ขอพระองค์ได้โปรดรักษาอุโบสถศีลให้บริสุทธิ์เป็นเวลา ๑๕ วัน อาจารย์จะเข้าสมาบัติพร้อมพระปทุมมุตราดาบสินี และออกสมาบัติในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ขอท่านจงเตรียมเครื่องสักการะบูชาไว้”


    จากนั้นพระเกษรีฤาษีได้เหาะไปยังอาศรมที่ท่านมิททเศรษฐีได้สร้างไว้ ส่วนพระปทุมมุตราดาบสินีได้เข้าสมาบัติอีกอาศรมอยู่ใกล้สระน้ำที่ท่านเคยสรง สมัยเป็นธิดาเศรษฐีเป็นเวลา ๑๕ วัน
     
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ -แก้วอัสมาณสิการ ตอนจบ การปรากฏของจักรคู่บารมีทั้ง ๓ ..

    IMAG0885.jpg

    เมื่อครบเวลาเข้าสมาบัติ ๑๕ วัน พระเจ้ามธุรสธ พระมเหสี ท่านมิททเศรษฐี และนางมัลลิกาต่างได้จัดเตรียมเครื่องบูชาต่าง ๆ เพื่อรอรับการออกสมาบัติของพระเกษรีฤาษี และพระปทุมมุตราดาบสินีไว้ล่วงหน้า ๑ วัน หน้าอาศรมพระเกษรีฤาษี

    ครั้นถึงเวลาได้ยินเสียงคล้ายฟ้าผ่าจากอาศรมของพระเกษรีฤาษี ๓ ครั้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงครืน ๆ คล้ายแผ่นดินไหวใกล้สถานที่เข้าสมาบัติของพระปทุมมุตราดาบสินี สักครู่เห็นพระปทุมมุตราดาบสินีเหาะมาทางอากาศ ข้าทาสบริพารที่ติดตามพระเจ้ามธุรสธมาจากเมืองจตุรมงคลนคร ต่างก็ประหลาดระคนตื่นเต้น ส่วนบ่าวไพร่ในเรือนท่านเศรษฐีต่างยกมือท่วมหัวกล่าวโมทนา และสรรเสริญพระดาบสินี

    สักพักพระเกษรีฤาษีได้ออกจากอาศรม พร้อมกับจักรสีขาว และจักรสีชมพู ๑ คู่ และกล่าวว่า..

    “จักรนี้ เป็นจักรคู่บารมีของพระเจ้ามธุรสธในสมัยที่เป็นนาคราช จักรสีขาวใช้เวลาอธิษฐานถึง ๖๑ กัปไม่ขาดไม่เกิน ส่วนจักรชมพูนั้น เป็นของพระนางสิษฐินารถ ในสมัยที่เป็นนาคมาณวิกาเช่นกัน
    ขอให้ทั้งสองพระองค์รับไปรักษาไว้ เพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เพื่อป้องกันภัยแก่ชาติบ้านเมือง ต่อไปขอให้พระองค์คืนพระโอรส อันเกิดจากพระเจ้าคิริกิณกะ และพระนางปทุมมุตราเทวีแก่แคว้นชัยกิณกะ เพื่อให้พระโอรสได้ครองเมืองนั้นต่อไป อีกไม่นานพระองค์จะมีพระโอรสองค์ใหม่ ให้สืบต่อบัลลังก์”


    เมื่อมอบจักรเรียบร้อยแล้ว พระเกษรีฤาษีได้กล่าวว่า.

    “อาจารย์ต้องไปแล้วนะ จะมีศิษย์ซึ่งเป็นพญานาคราชออกจากสมาบัติไม่นานนัก ซึ่งเป็นพระโอรสของท่านในอดีต หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่”


    พระปทุมมุตราดาบสินี พระเจ้ามธุรสธ พระมเหสี พระโอรส ท่านมิททเศรษฐี นางมัลลิกา และข้าทาสบริพารต่างก้มกราบพระฤาษี จากนั้นท่านได้เหาะขึ้นและหายไปในอากาศทันที

    IMAG0891.jpg

    ฝ่ายพระปทุมมุตราดาบสินีนั้น ได้นำจักรสีชมพูมาให้สักการบูชา ท่านได้กล่าวว่า..

    “จักรนี้เป็นจักรที่เราได้อธิษฐานไว้แต่อดีตพร้อมกับพระนางสิษฐีนารถ สมัยที่เป็นนาคมาณวิกา ก่อนสมัยสมเด็จพระอัตกทัสสีพุทธเจ้า ใช้เวลาเข้าสมาบัติพร้อมกันกับท่าน”

    พระนางสิษฐินารถนั้น ทรงปลื้มปิติใจและกล่าวว่า..

    “ภพชาตินี้ไม่แน่นอนเลย เดี๋ยวเป็นมนุษย์ เดี๋ยวเกิดเป็นนางนาค สลับไปมาอย่างนี้ ทุกคนต่างเวียนว่ายในสังสารวัฏนี้ ทำอย่างไรเราจะไม่ต้องเกิดอีก”


    พระปทุมมุตราดาบสินีนั้นกล่าวว่า... “การได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาล เพื่อให้พระองค์เทศนาสั่งสอนให้มีสัมมาทิฐิเท่านั้น จึงจะต้องไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก
    ในอนาคตเบื้องหน้าโน้น จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด พระนามว่า...
    “สมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า” ขอพระองค์ตั้งความปรารถนาได้เกิดมาพบพระพุทธองค์เถิด จะสมความปรารถนา ส่วนเราคงจะบำเพ็ญอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ”


    พระนางสิษฐินารถนั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าจักรแก้วด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า..

    “ขอผลบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องสักการบูชาจักรแก้ว อันมีรัตนะทั้ง ๗ นี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้า และถวายทานแก่พระองค์ ให้ได้เข้าใจในพระธรรมของพระองค์ และไม่เวียนว่ายตายเกิดเป็นนาคมาณวิกาอีก ขอให้เกิดในภูมิมนุษย์และสวรรค์เท่านั้น”

    คำอธิษฐานนั้น ได้มีผู้อธิษฐานตามพระนางเป็นจำนวนมาก พระเจ้ามธุรสธได้ฟังดังนั้น ทรงอธิษฐานด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า..

    “ข้าฯได้ถวายบูชาจักรแก้วด้วยเครื่องสักการะอันมีรัตนะ ๗ แก้วแหวนเงินทอง ตลอดทั้งเครี่องแพรพรรณทั้งสอง ดอกไม้ของหอมต่าง ๆ
    ขอผลบุญนี้ ส่งผลให้ได้พบพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า ให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีสัมมาทิฐิ และได้ครองคู่กับพระนางสิษฐีนารถ และได้มีดวงตาเห็นธรรมในชาตินั้นด้วยเถิด”


    เมื่อสิ้นพระสุรเสียงต่างมีผู้อธิษฐานตามพระองค์จำนวนมาก เว้นแต่เรื่องการครองคู่เพียงเรื่องเดียว

    ท่านมิททเศรษฐีนั้น ได้บูชาจักรแก้วทั้ง ๓ และอธิษฐานด้วยเสียงอันดังว่า..

    “ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ถวายเครื่องสักการะจักรแก้วนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดในพระศาสนาของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้าได้ ฟังธรรมและบรรลุธรรมในชาตินั้นด้วยเถิด และขอให้ได้เป็นบิดาของพระเจ้ามธุรสธ และพระปทุมมุตราดาบสินีด้วยเถิด”


    ส่วนนางมัลลิกานั้นได้ปรารถนาเช่นเดียวกับสามีของนาง เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน มีดอกไม้ทิพย์โปรยลงมา เมื่อถึงพื้น ดอกไม้นั้นกลายเป็นแก้วแหวนเงินทองให้แก่ผู้ที่ไปสักการบูชาจักรแก้วนั้น สร้างความปิติใจแก่ผู้พบเห็น

    จากนั้นพระเจ้ามธุรสธได้นำจักรแก้วทั้งสองไปยังเมืองจตุรมงคลนคร ปรากฏว่า มีราชทูตจากแคว้นชัยกิณกะได้ขอให้พระองค์พาพระโอรสไปยังแคว้นชัยกิณกะ พระเจ้ามธุรสธจึงได้กราบขอให้พระปทุมมุตราดาบสินีออกจากเพศนักบวช และกลับไปยังแคว้นชัยกิณกะ พร้อมพระโอรส คือเจ้าชายอัสมาณสิการ พร้อมทั้งนำดวงแก้วมณีรัตนะไปด้วย


    ต่อมาพระนางสิษฐีนาถได้ตั้งพระครรภ์ และมีพระโอรส พระนามว่า.. “สิษฐาบวร” และต่อมาทรงมีพระธิดาพระนามว่า เจ้าหญิงมธุรชาติ ได้ปกครองเมืองด้วยความสงบสุขตลอดมา

    ส่วนพระนางปทุมมุตรานั้น เมื่อกลับไปยังแคว้นชัยกิณกะ เมื่อพระโอรสทรงพระเยาว์พระนางได้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้แก่พระโอรส และได้แต่งตั้งเสนาบดีที่ซื่อสัตย์ให้ดูแลบ้านเมืองต่อไป และได้คืนตำแหน่งแก่พระสนมสิธามณี ทำให้นางซาบซึ้งในความเมตตา

    จากนั้นพระนางปทุมมุตราได้รักษาอุโบสถศีลตลอดชีวิต เมื่อละโลกได้จุติบนพรหมโลกชั้น ๑๑

    ส่วนพระเจ้ามธุรสธ และพระนางสิษฐินารถนั้น เมื่อละโลกได้จุติบนสวรรค์ชั้นดุสิต

    ส่วนเจ้าชายอัสมาณสิการ มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางมัทรี ได้ปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุขตลอดมา ทรงตั้งโรงทานในแคว้น ๘ แห่ง เมื่อละโลกไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    ขอจบประวัติดวงแก้วศิฐีจักรพรรดิ และดวงแก้วอัสมาณสิการ พร้อมจักรทั้ง ๓ เพียงเท่านี้ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
    Numsai
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ผู้ที่เกี่ยวเนื่องในประวัติดวงแก้วทั้งสอง และจักรแก้วทั้ง ๓ ..

    พระมธุรสธ = พระพศตโพธิราช (ชั้นปรนิมฯ)

    พระนางสิษฐินารถ = พระวาสิษฐีมหาเทวี (ชั้นปรนิมฯ)

    พระปทุมมุตรดาบสินี = ปทุมมุตราเทพธิดา (ชั้นปรนิมฯ)

    เจ้าชายอัสมาณสิการ = ท่าน prapart54

    เจ้าชายสิษฐาบวร = คุณ mooom

    เจ้าหญิงมธุรชาติ = คุณ phuya

    สิทธาเสนาบดี = คุณ half wave

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ:cool::cool:

    Numsai
     
  14. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    ว๊าววว...เคยเป็นดวงแก้วของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า เมื่อครั้งพระองค์เป็นท่านวสุรัตน์นาคราช....กราบอนุโมทนาและยินดีกับท่านวิทยาด้วยเจ้าค่ะ _/|\_

     
  15. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    ****************

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณhalf wave ด้วยนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊

    จันทรกาล
     
  16. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905

    *************************************
    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่าน widya มีเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ดวงแก้วนี้ เป็นดวงแก้วของสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า สมัยที่พระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ และเสวยพระชาติเป็นพญานาค พระนามว่า วสุรัตน์นาคราช เจ้าค่ะ

    การประมูลครั้งนี้ เป็นการที่ท่านคัดสรรตามกำลังบุญ และผู้ผ่านการประมูลย่อมเป็นเจ้าของเจ้าค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งเจ้าค่ะ

    Numsai


    **********************************

    จันทรกาล...ขออนุโมทนาในบุญกุศลกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊
     
  17. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประมูลแก้วจุลจักรพรรดิ ชุดที่ ๔...


    ขอเชิญร่วมประมูลแก้วจุลจักรพรรดิ จักรสีเหลือง อัญเชิญจากถ้ำแกลบในเทือกเขาภูพาน ขึ้นช่วงวันวิสาขบูชา และหลังวันวิสาขบูชา ปี๒๕๕๖ โดยคุณ phuya เป็นเจ้าภาพ

    นอกจากนี้มีองค์พระและธาตุกายสิทธิ์ โดยคุณเจษฎา เยี่ยมคำนวณ เป็นผู้นำมาให้ร่วมบุญในครั้งนี้ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยแยกการประมูลเป็นรายการไป

    กติกาในการประมูล

    ๑. ช่วงประมูลวันที่ ๑๑-๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ ภายใน ๑๘.๕๙ น. ตามมหัทธโนฤกษ์ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเส็ง

    ๒. หากที่มีผู้ประมูลสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต โดยไม่เกินวันเวลาที่กำหนดไว้

    ๓. หากเวลาเสมอกัน และจำนวนประมูลเท่ากัน จะตัดสินตามลำดับการโพสต์ก่อน-หลัง

    ๔. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว หากเลย ๒ วันจะมอบแก่ผู้มีสิทธิ์ลำดับต่อไป

    ๕. หลังจากโอนปัจจัยแล้วจะทำการส่งมอบดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์อื่นแก่ท่านผู้เป็นเจ้าของต่อไป

    กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

    ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
    เลขที่ 080-250584-0
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์
    สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
    ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์


    ปัจจัยทั้งหมดเพื่อร่วมบุญผ้าป่าสร้างลวดลายหน้าบรรณโบสถ์ วัดโพธิญาณรังสี อ.เมือง จ.สุรินทร์ ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประมูลดวงแก้วปุญญฤทธิโรจน์ -ดวงแก้วนวโกฏิทวีทรัพย์..

    IMAG1008.jpg

    เริ่มต้นประมูลที่ ๓,๒๙๙ บาท

    ดวงแก้วปุญญาฤทธิโรจน์ เป็นดวงแก้วประจำกายของพญาปทมนาคราช เป็นพระนัดดาของพญาโภคนาคราช เกิดในตระกูลกษัตริย์ ภายหลังได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ฝ่ายขวา มีฤทธานุภาพสูง

    ปัจจุบันชั้นจาตุมหาราช เป็นอินทกะองค์หนึ่งของท่านท้าววิรูปักษ์
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..รายการที่ ๒ ดวงแก้วนวโกฏิทวีทรัพย์...

    IMAG1009.jpg

    เริ่มที่ ๓,๒๙๙ บาท

    เป็นดวงแก้วประจำกายของพญาอุสรินทร์นาคราช เป็นพญานาคตระกูลสีดำ เป็นพระญาติฝ่ายบิดาของพญาโภคนาคราช ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าองครักษ์ฝ่ายซ้าย มีฤทธานุภาพสูง ปัจจุบันจุติเป็นมนุษย์อายุได้ประมาณ ๒ ขวบ

    ดวงแก้วนวโกฏิทวีทรัพย์ มีกายสิทธิ์ ๑,๒๘๙,๐๐๐ องค์ มีพระนวราชโพธิสัตว์เป็นผู้ดูแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มิถุนายน 2013
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..รายการที่ ๓ จักรแก้วสีเหลือง "สิทธินวประทีป "..

    IMAG1061-1.jpg

    เริ่มที่ ๔๑๙๙ บาท

    จักรสิทธินวประทีป มีกายสิทธิ์ ๘๙๕,๐๐๐ องค์ โดยมีพระสิทธิจักรินทร์โพธิสัตว์ เป็นผู้ดูแล

    เป็นจักรที่อธิษฐานจิตโดยพญาอุสรินทร์นาคราช ซึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพระบิดาของพญาโภคนาคราช มีตำแหน่งเป็น ๑ ในองครักษ์ฝ่ายซ้ายของพญาโภคนาคราช มีบทบาทสำคัญในการร่วมรบหลายครั้ง มีฤทธานุภาพสามารถต่ออายุขัยตนเองได้เช่นเดียวกับพญาโภคนาคราช
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...